โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๕ สายลมของการเปลี่ยนแปลง //เล่าเรื่องฝั่งตามิตรบ้างดีกว่า แม่ยกฮีเยอะเหมือนกัน :)

บทที่ ๑๕ สายลมของการเปลี่ยนแปลง

หลังจากสิงหรานีและมัชฌิม์ขึ้นฝั่งยังเกาะอันเป็นที่กำเนิดของไม้ซึ่งถูกตัดมาทำแพ
นางสิงห์ผู้ถูกพิษยังต้องรักษาตัวต่อเนื่อง นางนอนจำศีลตลอดวันคืนในถ้ำคูหา
เพื่อสะสมพลังในตอนกลางวัน ลืมตาตื่นตอนกลางคืนเพื่อฟื้นฟูกำลังกายด้วยพลังมรกตสนธยา
ทว่า...ต้นแขนขวาที่ถูกกัดยังปวดแสบร้อนรุมๆอยู่ตลอด แผลอักเสบและดูทีจะไม่ยอมหายง่ายๆ
มัชฌิม์ที่มีความรู้เรื่องพิษดีอยู่พอตัวจึงตกเป็นหมอจำเป็นอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้าถูกทำร้ายด้วยคนที่เคยเป็นเมห์ฮรา หากเดินจักระพลังรักษาตามวิธีของเมห์ฮรา
อาการก็จะทุเลาลง เพราะระบบจิตของตระกูลเราถูกฝึกมาในแนวทางเดียวกัน
ทุกครั้งที่ลงมือทำร้ายใคร กำลังจิตจะติดตรึงในรอยแผล หากตั้งใจย้อนรอยไถ่ถอน ก็ควรเป็นข้าที่ทำได้”

“ก็รีบๆรักษาเข้าสิ... บัดซบเอ๊ย! นี่ข้าจะต้องมาพิการ หยิบจับดาบไม่ได้เพราะไอ้งูเวรนั่นหรือ”
คนเจ็บกัดกรามกรอด ยามนี้ร่างกายท่อนบนไร้ผ้าผ่อนปกปิด มีแต่เพียงผ้าพันแผลที่ถูกพันเลยมาถึง
หัวไหล่จนถึงพันหน้าอกเอาไว้ ฝีมือหม่องยี เด็กรับใช้ผู้ชายที่ถูกพี่ชายชั่วของสิงหรานีเอง
ลงโทษด้วยการจับตอนเสียตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน

เวลาผ่านไป แทนที่คนอยากหายจะทุเลา พิษไข้กลับยิ่งกลายกำเริบหนัก

“นี่เป็นอาการทิ้งท้าย ถ้าเจ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะรอด” มัชฌิม์จับจ้องคนที่ยังปรือตาดุๆมองตน

“เจ้ามัน...เด็กละอ่อน เสนอหน้ามาช่วยข้า จะเอาบุญเอาคุณละสิ”
เสียงที่อยากผรุสวาทยามนี้หลุดลอดออกมาดังไม่ต่างจากกระซิบ
ทว่าภาพที่นางได้เห็น คนถูกว่ากลับยิ้มอย่างอารมณ์เย็น

“ใจเย็นๆก่อน หายแล้วค่อยหาเรื่องกันยังไม่สายน่ะแม่คนดุ ร้อนๆรุ่มๆแบบนี้
ระวังไข้จะยิ่งพุ่งสูงจนปรอทแตก”

จากนั้นมือคล่องแคล่วก็เปลี่ยนผ้าชุบน้ำหมาดที่วางโปะอยู่บนหน้าผากให้สิงหรานีอีกรอบ

“ตอนข้าอยู่กับท่านพชรมุนิน ข้าเรียนรู้วิธีพยาบาลคนเจ็บมาแยะ
ทั้งที่เรื่องพิษกับยาแก้ของที่บ้านข้าเราก็ไม่เป็นรองใคร แต่ก่อนข้าไม่ค่อยจะใส่ใจ”
คนพูดถอนใจบางเบา “จนตกมาอยู่นี่ ถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดสิ่งสำคัญไปมากมาย
...หลับเถอะ ไม่ว่าอย่างไร ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องหายดี ฟื้นกลับมานำผู้คนของเจ้า
แล้วก็แผดเสียงใส่คนอื่นไม่หยุดเหมือนเดิม”

ในคืนอันหนาวสะท้าน สิงหรานีจำได้ว่าตนปรือตาขึ้น
เห็นเสือมหึมาเจ้าของขนสีดำปลอดนอนอยู่ไม่ห่าง ร่างของมันสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะตามการหายใจ
ขนหนา ดูท่าทางอุ่นๆน่าสบาย... ตาดุของนางสิงห์หรี่ลง ก่อนจะกลั้นใจ รวบรวมแรงคว้าหมับเข้าที่
คอเสือซึ่งนอนตะแคงหันหลังให้ตนอยู่ ยื้อสุดแรงลากให้เข้ามาใกล้
“มานี่!”

เสือลืมตาโพลง อึกอักในคอเล็กน้อยทว่าไม่มีเสียงประท้วง ร่างใหญ่ดำสนิทไม่ได้ขืนตัว
ทว่าก็ทำตัวแข็งในที่แรกเมื่อถูกโจรสลัดสาวห้าวรัดคอเสียแน่น มัชฌิม์ค่อยๆใช้ขาดันตัวเข้าไป
ให้ใกล้อีกฝ่ายมากพอ ดูสิงหรานีจะไม่ใคร่ได้สติ กลับกลายเป็นเขาที่ต้องตามใจนางเช่นนี้
ทั้งยังถูกทารุณ กระชาก ลากทึ้ง ดึงขน ขนาดป่วยๆแรงยังมากมายเกินหญิงอย่างน่ากลัว

สตรีจ้าวราศีสิงห์รู้เพียงตนได้รับความอบอุ่นจากเจ้าเสือขนสวยสีดำตัวนั้นอย่าล้นเหลือ
ทำให้จากที่เหมือนลอยคอกลางทะเลน้ำแข็ง กลายเป็นพอจะคืนสู่ความอบอุ่นแห่งชีวิต

นอกจากสัมผัสฟูนุ่มกว่าที่คิดแล้ว ขนนั้นยังไม่มีกลิ่นสาบอะไรตรงไหนเลย
ร่างนางหนาวสั่นจากไข้สูงซึ่งแทรกซ้อนหลังเพิ่งไถ่ถอนพิษ
อดไม่ได้ที่จะรัดเจ้าของขนสีดำเป็นเงาละเลื่อมไว้ใกล้กาย ซุกหน้าเข้าหาอย่างสนิทชิดเชื้อ
ไม่พึงสนใจว่าที่แท้แล้วร่างนี้จะเป็นมัชฌิม์แปลงกายอยู่ ก็นางจะเอาเสียอย่าง เด็กนี่จะกล้าปฏิเสธได้หรือ

ต่างกับตอนอีกฝ่ายกลับร่างเป็นคนเข้ามาดูแลเรื่องหยูกยาแทนลูกน้องบ้าๆซึ่งต่างก็หลีกทางให้
สิงหรานีกลับเมินเฉยพลิกกายหันหลังให้ชายหนุ่มเสียอย่างนั้น หลับหูหลับตาไม่สนใจเสียงหัวเราะ
ห้าวๆจากในคอคนข้างหลังที่คล้ายยั่วเย้า

“จะเสือหรือคนมันก็ตัวเดียวกันนั่นแหละ”

สิงหรานียกมือขึ้นอุดหูแน่น ที่ต้องพึ่งไอ้หนุ่มละอ่อนปากไม่เกรงนางเอาเสียเลยคนนี้ก็เพราะเจ็บป่วย
รอให้มีเรี่ยวแรงก่อน แม่จะเหยียบเสียให้จมแผ่นดิน เสือก็เสือเถอะ...

คืนถัดจากนั้น ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น สิงหารานีตื่นขึ้นในคูหา ในอ้อมแขนมีขนนุ่มๆสีดำเบียดอยู่
และการเคลื่อนไหวของนางก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

“ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม”

เสียงจากเสือดำฟังดูจริงจัง คนถูกถามจึงเผลอเอ่ยตอบไปดีๆเป็นครั้งแรก “ขอบใจมากนะ มัชฌิม์”

“หึ แล้วเจ้าล่ะ ชื่ออะไร ตุลาการยังชื่อรดิศ ...เจ้าเองก่อนจะเป็นสิงหรานี มีชื่อตัวว่าอะไร”

เงียบไปอึดใจ ก่อนเจ้าตัวตัดสินใจเอ่ยความลับ “ข้าชื่อ...”

เสือดำขยับชันตัว พลางยื่นหูเข้าไปใกล้ ตั้งอกตั้งใจรอฟังท่าทีขึงขัง ทว่าเมื่อคำนั้นแล่นเข้าหู
มัชฌิม์ดีดตัวออกห่าง กลายร่างกลับคืนเป็นคนในบัดดล ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะลั่นคูหาอย่างรั้งไม่อยู่

คนเพิ่งฟื้นจากอาการป่วยหน้าแดงจัด รวบรวมเรี่ยวแรงเค้นเสียงตวาด “หุบปากนะ!
เห็นถามซื่อๆ อุตส่าห์บอก ที่แท้ก็...”

“ข้าขอโทษ มันขำ” มัชฌิม์ยังคงหัวเราะลงลูกคอห้าวๆ
ก็ชื่ออ่อนหวานที่เขาได้ยิน มันช่างไม่เข้ากับตัวแม่หญิงเถื่อนคนนี้เอาเสียเลย

“อย่าเอ่ยมันออกมาให้ข้าได้ยินนะ ชื่อบ้านั่น” สิงหรานีคำราม รู้สึกพลาดที่บอกฝ่ายตรงข้าม
ด้วยอารมณ์ไม่ทันตั้งตัวติดอย่างคนเพิ่งฟื้นคืนสติ

“ได้ ข้าจะไม่เรียก ถือว่านี่เป็นสัญญาของเรานะท่านจ้าวราศีสิงห์” มัชฌิม์เลิกคิ้ว
ในที่สุดก็เจอจุดอ่อนของแม่คู่หูคู่ปรับแสนดุเข้าจนได้ หวังว่าคงได้ใช้ประโยชน์จากมันบ้างก็แล้วกัน


ข้างฝั่งของผู้ขึ้นเป็นราศีที่สิบสาม สิตารายังคงเมินเฉยต่อชามัล ไม่ว่าฝ่ายนั้นพยายามใช้เสน่ห์
และวาจาหลอกล่อเท่าไหร่ คราวนี้กลับไม่อาจลบภาพที่เขาพูดในคืนนั้น
...ถ้าเธอหมดประโยชน์ จะฆ่าให้ตายวันไหนก็ได้
ความทรงจำโหดร้ายยังติดตรึง เสียงพูดกรีดหัวใจสะท้อนกลับไปกลับมาในความฝัน
แต่ต่อหน้าเขาเธอเลือกไม่แสดงความอ่อนแอ ทว่าก็ไม่ได้แข็งกร้าว เพื่อให้ชามัลตายใจและจากไป
หลังจากนั้นสิตาราจะหาทางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยตัวเอง

ทั้งๆที่สิตาราเพิ่งรู้ใจตัวเองในคืนแต่งงาน เธอรักเขา...แต่รักนั้นก็อาจไม่มีความหมายอะไรเลย
ยิ่งจะเป็นเครื่องมือให้เขาเอาเปรียบเธอมากขึ้น จะยอมให้ชามัลรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ทางที่ดี
เธอเองก็ควรเลิกรักเขาเสียด้วย! ก่อนจะเจ็บปวดหัวใจจนตายทั้งเป็น

ชามัลมองร่างบอบบางที่แทบไม่เคยหันมาทางเขาอีกเลย รู้สึกหน่วงๆอยู่เบื้องลึก
ทั้งที่ตอนนี้เขามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง จะหักหาญเสียก่อนจากที่นี่ไปก็ทำได้
แต่เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรอย่างนั้น ก็ดูแววตาเธอสิ มองเขาราวกับเป็นคนไม่รู้จัก
ถ้าหากว่าทำอะไรลงไป ความเกลียดชังที่สิตารามีต่อเขาก็คงทะลุเป้าไปถึงไหนๆ
แล้วเขาจะสนทำไม
...นั่นสินะ ถึงจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้อสรพิษแห่งโมรารัตติกาลก็ตัดสินใจว่าคราวนี้เขาจะให้เวลาเธอ
ยอมเธอไปก่อน จนกว่าวันที่ตนจะหวนกลับมา คราวนี้สิตาราต้องรอเขา! จะหลีกหนีไปไหนอีกไม่ได้ทั้งนั้น

และแล้ววันเดินทางของชามัลก็มาถึง สิตาราจำต้องมาส่งคู่แต่งงานหมาดๆของตนที่ท่าเรือพร้อมคนอื่น
ร่างสูงในชุดดำเดินยิ้มเข้ามาหาคนตัวเล็กที่มองเขาอย่างไล่ส่ง ฉวยมือเธอไปจุมพิต ก่อนจะก้มลงมา
กระซิบบางเบาอยู่ชิดแก้ม พอให้ได้ยินกันเพียงสองต่อสอง

“ไปนะ... ขอจูบแค่ที่มือนี่ก่อน” ชายหนุ่มจ้องมองเธอด้วยดวงตาพราวพรายซ่อนความหมาย
“ส่วนที่เหลือ เอาไว้ค่อยกลับมาทวง” ชามัลว่าแล้วก็แตะจูบแผ่วๆที่แก้มละไมนั้นเสียด้วย
ก่อนถอยมาจับจ้องมองคนตัวเล็กราวกับจะดูดกลืนให้หายไปเก็บไว้ในใจทั้งเนื้อทั้งตัว

สิตาราก็ยังคงต้องเอียงหน้าหลบสายตาสีน้ำตาลทองร้อนแรงกว่าไฟ ทั้งที่พยายามบอกตัวเอง
ให้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ใจยังเต้นแรงขึ้นไม่เป็นส่ำ และคราวนี้เธอเองเข้าใจแล้ว ว่ามันไม่ใช่เพราะ
โมราที่เชื่อมโยงเขาถึงเธอ แต่เป็นเพราะหัวใจถูกโยงด้วยใยรักที่มีต่อเขาจนยากจะไถ่ถอนคืน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นตั้งแต่ที่เฝ้าเพ้อละเมอหาชายที่ทิ้งเธอไป และคราวนี้เขาก็กำลังจะทำอย่างนั้นอีก
แต่อย่าหวังเลยว่าอะไรๆจะเป็นไปอย่างที่ต้องการ

“สิตารา...ก่อนฉันไปเธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ”

“ไม่”

“ก็บอกไปตั้งร้อยครั้งแล้ว ว่าคำพูดคืนนั้นมันไม่ได้มีความหมายจริงจัง
ก็แค่อยากให้ไอ้คนที่มันเอาเล็บแหลมๆจี้คอเธออยู่คิดว่าเธอไม่ได้สลักสำคัญ ก็เท่านั้นเอง”

“ตัวฉันก็ไม่ได้สำคัญจริงๆ”

ชามัลไหวไหล่ ก่อนจะสบถด้วยภาษาของโลกในอนาคตที่จากมา ตามด้วยภาษา
ที่ไว้ใช้พูดแต่กับเธอเพียงคนเดียว “โอเค! เธอมันไม่สำคัญ รู้ก็ดีแล้ว และฉันก็เบื่อเธอจะแย่”
ชายหนุ่มชักสีหน้า “ไม่อยากจะอยู่ด้วยอีกสักนาทีเดียว” ชามัลพูดแล้วก็นิ่งมอง
“ไง...ไม่ร้องไห้โยเยเหมือนแต่ก่อนแล้วหรือ ขอร้องฉันสิ ถ้าไม่อยากให้ฉันจากไป อ้อนวอนสิ
ฉันรู้ว่าเธออยากทำ”

สิตาราหรี่ตา คนคนนี้ถือตัวเองเป็นศูนย์กลางอย่างร้าย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไปแน่ ยังมีหน้ามาแกล้งยั่วให้เธออ้อน

...ชายหนุ่มพูดออกไปเช่นนั้น อันที่จริงเขาละอายใจอยู่มาก แต่เสทำเป็นแสดงออกอีกอย่าง
เห็นคนตัวเล็กวางท่าเรียบเฉย ไม่แง่งอน ทว่าในแววตามีแต่รอยร้าวและผิดหวัง ความโกรธหยั่งรากลึก
ที่ดูจะไม่เลือนหายไปง่ายๆ ถ้าเขายิ่งขังเธอไว้ที่เกาะ ความโกรธบ้าๆนี่จะจางลงหรือยิ่งทบเท่าทวีคูณ
แต่เขาไม่มีทางเลือก ต้องไปทำหลายอย่าง เอาสิตาราไปด้วยรังแต่จะห่วงนั่นนี่โดยไม่จำเป็น

จากท่าทีหมางเมิน...บางทีก็ยิ่งทำให้ชามัลต้องการ อยากจะเข้าหอมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย
แต่ตอนนี้เขากำลังต้องจากไปเสียแล้ว

จนแล้วจนรอด ใจก็หาเหตุผลอื่นมารองรับ ยังคงไม่ยอมรับกับตัวเอง ว่าเขา...เสียใจ
ในคำพูดไม่แยแสที่ได้เอ่ยกับเธอไป ถ้าวันนั้นมัชฌิม์เลวพอจะจ้วงแทงสิตาราด้วยปลายเล็บสมิงอันร้ายกาจ
แน่ใจได้อย่างไรว่าเขี้ยวแก้วนาคาจะคุ้มครองเธอได้

ชามัลบอกตนเอง ได้แหวนแห่งอำนาจแทนตัวราศีที่สิบสามมาแล้ว จะต้องสนใจอะไรสิตาราอีก
ที่รอมาหลายปีไม่ใช่แค่เพราะแหวน แต่เพื่อเข้าใจ เข้าถึงรัตติดาราและเมห์ฮราซึ่งเป็นศัตรู
ในช่วงหลายปีที่ผ่าน เพื่อมารับมอบอำนาจอย่างถูกต้องเมื่อถึงเวลา ซึ่งย่อมดีกว่าช่วงชิงเอาอำนาจนั้นมา
มันมีผลต่อการที่ภูตดาราจะภักดียิ่งกว่าใช้กำลังบังคับ

ตอนนี้ก็ได้สมใจ...ไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้อีกแล้ว

จากนี้จะไม่มีใครเข้ามายังเกาะอันถูกโอบล้อมด้วยแดนรัตติกาลแห่งคืนแรมและหมอกมายาไว้อีกชั้น
และเช่นกัน จะไม่มีใครสามารถออกไปพ้นเกาะ รวมทั้งข่าวสารต่างๆ ด้วยสถานที่อันถูกปิดตายดุจเกาะลับแล
ชามัลคิดว่ารอรู้ข่าวคนทางนี้ตอนกลับมาก็คงไม่สาย

ขณะเรือเคลื่อนห่างจากฝั่ง เขามองไม่เห็นสิตาราแล้ว เธอหายไปจากท่า
แต่เสียงเพลงที่บรรเลงด้วยกีตาร่า ลาติน่าตัวเก่ากลับดังผสานแทรกมากับลมทะเล
ชามัลถึงกับยิ้มออกมา เป็นเพลงเก่าที่เขาสอนเธอ X Japan ฟังดูตัดกันกับยุคสมัยนี้มากมาย
แต่ไม่รู้ทำไม เพลงนั้นกำลังเอื้อนเอ่ย...ข้อความจากเธอที่ส่งมา

Swing the heartache
Feel it inside out
When the wind cries
I'll say goodbye
Tried to learn Tried to find
To reach out for eternity
Where's the answer Is this forever
...
Like a river flowing to the sea
You'll be miles away, and I will know
I know I can deal with the pain
No reason to cry
Crucify my love
If my love is blind Crucify my love

เขาคือชายผู้ไม่เคยเชื่อในรัก ไม่เคย แม้กระทั่งรักตัวเอง...

If it sets me free
Never know Never trust
"That love should see a color"
Crucify my love If it should be the way

สายลมที่หอบพาเพลงมาเหมือนจะเรียกให้เขาใช้ร่างอสรพิษล่องลอยกลับไปมองหน้าเธอ
แต่มันคือความอ่อนแอ บางทีเขาเองอาจหลงทางในหมอก หาทางกลับมายังเรือไม่ได้ง่ายๆ
ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากน่าอายขึ้นไปอีก สุดท้ายชามัลจึงได้แต่ยืนนิ่งราวถูกสะกดอยู่อย่างนั้น
ลืมสิ้นถึงเป้าหมายที่กำลังจะมุ่งไป ในใจตอนนี้มีเพียงภาพเธอที่เขาจากมา
'Til the loneliness shadows the sky
I'll be sailing down and I will know
I know I can clear clouds away
Oh...Is it a crime to love

สุดท้ายก็คงไม่มีอะไรจะฉุดรั้งเขาไว้ตรงจุดเดิม เขายังปล่อยตัวเองให้เรือพัดพาจากไป
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา... ในวินาทีนั้น อย่างที่ไม่เคยจะคาดคิด
น้ำตาหยดเล็กๆหยดหนึ่งของชามัลก็ค่อยๆไหลลงมาทั้งรอยยิ้ม
บางทีคงมีสักวันที่ความรักเยียวยาเขาได้ แต่วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่กัน


ณ เกาะเงา ...นอกจากลมทะเลที่ครวญมา ทุกอย่างก็เงียบสนิท ที่นี่สิตาราไม่เหลือใคร
แม้แต่มิตร ป่านนี้เขาจะเป็นยังไง หวังว่าจะยังปลอดภัยดี ไม่มีโอกาสจะได้ข่าวคราวเลย
เพราะฝ่ายนั้นจากไปลำพัง ตั้งแต่ในวันที่เธอเองเป็นคนยอมให้เพื่อนแท้อย่างเขาจากไปเพื่อช่วยเธอ
ด้วยความใส่ใจอย่างไม่น่าเชื่อจากเขาทำให้สิตาราอดยินดีไม่ได้ ไม่ว่าจะตอนไหนมิตรก็ดีกับเธอ


‘สิตารา! ตุลาการกำลังจะหนี เรือมันกำลังจะออก ตอนนี้ไม่มีใครสนใจจะหยุดเรือนั่นไว้เลยสักคนเดียว’

เป็นจริงตามที่มิตรว่า เพราะต่างราศีต่างก็ยุ่งกับการรบรา รวมถึงการกอบกู้ความเสียหายเฉพาะหน้า
อันเกิดขึ้นในคืนแต่งงานของเธอ

‘มิตร...ช่วยตามไปได้ไหม ฉันคิด...ไม่สิ แน่ใจเลยละ ตุลาการกำลังก่อเรื่องร้ายแรงมาก
เรื่องที่จะสะเทือนทั้งฝั่งแสงสว่างของเมห์ฮรา ทั้งเงามืดของรัตติดารา ฉันไม่วางใจเลย
ตั้งแต่รับเชิญไปเที่ยวที่ศาลาวิกาล ได้เห็นท่าทีหลายๆอย่าง ตอนนี้ไม่มีใครที่ฉันไว้ใจ
และเชื่อได้เลยนอกจากมิตร ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าเขากำลังทำอะไร’

‘เอาก็เอา นี่ฉันไม่เคยทิ้งร้านมานานขนาดนี้เลยนะ’

ตอนนั้นสิตารามองมิตรเท้าสะเอวฉอดๆ ชักจะเริ่มเหมือนมิตรคนเดิมของเธอยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

แล้วมิตรก็ลอบขึ้นเรือของพวกราศีตุลย์ไปในคืนนั้นเอง แม้มิตรคนที่เธอรู้จักดีจะพลิกพลิ้วหลบหลีกเก่ง
ไปมาได้ว่องไว แต่คงจะอีกนานกว่าจะได้ข่าวจากเขา บางทีอาจต้องรอชามัลกลับมาเปิดเกาะนั่นเชียว
แล้วเธอจะอยู่รอถึงวันนั้นเฉยๆได้ยังไง

สิตาราแทบไม่พูดกับใครแม้แต่แม่ชีดำ เธอพยายามเมินเฉยต่อการทอดทิ้งของชามัล
ปล่อยให้ฝ่ายนั้นจากไปไกล จึงค่อยปล่อยให้หยาดน้ำตารินไหล พยายามปิดกั้นจิตตัวเอง
ไม่ให้ส่งผ่านความเศร้าผ่านทางโมราไปให้คนน่ารังเกียจรับรู้

หญิงสาวมักออกไปเดินเล่นที่ชายหาด มองออกไปยังทะเลซึ่งมีหมอกกั้นขวางให้ไม่อาจมองเห็นเส้นขอบฟ้า
ชามัลรู้ดีว่าสิตาราคงไม่ยอมอยู่นิ่ง เขาจึงได้ใช้มาตรการนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไว้ใจวาเลนติโน่เจ้าเกาะหมอก
เอาจริงๆ หรือไม่ก็คิดว่าตนคุมอีกฝ่ายได้อยู่หมัด จนไม่ห่วงว่าขานั้นอาจซ่อนเล่ห์ลวงอะไรในเมฆหมอก
จำนวนมหาศาลที่ล้อมเกาะนี้ไว้

ความต้องการที่จะหลบหนีของสิตารายังไม่เลือนหายไปง่ายๆ แถมมันยังกลับเพิ่มพูนขึ้นทุกวันที่ผ่านไป



มิตร เมห์ฮราแอบแฝงอยู่บนเรือศัตรูได้นานอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่ก็ล่วงเข้าสัปดาห์ที่สามเข้าแล้ว ยังไม่มีใครพบแม้แต่เงาของเขา
ด้วยพลังการใช้อัญมณีพรางกายและไหวพริบอย่างนกรู้ ต่อให้ให้เป็นตุลาการ
แต่หากไม่ใช่เทพเจ้าก็คงจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

เขายอมจากสิตารามา อันดับแรกเลยก็เพราะรู้สึกสังหรณ์อยู่ในใจ
ใครบางคนที่ชะตาต้องกับเธอกำลังจะมาช่วยสิตาราให้พ้นไปจากสิ่งที่เธอต้องทนอยู่
ซึ่งนั่นไม่ใช่เขา แต่เพราะเชื่อเกินร้อยไปแล้วว่าเขาเองเป็นคนเลี้ยงสาวน้อยให้เติบโตขึ้นมา
ดังนั้นเขาก็อยากจะช่วยเธอให้เต็มที่ในส่วนที่เหมาะกับความสามารถของตน

ตุลาการรดิศไม่ได้ใช้เรือเดินทางกลับไปยังศาลาวิกาล รังของมันซึ่งมิตรได้ยินจากคนบนเรือ
ว่าตอนนี้ปิดตายไปแล้ว ทั้งยังถูกคนของราศีที่สิบสาม...หรือจะเรียกให้ถูกก็คือชามัลเข้ายึดไว้ตามคาด
เมื่อแรกมิตรหลงคิดว่าคนของตุลย์มากมายที่ขึ้นเรือมาพร้อมกันตอนขามานั้นติดค้างอยู่ยังเกาะเงา
โดยอุบัติเหตุชุลมุนที่ทำให้มาขึ้นเรือได้ไม่ทันทั้งหมด แต่เขาเพิ่งเข้าใจต่อเมื่อได้ยินวาจาของจ้าวราศี
ผู้โหดเหี้ยมที่เอ่ยไม่ไยดี

‘เกาะเงารับไปเต็มๆ ไอ้พวกไม่เอาไหนที่คอยเกาะกินเรา ข้าพาไปทิ้งให้ตายที่นั่น
ยังไงงูก็คงไม่เอามันไว้ มันคงช่วยข้ากำจัดขยะที่ไม่ต้องการทิ้งพอดี’

หมอนี่โหดกว่าที่คิด ทว่ามิตรเองไม่คิดว่าชามัลจะฆ่าคนทั้งหมด อย่างมากก็ขังเอาไว้ใช้ประโยชน์
เสียละมากกว่า ตัวเขาน่าจะรู้จักอสรพิษตนนั้นดีกว่าตุลาการเพราะได้ฟังเรื่องของมันมาจากสิตารา
มากต่อมาก แต่อะไรทั้งหลายแหล่ก็ไม่กระทบใจชวนเสียวสันหลังเท่าที่สาวน้อยบรรยายถึงร่างงูดำมะเมื่อม
ใหญ่ยักษ์ของมันให้เขากลัว ทำไมเธอไม่กลัวกันนะ แค่คิดก็หวิวๆคล้ายจะเป็นลมอยู่แล้ว กับอะไรก็ไม่ยั่น
แต่กับสัตว์เลื้อยคลานนี่ไม่ไหว...หากเลี่ยงได้มิตรก็ไม่ขอเจอ

ช่วงเวลาที่เฝ้าดูรดิศ แขกผู้ไม่ได้รับเชิญให้ขึ้นมาบนเรือก็ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองอดอยาก
ที่นี่มีอาหารมากมาย บางทีก็มีเรือที่คล้ายจะไม่รู้จักโฉบผ่านมา แต่แล้วกลับเข้าจอดเทียบข้าง
ทำให้ได้ของดีมาเพิ่มเสียอย่างนั้น มิตรก็เลยอิ่มหมีพีมันไปด้วยกับของกินที่แอบตบจากครัว
เดิมเขาไม่อ้วน เพราะอยู่ลำพังในร้านตั้งแต่บิดาบุญธรรมจากไป แต่พอมีพ่อครัวแม่ครัวฝีมือดีเทียบเครื่อง
...ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าให้ใครก็ได้บนเรือกิน มิตรก็ชักรู้สึกลงพุงขึ้นมาหน่อยๆ

“ไม่ได้การละ เห็นจะต้องเพลาๆปากบ้างแล้วเรา”

เขารู้ว่าเรือของตุลาการกำลังรอการมาของใครบางคน อาจจะหลายคน หลังจากนั้นก็มีจุดหมายยังหมู่เกาะ
เรียกกันว่าเกาะแห่งความเที่ยงธรรม ดูจากชื่อก็รู้ว่าคงเป็นสถานที่เฉพาะของพวกราศีตุลย์ สิ่งสำคัญบางอย่าง
กำลังคอยอยู่ที่เกาะนั่น มิตรเองก็แค่รอคอยเวลา
...มีความจริงอีกอย่างที่ทำให้ชายแห่งร้านอัญมณียอมลงทุนทิ้งร้านมาอย่างเต็มอกเต็มใจยิ่งขึ้น
คือความจริงที่เขาพยายามซ่อนเร้นเอาไว้จากใจตัวเองอยู่กลายๆ

ปกติมิตรไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ใครบางคนที่เขาได้พบตั้งแต่อยู่บนเกาะเงากลับทำให้ใจเขาสงบลง
ได้อย่างประหลาด ใครเลยจะรู้ เขาเป็นคนออกจะขี้เหงาอยู่ไม่น้อย ตอนนี้มันเงียบเหงา
...ต่างจากตอนอยู่กับพ่อบุญธรรมมิตราซึ่งเขาเรียกว่าพ่อได้เต็มปาก สมัยนั้นพ่อก็คอยบ่นคอยด่า
แม้ตอนท้ายเขาและพ่อแยกกัน โดยพ่อส่งเขามาอยู่ในร้านอัญมณีซึ่งมีความเป็นมาแสนจะเร้นลับ
มิตรชอบมันมาก เขาตัดสินใจอยู่เป็นคนขายประจำร้านประหลาดที่พาตนเที่ยวไปตามที่ต่างๆ
ส่วนพ่อเองเลือกใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอยู่ยังโลกภายนอก
เขาเองไม่คิดจะไปยังเมห์ฮรา เพราะเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล...

แต่ผู้หญิงคนนั้น...ที่ชื่อรตี กลับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้ หายเหงา แม้อีกฝ่ายอาจไม่ชอบหน้าเขา
ไม่เคยพูดด้วย ไม่รู้ชื่อของเขาด้วยซ้ำไป มิตรก็ยังไม่ลืมที่จะหาเวลาเหมาะๆแอบดูเธอเพื่อผ่อนคลายใจ
แม้ว่าสิตาราจะห้ามนักหนาไม่ให้เขามีความรัก แต่บางทีเข้าใกล้รัศมีของรตีแล้วเขาก็ลืมคำเตือน
ของเพื่อนร่างเล็กไปหมดสิ้นไม่มีเหลือเลย

ห้องส่วนตัวของรตีในเรือนี้แยกเป็นสัดส่วนสันโดษ ในห้องแทบไม่เคยมีใครเข้ามานอกจากพี่ชายเธอ
ที่จะมาร่วมเล่นหมากรุกตามเวลาตรงเผง ราวกับตัวของรดิศเองคือนาฬิกาที่ตั้งเวลาไว้ ดังนั้นมิตร
ก็แค่รอให้ก้างชิ้นใหญ่ที่แสนอันตรายพ้นๆไปก่อน คืนนี้เขาแฝงกายแนบชิดกับหน้าต่าง เท้าเหยียบเชิงเหล็ก
ซึ่งตีขึ้นมาตามความสูงของเรือ เสมือนเป็นที่ให้เหยียบยืนลอบชมลอบมองอย่างพอดิบพอดี
มิตรไม่ได้เสียมารยาทถึงกับแอบดูอะไรไม่ดีไม่งาม รตีก็แค่นังปักผ้าอยู่บนเก้าอี้นั่งเล่นตัวนั้น
หรือไม่ก็เขียนหนังสือ ฮัมเพลงเบาๆในคอไป เป็นภาพความสงบเย็นอันทำให้ใจเขาปรับเข้าสู่
จังหวะสบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งที่เธอเขียนคือบันทึกประจำวันเสียส่วนมาก แต่เนื้อหาแทบไม่มีส่วนใดเกี่ยวกับสิ่งที่พี่ชายเธอกำลังทำอยู่
คล้ายรตีจะระวังตัวอยู่ในทีจนเคยชินอย่างนั้นมาเนิ่นนานแล้ว เธอมักเขียนถึงการลงครัวไปช่วยทำอาหาร
กับแผนงานอย่างกุลสตรีที่จะทำ ก็ดูสิ่งที่เธอชอบแต่ละอย่างสิ ทำให้คิดว่าใจเย็นเป็นน้ำ

แต่ครั้งหนึ่งที่เกาะเงา เธอเคยคล้ายจะดุเขาที่คิดว่าเป็นเพียงรัตติดาราคนหนึ่งด้วยสายตารุนแรง
ค่าที่มิตรแกล้งเปิดเผยตัวให้หญิงสาวเห็นหน้าอย่างอดไม่ได้ แม้รู้ว่าไม่ถูกที่ถูกเวลา ...ไม่เพียงเท่านั้น
เวลารดิศพูดจาไม่เข้าที ก็มีรตีนี่เองที่กล้าค้านพี่ชายอย่างไม่ยอมแพ้ เวลาอารมณ์ดีเธอก็พูดให้คนขำได้
อย่างพอดีๆ รตีไม่ใช่เรียบร้อยเอี้ยมเฟี้ยมเป็นผ้าพับไว้ แต่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ ราวกับว่า
ลอยไปลอยมาอยู่เหนือความตึงเครียด รู้วิธีจัดการกับคนอื่น แม้แต่คนที่ดูว่าไม่น่าจะจัดการได้อย่างพี่ชาย
มิตรจึงเห็นว่าเธอไม่น่าเบื่อ ชวนให้เขาติดใจจนมาแอบด้อมมองเกือบทุกวัน

กี่วันกันแล้วนะที่เขาเฝ้ามองเธออย่างนี้ บางทีเธอก็กรองมาลัยสบายๆทั้งที่เรือถูกคลื่นทะเลโยกโยนขึ้นลงเนิบช้า
แต่มาลัยนั้นก็ยังสวยไม่มีที่ติ มองไปมองมาก็เหมือนจะได้กลิ่นดอกมะลิหอมอ่อนบางโชยมาถึงเขาด้วย
แต่นั่นมันก็คงจะเป็นเพียงอุปาทาน

“ยืนอยู่ตรงนั้นทุกวันๆ ไม่เมื่อยหรือไงคะ... นี่ถ้าฉันไม่เชิญคุณเข้ามานั่งสักทีคงเสียมารยาท”

จู่ๆมิตรก็ได้ยินประโยคนั้นเต็มสองหู ชายหนุ่มยังคิด หรือจะมีใครยืนอยู่หน้าประตูแล้วเธอพูดกับคนทางนั้น
แต่แล้วประโยคต่อไปก็ทำเอาเขาชาวูบ เมื่อสิ่งที่ได้ยินคล้ายจะตอบคำถามอยู่ในที

“ฉันถามคุณนั่นแหละ พ่อคนที่ชอบมาแอบอยู่ข้างหน้าต่าง” รตีหัวเราะเสียงใสเย็นประหนึ่งระฆังแก้ว
กังวานรับเสียงลม “เข้ามาคุยกันซะดีๆ ถ้าไม่อยากให้ฉันบอกคุณพี่ว่ามีแขกแปลกปลอมอยู่บนเรือเรา”




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ม.ค. 2557, 04:56:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ม.ค. 2557, 04:56:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1504





<< บทที่ ๑๔ รัตติดาราแห่งความตาย (...จบบท)   บทที่ ๑๕ สายลมของการเปลี่ยนแปลง (...ต่อ) >>
อสิตา 15 ม.ค. 2557, 04:56:24 น.
คุณเกดซ่า – จองคนไหนบ้างเนี่ยผช.ในนิยายเค้า เกดซ่ากินเรียบหมดเลย
หึหึ วันนี้สิงห์ฟูกับเสือดำก็สวีทอีกแล้ว ใครจะกินตับใครโปรดรอชม
คุณพี่มูน – วันนี้พี่มิ้งค์จะได้งานมาทำแล้ว แสยะ... ต้องแปะนิยายก่อนออกนอกบ้าน
คุณยิ้มยิ้ม – ทำการบ้านให้เสร็จก่อนอ่านก็ล่าย เอ หรือจะอ่านระหว่างช่วงพักคาบเรียน
นอนดึกระวังไม่มีแรงน้อ เด็กกำลังโต เดี๋ยวสูงไม่เต็มที่ กร๊าก
คุณบุลินทร – สัญญาว่าจะอ่านให้จบไง //ตะคอก อย่ามาทำตัวแย่นะ

คุณเมล็ดทานตะวัน – หุ น่าสงสารตามาร เมื่อไหร่จะสำนึกนะเนี่ย ทรมานตัวเองก็เป็น
คนไม่เคยรักใครก็งี้ละน้า...
คุณหนอนน้อยแสนสะออน – ไม่ใช่หรอก คนที่จะฆ่าสิตาราก็คือนิลละนั่นแหละ(หลอกหนอนเล่นไปเรื่อย)
สิต้าจังไม่ยอมแล้วนะ คราวนี้ชาจังจะต้องได้รับบทเรียนมากมาย สิต้าเชิ่ดหยิ่ง งูหงอย
คุณดวงมาลย์ – ใครก้นใหญ่กันคุณพี่ เดี๋ยวโดนบีบ โดนจับหรอก *-*
คุณใบบัวน่ารัก – น่าสงสารชามัล มีแต่ศัตรู ไม่มีมิตร อย่าทอดทิ้งคนที่รักตัวเองไปแบบนี้สิ...
คุณเด่นเดือน – คุณพี่ชาเริ่มดราม่า คนทำร้ายฮีจะต้องมีอาวุธอักขระนะ ฉากพีคของเล่มนี้ก็เล่นเอา
คนเขียนหืดขึ้นคอเหมือนกันค่า ตัวละครเยอะ ต้องตัดออกทีละตัวๆ
(ไม่ได้หมายถึงฆ่า แต่ต้องกระชับวงในเข้าไปหาตัวที่สำคัญกว่า)

คุณซันไรซ์ – ถูกเลยค่ะ เห็นเป็นของตาย แต่งานนี้หนูสิคงไม่ยอมพี่งูอีกแล้ว เดี๋ยวรู้เลย!
หนูน้อยจะพยศ จะขบถ จะหนีปายยยย ไม่กลับมา
คุณภาวิน – ขอบคุณเพื่อนร่วมชุดผีเสื้อที่แวะบินผ่านมาแม้จะยุ่งและเหนื่อย //มอบจูบ
คุณแพทแมว – นั่นสิน้า ชามัลเริ่มหัดนิสัยปากไม่ตรงกับใจ แต่ก็แค่กับใครบางคน
ที่ยากจะยอมรับออกไปเท่านั้นหรอก... กับผญ.คนอื่นชิลจะตายไป
คุณโกลเด้นซัน – สิตาราหม่นหมองก่อนจะฮึดสู้ คู่สิงห์กับเสือก็ต้องลุ้นค่ะ เพราะราศีเค้าเคยตีกับเมห์ฮรา
มาก่อน ย่อมมีคนไม่เห็นด้วยกับความรักแน่นอน แต่อาจไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวนายหญิง รอเผลอๆ...
ตามารยังวางใจและดูถูกสิตาราว่าเด็กเกินไปคงไม่กล้าหือ ส่วนมิตรถูกส่งไปทำเรื่องบางอย่างค่ะ
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา –มาถึงก็สวดตามารยับเลย... เค้าโดดเดี่ยวมาซะเคยนี่น้า ยังรักใครไม่ค่อยเป็น
เดี๋ยวสิต้าจะวาดลวดลายให้งูรู้สำนึกบ้าง... แล้วเสือดำปันใจอะราย เค้าก็มีใจให้นางสิงห์คนเดียวนี่นา
เฟอร์เริ่มเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เดี๋ยวจะรู้ว่าตุลาการก็ร้ายไม่เบา
คุณผู้หญิงเลือดเย็น – หุหุ หัดโพสเลย เว็บนี้กลายเป็นรวมนักเขียนอรุณไปแล้วววว มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย


ketza 15 ม.ค. 2557, 06:02:46 น.
อั๊ยย่ะ.... เช้าม๊ากกก
ม๊วบบบบบ >_<


yimyum 15 ม.ค. 2557, 06:30:29 น.
เป็นลมล้มพับลง....ชื่อก่อนค่า...><(พึ่งตื่น555)
ป.ล.ลงก่อนคนอื่นอีกและ


yimyum 15 ม.ค. 2557, 06:33:45 น.
กลัวว่าถ้าให้เสร็จนี่...คงจะอีกยาวไกลนะคะ....เลยอ่านไว้ก่อนตอนพักก็ม่ายมีเวลาค้าบ....เลยอ่านตอนเย็น^^


ketza 15 ม.ค. 2557, 08:01:51 น.
ว๊าววว..... รตีนี่เองที่มิตรคิดถึ๊งคิดถึง >////
แหมๆๆ ทำเอาอยากรู้ชื่อแม่นางสิงห์เบย... เสือหนุ่มเนื้อแน่นขนนุ่ม น่าฟัด เหอๆๆๆๆ / เช็ดน้ำลายก่อง >_<
.... ท่านพี่ขาดเค้าไม่ได้หรอก ใจหายชิมิล่ะ มามะ กลับมาหาเค้าเตอะ กอดๆๆๆๆ >////<


ketza 15 ม.ค. 2557, 09:10:50 น.
ป.ลิง คู่แม่นางสิงห์ หวานแบบฮาร์ดคอร์ดีแท้.....จั๊กกะจี้หัวจายยยย >////<


บุลินทร 15 ม.ค. 2557, 11:23:47 น.
ตามิตรไปแอบดูสาวเหรอเนี่ย นอกใจสิตาราได้ยังงายยยยย


konhin 15 ม.ค. 2557, 11:38:35 น.
สงสารสิตา แต่ตามิตรตกหลุมรักสาวซะแล้ววว แล้วจะไว้เล็บดำเมื่อไหร่เนี่ยยย


ดังปัณณ์ 15 ม.ค. 2557, 13:01:29 น.
คู่ใครคู่มันหราค้าคุณแป้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ค้อน งอลลลลลลลลลล ชอบหลอกหนอน ชิๆๆๆ เห้นหนอนเป็นอารายยยยยยยยยยยยยยยย 555+

แหม พอเป็นเสือล่ะคว้าเขามากอด แล้วดูจิ เปนไงล่า เดี๋ยวจิหลงเสือหนุ่ม อิๆ ว่าแต่แหม สิงหราณีนี่ซาดิสต์นะคะ ชอบรุนแรง เดี๋ยวๆๆๆ หมายถึงชอบใช้กำลังนะ ไม่อ่อนหวานเป็นกุลสตรี ฮี่ๆๆๆๆ

ส่วนชาจัง งอนมัน ไม่ต้องมาทำเป็นง้อเลยเชอะ แหมๆๆๆมาทำเป็นเสียน้ำตา ชิไม่ใจอ่อน โสนะหน้า พอกลับบมาเค้าก็ไม่ยุแระล่ะหนูสิอ่ะ ว่าแต่ใครจะพาหนูสิไปแว้ อิตามิตรก็แอบไปหลรสาวแว้วววววววววว


ริญจน์ธร 15 ม.ค. 2557, 13:21:27 น.
ตามิตรขโมยซีนอีกแล้วสินะ เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก น่าหลงรักๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ม.ค. 2557, 15:22:18 น.
เพิ่งได้ตามมาอ่านน
ตกลงเรื่องนี้ ตามิตรเป็นพระเอกชะปะคะ
ตาเมา แย่อะ มะไหวๆๆๆ ร้ายเกินจะรับละ
ปากร้าย ใจร้าย คิดร้าย ร้ายๆๆๆๆๆ ไม่ให้อภัยแล่วววว


ภาวิน 15 ม.ค. 2557, 15:43:21 น.
ตอนแรกก็ชอบมิตรนะ ตอนนี้ปันใจให้แม่สิงห์สาวจอมห้าวกับเสือดำไปแล้ว หนาวๆอย่างนี้อยากลากเสือดำมากอดบ้าง


SunSeed 15 ม.ค. 2557, 16:47:50 น.
สรุปว่าเรื่องนี้ไมมันหลายคู่จังเนาะ พระเอกของเค้าบทน้อยเลยนะ แงๆๆๆๆ


goldensun 15 ม.ค. 2557, 20:53:34 น.
เสือตระกูลนี้ ขนฟูนุ่มทุกตัวเลยมังคะ ขนเสือดำทำเอานางสิงห์ติดใจ ว่าแต่ชื่ออะไร คงหวานขนาด แต่มัชฌิม์เสียมารยาท ไปหัวเราะชื่อเค้า
สิตารามีร้องเพลงลาชามัลซะด้วย ทำเอาจอมมารน้ำตาหยดตั้งหนึ่งหยดเลย รอดู ใครที่ชะตาต้องกับสิตารา และสามารถช่วยสิตาราออกมาจากเกาะได้
นึกว่ามิตรหายไปไหน เกาะเรือรดิศแอบดูสาวนี่เอง ขนาดถูกเตือนแล้ว อย่างว่า รักไปแล้ว


เด่นเดือน 16 ม.ค. 2557, 09:16:44 น.
คือพี่งูนี่น่าสงสารนะ รักแต่ก็บอกไม่ได้ น่าสงสารๆๆๆ กว่าจะกลับมาอาจไม่เหลืออารายแล้วมั้ง

แล้วตามิตรนะสิตาราเตือนแล้วนะจ๊ะ เชอะๆๆๆ


Zephyr 21 ม.ค. 2557, 14:32:04 น.
อ่านตอนแรก เฟอร์ยังอยากจะเม้นด่ามารี่อยู่เลย แต่พอมาท้ายๆ
พูดถึงมิตรดีกว่า รตีเห็นมิตรด้วย รึจะเป็นคู่แท้ของมิตรกัน เห็นกันอยู่สองคน ฮ่าๆๆๆ
นางน่ากลัวกว่าพี่ชายนะ ถ้านางห้ามคนน่ากลัวอย่างรดิศได้ นางน่าจะน่ากลัวกว่าเห็นๆ
รตี เหมือนเงียบๆ เรียบๆ แต่มะม้าต้องซ่อนทีเด็ดไว้ในตัวนางแน่ๆใช่มะๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account