โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!
-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา
Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา
ตอน: บทที่ ๑๕ สายลมของการเปลี่ยนแปลง (...จบบท)
แง่ว...
คราวก่อนมาลงวันอาทิตย์ค่ะ คนอ่านหายหมดเลย ><
ตอนสวีทหวานของเสือสิงห์ค่ะ
ยังไงก็ช่วยกดไลค์ย้อนหลังให้ด้วยนะคะ
55
อืมมมม
ตัดเข้าบทจริงจังดีกว่า
-------------------------------------
ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเรื่องจะจบลงแบบนี้...
มิตรกระเสือกกระสนพาร่างสะบักสะบอมอันเจ็บช้ำและเปียกปอนขึ้นไปยังหาด
เขาโดดหนีจากเรือลำนั้นในวาระวิกฤต ทั้งที่บาดเจ็บเจียนตายก็ยังยืมพลังจากอัญมณี
พาตนเองดำน้ำหนี จนเกาะติดมากับเรือลำหนึ่งที่มุ่งเข้าสู่ฝั่งไทย เมื่อตอนใกล้จะถึงนี้เอง
มีคนมาพบเขาเข้า มิตรบาดเจ็บเกินกว่าจะพรางกายต่อไปไหว แต่ก็ไม่ต้องการถูกสอบสวนที่มาที่ไป
ด้วยความที่เลือดเข้าตาไร้สติ เขาโดดหนีลงมาจากเรือ หาทางตะกายขึ้นฝั่งเองจนได้ในที่สุด
มิตรสั่นไปทั้งตัว มีแผลคมจักรเหวอะหวะที่กลางหลัง แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่า...สิ่งที่สูญเสียไป
รตีตายแล้ว ตายเพราะช่วยเขา!
“นี่มันไม่จริงใช่ไหม เรื่องมันเพิ่งเริ่มต้น จะมาจบแบบนี้ได้ยังไง!” ชายหนุ่มตะโกนแหบพร่ากับผืนทราย
ร้องไห้โหยหวนบนหาดว่างร้างที่คงจะไม่มีใคร แต่ถึงมีตอนนี้มิตรก็ไม่สน
ผลจากความอ่อนแอ การอดอาหารและน้ำเป็นเวลานาน เมื่อความรู้สึกพลุ่งแรงตีขึ้น
ตาเขาก็พร่าพราย ในขณะที่คู้ตัวสะอื้นไห้อยู่บนหาด คล้ายโลกหมุนพลิกตีลังกากลับด้าน
และภาพสุดท้ายที่เขาเห็น คือรองเท้าของใครคนหนึ่งที่ก้าวใกล้เข้ามา มืออบอุ่นแข็งแกร่งสัมผัสผิวกาย
แล้วมิตรก็หลับไป...
แสงตะเกียงอบอุ่นสีส้มเป็นสิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตา ความรวดร้าวทรมานจากบาดแผล
และอาคมแทบจะฆ่าเขาลงให้ได้ แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางความรู้สึก
มิตรโทษตัวเอง ตาเขายังคงเห็นภาพวาระสุดท้ายของเธอ คนบ้าที่ฆ่าน้องสาวของตัวเองได้
ตุลาการรดิศมันเป็นบ้า พอโกรธเกรี้ยวขึ้นมาก็คลั่งเลือดเหมือนปีศาจ จากแววตาสุดท้ายของเธอที่เห็น
แม้แต่รตีเองก็คงไม่คิดว่าพี่ชายที่รักจะลงมือมาถึงตน
เขากำลังมีความรัก แล้วผู้หญิงที่เขารักก็มาตายต่อหน้า
เพราะเขาเอง... หรือด้วยเหตุนี้สิตาราถึงได้ห้าม
ตอนนั้นเขาคิดว่ามันเป็นคำขู่เล่นเรื่อยเปื่อย เธออาจจะหวงเขา เหมือนลูกสาวที่หวงไม่อยากให้พ่อมีแฟนใหม่
เขาไม่ใส่ใจ จนกระทั่งบาดแผลมันได้เกิดขึ้นแล้ว เร็วเกินจะตั้งตัว เร็วเกินกว่าที่สิตาราจะทันได้รู้ว่าเกิดอะไร
ขึ้นกับเขาด้วยซ้ำไป
มิตรปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นชวนสมเพช
และเสียงของเขานั้นเองที่ไปกระตุ้นให้คนอีกคนที่อยู่ในห้องต้องเอ่ยขึ้น
“พักเสีย หากไม่พักให้พอเจ้าตายแน่ เป็นทางเดียวที่จะรักษาอาคมนี้ได้
ยิ่งเจ้าขยับ มันจะยิ่งฆ่าเจ้าให้ตายลงไปทุกที”
น้ำเสียงนั้นมีแววยิ้ม ทว่าก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าคนพูดเคยชินกับการออกคำสั่ง
ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนที่ช่วยเข้าไว้จะก้าวเข้ามา มิตรซึ่งบาดเจ็บตรงหลังและตะแคงหน้า
ซบกับหมอนนอนร้องไห้อยู่จึงได้เห็นผ่านรอยน้ำตา ดวงหน้าที่คลับคล้ายจะรู้จัก
คนผู้นี้คือ...
“ไปเจอเรื่องอะไรมาหรือไง ถึงได้ทำท่าชวนสมเพชเวทนาเช่นนี้”
รอยยิ้มนั้นเทียบได้กับยิ้มของเขาเอง ผมหยักศกเป็นคลื่นนั่นก็ใช่
ทว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขากลับแลดูว่าอายุเพียงสามสิบปลาย
“ข้าผ่านเรื่องที่เลวร้อยกว่าความตายมา...แล้วข้าก็คิดว่าน่าจะตายๆไปซะตั้งแต่ตอนนั้นเลย”
มิตรครางตอบราวกระซิบ เขาพอจะรู้แล้วว่าคนผู้นี้คือใคร ยิ่งเห็นหน้า ก็ยิ่งทำให้ความอ่อนแอทั้งหมดทั้งมวล
คล้ายจุดปะทุขึ้น ตลอดชีวิต เขาเคยเจอแม่ก็จริง แต่ไม่เคยเรียกแม่ออกไปสักครั้ง พอๆกับอีกฝ่ายที่ไม่ยอม
เรียกเขาเป็นลูก แต่เขาไม่เคยเจอพ่อ ครั้นพอได้เจอ พ่อแท้ๆของเขาก็คงไม่มีวันรู้ ว่าเขาคือลูกชายผู้น่าสมเพช
ซึ่งตกมาจากอนาคตอันแสนห่างไกล
ลูกที่พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตน ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือในห้วงเวลาที่เขาจากมา
คนมีความรักที่น่าสมเพช ลูกชายผู้น่าเวทนา ทั้งหมดที่เขาเป็นยิ่งขับดันให้
น้ำไหลออกมาจากดวงตาที่ควรจะแห้งผากไปแล้วอย่างไม่จบสิ้น
“ดูสภาพเจ้าก็แย่อยู่หรอก แต่ในเมื่อผ่านเรื่องร้ายๆมาแล้ว จะตัดใจตายทำไม”
คนพูดทำเสียงเอื้อเอ็นดู “ร้องไห้แบบนี้ หากพ่อเจ้ามาเห็นคงผิดหวังในตัวลูกชาย”
“แล้วท่านล่ะ รู้สึกยังไงที่ข้าร้องไห้ เหมือนช่วยคนบ้ามาหรือว่าไร”
“รู้สึก...บางทีคงจะเป็นอิจฉาละมัง เพราะมีหลายเรื่อง หลายครั้งหลายคราที่ข้าอยากร้องไห้
แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ร้องให้มันสาสมดั่งใจเสียที”
“แววตาท่าน เหมือนแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต ที่ต้องสละสิ่งซึ่งเคยคิดว่าจะเป็นของตนให้คนอื่นเขาไป”
ศานติมันสะดุดยิ้มนิดหนึ่ง “อย่าทำเป็นพูดเหมือนรู้จักข้า ว่าแต่ว่า ข้ายังไม่ได้ถาม เจ้าชื่ออะไร”
“มิตร...”
“เป็นชื่อที่ดี”
“นั่นคงต้องขอบคุณพ่อข้า พ่อบุญธรรมน่ะนะ”
“แล้วเจ้าจะไม่ถามหน่อยหรือว่าตัวเองถูกพาตัวมาอยู่ที่ไหน และข้าเป็นใคร
หรือว่าหมดอาลัยตายอยากจนไม่สนใดๆทั้งสิ้น...นี่น่ะเป็นบ้านพักตากอากาศของข้าเอง”
จากลมที่โชยชายมาไม่ขาดสายและเสียงคลื่น เขารู้แต่แรกแล้วว่านี่คือบ้านพักชายหาด
มิตรซึ่งตะแคงหน้าอยู่กลอกตาอ่อนล้ามองไปรอบๆ ห้องตกแต่งแบบแขกอินเดีย แม้ยาม
ย้ายนิวาสถานมาไทย ความเป็นชาตินิยมของคนตรงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ส่วนเรื่องที่ข้าเป็นใคร เจ้าไม่คิดถามก็ดีแล้ว เพราะข้าขี้เกียจบอกชื่อกับคนเจ็บที่เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ
ไม่สนใจอื่นใด ขอเตือนแค่ว่าถ้าขยับมากๆตอนนี้เจ้าคงรอดอยู่ไม่นาน”
จากนั้นผู้มีพระคุณที่บังเอิญผ่านมาพบก็ขอตัวออกไปทำกิจธุระ
ทิ้งมิตรเอาไว้ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยหนังสือและตำรา แม้จะเป็นห้องนอนแขก
ก็ยังจุไปด้วยสิ่งที่เจ้าของเคหสถานพึงใจ เขาได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้ บางทีอาจเพราะ
อัญมณีมีค่าที่สวมใส่ติดกาย เท่าที่รู้สึกมันยังอยู่ครบ ผู้ช่วยเหลือไม่ได้คิดปลดเปลื้องสิ่งใดไปจากเขา
หรือนี่เป็นกระบวนการแรกในอันจะเรียกความไว้ใจ แต่เขาต้องไปจากที่นี่ อยู่นานไม่ได้แน่
มิตรค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสสร้อยเส้นใหม่...เส้นสำคัญที่สุด ซึ่งแลกมาด้วยชีวิตของรตี
แม้เขาจะไม่ต้องการเลย แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เขาก็จะรักษามันเอาไว้เพื่อชดเชยชีวิตของเธอ
ที่ต้องเสียไปเพื่อให้เขาได้สิ่งนี้มา ป่านนี้ตุลาการคงเป็นบ้า เขาคงช่วยสิตาราได้เท่านี้เอง
ช่วย...ด้วยการเอาอัญมณีคู่กายของรดิศมาจากมือมัน
โอปอลเม็ดนั้นทอประกายแสงสีรุ้งพร่างพรายเมื่อเขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาพิศ
มือมิตรยังสั่น หอบหายใจแรงด้วยความล้าเหนื่อย เขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้
เงื้อมมือของศานติมัน เมห์ฮราย่อมไม่ใช่ที่ปลอดภัย
แม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อแท้ๆของเขาก็ตาม!
‘มีคนเคยว่าไว้ ไม่มีประตูบานไหนน่าก้าวข้ามไปยิ่งกว่าประตูที่แง้มอยู่
ถ้าประตูปิดเสียแล้ว คนเราก็ขี้เกียจพยายาม... ถ้าประตูเปิด
ก็เห็นสิ่งข้างในเกือบจะหมดสิ้นจนไม่อยากสนใจ...
แต่ถ้าเป็นประตูที่แง้มอยู่ จะมีอะไรเชิญชวนกว่าการก้าวไปสู่สถานที่
หลังประตูนั้นอีกเล่า และข้านี่แหละ จะเป็นคนที่ก้าวข้ามไป’
นิลละยังคงจำได้ดี คำพูดของฝาแฝดตน ตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวราศี
วรรณะมีความต้องการเร้นลับเสมอ บางทีเจ้าตัวคงเข้าใจอยู่คนเดียว
ว่าหลังประตูที่ว่านั่นเก็บซ่อนอะไรไว้
พวกเขาเกิดมาบนเกาะห่างไกลแผ่นดินใหญ่ในทะเลจีนใต้ ใช้ชีวิตอยู่กับบิดาที่นอกจากเป็นรัตติดารา
ผู้แอบฝักใฝ่แสงสว่าง ก่อนจะมาเป็นพ่อค้ายังเคยเป็นข้าราชการผู้เอาใจขายให้พวกต่างชาติ
ที่เข้ามาเหยียบบนประเทศ บางทีแสงจากกองเงินกองทองก็คงจะเข้าตาท่านพ่อด้วยเหมือนกันกระมัง
เขารู้ นอกจากตน วรรณะเองก็จับตาคนเป็นพ่ออยู่เสมอ ทั้งที่ความคิดของวรรณะน่าจะไปกับท่านพ่อ
ได้ดีกว่าเขา แต่เปล่าเลย วรรณะมักตำหนิการกระทำของพ่ออยู่บ่อยครั้ง
บ่นว่าน่าจะยกตำแหน่งจ้าวราศีให้ลูกเร็วๆ
วรรณะนั้นอ่อนแอกว่า แต่ก็เป็นคู่แฝดที่นิลละรักอย่างไม่มีเหตุผล พร้อมจะยอมให้ชีวิต
ด้วยสงสารที่อีกฝ่ายเกิดมาด้อยกว่าเขาที่แข็งแรง อีกฝ่ายจำเป็นต้องได้รับเลือดใหม่จากเขาอยู่เสมอ
ไม่ใช่การถ่ายเลือดอย่างที่คนอื่นเข้าใจ แต่เป็นการดื่มเลือดนิลละโดยตรง พลังของพวกเขาเป็นน้ำ
และน้ำจากกระแสชีวิตก็อุดมด้วยพลังปราณอันยิ่งใหญ่ที่สุด นี่จะช่วยเยียวยาวรรณะได้มากกว่าวิธีใด
มีแต่พวกคนสนิทเท่านั้น ที่จะรู้เรื่องที่ถือเป็นจุดอ่อนของพวกเขาสองคน
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขาเหมือนเป็นทั้งพ่อและพี่ชายที่เฝ้าคอยตามใจ มากกว่าจะเป็นฝาแฝด
‘ทำไมเจ้ากินแต่ขนมล่ะวรรณะ ระวังฟันผุหมดปากไม่รู้ตัว’
‘ก่อนเข้านอนก็ช่วยเตือนให้ข้าสีฟันด้วยสิ’ วรรณะลอยหน้ายิ้มๆ
ทว่าเมื่อเจ้าตัวเป็นคนทำแล้ว กลับเป็นกิริยาที่มิได้น่าชิงชัง
คนอายุเท่ากันส่ายหน้าราวกับมองน้องเล็ก ‘ถ้าข้าบอกอะไรแล้วเจ้าเชื่อฟังง่ายๆก็คงดี’
ยกเว้นท่านพ่อที่เข้มงวดเสียคน...ใครๆก็ชมชอบยิ้มนี้ของวรรณะที่มีมาพร้อมสุ้มเสียงออดอ้อน
จึงล้วนแล้วแต่พร้อมใจกันให้อภัยไม่ว่าเรื่องใด นิลละเองก็เช่นกัน เคยยอมให้ด้วยรัก
ทว่าตั้งแต่เรื่องราวครั้งสุดท้ายที่แฝดของเขาก่อขึ้นบนเกาะเงา
ฝ่ายนั้นวางยานอนหลับเขา เอาตัวไปเก็บซ่อนไว้ ก่อนจะออกไปกระทำการบางอย่างที่เขาอภัยให้ไม่ได้
คือหมายเอาชีวิตท่านสิตารา ที่สำคัญยังอ้างชื่อเขาอีกด้วย นิลละรู้สึกตัวก็เมื่อตื่นขึ้นมาในเรือของคนคู่
ซึ่งกำลังหลบหนี พบว่าตนถูกโยงเข้ากับความผิดที่ไม่ได้ก่อ
‘ท่านสิตาราไม่มีวันไว้ใจเจ้าอีกต่อไป ทีนี้เจ้าก็ควรพิจารณาว่าจะหันมาเชื่อมอุดมการณ์
ของสองเราเป็นหนึ่งเดียวได้เสียทีหรือยัง แฝดที่ใจไปคนละทิศละทาง บอกเลยว่าดูไม่สวย
แล้วข้าก็ขอให้เจ้าเลือกข้างเมห์ฮรา จบรัตติดาราโง่เง่านี้ให้สิ้นไปเสียที’
‘ข้ามิได้ชมชอบวิถีแห่งรัตติดารา แต่ก็ยิ่งรังเกียจวิธีที่เจ้าเลือกใช้ตลอดมายิ่งกว่า
ไม่ใช่การหักดิบแบบนี้ วรรณะ!’ เขาเคยคิดว่าแฝดตนจะเปลี่ยน จะดีขึ้นมาบ้างเมื่อโตพอ
แต่ตอนนี้คู่แฝดของเขาไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย กลับสำแดงความเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน...
เมื่อตอนท่านพ่อถูกฆ่า เขาเคยไม่เชื่อว่าเป็นวรรณะที่ทำ หรือว่าเขาคงต้องย้อนคิดดูใหม่อีกที
ตั้งแต่จากเกาะเงามาขึ้นฝั่ง สิตาราทิ้งเรือลำนั้นและพรตไว้ข้างหลัง
เห็นว่าเขาคงปลอดภัยดีแล้วเมื่อมาอยู่ยังแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรพรตก็เป็นคนของชามัล
เธอรู้ว่าตัดสินใจเอาตัวเขาออกจากเกาะมาแล้วอย่างนี้ก็คงห้ามอีกฝ่ายไม่ให้แจ้งข่าวถึงนายไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร จากนี้การพยายามควบคุมเธอจากทาสแห่งโมรารัตติกาลนั้นจะต้องจบสิ้นลงเสียที
ครั้งยังเด็ก สิตาราเคยคิดว่าพอเป็นสาวขึ้นมาเธออาจพลิกกลับมาอยู่เหนือชามัล ทำให้เขาเป็นทาส
อย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ พอโตมาจึงรู้ว่าเรื่องนั้นก็เป็นแค่ฝัน ถึงร่ำเรียนวิชาจากพ่อปู่มาแล้ว
มิตรเปิดตาที่สามให้แล้ว แต่เอาเข้าจริงคนอย่างชามัลก็ไม่มีวันถูกควบคุมได้เลยไม่ว่าด้วยน้ำมือใคร
“เหล่ารัตติดารา จงฟังคำข้าผู้เป็นราศีที่สิบสาม อยู่เหนือพวกเจ้าทั้งหมด!
ขอออกคำสั่งให้ส่วนหนึ่งกระจายตัวไปสืบข่าว และอีกส่วนหนึ่งอยู่รับใช้ข้า
จงจำไว้ให้ดีๆ จากนี้ไปมีเพียงข้าที่สามารถบงการพวกเจ้า หาใช่แม่ชีดำ
หรือว่าอสรพิษตนนั้น ข้าขอให้เจ้าติดตามและทำตามสั่งข้าไปจนถึงที่สุด
ห้ามเปิดเผยตัวต่อผู้ใด และหากเจอราศีอื่นจงพยายามหลบเลี่ยง
หากถูกจับได้ก็อย่ายอมรับว่าเป็นภูตดาราเป็นอันขาด!”
สิตาราออกคำสั่งอย่างมั่นใจ ทั้งรู้ว่าคำสาบานของเหล่าภูตดาราที่มีขึ้นในวันสถาปนานั้นอาจไม่มีผล
คนพวกนี้อาจขัดคำสั่งเธอเมื่อไรก็ได้ แล้วเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนก็จะรู้ ว่าเธออาจไม่ใช่ราศีที่สิบสามที่แท้
แต่ใครเลยจะกล้าลองเป็นคนแรก ในเมื่อการขัดคำสั่งก็หมายถึงเอาชีวิตตัวเองเสี่ยงเข้าแลกดีๆนี่เอง
ข่าวมาว่าไล่ๆกันกับที่เธอขึ้นฝั่ง เป็นเวลาที่จ้าวราศีพฤษภซึ่งบาดเจ็บสาหัสเมื่อคราวเกาะเงา
ได้หวนมายังแผ่นดินสยาม ตั้งใจมาตั้งหลักก่อนทวงหนี้แค้นจากผู้ทำตนเจ็บปางตายอย่างสาสมที่สุด
ข้อเท็จจริงลับๆอันหนึ่งที่สิตาราเพิ่งได้รู้จากพ่อปู่อโพซินเต้ เหล่าจ้าวราศีทุกราศีมีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์
เป็นของคู่กาย ที่เธอไม่รู้ก็คือ พวกเขาได้ผูกอำนาจของตนไว้กับพลอยล้ำค่านั้น สายสัมพันธ์อันไม่มีวัน
ไถ่ถอน ไม่เหมือนโมราของเธอและชามัล เพราะเหล่าพลอยของจ้าวราศีไม่อาจเปลี่ยนมือเปลี่ยนอำนาจ
จนกว่าผู้ครอบครองคนเก่าจะตาย พอกับที่ตัวจ้าวผู้ครอบครองก็ไม่อาจเปลี่ยนพลอยเม็ดของตน
ที่ผูกวิญญาณไว้ได้เช่นกัน หากสามารถนำพลอยมาทำลายให้สิ้นหรือนำมาเก็บไว้ พลังของเจ้าของ
ก็จะถูกผนึกลงเสียเป็นครึ่งเลยทีเดียว
“เจ้าดาวน้อย เจ้าคงเห็นวัวขาเกกยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ใช้มันเป็นที่ทดลองวิชาดูหน่อยเป็นไร”
“แต่ว่าพ่อปู่ จ้าวราศีพฤษภที่ข้าเคยเห็นแข็งแกร่งนัก”
“ใช่ แต่หยิ่งทะนง อวดดี บ้ากำลัง ประมาท ทั้งหมดที่ว่ามาแล้วคือความโง่เง่าที่คนฉลาดไม่ยินดี”
อโพซินเต้เอ่ยพร่าทั้งรอยยิ้ม “ไป! นังหนู ไปจัดการลิดเขาวัวให้ข้าชมหน่อยเป็นไร”
ไม่กี่คืนจากนั้น สิตาราใช้พลังแห่งความมืดซึ่งแผ่ซ่านในตนเข้าถึงจ้าวแห่งพวกวัว
ซึ่งเมามายหลับใหลอยู่ในโรงเตี๊ยมเก่า ไม่ยากอย่างที่คิด กลุ่มคนเหล่านี้คิดว่าลอบเข้ามาถิ่นนี้
เงียบเชียบดีแล้วจึงขาดการระวัง หารู้ไม่ว่าข่าวรั่วไหลจากการดักจับข่าวสารที่มากับนก
โดยน้ำมือพ่อปู่ที่คอยช่วยเหลือ
หญิงสาวผมสั้นปราดเปรียวราวเด็กหนุ่มสำรวจห้องว่องไว ทุกคนล้วนหลับใหลลงด้วยมนตร์ทับตา
ซึ่งเธอร่ายออกมาในชั่วขณะหนึ่ง วันนี้คนเหล่านี้ไม่มีหน้ากากวัว แต่สิตาราก็จำพวกมันได้แม่นยำ
จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นต่างชาติร่างยักษ์ผมสีน้ำตาลเข้มเส้นหยาบ ภาพตรงหน้าพาให้พลัน
ย้อนนึกไปถึงชายผู้นอนจมกองเลือดในเทวสถาน นักบวชดำ ท่านร่วมมือกับวัวบ้าเหล่านี้ทรยศต่อข้า
หรือมีเหตุผลอื่นใด ท่านคงไม่อาจตื่นมาตอบคำถามข้าได้อีกแล้ว
สิตาราเงื้อมีดขึ้น สายตาเล็งไปยังคอของผู้กำลังหลับใหล และอย่างไม่มีความลังเลใด
มีดตวัดฉับ! ไม่มีเลือด...เสียงกรนราวกับเรือกลไฟของวัวหลับยังดำเนินต่อไป
นี่คือความตั้งใจของเธอแต่แรก
‘พ่อปู่ ข้าจะเดินไปในทางตรงกันข้ามกับชามัล เขาทำลายชีวิตคนอื่นเพื่อทางของตนเอง แต่ข้าไม่’
‘ข้าบอกแล้ว จงตั้งมั่น ทำตามที่ใจตนต้องการ ตามที่ใจเจ้าว่าควรทำ ที่เหลือก็แค่เชื่อในตัวเอง’
เธอตัดสร้อยร้อยอัญมณีคู่กายของฝ่ายนั้นจนขาด ก่อนฉวยเอาติดมือมาด้วย
มรกตของจ้าวราศีพฤษภ เป็นสีเขียวเข้มจัด แตกต่างกับมรกตสนธยาเหลือบแสงเขียวอ่อนมลังเมลือง
หัวใจราชสีห์อันเป็นพลอยของราศีสิงห์
ภารกิจสำเร็จ สร้อยขาดได้ด้วยมีดอาคมขลัง อาวุธมีคมทำจากโลหะพิเศษซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวน
สามชิ้นที่สิงหรานีเคยว่าไว้ สิตาราโลดลิ่วกลับไปหาอาจารย์ผู้เฒ่าที่รอคอย พวกวัวอาจตามมา
เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในเมื่อหัวหน้าถูกลดอำนาจลงถึงครึ่ง ความเป็นไปภายในย่อมระส่ำระสายอ่อนแอ
ร่างเพรียวบางซอกซอนไปตามคูหาของถนนเยาวราชเก่าที่เวลาดึกสงัดเช่นนี้ก็เงียบเชียบ
ผ่านลอดใต้หลังคาคูหา ก่อนปีนป่ายโดดขึ้นถึงชั้นไม้มุงด้วยสังกะสีสลับกระเบื้องแผ่นยาว
หาทางออกพ้นเขตชุมชน ลำบากหลบสายไฟกับป้ายแขวนระเกะระกะที่บางทีก็รกขึ้นมาถึงชั้นบน
ร่างกาย กลับเบาหวิวจนแทบไม่รู้สึกว่าเป็นตัวเองเหมือนอย่างแต่ก่อนมา
‘คนมีของเก่ามาแต่เกิดอย่างเจ้า ขอแค่เอามาใช้ให้ถูกทิศ
หากเป็นศิษย์พ่อปู่แล้วก็ยากจะหาใครมาต่อกร’
แล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ทว่าในจังหวะหนึ่ง สิตารากลับรู้สึกว่าตนไม่ได้อยู่ลำพัง
แม้มองไม่เห็น แต่มีคนกำลังติดตามมาไม่ใกล้ ไม่ไกล ใครอีกคนที่ฝึกฝนมาเหนือชั้นกว่าเธอ!
ดังนั้นหญิงสาวจึงหยุดอยู่บนหลังคาเรือนหลายชั้นอันเบียดเสียด ยืนตรงแน่วแน่ ตัดสินใจเอ่ย ไม่ดัง และไม่เบา
“ใครตามมา ออกมาให้เห็นหน้าเถอะ ต้องการอะไรก็พูดมา!”
เพียงแค่เงาร่างที่เห็นนั้นก็ทำให้จำได้ ผ้าโพกศีรษะแบบนั้น หากไม่ใช่วรรณะก็คงเป็นนิลละ
ไม่มีทางเป็นคนอื่นคนไกล ภาพการไล่ล่าเหี้ยมโหดในคืนวันแต่งงานของเธอเองแล่นเข้ามาวูบ!
หากนี่คือแฝดคนเดียวกับตอนนั้น สิตาราจะเอาตัวรอดไปได้หรือไร ...ทว่าที่ปรากฏใต้เงาจันทรา
ตาโศกบนใบหน้าขรึม บ่งบอกว่าคนที่อยู่ต่อหน้านี้น่าจะเป็นนิลละ และเวลานี้ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะ
ล่าสังหารเธอ
“ท่านสิตารา ข้ากลับมาพบท่าน ได้โปรด ให้ข้าได้ติดตามรับใช้ท่านเหมือนเดิม...”
หญิงสาวถอยไปก้าวหนึ่ง ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มีหรือเธอจะไม่รู้ว่านิลละคิดกับตนเช่นไร
เพียงแต่พยายามทำเหมือนไม่รับรู้เท่านั้น เพราะอยากให้เขาเป็นเพียงเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่งต่อไป
แต่ตอนนี้เธอจะรู้สึกกับเขาเหมือนเดิมได้ยังไงเมื่อคนที่มีใบหน้าอย่างนี้ ใส่ตุ้มหูมุกสีดำอย่างนี้
เพิ่งจะถือดาบวิ่งไล่ฆ่าตนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“อย่าเข้ามา นิลละ” สิตาราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหินห่าง สีหน้าหมางเมิน
“คนที่ลงมือกับท่านไม่ใช่ข้า ไม่มีทางเป็นข้า...ทำไมท่านถึงไม่เชื่อ”
“ตอนนี้เรื่องไว้ใจหรือไม่ คงไม่จำเป็นเท่ากับข้ายอมให้เจ้าเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว!”
“ต้องให้พิสูจน์อย่างไร ถึงจะเรียกความไว้ใจของท่านคืนมา”
หญิงสาวเกือบจะตอบปฏิเสธ แต่แล้วคำตอบอย่างใหม่ก็ลอยขึ้นในใจ
นี่เป็นโอกาสแล้วที่จะจัดการกับจ้าวราศีเมถุน
“มุกดำของเจ้า ที่ใส่ไว้ติดหูข้างนั้น ส่งมาให้ข้าก่อนเป็นไง”
เจ้าของร่างที่อ้างว่าเป็นนิลละเพียงเบิกตากว้างอย่างตะลึง ทว่าก็ไม่ถามไถ่ ไม่ต่อรอง
เพียงแต่ขยับถอดเครื่องประดับตามที่หญิงสาวเรียกร้องแล้วโยนให้ทันที
สิตาราคว้ารับไว้หมับได้ไวปานกัน “ไม่คิดว่าเจ้าจะยอม” คนขอถอนหายใจแรง ได้จับแล้วถึงรู้
มุกดำเม็ดนี้เป็นของจริง เป็นสิ่งที่อยู่คู่กายนิลละมาตลอด แต่เธอเองก็แจ้งใจว่าแฝดทั้งคู่
เชี่ยวชาญพลังอำพราง การจะรู้ว่านี่คือตัวจริงหรือไม่ คงต้องใช้บททดสอบกันบ้าง
“ท่านเป็นราศีที่สิบสาม และข้าเป็นผู้ภักดี ทั้งด้วยน้ำสาบานครานั้นและด้วยใจของข้า
สั่งอย่างไรก็ต้องทำตามอยู่แล้ว”
“เอาเถอะ งั้นก็ทำตามที่ข้าบอก วิ่งไปทางดาวรุ่งที่เห็นอยู่นั่น นำไป ข้าไม่หันหลังให้เจ้า จะคอยตามเจ้าเอง”
หากไปถึง ผู้ที่รออยู่ทิศนั้นไม่ใช่ใคร เป็นครูบาอโพซินเต้ ไม่ว่าหนึ่งในแฝดจะมาดีหรือมาร้าย
พ่อปู่ท่านย่อมช่วยเหลือได้แน่นอน
อโพซินเต้ถือไม้เท้ารออยู่นานใต้ร่มมะขามในเงาตะคุ่มของมุมเมือง
“พ่อปู่” สิตาราร้องเรียกอีกฝ่ายที่ยืนรอใต้ร่มไม้เพียงเดียวดาย “คืนนี้ข้าทำได้
จะด้วยโชคหรืออะไรก็ไม่รู้ละ ข้ากลายเป็นคนใหม่แล้วจริงๆ”
หญิงสาวส่งเสียงข้ามแฝดคนที่วิ่งนำหน้าไปอวดเหมือนเด็กๆอย่างลิงโลดใจ
“ดูฤกษ์ดาวโจรให้ขนาดนี้ แถมยังสั่งยังสอนเจ้าจนแทบล้มประดาตาย ศิษย์ของจ้าวอาคม
จะทำการแค่นี้ไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป! ว่าแต่นั่นพาตัวอะไรมาด้วย” อโพซินเต้ไม่พูดเปล่า
ยังยกไม้เท้าเตรียมร่ายวิชา
“ช้าก่อน ข้าเป็นพวกท่าน ข้าคือนิลละ จ้าวราศีที่ภักดีต่อท่านสิตารายิ่งกว่าผู้ใด”
“อ้อ แต่ได้ข่าวว่าเพิ่งก่อเรื่องไว้ที่เกาะเงาไม่ใช่หรือไงไอ้หนุ่ม” อโพซินเต้ยั้งอาคมไว้
สายตายังเตือนว่าไม่เลิกระแวง
ชายหนุ่มชูสองมือขึ้นเหนือศีรษะอย่างยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ “คนทำเรื่องนั่นมันวรรณะ
ก่อการแล้วก็มาโทษข้าทุกที ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ข้ารับแทนทุกอย่างสละให้ทุกสิ่ง
ต่อแต่นี้ข้าขอเป็นไท ทั้งจากราศีทั้งจากไอ้แฝดบ้าๆของข้า พอกันที”
พูดจบเจ้าตัวก็หันไปมองสบตาสิตาราที่วิ่งตามมาข้างหลัง
สายตามีแต่ความหม่นหมองและเสียใจทั้งเหยียดหยันตนเองในอดีตที่ผ่านมา
“งั้นจะทำลายมุกเม็ดนี้ลงตรงนี้เลยได้ไหม”
“เอาเลย เชิญทำได้ตามสบาย”
สิตารายกกำมือขึ้น หรี่ตาบริกรรมพึมพำคาถาอย่างที่คนเป็นอาจารย์สอนสั่ง
ไม่นานก็คลายมือออก สิ่งที่ชายแห่งราศีคนคู่เห็น ก็คือผงสีดำป่นละเอียกระยิบระยับ
ถูกปล่อยปลิวปะปนไปกับลม
“ตอนนี้เจ้าก็เหลือแต่ตัว”
“กับความภักดีที่จะมีให้ท่านสิตาราเสมอไป เพราะงั้น...ได้โปรด กลับมาไว้ใจข้าดังเดิม”
คนพูดคุกเข่า เงยมองเกือบจะเป็นกราบกราน
“ได้...” สิตารายิ้มมุมปากน้อยๆ “แต่ตอนนี้ ขอไว้ใจแค่ครึ่งเดียวก่อนแล้วกัน”
ก่อนแสงอรุณเบิกฟ้ามาเยือน พวกสิตาราเดินทางรวดเร็วกลับถึงค่ายที่ชานเมืองอันมีรัตติดาราผู้ภักดีรออยู่
หญิงสาวใช้ความตัวเบาปีนป่ายโหนกายขึ้นไปนั่งบนกิ่งสาขาของไม้ใหญ่ มองเสี้ยวจันทรกำลังจรจาก
งานแรกสำเร็จลงได้ด้วยดี และตอนนี้เธอมีนิลละที่ถึงกับยอมให้ทำลายอัญมณีคู่กาย
หญิงสาวล้วงเอามุกดำเม็ดจริงที่ซ่อนเอาไว้ออกมาเพ่งพิศ ที่เขาเห็นก็เป็นแค่กลลวง
ของจริงเธอยังเก็บเอาไว้ ต่างกับอัญมณีของจ้าวราศีวัวที่ถูกทำลายลงแตกคามือต่อหน้าพ่อปู่ไปแล้ว
เธอโตมากับนิลละ หกเจ็ดปีที่อยู่ร่วมกันมานั้นมีความหมาย แล้วเธอเองจะตัดเส้นชีวิตเขาทิ้งได้ละหรือ
เอาเถอะ...สิ่งที่ต้องพบต้องเจอนี่มันยังแค่เริ่มต้น
สิตารารู้ว่าเป้าหมายต่อไปเปรียบประดุจภูเขามืดดำตั้งทะมึนอยู่ขวางหน้า
มือบอบบางเลื่อนไปกุมกำอัญมณีเม็ดสำคัญที่สุดในชีวิตซึ่งร้อยติดอยู่กับสร้อยหนัง
ลูกปัดโมราสีเลือดเม็ดที่อยู่ใกล้หัวใจ ที่เธอจะต้องผ่านไปให้ได้จริงๆคือชายผู้นั้นต่างหาก
คนผู้มอบรอยจุมพิต รอยรักอันแสนเจ็บปวดค้างคาเอาไว้ ชามัล เมห์ฮรา
อสรพิษร้ายตนนั้นที่แย่งชิงหัวใจเธอไป
อรุณรุ่งแต่งแต้มริมฟ้า หยาดน้ำตาหยดเล็กๆยังคงติดค้างอยู่ที่ปลายขนตาของดวงตางามซึ้ง
ซึ่งค่อยๆซาบซับแสงแดดที่จุดขึ้นมา หยาดน้ำค้างแห่งความอาดูรเหล่านี้ ถึงเวลามันคงหายไป
แต่ต้นรักในใจจะยังอยู่ตราบวันสุดท้าย
รัก...อาจไม่ใช่ต้นอ่อนที่เติบโตด้วยหยาดน้ำค้างฟุ้งฝัน
บางทีมันก็งอกงามขึ้นมาจากหยาดน้ำตา
เพียงแต่หวัง...ว่าคนที่ทำให้รักก่อเกิด
จะหันกลับมาดูแลต้นรักนั้น ในสักวัน
{โปรดติดตามบทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย}
คราวก่อนมาลงวันอาทิตย์ค่ะ คนอ่านหายหมดเลย ><
ตอนสวีทหวานของเสือสิงห์ค่ะ
ยังไงก็ช่วยกดไลค์ย้อนหลังให้ด้วยนะคะ
55
อืมมมม
ตัดเข้าบทจริงจังดีกว่า
-------------------------------------
ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเรื่องจะจบลงแบบนี้...
มิตรกระเสือกกระสนพาร่างสะบักสะบอมอันเจ็บช้ำและเปียกปอนขึ้นไปยังหาด
เขาโดดหนีจากเรือลำนั้นในวาระวิกฤต ทั้งที่บาดเจ็บเจียนตายก็ยังยืมพลังจากอัญมณี
พาตนเองดำน้ำหนี จนเกาะติดมากับเรือลำหนึ่งที่มุ่งเข้าสู่ฝั่งไทย เมื่อตอนใกล้จะถึงนี้เอง
มีคนมาพบเขาเข้า มิตรบาดเจ็บเกินกว่าจะพรางกายต่อไปไหว แต่ก็ไม่ต้องการถูกสอบสวนที่มาที่ไป
ด้วยความที่เลือดเข้าตาไร้สติ เขาโดดหนีลงมาจากเรือ หาทางตะกายขึ้นฝั่งเองจนได้ในที่สุด
มิตรสั่นไปทั้งตัว มีแผลคมจักรเหวอะหวะที่กลางหลัง แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่า...สิ่งที่สูญเสียไป
รตีตายแล้ว ตายเพราะช่วยเขา!
“นี่มันไม่จริงใช่ไหม เรื่องมันเพิ่งเริ่มต้น จะมาจบแบบนี้ได้ยังไง!” ชายหนุ่มตะโกนแหบพร่ากับผืนทราย
ร้องไห้โหยหวนบนหาดว่างร้างที่คงจะไม่มีใคร แต่ถึงมีตอนนี้มิตรก็ไม่สน
ผลจากความอ่อนแอ การอดอาหารและน้ำเป็นเวลานาน เมื่อความรู้สึกพลุ่งแรงตีขึ้น
ตาเขาก็พร่าพราย ในขณะที่คู้ตัวสะอื้นไห้อยู่บนหาด คล้ายโลกหมุนพลิกตีลังกากลับด้าน
และภาพสุดท้ายที่เขาเห็น คือรองเท้าของใครคนหนึ่งที่ก้าวใกล้เข้ามา มืออบอุ่นแข็งแกร่งสัมผัสผิวกาย
แล้วมิตรก็หลับไป...
แสงตะเกียงอบอุ่นสีส้มเป็นสิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตา ความรวดร้าวทรมานจากบาดแผล
และอาคมแทบจะฆ่าเขาลงให้ได้ แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางความรู้สึก
มิตรโทษตัวเอง ตาเขายังคงเห็นภาพวาระสุดท้ายของเธอ คนบ้าที่ฆ่าน้องสาวของตัวเองได้
ตุลาการรดิศมันเป็นบ้า พอโกรธเกรี้ยวขึ้นมาก็คลั่งเลือดเหมือนปีศาจ จากแววตาสุดท้ายของเธอที่เห็น
แม้แต่รตีเองก็คงไม่คิดว่าพี่ชายที่รักจะลงมือมาถึงตน
เขากำลังมีความรัก แล้วผู้หญิงที่เขารักก็มาตายต่อหน้า
เพราะเขาเอง... หรือด้วยเหตุนี้สิตาราถึงได้ห้าม
ตอนนั้นเขาคิดว่ามันเป็นคำขู่เล่นเรื่อยเปื่อย เธออาจจะหวงเขา เหมือนลูกสาวที่หวงไม่อยากให้พ่อมีแฟนใหม่
เขาไม่ใส่ใจ จนกระทั่งบาดแผลมันได้เกิดขึ้นแล้ว เร็วเกินจะตั้งตัว เร็วเกินกว่าที่สิตาราจะทันได้รู้ว่าเกิดอะไร
ขึ้นกับเขาด้วยซ้ำไป
มิตรปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้นชวนสมเพช
และเสียงของเขานั้นเองที่ไปกระตุ้นให้คนอีกคนที่อยู่ในห้องต้องเอ่ยขึ้น
“พักเสีย หากไม่พักให้พอเจ้าตายแน่ เป็นทางเดียวที่จะรักษาอาคมนี้ได้
ยิ่งเจ้าขยับ มันจะยิ่งฆ่าเจ้าให้ตายลงไปทุกที”
น้ำเสียงนั้นมีแววยิ้ม ทว่าก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าคนพูดเคยชินกับการออกคำสั่ง
ก่อนที่เสียงฝีเท้าของคนที่ช่วยเข้าไว้จะก้าวเข้ามา มิตรซึ่งบาดเจ็บตรงหลังและตะแคงหน้า
ซบกับหมอนนอนร้องไห้อยู่จึงได้เห็นผ่านรอยน้ำตา ดวงหน้าที่คลับคล้ายจะรู้จัก
คนผู้นี้คือ...
“ไปเจอเรื่องอะไรมาหรือไง ถึงได้ทำท่าชวนสมเพชเวทนาเช่นนี้”
รอยยิ้มนั้นเทียบได้กับยิ้มของเขาเอง ผมหยักศกเป็นคลื่นนั่นก็ใช่
ทว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขากลับแลดูว่าอายุเพียงสามสิบปลาย
“ข้าผ่านเรื่องที่เลวร้อยกว่าความตายมา...แล้วข้าก็คิดว่าน่าจะตายๆไปซะตั้งแต่ตอนนั้นเลย”
มิตรครางตอบราวกระซิบ เขาพอจะรู้แล้วว่าคนผู้นี้คือใคร ยิ่งเห็นหน้า ก็ยิ่งทำให้ความอ่อนแอทั้งหมดทั้งมวล
คล้ายจุดปะทุขึ้น ตลอดชีวิต เขาเคยเจอแม่ก็จริง แต่ไม่เคยเรียกแม่ออกไปสักครั้ง พอๆกับอีกฝ่ายที่ไม่ยอม
เรียกเขาเป็นลูก แต่เขาไม่เคยเจอพ่อ ครั้นพอได้เจอ พ่อแท้ๆของเขาก็คงไม่มีวันรู้ ว่าเขาคือลูกชายผู้น่าสมเพช
ซึ่งตกมาจากอนาคตอันแสนห่างไกล
ลูกที่พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตน ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือในห้วงเวลาที่เขาจากมา
คนมีความรักที่น่าสมเพช ลูกชายผู้น่าเวทนา ทั้งหมดที่เขาเป็นยิ่งขับดันให้
น้ำไหลออกมาจากดวงตาที่ควรจะแห้งผากไปแล้วอย่างไม่จบสิ้น
“ดูสภาพเจ้าก็แย่อยู่หรอก แต่ในเมื่อผ่านเรื่องร้ายๆมาแล้ว จะตัดใจตายทำไม”
คนพูดทำเสียงเอื้อเอ็นดู “ร้องไห้แบบนี้ หากพ่อเจ้ามาเห็นคงผิดหวังในตัวลูกชาย”
“แล้วท่านล่ะ รู้สึกยังไงที่ข้าร้องไห้ เหมือนช่วยคนบ้ามาหรือว่าไร”
“รู้สึก...บางทีคงจะเป็นอิจฉาละมัง เพราะมีหลายเรื่อง หลายครั้งหลายคราที่ข้าอยากร้องไห้
แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ร้องให้มันสาสมดั่งใจเสียที”
“แววตาท่าน เหมือนแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต ที่ต้องสละสิ่งซึ่งเคยคิดว่าจะเป็นของตนให้คนอื่นเขาไป”
ศานติมันสะดุดยิ้มนิดหนึ่ง “อย่าทำเป็นพูดเหมือนรู้จักข้า ว่าแต่ว่า ข้ายังไม่ได้ถาม เจ้าชื่ออะไร”
“มิตร...”
“เป็นชื่อที่ดี”
“นั่นคงต้องขอบคุณพ่อข้า พ่อบุญธรรมน่ะนะ”
“แล้วเจ้าจะไม่ถามหน่อยหรือว่าตัวเองถูกพาตัวมาอยู่ที่ไหน และข้าเป็นใคร
หรือว่าหมดอาลัยตายอยากจนไม่สนใดๆทั้งสิ้น...นี่น่ะเป็นบ้านพักตากอากาศของข้าเอง”
จากลมที่โชยชายมาไม่ขาดสายและเสียงคลื่น เขารู้แต่แรกแล้วว่านี่คือบ้านพักชายหาด
มิตรซึ่งตะแคงหน้าอยู่กลอกตาอ่อนล้ามองไปรอบๆ ห้องตกแต่งแบบแขกอินเดีย แม้ยาม
ย้ายนิวาสถานมาไทย ความเป็นชาตินิยมของคนตรงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ส่วนเรื่องที่ข้าเป็นใคร เจ้าไม่คิดถามก็ดีแล้ว เพราะข้าขี้เกียจบอกชื่อกับคนเจ็บที่เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ
ไม่สนใจอื่นใด ขอเตือนแค่ว่าถ้าขยับมากๆตอนนี้เจ้าคงรอดอยู่ไม่นาน”
จากนั้นผู้มีพระคุณที่บังเอิญผ่านมาพบก็ขอตัวออกไปทำกิจธุระ
ทิ้งมิตรเอาไว้ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยหนังสือและตำรา แม้จะเป็นห้องนอนแขก
ก็ยังจุไปด้วยสิ่งที่เจ้าของเคหสถานพึงใจ เขาได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้ บางทีอาจเพราะ
อัญมณีมีค่าที่สวมใส่ติดกาย เท่าที่รู้สึกมันยังอยู่ครบ ผู้ช่วยเหลือไม่ได้คิดปลดเปลื้องสิ่งใดไปจากเขา
หรือนี่เป็นกระบวนการแรกในอันจะเรียกความไว้ใจ แต่เขาต้องไปจากที่นี่ อยู่นานไม่ได้แน่
มิตรค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสสร้อยเส้นใหม่...เส้นสำคัญที่สุด ซึ่งแลกมาด้วยชีวิตของรตี
แม้เขาจะไม่ต้องการเลย แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เขาก็จะรักษามันเอาไว้เพื่อชดเชยชีวิตของเธอ
ที่ต้องเสียไปเพื่อให้เขาได้สิ่งนี้มา ป่านนี้ตุลาการคงเป็นบ้า เขาคงช่วยสิตาราได้เท่านี้เอง
ช่วย...ด้วยการเอาอัญมณีคู่กายของรดิศมาจากมือมัน
โอปอลเม็ดนั้นทอประกายแสงสีรุ้งพร่างพรายเมื่อเขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาพิศ
มือมิตรยังสั่น หอบหายใจแรงด้วยความล้าเหนื่อย เขาอยู่ที่นี่นานไม่ได้
เงื้อมมือของศานติมัน เมห์ฮราย่อมไม่ใช่ที่ปลอดภัย
แม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อแท้ๆของเขาก็ตาม!
‘มีคนเคยว่าไว้ ไม่มีประตูบานไหนน่าก้าวข้ามไปยิ่งกว่าประตูที่แง้มอยู่
ถ้าประตูปิดเสียแล้ว คนเราก็ขี้เกียจพยายาม... ถ้าประตูเปิด
ก็เห็นสิ่งข้างในเกือบจะหมดสิ้นจนไม่อยากสนใจ...
แต่ถ้าเป็นประตูที่แง้มอยู่ จะมีอะไรเชิญชวนกว่าการก้าวไปสู่สถานที่
หลังประตูนั้นอีกเล่า และข้านี่แหละ จะเป็นคนที่ก้าวข้ามไป’
นิลละยังคงจำได้ดี คำพูดของฝาแฝดตน ตอนที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวราศี
วรรณะมีความต้องการเร้นลับเสมอ บางทีเจ้าตัวคงเข้าใจอยู่คนเดียว
ว่าหลังประตูที่ว่านั่นเก็บซ่อนอะไรไว้
พวกเขาเกิดมาบนเกาะห่างไกลแผ่นดินใหญ่ในทะเลจีนใต้ ใช้ชีวิตอยู่กับบิดาที่นอกจากเป็นรัตติดารา
ผู้แอบฝักใฝ่แสงสว่าง ก่อนจะมาเป็นพ่อค้ายังเคยเป็นข้าราชการผู้เอาใจขายให้พวกต่างชาติ
ที่เข้ามาเหยียบบนประเทศ บางทีแสงจากกองเงินกองทองก็คงจะเข้าตาท่านพ่อด้วยเหมือนกันกระมัง
เขารู้ นอกจากตน วรรณะเองก็จับตาคนเป็นพ่ออยู่เสมอ ทั้งที่ความคิดของวรรณะน่าจะไปกับท่านพ่อ
ได้ดีกว่าเขา แต่เปล่าเลย วรรณะมักตำหนิการกระทำของพ่ออยู่บ่อยครั้ง
บ่นว่าน่าจะยกตำแหน่งจ้าวราศีให้ลูกเร็วๆ
วรรณะนั้นอ่อนแอกว่า แต่ก็เป็นคู่แฝดที่นิลละรักอย่างไม่มีเหตุผล พร้อมจะยอมให้ชีวิต
ด้วยสงสารที่อีกฝ่ายเกิดมาด้อยกว่าเขาที่แข็งแรง อีกฝ่ายจำเป็นต้องได้รับเลือดใหม่จากเขาอยู่เสมอ
ไม่ใช่การถ่ายเลือดอย่างที่คนอื่นเข้าใจ แต่เป็นการดื่มเลือดนิลละโดยตรง พลังของพวกเขาเป็นน้ำ
และน้ำจากกระแสชีวิตก็อุดมด้วยพลังปราณอันยิ่งใหญ่ที่สุด นี่จะช่วยเยียวยาวรรณะได้มากกว่าวิธีใด
มีแต่พวกคนสนิทเท่านั้น ที่จะรู้เรื่องที่ถือเป็นจุดอ่อนของพวกเขาสองคน
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เขาเหมือนเป็นทั้งพ่อและพี่ชายที่เฝ้าคอยตามใจ มากกว่าจะเป็นฝาแฝด
‘ทำไมเจ้ากินแต่ขนมล่ะวรรณะ ระวังฟันผุหมดปากไม่รู้ตัว’
‘ก่อนเข้านอนก็ช่วยเตือนให้ข้าสีฟันด้วยสิ’ วรรณะลอยหน้ายิ้มๆ
ทว่าเมื่อเจ้าตัวเป็นคนทำแล้ว กลับเป็นกิริยาที่มิได้น่าชิงชัง
คนอายุเท่ากันส่ายหน้าราวกับมองน้องเล็ก ‘ถ้าข้าบอกอะไรแล้วเจ้าเชื่อฟังง่ายๆก็คงดี’
ยกเว้นท่านพ่อที่เข้มงวดเสียคน...ใครๆก็ชมชอบยิ้มนี้ของวรรณะที่มีมาพร้อมสุ้มเสียงออดอ้อน
จึงล้วนแล้วแต่พร้อมใจกันให้อภัยไม่ว่าเรื่องใด นิลละเองก็เช่นกัน เคยยอมให้ด้วยรัก
ทว่าตั้งแต่เรื่องราวครั้งสุดท้ายที่แฝดของเขาก่อขึ้นบนเกาะเงา
ฝ่ายนั้นวางยานอนหลับเขา เอาตัวไปเก็บซ่อนไว้ ก่อนจะออกไปกระทำการบางอย่างที่เขาอภัยให้ไม่ได้
คือหมายเอาชีวิตท่านสิตารา ที่สำคัญยังอ้างชื่อเขาอีกด้วย นิลละรู้สึกตัวก็เมื่อตื่นขึ้นมาในเรือของคนคู่
ซึ่งกำลังหลบหนี พบว่าตนถูกโยงเข้ากับความผิดที่ไม่ได้ก่อ
‘ท่านสิตาราไม่มีวันไว้ใจเจ้าอีกต่อไป ทีนี้เจ้าก็ควรพิจารณาว่าจะหันมาเชื่อมอุดมการณ์
ของสองเราเป็นหนึ่งเดียวได้เสียทีหรือยัง แฝดที่ใจไปคนละทิศละทาง บอกเลยว่าดูไม่สวย
แล้วข้าก็ขอให้เจ้าเลือกข้างเมห์ฮรา จบรัตติดาราโง่เง่านี้ให้สิ้นไปเสียที’
‘ข้ามิได้ชมชอบวิถีแห่งรัตติดารา แต่ก็ยิ่งรังเกียจวิธีที่เจ้าเลือกใช้ตลอดมายิ่งกว่า
ไม่ใช่การหักดิบแบบนี้ วรรณะ!’ เขาเคยคิดว่าแฝดตนจะเปลี่ยน จะดีขึ้นมาบ้างเมื่อโตพอ
แต่ตอนนี้คู่แฝดของเขาไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย กลับสำแดงความเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน...
เมื่อตอนท่านพ่อถูกฆ่า เขาเคยไม่เชื่อว่าเป็นวรรณะที่ทำ หรือว่าเขาคงต้องย้อนคิดดูใหม่อีกที
ตั้งแต่จากเกาะเงามาขึ้นฝั่ง สิตาราทิ้งเรือลำนั้นและพรตไว้ข้างหลัง
เห็นว่าเขาคงปลอดภัยดีแล้วเมื่อมาอยู่ยังแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรพรตก็เป็นคนของชามัล
เธอรู้ว่าตัดสินใจเอาตัวเขาออกจากเกาะมาแล้วอย่างนี้ก็คงห้ามอีกฝ่ายไม่ให้แจ้งข่าวถึงนายไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร จากนี้การพยายามควบคุมเธอจากทาสแห่งโมรารัตติกาลนั้นจะต้องจบสิ้นลงเสียที
ครั้งยังเด็ก สิตาราเคยคิดว่าพอเป็นสาวขึ้นมาเธออาจพลิกกลับมาอยู่เหนือชามัล ทำให้เขาเป็นทาส
อย่างที่ควรจะเป็นจริงๆ พอโตมาจึงรู้ว่าเรื่องนั้นก็เป็นแค่ฝัน ถึงร่ำเรียนวิชาจากพ่อปู่มาแล้ว
มิตรเปิดตาที่สามให้แล้ว แต่เอาเข้าจริงคนอย่างชามัลก็ไม่มีวันถูกควบคุมได้เลยไม่ว่าด้วยน้ำมือใคร
“เหล่ารัตติดารา จงฟังคำข้าผู้เป็นราศีที่สิบสาม อยู่เหนือพวกเจ้าทั้งหมด!
ขอออกคำสั่งให้ส่วนหนึ่งกระจายตัวไปสืบข่าว และอีกส่วนหนึ่งอยู่รับใช้ข้า
จงจำไว้ให้ดีๆ จากนี้ไปมีเพียงข้าที่สามารถบงการพวกเจ้า หาใช่แม่ชีดำ
หรือว่าอสรพิษตนนั้น ข้าขอให้เจ้าติดตามและทำตามสั่งข้าไปจนถึงที่สุด
ห้ามเปิดเผยตัวต่อผู้ใด และหากเจอราศีอื่นจงพยายามหลบเลี่ยง
หากถูกจับได้ก็อย่ายอมรับว่าเป็นภูตดาราเป็นอันขาด!”
สิตาราออกคำสั่งอย่างมั่นใจ ทั้งรู้ว่าคำสาบานของเหล่าภูตดาราที่มีขึ้นในวันสถาปนานั้นอาจไม่มีผล
คนพวกนี้อาจขัดคำสั่งเธอเมื่อไรก็ได้ แล้วเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนก็จะรู้ ว่าเธออาจไม่ใช่ราศีที่สิบสามที่แท้
แต่ใครเลยจะกล้าลองเป็นคนแรก ในเมื่อการขัดคำสั่งก็หมายถึงเอาชีวิตตัวเองเสี่ยงเข้าแลกดีๆนี่เอง
ข่าวมาว่าไล่ๆกันกับที่เธอขึ้นฝั่ง เป็นเวลาที่จ้าวราศีพฤษภซึ่งบาดเจ็บสาหัสเมื่อคราวเกาะเงา
ได้หวนมายังแผ่นดินสยาม ตั้งใจมาตั้งหลักก่อนทวงหนี้แค้นจากผู้ทำตนเจ็บปางตายอย่างสาสมที่สุด
ข้อเท็จจริงลับๆอันหนึ่งที่สิตาราเพิ่งได้รู้จากพ่อปู่อโพซินเต้ เหล่าจ้าวราศีทุกราศีมีอัญมณีศักดิ์สิทธิ์
เป็นของคู่กาย ที่เธอไม่รู้ก็คือ พวกเขาได้ผูกอำนาจของตนไว้กับพลอยล้ำค่านั้น สายสัมพันธ์อันไม่มีวัน
ไถ่ถอน ไม่เหมือนโมราของเธอและชามัล เพราะเหล่าพลอยของจ้าวราศีไม่อาจเปลี่ยนมือเปลี่ยนอำนาจ
จนกว่าผู้ครอบครองคนเก่าจะตาย พอกับที่ตัวจ้าวผู้ครอบครองก็ไม่อาจเปลี่ยนพลอยเม็ดของตน
ที่ผูกวิญญาณไว้ได้เช่นกัน หากสามารถนำพลอยมาทำลายให้สิ้นหรือนำมาเก็บไว้ พลังของเจ้าของ
ก็จะถูกผนึกลงเสียเป็นครึ่งเลยทีเดียว
“เจ้าดาวน้อย เจ้าคงเห็นวัวขาเกกยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ใช้มันเป็นที่ทดลองวิชาดูหน่อยเป็นไร”
“แต่ว่าพ่อปู่ จ้าวราศีพฤษภที่ข้าเคยเห็นแข็งแกร่งนัก”
“ใช่ แต่หยิ่งทะนง อวดดี บ้ากำลัง ประมาท ทั้งหมดที่ว่ามาแล้วคือความโง่เง่าที่คนฉลาดไม่ยินดี”
อโพซินเต้เอ่ยพร่าทั้งรอยยิ้ม “ไป! นังหนู ไปจัดการลิดเขาวัวให้ข้าชมหน่อยเป็นไร”
ไม่กี่คืนจากนั้น สิตาราใช้พลังแห่งความมืดซึ่งแผ่ซ่านในตนเข้าถึงจ้าวแห่งพวกวัว
ซึ่งเมามายหลับใหลอยู่ในโรงเตี๊ยมเก่า ไม่ยากอย่างที่คิด กลุ่มคนเหล่านี้คิดว่าลอบเข้ามาถิ่นนี้
เงียบเชียบดีแล้วจึงขาดการระวัง หารู้ไม่ว่าข่าวรั่วไหลจากการดักจับข่าวสารที่มากับนก
โดยน้ำมือพ่อปู่ที่คอยช่วยเหลือ
หญิงสาวผมสั้นปราดเปรียวราวเด็กหนุ่มสำรวจห้องว่องไว ทุกคนล้วนหลับใหลลงด้วยมนตร์ทับตา
ซึ่งเธอร่ายออกมาในชั่วขณะหนึ่ง วันนี้คนเหล่านี้ไม่มีหน้ากากวัว แต่สิตาราก็จำพวกมันได้แม่นยำ
จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นต่างชาติร่างยักษ์ผมสีน้ำตาลเข้มเส้นหยาบ ภาพตรงหน้าพาให้พลัน
ย้อนนึกไปถึงชายผู้นอนจมกองเลือดในเทวสถาน นักบวชดำ ท่านร่วมมือกับวัวบ้าเหล่านี้ทรยศต่อข้า
หรือมีเหตุผลอื่นใด ท่านคงไม่อาจตื่นมาตอบคำถามข้าได้อีกแล้ว
สิตาราเงื้อมีดขึ้น สายตาเล็งไปยังคอของผู้กำลังหลับใหล และอย่างไม่มีความลังเลใด
มีดตวัดฉับ! ไม่มีเลือด...เสียงกรนราวกับเรือกลไฟของวัวหลับยังดำเนินต่อไป
นี่คือความตั้งใจของเธอแต่แรก
‘พ่อปู่ ข้าจะเดินไปในทางตรงกันข้ามกับชามัล เขาทำลายชีวิตคนอื่นเพื่อทางของตนเอง แต่ข้าไม่’
‘ข้าบอกแล้ว จงตั้งมั่น ทำตามที่ใจตนต้องการ ตามที่ใจเจ้าว่าควรทำ ที่เหลือก็แค่เชื่อในตัวเอง’
เธอตัดสร้อยร้อยอัญมณีคู่กายของฝ่ายนั้นจนขาด ก่อนฉวยเอาติดมือมาด้วย
มรกตของจ้าวราศีพฤษภ เป็นสีเขียวเข้มจัด แตกต่างกับมรกตสนธยาเหลือบแสงเขียวอ่อนมลังเมลือง
หัวใจราชสีห์อันเป็นพลอยของราศีสิงห์
ภารกิจสำเร็จ สร้อยขาดได้ด้วยมีดอาคมขลัง อาวุธมีคมทำจากโลหะพิเศษซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวน
สามชิ้นที่สิงหรานีเคยว่าไว้ สิตาราโลดลิ่วกลับไปหาอาจารย์ผู้เฒ่าที่รอคอย พวกวัวอาจตามมา
เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในเมื่อหัวหน้าถูกลดอำนาจลงถึงครึ่ง ความเป็นไปภายในย่อมระส่ำระสายอ่อนแอ
ร่างเพรียวบางซอกซอนไปตามคูหาของถนนเยาวราชเก่าที่เวลาดึกสงัดเช่นนี้ก็เงียบเชียบ
ผ่านลอดใต้หลังคาคูหา ก่อนปีนป่ายโดดขึ้นถึงชั้นไม้มุงด้วยสังกะสีสลับกระเบื้องแผ่นยาว
หาทางออกพ้นเขตชุมชน ลำบากหลบสายไฟกับป้ายแขวนระเกะระกะที่บางทีก็รกขึ้นมาถึงชั้นบน
ร่างกาย กลับเบาหวิวจนแทบไม่รู้สึกว่าเป็นตัวเองเหมือนอย่างแต่ก่อนมา
‘คนมีของเก่ามาแต่เกิดอย่างเจ้า ขอแค่เอามาใช้ให้ถูกทิศ
หากเป็นศิษย์พ่อปู่แล้วก็ยากจะหาใครมาต่อกร’
แล้วมันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ทว่าในจังหวะหนึ่ง สิตารากลับรู้สึกว่าตนไม่ได้อยู่ลำพัง
แม้มองไม่เห็น แต่มีคนกำลังติดตามมาไม่ใกล้ ไม่ไกล ใครอีกคนที่ฝึกฝนมาเหนือชั้นกว่าเธอ!
ดังนั้นหญิงสาวจึงหยุดอยู่บนหลังคาเรือนหลายชั้นอันเบียดเสียด ยืนตรงแน่วแน่ ตัดสินใจเอ่ย ไม่ดัง และไม่เบา
“ใครตามมา ออกมาให้เห็นหน้าเถอะ ต้องการอะไรก็พูดมา!”
เพียงแค่เงาร่างที่เห็นนั้นก็ทำให้จำได้ ผ้าโพกศีรษะแบบนั้น หากไม่ใช่วรรณะก็คงเป็นนิลละ
ไม่มีทางเป็นคนอื่นคนไกล ภาพการไล่ล่าเหี้ยมโหดในคืนวันแต่งงานของเธอเองแล่นเข้ามาวูบ!
หากนี่คือแฝดคนเดียวกับตอนนั้น สิตาราจะเอาตัวรอดไปได้หรือไร ...ทว่าที่ปรากฏใต้เงาจันทรา
ตาโศกบนใบหน้าขรึม บ่งบอกว่าคนที่อยู่ต่อหน้านี้น่าจะเป็นนิลละ และเวลานี้ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะ
ล่าสังหารเธอ
“ท่านสิตารา ข้ากลับมาพบท่าน ได้โปรด ให้ข้าได้ติดตามรับใช้ท่านเหมือนเดิม...”
หญิงสาวถอยไปก้าวหนึ่ง ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มีหรือเธอจะไม่รู้ว่านิลละคิดกับตนเช่นไร
เพียงแต่พยายามทำเหมือนไม่รับรู้เท่านั้น เพราะอยากให้เขาเป็นเพียงเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่งต่อไป
แต่ตอนนี้เธอจะรู้สึกกับเขาเหมือนเดิมได้ยังไงเมื่อคนที่มีใบหน้าอย่างนี้ ใส่ตุ้มหูมุกสีดำอย่างนี้
เพิ่งจะถือดาบวิ่งไล่ฆ่าตนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“อย่าเข้ามา นิลละ” สิตาราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหินห่าง สีหน้าหมางเมิน
“คนที่ลงมือกับท่านไม่ใช่ข้า ไม่มีทางเป็นข้า...ทำไมท่านถึงไม่เชื่อ”
“ตอนนี้เรื่องไว้ใจหรือไม่ คงไม่จำเป็นเท่ากับข้ายอมให้เจ้าเข้าใกล้ไม่ได้แล้ว!”
“ต้องให้พิสูจน์อย่างไร ถึงจะเรียกความไว้ใจของท่านคืนมา”
หญิงสาวเกือบจะตอบปฏิเสธ แต่แล้วคำตอบอย่างใหม่ก็ลอยขึ้นในใจ
นี่เป็นโอกาสแล้วที่จะจัดการกับจ้าวราศีเมถุน
“มุกดำของเจ้า ที่ใส่ไว้ติดหูข้างนั้น ส่งมาให้ข้าก่อนเป็นไง”
เจ้าของร่างที่อ้างว่าเป็นนิลละเพียงเบิกตากว้างอย่างตะลึง ทว่าก็ไม่ถามไถ่ ไม่ต่อรอง
เพียงแต่ขยับถอดเครื่องประดับตามที่หญิงสาวเรียกร้องแล้วโยนให้ทันที
สิตาราคว้ารับไว้หมับได้ไวปานกัน “ไม่คิดว่าเจ้าจะยอม” คนขอถอนหายใจแรง ได้จับแล้วถึงรู้
มุกดำเม็ดนี้เป็นของจริง เป็นสิ่งที่อยู่คู่กายนิลละมาตลอด แต่เธอเองก็แจ้งใจว่าแฝดทั้งคู่
เชี่ยวชาญพลังอำพราง การจะรู้ว่านี่คือตัวจริงหรือไม่ คงต้องใช้บททดสอบกันบ้าง
“ท่านเป็นราศีที่สิบสาม และข้าเป็นผู้ภักดี ทั้งด้วยน้ำสาบานครานั้นและด้วยใจของข้า
สั่งอย่างไรก็ต้องทำตามอยู่แล้ว”
“เอาเถอะ งั้นก็ทำตามที่ข้าบอก วิ่งไปทางดาวรุ่งที่เห็นอยู่นั่น นำไป ข้าไม่หันหลังให้เจ้า จะคอยตามเจ้าเอง”
หากไปถึง ผู้ที่รออยู่ทิศนั้นไม่ใช่ใคร เป็นครูบาอโพซินเต้ ไม่ว่าหนึ่งในแฝดจะมาดีหรือมาร้าย
พ่อปู่ท่านย่อมช่วยเหลือได้แน่นอน
อโพซินเต้ถือไม้เท้ารออยู่นานใต้ร่มมะขามในเงาตะคุ่มของมุมเมือง
“พ่อปู่” สิตาราร้องเรียกอีกฝ่ายที่ยืนรอใต้ร่มไม้เพียงเดียวดาย “คืนนี้ข้าทำได้
จะด้วยโชคหรืออะไรก็ไม่รู้ละ ข้ากลายเป็นคนใหม่แล้วจริงๆ”
หญิงสาวส่งเสียงข้ามแฝดคนที่วิ่งนำหน้าไปอวดเหมือนเด็กๆอย่างลิงโลดใจ
“ดูฤกษ์ดาวโจรให้ขนาดนี้ แถมยังสั่งยังสอนเจ้าจนแทบล้มประดาตาย ศิษย์ของจ้าวอาคม
จะทำการแค่นี้ไม่สำเร็จก็ให้มันรู้ไป! ว่าแต่นั่นพาตัวอะไรมาด้วย” อโพซินเต้ไม่พูดเปล่า
ยังยกไม้เท้าเตรียมร่ายวิชา
“ช้าก่อน ข้าเป็นพวกท่าน ข้าคือนิลละ จ้าวราศีที่ภักดีต่อท่านสิตารายิ่งกว่าผู้ใด”
“อ้อ แต่ได้ข่าวว่าเพิ่งก่อเรื่องไว้ที่เกาะเงาไม่ใช่หรือไงไอ้หนุ่ม” อโพซินเต้ยั้งอาคมไว้
สายตายังเตือนว่าไม่เลิกระแวง
ชายหนุ่มชูสองมือขึ้นเหนือศีรษะอย่างยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ “คนทำเรื่องนั่นมันวรรณะ
ก่อการแล้วก็มาโทษข้าทุกที ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ข้ารับแทนทุกอย่างสละให้ทุกสิ่ง
ต่อแต่นี้ข้าขอเป็นไท ทั้งจากราศีทั้งจากไอ้แฝดบ้าๆของข้า พอกันที”
พูดจบเจ้าตัวก็หันไปมองสบตาสิตาราที่วิ่งตามมาข้างหลัง
สายตามีแต่ความหม่นหมองและเสียใจทั้งเหยียดหยันตนเองในอดีตที่ผ่านมา
“งั้นจะทำลายมุกเม็ดนี้ลงตรงนี้เลยได้ไหม”
“เอาเลย เชิญทำได้ตามสบาย”
สิตารายกกำมือขึ้น หรี่ตาบริกรรมพึมพำคาถาอย่างที่คนเป็นอาจารย์สอนสั่ง
ไม่นานก็คลายมือออก สิ่งที่ชายแห่งราศีคนคู่เห็น ก็คือผงสีดำป่นละเอียกระยิบระยับ
ถูกปล่อยปลิวปะปนไปกับลม
“ตอนนี้เจ้าก็เหลือแต่ตัว”
“กับความภักดีที่จะมีให้ท่านสิตาราเสมอไป เพราะงั้น...ได้โปรด กลับมาไว้ใจข้าดังเดิม”
คนพูดคุกเข่า เงยมองเกือบจะเป็นกราบกราน
“ได้...” สิตารายิ้มมุมปากน้อยๆ “แต่ตอนนี้ ขอไว้ใจแค่ครึ่งเดียวก่อนแล้วกัน”
ก่อนแสงอรุณเบิกฟ้ามาเยือน พวกสิตาราเดินทางรวดเร็วกลับถึงค่ายที่ชานเมืองอันมีรัตติดาราผู้ภักดีรออยู่
หญิงสาวใช้ความตัวเบาปีนป่ายโหนกายขึ้นไปนั่งบนกิ่งสาขาของไม้ใหญ่ มองเสี้ยวจันทรกำลังจรจาก
งานแรกสำเร็จลงได้ด้วยดี และตอนนี้เธอมีนิลละที่ถึงกับยอมให้ทำลายอัญมณีคู่กาย
หญิงสาวล้วงเอามุกดำเม็ดจริงที่ซ่อนเอาไว้ออกมาเพ่งพิศ ที่เขาเห็นก็เป็นแค่กลลวง
ของจริงเธอยังเก็บเอาไว้ ต่างกับอัญมณีของจ้าวราศีวัวที่ถูกทำลายลงแตกคามือต่อหน้าพ่อปู่ไปแล้ว
เธอโตมากับนิลละ หกเจ็ดปีที่อยู่ร่วมกันมานั้นมีความหมาย แล้วเธอเองจะตัดเส้นชีวิตเขาทิ้งได้ละหรือ
เอาเถอะ...สิ่งที่ต้องพบต้องเจอนี่มันยังแค่เริ่มต้น
สิตารารู้ว่าเป้าหมายต่อไปเปรียบประดุจภูเขามืดดำตั้งทะมึนอยู่ขวางหน้า
มือบอบบางเลื่อนไปกุมกำอัญมณีเม็ดสำคัญที่สุดในชีวิตซึ่งร้อยติดอยู่กับสร้อยหนัง
ลูกปัดโมราสีเลือดเม็ดที่อยู่ใกล้หัวใจ ที่เธอจะต้องผ่านไปให้ได้จริงๆคือชายผู้นั้นต่างหาก
คนผู้มอบรอยจุมพิต รอยรักอันแสนเจ็บปวดค้างคาเอาไว้ ชามัล เมห์ฮรา
อสรพิษร้ายตนนั้นที่แย่งชิงหัวใจเธอไป
อรุณรุ่งแต่งแต้มริมฟ้า หยาดน้ำตาหยดเล็กๆยังคงติดค้างอยู่ที่ปลายขนตาของดวงตางามซึ้ง
ซึ่งค่อยๆซาบซับแสงแดดที่จุดขึ้นมา หยาดน้ำค้างแห่งความอาดูรเหล่านี้ ถึงเวลามันคงหายไป
แต่ต้นรักในใจจะยังอยู่ตราบวันสุดท้าย
รัก...อาจไม่ใช่ต้นอ่อนที่เติบโตด้วยหยาดน้ำค้างฟุ้งฝัน
บางทีมันก็งอกงามขึ้นมาจากหยาดน้ำตา
เพียงแต่หวัง...ว่าคนที่ทำให้รักก่อเกิด
จะหันกลับมาดูแลต้นรักนั้น ในสักวัน
{โปรดติดตามบทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย}
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2557, 06:48:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2557, 06:55:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 1467
<< ตอนพิเศษของคู่กัด-นายเสือกับนางสิงห์ (ชื่อยังกะนิยายวัยรุ่น) จริงๆมาชวนเล่นเกมชิงหนังสือในเฟซบุคอสิตา | บทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย +ชวนเล่นเกมชิงหนังสืออัญมณีเหนือกาลในเฟซบุคค่ะ+ >> |
อสิตา 21 ม.ค. 2557, 06:50:41 น.
คุณเกดซ่า – บานบุรีงั้นเหรอ เจ๊สิงห์โกรธละ ตกรอบไปซะเถอะ... ชิๆ ท่านอัคนิชอบทำรุนแรง เป็นซาดิสม์
แต่ลูกชายเป็นมาโซนะ ชอบถูกกระทำ หึ ไม่เหมือนกัน
คุณก้อนหิน – เสือดำกับสิงห์ห้าวน่ารักนะคะ ชอบคู่นี้มากเลย *-* อยากเล่นขนเสือ
คุณหนูยิ้ม – ก็ลงเรียกคนไปเล่นเกมไง เหอๆ เกมตั้งชื่อเป็นดอกไม้น่ะ
คุณบาร์บี้ – อ่าห์ ขอบคุณค่ะ กดไลค์ให้ก็น่ารักที่สุดแล้ว ช่วงนี้ช่วยเลี้ยงเด็กหรือคะ
คุณหนอนน้อยสะดิ้งขี้เถ้า – หนอนนี่ยังไงน้า แอบรักชามัลไม่สนใจแล้วก็บอกมาเห๊อะ
ทำเป็นอยากได้หมอนข้างขนดำ แล้วหมอนข้างมีเกล็ดล่าหนอนนนน
คุณเกดซ่า – บานบุรีงั้นเหรอ เจ๊สิงห์โกรธละ ตกรอบไปซะเถอะ... ชิๆ ท่านอัคนิชอบทำรุนแรง เป็นซาดิสม์
แต่ลูกชายเป็นมาโซนะ ชอบถูกกระทำ หึ ไม่เหมือนกัน
คุณก้อนหิน – เสือดำกับสิงห์ห้าวน่ารักนะคะ ชอบคู่นี้มากเลย *-* อยากเล่นขนเสือ
คุณหนูยิ้ม – ก็ลงเรียกคนไปเล่นเกมไง เหอๆ เกมตั้งชื่อเป็นดอกไม้น่ะ
คุณบาร์บี้ – อ่าห์ ขอบคุณค่ะ กดไลค์ให้ก็น่ารักที่สุดแล้ว ช่วงนี้ช่วยเลี้ยงเด็กหรือคะ
คุณหนอนน้อยสะดิ้งขี้เถ้า – หนอนนี่ยังไงน้า แอบรักชามัลไม่สนใจแล้วก็บอกมาเห๊อะ
ทำเป็นอยากได้หมอนข้างขนดำ แล้วหมอนข้างมีเกล็ดล่าหนอนนนน
อสิตา 21 ม.ค. 2557, 06:51:07 น.
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – นางสิงห์เอาแต่ใจมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ เสือได้แต่หน้าแดงและตามใจนาง เหอๆ
คุณริญจน์ธร – ตอนแรกกะจะเบี้ยว แต่มาลงวันนี้แทนก็ได้ จะได้ลงถึงวันที่ใกล้เคียงกัน เหอๆ
คุณโกลเด้นซัน – มาลงแบบขี้เกียจค่ะตอนที่แล้ว จริงๆคือจะชวนไปเล่นเกมชิงหนังสือในเฟซบุค 55
คุณบุลินทร – ชอบทุกคนเลยนะที่ไม่ใช่ตามาร ชิ มันน่านัก ส่งงูไปตุ๋ยหลังจากตุ๋ยเฟอร์แล้ว...
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – นางสิงห์เอาแต่ใจมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ เสือได้แต่หน้าแดงและตามใจนาง เหอๆ
คุณริญจน์ธร – ตอนแรกกะจะเบี้ยว แต่มาลงวันนี้แทนก็ได้ จะได้ลงถึงวันที่ใกล้เคียงกัน เหอๆ
คุณโกลเด้นซัน – มาลงแบบขี้เกียจค่ะตอนที่แล้ว จริงๆคือจะชวนไปเล่นเกมชิงหนังสือในเฟซบุค 55
คุณบุลินทร – ชอบทุกคนเลยนะที่ไม่ใช่ตามาร ชิ มันน่านัก ส่งงูไปตุ๋ยหลังจากตุ๋ยเฟอร์แล้ว...
yimyum 21 ม.ค. 2557, 06:55:47 น.
ลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านตอนเย็นนะคะ^^
ป.ล. อ่านตอนท้ายนิดนึงแล้วแบบว่า....><
ลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านตอนเย็นนะคะ^^
ป.ล. อ่านตอนท้ายนิดนึงแล้วแบบว่า....><
อสิตา 21 ม.ค. 2557, 07:04:42 น.
หนูยิ้มชนะเกดซ่าแล้ววันนี้
หนูยิ้มชนะเกดซ่าแล้ววันนี้
ketza 21 ม.ค. 2557, 07:47:12 น.
อ๊ายๆๆๆ เกดซ่าไม่รู้ว่าวันนี้จิลงให้อ่านล่วยยย
.... ดูจิมาไม่มัน นู๋ยิ้มกินปู้จายของพี่เกดซ่าไปครึ่งตัวแย้ววว
ป.ลิง เหลือช่วงล่างไว้ให้พี่นะน้องนู๋ พี่ขอ....5555555++ ฟิ๊ววววว
อ๊ายๆๆๆ เกดซ่าไม่รู้ว่าวันนี้จิลงให้อ่านล่วยยย
.... ดูจิมาไม่มัน นู๋ยิ้มกินปู้จายของพี่เกดซ่าไปครึ่งตัวแย้ววว
ป.ลิง เหลือช่วงล่างไว้ให้พี่นะน้องนู๋ พี่ขอ....5555555++ ฟิ๊ววววว
อสิตา 21 ม.ค. 2557, 08:12:57 น.
เกดซ่าอย่าพูดแบบนั้นกับเด็กกกกกกกกกกกกก
เกดซ่าอย่าพูดแบบนั้นกับเด็กกกกกกกกกกกกก
konhin 21 ม.ค. 2557, 09:52:34 น.
กรี๊ดๆ ให้นิลละเป็นพระเอกแทนได้มั้ยยยย
ว่าแต่เรื่องของตามิตรทำไมจู่ๆรติก็ตายซะงั้นอ่ะ เล่าไว้ตอนไหน สงสารๆๆ
กรี๊ดๆ ให้นิลละเป็นพระเอกแทนได้มั้ยยยย
ว่าแต่เรื่องของตามิตรทำไมจู่ๆรติก็ตายซะงั้นอ่ะ เล่าไว้ตอนไหน สงสารๆๆ
SunSeed 21 ม.ค. 2557, 10:08:53 น.
ตระกูลเมห์ฮรานี่ ร้ายกาจทั้งตระกูลเลยนะคะพี่แป้ง ความหมายรวม ทั้งเรื่องรัก และเรื่องแค้น อิอิ
ตระกูลเมห์ฮรานี่ ร้ายกาจทั้งตระกูลเลยนะคะพี่แป้ง ความหมายรวม ทั้งเรื่องรัก และเรื่องแค้น อิอิ
ดังปัณณ์ 21 ม.ค. 2557, 10:43:55 น.
เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ม่ายอ่าว เค้ากลัวงูกลัวหนอน เอ๊ะ กลัวตัวเอง 555+ ยังไง้ยัไงเสือสิงก็น่ารักกว่างูอ่ะนะคุณแป้ง เจอเกล็ดๆเข้าไปเดี๋ยวนอนไม่หลับ อี๊ย์ อย่าพูดจิ เค้านึกถึงหนอนแก้ว (หนัหลังวิ่งจุ๊ด) ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหม 555+
อัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล คำลาครั้งสุดท้าย อัลไลลลลลลลลลลลลลลลล มันคืออัลไลลลลลลลลลล กรีดร้องโวยวาย
แหงะ มาโหดกว่าทั่นอัคนิอีกอ่ะ ฮือๆๆๆๆ คุณแป้งซาดิสต์ แหงะทายผิดอีกแระ คนผิดคือวรรณะเหรอ แง้ๆๆๆ โอ๋ๆๆๆ นิลละ มามะมาให้ป้ากอด ป้าผิดไปแย้ววววววววววววววว
เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ม่ายอ่าว เค้ากลัวงูกลัวหนอน เอ๊ะ กลัวตัวเอง 555+ ยังไง้ยัไงเสือสิงก็น่ารักกว่างูอ่ะนะคุณแป้ง เจอเกล็ดๆเข้าไปเดี๋ยวนอนไม่หลับ อี๊ย์ อย่าพูดจิ เค้านึกถึงหนอนแก้ว (หนัหลังวิ่งจุ๊ด) ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหม 555+
อัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล คำลาครั้งสุดท้าย อัลไลลลลลลลลลลลลลลลล มันคืออัลไลลลลลลลลลล กรีดร้องโวยวาย
แหงะ มาโหดกว่าทั่นอัคนิอีกอ่ะ ฮือๆๆๆๆ คุณแป้งซาดิสต์ แหงะทายผิดอีกแระ คนผิดคือวรรณะเหรอ แง้ๆๆๆ โอ๋ๆๆๆ นิลละ มามะมาให้ป้ากอด ป้าผิดไปแย้ววววววววววววววว
Barby 21 ม.ค. 2557, 10:44:50 น.
555ไม่ได้ช่วยเลี้ยงเด็กอะไรหรอกค่ะ ตกลงเป็นนิลละจิงๆหรอที่มาสวาภิภักดิ์อ่ะ
555ไม่ได้ช่วยเลี้ยงเด็กอะไรหรอกค่ะ ตกลงเป็นนิลละจิงๆหรอที่มาสวาภิภักดิ์อ่ะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 21 ม.ค. 2557, 14:06:38 น.
ตกลง นี่ เค้ากำลังอ่านเรื่องยอดมนุษย์หญิงป้ะ หญิงเก่งแห่งความมืด นางอยู่คนเดียวก็ดูโอเคนะ มะต้องมีคู่มาทำให้ชอกช้ำใจหรอก 5555
ตกลง นี่ เค้ากำลังอ่านเรื่องยอดมนุษย์หญิงป้ะ หญิงเก่งแห่งความมืด นางอยู่คนเดียวก็ดูโอเคนะ มะต้องมีคู่มาทำให้ชอกช้ำใจหรอก 5555
Zephyr 21 ม.ค. 2557, 15:21:14 น.
ตอนนี้เค้าเทใจให้นิลละ ฮีแมนมว้ากกกกกกกกกกกกก
ฮ่าๆๆๆๆ โหววววว ทำไมวรรณะถึงเป็นไปได้เช่นนั้น
แต่นิลละคงรักสิต้าสินะ แต่ต้องชอกช้ำระกำใจเพราะไส้เดือนตัวใหญ่ๆ
เฮ้อ สิต้าก็รักไส้เดือนอีก มะม้าหาคู่ให้นิลละหน่อยสิ ไม่เอาวรรณะนะ
เอาสวยๆ สาวๆ งามๆ เอ รึเอาลูกสิต้าดี ดีเลย จะได้เหมือนแก้แค้น ตางูที่เคยชิงนางในดวงใจ
คราวนี้ให้นิลละชิงแก้วตาของงูที่จะเกิดกะสิต้าในอนาคตน่าจะดี ฮี่ๆๆๆๆ
ตอนนี้เค้าเทใจให้นิลละ ฮีแมนมว้ากกกกกกกกกกกกก
ฮ่าๆๆๆๆ โหววววว ทำไมวรรณะถึงเป็นไปได้เช่นนั้น
แต่นิลละคงรักสิต้าสินะ แต่ต้องชอกช้ำระกำใจเพราะไส้เดือนตัวใหญ่ๆ
เฮ้อ สิต้าก็รักไส้เดือนอีก มะม้าหาคู่ให้นิลละหน่อยสิ ไม่เอาวรรณะนะ
เอาสวยๆ สาวๆ งามๆ เอ รึเอาลูกสิต้าดี ดีเลย จะได้เหมือนแก้แค้น ตางูที่เคยชิงนางในดวงใจ
คราวนี้ให้นิลละชิงแก้วตาของงูที่จะเกิดกะสิต้าในอนาคตน่าจะดี ฮี่ๆๆๆๆ
goldensun 21 ม.ค. 2557, 17:27:13 น.
เมห์ฮราที่วรรณะเลือกจะเป็นชามัลรึเปล่า เจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่ แล้วนิลละทิ้งคู่แฝดมาได้ยังไง ตามแผนวรรณะแบบไม่รู้ตัวรึเปล่า เพราะไงก็ต้องให้เลือดวรรณะนี่คะ นิลละยอมทุกอย่าง ยอมเกินไปมั้ย คงชนะใจสิตารายาก อ่อนไป
ตอนรดิศลุยมิตร ไม่ได้อ่านเลยค่ะ รตีขวางยังไงถึงตาย รดิศพลั้งมือหรือคะ ก็เห็นว่ารักน้อง สงสารมิตร
ดีจังที่สิตาราเริ่มมีฝีมือ แล้วมีดที่มี ตัดโมราได้รึเปล่า ตัดใจทำลายโมราได้รึเปล่า
เมห์ฮราที่วรรณะเลือกจะเป็นชามัลรึเปล่า เจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่ แล้วนิลละทิ้งคู่แฝดมาได้ยังไง ตามแผนวรรณะแบบไม่รู้ตัวรึเปล่า เพราะไงก็ต้องให้เลือดวรรณะนี่คะ นิลละยอมทุกอย่าง ยอมเกินไปมั้ย คงชนะใจสิตารายาก อ่อนไป
ตอนรดิศลุยมิตร ไม่ได้อ่านเลยค่ะ รตีขวางยังไงถึงตาย รดิศพลั้งมือหรือคะ ก็เห็นว่ารักน้อง สงสารมิตร
ดีจังที่สิตาราเริ่มมีฝีมือ แล้วมีดที่มี ตัดโมราได้รึเปล่า ตัดใจทำลายโมราได้รึเปล่า
yimyum 21 ม.ค. 2557, 19:12:45 น.
>>Ketza<< ไม่ได้กินซักหน่อย พี่เกดซ่าเพ้อคนเดียวอ้ะเปล่า
>>อสิตา<< ถ้าพี่เจอห้องหนูแล้วจะอึ้งมากกว่านี้ 555
ป.ล. รตีตายแล้ว ตายยังไงพี่แป้งตัดไปอ้ะป่าว ¡¿¿
>>Ketza<< ไม่ได้กินซักหน่อย พี่เกดซ่าเพ้อคนเดียวอ้ะเปล่า
>>อสิตา<< ถ้าพี่เจอห้องหนูแล้วจะอึ้งมากกว่านี้ 555
ป.ล. รตีตายแล้ว ตายยังไงพี่แป้งตัดไปอ้ะป่าว ¡¿¿
เด่นเดือน 21 ม.ค. 2557, 20:22:05 น.
ก็ไม่รู้สินะ... ยังไงเอะยังไง
เมื่อไรจะเจอชาจังเสียทีละ คิดถึงจูงเบย
อ่านมาทั้งตอนมีแต่คนนึกถึง แต่ไม่มีตัว เป็นมโนคุ้งไปมา แต่ว่าตกลงแฝดที่แยกตัวมานี่ดีแน่นะ ไม่ไว้ใจๆ
สุดดดดดดดท้ายยยยยยยยย หนังสือออกเมื่อไรอะคะ ประเด็นคืออยากรู้ว่างูจะมีความสุขบ้างไหม
ก็ไม่รู้สินะ... ยังไงเอะยังไง
เมื่อไรจะเจอชาจังเสียทีละ คิดถึงจูงเบย
อ่านมาทั้งตอนมีแต่คนนึกถึง แต่ไม่มีตัว เป็นมโนคุ้งไปมา แต่ว่าตกลงแฝดที่แยกตัวมานี่ดีแน่นะ ไม่ไว้ใจๆ
สุดดดดดดดท้ายยยยยยยยย หนังสือออกเมื่อไรอะคะ ประเด็นคืออยากรู้ว่างูจะมีความสุขบ้างไหม
บุลินทร 21 ม.ค. 2557, 21:51:23 น.
ภาคสามจะเป็นเรื่องใครน้าาาา อยากอ่านเรื่องตามิตร
ภาคสามจะเป็นเรื่องใครน้าาาา อยากอ่านเรื่องตามิตร
ketza 21 ม.ค. 2557, 22:32:26 น.
กว่าจะได้อ่านมืดเบยยย....
เง้อๆๆๆๆ ฉงฉานมิตรอ่ะ T^T ตอนนี้เศร้าไปนะ
.. นู๋สิมีแว้วจะโหดเหมือนนางสิงห์ไหมเนี่ย เหอๆๆๆ
กว่าจะได้อ่านมืดเบยยย....
เง้อๆๆๆๆ ฉงฉานมิตรอ่ะ T^T ตอนนี้เศร้าไปนะ
.. นู๋สิมีแว้วจะโหดเหมือนนางสิงห์ไหมเนี่ย เหอๆๆๆ