โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑๖ (...ต่อ) +ชวนเล่นเกมชิงหนังสืออัญมณีเหนือกาลในเฟซบุคค่ะ+

ชามัลจากเกาะเงามานานหลายเดือนและได้เดินทางมาจนถึงเมืองเชียงใหม่
ที่ตั้งของราศีกันย์ซึ่งเขาหมายมาด ภายใต้สถานอันงามเหมือนวัดวังเก่าแก่อย่างล้านนา
จ้าวราศีสตรีแสนงามเจ้าของแววตาพรายเสน่ห์กรายออกมาต้อนรับการมาของชามัลอย่างไม่อิดออด

“นี่คือแหวนอันเป็นเครื่องหมายว่าข้าคืออำนาจครึ่งหนึ่งของราศีที่สิบสาม”
ชามัลยื่นมือที่สวมแหวนหินโบราณวงดำทั้งวงอันได้รับมาไปให้นางได้สัมผัส

“เรียกข้าว่ากันยาเถอะ ข้ารับรู้ได้ชัดว่าขุมพลังที่มากับท่านนั้นเป็นของรัตติดาราจริง
แต่ตัวท่านเล่า หาใช่มนุษย์เดินดินธรรมดา เท่าที่ข้าสัมผัสได้จากผิวกาย
ท่านทรงพลังประจุไว้ภายในเสมือนหนึ่งเทพเจ้า

ชามัลมองดวงตางามพริ้มทอดแสงแรงพิศวาสอันซ่อนเร้น ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบที่เขาชอบ
สวยจัด ยั่วเย้า แต่ก็ยังดูมีราคาและชั้นเชิง

ที่สำคัญไปกว่านั้น ยิ่งยามเมื่ออีกฝ่ายยอบกายถอนสายบัวคำนับ ...เหนือทรวงอกอิ่มขาวผ่องละไม
สร้อยไพลินดวงกลมน้ำงามลึกระยับล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็กนั้นล่อตาอย่างเหลือแสน พลังของมัน
เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงดูดเขาให้มาหานางถึงนี่ พลังแห่งชีวิตอันยั่งยืนนาน ได้ยินมาว่าไพลินของนางผู้นี้
จะช่วยรักษาปราณวิญญาณให้อยู่คู่กายได้สมดุลย์ยิ่ง อาจหมายถึงชีวิตอมตะ

ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเขา...แต่สำหรับมนุษย์สักคนมันจะมีค่ามหาศาล!
ทว่าอัญมณีตรงหน้ายังไม่ใช่สิ่งแรกที่ชามัลหวังจะได้มาตอนนี้ จะเป็นการใจร้อนเกินไป


ในค่ำคืน การฟ้อนเทียนถูกจัดขึ้นต้อนรับแขกผู้มาเยือนภายใต้สถานอันงามวิจิตร
มิได้ออกไปฟ้อนรำกันกลางแจ้ง รัตติดาราก็ยังคงเป็นรัตติดารา ที่ลับๆจำเป็นเสมอ
ขอแค่ทุกอย่างงามสมเกียรติ ท่ามกลางดนตรีพื้นเมืองเหนือที่ขับกล่อม รวมเข้ากับ
งานดอกไม้ประดิษฐ์ขึ้นประดับประดา การแต่งกายงดงามสูงค่าของเหล่านางรำ
ที่ถือเทียนสว่างไสวจับตา ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของต้นตำรับ ของแท้ และของจริง

ชามัลอยู่ในชุดดำมิดชิด มีผ้าคลุมศีรษะและปิดบังใบหน้าอย่างที่เขาทำมาตลอด
เมื่อไม่ได้อยู่บนเกาะเงา ดวงตาสีน้ำตาลทองทอแสงแห่งความพึงใจยิ่งยวด
ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะกับตัวเอง หากเป็นในสมัยที่เขายังมีชีวิต ต่อให้โรงแรมห้าดาว หกดาว
หรือต่อให้เป็นสิบดาวก็คงต้อนรับไม่ได้บรรยากาศอย่างนี้ การตกมายังอดีต อาจเป็นความศิวิไลซ์
อย่างที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอ ทั้งยังบรรเทาความวุ่นวายจอแจในสังคมของพวกมดปลวกลงไปหลายส่วน
บางทีที่นี่คงจะเหมาะกับเขา เพียงแต่รู้สึกว่ายังมีบางอย่างขาดๆหายๆไป อะไรกันนะ...

หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันผ่านไปจนเสี้ยวเดือน ชามัลก็รู้ชัด กันยาจ้าวราศีมีใจต่อเขา
และนั่นเป็นเรื่องดี เป็นสะพานเชื่อมสู่ทุกสิ่งที่เขาหมายจะได้จากนาง ทั้งความงามเลิศล้ำแสนเย้ายวนตา

ดังนั้นในคืนที่ลมพัดกลิ่นดอกราตรีหอมอวลยวนยั่วรำเพยมากับลม เมื่อสตรีแห่งราศีกันย์
เชิญชวนเขาเข้าสู่ห้องหับอันเป็นส่วนตัว ชามัลก็ไม่ปฏิเสธ ทว่าใจยังรู้สึกเหมือนฝัน
เขาต้องการสิ่งนี้จริงแค่ไหน และก็เป็นความแปลกใจในตนเองซ้อนทับเข้าไปอีก
เรื่องแบบนี้แต่ก่อนคงไม่มีที่จะลังเล เพราะมีแต่ได้กับได้ในทุกทาง

“อสรพิษผู้เร้นลับของข้า ตลอดหลายวันที่ผ่าน ข้าได้ยลเพียงดวงตาสีน้ำตาลทองสวยแปลกของท่าน
แต่วันนี้ข้าอยากจะเห็นมากกว่านั้น” มือเรียวขาวเอื้อมขึ้นเปิดผ้าดำที่ปิดบังใบหน้าช่วงล่าง
ของชามัลออก เห็นดวงหน้างามโฉบเฉี่ยวแฝงเล่ห์กระชากใจหญิงที่ซ่อนอยู่
“ท่านรูปงามเพียงนี้ จะซ่อนหน้าเก็บไว้ให้ใครมอง”

ชามัลหัวเราะหึออกมาคำหนึ่ง “ตอนนี้หน้าข้าก็เปลือยให้ท่านเห็นแล้ว หรือว่า...
ยังอยากจะให้ข้าเปลือยออกอวดทั้งตัว”

“เอาสิ ได้อย่างนั้นก็ดี”

สองร่างดุนดันกันไปถึงเตียง จ้าวแห่งราศีกันย์ใช้บ่วงแขนขาวละไมโอบรัดอสรพิษร้าย
แห่งโมราลงไปแนบชิด ใบหน้าของชามัลเกลือกกลั้วฟ้อนเฟ้นอย่างย่ามใจ ก่อนจะทึ้งดึง
ผ้าไหมสีทองที่ปกปิดทรวงอกอวบงามสล้างออกพ้นไป ตอนนี้ที่เห็นเด่นเป็นประกายอยู่ต่อหน้า
ไม่เพียงดอกบัวงามคู่นั้น แต่สิ่งที่ดึงดูดเขายิ่งกว่า กลับเป็นไพลินน้ำงามล้ำลึกเกินอัญมณีดาษดื่น
ทั่วไปธรรมดา
มือชำนิชำนาญเคลื่อนไหวคล่องแคล่วหมายปลดมันออก ทว่ามือของสตรีที่กำลังตกอยู่ในห้วงพิศวาส
ก็ยุดข้อมือเขาไว้ ชามัลคำรามคล้ายหัวเราะ ปัดมือนั้นออกละมุนละม่อม จุมพิตเร่าร้อน
ปลายนิ้วลูบไล้ให้นางครวญครางละเมอเผลอไผล จนที่สุดแล้วเขาก็ถอดสร้อยออกได้จริงๆ

หน้าต่างบานยาวเปิดออกกว้างให้แสงเดือนดาวที่กลางหาวสาดมาจับต้องความเป็นไปในห้อง
ใครเลยจะรู้ ภาพสิ่งมีชีวิตชายหญิงที่กำลังเคลื่อนไหวตกอยู่ภายใต้สายตาคู่หนึ่งที่อำพรางแอบแฝง
ในเงาไม้ใหญ่ใบครึ้ม ตาคู่สวยเบิกมองนิ่งค้าง...กับเรื่องที่เขาเคยพูดออกมาว่าชีวิตเธอไร้ค่าในคืนแต่งงาน

หากความเจ็บจะพอทุเลาลงบ้างตามเวลาผ่านเลย
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำกลับยิ่งตอกย้ำรอยแผลบอบช้ำให้ยับเยิบไม่เหลือดี!

...เมื่อแรก สิตาราคิดถึงความผูกพันกันมาที่ชามัลอาจไม่เคยนึกถึง
หากเธอเตือนใจให้เขาย้อนระลึกขึ้นมา บางทีอาจคุยกันง่ายขึ้น
อาจไม่ถึงกับขัดขวางเป้าหมายของชามัลได้ แต่คงจะเบี่ยงเบนให้กลายเป็น
ความร่วมมือสำหรับบางสิ่ง สร้างข้อตกลงร่วมกันของเขาและเธอ เรียนรู้ที่จะ
อยู่กันด้วยความต้องการของเธอและเขาครึ่งต่อครึ่ง ไม่ใช่มีแต่เพียงเขาที่คุมเกม
เมื่ออยากให้เธอตามใจ เขาก็ต้องคิดถึงใจเธอด้วยเหมือนกัน

แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่คิดมาตลอดระยะเวลาที่ยากลำบาก...คงไม่จำเป็นแล้ว!

ภาพที่เห็นตรงหน้านี่ไง ตัวตนของเขา แน่อยู่แล้วว่าชามัลแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์
ไม่ได้มีความผูกพันทางใจจนนิดเดียว ดวงตาแห้งผากของหญิงสาวมองภาพเคลื่อนไหว
ที่คล้ายจะดำเนินต่อไปตามครรลองโดยไม่อาจหักห้าม ก่อนจะทนไม่ไหว สิตาราโจนลงจากกิ่งก้านไม้ใหญ่
ตอนนี้เธอต้องการแค่หนีไปไหนก็ได้ ไปให้ไกลที่ ตามแต่เท้าจะพาไป

ชามัลหัวหมุนติ้ว แน่นอนว่าเขายังมีอารมณ์ดิบเถื่อนอย่างสัตว์อยู่ในวิญญาณ ทว่าในบางวูบ
ร่างขาวๆตรงหน้าก็คล้ายจะเลือนหาย กลายเป็นแทนที่ด้วยร่างเล็กบางผิวสองสีระเรื่อตลอดร่าง
เขาไม่เคยชอบแบบนั้นมากกว่า ไม่เลย แต่ทำไมภาพใบหน้าสวยจัดกับตาหรี่ปรือเยิ้มพิศวาส
อย่างที่เขาชมชอบ กลับถูกแทนที่ด้วยดวงตางามซึ้งที่ไหวหวั่นระริกด้วยความไม่แน่ใจ
แต่ก็มีแววบางอย่างที่ลึกซึ้ง แฝงความปรารถนาที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ มือไม้เรียวงามจัดจ้าน
ในด้านปลุกเร้าอารมณ์ ดูเหมือนจะเทียบไม่ได้กับมือเล็กที่เอื้อมมาสัมผัสรอยแผลบนตัวตนของเขา
ด้วยความเข้าใจลึกซึ้งถึงที่มาของมัน

เขา...ต้องการสัมผัสนั้น จากคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้กับตน และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอ!
เมื่อคิดวูบขึ้นมาดังนั้นชามัลก็สะบัดหน้าพ้นจากอาหารจานวิจิตรที่กำลังวางแบรออยู่ ผุดลุก
หันหลังให้ร่างงามแทบจะในทันที

“โธ่โว้ย!” ชายหนุ่มก้มลงมองตนเอง หอบสั่นอย่างตกใจกับความเป็นไปของจิตใจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในกาย
เพราะแต่งงานกันแล้วหรือ ไม่น่าจะใช่ เรื่องนั้นเขาแค่จะผูกมัดเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาผูกมัดตัวเขาเองเสียหน่อย
นี่มันผิดบทบาทเกินไปแล้ว!

นี่ใจเขายังเป็นของเขาอยู่ หรือว่ามันไม่ใช่เช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว

“ท่านชามัล” กันยาจ้าวราศีผุดลุกขึ้นนั่งกอดตัวเอง ออกจะตกใจกับกิริยาของเขาไม่น้อย

“ขออภัย คืนนี้คงไม่เหมาะ”

นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด
การเล้าโลมอันดุดันยาวนานแทบว่าจะส่งนางขึ้นถึงสวรรค์ แต่เขาก็ยังรีรออยู่
จนที่สุดก็แสดงท่าทางแปลกๆ “ทำไมกัน... ข้ามีอะไรไม่ต้องใจท่านหรือ”

“ไม่ ท่านเป็นผู้หญิงอย่างที่ข้าชอบ ไม่ผิดแน่นอน” ชามัลตอบห้วนจัด
ตอนนี้ไม่ใช่ว่าร่างกายเขาไม่พร้อมหรือทำไม่ได้ แต่บางเอิญว่าเขาคิดอยากจะทำกับคนอื่น
เป็นแค่เด็กกะโปโลตัวเล็กนิดเดียว! “อย่างที่รู้ ร่างข้าสร้างจากธาตุที่รวมกันขึ้นอย่างพิเศษ
และมันเป็นเช่นนี้บ่อยๆ คืนนี้ธาตุในกายข้าร้อนรุ่มจนเกินจะทนไหว คงไม่อาจสานต่อ ต้องขออภัย”

ชายหนุ่มผู้เดือดดาลกลายกลับเป็นร่างอสรพิษ พุ่งจากไปไวอย่างกับเงาปีศาจ
ไม่แม้แต่จะสนใจนางผู้กำลังเบิกตาค้างอย่างอ้ำอึ้ง และเมื่อสตรีผู้เป็นจ้าวราศีตาตกลงบนแท่นนอน
ท่ามกลางเศษซากเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้องทิ้งไว้ สร้อยไพลินน้ำงามของนางกลับอันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย!


อสรพิษโลดลิ่วจากสถานที่ของราศีกันย์กลับสู่ค่ายเร้นลึกในราวป่า ที่ซึ่งเขาซ่อนภูตดาราที่มากับตนเอาไว้
เมื่อถึงก็ผลุนผลันเข้ากระโจมปิดเงียบไม่พูดจากับผู้ใด เขากลับมาเร็วกว่าที่กำหนด ของที่ต้องการ
ก็คว้าติดมือมาแล้ว แม้จะหวั่นไหวตระหนกกับความเป็นไปของใจเจ้ากรรมแสนยากจะเข้าใจ
แต่เขาก็ยังไม่ลืมเป้าหมายหลักใหญ่ที่จำเป็นจะต้องได้

ความโกรธเกรี้ยวเร้นลึกต่อตนเองส่งให้ไพลินลูกกลมน้ำงามถูกกระชากจากสายสร้อยเพชรที่ล้อมรัดรึง
กักขังมันไว้ เพชรเม็ดเล็กจากสร้อยขาดกระจายร่วงพราวลงเกลื่อน ชามัลมิพักสนใจ เขากำไพลินไว้แน่น
สัมผัสรับรู้ถึงพลังแห่งชีวิตที่มันส่งผ่านออกมา เอาเถอะ เรื่องอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง สุดท้ายเขาก็ได้มันมาแล้ว
อย่างน้อยก็หวังให้พลังในอัญมณีเม็ดนี้มีมากเพียงพอ

“สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยได้ หากว่าไม่ ข้าคงต้องรู้สึกติดค้างใครคนหนึ่งไปจนตลอดชีวิตของข้าเอง”



ชามัลรู้มานานแล้วว่าฐานลับของเมห์ฮราจุดหนึ่งแฝงเร้นอยู่ยังเมืองเชียงใหม่
การที่เขามาที่นี่ นอกจากเรื่องไพลินแห่งราศีกันย์ อสรพิษหนุ่มยังหมายมาดจะโจมตีฐานลับ
ขนาดใหญ่นี้ให้แหลกลาญ กลุ่มรัตติดาราถูกจัดแจงให้แต่งกายเหมือนพรานป่าที่ออกล่าสัตว์
ถือปืนผาหน้าไม้ไว้แทน มีดดาบอาคมซ่อนซุกไว้ในเป้หลังมิดชิด เขาและกองกำลังตามไปถึงทางเข้า
ปล่องถ้ำผาซึ่งเป็นที่ของเมห์ฮรา ทว่าชามัลกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายการเคลื่อนไหวมากมายอย่างพิเศษ
จะต้องมีคนสำคัญมาเยือนที่นี่ หวังว่าคงไม่ใช่มัน ศัตรูร้ายกาจที่สุดของเขา อัคนิ เมห์ฮรา!

สายตาคมกริบของงูกราดไปทั่วบริเวณ กำลังคิดว่าหากจำเป็นก็คงจะต้องใช้ร่างอสรพิษ
ออกหน้าไปดูลาดเลาก่อน ทว่าก่อนจะทำเช่นนั้น การมองเห็นของเขาก็พบกับขบวนที่กำลัง
รุดมายังถ้ำ ร่างที่สะดุดตาที่สุด
ชายหนุ่มเค้าหน้าเข้ม ผมยาวหยักศก ท่าทีภูมิฐาน สุขุม แต่รอบจัดนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้
คนผู้นั้นมิได้เดินนำ ทว่าติดหน้าล้อมหลังไปด้วยผู้ดูแลระดับสูงคอยโอบป้องกัน
เป็นความระวังที่ไม่มีในตัวคนเช่นอัคนิ... ทันใดนั้นชามัลก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผน!

เสียงแหกปากร้องโอดโอยที่ดังมาจากพุ่มไม้เรียกให้ศานติมันหันขวับไปทันที
และเหล่าเมห์ฮราก็ได้พบกลุ่มคนเดินป่าที่หนึ่งในนั้นบาดเจ็บเลือดพุ่ง
สำแดงอาการเหมือนดังว่าจะเป็นจะตาย

“เป็นอะไร” คนในตำแหน่งผู้ดูแลซึ่งเป็นตำแหน่งทรงเกียรติแห่งเมห์ฮราคนหนึ่งเอ่ยถามห้วนขรึม

“ถูกจงอางกัดครับ ช่วยด้วย ช่วยเพื่อนเราด้วย”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังเร่งพยาบาลเพื่อนเอ่ยร้อนรนด้วยภาษาตามสมัยนิยม
บ่งบอกว่าเป็นคนจากโลกภายนอกที่มิได้เกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจลึกลับใด

“จงอางงั้นหรือ...” ศานติมันแหวกทางหลายคนที่บังอยู่เข้าไป สายตาละเอียดลออกราดมอง
ในกลุ่มพรานเดินป่าที่มีท่าทีเหมือนมาท่องเที่ยวมากกว่าจะกรำพื้นที่จริง แล้วดวงตาคมดุจเหยี่ยว
ก็พลันหยุดยังตาสีน้ำตาลทองของใครคนหนึ่งที่นั่งชันเข่านิ่งอยู่ใกล้กายคนเจ็บ
มีผ้าปิดหน้าช่วงล่างไว้มิดชิด แต่มิอาจปิดบังรอยแผลเป็นที่พาดผ่านดวงตาซ้ายขึ้นมาเลยคิ้ว
ศานติมันยิ้มให้อย่างรู้กันกับชายนั้น เล็งรู้ว่าหากไม่มีผ้าปิดไว้ ตนคงจะเห็นปากชุ่มโชกด้วยเลือด
เลือดของชายเคราะห์ร้ายที่อ้างว่าถูกจงอางกัด

ทายาทอันดับสองแห่งเมห์ฮราส่ายหน้า
“เร่งพาเจ้านั่นไปรักษา ส่วนคนที่เหลือให้ต้อนรับอย่างดี ในฐานะ...แขกพิเศษของข้าเอง”



สถานการณ์เปลี่ยนไปเมื่อได้พบเจอหน้าท่านปู่ แน่นอนว่านอกจากจะต้องเสี่ยงกับ
กลุ่มผู้ดูแลที่บางคนมีพลังระดับสูงเทียบได้กับจ้าวราศีที่เก่งที่สุด แต่ที่หนักใจไปกว่านั้น
เขาจะให้ปู่รู้แผนมากไปนักไม่ได้ จะพาลทำเอาเสียการหมด เพราะหากเห็นเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ
ความย่อมรู้ไปถึงหูอัคนิที่เขายังหวั่น จนสุดท้ายคงรู้ถึงทวดของเขาซึ่งเป็นผู้นำตระกูลอันยิ่งยงด้วยอีกคน
ชามัลจึงตัดสินใจอยู่สงบในฐานลับนั้นอย่างมิตร เชื่อว่าเข้าถ้ำเสือครานี้ย่อมได้ลูกเสือติดมือออกไป
ถ้าลองตะล่อมให้ดีๆ

ณ ห้องสมุดอันถือเป็นที่หย่อนใจส่วนตัวภายใต้ฐานลับนั้นโอ่โถงงดงาม
คนอย่างศานติมัน เมห์ฮราใช้มันเป็นที่ต้อนรับแขกซึ่งถือเป็นเพื่อนเก่าอย่างยินดี
แม้จะมีความสงสัยอยู่หลายส่วน ชามัลจงใจมาพบเขาที่นี่ได้อย่างไร
และด้วยเหตุไร แต่ศานติมันก็เลือกจะเก็บความสงสัยนั้นไว้ภายใต้รอยยิ้มในเบื้องแรก

“จงอางร้ายแห่งโมราสีเลือด...ไม่เจอกันนานหลายปี ร่างกายท่านคงสภาพเดิม
ขณะที่ข้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามกาล นี่แหละหนอสังขาร”

ชามัลถอนใจยิ้มๆ ท่านปู่คงไม่คาดคิด ว่าโมราเม็ดเดี่ยวที่ท่านเคยผ่านมือนั้นจะเป็น‘โมรารัตติกาล’
อันเลื่องชื่อซึ่งเล่าลือกันว่าอยู่ในรูปของเส้นประคำที่มีถึงร้อยแปดเม็ด แน่นอนว่ามันเคยเป็น
...เขายังคงซ่อนหน้าส่วนหนึ่งไว้ในผ้าโพกปิดช่วงคอขึ้นไปถึงใต้ตา ทั้งยังพยายามไม่สบตาด้วย
ทำไมนะ ทั้งที่หลายปีก่อนเคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มาพบกันซึ่งหน้าอีก แต่เขาก็ยังตัดสินใจทำบางอย่าง
และยังปรากฏตัวออกมาพบท่านแบบนี้จนได้ ทั้งรู้ว่าปู่ตนไม่ชอบอาการปิดๆบังๆ
ซ่อนหน้าอย่างที่จำเป็นต้องทำ
“ขอข้าซ่อนใบหน้าไว้เช่นนี้เถิด ข้าชินเสียแล้ว ทั้งยังไม่สะดวก
หวั่นเกรงว่าใครจะมาพบเข้าหรือจดจำข้าได้เอาจริงๆ”

ชามัลจำต้องโกหก แต่จะทำเช่นไร เขาไม่ต้องการให้ปู่จดจำใบหน้านี้ไว้
เพราะภายภาคหน้าหากท่านเห็นหลานโตมามีหน้าตาเหมือนอย่างเขาย่อมต้องเดาเรื่องราวได้
เท่าที่สบตากันเท่านี้ ก็เห็นจะมากเกินไปเสียแล้ว ...บางทีท่านปู่อาจถูกใจว่าหลานชายที่เกิดมา
มีดวงตาสีเดียวกันกับเขา จึงตั้งชื่อว่าชามัลตาม หรือที่แท้แล้วเพราะท่านจดจำได้ว่าหลานก็คือเขาแต่แรก
และโมราได้นำพาให้ย้อนอดีตกลับมาเจอท่าน นั่นก็เป็นข้อสงสัยที่ชามัลไม่มีวันหวนคืนไปถาม
ปู่ตนในเวลานั้นได้เลย

ชายผู้ซ่อนร่างอสรพิษคิดๆดูว่าจะหาโอกาสพูดสิ่งที่ต้องการออกไปตอนไหน
มันเป็นเหตุผลที่เขายอมพบปะกับปู่ในครานี้ แต่บางทีอาจเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง
กับเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชะตาชีวิตของคนอย่างศานติมัน ชามัลจึงยังรอจังหวะอยู่
สุดท้ายไปๆมาๆ ทั้งแขกและเจ้าบ้านก็คุยกันสารพัด ตามประสาคนรู้ใจ
เดาใจกันได้ตลอด
จนบทสนทนาลามเลยไปถึงเรื่องในครอบครัวโดยการนำของศานติมันเอง ชามัลจึงได้จังหวะ
“ท่านรักอัคนิน้องชายของท่านไหม” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม

ศานติมันพยักยิ้มไม่ลังเล “ข้ารักน้องข้า...มากกว่าทุกคนบนโลกใบนี้”

ชามัลขมวดคิ้ว เล็งเห็นสะพานความเศร้าบางๆทอดผ่านจากดวงใจออกมาสู่ดวงตาคู่สนทนา
“คงรัก เท่าที่ท่านจะรักได้”

ศานติมันทำหน้าฉงนเล็กๆ “แล้วท่านล่ะ ฟังเรื่องของข้าไปตั้งมาก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงอยากเล่า
แต่ใจคอท่านไม่คิดจะเล่าเรื่องครอบครัวตนให้ฟังบ้างหรือไร”

“ข้าไม่มีครอบครัว” ชามัลเอ่ยแล้วก็ชะงักกึก นึกถึงเจ้าของร่างเล็กบางที่ช่วงนี้ยามใดที่คิดถึง
ก็ยิ่งกลับทำเอาใจไหวยวบได้ทุกเวลา “หมายถึงแต่ก่อนไม่มี...ข้าเสียมันไปหมดแล้ว
แต่เมื่อไม่นานนี้...ข้าเพิ่งแต่งงาน”

“อะไรนะ ต้องขอแสดงความยินดีด้วย แต่งกันแถวนี้หรือ เสียดายที่ข้าไม่ได้แวะผ่านมาช่วงนั้นพอดี”

ชามัลเอ่ยต่อเบาๆคล้ายรำพึง “ข้าอยากให้ท่านอยู่เห็นข้าในวันนั้นจริงๆ”
คนพูดยิ้มทั้งแววตาและสีหน้าที่ถูกปกปิดภายใต้ผ้าดำ

ครอบครัวงั้นหรือ...เสี้ยวความคิดหนึ่ง ชามัลคิดไปว่าเขาอาจปล่อยมือจากเมห์ฮราได้
อย่างน้อย ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นครอบครัวที่เขามี คิดแล้วก็หลายคนอยู่ที่เขาไม่อยากให้ตาย
เขากำลังจะทำลายทุกคนไปเพราะความโกรธที่มีต่อเสือขี้เรื้อนเพียงตัวเดียว กับอัคนิ
ยังไงก็ยังเกลียดจนอยากให้มันพินาศ เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาจะไม่มีวันตัดใจ
แต่ก่อนความคิดจะไหลเรื่อยไปไกล คนเป็นปู่ก็เอ่ยทำลายความเงียบชั่วขณะนั้นลง

“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเจ้าของโมราไปอยู่เสียที่ไหน ป่านนี้คงจะโตเป็นสาวเต็มตัว”

“ก็เป็นสาว แต่ยังไม่เรียกว่าเต็มตัวหรอก” ชามัลหัวเราะในคอเมื่อนึกภาพคุณสมบัติอย่างหญิงสาวทั่วไป
ที่สิตารามีติดตัวอยู่จำกัดจำเขี่ยเต็มที

ศานติมันที่หูไวกลับจับความรู้สึกอันแฝงมากับเสียงคนพูดได้ทันที “หัวเราะแบบนี้
ดูทีเจ้าสาวของท่านคงไม่ใช่อื่นไกล เป็นนางไม่ผิดแน่”

“ท่านเดาถูก แต่ตอนนี้ข้าซ่อนนางไว้ไกลออกไป ทิ้งเขี้ยวแก้วนาคาที่ท่านให้ไว้คุ้มครองกาย
ตัวข้ายังมีธุระกับศัตรูเก่าอย่างว่า ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับไปหานาง”

“อย่าลืมว่าร่างกายของท่านที่สร้างขึ้นมานั้นไม่อาจให้กำเนิดบุตร” ศานติมันลูบคาง การมีลูกชาย
ที่ดีเลิศสักคนคือฝันอันสูงสุดของเขาเลยก็ว่าได้ แล้วกับอีกฝ่ายซึ่งไม่อาจมี ก็นับว่าน่าเห็นใจ

“ฮ่าๆ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะข้าเกลียดเด็ก” คนพูดไหวไหล่
“ชีวิตข้า เคยเลี้ยงเด็กมาแค่คนเดียวก็เกินพอ”

“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีก นี่อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือว่าไง ใช่ไหมท่านชามัล”
คนพูดทอดเสียงถามสุภาพ แต่แน่นอนว่าท่าทีของศานติมันจากนี้ไปย่อมขึ้นกับคำตอบที่ได้ยิน

คราวนี้ชามัลไม่ต้องโกหก ไม่สิ เขาโกหกเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะความเป็นจริงเขาก็กำลังอยากพบท่านปู่อยู่พอดี
“ท่านคงเดาได้ ข้าจงใจใช้ร่างจงอางกัดชายผู้นั้นที่มาด้วยกัน เอาให้ไม่ถึงแก่ชีวิต
แค่พอให้เรียกความสนใจได้ สร้างสถานการณ์ทำให้ท่านรับเราเข้ามาง่ายขึ้น
ต้องขอบคุณท่านที่ไม่คาดคั้นถามข้าเสียแต่ต่อหน้าคนอื่น ว่าทำเช่นนั้นทำไม”

“หึๆ นั่นอาจเพราะเราสื่อสารกันได้ทางแววตา”

“ข้าจงใจมาพบท่าน เพราะมีบางสิ่งหมายจะมอบให้ท่านเก็บไว้กับตัว” ชามัลว่า
แล้วก็หยิบเอาไพลินเม็ดเดี่ยวออกมา ยื่นไปตรงหน้าคนที่นิ่งมองอย่างกังขา

ศานติมันที่คุ้นเคยกับอัญมณีทรงพลังอันเป็นสมบัติของตระกูล ยามนี้สัมผัสได้ชัด
ถึงพลังเรืองรอง พลังแห่งชีวิตจากอัญมณีเม็ดที่ปรากฏแก่ตา

“ว่ากันว่าพลังชีวิตจากไพลินน้ำงามเม็ดนี้ ต่อให้คนที่ตายไปแล้วก็ยังฟื้นคืนได้
ข้าอยากให้ท่านสวมใส่มันไว้ติดกายเสมอไป”

เรื่องที่เกิดขึ้น ในอนาคตอันไกลออกไป...ปู่ที่อายุกว่าร้อยปีของเขายังแข็งแรงดีอยู่
แต่เพราะเรื่องที่เขาก่อ เพราะชามัลเองผลักดันให้ผู้เลี้ยงดูตนมายิ่งกว่าพ่อไปสู่หนทาง
แห่งความตาย ปู่ชิงดื่มยาสั่งนิทราที่ทำให้นอนนิ่งไม่หายใจไปทั้งอย่างนั้น
หากปราณชีวิตที่เชื่อมร่างกับวิญญาณอยู่ยืนนานไปได้เกินกึ่งศตวรรษหรือห้าสิบปี
คนผู้ถูกยาสั่งนิทราก็อาจเชื่อมวิญญาณกับร่างและฟื้นกลับมามีชีวิตได้ แต่คนที่
เคยอยู่ได้นานจนขนาดที่ว่าก็มีแต่เพียงอัคนิ ท่านปู่ชราแล้วถึงเพียงนั้น
ร่างกายคงสลายลงก่อนถึงเวลา

ศานติมันรับไพลินไปพิจารณาแล้วยิ้มแย้มชอบใจ ถามหยั่งเชิงอยู่ในที “ทำไมข้าถึงจะต้องเก็บไว้ด้วย”

“อัญมณีนี้ไม่มีพลังสะกดหรือเล่ห์กลใดผูกมัด ท่านตรวจสอบดูได้ ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านพกมันไว้
ถือเป็นของขอบคุณจากข้า มันจะช่วยท่านได้นอกเหนือจากเขี้ยวแก้วนาคาที่คุ้มกาย หากท่านต้อง
หมดลมหายใจก่อนถึงเวลาอันควร สิ่งนี้อาจทำให้ลืมตาตื่นขึ้นได้อีกครา”

คืนนั้น ชามัลได้พักผ่อนยังห้องอย่างพิเศษ ตกแต่งอย่างที่ชอบจนแทบว่าคล้ายห้องนอนตน
ณ รวงรังเมห์ฮรา เขาเฝ้าถามตนเองว่าทำแบบนี้ทำไม เขาไม่รู้ว่าท่านปู่จะพกไพลินไว้เสมอไปหรือไม่
เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมันอยู่กับท่านเลย แต่คนอย่างท่านศานติมันผู้นี้ก็มีความลับซ่อนเร้นมากมาย
เกินกว่าใครจะล่วงรู้ แม้เป็นหลานรักที่ชื่อชามัลก็ตามที


เวลาบ่ายจัดของวันต่อมา ในฐานลับใหญ่ใต้ดินแห่งเมห์ฮรานั้นบรรยากาศก็ยังตามไฟไว้ประดุจกลางคืน
...ศานติมันได้จัดงานต้อนรับยิ่งใหญ่ขึ้น ณ ห้องอันกว้างขวางโอฬารเสมือนท้องพระโรง
ตั่งที่นั่งสูงหรูหราราวบัลลังก์ตั้งอยู่หลายตัว โอบล้อมวงการแสดงของนางรำสะคราญโฉม
ในชุดส่าหรีสีสวยที่กระแทกเท้าเป็นจังหวะ อวดเสียงกระพรวนกรุ๊งกริ๊ง ทั้งอาหารเลิศรส
ที่นำมาเทียบต้อนรับก็เปรียบได้กับเครื่องเสวยชาววัง
ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นมาตรฐานของคนอย่างศานติมัน
“สำหรับข้า ต้องสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น”

ชามัลยกเหล้าขึ้นจิบโดยเลิกผ้าปิดปากส่วนล่างขึ้น พร้อมเอ่ยรับ “ท่านพูดถูก
ข้าเองก็เหมือนท่าน หากไม่ได้ดีเหมือนอย่างที่หวัง ก็ไม่ขออะไรเลย”

ทั้งคู่ซึ่งเอนอยู่บนบัลลังก์เคียงใกล้ยื่นแก้วมาชนกันเบาๆ การสนทนาออกรสคงจะดำเนินต่อไป
ถ้าไม่มีคนผู้หนึ่งตรงเข้ามารายงานนอบน้อม

“ท่านศานติมัน เราจับหญิงรัตติดาราคนหนึ่งได้! สอบสวนแล้วไม่ยอมคายความลับว่ามาสืบเรื่องอะไร
ครั้นจะทรมาน เฆี่ยนตีหรือทดลองแทงฟันอย่างไรก็ไม่เข้า นางยังเป็นเด็กสาวอยู่เลยด้วยซ้ำ
ทั้งร่ำร้องว่ามีเรื่องต้องพบท่านเดี๋ยวนี้ เกรงว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ”

“เด็กสาวงั้นรึ” ศานติมันขมวดคิ้ว หันไปสบตาชามัลที่นิ่วหน้าลงพอกัน “ไม่ต้องรออะไรแล้ว
ไปพานางมาที่นี่ ตอนนี้เลย ในฐานะแขก ไม่ใช่เชลย!”

จะเป็นใครไปได้อีก ชามัลลอบยิ้มพลางฮัมเพลงอยู่ในคอ เลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึง ร้ายมาก...
สิตาราตามมาถึงนี่ เธอดิ้นหนีจากเกาะเงาที่ถูกล้อมไว้ด้วยหมอกมายานั่นได้อย่างเหลือเชื่อ
ไม่โดยทางใดก็ทางหนึ่ง พวกพิจิกจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ยิ่งพรตคงไม่ต้องพูดถึง ไม่งั้นคงต้องมีข่าวถึงเขาแล้ว

ชายหนุ่มแทบจะลิงโลดอยู่ในสีหน้า เขากำลังจะได้พบเธออย่างไม่คาดฝัน จะเป็นสาวขึ้นอีกสักนิดไหม
จะตกใจหรือรู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะมาไม้ไหนชามัลก็ไม่กังวลเลย เขาเชื่อมั่นในตนเองว่ารับมือ
สาวน้อยคนเดียวได้แน่ ตอนนี้มีก็แต่ความอยากเห็นหน้า จะมองชัดๆลงไปในดวงตาระยิบระยับ
เหมือนดวงดาวคู่นั้นที่ติดตรึงในใจ

ทว่า...สภาพที่เห็น กลับทำให้ชามัลตะลึงนิ่งค้างไปในทันที
ร่างซึ่งเดินลากขาเข้ามานั้นไม่มีสภาพใดเหมือนคนที่เขาจำได้ติดตาเลยแม้แต่นิดเดียว

ผ่ายผอม สกปรก แลดูอ่อนล้าและอ่อนแรง เป็นความสะบักสะบอมที่สั่งสมมาพักใหญ่
หาใช่เพิ่งมาถูกทรมานเอาที่นี่ แววตาแห้งแล้งแทบจะไร้ชีวิต ผมถูกตัดสั้นกระเซิง
ไม่มีผิวระเรื่อสวยอมเลือดฝาด ไม่มีผมดำขลับเป็นคลื่นนิ่มมือยาวสยายถึงสะโพก
แววตาไร้เดียงสาไหวระริกที่จ้องมองมายังเขาด้วยกลัวว่าจะถูกรังแกอะไรเข้าอีกหายไป
ตาโตสวยที่เห็นเด่นอยู่บนหน้าซูบทอประกายต่างจากเดิมไปสิ้นเชิง
ดวงดาวคู่นั้นคล้ายจะดับแสงลงแล้ว...

ชามัลตัวชาเมื่อเธอมองมายังเขา...
สายตาห่างเหินได้ยิ่งกว่าตอนโกรธเกรี้ยวผิดหวังกับคำพูดร้ายกาจของเขาที่เกาะเงาเสียอีก

ศานติมันเป็นฝ่ายลุกยืนประสานมือ ขณะที่ชามัลเพียงขยับขึ้นมานั่งนิ่งตัวตรงไม่ไหวติง
จ้องมองแขกคนใหม่ตาไม่เคลื่อนไปไหนได้เลย

“เอ้า เชิญๆแม่หนูน้อย เจ้าคือสิตาราคนเดิมที่ข้าเคยพบเมื่อหลายปีก่อนแน่ใช่ไหม
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน” ศานติมันพูดเชิงหยอกให้บรรยากาศคลายลง ก่อนแบมือข้างหนึ่งมาทางชามัล
ส่ายหน้าแช่มช้าอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าบ่าวไม่ได้ดูแลเจ้าสาวให้ดีเลยหรืออย่างไร ทำไมนาง
กลายเป็นเช่นนี้เล่าท่านชามัล แล้วที่คนของข้าบอกว่าหญิงรัตติดารา
มันหมายถึงอย่างไร ข้าต้องการคำอธิบาย”

ชามัลคิ้วกระตุก ขยับกายเหยียดตรงขึ้น ตั้งใจจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปั้นแต่งให้ฟังดูดี “ข้า...”

“หยุด!” สิตาราตะคอกกร้าว ก่อนร่างเล็กบางจะค่อยๆสืบเท้าเข้าใกล้ชายสกุลเมห์ฮราร่างสูงใหญ่ทั้งสองคน
ที่หนึ่งนั่ง หนึ่งยืน “ไม่ต้องให้เขาพูด! ลิ้นงูพรรค์นั้นคายออกมาได้ก็มีแต่คำโป้ปด ถ้าท่านอยากฟังความจริง
ต้องฟังข้านี่ เอียงหูมา เบิกรูหูให้กว้างๆ ข้าจะพ่นความจริงใส่ท่านเอง!”

“นางเลอะเทอะใหญ่แล้ว” ชามัลหลุดปากเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พยายามจะหยุดสิตารา คล้ายยังอึ้งค้างอยู่ท่านั้น
และใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเธอจะกล่าวหาตนเช่นไรบ้าง ตอนนี้เขาเชิดหน้า เตรียมใจพร้อมรับทุกๆอย่าง
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในนาทีต่อไป แม้กายจะไม่ขยับไหวไปจากท่าเดิม

สิตาราเดินช้าๆเข้ามาหยุดยืนต่อหน้าชามัล ค่อยๆยกมีดสั้นเล่มคู่กายที่ได้รับจากราศีสิงห์ขึ้น

“ข้ามีธุระ กับอสรพิษเลือดเย็นตนนี้” หญิงสาวเอ่ยกร้าวดังด้วยน้ำเสียงแหบล้าที่พยายามเค้นคั้นพ้นคอ

ชามัลยกมือห้ามศานติมันและคนอื่นๆ ส่วนตนไม่หลบ ไม่เบนหนี
แม้เห็นว่าที่ด้ามมีดนั้นมีอักขระอย่างเดียวกับของสิงหรานีซึ่งเคยฟันเขาตกเลือด

“เอาสิ” ชามัลเอ่ยเบาพลางพยักหน้าช้าๆ เชื้อเชิญให้สิตาราเสือกมีดเข้าหา
หากว่าเธอกล้าแทงเขาจริงก็ย่อมได้ มาวัดใจกันดูตรงนี้เลย...


-----------
ไปเล่นเกมชิงหนังสือชุด อัญมณีเหนือกาล กันได้ที่เฟซบุคนะคะ
อสิตา - โมรารัตติกาล
บุลินทร - ม่านทิวาพชร
ริญจน์ธร - มรกตสนธยา
...เซิชหาจากชื่อนักเขียนได้เลย



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2557, 11:36:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2557, 11:42:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1445





<< บทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย +ชวนเล่นเกมชิงหนังสืออัญมณีเหนือกาลในเฟซบุคค่ะ+   บทที่ ๑๖ คำบอกลาครั้งสุดท้าย (...จบบท - ต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ) >>
อสิตา 24 ม.ค. 2557, 11:37:23 น.
คุณก้อนหิน – ตอนก่อนตามิตรเท่ ตอนนี้ศานติมันก็เท่นะ แบบคนฉลาดๆไม่บู๊มาก
เป็นหนึ่งในตัวละครที่คนเขียนรักมาก
คุณเด่นเดือน – งูมาแล้ว ตอนนี้กำลังจะเกิดสถานการณ์พลิกผันกับสิตาราแล้วด้วย คิดว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงคะ
คุณใบบัวน่ารัก – คนเขียนก็เศร้า ตอนเขียนฉากลาตามิตรร้องไห้เลย *///* แต่มิตรยังมีบทอีกนะ
ถึงจะอยู่กันคนละเวลาแต่เวลาจ้าง+ค่าตัวฮียังเหลือเกิน... ฮีต้องแสดงต่อ 555
คุณเกดซ่า – ตอนนี้เกดซ่าใกล้จะได้สะเทือนซางอีกรอบแระ เรื่องมิตรยังไม่ทันหาย
ตอนนี้ตามารกับสิ้ต้าได้ทะเลาะกันแน่ๆ ตายๆๆ (ของที่หยิบมาจากร้านตามิตรเหรอ กกน.ไง ขาดๆด้วย)

คุณยิ้มๆ – ใช่ พี่ตัดฉากรตีถูกฆ่าค่ะ(ไว้เล่าทีหลัง) เพราะนั่นเป็นเนื้อเรื่องส่วนของมิตร ยังไม่อยากเล่าไว้ตรงนี้
เพราะกำลังโฟกัสที่เรื่องคนอื่นอยู่ ให้มันลื่นไหลไปทางเดียวกันดีกว่า
คุณบุลินทร – แต่มิตรยังต้องแสดงต่อนะ ถึงจะลากันแล้วก็เถอะ หุหุ ไหนจะรับมือนังหนูอัคนีมายาอีก
ไหนจะช่วยมัชฌิม์ บลาๆๆ


ketza 24 ม.ค. 2557, 11:37:38 น.
ท่านพี่ของเกดซ๋า......( > c < )


อสิตา 24 ม.ค. 2557, 11:37:50 น.
คุณโกลเด้นซัน – ใช่ค่ะ หลังจากนี้มิตรจะกลับไปช่วยสิตาราตอนเด็กๆแล้วรับมาอยู่ด้วยกันในร้านจนชามัลมาชิงตัวไป แต่บทบาทของมิตรก็ยังมีอีกนะคะ ไม่ได้ตัดทิ้งไปแค่นี้แน่ๆ
คุณหนอนน้อยผู้อ่อนไหว – คนดามใจมิตรเหรอ ไว้รอภาคสามนะ ใจคอนางจะไม่ยอมจบใช่ไหม 55
ก็มีสามภาคนี่แหละตั้งใจไว้แล้วหวังว่าจะได้เขียนนะ หนอนเอาใจช่วยด้วยนะ *0* รักเรื่องนี้มาก
มิตรกับสิตาราอาจได้เจอกันในอนาคตอันไกลออกไปก็ได้นา ยังไม่จบชีวิตซะหน่อย
ส่วนชาจัง ตอนนี้ เดี๋ยวรู้เลย!!!!!!!

คุณพทิสา – หรือ พธิสานะคะ ไม่ได้เขียนชื่อนานคนเขียนลืมอีกแล้ว แหะๆ...
ดีใจที่โผล่มาแหย่งูค่ะ ตอนนี้สิตารากับงูก็เจอกันแล้วนะคะ ลุ้นๆๆต่อ
คุณเฟอร์หางนุ่ม – ตกลงเฟอร์ไม่สนงูหรือเฟอร์โหยหางูกันแน่ สิต้าอาจได้เจอมิตรอีกก็ได้นะ มั้ง
ส่วนเขี้ยวแก้วนาคากับโมรา ตอนนี้ต้องจับตาดีๆ...
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ฮื้อออ ยกตำแหน่งพระเอกให้มิตรแล้วสินะคะ 555
ตอนนี้พระเอกผู้ชั่วร้ายของเราก็กลับมาแล้วนะ น่ารักน่าหยิกออกจะตายเห็นเปล่า
คุณดวงมาลย์ – จะผอมไหมเนี่ย อากาศหนาวเมือ่ไหร่จะได้ไปว่ายน้ำ อย่างอื่นก็ไม่ชอบเลย อ้างๆๆ


บุลินทร 24 ม.ค. 2557, 11:45:31 น.
เดี๋ยวจะไปอ่านตามิตรอีกทีในเล่มมมม


ketza 24 ม.ค. 2557, 11:50:31 น.
หยิบ กกน.(¯▽¯;) ............ของตามิตรชิมิ 5555555555


ริญจน์ธร 24 ม.ค. 2557, 11:59:56 น.
^
^
^
เกดซ่าจินตนาการไปถึงไหนเนี่ย -_-''


ketza 24 ม.ค. 2557, 12:00:16 น.
โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นู๋สิน่าฉงฉานอ่ะ ท่านพี่นะท่านพี่ ทำงี้ได้ไง T^T
........นู๋สิงอนแย้ว ดูจิ๊


ดังปัณณ์ 24 ม.ค. 2557, 12:00:55 น.
ตอนแรกตื้บม้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!

555+ อุตส่าห์จะยกโทษให้นะ นึกว่าหามาให้หนูสิ สรุปให้คุณปู่ซะงั้น สงสารหนูสิอ๊ะคุณแป้ง โดนซ้ำโดนซาก(รู้ไม่หมด) จัดไปให้ชาจังกระอักบ้างเอ๊ะ หรือไม่ดี สงสารชาจังบ้างนะ แต่เสี้ยวขณะหนึ่งก็ยังอยากเอาค้อนทุบหัว แล้วโยนลงบ่อจระเข้ ไม่ก็ตัดเลยฉับๆๆๆๆ หึ้ยยยยยยยยยยย แต่อีกใจก็...หื้อออออออออออออออออออ ชริ!

ตัดอย่างนี้มันค้างนะเจ้าม่ะฮะ ใจร้ายฝุดๆ ฮือๆๆๆ

ว่าแต่หนูสิลำบากมากเลยอ่ะ เจออะไรๆมาเยอะ แล้วยังมาเจอช็อตเด็ดเข้าอีก ทายว่าแทงอ่ะ เสร็จแล้วก็มาดูแลชาจังมันเหมือนเดิมแระ ชริๆ (ฝากบอกว่าชาจังด้วย รีบดูแลหนูสิซะดีๆ ก่อนที่จะเจอกฏอัยการศึก เอ๊ย! ไม่ใช่ ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน เอ๊ย ไม่เอาแระ ไม่เกี่ยวนะ 555+)


ดวงมาลย์ 24 ม.ค. 2557, 12:12:47 น.
เตงลงเป็นตอนสุดท้ายเหมือนซีป่าวเนี่ย อยากอ่านเป็นเล่มแล้ว (เอิ่ม...ที่บอกว่าจะอ่านเรื่องก่อนๆ ก็ยังไม่ได้อ่านเลย ดองอยู่) เดี๋ยวเอาไปอ่านที่ญี่ปุ่นละกัน อิอิ ปล. เก๊ายังไม่ผอม แต่พุงยุบลงหน่อย ไว้ไประเบิดออกที่ญี่ปุ่น 55555


Zephyr 24 ม.ค. 2557, 15:57:45 น.
แทงเลยสิต้า งูเลี้ยงไม่เชื่องตนนี้นี่
เอาให้เจ็บมั่ง อาฆาตแค้นสุดๆ ทำสิต้าซะโทรมเลยนะ
หาไพลินมานึกว่าจะให้กัน ดันให้ปู่ซะนี่ ชิชะ
เฟอร์ไม่สนงูอกตัญญูแบบนี้หรอก ชึๆๆๆๆ
แค่ไม่ชอบใจอัคนิคนเดียว จะโค่นทั้งตระกูลเลยเรอะ
บาปนะๆๆๆๆ


sunrise 24 ม.ค. 2557, 15:58:17 น.
ท่านศานติมันแลดูเท่ไม่เบานะเนี่ย ยังไม่รู้สึกถึงความชั่วร้ายเลย หรือเป็นเพราะมาเจอตางูเลยเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต

ส่วนตางูก็ ตอนแรกกะจะเบิ๊ดกะโหลกซักป้าบ โทษฐานที่นอกใจหนูสิ ดีนะที่กลับตัวทัน


pattisa 24 ม.ค. 2557, 18:14:55 น.
น้องนางสิตาราจะกล้าแทงไม๊เนี่ยย
ปล. ดีใจที่จำกันได้ค่ะ


ใบบัวน่ารัก 24 ม.ค. 2557, 20:53:50 น.
แล้ววงล้อก็หมุนๆๆไป ไป ณจุดเดิม
แล้วจะมีทางแก้ไขบ้างไหม


เด่นเดือน 24 ม.ค. 2557, 22:46:29 น.
อืม ให้เดาเหรอ

งั้นเดาว่าเอามาตัดสร้อยตัวเองแล้วกันนะคะ

ครุคริๆๆๆ ใช่เป่าๆๆๆ

รอรอรอรอรอ ตอนต่อไป


konhin 24 ม.ค. 2557, 23:35:22 น.
มาเพื่อตัดขาดกับชามัลเปล่าคะ โดนภาพบาดใจไปซะขนาดนั้น


yimyum 25 ม.ค. 2557, 09:14:29 น.
มาซะวันใหม่เลย
เมื่อวานมองไม่เห็นนนนน!!! ทำไมตาไม่ดี TT
ป.ล. วันนี้ก็ตามเคยลงชื่อไว้ก่อนเพราะต้องไปเรียนค่ะ


goldensun 25 ม.ค. 2557, 13:36:01 น.
กว่าชามัลจะคิดถึงใจสิตารา ก็ทำเอาสิตาราถอดใจซะแล้ว
แค้นๆ อย่างนี้ จะแทงได้เลยรึเปล่า หรือจะใช้มีดทำอะไร
ศานติมันคงไม่ปล่อยให้สิตาราทำร้ายชามัลมั้งคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account