ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 5 มาเล่นกัน

บทที่ 5 มาเล่นกัน

โทมัส คอนเนอร์ อาจจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ที่สุดในตระกูล แต่ในคฤหาสน์รัตติกาลแห่งนี้ คนที่มีอำนาจสูงสุดคือเควิน ชายหนุ่มมีสิทธิ์จะรับหรือเลิกจ้างคนที่บิดาส่งมาได้ตามใจชอบ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะปล่อยผ่านทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนพวกนั้นชอบเอาเรื่องของเขาไปรายงานให้พวกตึกใหญ่รู้

นอกจากคนที่ขึ้นตรงกับพ่อแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ทำหน้าที่เป็นสายให้พวกแม่เลี้ยงกับพี่ๆ พวกนั้นยอมทุ่มเงินติดสินบนลูกจ้างให้คอยสอดส่องพฤติกรรมของเขาไม่ให้คลาดสายตา ราวกับกลัวว่าวันหนึ่งเควินจะแปลงร่างเป็นอสูรร้ายแล้วตรงเข้าไปขย้ำคอปลิดลมหายใจทุกคนอย่างโหดเหี้ยม

ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนที่ไม่สามารถออกไปเผชิญกับแสงตะวันได้อย่างเขาน่ากลัวตรงไหน แม้จะไม่เข้าใจแต่เควินก็รู้ว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับเสี้ยนหนามของบรรดาพี่ๆ กับแม่เลี้ยง ดังนั้นเมื่อถูกรังแกมาก็ต้องเอาคืนให้สาสม

พวกแม่เลี้ยงมีปัญญาส่งคนมา เขาก็มีปัญญาส่งคนกลับไป ไม่ก็ให้ข่าวผิดๆ แล้วรอดูอีกฝ่ายแพ้ภัยตัวเอง ไม่ก็เต้นเป็นเจ้าเข้า

สงครามจิตวิทยาระหว่างแวมไพร์เจ้าของคฤหาสน์รัตติกาลกับพวกตึกใหญ่เกิดขึ้นอยู่เนื่องๆ ต่อเนื่องมาหลายปี ด้วยเหตุนี้เควินก็เลยชินกับสภาพปลาในตู้ ที่มีคนเฝ้ามองเกือบตลอดเวลา

คิดถึงตรงนี้เควินก็นึกขึ้นมาได้ว่าชีวิตของเขาสงบมานานเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกแม่เลี้ยงและพี่ๆ ตั้งแต่พ้นปีใหม่มาพวกนั้นก็ไม่มารังควานเขาเลย เวลาว่างที่มีมากเกินไปทำให้เขารู้สึกเบื่อ แล้วตอนนั้นเองญาติตัวแสบก็ส่งของขวัญชิ้นงามมาให้

เควินแกล้งให้เธอป้อนอาหาร แล้วก็หัวเราะอย่างชอบใจเมื่อพยาบาลสาวคนสวยรีบเก็บของออกไปเสียจนเกือบจะสะดุดขาตัวเองล้มคะมำ ดูเหมือนว่าการเย้าแหย่ของเขาจะทำให้เธอกลัว แทนที่จะสำนึกผิดจอมวายร้ายกลับยิ่งชอบใจ

ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองเหมือนที่ยอมรับกับฟินน์ว่าเขาอยากครอบครองน้ำงาม แต่นอกจากอารมณ์ปรารถนาแล้วยังมีความรู้สึกอย่างอื่นที่รุนแรงเหนือการควบคุมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้เขาไม่ได้ใช้เสน่ห์ล่อลวงเธออย่างที่ควรจะเป็น

แผนเดิมของเควินคือทำให้น้ำงามยินยอมพร้อมใจที่จะมีสัมพันธ์ด้วย หลังจากนั้นก็จัดการให้เธอออกไปจากชีวิตแล้วค่อยประกาศชัยชนะกับฟินน์ ทว่ายังไม่ทันได้เริ่ม ตำแหน่งตัวมากในกระดานก็พลิกไปเสียหมด เมื่อเขาค้นพบว่าของเล่นชิ้นนี้น่าสนใจกว่าที่คิด คงน่าเสียดายถ้าที่ต้องรีบใช้แล้วรีบทิ้ง

ชายหนุ่มมองภาพของพยาบาลสาวสวยอย่างหมายมั่นปั้นมือ ก่อนจะเรียกเกลิคกับมามิมาพบแล้วสั่งให้จัดเตรียมสิ่งที่ต้องการ ทำเสร็จเรียบร้อยเมื่อไรเขาจะได้เริ่มเล่นเกมใหม่กับเธอเสียที



นับตั้งแต่วันที่น้ำงามไปพบเควินที่ห้อง ชายหนุ่มก็มักจะติดต่อมาหาเธอเวลาเข้าเวรเสมอ บางคราวก็ชวนคุยดีๆ บางทีก็มีชวนทะเลาะ วันไหนครึ้มใจมากหน่อยก็เรียกเธอไปป้อนอาหารให้แบบถึงเนื้อถึงตัว น้ำงามบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าชอบหรือไม่ชอบกันแน่ รู้แต่หัวใจปั่นป่วนทุกทีเวลาที่ได้เจอหน้ากัน หนำซ้ำอาการนี้ยังลามมาถึงเวลาพักผ่อนของเธอด้วย

หญิงสาวไม่อยากจะเก็บตัวอยู่ในห้องตามลำพังกับอารมณ์ฟุ้งๆ ลอยๆ ของตัวเอง ก็เลยมาที่โรงอาหารในตอนเย็น เธอเพิ่งเคยมาในช่วงเวลานี้เป็นครั้งแรกตจึงได้เจอคนที่ไม่คุ้มหน้ามากมาย

สภาพโรงอาหารในตอนเย็นจอแจกว่าในช่วงเช้าและช่วงเที่ยงมาก ที่นั่งที่น้ำงามเคยคิดว่าเหลือเฟือ ตอนนี้กลับถูกจับจองจนเกือบเต็ม หญิงสาวตัดสินใจเดินไปตักอาหารก่อน เสร็จแล้วค่อยกลับมาหาที่นั่ง ในขณะที่กำลังกวาดตามองรอบโรงอาหาร มิเชล ภรรยาของจอร์จก็กวักมือเรียกให้มานั่งด้วยกัน เจ้าหล่อนรับประทานใกล้เสร็จแล้ว ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อยก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัวไปกลับเข้าไปทำงานที่ตึกใหญ่

พอมิเชลลุกออกไป ก็มีใครคนคุ้นเคยมานั่งแทนที่ มาร์กวางจานที่ตักอาหารมาจนพูนลงบนโต๊ะ ก่อนจะกระแทกก้นอูมๆ ลงบนเก้าอี้อย่างแรงแล้วไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่คำเดียว

“วันนี้ดูคุณไม่ค่อยสดชื่นเลย” น้ำงามทัก

“ใช่เลย วันนี้คนสวยเซ็งเอามากๆ” มาร์ยอมกรับ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างอัดอั้น “เรารึยอมเป็นสตอล์กเกอร์ ติดตามหวานใจในฝันมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็เสร็จชะนีจนได้”

“มีคนดังคนไหนประกาศหมั้นหรือแต่งงานหรือคะ”

เนื่องจากมาร์กไม่ได้เอ่ยชื่อว่าหวานใจในฝันของเขาเป็นใคร น้ำงามก็เลยเดาไปในทางนั้น

“ไม่ใช่ดาราย่ะ แต่เป็น...” มาร์กเอามือป้องปาก ก่อนจะกระซิบคำว่า ‘มาสเตอร์เค’ ให้ได้ยิน

“เขาจะแต่งงานจริงหรือคะ” น้ำงามถามอย่างตกใจ

“แต่งไม่แต่งไม่รู้ย่ะ รู้แต่ฉันหมั่นไส้หล่อนมาก”

ชายหนุ่มจิกตาใส่แบบไม่ปราณี น้ำงามเลยเอามือชี้ตัวเองอย่างงงๆ

มาร์กพยายามใบ้ให้อีกครั้งแต่เจ้าหล่อนก็ยังไม่เข้าใจ ชายหนุ่มเลยกระซิบบอกให้หมดเรื่องกันไปว่าเห็นเธออยู่กับตามลำพังกับมาสเตอร์เคในห้องทำงานของเขา พอรู้ว่าเพื่อนร่วมงานคิดอย่างไร ใบหน้าของน้ำงามก็ขึ้นสี

“ไปรู้มาจากไหนคะ ไม่จริงสักหน่อย”

“เห็นมากับตาอย่าได้ปฏิเสธเชียว”

มาร์กบังเอิญลืมของเอาไว้ตอนส่งเวรให้น้ำงาม ก็เลยวกกลับมาเอา ทำให้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด

“ก็แค่เข้าไปทำงานตามปกติค่ะ”

น้ำงามไม่รู้หรอกว่าเขาเห็นเธอกับเควินในอากัปกิริยาไหนแต่ขอยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเอาไว้ก่อน ทว่าก็ไม่อาจปกปิดความจริงได้เพราะมาร์กเห็นฉากเธอป้อนอาหารให้มาสเตอร์เคเต็มสองตา

“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ เขาแค่แกล้งฉันเล่นเท่านั้นเอง”

“นั่นแหละย่ะ ที่น่าหมั่นไส้ ฉันล่ะอยากถูกแกล้งจนตัวสั่น”

มาร์กทำท่าทำทางประกอบคำพูด ก่อนจะบ่นพึมพำว่าคนรอบตัวหนีไปมีความสุขในโลกสีชมพูกันหมด ทิ้งเก้งหนุ่มอย่างเขาให้เปล่าเปลี่ยวเอกา

“ก็ลองหาแฟนสักคนสิคะ” น้ำงามแนะ เผื่อมาร์กจะสนใจคุยต่อประเด็นที่กำลังถูกสงสัยอยู่จะได้ตกไป

“ใครเขาจะมาสนพยาบาลหนุ่มหุ่นหมีอย่างฉัน” พูดแล้วก็จ้วงมันบดกับของกินอีกสารพัดในจานเข้าปากเพื่อดับอารมณ์

“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณหล่อออก”

ถึงมาร์กจะเป็นหนุ่มร่างอวบ แต่ก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดี เขามีผมสีน้ำดาลหยักศกเป็นธรรมชาติ ตาสีอัลมอนด์ จมูกโด่งสวย ถ้าฟิตกล้ามสักหน่อยขี้คร้านจะมีคนแย่งกันรุมจีบ

“ปากหวานนะยะชะนีน้อย แต่ถึงจะชมไปฉันก็ไม่ยกโทษให้ง่ายๆ หรอก” มาร์กทำเสียงจิ๊จ๊ะในปาก

ท่าทางเขาจะเคืองจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนั่งร่วมโต๊ะ ช่วยคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ตั้งนาน น้ำงามเลยตัดสินใจขอร้องว่าให้ช่วยเก็บเรื่องของเธอกับมาสเตอร์เคเป็นความลับ

หญิงสาวตระหนักดีว่าถึงเธอกับเควินจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปต้องเป็นปัญหาแน่ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่โปรดปรานข่าวลือเป็นอย่างยิ่ง หนำซ้ำแค่เสพไม่พอยังชอบเพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไปใหม่ให้ยิ่งเลอะเทอะเปรอะเปื้อนด้วย

“ฉันกับซาร่าน่ะเหยียบมิดอยู่แล้ว แต่คนอื่นน่ะไม่แน่”

นอกจากพวกเธอแล้ว ยังมีพยาบาลอีกสองคนที่แวะเวียนมาทำหน้าที่แทนในกรณีที่มีคนลาหยุด สองคนนั้นทำงานในตึกใหญ่ใกล้ชิดกับพวกภรรยาของคุณท่าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปพูดบ้าง

นับนิ้วดูแล้วในคฤหาสน์แห่งนี้มีพยาบาลประจำอยู่ถึงห้าคน สาเหตุที่ต้องใช้คนเยอะเพราะเจ้าของสถานที่และภรรยาทั้งสามต่างก็อยู่ในวัยชรา น้ำงามคิดว่ามันพิลึกดีที่คนแก่สี่คนมีพยาบาลดูแลอยู่สอง แต่คนหนุ่มสุขภาพแข็งแรงคนเดียวกลับมีคนเฝ้าอยู่ถึงสาม

หญิงสาวพยายามทำความเข้าใจหัวอกของพ่อที่ห่วงใยลูก แต่เปิดใจให้ตายอย่างไรก็คิดว่ามันเกินไปอยู่ดี ที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือทำไมเควินถึงยอมตามใจบิดา ทั้งที่บุคลิกของเขาไม่เฉียดเข้าใกล้ลูกกตัญญูที่เชื่อฟังพ่อแม่เลยสักนิด

“ยังไงก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน” มาร์กเตือนด้วยความหวังดี

“ค่ะ ฉันจะระวัง”

หญิงสาวรับปากทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางทำอะไรได้ ถ้าเควินเรียกไปหาเธอก็ต้องไปพบ ขัดได้เสียที่ไหน

น้ำงามปลงในโชคชะตาแต่ก็ไม่คิดจะให้ชายหนุ่มทำอะไรกับเธอตามใจชอบไปเสียทุกอย่าง หญิงสาวคิดหาหนทางตอบโต้ พักใหญ่ก็มีความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในขณะที่กำลังมองมาร์กรับประทานอาหาร

น้ำงามรีบกินแล้วหยิบส้อมในจานขึ้นมาเช็ดจนสะอาด ก่อนจะแอบหยิบใส่กระเป๋า

“จะเอาส้อมไปทำไม” คนที่มองพฤติกรรมอยู่ถามด้วยความสงสัย

“เอาไปทำสงครามค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างมาดมั่น



น้ำงามพกส้อมไปทำงานด้วยพร้อมแผนการเอาคืนคนเอาแต่ใจ ทว่าอุปกรณ์เสริมของเธอกลับไม่ผ่านการตรวจ การ์ดร่างยักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูแบมือขอของจากตัวเธอทันทีที่เครื่องตรวจจับโลหะร้อง

“กรุณาส่งอาวุธของคุณมาให้เราด้วยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยติดตลก

ดูเหมือนว่าเขาจะมีอารมณ์ขันมากกว่าที่คิด หญิงสาวก็เลยกล้าต่อรอง เธอหยิบส้อมออกมาให้ดู แต่ไม่ยอมยื่นให้

“แค่ส้อมค่ะ ไม่ใช่อาวุธร้ายแรงสักหน่อย”

การ์ดคนทางซ้ายพยักหน้ารับ แล้วทำท่าว่าจะให้เธอผ่าน แต่คนทางขวากลับแบมือขอยึดเอาไว้

“ฝากผมเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ ขากลับค่อนเอาคืน”

“แต่ฉันจำเป็นต้องใช้นะคะ ถ้าไม่พกไปแล้วฉันจะเอาอะไรกินข้าว”

“เวลาสั่งอาหารโรงครัวเขาไม่ให้ส้อมคุณหรือไง”

”ให้ค่ะ แต่มันไม่จับไม่ถนัดมือ” น้ำงามอ้าง

“ผมเข้าใจแล้ว” การ์ดผิวดำว่า

น้ำงามหลงดีใจว่าเขาจะปล่อยให้เธอพกส้อมเข้าไป ที่ไหนได้กลับยิ้มกว้างแล้วบอกว่าให้ช่วยอดทนกับความลำบากเล็กๆ น้อยๆ นี่

“ฉันไม่เห็นว่าส้อมนี่มันจะอันตรายตรงไหนเลย ในห้องพยาบาลมีมีผ่าตัดเป็นสิบ ถ้าฉันจะทำอะไรมาสเตอร์เคของคุณใช้พวกนั้นไม่ดีกว่าหรือคะ” หญิงสาวบ่นอุบ

การ์ดทางซ้ายทำท่าเหมือนเห็นด้วย แต่การ์ดทางขวายังคงใจร้ายกับน้ำงามอย่างต่อเนื่อง

“เสียใจด้วยครับคุณผู้หญิง ต่อให้เป็นปากกา ถ้าไม่มีคำสั่งไม่ว่าใครก็ห้ามพกวัตถุอันตรายที่ต้องเฝ้าระวังเข้าไป”

พูดจบเขาก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วกรอกเสียงลงไปว่า

“ระวังมีผ่าตัดในห้องพยาบาลด้วย”

คนไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใครฉุนกึก เธอโยนส้อมที่พกมาให้การ์ดร่างยักษ์แล้วเดินหน้าง้ำเข้าไปด้านใน

ที่น้ำงามพกส้อมมาด้วยก็เพื่อจะได้ใช้จิ้มอาการป้อนเควิน ถ้าถามว่าทำไมไม่ขอมาจากห้องครัวก็ต้องตอบว่าเขาไม่ยอมส่งมาให้เธอ พ่อตัวร้ายสั่งเปลี่ยนรายการอาหารของตัวเองและของเธอใหม่หมดทั้งสัปดาห์ รู้ตัวอีกทีก็เจอแต่ประเภทที่ต้องหยิบกินด้วยมือทั้งหมด

เมื่อคืนน้ำงามใช้กลยุทธ์ป้อนเร็วกว่านรกจัดการเขา แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลเพราะคนเจ้าเล่ห์เล่นนอกกติกาด้วยการยึดมือเธอเอาไว้ ถ้าโวยวายเขาก็จะไม่ยอมกิน แถมยังประท้วงโดยการอดอาหารทั้งวันด้วย

น้ำงามทั้งปวดหัวทั้งเหนื่อยใจแต่ไม่มีใครเข้าใจเธอเลยสักนิด มาร์กออกอาการริษยาตาร้อนผ่าว ส่วนเกลิคโทรมาเตือนเสียงเย็นว่าที่นี่มาสเตอร์เคเปรียบเสมือนกฎห้ามเธอขัดขืนคำสั่งเขาเด็ดขาด

หญิงสาวรู้สึกอารมณ์บูดจริงๆ เมื่อเควินเรียกตัวเธอเข้าไปพบในห้อง หญิงสาวก็เลยตัดสินใจคว้าของในกล่องพยาบาล ติดตัวไปเพื่อใช้ปกป้องอธิปไตยนิ้วมือ

มื้อเที่ยงของมาสเตอร์เควันนี้เป็นแซนด์วิชสารพัดอย่าง พอเธอเปิดถาดอาหารเขาก็อ้าปากเป็นลูกนกรอกิน น้ำงามจึงใช้ของที่พกมาคีบของใส่ปากเขา

“นี่อะไร” ชายหนุ่มโวยวายเมื่อเห็นอุปกรณ์ในมือของหญิงสาว

“คีมสำหรับทำแผลค่ะ สะอาดปลอดเชื้อแน่นอน ฉันแช่น้ำยาเอาไว้ก่อนเอามาใช้แล้ว”

เควินทั้งเคืองทั้งขำ ก็คิดอยู่หรอกว่าเธอจะต้องหาอะไรมาใช้ป้อน ทีแรกคิดว่าเป็นตะเกียบเสียอีก ที่ไหนได้แม่คุณกลับพกคีมทำแผลเข้ามา

‘สมกับเป็นพยาบาลจริงๆ’

“ผมไม่ใช่ตัวเชื้อโรค”

“ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ มือฉันต่างหากที่สกปรก”

“ผมไม่สน”

“แต่ฉันสน” หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็ง

ตั้งแต่รู้จักกันมา เควินยังไม่เคยได้ยินหญิงสาวใช้น้ำเสียงลักษณะนี้มาก่อน ท่าทางจะเริ่มโกรธแบบจริงจังแล้ว ชายหนุ่มชอบแหย่เธอก็จริงอยู่ แต่ก็ยังไม่อยากถูกเกลียด เพราะเดี๋ยวจะเล่นด้วยกันได้ไม่สนุก

“นี่คุณรังเกียจไม่อยากป้อนผมขนาดนั้นเลย” จอมวายร้ายตีหน้าเศร้า

หลายวันมานี้เขาเรียนรู้ว่าบทโศกใช้กับเธอได้ผลกว่าการออกคำสั่ง ก็เลยลองใช้มารยาดู

“ฉันไม่ได้รังเกียจค่ะ แค่ไม่ชอบที่คุณ...”

คำพูดที่เหลือไม่ผ่านพ้นริมฝีปากออกมาเพราะกระดากเกินกว่าจะเอ่ย เควินเลยช่วยต่อให้

“ไม่ชอบที่ผมดูด เลีย แล้วก็ละเลง….”

“พอค่ะพอ เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน ไม่ต้องอธิบายละเอียดก็ได้”

น้ำงามรีบห้ามก่อนที่คำพูดเขาจะทำให้หน้าร้อนไปกว่านี้

“ขอร้องเถอะค่ะมาสเตอร์เค อย่าแกล้งฉันอีกเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นเราคงทำงานด้วยกันไม่ได้” หญิงสาววิงวอน

เควินทำเป็นนิ่งไปเหมือนกำลังตรอง แต่ที่จริงแล้วแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้คนข้างนอก

“เอาอย่างนี้มาเล่นเกมกัน ถ้าคุณชนะผมจะทำตามคำขอของคุณทุกอย่าง”

“ถ้าแพ้ละคะ”

น้ำงามไม่รีบร้อนตกลงเพราะได้กลิ่นอายบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

“คุณก็ต้องทำตามคำขอของผม”

“ทำอะไรคะ”

“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ถ้าผมจะขอให้คุณทำอะไรก็คงเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มีค่าใกล้เคียงกัน”

ชายหนุ่มล่อลวงน้ำงามด้วยแววตาของคนใจซื่อ เขาพยายามใช้เสน่ห์ทำให้เธอตาพร่าแล้วเชื่อว่าบทลงโทษอย่างมากก็แค่เต้นแร้งเต้นกา ไม่ก็ขอดีดหน้าผากสักที

“ฉันขอคิดดูก่อนค่ะ” น้ำงามมีท่าทีลังเลอยู่มาก

เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าไม่ติดกับโดยง่าย พ่อแวมไพร์ตัวร้ายก็กางนิ้วออกมาทั้งสิบนิ้ว

“นับหนึ่งถึงสิบ ถ้าไม่ตกลงจะถือว่าเกมเริ่มโดยอัตโนมัติ”

เอาแล้วไง พ่อคนเอาแต่ใจเล่นงานน้ำงามเข้าให้แล้ว ถึงจะซื่อแต่น้ำงามก็ไม่ได้โง่ดังนั้นเธอเลยรีบปฏิเสธเสียตั้งแต่ก่อนที่เขาจะนับถอยหลัง

“คุณหัวไวนะ แต่มันช้าไปแล้วสาวน้อย”

“ไม่ช้าสักหน่อยค่ะ ฉันบอกว่าจะไม่เล่นเกมกับคุณก่อนคุณนับนิ้วอีก”

“สิบนิ้วนี่ผมหมายถึงนับถอยครบแล้วต่างหาก ผมเริ่มนับตั้งแต่ถามว่าคุณจะเล่นเกมไหมแล้ว” ชายหนุ่มยักคิ้วให้อย่างเจ้าเล่ห์

“ขี้โกงนี่คะ ฉันไม่เล่นเด็ดขาด คุณมัน...”

ประท้วงไม่ทันเสร็จหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องเมื่ออยู่ๆ มีถุงผ้าขนาดใหญ่มาครอบตัวเธอเอาไว้ ไม่ทันตั้งตัวก็มีคนเอาเชือกมาพันรอบตัวซ้ำไม่ให้ดิ้นหลุด หญิงสาวพยายามขัดขืนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย อึดใจเดียวร่างกายของเธอก็ลอยวืดขึ้นจากพื้นเหมือนถูกแบกพาดบ่าเอาไว้

เควินรู้อยู่หรอกว่าทำอย่างนี้ไม่ถูก แต่ใครจะไปสน

‘น้ำงามเป็นพยาบาลของเขา ก็ต้องเล่นกับเขาสิถูกไหม?’

“ไม่ต้องตกใจ ผมแค่จะพาคุณไปที่จุดสตาร์ทเท่านั้นเอง” เควินเอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนจะออกคำสั่งให้พาเธอไป

น้ำงานได้ยินเสียงรับคำแว่วๆ ฟังแล้วก็จำได้ว่าเป็นการ์ดที่ริบส้อมเธอเอาไว้ เควินวางแผนเอาไว้อย่างนี้พวกการ์ดเลยคุมเข้มเพราะกลัวเธอจะเอาอาวุธกระซวกไส้เจ้านาย

คนที่อุ้มพาตัวเธอออกมาจากห้องเอ่ยขอโทษหญิงสาวไปตลอดทาง เมื่อถึงที่หมายเขาก็วางตัวเธอลงแล้วแก้เชือดกับดึงถุงผ้าออกให้อย่างระมัดระวัง กระนั้นน้ำงามก็ยังคงโกรธจนควันออกหูอยู่ดี เมื่อถูกบังคับให้เล่นเกมที่ไม่อยากเล่น

“คุณพาฉันมาในห้องนี้ทำไมคะ มาสเตอร์เคต้องการอะไรกันแน่” หญิงสาวถามอย่างไม่สบอารมณ์

ห้องที่เธออยู่ในตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากห้องเก็บของ ทั้งอับทั้งหนาว

“ลองเปิดกล่องตรงหน้าคุณสิครับ แล้วจะรู้เอง”

พูดจบการ์ดผิวสีก็หายออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับนินจา น้ำงามถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วมองกล่องตรงหน้าอย่างหมดทางเลือก ถ้าคืนนี้เธอไม่ยอมเล่นเกมบ้าบอนี่กับเขาเห็นทีคงจะถูกก่อกวนแบบไม่มีที่สิ้นสุด

“ฉันจะต้องเอาชนะคุณให้ได้เลยเควิน คอนเนอร์” หญิงสาวเอ่ยอย่างหมายมั่น

ในกล่องสีดำใบย่อมมีแท็บเล็ตขนาดประมาณฝ่ามือวางอยู่บนกระดาษกันกระแทกพร้อมกับปืนปกกระบอกหนึ่ง

“ปืนปลอมครับไม่ต้องตกใจ” เสียงของเควินดังมาจากแท็บเล็ต พอเอามือไปแตะหน้าจอใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นมา

ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในห้องทำงานแล้ว เพราะฉากหลังที่เขายืนเป็นห้องที่มีแพงสีแดงสด

“จะให้ฉันเอามายิงคุณใช่ไหมคะ” หญิงสาวประชดแต่อีกฝ่ายกลับตบมือชอบใจ

“ถูกต้องแล้วครับ คุณต้องตามล่าหาตัวผม แล้วยิงด้วยปืนนั่น ถ้าทำได้ตามเวลาที่กำหนดคุณก็ชนะ ถ้าทำไม่ได้ก็แพ้ไป”

ชายหนุ่มทำท่าชี้นิ้วลงไปข้างล่าง อึดใจก็มีตัวเลขจับเวลาถอยหลังโผล่ขึ้น ตอนนี้น้ำงามเหลือเวลาในการเล่นเกมอีกห้าชั่วโมงกับอีกสี่สิบสามนาที หรือก็คือเธอมีเวลาตามหาตัวเขาจนถึงหกโมงเช้า เท่ากับเวลาเลิกงานพอดิบพอดีเลย

เพื่อความยุติธรรมเควินจะไม่หนีไปซ่อนในห้องลับหรือออกไปข้างนอกและจะอยู่จุดเดิมไม่ย้ายไปไหน หน้าที่ของน้ำงามคือเดาใจเขาให้เจอ ถ้าเดาไม่ออกก็ต้องทำภารกิจต่างๆ ตามแต่ที่เขาจะสั่งเพื่อให้ได้คำใบ้มา

“กดปุ่มสีเขียวสิครับ แล้วคุณจะเห็นแผนที่ เห็นตัวตุ๊กตาสีขาวไหม นี่คือตำแหน่งที่คุณอยู่ในตอนนี้”

รายละเอียดที่หน้าจอบ่งบอกว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องใต้หลังคา คฤหาสน์แห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้นไม่รวมดาดฟ้าและห้องใต้ดิน ต่อให้มีแผนที่มันก็ดูลึกลับซับซ้อนน่าเวียนหัวอยู่ดี ถ้าให้ไล่หาชายหนุ่มไปทีละห้องเห็นทีจะไม่รอด หญิงสาวก็เลยขอคำใบ้จากเขา ซึ่งก็ได้มาแค่คำว่า ‘ดาดฟ้า’

“ฉันต้องขึ้นไปข้างบนใช่ไหมคะ”

“บอกไม่ก็ไม่สนุกสิคนสวย” ชายหนุ่มขยิบตาให้ก่อนตัดการสื่อสารทิ้งไป

น้ำงามรู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีเมื่อมองจากหน้าต่างห้องใต้หลังคาไปแล้วเห็นหิมะขาวโพลนด้านนอก หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งเฮือกก่อนจะค้นของในกล่องอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็พบว่าข้างใต้กระดาษกันกระแทกมีกระเป๋าซองปืนแบบคาดเอวกับคู่มือการใช้ปืนอยู่

หญิงสาวจำใจต้องหยิบมาอ่านเพราะทั้งชีวิตไม่คือจับปืนผาหน้าไม้มาก่อน อย่างน้อยรู้วิธีใช้จะได้ไม่ลั่นใส่ตัวเอง เธอเสียเวลาไปกับคู่มือพักใหญ่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่อยากจับเพราะปืนที่เควินให้เธอเอาไว้เป็นปืนจริงสำหรับซ้อมรบของทหาร ไม่ใช่ของเล่นอย่างที่เขาใจ ข้อควรระวังของมันเขียนเอาไว้ตัวเบ้อเร่อเลยว่ากระสุนไม่ทำอันตรายถึงชีวิตแต่ทำให้บาดเจ็บได้

“อีตาบ้านี่เล่นอะไรของเขานะ อยากเจ็บตัวหรือไง” พยาบาลสาวบ่นอย่างหงุดหงิด

ตลอดชีวิตเธอเคยแต่ช่วยชีวิตผู้คน ถนัดทำร้ายใครเสียทีไหน

‘เอ๊ะ! หรือเขาคิดว่าเราต้องไม่กล้ายิงแน่’

ความคิดนี้ทำให้โกรธกรุ่นมากขึ้น เควินคือจอมวายร้ายที่เจ้าเล่ห์เหลือเกิน น้ำงามจะพิสูจน์ให้ดูว่าเขาอย่างเขาคิดเรื่องที่เธอโหดไม่เป็น

หญิงสาวหยิบสายคาดมาคาดกับเอว ปรับตำแหน่งให้จับปืนได้ถนัดแล้วค่อยหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเพื่อขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า พอเดินไปจนใกล้ถึงบันไดทางออก บนแผนที่ก็มีตัวการ์ตูนรูปในชุดบอดี้การ์ดโผล่ขึ้นมา พอเดินไปใกล้ก็เห็นว่าเป็นการ์ดผิวดำคนที่อุ้มพาตัวเธอมา เขายืนขวางประตูทางออกไปยังดาดฟ้าเอาไว้

“ผมชื่อทอมสันครับ ถ้าคุณทำภารกิจผ่านผมจะบอกคำใบ้ให้”

“ได้ค่ะ ว่ามาเลย”

“ผมจะสอนคุณใช้ปืนครับ ถ้ายิงไปโดนเป้าที่ตรงนั้นได้ก็ถือว่าผ่าน” ชายหนุ่มชี้ไปที่ผนังสีขาวซึ่งมีเป้าอยู่

ภารกิจนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ไม่นานน้ำงามก็รู้วิธีใช้ปืนที่ถูกต้องและสามารถยิงเป้าที่ผนังได้ จะเสียก็แต่ว่าเธอเหลือกระสุนติดกระบอกอยู่แค่หกนัดเท่านั้น

เควินให้กระสุนเธอมาไม่มาก เขาว่าใช้ไปก็ถือว่าหมดแล้วหมดเลยเลยห้ามขอเพิ่มเด็ดขาด เพราะเธอไม่จำเป็นต้องไล่ยิงคนอื่นนอกจากเขา หญิงสาวก็เลยต้องเตือนตัวเองให้ระวังเพราะถ้ากระสุนหมดก่อนเวลาก็จะถือว่าเธอแพ้เหมือนกัน

เมื่อเธอผ่านภารกิจ ทอมสันก็บอกคำใบ้ต่อไปให้ การ์ดร่างยักษ์บอกให้เธอไปที่ห้องครัว

“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ตอนแรกหงุดหงิดใส่ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดคุณเลย” น้ำงามเอ่ยก่อนจะไปยังที่หมายต่อไป

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่จริงมันก็สนุกดี เอาชนะให้ได้นะครับ ผมพนันข้างคุณอยู่” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม

ก่อนจะลงไปที่ครัวซึ่งอยู่ชั้นหนึ่ง น้ำงามออกไปดูที่ดาดฟ้าก่อนว่ามีคนอยู่ไหม พอมองสำรวจจนทั่วแล้วไม่เห็นใคร หญิงสาวก็รีบวิ่งฝ่าความหนาวกลับเข้ามาในคฤหาสน์อุ่นๆ แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องครัว พอไปถึงหน้าจอก็มีรูปตัวการ์ตูนรูปพ่อครัวโผล่ขึ้นมา พอแนะนำตัวกันแล้วเขาก็ขอให้เธอทำอาหารไทย

หญิงสาวหุงข้าวแล้วทำไข่เจียวหมูสับง่ายๆ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เสร็จ พอทำเรียบร้อยแล้วก็ได้คำใบ้ว่าห้องซักรีด

คราวนี้น้ำงามเจอสาวใช้อยู่ในห้อง เธอไม่ได้ขอให้รีดผ้าหรือทำงานบ้านแต่ขอให้เต้นให้ดู

“ฉันอยากให้คุณเต้นกังนัมสไตล์ค่ะ”

“อะไรนะคะ?” น้ำงามถึงกับเหวอกับภารกิจ

“คุณไม่รู้จักเหรอคะ เพลงเขาออกจะฮิต”

พูดจบเจ้าหล่อนก็หันไปเปิดเพลงแล้วก็เต้นให้ดูอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าน้ำงามจะเจอกับภารกิจหินเข้าให้แล้ว เพราะเธอไม่ถนัดเรื่องเต้นเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำร้ายยังต้องมาเต้นต่อหน้ากล้องที่มีเควินคอยดูอีกต่างหาก

พอหญิงสาวฝืนใจเต้นตามเพลง แม่สาวใช้หัวใจแดนเซอร์คนนี้ก็ส่ายหน้าอย่างระอา

“เต้นไม่ถูกไม่ให้ผ่านนะคะคุณ เอาใหม่ค่ะ ขาต้องแบบนี้ แล้วมือก็อย่างนี้”

น้ำงามพยายามเต็มที่แล้วแต่ก็ยังโดนติตลอด แถมยังถูกค่อนว่าเธอเต้นเหมือนกับลูกม้าขัดเดิน แต่นั่งยังไม่ทำให้โมโหเท่ากับเสียงหัวเราะของเควิน

“เงียบไปเลยนะ ฉันจะล่าตัวคุณมาให้ได้เลย” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่จอ

ยังไม่ทันได้แตะมัน หน้าจอดำๆ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหล่อเหลาของแวมไพร์ตัวร้าย ตอนนี้คนที่เธอเคืองหนักหนา กำลังตักข้าวไข่เจียวที่น้ำงามทำเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างสบายอารมณ์

“พยายามหน่อยสิคุณพยายาม เดี๋ยวจะหมดเวลาก่อนนะ ผมอยากแอ่นอกรับกระสุนแห่งความรักของคุณจะแย่แล้ว”

คำยั่วของเควินได้ผลทีเดียว เพราะมันทำให้น้ำงามลืมอายเต้มออกมาเต็มที่จนคนประเมินให้ผ่านมอบคำใบ้ต่อไปให้

หญิงสาววิ่งวุ่นทำนั่นทำนี่ไปทั่วคฤหาสน์ตามคำสั่งของเควินจนใกล้จะรุ่งสาง ในที่สุดเธอก็รู้ว่าพ่อตัวร้ายไปหลบอยู่ที่ห้องใต้ดิน

ตอนนี้เหลือเวลาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวเลยก้าวยาวๆ ลงบันใดไป มีคนบอกว่าห้องด้านล่างนี้เอาไว้ใช้เก็บไวน์ ทว่าบัดนี้มันถูกเนรมิตให้กลายเป็นบ้านผีสิงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ผนังสองข้างทางถูกตกแต่งด้วยหุ่นน่ากลัว มีทั้งมือปลอม หลุมศพ แม้แต่หยากไย่จับตัวหนาก็ยังมี เรียกว่าทุ่มทุนสร้างทีเดียว

น้ำงามถือปืนเอาไว้แน่น เธอเตรียมพร้อมเผื่อว่าเควินจะโผล่มามุมมืดมุมใดมุมห้องของห้อง ทว่าสิ่งที่กลัวกลับไม่เกิดขึ้น ห้องทังห้องเงียบกริบ พอสอดส่ายสายตาดูดีๆ ก็เห็นว่าไม่มีที่ให้ซ่อนตัวเลยนอกจากโลงศพที่วางตั้งอยู่กลางห้อง

อยู่ๆ บานพับก็ค่อยๆ ง้อมออก หญิงสาวเล็งปืนไปตรงหน้าทันที แล้วก็พบว่าเควินกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ในนั้น ชายหนุ่มดูแปลกตาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวมีระบายแบบยุคกลาง ผมยาวสลวยที่มักจะมัดรวดเอาไว้คลอเคลียอยู่ข้างแก้มสีขาวซีด

ทั้งที่ควรจะรีบยิงเขาเพื่อให้จบเกมแท้ๆ แต่สิ่งที่น้ำงามทำในขณะที่เวลาค่อยๆ หมดลงทุกขณะคือการจ้องมองชายหนุ่ม เขาดูงดงามราวกับงานศิลป์มากกว่าเป็นมนุษย์จริงๆ เสน่ห์ที่ยากจะต้านทานนี้ทำให้น้ำงามพลั้งเผลอเดินเข้าไปหาใกล้เกินกว่าความจำเป็น

เธอลดปืนในมือลงโดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นเองที่ดวงตาของชายหนุ่มเปิดออก ดวงตาสีอำพันที่เธอเคยหลงใหลบัดนี้กลายเป็นสีแดงสดราวกับเลือด

“คุณคิดผิดนะที่ไม่รีบยิงผม”

เควินแสยะยิ้มให้เห็นคมเขี้ยวที่ดูน่ากลัว ทั้งเขี้ยวและสีของดวงตาล้วนไม่ใช่ของจริง ทว่าในวินาทีนั้นน้ำงามกลับเชื่ออย่างหมดใจว่าเขาเป็นแวมไพร์กระหายเลือดจริงๆ

น้ำงามยกปืนขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่ก็สายไปเสียแล้ว ผีดูดเลือดตัวร้ายยึดข้อมือของเธอเอาไว้แน่น แล้วกระชากเธอให้ล้มลงบนตัวเขา ก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวานให้




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2557, 01:34:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2557, 01:34:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1803





<< บทที่ 4 ป้อน   บทที่ 6 อย่าโกรธนะ >>
คิมหันตุ์ 8 มี.ค. 2557, 02:41:26 น.
อัลไล ทำอะไรกันเนี่ย อุอุ จะมาต่อให้เค้าหายค้างตอนไหนหนอกิ๊วๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 8 มี.ค. 2557, 09:26:46 น.
อร๊ากกกกกก อย่าลืมๆๆๆ
ซอกคอๆๆๆๆ คิๆๆ


Sukhumvit66 8 มี.ค. 2557, 11:38:12 น.
ว้าย ๆ ๆ ๆ ๆ


ree 8 มี.ค. 2557, 18:11:22 น.
เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้


Zephyr 8 มี.ค. 2557, 22:22:52 น.
เล่นอะไรเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
เหมือนเด็กเล่นไล่จับเลยอ่ะ


goldensun 10 มี.ค. 2557, 22:41:36 น.
เจ้าเล่ห์จริงๆ เควิน รู้จุดอ่อนน้ำงาม ดักทางได้หมดเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account