ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 7 ไม่ได้รัก

บทที่ 7 ไม่ได้รัก

ความสนิทสนิมระหว่างเควินกับน้ำงามพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เพียงระยะไม่กี่วันที่เธอมาทายาแก้ฟกช้ำให้เขา ทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่สนทนาที่คุยถูกคอกันไปแล้ว เควินมักรั้งเธอเอาไว้ครั้งละหลายชั่วโมง โดยไม่มีการกลั้นแกล้งหรือล่วงเกินใดๆ เลย เรียกว่าทำตัวเชื่องประหนึ่งโลกิก็ไม่ปาน น้ำงามจึงเต็มใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนด้วย

“ช่วงวันหยุดคุณไปไหนมาบ้าง” เควินถามหลังจากทายาเสร็จ

“เที่ยวในรัฐนี้นี่แหละค่ะ แวะพักไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นกับพิพิธภัณฑ์” หญิงสาวตอบโดยไม่หันมามอง

ขณะนี้เควินกำลังนอนเอกเขนกเปลือยท่อนบนอยู่ เขาอ้างว่าจะรอให้ยาแห้งก่อนแล้วค่อยใส่เสื้อ ฟังดูก็มีเหตุผลดี กระนั้นน้ำงามก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าพ่อตัวร้ายกำลังอ่อยเหยื่อ

“ท่าทางเป็นเดตที่สนุกนะ” เควินแกล้งถามทั้งรู้อยู่แล้วว่าเธอไปกับทัวร์

“ใช่ค่ะ สนุกมาก ได้เจอผู้ชายดีๆ เต็มคันรถเลยค่ะ” น้ำงามนึกสนุกเลยยั่วเขากลับไปบ้าง

“ดีกว่าผมงั้นเหรอ”

ที่ถามนี้ไม่ได้อยากรู้ แต่มั่นใจต่างหากว่าชนะพวกคุณตาวัยเกษียณขาดรอย

“ก็ไม่รู้สิคะ เอาเป็นว่าไม่มีใครกินยากเท่าคุณก็แล้วกัน”

คนเลือกกินส่วนใหญ่มักจะไม่มีปัญหากับของที่ชอบ แต่เควินนั้นเป็นประเภทที่เลือกของที่จะกินตามอารมณ์ วันนี้บอกไม่อยากกินผักแต่วันถัดมากลับเอาเข้าปากหน้าตาเฉยก็มี เธอละนึกนับถือพ่อครัวที่ต้องพยายามทำอาหารให้ได้หลากหลายที่สุด เพื่อให้มีของที่เขาไม่เมินหลงมาในรายการ

“ถ้าผมไม่เลือกกินคงชนะพวกนั้นขาดลอย”

“ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นช่วยกินให้หมดอย่าให้เหลือด้วยนะคะ”

น้ำงามตัดสินใจกล่อมเผื่อเขาบ้ายุ แต่พ่อเทพบุตรรูปงามกลับพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า

“ไม่ล่ะ ปล่อยไว้แบบนั้นดีแล้ว ผมต่อให้”

“คุณนี่ดื้อจังนะคะ จะยอมเออออตามสักนิดก็ไม่ได้”

“ผมดื้อตรงไหน ออกจะน่ารัก”

จบประโยคพ่อคุณทูนหัวก็กลิ้งตัวมานอนหนุนตัก แล้วปั้นหน้าใสซื่อประหนึ่งเด็กน้อยไร้เดียงสา ต่อให้ใจแข็งมาจากไหนก็คงจะห้ามใจไม่ให้เคลิ้มไปกับลูกอ้อนได้ยาก แต่อย่างนั้นน้ำงามก็ยังคัดค้านคำพูดเขาอย่างหนักเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเหลิง

“คนโกหก” เควินยกมือขึ้นมาบีบจมูกเจ้าของตักที่กำลังหนุนเบาๆ “สารภาพมาซะดีๆ ว่าคุณหลงผมจะแย่”

สายตาของเควินเหมือนจะอ่านใจน้ำงามได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หญิงสาวไม่อยากแพ้เลยฝืนสบตาด้วย

“คนหลงตัวเอง”

ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรแต่ยิ้มราวกับว่าได้รับคำชม ผู้ชายที่เอาแต่อยู่ในความมืดคนนี้จะรู้ตัวไหมว่ารอยยิ้มของตัวเองสว่างเจิดจ้าจำทำให้คนมองตาพร่า

น้ำงามอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขาเหลือเกิน มือเธอพานจะเอื้อมไปข้างหน้าอยู่เรื่อย หญิงสาวเลยตัดสินใจหันไปสนใจโลกิแทน

เควินเห็นว่าถูกเสืออ้วนแย่งความสนใจไป ก็เลยคว้ามือของหญิงสาวมากุมไว้

“เล่าเรื่องไปเที่ยวให้ผมฟังหน่อยสิ” ชายหนุ่มอ้อน

“เล่าเรื่องเที่ยวเวอร์จิเนีย ให้คนพื้นที่ฟังเนี่ยนะคะ ไม่พิลึกไปหน่อยเหรอ”

“ผมไม่มีโอกาสออกไปข้างนอกบ่อยนัก โดยเฉพาะตอนกลางวัน”

น้ำเสียงเศร้าๆ ของเขาทำให้น้ำงามรู้สึกสงสารจับจิต เธอรีบเล่าเรื่องพิพิธภัณฑ์และสถานที่ที่เที่ยวชมมาอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวบรรยายบรรยากาศและสถานที่อย่างละเอียด เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้จินตนาการตามได้งามขึ้น

“พวกเราแวะที่ประภาคารเฮนรีด้วยค่ะ เป็นประภาคารสีแดงอิฐสร้างมาตั้งแต่ปี 1792 ฉันจำความสูงไม่ได้แล้วแต่วิวบนนั้นสวยใช้ได้เลยค่ะ หาดสีน้ำตาลมีฟองคลื่นจับตัวเป็นน้ำแข็ง พื้นน้ำสีฟ้าอมเท่าไรระดับกันไปจนถึงเส้นขอบฟ้า เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้คุณดู”

กล้องถ่ายรูปเป็นอุปกรณ์ต้องห้ามสำหรับที่นี่ ก่อนจะย้ายมาเธอเลยเอามันไปฝากไว้ที่บ้านญาติพร้อมกับของอื่นๆ ที่ไม่ได้ขนมาด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมเห็นมันแล้ว”

“เห็นจากไหนคะ” น้ำงามทำหน้าฉงน

“ในตาคุณ”

ชายหนุ่มโอบคอหญิงสาวให้โน้มลงมา แล้วยกตัวขึ้นประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่ม ผิวกายของชายหนุ่มเย็นเฉียบแต่แทนที่จะทำให้สั่นสะท้าน น้ำงามกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง จูบอ่อนหวานที่เขามอบให้เธอทำให้ช่วงเวลานั้นราวกับอยู่ในชั่วโมงต้องมนตร์

น้ำงามเผลอจูบตอบเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แวมไพร์ตัวร้ายจึงพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มไม่อยากจะผละไปจากเธอเลย แต่ก็จำเป็นต้องถอนริมฝีปากออกมาก่อนที่ความละมุนจะกลายเป็นความร้อนแรง

“คุณจะยอมรับว่านี่เป็นจูบแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มยิ้มยั่วเมื่อเห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มของอีกฝ่าย

น้ำงามไม่ปฏิเสธ สบโอกาสให้คนหลงตัวทึกทักว่ายอมรับแล้ว

“จูบผมน่าประทับใจใช่ไหมล่ะ”

หญิงสาวยังคงใช้ความเงียบเป็นคำตอบ กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เควินหงุดหงิดแต่อย่างใด ขณะนี้ใบหน้าของน้ำงามกำลังแดงก่ำ เหตุเพราะเขินจัดจนทำอะไรไม่ถูกเลย



เควินไม่ได้ล่วงเกินน้ำงามไปมากกว่าหนึ่งจูบ สำหรับคนอเมริกันนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่สำหรับน้ำงามแล้วมันไม่ใช่ หญิงสาวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวัน ตาลอย หน้าแดง เดินชนข้าวของตลอด จนมาร์กต้องเดินมาเคาะหัวเรียกสติ

“ยู้ฮู! มีใครอยู่ในนั้นไหม” มาร์กถามด้วยสายตาประหนึ่งคิดว่าตอนนี้ในหัวเธอกลวง

“เจ็บนะคะมาร์ก” น้ำงามประท้วง

“เจ็บสิดีจะได้มีสติ ปิงปองเขาต้องตีโต้กันนะยะถึงจะสนุก ไม่ใช่ให้ฉันเล่นอยู่คนเดียว”

ขณะนี้ทั้งคู่กำลังอยู่ในห้องสันทนาการซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโรงอาหาร น้ำงามบังเอิญมารับประทานอาหารเช้าตอนที่มาร์กอยากออกกำลังกายพอดี หญิงสาวยังไม่ง่วงเลยอาสาเป็นคู่มือให้ เธอเล่นได้ดีในเกมแรก แต่พอเกมหลังกลับเหม่อเสียอย่างนั้น

“ขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

“เรื่องของสุดหล่อใช่ไหม”

ระยะหลังมาร์กมักเรียกเควินอย่างนี้เวลาที่ต้องการเอ่ยถึง

“ทำไมคิดว่าอย่างนั้นล่ะคะ”

“ก็หน้าเธอมันฟ้องซะขนาดนั้น ฟังคำเจ๊เอาไว้ให้ดีนะคะชะนีน้อย” มาร์กชี้นิ้วแล้วทำท่าเคร่งขรึม “โอกาสมา ตัณหาเกิด ผู้ชายหล่อมีไว้บริโภค กินได้กินเสียอย่าร่ำไร แก่ไปจะได้ไม่เสียใจทีหลัง”

น้ำงามหัวเราะพรืด พอมีสติก็คันปากยิบๆ อยากจะเถียงมาร์กเสียเหลือเกิน ว่าคนอย่างเธอแยกความสัมพันธ์ทางกายกับทางใจออกจากกันไม่ได้ ดังนั้นคงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการมีอะไรกับเขาโดยไม่ยั้งคิดอีกแล้ว



เรื่องจูบทำให้น้ำงามเขินและเครียดพอสมควร ส่งผลให้เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างสองหนุ่มสาวอยู่พักหนึ่ง ยังดีที่เควินอ่านความรู้สึกของหญิงสาวได้ จึงไม่เอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีก เขากลับไปทำตัวสุภาพแต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะสานสัมพันธ์กับน้ำงามต่อ จากที่เคยนั่งคุยกันตอนทายา ก็เปลี่ยนเป็นนั่งจิบชารับประทานของว่างด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีโลกิมาร่วมวงด้วยเสมอ

เจ้าเสือตัวนี้ชอบชีสมาก ได้กินทีไรเป็นต้องครางอย่างมีความสุขทุกที น้ำงามก็เลยเลือกเอาชนิดที่มีเกลือน้อยที่สุดมาฝากมันประจำ พอให้ของกินบ่อยเข้าโลกิก็ชักจะเริ่มคุ้นด้วย มันเลิกมานั่งคั่นกลางคุมเชิง เปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

‘นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลยสักนิด’

หญิงสาวโอดครวญเมื่อเขตแดนมีชีวิตย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น

น้ำงามเริ่มวางตัวไม่ถูกแต่เควินก็ทำให้ผ่อนคลายจนเลิกเป็นกังวล เขาไม่ฉวยโอกาสกับเธออีกเลย อย่างมากก็แค่จับมือเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้ทำมันพร่ำเพรื่อด้วย

ชายหนุ่มจะจับมือหญิงสาวเฉพาะเวลาที่ขอให้เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเดินทาง ครอบครัวของน้ำงามชอบท่องเที่ยว เธอเลยมีเรื่องราวมากมายมาถ่ายทอดให้เขาฟัง

เควินสามารถฟังน้ำงามเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ไม่มีเบื่อ แค่มีเธอห้องสี่เหลี่ยมอันคับแคบก็แปรสภาพเป็นทุ่งโล่งกว้าง เพดานกลายเป็นท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่ไม่ได้รู้สึกเป็นสุขอย่างนี้

ชายหนุ่มมองริมฝีปากอิ่มที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการออกเสียง เขาอยากจะรั้งกายเธอมาจูบเสียจริงๆ

‘ทำดีไหมนะ’

ในระหว่างที่ถามตัวเองร่างกายมันก็ขยับไปก่อนแล้ว ความปรารถนาในใจแปรเปลี่ยนจูบที่ตั้งใจให้อ่อนหวานเป็นเร่าร้อน

ตั้งแต่ผ่านวัยคะนองได้รู้ได้ลองเรื่องเพศจนพอใจ อารมณ์ใคร่ในตัวเควินก็เหมือนจะแห้งเหือด ไม่ว่าจะมีสัมพันธ์กับใครก็ให้ความรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกันทั้งนั้น ความจริงเกี่ยวกับมารดาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่อยากเสียเงินซื้อเซ็กส์ ไม่ใช่เพราะขยะแขยงโสเภณีพวกนั้น แต่รู้สึกสมเพชมากกว่า ทั้งคนที่ขายศักดิ์ศรีเพื่อเงินและคนที่ใช้เงินซื้อศักดิ์ศรี

ชายหนุ่มห่างหายการมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยไปนาน จนเริ่มเห็นด้วยกับคำเย้าแหย่ของฟินน์ที่ว่าน่าจะไปบวชเป็นพระ เควินอาจะได้ละทางโลกได้แล้วจริงๆ ถ้าไม่มีพยาบาลสาวสวยมาทำให้ตบะแตก

น้ำงามส่งเสียงครางประท้วงกับจูบร้อนแรงแบบไม่ทันได้ตั้งตัวของเขา หญิงสาวยันตัวชายหนุ่มออกแต่กลับเป็นฝ่ายถูกผลักลงไปนอนบนฟูก เควินทาบกายลงมาแล้วจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่จาบจ้วงเหมือนทีแรก มันอ้อยอิ่ง ยั่วยุและปลุกเร้าในคราวเดียวกัน

หญิงสาวไม่ขัดขืนเมื่อนิ้วมือเรียวของเขาขยับเคลื่อนไหวไปบนเรือนร่างของเธอ ถึงจะมีเสื้อผ้ามาขวางกั้นแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคำนวณส่วนโค้งเว้าที่ได้สัมผัส

‘ให้ตายเถอะ! ซ่อนรูปเป็นบ้า แถมยังเป็นแบบที่เขาชอบอีกต่างหาก’

เควินครางในใจขณะพยายามสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า

“อย่าค่ะ” น้ำงามประท้วงเมื่อเขายอมปล่อยให้ริมฝีปากเธอเป็นอิสระ

“ทำไม รังเกียจผมเหรอ” ชายหนุ่มตัดพ้อ

ดวงตาสีอำพันที่เจือแววเศร้าทำให้น้ำงามคิดอะไรแทบไม่ออก

“ไม่ใช่ค่ะ คือมันเร็วไป แล้วก็...กล้อง” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก นึกขัดใจตัวเองเหลือเกินที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“ผมทำให้มันใช้งานไม่ได้มานานแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ ที่แท้พ่อตัวดีก็เตรียมการเอาไว้พร้อมสรรพ

“ไม่ได้ค่ะ ฉัน...”

“กลัวโลกิมาขัดจังหวะใช่ไหม”

น้ำงามอยากจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่เขากลับหันไปสั่งมันให้ออกไปจากห้อง เจ้าเสืออ้วนทำตามอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่ามันเป็นเสือหรือสุนัขกันแน่

คนที่ถูกจับกดพยายามลุกขึ้นเพื่ออธิบายแต่ก็สายไปเสียแล้ว ริมฝีปากของเธอถูกเขาครอบครองอีกครั้ง เขาจูบปาก จูบแก้ม จูบขมับ ไล่ไปจนกระทั่งถึงกกหู ในขณะที่มือแหวกเนื้อผ้าเข้าไปในผิวเนื้อเปลือยเปล่าเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของหญิงสาว

น้ำงามรู้สึกอ่อนระทวยเมื่อถูกจู่โจม ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหญิงสาวคงตกเป็นของเขาอย่างง่ายดาย เธอเลยรวบรวมแรงใจทั้งหมดร้องห้ามเขา

“หยุดก่อนค่ะเควิน ได้โปรดหยุด”

ไม่บ่อยนักที่น้ำงามจะยอมเรียกชื่อเขา ชายหนุ่มก็เลยยอมลดความเร็วของการเล้าโลมลง แต่ยังไม่หยุดมือเสียทีเดียว

“หยุดทำไม...คุณไม่ชอบที่ผมทำเหรอ”

“มันไม่เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบค่ะ”

“แล้วมันเกี่ยวกับอะไร”

“วัฒนธรรมค่ะ ผู้หญิงไทยจะไม่มีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน ฉันไม่หัวเก่าขนาดนั้นแต่จะไม่ยอมมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด”

เควินขมวดคิ้วจนเป็นปมในขณะที่ประสานสายตากับเธอ

“คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้รักผม” ความผิดหวังในน้ำเสียงเขาทำให้หัวใจของน้ำงามเหมือนถูกกรีด

“ฉัน...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง

ถ้าปฏิเสธออกไปเขาคงปล่อยเธอในทันทีแต่น้ำงามก็พูดไม่ออก

“ฉันไม่รู้ค่ะ”

“ไม่รู้จริงๆ หรือไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มคาดคั้นถาม “ถ้าคุณไม่รักผมแล้วทำไมถึงดูมีความสุขนักเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ทำไมไม่หนีเวลาผมจูบ”

น้ำงามนิ่งงันไปกับคำถามนี้ เควินเลยเร่งเร้าเธอด้วยคำพูดอีกครั้ง

“ตอบผมมาให้ชัดเจนสิว่าทำไม”

“ฉัน...ฉันชอบคุณมากค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันรักคุณไหม”

น้ำงามอาจจะหลงเสน่ห์เขาแต่ก็มองโลกในความเป็นจริงด้วย เควินไม่ใช่คนที่เธอจะรักได้ หญิงสาวก็เลยห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ถลำลึก

“สรุปคุณมาใกล้ชิดผม ยอมให้ผมกอดผมจูบโดยที่คุณไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

เควินผละออกจากร่างนุ่มนิ่มแล้วมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกับเป็นฝ่ายถูกปั่นหัว น้ำงามกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความโกรธ เธอต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย

“แล้วคุณล่ะคะเควินคิดยังไงกับฉัน”

“ผมอยากมีอะไรกับคุณ” ชายหนุ่มตอบเสียงดังฟังชัด

“ทั้งที่ไม่ได้รัก”

“ใช่ไม่ได้รักและไม่มีวันรัก”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์หรืออะไรมาดลใจทำให้เควินตอบไปอย่างนั้น คำพูดแบบไม่ยั้งคิดนี้ทำร้ายน้ำงามอย่างสาหัส หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว อึดใจน้ำตาก็ไหลออกมาอาบสองข้างแก้ม หญิงสาวผุดลุกจากตรงนั้นแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

หัวใจเธอเหมือนถูกลวดหนามขอดรัด นอกจากความเจ็บแล้วสิ่งที่รับรู้ได้ในขณะนั้นคือ ‘เควินไม่ตามมา’ เธอนี่มันโง่จริงๆ ที่เผลอคิดจริงจังกับคนอย่างเขา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอามาลงให้อ่านตามสัญญาค่ะ แบบว่าทำงานจนลืมวันลืมคืน เพิ่งรู้ตัวตอนสามทุ่มวันวันนี้วันที่ 17 เลยรีบปั่นงานตาเหลือก ผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2557, 23:34:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2557, 23:34:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1800





<< บทที่ 6 อย่าโกรธนะ   บทที่ 8 ดอกคาร์เนชัน >>
ree 17 เม.ย. 2557, 23:45:52 น.
gเคืองไปอีกนานแน่นอน


yimyum 18 เม.ย. 2557, 00:43:02 น.
รักแล้วไม่รู้......ว่างั้น


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 เม.ย. 2557, 00:58:51 น.
555 อ่านมาจนจบ เหลือบตาไปเห็นชื่อตอนที่แล้ว "อย่าโกรธนะ" เลยขอตอบตามอารมณ์ตอนจบว่า "โกรธไปแล้ว" 5555


คิมหันตุ์ 18 เม.ย. 2557, 02:38:15 น.
นิสัยอ่ะ!! ประชดทำม๊ายยยยยยยยยย อิตาผีดิบ


Sukhumvit66 18 เม.ย. 2557, 03:06:52 น.
แหม่...อุส่าห์คิดถึงนะคุณเค มาทำตัวอย่างนี้
โกรธแล้วนะ...


mhengjhy 18 เม.ย. 2557, 07:17:44 น.
คราวนี้น่าจะโกรธจริงๆ น้าาาา


ใบบัวน่ารัก 18 เม.ย. 2557, 07:19:30 น.
เสียใจนะ
แต่จะให้เสียตัวขอเสียใจดีกว่า


Zephyr 19 เม.ย. 2557, 01:11:47 น.
จะบร้าาาาา เรอะ ทำยังงี้แล้วไม่ให้โกรธเนี่ยนะ
เอาอะไรคิดเนี่ย ตาเควิน
ช่ะ ตอบมาซะ ไม่ตรงกะใจเล้ยยยยย
เดี๋ยวจะรู้สึก ตอนซดมาม่าไปเยอะๆน่ะ
น้ำงามโกรธแล้ว งอนด้วย นายคงลำบากง้ออีกนานละ
ตาซื่อบื้อ ฮึๆๆๆๆ


goldensun 23 เม.ย. 2557, 14:58:29 น.
สมควรโกรธ ตอบไปได้ ปากพาจนแล้ว งานนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account