ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ
สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ
แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย
ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ
มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้
ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง
คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย
คำโปรย รัตติกาลรัญจวน
สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ
แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา
เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย
จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”
ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ
แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก
ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม
เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”
ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้
แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ
เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย
อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ
สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ
แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย
ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ
มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้
ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง
คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย
คำโปรย รัตติกาลรัญจวน
สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ
แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา
เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย
จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”
ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ
แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก
ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม
เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”
ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้
แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ
เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย
อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa
Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด
ตอน: บทที่ 8 ดอกคาร์เนชัน
บทที่ 8 ดอกคาร์เนชัน
ตอนที่น้ำงามเดินร้องไห้ออกมาจากห้องของเควินเป็นช่วงเปลี่ยนเวรพอดี โชคดีที่ยังไม่มีคนมาหญิงสาวก็เลยรีบเช็ดน้ำตา แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนสรุปทุกอย่างลงบนชาร์จ พอซาร่ามาถึงก็ส่งเวรต่อให้ทันทีแล้วรีบกลับออกมา หญิงสาวบอกเลิกนัดทานอาหารเช้ากับมาร์กโดยอ้างว่าปวดหัว จากนั้นก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง
น้ำงามทิ้งตัวลงบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วหลับตาแน่นเพื่อบังคับไม่ให้น้ำตาไหล เธอเสียใจเรื่องเควินแต่ที่เคืองยิ่งกว่าคือตัวเอง น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นใครเขาเป็นใคร สำหรับเขาแล้วเธอคงไม่แตกต่างจากดอกไม้ริมทางที่เขาจะเด็ดเอามาดมแล้วโยนทิ้งเมื่อไรก็ได้
“ห้ามร้องไห้นะ อย่าไปแคร์คนที่เขาไม่เห็นค่าของเราเด็ดขาด”
หญิงสาวท่องคำพูดนี้ราวกับมันเป็นคาถาเรียกสติตัวเอง ทว่าน้ำตาร้อนๆ ก็ยังไหลเอ่อออกมาไม่หยุด น้ำงามร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มพักใหญ่กว่าอารมณ์จะสงบลง เธอโผล่หน้าออกมารับอากาศบริสุทธิ์ด้วยจมูกและดวงตาที่แดงก่ำ
มองดูนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมครึ่งเท่านั้น ยังเร็วเกินกว่าที่จะนอน น้ำงามต้องทำงานตอนกลางคืนจึงปรับเวลานอนเป็นช่วงสิบโมงเช้าแล้วค่อยไปตื่นเอาตอนบ่ายคล้อย หญิงสาวเลยลุกไปอาบน้ำล้างคราบน้ำตา
น้ำอุ่นทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นมา พอออกมาจากห้องน้ำแล้วหญิงสาวก็หยิบเอาดินสอดำกับสมุดสเกตช์ภาพขึ้นมาวาดภาพ เวลามีความสุขน้ำงามมักจะวาดรูปเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ขณะนั้นออกมา เช่นเดียวกับยามทุกข์ที่เธอมักจะระบายความขุ่นข้องหมองใจผ่านผืนผ้าใบแทนการพร่ำบ่น
น้ำงามเรียบเรียงความคิดของตัวเองผ่านดินสอสีดำลงไปบนกระดาษสีขาว ไม่นานก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น ทว่าแทนที่มันจะเป็นทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างตามความตั้งใจแรก มันกลับกลายเป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงแทน
หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ กับภาพร่างที่ไม่ได้ตั้งใจจะวาดขึ้นมานี้
“คุณไม่มีทางรักฉันจริงๆ ใช่ไหม”
เธอเอ่ยกับภาพร่างราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเขา
น้ำงามไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เควินแสดงออกมาคือกลลวง แต่ในเมื่อเขาบอกชัดว่าต้องการมีอะไรกับเธอแต่ไม่ได้รักเธอ หญิงสาวก็จนใจจะสรรหาเหตุผลมาโต้แย้ง
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ต่อจากนี้จะได้ไม่โง่ตกเป็นเหยื่อเขา” หญิงสาวปลอบใจตัวเอง
อีกไม่ถึงสองเดือนเธอก็จะทำงานครบตามกำหนดแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้ลาออกจากที่นี่แล้วลืมเรื่องราวที่ทำให้ทุกข์ใจไปเสียที
น้ำงามกลับไปทำงานอีกครั้งด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ดีขึ้นเลย คนที่รออยู่ในห้องยังคงเป็นซาร่า หญิงสาวทำงานติดต่อกันสิบหกชั่วโมงรวดแต่สีหน้ายังดูสดชื่น ผิดกับคนที่เพิ่งผ่านการพักผ่อนนอนหลับมาหมาดๆ
“ไม่สบายหรือนีน่า” ซาร่าถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของเพื่อนร่วมงาน
“ค่ะ” น้ำงามจำต้องรับคำเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“มีไข้ไหม”
“ไม่แน่ใจค่ะ”
ซาร่าเปิดลิ้นชักควานหาปรอทมาวัดไข้ให้ในทันที หญิงสาวอายุมากกว่าใครเพื่อน เลยเป็นเหมือนพี่สาวใจดีของทุกคน หลายครั้งที่เธอคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้โดยไม่ต้องร้องขอ
“เหมือนจะมีไข้นิดๆ นะ กินยากันไว้ก่อนก็ดี” หญิงสาวแนะ
น้ำงามรับคำแต่ไม่คิดจะกินยา เนื่องจากรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ได้ป่วย ทั้งยังรู้สึกผิดที่ทำให้ซาร่าต้องเป็นห่วงด้วย
“วันนี้มาสเตอร์เคเป็นยังไงบ้างคะ” น้ำงามไม่อยากถามถึง แต่ก็ต้องถามเพื่อไม่ให้ซาร่าผิดสังเกต
“ก็เหมือนทุกวัน ทุกอย่างปกติ”
ก่อนเปลี่ยนเวรจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างนี้เสมอ น้ำงามพยักหน้ารับแล้วหันไปทางจอมอนิเตอร์ ทว่ากลับมองไม่เห็นชายหนุ่ม
“มาสเตอร์เคไปไหนคะ”
หญิงสาวรีบถามก่อนซาร่าจะออกไปจากห้อง ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เธอยังไม่เคยเห็นตัวเขาหายไปจากจอมอนิเตอร์มาก่อนเลย ขนาดเขาไปเข้าห้องน้ำเธอยังต้องจับเวลาเลย เกลิคบอกว่าเควินเคยเป็นลมในนั้น ถ้าเขาหายไปนานผิดปกติให้แจ้งทันที
“มาสเตอร์ไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อสิบชั่วโมงก่อนแล้ว”
“เขาไปไหนคะ”
“ไม่รู้สิ คงไปนอนหรือไปทำธุระอย่างอื่นมั้ง”
ซาร่าเห็นสีหน้าน้ำงามดูเป็นกังวล ก็เลยชี้แจงว่าเรื่องที่มาสเตอร์หายไปจากหน้าจอเป็นเรื่องปกติ เขายอมให้พวกพยาบาลเฝ้าสังเกตการณ์ก็เฉพาะแต่ตอนทำงานเท่านั้น ส่วนเวลานอนหรือการใช้ชีวิตส่วนตัวด้านอื่นถือเป็นความลับ
“ดูแค่สัญญาณชีพก็พอ ถ้ามันผิดปกติหรือเครื่องดังก็ติดต่อมิสเตอร์แม็กกีได้เลย”
น้ำงามคลายความกังวลลง หญิงสาวนั่งประจำที่แล้วรอให้ชายหนุ่มปรากฏตัวที่หน้าจอ แต่ตลอดคืนนั้นกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอตอบตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่คนใจร้ายหายไปจากสายตา
หลังจากออกเวรแล้วน้ำงามก็กลับมาพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันได้นอนก็ถูกตามกลับไปเข้าเวรต่อเพราะมาร์กไปช่วยงานที่ตึกใหญ่ ดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีคนป่วยพร้อมกันหลายคน ส่วนซาร่าขับรถเข้าเมืองไปแล้วเพราะเป็นวันหยุดของเธอ
น้ำงามต้องเข้าเวรติดกันสองกะรวด ผลคือไม่ได้นอนครบยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดี ส่วนเควินก็ยังไม่กลับมา อาหารที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ไม่รู้กี่มื้อต่อกี่มื้อต้องเททิ้งหมด
“มิสเตอร์แม็กกีคะ เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะคะที่มาสเตอร์เคไม่ได้แตะต้องน้ำหรืออาหารเลย” น้ำงามตัดสินใจติดต่อไปตามหน้าที่
“ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” เกลิครับคำสั้นๆ แล้วก็หายเงียบไปเลย
น้ำงามจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงจอมอนิเตอร์ที่บอกอัตราการเต้นของหัวใจเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ซาร่าถูกตามตัวกลับมาช่วยอยู่เวรแทนน้ำงามตอนสี่โมงเย็น หญิงสาวอุทานลั่นตอนที่ได้มองใบหน้าของพยาบาลรุ่นน้องแบบเต็มตา
“สีหน้าเธอดูแย่มากเลยนีน่า”
“สงสัยเพราะอดนอนมั้งคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น หน้าเธอแดงก่ำเลย” ซาร่าเอามือแตะหน้าผากน้ำงาม แล้วก็ต้องสะดุ้งกับความร้อนของผิวกาย “ตัวเธอร้อนจี๋เลยนี่นา”
“จริงหรือคะ”
น้ำงามหยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาหนีบใต้รักแร้ รอสักพักผลก็ออกมา
“38.7 °C” ซาร่าชะโงกหน้ามาอ่านตัวเลข “ตายแล้วนีน่า! ไข้เธอสูงขึ้นนี่ หายาที่แรงกว่าเดิมกินแล้วไปนอนเดี๋ยวนี้เลย” หญิงสาวไม่พูดเปล่าแต่ยังกระวีกระวาดหายามายัดใส่มือให้ด้วย
“เดินไหวไหม”
“ไหวค่ะ”
“ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็โทรหาเมดนะ บอกคุณมามิไว้ก่อนก็ดี”
“ค่ะซาร่า ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
น้ำงามส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร เธอเข้าใจมาตลอดว่าที่มึนหัวเพราะอดนอนและคิดมากเรื่องเควิน ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังมีไข้ สงสัยสวรรค์จะลงโทษเธอที่โกหกมาร์กกับซาร่าว่าป่วย เลยเกิดไม่สบายขึ้นมาจริงๆ
หญิงสาวเอายากลับมาที่ห้องแต่ไม่ได้กินเพราะอยู่ๆ ไข้ก็ลด เธอมัวแต่ชะล่าใจว่าตัวเองคงไม่เป็นอะไรมากจึงไม่ได้บอกใคร ไม่คิดเลยว่าพอค่ำลงจะมีไข้สูงจนไม่ได้สติ
ตั้งแต่ทะเลาะกับน้ำงามเควินก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลย ปัญหาไม่ใช่เขาผิดหรือเธอผิด แต่เป็นเขาแคร์เธอมากเกินไปต่างหาก ชายหนุ่มรู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าพยายามอย่างไรก็ขจัดอารมณ์ขุ่นมัวนี้ออกไปไม่ได้
เควินบอกตัวเองให้เขานอนเพื่อจะได้ลืมๆ เรื่องนี้ไป แต่กลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อวานก็ไม่ได้นอนแม้แต่งีบเดียว
“น่ารำคาญเป็นบ้า หยุดงี่เง่าสักที” ชายหนุ่มก่นด่าตัวเอง
เขาพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างทรมาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องออกไปว่ายน้ำเพื่อดับอารมณ์ เควินแช่ตัวอยู่ในสระปรับอุณหภูมิ สักพักก็ชันเข่ากอดขา ทำตัวให้อยู่ในสภาพของทารกในครรภ์มารดา แล้วปล่อยตัวเองให้จมดิ่งลงไปใต้น้ำ
ชายหนุ่มมักทำอย่างนี้เสมอเวลาที่อารมณ์ขุ่นมัว ทว่ายังไม่ทันรู้สึกดีขึ้น เกลิคก็มาลากตัวเขาขึ้นไปจากสระเพราะคิดว่าจมน้ำ
“ฉันยังอยู่ดี” ชายหนุ่มตะโกนอย่างหัวเสีย
“แต่คุณอยู่ใต้น้ำมาไม่ต่ำกว่าห้านาทีแล้วนะครับ”
“แล้วไง สถิติสูงสุดของฉันคือแปดนาที”
“สถิติสูงสุดในวันที่สภาพร่างกายพร้อม ไม่ใช่อดอาหารมาเกินหนึ่งวันอย่างนี้ครับ” เกลิคต่อให้
เควินยังกลั้นหายใจในน้ำได้นานกว่าคนปกติเพราะความผิดปกติของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด ทุกอย่างอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหมด ถ้าเป็นคนปกติความดันต่ำขนาดนี้อาจจะเป็นลมไปแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับยังออกกำลังกายได้หน้าตาเฉย
“แล้วนายล่ะ กลั้นหายใจในน้ำได้นานที่สุดเท่าไร” เควินถาม
“น่าจะพอๆ กับสถิติโลกมั้งครับ”
พ่อบ้านมหากาฬคนนี้ยังคงตอบแบบทีเล่นทีจริงได้น่าหมั่นไส้เหมือนเดิม สถิติโลกในตอนนี้คือยี่สิบสองนาที ถึงจะฟังดูโม้ไปหน่อยแต่ก็มีความเป็นไปได้เพราะสมรรถภาพร่างกายของเกลิคนั้นไม่ธรรมดา
หลังจากพาเจ้านายขึ้นมาจากน้ำแล้ว เกลิคก็ส่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมให้ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดพ่อบ้านที่เขาสวมทั้งหนาหนักและอุ้มน้ำ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกไม่สบายตัวแทน
“จะไปไหนก็ไป” เควินไล่ให้ไปเปลี่ยนชุดทางอ้อม
ชายหนุ่มรับคำแต่สักพักก็กลับมาพร้อมแซนด์วิชทูน่ากับน้ำผักปั่นกลิ่นเหม็นเขียว
“ฉันไม่หิว”
“แต่คุณต้องกินครับ ไม่อย่างนั้นใครบางคนคงได้เสียน้ำตาเพราะคุณอีกรอบ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกลิคหมายถึงน้ำงาม นานทีชายหนุ่มจะเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายสักครั้ง เควินเลยหยิบอาหารเข้าปากเพื่อตัดรำคาญ
เกลิคยิ้มอย่างพอใจที่หนนี้ไม่ต้องหว่านล้อมให้เหนื่อย เขาดูแลรับใช้มาสเตอร์เคมาสิบปีแล้ว ระยะเวลานี้ยาวนานพอจะทำให้รู้สึกผูกพันต่อกัน แม้ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ พอเห็นว่ากำลังมีปัญหาก็เลยอดที่จะให้คำแนะนำไม่ได้
“ถ้าลำบากใจที่จะพูดว่าขอโทษ ก็ใช้ดอกไม้พูดแทนสิครับ”
“ไม่ต้องมายุ่ง” เควินตวาด
“ไฮเดรนเยียสักดอกเป็นไงครับ ภาษาดอกไม้แปลว่าขอโทษ” เกลิคยังคงพูดต่อไป โดยไม่ใส่ใจโทสะของเจ้านาย
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย ฝันไปเถอะ” เควินโต้
คุณพ่อบ้านไม่ว่ากระไร เขาเก็บจานแล้วเดินยิ้มๆ ออกไป ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกินว่าคนปากแข็งจะต้องทำตรงกันข้ามกับที่พูด
เควินกลับมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่ห้อง ด้วยความคิดมุ่งมั่นว่าจะไม่มีวันเอาดอกไม้ไปขอโทษน้ำงามอย่างเด็ดขาด ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยถ้าไปพบเธอในสภาพที่ยังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง กระนั้นก็ยังอดคิดย้อนไปไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นหากวันนั้นเขาโกหกเธอไปว่ารัก บางทีน้ำงามอาจจะยอมมีความสัมพันธ์ด้วย แล้วเขาก็จะชนะพนันอย่างง่ายดาย แต่ต่อให้ย้อนเวลาได้เควินก็ยังเลือกที่จะทำเหมือนเดิม
สำหรับเควินแล้วความรักคือสิ่งที่น่าพรั่นพรึง เปรียบประดุจอาถรรพ์ร้าย ไม่ก็คำสาปที่ไม่อาจลบล้าง อย่าว่าแต่รักใครเลย แต่เอ่ยคำคำนี้ออกมาก็ทำให้หนาวสะท้านไปทั้งร่างแล้ว
เควินยังจำภาพเหตุการณ์ในพิธีศพของมารดาได้อย่างแม่นยำ สีของโลง ชุดที่แม่ใส่ รวมถึงดอกไม้ที่ประดับในงาน ทุกอย่างแจ่มชัดอย่างน่าขำ โดยเฉพาะภาพของพ่อที่หลั่งน้ำตาขณะจูบลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย เขาเคยคิดว่าการที่พ่อร้องไห้เมื่อสูญเสียคนรักเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อโตพอรู้ความถึงได้เข้าใจว่าน้ำตาหยดนั้นมีค่าแค่ไหน
โทมัส คอนเนอร์ ได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษไร้พ่าย เขาไม่เคยแพ้ให้กับอะไรและไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ทว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
แม่กุมหัวใจของพ่อเอาไว้อย่างแม่นมั่น พอจากโลกนี้ไปแล้วก็เอามันไปด้วย พ่อเลยต้องใช้ชีวิตโดยมีเงาของแม่ตามติดอยู่ตลอดเวลา จากที่แข็งแกร่งกลายเป็นอ่อนแอ ที่เคยกระฉับกระเฉงก็แก่ชรา เรื่องของแม่กลายเป็นจุดอ่อนของพ่อ ถ้าหากจับทางได้ก็ไม่ยากเลยที่จะปั่นหัวผู้ชายคนนี้ เขาไม่อยากเป็นอย่างนั้น เลยปิดหัวใจตัวเองและปฏิเสธที่จะมีความรักมาโดยตลอด
เควินเริ่มเหนื่อยที่ต้องคิดมาก เลยหาหางานให้ตัวเองทำด้วยการเปิดแท็บเล็ต เขาเช็กเรื่องงานเป็นอย่างแรก วันนี้เหมือนคลื่นลมจะสงบ ธุรกิจทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาเลยเข้าไปในเว็บบอร์ดของพวกแฮกเกอร์เผื่อว่าจะมีอะไรน่าสนุกทำ ไล่อ่านกระทู้ไร้สาระได้สักพักก็ปิดมันทิ้งไป ด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย
ในขณะที่กำลังนิ่งคิดว่าจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไปดี มือซนๆ ก็เผลอกดเรียกข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในห้องพยาบาลออกมาดู ปกติน้ำงามจะชอบฮัมเพลงแล้วยิ้มเวลาอยู่คนเดียว แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย
เควินไล้มือบนหน้าจออย่างเผลอไผล สัมผัสแข็งกระด้างทำให้นึกเปรียบเทียบกับพวงแก้มของจริง ว่าเนียนนุ่มหอมกรุ่นขนาดไหน
‘เอาอีกแล้ว เผลอคิดถึงเธออีกแล้ว’
ชายหนุ่มมองดวงหน้าสวยแล้วถอนหายใจออกมาหนัก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงกลายเป็นบ้า
“ทำให้หายโกรธก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน”
เควินโยนแท็บเล็ตในมือก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ชายหนุ่มตรงดิ่งไปที่ผนัง เคาะมันเบาๆ เพื่อเปิดทางลับสำหรับออกไปข้างนอก
คฤหาสน์หลังนี้มีประตูกลมากมาย ส่วนใต้ดินก็มีทางลับหลายทาง พ่อสร้างเอาไว้เพื่อให้เขาไปในที่ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเจอกับแสงแดด
ชายหนุ่มย่องอย่างเงียบกริบไปที่เรือนกระจก ในนี้ไม่มีไฮเดรนเยียปลูกอยู่เลยแม้แต่ต้นเดียว ที่เห็นสะดุดตาก็มีแต่พวกกุหลาบกับดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักทั้งหลาย
กวาดตาหาอยู่อีกสักพักหนึ่งก็ไปสะดุดเข้ากับดอกคาร์เนชันสีชมพู ที่น่าสนใจไม่ใช่ความสวยแต่เป็นความหมาย คนญี่ปุ่นยกให้ดอกคาร์เนชันเป็นดอกไม้ประจำวันแม่ เพราะเชื่อว่ามันสื่อถึงความรักที่มีต่อแม่ได้
ความทรงจำในอดีตแวบเข้ามาในหัว เมื่อกลิ่นหอมกรุ่นๆ ของมันลอยมาต้องนาสิก เขาลืมไปได้อย่างไรกันว่าตอนยังเล็ก เคยมอบดอกคาร์เนชันช่อโตให้แม่เป็นของขวัญ
เควินรักแม่มาก เลยไม่อยากจะลืมเรื่องท่าน แต่ทุกความทรงจำกลับเหือดหาย พ่อมักจะทำหน้าเศร้าเวลาเอ่ยถึงเรื่องแม่ เขาเลยต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่คิดถึงท่าน นานเข้าความทรงจำก็เลยลบเลือนไปตามกาลเวลา
นึกถึงเรื่องดอกคาร์เนชัน ก็จำนิทานที่แม่เคยเล่าให้ฟังได้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกเสือตัวน้อยที่ทะเลาะกับเพื่อน เนื้อหาเขาจำไม่ได้แล้วแต่ตอนจบเจ้าเสือน้อยเอาดอกคาร์เนชันไปให้เพื่อนคนนั้นเพื่อขอโทษ
‘เหมือนกับเขาเลย กำลังพยายามทำให้ใครคนหนึ่งหายโกรธ’
ไม่ทันรู้ตัวเควินก็เด็ดมันติดมือกลับมาเสียแล้ว ชายหนุ่มกลับมาที่คฤหาสน์อย่างเงียบๆ เหมือนตอนออกไป ผิดกันก็แต่เขาใช้เส้นทางที่ทะลุออกมาทางปีกตะวันออก เพื่อไปยังห้องพักของน้ำงาม
เกลิคยืนยิ้มกริ่มอยู่หน้าประตูห้องของพยาบาลสาวตอนเขาไปถึง เควินพยายามซ่อนดอกไม้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เลือกได้ดีนี่ครับ คาร์เนชันสีชมพูหมายถึงรักที่เริ่มผลิบาน ใช้แทนคำขอโทษหรือขอให้หายดีในเร็ววันก็ได้ ครบวงจรเลย”
เกลิครู้อยู่แล้วว่ามาสเตอร์ไม่มีทางโทรสั่งดอกไม้ให้ถูกล้อ ต้องแอบไปเด็ดที่เรือนกระจกแล้วย่องมาที่นี่แน่ก็เลยมาดักรอ
“ความรู้พวกนี้ไม่เข้ากับหน้านายเลยสักนิด” เควินอดเหน็บไม่ได้
พ่อบ้านตัวร้ายยิ้มรับแล้วผายมือไปทางประตูอย่างเชื้อเชิญ
“เชิญครับมาสเตอร์ ประตูห้องไม่ได้ล็อก”
ถ้าหูเควินไม่ฝาดดูเหมือนจะได้ยินเสียงกุญแจดังกรุ๊งกริ้งมาจากกระเป๋าเสื้ออีกฝ่าย ดูเหมือนว่าน้ำงามจะล็อกห้อง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ปัญหาแล้ว
‘ให้ตายเถอะ! มาดักแซวไม่พอแต่ยังอำนวยความสะดวกให้ด้วย เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรรักหรือเกลียดหมอนี่ดี’
คุณพ่อบ้านผู้รู้ทันไปเสียหมดทุกเรื่องรีบก้าวยาวๆ เดินหนีไป เพื่อไม่ให้เจ้านายต้องเขินอายมากนัก
เควินรอจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ จึงค่อยผลักประตูเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มไม่คิดจะเคาะประตูก่อนเพราะไม่อยากเสียเวลาอ้อนวอนขอเข้าไป
เจ้าของห้องไม่ได้ตำหนิเขาเลยแม้แต่คำเดียว เพราะกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง น้ำงามเปิดไฟเอาไว้เสียสว่างจ้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยหรือว่าเหนื่อยจนลืม
ชายหนุ่มบรรจงวางดอกไม้เอาไว้ข้างหมอน คนอย่างเควินง้อผู้หญิงได้มากที่สุดเท่านี้ ถึงจะไม่ได้ฝากข้อความเอาไว้ แต่เขาก็เชื่อว่าดอกคาเนชันดอกนี้จะทำให้เธอเข้าใจทุกอย่าง
เควินตั้งใจจะออกไปโดยไม่รบกวน แต่กลับไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ หากรอยยิ้มของน้ำงามคือยาที่ทำให้สดแจ่มใส ใบหน้าตอนหลับคงไม่ต่างอะไรกับยาเสน่ห์ ใครจะคาดคิดกันเล่าว่ายามแพขนตาหลุบลงกับริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นจะเย้ายวนใจได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าชายที่หลงรักเจ้าหญิงนิทราตั้งแต่แรกเห็นขึ้นมาแล้ว
‘มันยากเหลือเกินที่จะห้ามใจไม่ให้สัมผัสเธอ’
เควินไล้มือบนแก้มนุ่มแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ตัวเขาเย็นก็จริงอยู่ แต่ตัวเธอนี่สิที่ร้อนจนน่าตกใจ
“น้ำงาม คุณไม่สบายนี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
สัมผัสของมือเย็นเฉียบกับเสียงเรียกปลุกคนที่กำลังหลับใหลให้ได้สติ หญิงสาวปรือตาขึ้นมาอย่างยากเย็น ใบหน้าพร่าเบลอของเควินชวนให้คิดว่านี่เป็นความฝัน
“ตอบผมหน่อย คุณโอเคไหม” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
“มีสติหน่อย ไม่เป็นไรแล้วทำไมตัวร้อนจี๋”
เควินประคองตัวหญิงสาวขึ้นมาเพื่อจะได้คุยกันง่ายขึ้น
“ฉัน...ไม่สบาย...นิดหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้ว ตัวคุณร้อนมาก”
ชายหนุ่มทำท่าจะโทรตามคนมา แต่เหลือบเห็นยากับปรอทวัดไข้เสียก่อน ก็เลยสั่งให้หญิงสาวหนีบไว้ที่รักแร้ ในระหว่างที่รอผล เควินก็ถือวิสาสะเปิดตู้หยิบเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ เขาไม่เคยพยาบาลใคร แต่ก็ป่วยเป็นไข้สูงบ่อยครั้ง เลยรู้ขั้นตอนการปฐมพยาบาลโดยละเอียด
ผลการวัดไข้พบว่าหญิงสาวไข้สูงถึงสามสิบเก้าองศา เขาเลยให้เธอกินยาลดไข้แล้วเช็ดตัวให้ ถ้าสักพักไข้ไม่ลดคงต้องตามหมอ
“ผมเช็ดตัวให้แล้ว ดีขึ้นไหม”
“ฉันชอบมือคุณ เย็นสบายดี”
คนกำลังมึนตอบไม่ตรงคำถามไม่พอ ยังคว้าเอามือของบุรุษพยาบาลจำเป็นไปแนบข้างแก้ม แล้วหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขเสียอีก
ตอนนี้คนป่วยกำลังคิดว่าตัวเองฝันอยู่ ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นความจริงล้วนๆ ก็เลยทำตามใจตัวเอง นอกจากดวงตาสีอำพันของเขาแล้ว สิ่งที่น้ำงามชอบเป็นอันดับสองในตัวเควินคือมือ ชายหนุ่มมีมือที่ได้ขนาดและนิ้วยาวเรียวจนน่าริษยา ถึงมันจะเย็นเฉียบแต่ก็ทำให้รู้สึกดี
“ยั่วกันอย่างนี้ไม่แฟร์เลยนะคุณพยาบาล” เควินบ่นอุบ
เธอจะรู้หรือเปล่าว่าเขาต้องใช้ความพยายามแค่ไหนที่จะเช็ดตัวให้โดยไม่เผลอปล้ำเธอเข้า เควินรู้อยู่เต็มอกว่าถ้ายังขืนอยู่ลำพังในห้องนี้ต่อไป เขาต้องสวมวิญญาณคนโฉดแน่ ก็เลยพยายามแกะมือของน้ำงามออก ผลคือเธอส่งเสียงครางประท้วง
“ไม่เอา...ห้ามไป”
“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่” ชายหนุ่มถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
น้ำงามไม่ตอบแต่หายใจแรงขึ้นแล้วทำท่าเหมือนกำลังทรมาน เควินตัดสินใจเช็ดตัวให้อีกครั้งก่อนจะเรียกคนมารับช่วงต่อ ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร แค่วางมือบนแก้มเธอเท่านั้น สีหน้าของหญิงสาวก็กลับมาเป็นสุขดังเดิม
ถ้าตัดแขนทิ้งเอาไว้ให้เธอได้เขาคงทำไปแล้ว แต่ในเมื่อทำไม่ได้แวมไพร์ตัวร้ายก็จำเป็นต้องรับบทบุรุษพยาบาลต่อไป เขาสาบานได้ว่าจะไม่ดูดเลือดเธอ แต่เรื่องอื่นนั้นไม่ขอรับประกันอะไรทั้งสิ้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีท้ายตอนค่ะ มาสารภาพว่าลืมลงนิยาย ขออภับสำหรับการรอคอยนะคะ
ช่วงนี้มัวแต่รีไรท์งาน+ชีวิตวุ่นวายเล็กน้อย เลยมึนๆ เอ๋อๆ ค่ะ ไม่ว่าไม่โกรธไม่เคืองกันนะคะ
ถ้าเห็นว่าเกินอาทิตย์แล้วยังไม่มีตอนไหม ตามได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ ^O^
ตอนที่น้ำงามเดินร้องไห้ออกมาจากห้องของเควินเป็นช่วงเปลี่ยนเวรพอดี โชคดีที่ยังไม่มีคนมาหญิงสาวก็เลยรีบเช็ดน้ำตา แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนสรุปทุกอย่างลงบนชาร์จ พอซาร่ามาถึงก็ส่งเวรต่อให้ทันทีแล้วรีบกลับออกมา หญิงสาวบอกเลิกนัดทานอาหารเช้ากับมาร์กโดยอ้างว่าปวดหัว จากนั้นก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง
น้ำงามทิ้งตัวลงบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วหลับตาแน่นเพื่อบังคับไม่ให้น้ำตาไหล เธอเสียใจเรื่องเควินแต่ที่เคืองยิ่งกว่าคือตัวเอง น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นใครเขาเป็นใคร สำหรับเขาแล้วเธอคงไม่แตกต่างจากดอกไม้ริมทางที่เขาจะเด็ดเอามาดมแล้วโยนทิ้งเมื่อไรก็ได้
“ห้ามร้องไห้นะ อย่าไปแคร์คนที่เขาไม่เห็นค่าของเราเด็ดขาด”
หญิงสาวท่องคำพูดนี้ราวกับมันเป็นคาถาเรียกสติตัวเอง ทว่าน้ำตาร้อนๆ ก็ยังไหลเอ่อออกมาไม่หยุด น้ำงามร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มพักใหญ่กว่าอารมณ์จะสงบลง เธอโผล่หน้าออกมารับอากาศบริสุทธิ์ด้วยจมูกและดวงตาที่แดงก่ำ
มองดูนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมครึ่งเท่านั้น ยังเร็วเกินกว่าที่จะนอน น้ำงามต้องทำงานตอนกลางคืนจึงปรับเวลานอนเป็นช่วงสิบโมงเช้าแล้วค่อยไปตื่นเอาตอนบ่ายคล้อย หญิงสาวเลยลุกไปอาบน้ำล้างคราบน้ำตา
น้ำอุ่นทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นมา พอออกมาจากห้องน้ำแล้วหญิงสาวก็หยิบเอาดินสอดำกับสมุดสเกตช์ภาพขึ้นมาวาดภาพ เวลามีความสุขน้ำงามมักจะวาดรูปเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ขณะนั้นออกมา เช่นเดียวกับยามทุกข์ที่เธอมักจะระบายความขุ่นข้องหมองใจผ่านผืนผ้าใบแทนการพร่ำบ่น
น้ำงามเรียบเรียงความคิดของตัวเองผ่านดินสอสีดำลงไปบนกระดาษสีขาว ไม่นานก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น ทว่าแทนที่มันจะเป็นทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างตามความตั้งใจแรก มันกลับกลายเป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงแทน
หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ กับภาพร่างที่ไม่ได้ตั้งใจจะวาดขึ้นมานี้
“คุณไม่มีทางรักฉันจริงๆ ใช่ไหม”
เธอเอ่ยกับภาพร่างราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของเขา
น้ำงามไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เควินแสดงออกมาคือกลลวง แต่ในเมื่อเขาบอกชัดว่าต้องการมีอะไรกับเธอแต่ไม่ได้รักเธอ หญิงสาวก็จนใจจะสรรหาเหตุผลมาโต้แย้ง
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ต่อจากนี้จะได้ไม่โง่ตกเป็นเหยื่อเขา” หญิงสาวปลอบใจตัวเอง
อีกไม่ถึงสองเดือนเธอก็จะทำงานครบตามกำหนดแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้ลาออกจากที่นี่แล้วลืมเรื่องราวที่ทำให้ทุกข์ใจไปเสียที
น้ำงามกลับไปทำงานอีกครั้งด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ดีขึ้นเลย คนที่รออยู่ในห้องยังคงเป็นซาร่า หญิงสาวทำงานติดต่อกันสิบหกชั่วโมงรวดแต่สีหน้ายังดูสดชื่น ผิดกับคนที่เพิ่งผ่านการพักผ่อนนอนหลับมาหมาดๆ
“ไม่สบายหรือนีน่า” ซาร่าถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของเพื่อนร่วมงาน
“ค่ะ” น้ำงามจำต้องรับคำเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“มีไข้ไหม”
“ไม่แน่ใจค่ะ”
ซาร่าเปิดลิ้นชักควานหาปรอทมาวัดไข้ให้ในทันที หญิงสาวอายุมากกว่าใครเพื่อน เลยเป็นเหมือนพี่สาวใจดีของทุกคน หลายครั้งที่เธอคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้โดยไม่ต้องร้องขอ
“เหมือนจะมีไข้นิดๆ นะ กินยากันไว้ก่อนก็ดี” หญิงสาวแนะ
น้ำงามรับคำแต่ไม่คิดจะกินยา เนื่องจากรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ได้ป่วย ทั้งยังรู้สึกผิดที่ทำให้ซาร่าต้องเป็นห่วงด้วย
“วันนี้มาสเตอร์เคเป็นยังไงบ้างคะ” น้ำงามไม่อยากถามถึง แต่ก็ต้องถามเพื่อไม่ให้ซาร่าผิดสังเกต
“ก็เหมือนทุกวัน ทุกอย่างปกติ”
ก่อนเปลี่ยนเวรจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างนี้เสมอ น้ำงามพยักหน้ารับแล้วหันไปทางจอมอนิเตอร์ ทว่ากลับมองไม่เห็นชายหนุ่ม
“มาสเตอร์เคไปไหนคะ”
หญิงสาวรีบถามก่อนซาร่าจะออกไปจากห้อง ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เธอยังไม่เคยเห็นตัวเขาหายไปจากจอมอนิเตอร์มาก่อนเลย ขนาดเขาไปเข้าห้องน้ำเธอยังต้องจับเวลาเลย เกลิคบอกว่าเควินเคยเป็นลมในนั้น ถ้าเขาหายไปนานผิดปกติให้แจ้งทันที
“มาสเตอร์ไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อสิบชั่วโมงก่อนแล้ว”
“เขาไปไหนคะ”
“ไม่รู้สิ คงไปนอนหรือไปทำธุระอย่างอื่นมั้ง”
ซาร่าเห็นสีหน้าน้ำงามดูเป็นกังวล ก็เลยชี้แจงว่าเรื่องที่มาสเตอร์หายไปจากหน้าจอเป็นเรื่องปกติ เขายอมให้พวกพยาบาลเฝ้าสังเกตการณ์ก็เฉพาะแต่ตอนทำงานเท่านั้น ส่วนเวลานอนหรือการใช้ชีวิตส่วนตัวด้านอื่นถือเป็นความลับ
“ดูแค่สัญญาณชีพก็พอ ถ้ามันผิดปกติหรือเครื่องดังก็ติดต่อมิสเตอร์แม็กกีได้เลย”
น้ำงามคลายความกังวลลง หญิงสาวนั่งประจำที่แล้วรอให้ชายหนุ่มปรากฏตัวที่หน้าจอ แต่ตลอดคืนนั้นกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอตอบตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่คนใจร้ายหายไปจากสายตา
หลังจากออกเวรแล้วน้ำงามก็กลับมาพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันได้นอนก็ถูกตามกลับไปเข้าเวรต่อเพราะมาร์กไปช่วยงานที่ตึกใหญ่ ดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีคนป่วยพร้อมกันหลายคน ส่วนซาร่าขับรถเข้าเมืองไปแล้วเพราะเป็นวันหยุดของเธอ
น้ำงามต้องเข้าเวรติดกันสองกะรวด ผลคือไม่ได้นอนครบยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดี ส่วนเควินก็ยังไม่กลับมา อาหารที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ไม่รู้กี่มื้อต่อกี่มื้อต้องเททิ้งหมด
“มิสเตอร์แม็กกีคะ เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะคะที่มาสเตอร์เคไม่ได้แตะต้องน้ำหรืออาหารเลย” น้ำงามตัดสินใจติดต่อไปตามหน้าที่
“ผมรู้แล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง” เกลิครับคำสั้นๆ แล้วก็หายเงียบไปเลย
น้ำงามจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงจอมอนิเตอร์ที่บอกอัตราการเต้นของหัวใจเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าเขายังมีชีวิตอยู่
ซาร่าถูกตามตัวกลับมาช่วยอยู่เวรแทนน้ำงามตอนสี่โมงเย็น หญิงสาวอุทานลั่นตอนที่ได้มองใบหน้าของพยาบาลรุ่นน้องแบบเต็มตา
“สีหน้าเธอดูแย่มากเลยนีน่า”
“สงสัยเพราะอดนอนมั้งคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น หน้าเธอแดงก่ำเลย” ซาร่าเอามือแตะหน้าผากน้ำงาม แล้วก็ต้องสะดุ้งกับความร้อนของผิวกาย “ตัวเธอร้อนจี๋เลยนี่นา”
“จริงหรือคะ”
น้ำงามหยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาหนีบใต้รักแร้ รอสักพักผลก็ออกมา
“38.7 °C” ซาร่าชะโงกหน้ามาอ่านตัวเลข “ตายแล้วนีน่า! ไข้เธอสูงขึ้นนี่ หายาที่แรงกว่าเดิมกินแล้วไปนอนเดี๋ยวนี้เลย” หญิงสาวไม่พูดเปล่าแต่ยังกระวีกระวาดหายามายัดใส่มือให้ด้วย
“เดินไหวไหม”
“ไหวค่ะ”
“ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็โทรหาเมดนะ บอกคุณมามิไว้ก่อนก็ดี”
“ค่ะซาร่า ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
น้ำงามส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร เธอเข้าใจมาตลอดว่าที่มึนหัวเพราะอดนอนและคิดมากเรื่องเควิน ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังมีไข้ สงสัยสวรรค์จะลงโทษเธอที่โกหกมาร์กกับซาร่าว่าป่วย เลยเกิดไม่สบายขึ้นมาจริงๆ
หญิงสาวเอายากลับมาที่ห้องแต่ไม่ได้กินเพราะอยู่ๆ ไข้ก็ลด เธอมัวแต่ชะล่าใจว่าตัวเองคงไม่เป็นอะไรมากจึงไม่ได้บอกใคร ไม่คิดเลยว่าพอค่ำลงจะมีไข้สูงจนไม่ได้สติ
ตั้งแต่ทะเลาะกับน้ำงามเควินก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลย ปัญหาไม่ใช่เขาผิดหรือเธอผิด แต่เป็นเขาแคร์เธอมากเกินไปต่างหาก ชายหนุ่มรู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าพยายามอย่างไรก็ขจัดอารมณ์ขุ่นมัวนี้ออกไปไม่ได้
เควินบอกตัวเองให้เขานอนเพื่อจะได้ลืมๆ เรื่องนี้ไป แต่กลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อวานก็ไม่ได้นอนแม้แต่งีบเดียว
“น่ารำคาญเป็นบ้า หยุดงี่เง่าสักที” ชายหนุ่มก่นด่าตัวเอง
เขาพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างทรมาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องออกไปว่ายน้ำเพื่อดับอารมณ์ เควินแช่ตัวอยู่ในสระปรับอุณหภูมิ สักพักก็ชันเข่ากอดขา ทำตัวให้อยู่ในสภาพของทารกในครรภ์มารดา แล้วปล่อยตัวเองให้จมดิ่งลงไปใต้น้ำ
ชายหนุ่มมักทำอย่างนี้เสมอเวลาที่อารมณ์ขุ่นมัว ทว่ายังไม่ทันรู้สึกดีขึ้น เกลิคก็มาลากตัวเขาขึ้นไปจากสระเพราะคิดว่าจมน้ำ
“ฉันยังอยู่ดี” ชายหนุ่มตะโกนอย่างหัวเสีย
“แต่คุณอยู่ใต้น้ำมาไม่ต่ำกว่าห้านาทีแล้วนะครับ”
“แล้วไง สถิติสูงสุดของฉันคือแปดนาที”
“สถิติสูงสุดในวันที่สภาพร่างกายพร้อม ไม่ใช่อดอาหารมาเกินหนึ่งวันอย่างนี้ครับ” เกลิคต่อให้
เควินยังกลั้นหายใจในน้ำได้นานกว่าคนปกติเพราะความผิดปกติของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด ทุกอย่างอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานหมด ถ้าเป็นคนปกติความดันต่ำขนาดนี้อาจจะเป็นลมไปแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับยังออกกำลังกายได้หน้าตาเฉย
“แล้วนายล่ะ กลั้นหายใจในน้ำได้นานที่สุดเท่าไร” เควินถาม
“น่าจะพอๆ กับสถิติโลกมั้งครับ”
พ่อบ้านมหากาฬคนนี้ยังคงตอบแบบทีเล่นทีจริงได้น่าหมั่นไส้เหมือนเดิม สถิติโลกในตอนนี้คือยี่สิบสองนาที ถึงจะฟังดูโม้ไปหน่อยแต่ก็มีความเป็นไปได้เพราะสมรรถภาพร่างกายของเกลิคนั้นไม่ธรรมดา
หลังจากพาเจ้านายขึ้นมาจากน้ำแล้ว เกลิคก็ส่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมให้ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดพ่อบ้านที่เขาสวมทั้งหนาหนักและอุ้มน้ำ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกไม่สบายตัวแทน
“จะไปไหนก็ไป” เควินไล่ให้ไปเปลี่ยนชุดทางอ้อม
ชายหนุ่มรับคำแต่สักพักก็กลับมาพร้อมแซนด์วิชทูน่ากับน้ำผักปั่นกลิ่นเหม็นเขียว
“ฉันไม่หิว”
“แต่คุณต้องกินครับ ไม่อย่างนั้นใครบางคนคงได้เสียน้ำตาเพราะคุณอีกรอบ”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกลิคหมายถึงน้ำงาม นานทีชายหนุ่มจะเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายสักครั้ง เควินเลยหยิบอาหารเข้าปากเพื่อตัดรำคาญ
เกลิคยิ้มอย่างพอใจที่หนนี้ไม่ต้องหว่านล้อมให้เหนื่อย เขาดูแลรับใช้มาสเตอร์เคมาสิบปีแล้ว ระยะเวลานี้ยาวนานพอจะทำให้รู้สึกผูกพันต่อกัน แม้ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ พอเห็นว่ากำลังมีปัญหาก็เลยอดที่จะให้คำแนะนำไม่ได้
“ถ้าลำบากใจที่จะพูดว่าขอโทษ ก็ใช้ดอกไม้พูดแทนสิครับ”
“ไม่ต้องมายุ่ง” เควินตวาด
“ไฮเดรนเยียสักดอกเป็นไงครับ ภาษาดอกไม้แปลว่าขอโทษ” เกลิคยังคงพูดต่อไป โดยไม่ใส่ใจโทสะของเจ้านาย
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย ฝันไปเถอะ” เควินโต้
คุณพ่อบ้านไม่ว่ากระไร เขาเก็บจานแล้วเดินยิ้มๆ ออกไป ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกินว่าคนปากแข็งจะต้องทำตรงกันข้ามกับที่พูด
เควินกลับมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่ห้อง ด้วยความคิดมุ่งมั่นว่าจะไม่มีวันเอาดอกไม้ไปขอโทษน้ำงามอย่างเด็ดขาด ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยถ้าไปพบเธอในสภาพที่ยังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง กระนั้นก็ยังอดคิดย้อนไปไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นหากวันนั้นเขาโกหกเธอไปว่ารัก บางทีน้ำงามอาจจะยอมมีความสัมพันธ์ด้วย แล้วเขาก็จะชนะพนันอย่างง่ายดาย แต่ต่อให้ย้อนเวลาได้เควินก็ยังเลือกที่จะทำเหมือนเดิม
สำหรับเควินแล้วความรักคือสิ่งที่น่าพรั่นพรึง เปรียบประดุจอาถรรพ์ร้าย ไม่ก็คำสาปที่ไม่อาจลบล้าง อย่าว่าแต่รักใครเลย แต่เอ่ยคำคำนี้ออกมาก็ทำให้หนาวสะท้านไปทั้งร่างแล้ว
เควินยังจำภาพเหตุการณ์ในพิธีศพของมารดาได้อย่างแม่นยำ สีของโลง ชุดที่แม่ใส่ รวมถึงดอกไม้ที่ประดับในงาน ทุกอย่างแจ่มชัดอย่างน่าขำ โดยเฉพาะภาพของพ่อที่หลั่งน้ำตาขณะจูบลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย เขาเคยคิดว่าการที่พ่อร้องไห้เมื่อสูญเสียคนรักเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อโตพอรู้ความถึงได้เข้าใจว่าน้ำตาหยดนั้นมีค่าแค่ไหน
โทมัส คอนเนอร์ ได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษไร้พ่าย เขาไม่เคยแพ้ให้กับอะไรและไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ทว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
แม่กุมหัวใจของพ่อเอาไว้อย่างแม่นมั่น พอจากโลกนี้ไปแล้วก็เอามันไปด้วย พ่อเลยต้องใช้ชีวิตโดยมีเงาของแม่ตามติดอยู่ตลอดเวลา จากที่แข็งแกร่งกลายเป็นอ่อนแอ ที่เคยกระฉับกระเฉงก็แก่ชรา เรื่องของแม่กลายเป็นจุดอ่อนของพ่อ ถ้าหากจับทางได้ก็ไม่ยากเลยที่จะปั่นหัวผู้ชายคนนี้ เขาไม่อยากเป็นอย่างนั้น เลยปิดหัวใจตัวเองและปฏิเสธที่จะมีความรักมาโดยตลอด
เควินเริ่มเหนื่อยที่ต้องคิดมาก เลยหาหางานให้ตัวเองทำด้วยการเปิดแท็บเล็ต เขาเช็กเรื่องงานเป็นอย่างแรก วันนี้เหมือนคลื่นลมจะสงบ ธุรกิจทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาเลยเข้าไปในเว็บบอร์ดของพวกแฮกเกอร์เผื่อว่าจะมีอะไรน่าสนุกทำ ไล่อ่านกระทู้ไร้สาระได้สักพักก็ปิดมันทิ้งไป ด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย
ในขณะที่กำลังนิ่งคิดว่าจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไปดี มือซนๆ ก็เผลอกดเรียกข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในห้องพยาบาลออกมาดู ปกติน้ำงามจะชอบฮัมเพลงแล้วยิ้มเวลาอยู่คนเดียว แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย
เควินไล้มือบนหน้าจออย่างเผลอไผล สัมผัสแข็งกระด้างทำให้นึกเปรียบเทียบกับพวงแก้มของจริง ว่าเนียนนุ่มหอมกรุ่นขนาดไหน
‘เอาอีกแล้ว เผลอคิดถึงเธออีกแล้ว’
ชายหนุ่มมองดวงหน้าสวยแล้วถอนหายใจออกมาหนัก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงกลายเป็นบ้า
“ทำให้หายโกรธก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน”
เควินโยนแท็บเล็ตในมือก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ชายหนุ่มตรงดิ่งไปที่ผนัง เคาะมันเบาๆ เพื่อเปิดทางลับสำหรับออกไปข้างนอก
คฤหาสน์หลังนี้มีประตูกลมากมาย ส่วนใต้ดินก็มีทางลับหลายทาง พ่อสร้างเอาไว้เพื่อให้เขาไปในที่ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเจอกับแสงแดด
ชายหนุ่มย่องอย่างเงียบกริบไปที่เรือนกระจก ในนี้ไม่มีไฮเดรนเยียปลูกอยู่เลยแม้แต่ต้นเดียว ที่เห็นสะดุดตาก็มีแต่พวกกุหลาบกับดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักทั้งหลาย
กวาดตาหาอยู่อีกสักพักหนึ่งก็ไปสะดุดเข้ากับดอกคาร์เนชันสีชมพู ที่น่าสนใจไม่ใช่ความสวยแต่เป็นความหมาย คนญี่ปุ่นยกให้ดอกคาร์เนชันเป็นดอกไม้ประจำวันแม่ เพราะเชื่อว่ามันสื่อถึงความรักที่มีต่อแม่ได้
ความทรงจำในอดีตแวบเข้ามาในหัว เมื่อกลิ่นหอมกรุ่นๆ ของมันลอยมาต้องนาสิก เขาลืมไปได้อย่างไรกันว่าตอนยังเล็ก เคยมอบดอกคาร์เนชันช่อโตให้แม่เป็นของขวัญ
เควินรักแม่มาก เลยไม่อยากจะลืมเรื่องท่าน แต่ทุกความทรงจำกลับเหือดหาย พ่อมักจะทำหน้าเศร้าเวลาเอ่ยถึงเรื่องแม่ เขาเลยต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่คิดถึงท่าน นานเข้าความทรงจำก็เลยลบเลือนไปตามกาลเวลา
นึกถึงเรื่องดอกคาร์เนชัน ก็จำนิทานที่แม่เคยเล่าให้ฟังได้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกเสือตัวน้อยที่ทะเลาะกับเพื่อน เนื้อหาเขาจำไม่ได้แล้วแต่ตอนจบเจ้าเสือน้อยเอาดอกคาร์เนชันไปให้เพื่อนคนนั้นเพื่อขอโทษ
‘เหมือนกับเขาเลย กำลังพยายามทำให้ใครคนหนึ่งหายโกรธ’
ไม่ทันรู้ตัวเควินก็เด็ดมันติดมือกลับมาเสียแล้ว ชายหนุ่มกลับมาที่คฤหาสน์อย่างเงียบๆ เหมือนตอนออกไป ผิดกันก็แต่เขาใช้เส้นทางที่ทะลุออกมาทางปีกตะวันออก เพื่อไปยังห้องพักของน้ำงาม
เกลิคยืนยิ้มกริ่มอยู่หน้าประตูห้องของพยาบาลสาวตอนเขาไปถึง เควินพยายามซ่อนดอกไม้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“เลือกได้ดีนี่ครับ คาร์เนชันสีชมพูหมายถึงรักที่เริ่มผลิบาน ใช้แทนคำขอโทษหรือขอให้หายดีในเร็ววันก็ได้ ครบวงจรเลย”
เกลิครู้อยู่แล้วว่ามาสเตอร์ไม่มีทางโทรสั่งดอกไม้ให้ถูกล้อ ต้องแอบไปเด็ดที่เรือนกระจกแล้วย่องมาที่นี่แน่ก็เลยมาดักรอ
“ความรู้พวกนี้ไม่เข้ากับหน้านายเลยสักนิด” เควินอดเหน็บไม่ได้
พ่อบ้านตัวร้ายยิ้มรับแล้วผายมือไปทางประตูอย่างเชื้อเชิญ
“เชิญครับมาสเตอร์ ประตูห้องไม่ได้ล็อก”
ถ้าหูเควินไม่ฝาดดูเหมือนจะได้ยินเสียงกุญแจดังกรุ๊งกริ้งมาจากกระเป๋าเสื้ออีกฝ่าย ดูเหมือนว่าน้ำงามจะล็อกห้อง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ปัญหาแล้ว
‘ให้ตายเถอะ! มาดักแซวไม่พอแต่ยังอำนวยความสะดวกให้ด้วย เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรรักหรือเกลียดหมอนี่ดี’
คุณพ่อบ้านผู้รู้ทันไปเสียหมดทุกเรื่องรีบก้าวยาวๆ เดินหนีไป เพื่อไม่ให้เจ้านายต้องเขินอายมากนัก
เควินรอจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ จึงค่อยผลักประตูเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มไม่คิดจะเคาะประตูก่อนเพราะไม่อยากเสียเวลาอ้อนวอนขอเข้าไป
เจ้าของห้องไม่ได้ตำหนิเขาเลยแม้แต่คำเดียว เพราะกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง น้ำงามเปิดไฟเอาไว้เสียสว่างจ้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยหรือว่าเหนื่อยจนลืม
ชายหนุ่มบรรจงวางดอกไม้เอาไว้ข้างหมอน คนอย่างเควินง้อผู้หญิงได้มากที่สุดเท่านี้ ถึงจะไม่ได้ฝากข้อความเอาไว้ แต่เขาก็เชื่อว่าดอกคาเนชันดอกนี้จะทำให้เธอเข้าใจทุกอย่าง
เควินตั้งใจจะออกไปโดยไม่รบกวน แต่กลับไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ หากรอยยิ้มของน้ำงามคือยาที่ทำให้สดแจ่มใส ใบหน้าตอนหลับคงไม่ต่างอะไรกับยาเสน่ห์ ใครจะคาดคิดกันเล่าว่ายามแพขนตาหลุบลงกับริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นจะเย้ายวนใจได้ขนาดนี้ ชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าชายที่หลงรักเจ้าหญิงนิทราตั้งแต่แรกเห็นขึ้นมาแล้ว
‘มันยากเหลือเกินที่จะห้ามใจไม่ให้สัมผัสเธอ’
เควินไล้มือบนแก้มนุ่มแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ตัวเขาเย็นก็จริงอยู่ แต่ตัวเธอนี่สิที่ร้อนจนน่าตกใจ
“น้ำงาม คุณไม่สบายนี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
สัมผัสของมือเย็นเฉียบกับเสียงเรียกปลุกคนที่กำลังหลับใหลให้ได้สติ หญิงสาวปรือตาขึ้นมาอย่างยากเย็น ใบหน้าพร่าเบลอของเควินชวนให้คิดว่านี่เป็นความฝัน
“ตอบผมหน่อย คุณโอเคไหม” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
“มีสติหน่อย ไม่เป็นไรแล้วทำไมตัวร้อนจี๋”
เควินประคองตัวหญิงสาวขึ้นมาเพื่อจะได้คุยกันง่ายขึ้น
“ฉัน...ไม่สบาย...นิดหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้ว ตัวคุณร้อนมาก”
ชายหนุ่มทำท่าจะโทรตามคนมา แต่เหลือบเห็นยากับปรอทวัดไข้เสียก่อน ก็เลยสั่งให้หญิงสาวหนีบไว้ที่รักแร้ ในระหว่างที่รอผล เควินก็ถือวิสาสะเปิดตู้หยิบเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ เขาไม่เคยพยาบาลใคร แต่ก็ป่วยเป็นไข้สูงบ่อยครั้ง เลยรู้ขั้นตอนการปฐมพยาบาลโดยละเอียด
ผลการวัดไข้พบว่าหญิงสาวไข้สูงถึงสามสิบเก้าองศา เขาเลยให้เธอกินยาลดไข้แล้วเช็ดตัวให้ ถ้าสักพักไข้ไม่ลดคงต้องตามหมอ
“ผมเช็ดตัวให้แล้ว ดีขึ้นไหม”
“ฉันชอบมือคุณ เย็นสบายดี”
คนกำลังมึนตอบไม่ตรงคำถามไม่พอ ยังคว้าเอามือของบุรุษพยาบาลจำเป็นไปแนบข้างแก้ม แล้วหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขเสียอีก
ตอนนี้คนป่วยกำลังคิดว่าตัวเองฝันอยู่ ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นความจริงล้วนๆ ก็เลยทำตามใจตัวเอง นอกจากดวงตาสีอำพันของเขาแล้ว สิ่งที่น้ำงามชอบเป็นอันดับสองในตัวเควินคือมือ ชายหนุ่มมีมือที่ได้ขนาดและนิ้วยาวเรียวจนน่าริษยา ถึงมันจะเย็นเฉียบแต่ก็ทำให้รู้สึกดี
“ยั่วกันอย่างนี้ไม่แฟร์เลยนะคุณพยาบาล” เควินบ่นอุบ
เธอจะรู้หรือเปล่าว่าเขาต้องใช้ความพยายามแค่ไหนที่จะเช็ดตัวให้โดยไม่เผลอปล้ำเธอเข้า เควินรู้อยู่เต็มอกว่าถ้ายังขืนอยู่ลำพังในห้องนี้ต่อไป เขาต้องสวมวิญญาณคนโฉดแน่ ก็เลยพยายามแกะมือของน้ำงามออก ผลคือเธอส่งเสียงครางประท้วง
“ไม่เอา...ห้ามไป”
“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่” ชายหนุ่มถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
น้ำงามไม่ตอบแต่หายใจแรงขึ้นแล้วทำท่าเหมือนกำลังทรมาน เควินตัดสินใจเช็ดตัวให้อีกครั้งก่อนจะเรียกคนมารับช่วงต่อ ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร แค่วางมือบนแก้มเธอเท่านั้น สีหน้าของหญิงสาวก็กลับมาเป็นสุขดังเดิม
ถ้าตัดแขนทิ้งเอาไว้ให้เธอได้เขาคงทำไปแล้ว แต่ในเมื่อทำไม่ได้แวมไพร์ตัวร้ายก็จำเป็นต้องรับบทบุรุษพยาบาลต่อไป เขาสาบานได้ว่าจะไม่ดูดเลือดเธอ แต่เรื่องอื่นนั้นไม่ขอรับประกันอะไรทั้งสิ้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีท้ายตอนค่ะ มาสารภาพว่าลืมลงนิยาย ขออภับสำหรับการรอคอยนะคะ
ช่วงนี้มัวแต่รีไรท์งาน+ชีวิตวุ่นวายเล็กน้อย เลยมึนๆ เอ๋อๆ ค่ะ ไม่ว่าไม่โกรธไม่เคืองกันนะคะ
ถ้าเห็นว่าเกินอาทิตย์แล้วยังไม่มีตอนไหม ตามได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ ^O^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2557, 10:45:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 เม.ย. 2557, 10:45:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 2128
<< บทที่ 7 ไม่ได้รัก | บทที่ 9 ใต้แสงดาว >> |


mhengjhy 30 เม.ย. 2557, 11:19:16 น.
555 ใจดีจังเลยคุณเควิน
555 ใจดีจังเลยคุณเควิน

Hibara 30 เม.ย. 2557, 11:58:39 น.
โอยยย.. จู่ๆ คนอ่านก็ตัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
โอยยย.. จู่ๆ คนอ่านก็ตัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

goldensun 30 เม.ย. 2557, 12:11:47 น.
ไม่รู้ใจตัวเองซะแล้ว มาสเตอร์เค ห่วงใย ดูแลซะขนาดนี้แล้วนะ
ไม่รู้ใจตัวเองซะแล้ว มาสเตอร์เค ห่วงใย ดูแลซะขนาดนี้แล้วนะ

คิมหันตุ์ 30 เม.ย. 2557, 12:22:17 น.
ฮ่าาาาาาาาาาาา ชอบอ่ะ ปากแข็ง แต่ใจอ๊อนอ่อน!!
ฮ่าาาาาาาาาาาา ชอบอ่ะ ปากแข็ง แต่ใจอ๊อนอ่อน!!

ใบบัวน่ารัก 30 เม.ย. 2557, 13:07:35 น.
คิดได้ยังว่ารักหรือไม่รัก
ให้จุ๊บได้หนึ่งครั้ง สำหรับดอกไม้ค้า
คิดได้ยังว่ารักหรือไม่รัก
ให้จุ๊บได้หนึ่งครั้ง สำหรับดอกไม้ค้า

kaelek 30 เม.ย. 2557, 14:00:06 น.
โอยยย ช่วงนี้อากาศร้อน อยากได้มือเย็นๆของมาสเตอร์เคบ้างจุง
โอยยย ช่วงนี้อากาศร้อน อยากได้มือเย็นๆของมาสเตอร์เคบ้างจุง

yimyum 30 เม.ย. 2557, 16:51:09 น.
โห.....มือเย็นๆคงเหมาะกับหน้าร้อนอย่างนี้แน่เลย
โห.....มือเย็นๆคงเหมาะกับหน้าร้อนอย่างนี้แน่เลย

Zephyr 30 เม.ย. 2557, 20:14:10 น.
เอามือมาให้กอดมั่งสิ
เย็นๆเนียนๆเรียวยาวๆสวย ขาว อ้ายยยย อิจฉา
คาร์เนชั่นสีชมพูน่ารักจัง เอาให้แม่สินะ ฮ่าๆๆๆๆ
แม่ทูนหัว
เอามือมาให้กอดมั่งสิ
เย็นๆเนียนๆเรียวยาวๆสวย ขาว อ้ายยยย อิจฉา
คาร์เนชั่นสีชมพูน่ารักจัง เอาให้แม่สินะ ฮ่าๆๆๆๆ
แม่ทูนหัว

นักอ่านเหนียวหนึบ 30 เม.ย. 2557, 23:01:21 น.
กรี้ดดดดด กรี้ดดดดด กรี้ดดดดฟินจังเลยค่าาาา
ขอยืมมือหน่อย คิๆๆๆ
กรี้ดดดดด กรี้ดดดดด กรี้ดดดดฟินจังเลยค่าาาา
ขอยืมมือหน่อย คิๆๆๆ
