ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 9 ใต้แสงดาว

บทที่ 9 ใต้แสงดาว

ผลจากการกินยาและเช็ดตัวอย่างถูกวิธีทำให้ไข้ของน้ำงามลดลงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหลับสบายยันเช้า โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน เธอปรือตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในความมืด เนื่องจากยังตื่นไม่เต็มตานัก ก็เลยไม่รู้สึกถึงไออุ่นของคนที่ผล็อยหลับไปข้างกาย

หญิงสาวคลำเปะปะไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อดูเวลา แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกวงแขนของใครคนหนึ่งกอดรัด เธอรีบปัดมือปริศนาออกแล้วหันขวับไปมอง

“คุณมาทำอะไรบนเตียงฉันคะ” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อเห็นเจ้าของคฤหาสน์อยู่ในสภาพเปลือย พ่อตัวดีไม่ใส่เสื้อ แต่จะไม่ใส่กางเกงด้วยหรือเปล่าน้ำงามไม่กล้าเปิดผ้าห่มออกดู

เควินยังหลับอยู่ตอนที่ละเมอมากอดน้ำงาม พอได้ยินเสียงดังเขาก็งัวเงียตื่น สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การอธิบาย แต่เป็นการเอามือไปแตะที่หน้าผากหญิงสาว

“ไข้ลดแล้ว แต่ตัวยังรุมๆ ปวดหัวไหม”

“ไม่ค่ะ”

“หิวไหม”

“ไม่หิวค่ะ”

“ไม่หิวก็ต้องกิน ข้าวต้มหรือซุปดี”

“เรื่องกินเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ” หญิงสาวแหวใส่ “ตอบมาก่อนว่าทำไมคุณถึงมาอยู่บนเตียงฉันได้”

หญิงสาวถามขณะมองสำรวจตัวเอง ชุดชั้นในตัวบนเธอหายไป แต่เสื้อผ้าอยู่ครบ พอมองดีๆ ก็เห็นบราเซียลูกไม้สีขาวกองอยู่ข้างๆ เควิน เลยรีบตะครุบมาซ่อนเอาไว้ด้านหลัง ใบหน้าเธอแดงก่ำเมื่อชายหนุ่มมองกลับมาด้วยสายตาที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องซ่อน

“คุณคิดว่าไงล่ะ” พ่อตัวร้ายส่งยิ้มกวนๆ มาให้

ถ้าเธอเป็นพวกขี้โวยวายคงร้องกรี๊ดแล้วตรงไปทุบอกเขาแล้ว แต่น้ำงามไม่ทำอย่างนั้น เธอกวาดตามองรอบห้องพอเห็นแก้วน้ำ ซองยากับผ้าขนหนูเปียก ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“ฉันไม่สบาย คุณเลยมาช่วยดูแลฉันใช่ไหมคะ”

“ใช่ ผมให้คุณกินยาแล้วเช็ดตัวให้”

“ขอบคุณมากค่ะ” เมื่อเขาดีด้วยเธอก็กล้าที่จะขอบคุณ กระนั้นก็ยังอดถามเรื่องที่สงสัยไม่ได้ “แล้วคุณถอดสุดชั้นในฉันออกทำไม”

“ผมไม่ได้เจตนา แต่ตะขอมันหลุด แล้วคุณก็ทำท่าเหมือนอึดอัด ตอนเช็ดตัวผมเลยช่วยดึงออกมาให้” เควินปั้นหน้าจริงใจใสซื่อสุดชีวิต

น้ำงามเขม้นมองอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ยอมปล่อยผ่านประเด็นนี้ไป แล้วหันไปสนใจประเด็นถัดไปแทน

“แล้วทำไมคุณต้องถอดเสื้อด้วย”

“ฮีทเตอร์ห้องนี้มันร้อนไป แล้วทำอย่างนี้มันสะดวกกว่าเวลาที่อุทิศตัวเป็นอุปกรณ์ลดไข้” ชายหนุ่มขยิบตาให้

พอเควินพูดอย่างนั้นความทรงจำเมื่อคืนก็หลั่งไหลเข้ามาประดุจสายน้ำ น้ำงามแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน เธอดึงมือเควินไว้แล้วเอามากุมแก้มอยู่ตั้งนานสองนาน แถมยังไปเบียดซุกตัวเขาเพราะเห็นว่าเย็นสบายด้วย

“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากค่ะ” หญิงอ้อมแอ้มพูดด้วยสีหน้ากระดาก

“ผมไม่อยากได้คำขอโทษ ขออย่างอื่นได้ไหม”

“คุณอยากได้อะไรคะ”

“ผมอยากคุย อยากอธิบายเรื่องวันก่อน ที่เราทะเลาะกัน”

‘ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย คุณแค่พูดใส่หน้าว่าไม่มีวันรักฉันเท่านั้นเอง’

เสียงแย้งดังขึ้นในใจของน้ำงาม ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบข้างในอก

“จะคุยก็ได้ค่ะ แต่ขอฉันแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน”

น้ำงามยัดเสื้อใส่มือเขาเป็นเชิงบอกว่าเขาเองก็ต้องควรจะหัดแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย เควินรับเสื้อมาสวม ก่อนจะผุดลุกขึ้นไปหยิบกางเกงมาใส่ น้ำงามคิดถูกจริงที่ไม่กระชากผ้าห่มไปจากตัวเขา เมื่อคืนคนขี้ร้อนถอดทุกอย่างออกจากตัว แล้วนอนโป๊กอดเธอหน้าตาเฉยเลย

หญิงสาวหันหลังให้จนอีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จ แล้วค่อยลุกจากเตียงไปหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่เควินกลับฉุดแขนเธอเอาไว้ แล้วกดตัวให้ลงไปนอนบนเตียงต่อ

“ไม่ต้องแต่งตัวหรอก คุณยังไม่สบายอยู่ ไว้หายแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

เควินรู้ดีว่ามีโอกาสปรับความเข้าใจกับเธอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตอนนี้เธอป่วย ส่วนเขาก็อดนอนสภาพร่างกายไม่พร้อมด้วยกันทั้งสองฝ่าย

“ได้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว”

น้ำงามไม่ได้มีเจตนาไล่ เพียงแต่เห็นว่าสีหน้าเขาดูอิดโรย เลยอดที่จะแนะนำไม่ได้

“โอเค ผมไปล่ะ”

เควินยอมถอยอย่างไม่ดื้อดึง ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ประตู ทว่ายังไม่ทันถึงก็หมุนตัวกลับมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“ลืมของหรือคะ”

“ใช่”

“อะไรคะ”

หญิงสาวกวาดตามองรอบตัว แล้วเลิกผ้าห่มหาให้โดยไม่รอคำตอบ สบโอกาสให้เควินใช้จังหวะนี้หอมแก้มเธอเบาๆ เป็นอันรู้กันว่าเขาลืมจูบลา

น้ำงามหันขวับมาจ้องจอมฉวยโอกาสอย่างเอาเรื่อง ไม่ทันได้โวยวายก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำงามอ้าปากจะตะโกนบอกว่าเดี๋ยว แต่เควินกลับบอกให้เข้ามาเสียอย่างนั้น ไม่ทันได้ตั้งตัวมามิกับเมดสาวหน้าคุ้นก็เปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง

“ดิฉันเอาอาหารเช้ามาส่งค่ะ” มามิบอก

“ลืมไปเลยว่าสั่งไว้” เควินพึมพำ ผลคือโดนน้ำงามมองตาเขียว

ทั้งเมดและมามิต่างก็มีสีหน้าเรียบเฉย แต่เชื่อได้เลยว่าตอนนี้คงเข้าใจผิดอย่างจังว่าเธอกับเควินมีอะไรกัน น้ำงามอยากจะอธิบายความจริงให้ฟังเหลือเกิน แต่ก็หาช่องไม่ได้เพราะมามิกำลังคุยกับพ่อตัวดีอยู่

“จะให้จัดอาหารเช้าเพิ่มอีกที่ไหมคะมาสเตอร์”

“ไม่ต้องหรอก ผมง่วงแล้ว อยากนอนมากกว่า ฝากดูแลน้ำงามด้วยนะ”

สั่งเสร็จก็หันไปลาน้ำงามอีกครั้ง หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรเลยพยักหน้ารับ พอร่างสูงหายไปจากห้องแล้ว เธอก็รีบอธิบายกับมามิทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฉันไม่สบายเควิน เอ่อ...ฉันหมายถึงมาสเตอร์เค เลยมาช่วยดูแลให้ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่เห็นนะคะ เราไม่ได้มีอะไรกัน”

“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอกจ้ะ ฉันเข้าใจ” มามิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ที่รู้ทันเด็ก

เธอบอกว่าเข้าใจแต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจอะไรสักนิดเลยต่างหาก ยังดีที่ว่ามามิไม่ได้กระเซ้าเย้าแหย่อะไร น้ำงามเลยพอจะทนสู้หน้าได้

“ไปเตรียมน้ำสำหรับเช็ดตัวมาหน่อย” มามิสั่งสาวใช้

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูดูแลตัวเองได้ ขอบคุณคุณมามิมากนะคะ ส่วนเรื่องงาน...”

ตอนนี้เป็นเวลาที่น้ำงามจะต้องไปรับช่วงเวรต่อแล้ว ถ้าเธอไม่โผล่ไปซาร่าก็จะออกมาจากห้องนั้นไม่ได้

“พักรักษาตัวให้หายก่อนเถอะจ้ะ ฉันจะไปบอกซาร่าแล้วจัดการหาคนแทนให้เอง”

หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าให้รีบกินก่อนที่อาหารจะเย็นชืด มามิสั่งให้คนทำข้าวต้มแบบไทยมาให้ คนป่วยจะได้เจริญอาหาร

ความเอาใจใส่ของหัวหน้าแม่บ้านทำให้คนที่จากบ้านมาไกลอุ่นใจขึ้นมาก น้ำงามยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้ง

“หนูไหว้ฉันทำไมจ๊ะ ฉันไม่ใช่พระพุทธรูปนะ” มามิพูดเล่นด้วย

“สำหรับคนไทยการไหว้คือการแสดงความขอบคุณค่ะ ยิ่งมืออยู่สูงแล้วก้มศีรษะต่ำเท่าไรก็ยิ่งบอกถึงระดับความเคารพเท่านั้น ที่หนูไหว้คุณเป็นการไหว้ระดับเดียวกันกับพ่อกับแม่”

“โถ...น่ารักจริง” มามิเอามือทาบอกแล้วเข้ามากอด

น้ำงามกอดตอบโดยไม่รู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มของมามิมีอารมณ์หลากหลายซุกซ่อนอยู่ แต่จะดีหรือร้ายนั้นไม่มีผู้ใดตอบได้



อาการป่วยของน้ำงามคือมีไข้น้ำมูกไหลแต่ไม่มีอาการเจ็บคอหรือไอ ดังนั้นแค่กินยาลดไข้กับยาลดน้ำมูกไม่ถึงสองวันอาการก็ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าตัวเองใกล้หายดีแล้วคนป่วยก็เลยไปอาบน้ำ หญิงสาวเดินผ่านกระจกบานโตแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยช้ำที่บริเวณลำคอกับเนินอก

‘ฝีมืออีตานั่นแน่เลย’ หญิงสาวกรีดร้องในใจ

น้ำงามไม่เคยมีอะไรกับใครก็จริงอยู่แต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่านี่คือรอยจูบ มามิต้องเห็นมันแน่ถึงได้มีท่าทีมั่นใจว่าเธอกับเควินมีอะไรกันแล้ว

หญิงสาวยืนกำหมัดอยู่หน้ากระจก เธออยากจะทุบแวมไพร์ตัวร้ายรัวๆ จริงเชียว เอาให้ช้ำยิ่งกว่ารอยที่เขาทำไว้สักสิบเท่า

น้ำงามอาบน้ำด้วยความโมโห เสร็จแล้วก็เดินใส่เสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวไม่ทันเสร็จเควินก็โทรศัพท์มา

“อาการดีขึ้นหรือยัง”

“ยังค่ะ”

“ไข้กลับมาเหรอ เป็นๆ หายๆ อย่างนี้ตามหมอดีกว่า” เควินแสดงท่าทีเป็นห่วง

“ไข้น่ะลดแล้วค่ะ แต่รอยแดงที่คอยังไม่หาย”

หญิงสาวเน้นคำว่า ‘รอยแดง’ เป็นพิเศษดังจะย้ำว่ารู้นะว่าเป็นฝีมือเขา

“ถูกแมลงกัดเหรอ เจ็บมากหรือเปล่า ให้ผมช่วยทายาเอาไหม” ชายหนุ่มทำเป็นตีมึนไม่รู้เรื่อง

“ถูกแวมไพร์จอมฉวยโอกาสเล่นงานต่างหากล่ะคะ”

“น่าสงสารจัง แต่คุณก็ผิดนะสาวน้อยที่น่ารักเกินไป ผมเข้าใจหัวอกแวมไพร์นิสัยเสียตัวนั้นดีเชียวละว่าทำไมถึงอดใจเอาไว้ไม่ได้”

เควินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“คืนนี้มาดินเนอร์กับผมนะ”

“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่เจอหน้าคุณจนกว่ารอยนี่จะหาย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด แต่มีหรือจอมเผด็จการจะฟัง

“เที่ยงคืนตรงผมจะให้คนไปรับ” พูดจบก็ตัดสายไปเลย

น้ำงามยังไม่ทันผละจากโทรศัพท์ มามิกับเมดก็มาเคาะประตูห้องเธอพร้อมกับราวลากที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็มไปหมด

“มาสเตอร์เคส่งมาให้คุณเลือกสำหรับใส่คืนนี้ค่ะ” เมดสาวบอก

“เอากลับไปเถอะค่ะ เพราะฉันจะไม่ไป”

“หนูยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่หรือจ๊ะนีน่า”

“ยังมึนอยู่นิดๆ ค่ะ” น้ำงามปด

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรรีบร้อนอาบน้ำนะ”

ตำหนินี้เกิดเพราะความห่วงใย น้ำงามก็เลยส่งสายตาขอลุแก่โทษไปให้หัวหน้าแม่บ้าน

“ฉันไม่กวนหนูแล้ว รีบเป่าผมให้แห้งเถอะจ้ะ อย่าเพิ่งเข้านอนนะฉันจะให้คนทำน้ำผลไม้แก้หวัดกับซุปร้อนๆ มาให้”

กล่าวจบมามิก็เดินกลับออกไปโดยไม่เซ้าซี้เรื่องนัดของมาสเตอร์เค

“แล้วชุดพวกนี้ละคะมาดาม” สาวใช้ที่มาด้วยถาม

นอกจากน้ำงามกับเกลิคแล้ว คนที่นี่เรียกมามิว่ามาดามกันหมด บ่งบอกว่าเธอมีฐานะอยู่เหนือลูกจ้างทุกคน

“ทิ้งเอาไว้ที่นี่แหละจ้ะ เผื่อคุณนีน่าอาการดีขึ้นแล้วจะเปลี่ยนใจ”

น้ำงามไม่อยากดันทุรังส่งคืนให้มามิลำบากใจก็เลยต้องปล่อยมันทิ้งเอาไว้อย่างนั้น

เรื่องชุดนี่จริงๆ แล้วไม่ใช่ความคิดของเควิน เกลิคต่างหากที่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ เควินหัวแข็งเกินกว่าจะสั่งดอกไม้ช่อโตหรือเครื่องประดับให้หญิงสาว เขาคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นน้ำงามจะโกรธหาว่าใช้เงินซื้อ ที่ว่ามาก็มีส่วนถูกอยู่แต่เกลิคกลับมองว่าอย่างไรเสียก็ต้องมีของกำนัล หนนี้เควินคล้อยตามเลยนั่งเลือกแล้วสั่งให้คนส่งไปให้

น้ำงามตัดสินใจว่าจะไม่ไปหาเควินตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ แต่ความคิดก็มีอันต้องเปลี่ยนเมื่อหันไปเห็นดอกคาร์เนชันสีชมพูเข้าโดยบังเอิญ มันถูกปักเอาไว้ในแจกันบนโต๊ะเขียนหนังสือ หญิงสาวจำได้แม่นว่าก่อนที่จะไม่สบายไม่มีของแบบนี้อยู่ในห้อง

เควินคงเอามาให้เพื่อขอโทษ แต่มาเจอเธอนอนไข้ขึ้นเสียก่อนก็เลยไม่ได้บอก หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกไม้สีชมพู สัมผัสนุ่มลื่นที่ได้รับบอกให้รู้ว่าเป็นของจริง ไม่ง่ายเลยที่จะหาดอกไม้สดในฤดูกาลอย่างนี้

“อย่าไปหลงกลเขาเพราะดอกไม้แค่ดอกเดียวเชียวนะ”

เธอต้องห้ามลืมอย่างเด็ดขาดว่ามหาเศรษฐีอย่างเควิน สามารถหาดอกไม้สดมากองท่วมห้องนี้ได้โดยไม่ต้องเหนื่อยแรง

น้ำงามใจแข็งอยู่ได้จนเกือบเที่ยงคืนโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น หญิงสาวไม่อยากรับสายแต่ก็ต้องยกหูเพราะไม่อยากให้เขาส่งใครมาตาม

“คุณเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วหรือยังครับมิสแสงพลอยศิ” เสียงของเกลิคดังมาตามสาย

น้ำเสียงของพ่อบ้านจอมโหดทำให้น้ำงามรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ พิกล เควินเจ้าเล่ห์เหลือเกินที่ให้เกลิคเป็นคนมาตามตัวเธอแทน

“ยังค่ะ ฉันคิดว่าฉันจะ...”

“รักษาเวลาด้วยนะครับ มาสเตอร์เครอคุณอยู่“

ได้ยินอย่างนี้น้ำงามก็เลยปฏิเสธไม่ออก แม้จะเอ่ยอย่างสุภาพแต่น้ำเสียงของเกลิคฟ้องชัดเลยว่าถ้าเธอกล้าเมินเจ้านายเขา ชายหนุ่มไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่

น้ำงามจำใจต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เจตนาเธอไม่ได้จะไปดินเนอร์กับเจ้าของบ้านหรอก แต่จะไปฉีกอกเขามากกว่า

หญิงสาวลองสำรวจเสื้อผ้าที่เขาจัดมาให้ ส่วนใหญ่เป็นชุดราตรีสำหรับออกงานทั้งนั้น บางชุดก็ทั้งแหวกทั้งผ่าจนทำให้สงสัยว่าเอาไว้สำหรับใส่ไปดินเนอร์หรือกลายเป็นดินเนอร์เสียเอง นอกจากชุดโป๊ๆ แล้วก็มีชุดที่เรียบหรูดูดีปนมาหลายตัว หญิงสาวยอมรับว่าสวยถูกใจ แต่ก็ไม่คิดจะหยิบมาใส่ เพราะมองว่ามันไม่ใช่ของเธอ

น้ำงามแต่งตัวออกไปนอกห้องด้วยชุดของตัวเอง มันเป็นชุดเดรสสีขาวแขนยาวคอปิด ความยาวประมาณเข่า เรียกว่าเรียบร้อยขนาดใส่ไปโบสถ์วันอาทิตย์ได้สบายเลยทีเดียว

พอเปิดประตูห้องออกมาน้ำงามก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีสาวใช้มายืนรออยู่หน้าห้อง

“ดิฉันมานำทางให้คุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างสุภาพ

แม้จะรู้ว่าสถานที่นัดหมายเป็นห้องบริเวณชั้นสาม แต่ก็ยังต้องมีคนนำทางอยู่ดี เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการหลงทาง เนื่องจากคฤหาสน์แห่งนี้กว้างขวางและค่อนข้างซับซ้อน

น้ำงามชวนคนนำทางคุยว่ามารอนานหรือยัง ผลคือเธอมายืนรอเกือบชั่วโมงแล้ว ที่ไม่เคาะห้องเรียกก็เพราะได้รับคำสั่งมาว่าไม่ต้องไปเร่งคุณนีน่า น้ำงามรีบขอโทษเมดสาว ในใจก็นึกโกรธคนที่ออกคำสั่ง นี่ถ้าเธอเปลี่ยนใจไม่ยอมมาดินเดอร์ด้วย เธอคนนี้ไม่ต้องยืนรอจนเช้าหรอกหรือ

คนนำทางพาเธอเดินขึ้นบันได ผ่านทางเดินที่ค่อนข้างวกวน มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง ตรงทางเข้ามีบอดี้การ์ดร่างยักษ์ยืนอยู่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเควินคงอยู่ด้านใน คนรับใช้เข้ามาได้ถึงตรงนี้เท่านั้น น้ำงามก็เลยต้องเดินต่อไปตามลำพัง

ห้องที่เธอเข้าไปเป็นห้องเรียบๆ ปูพรมสีฟ้าทอเป็นลวดลายแปลกตา กลางห้องมีเปียโนหลังใหญ่วางอยู่ เควินนั่งหลังตรงอยู่ตรงนั้น เขากำลังพรมนิ้วลงบนแป้นบรรเลงเพลงแสนเศร้าทำนองไม่คุ้นหู

วันนี้เควินแต่งกายแปลกไปกว่าที่เคย ชายหนุ่มอยู่ในชุดทักซิโดสีดำ ผูกริบบินที่คอเสื้อ ผมยาวสลวยที่เคยปล่อยให้เป็นอิสระถูกมัดรวบเอาไว้ เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบชัดเจนขึ้น ยิ่งมองนานเท่าไรก็ยิ่งถอนสายตาไปจากเขาได้ลำบากเท่านั้น หากชายหนุ่มเป็นแวมไพร์กระหายเลือดจริงๆ ผู้หญิงค่อนโลกคงยอมให้เขาดูดเลือดด้วยความเต็มใจ

เสียงบรรเลงดนตรีหยุดลงเมื่อเจ้าของสถานที่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา ชายหนุ่มลงมาจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาค้อมตัวให้น้ำงามอย่างสง่า

“ให้เกียรติดินเนอร์กับผมนะครับคุณผู้หญิง”

ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้า ผลคือน้ำงามยอมส่งมือให้เขาอย่างลืมตัว พอรู้ตัวว่าไม่ได้มีท่าทีแข็งขืนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หญิงสาวก็รีบเอ่ยว่า

“ฉันยอมมาเพราะกลัวคุณจะส่งพ่อบ้านไปลากตัวฉันออกมาจากห้องหรอกนะคะ”

“ผมไม่ทำอะไรป่าเถื่อนแบบนั้นหรอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างจริงจังขณะจูงมือพาเธอมายังห้องอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีโต๊ะดินเนอร์สำหรับสองที่จัดเตรียมเอาไว้อย่างหรูหรา

“คุณอยากดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียนหรือแสงดาว”

“ฉันชอบแสงดาวค่ะ แต่ชอบอยู่ในห้องอุ่นๆ มากกว่า”

น้ำงามพูดเผื่อเอาไว้ก่อนที่เควินจะคิดพิเรนทร์พาเธอออกไปนั่งตากลมด้านนอก

“ได้ครับคนสวย คุณจะได้ตามที่ขอเดี๋ยวนี้”

เควินหยิบรีโมตออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พอกดปุ่มไฟในห้องนี้รวมถึงห้องข้างๆ ก็ดับลง น้ำงามเผลอเกาะแขนเขาแน่นอย่างลืมตัว อึดใจรอบกายก็กลับมาสว่างอีกครั้งแต่แหล่งกำเนิดแสงไม่ได้มาจากโคมไฟแต่เป็นดวงดาวนับล้านที่รายล้อมอยู่รอบตัว น้ำงามถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเลยตอนได้เห็นทัศนียภาพอันสวยงามนี้

ผนังกับเพดานในห้องล้วนถูกประดับด้วยจอภาพที่ใช้เป็นฉากหลังในการถ่ายทำภาพยนตร์ แค่กดปุ่มก็สามารถเลือกทิวทัศน์ได้ตามชอบใจ มันเป็นของเล่นที่เควินสั่งทำเอาไว้เมื่อนานมาแล้วเผื่อว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ

เควินมองรอยยิ้มของสาวงามข้างกายด้วยความพึงพอใจ เขาคิดถูกจริงๆ ที่เลือกที่นี่เป็นสถานที่ดินเนอร์ ใจก็นึกขอบคุณเกลิคที่เจ้ากี้เจ้าการจนเขายอมลุกขึ้นมาสร้างบรรยากาศโรแมนติก ทั้งที่ใจหนึ่งก็หวั่นว่าจะโดนหญิงสาวหัวเราะเยาะ

“ชอบไหม”

“ชอบค่ะ”

“แสดงว่าผมทำดี”

“ใช่ค่ะ”

“ดีพอจะได้รางวัลไหม”

ชายหนุ่มทำตาพราวท่ามกลางความสลัว เขาเอียงคอมาใกล้ทำท่าเหมือนอยากจะได้จูบสักที

น้ำงามรู้สึกหมั่นไส้เควินเสียจริง เลยเอาคืนด้วยการเขย่งเท้าขึ้น เธอเป่าลมหายใจร้อนๆ ไปรดใบหูเขาอย่างจงใจ เสร็จแล้วเคลื่อนริมฝีปากมาที่ข้างแก้ม ทว่าแทนที่จะประทับจูบลงไป เธอกลับหยิกแก้มเขาแทน

“เอาเป็นว่าฉันจะไม่ชำระความเรื่องรอยบนตัวก็แล้วกันนะคะคุณแมลงลามก”

เควินหัวเราะในลำคอ ตั้งแต่ฟื้นไข้มา คนสวยของเขาดุขึ้นเยอะเลย

“ตกลงครับคุณผู้หญิง ผมยอมทุกอย่าง”

เขายกมือขึ้นทำเป็นว่ายอมแพ้ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำงามกลับรู้สึกว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายยอมเขาทั้งใจ เมื่อสิบนาทีก่อนเธอยังเคืองเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับลืมความขุ่นข้องหมองใจทั้งหลายไปจนหมด

อยู่ลำพังได้สักพักหนึ่งก็มีบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟ รายการอาหารยามเที่ยงคืนวันนี้ไม่ใช่อาหารฝรั่งเศสอย่างที่คิดเอาไว้แต่เป็นอาหารไทยทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าจัดเอาใจเธอ

“คุณทานเผ็ดได้เหรอคะเควิน”

ต้มยำกุ้งที่เพิ่งตักเข้าปากไปปรุงรสอย่างไทยแท้ๆ เลย

“สารภาพตามตรงว่าผมไม่ถูกกับอาหารเผ็ดเท่าไร”

“ตายจริง...ถ้าอย่างนั้นก็อย่าฝืนนะคะ เดี๋ยวท้องเสีย อันนี้ห้าม อันนี้ด้วย นี่กินได้นิดๆ ส่วนที่เหลือคิดว่าปลอดภัยค่ะ”

ของที่ว่าห้ามคือต้มยำกุ้งกับผัดเผ็ด ส่วนที่ให้กินได้คือทอดมัน ผัดพริกขิง ไข่ลูกเขย เควินปฏิบัติตามอย่างไม่ดื้อดึง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรู้วิธีการรับประทานอาหารไทยเป็นอย่างดี เขาใช้ช้อนกลางตักกับข้าวไปกินกับข้าว ไม่เหมือนฝรั่งส่วนใหญ่ที่มักจะสั่งอาหารแบบของใครของมัน ถ้าสั่งต้มยำก็จะสั่งมากินแบบซุปแล้วค่อยมากินข้าวผัดหรือกับข้าวอย่างอื่นทีหลัง

“คุณกินอาหารไทยบ่อยหรือคะ” หญิงสาวตั้งข้อสังเกต

“ไม่เลย นี่เป็นครั้งแรก”

“แล้วทำไมถึงรู้วิธีการกิน”

“ผมลองหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของคุณดู”

น้ำงามอยู่อเมริกามานานจนได้สัญชาติ แต่เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนไทยมากกว่าเพราะได้รับการดูแลอบรมมาแบบนั้น ตอนถูกถามว่าเป็นคนชาติไหนเธอเลยมักจะตอบว่าไทยแบบเต็มปากเต็มคำ

“จากที่ศึกษามา คุณคิดว่าประเทศของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

“เป็นประเทศที่น่าสนใจ อุดมสมบูรณ์ อากาศอบอุ่นทั้งปี ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครและมีพระมหากษัตริย์ที่น่าทึ่ง”

สองข้อหลังที่ได้ยินมาทำให้น้ำงามรู้สึกภูมิใจในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเสียจริง กระนั้นก็ไม่ปลาบปลื้มขนาดยกยอประเทศตัวเองโดยไม่มองความจริง

“แต่สิ่งไม่ดีก็เยอะนะคะ ถ้าคุณหาข้อมูลจากในเว็บคงเจอเรื่องผู้หญิงขายตัว อาชญากรรมกับเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง”

“ผมอ่านผ่านตามาเหมือนกัน แต่ก็เลือกจะมองแต่ด้านดีๆ ของประเทศไทยเหมือนอย่างเวลาที่คุณมองผม”

ชายหนุ่มทอดสายตามองมาอย่างอ่อนโยน แววตาลึกซึ้งของเขาทำให้ประหม่าและรู้สึกอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน

“คนหลงตัว ฉันมองแต่ด้านดีๆ ของคุณตั้งแต่เมื่อไรคะ”

“คุณเห็นนิสัยไม่ดีของผมตั้งเยอะ แต่คุณก็ยังอยู่ตรงนี้นี่จริงไหม”

“เพราะสัญญาว่าจ้างมหาโหดนั่นต่างหากล่ะคะ ถ้าไม่มีมัน ป่านนี้ฉันเผ่นไปนานแล้ว”

น้ำงามยอมรับอย่างซื่อตรง หญิงสาวไม่อยากให้เขามองเธอในแง่ดีมากเกินไปนัก

“ถ้าเป็นอย่างนั่นจริง เห็นทีทีผมคงต้องให้โบนัสทนายที่ร่างสัญญาหน่อยแล้ว” เควินยิ้มพราย ก่อนจะยกแก้วไวน์ยืนไปด้านหน้า เป็นเชิงว่าอยากจะชนแก้วด้วย

น้ำงามหยิบน้ำเปล่ามาชนแก้วกับเขา ทั้งที่บริกรก็รินไวน์เอาไว้ให้ เธอเลือกที่จะไม่แตะต้องของมึนเมาทุกชนิด เพราะต้องการมีสติอยู่กับตัวให้มากที่สุด หญิงสาวตระหนักดีว่าแม้บรรยากาศการดินเนอร์จะชื่นมื้นปานใด แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องหันมาคุยกันอย่างจริงจังอยู่ดีเรื่องความสัมพันธ์

ตัวเลือกในชีวิตของน้ำงามมีอยู่ไม่มากนักหรอก ถ้าไม่ยอมเป็นของเล่นของเขา ก็ต้องใจแข็งแล้วเดินจากไปตลอดการ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีท้ายตอนค่ะ เอามาลงอาทิตย์ละครั้งตามสัญญาแล้วนะคะ ใครที่รอหมอครามกับหมอชาอยู่ รบกวนขอผลัดไปอีกระยะนะคะ พอดีตอนนี้ติดภารกิจครอบครัว น้องสาวป่วยค่ะ มานอนเฝ้านางที่โรงพยาบาลไม่ได้กลับบ้านมา 7 วันแล้วค่ะ

น้องสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ยังกลับบ้านไม่ได้เพราะไข้ไม่ลดสักที ไข้สูงเป็นระยะๆ ก็เลยต้องนอนโรงพยาบาลต่อไป คนเฝ้าอย่างโน้มน้าวเลยไม่มีสมาธิทำงาน วันๆ ได้แต่กินของเยี่ยมแก้เครียดจนอืดเป็นปลาปักเป้า T^T แล้ว

นอกจากจะมีขอให้กินทั้งวันแล้ว ยังต้องช่วงชิงเวลานอนเหมือนเล่นเกมด้วยค่ะ ใครเคยเฝ้าไข้คนป่วยคงนึกภาพออก ว่าพยาบาลจะเคาะห้องเปิดเข้ามาทุกๆ 4 ชั่วโมง ไม่นับแม่บ้าน ที่เข้ามาทำความสะอาด คนส่งอาหารที่เข้ามาวันละ 8 ครั้ง (มาส่งอาหารสามมื้อ + ของว่าง และเก็บจาน)

โน้มเป็นคนหลับยากตื่นง่ายค่ะถ้ากะจังหวะพลาดจะสะดุ้งตื่นตอนเคลิ้มทันที แต่อยู่มานานๆ ชักโปรค่ะ รู้จังหวะการนอน 5555 เลยกินสลับกับนอนเป็นระยะๆ ได้หลับสะสมทีละชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี

ช่วงนี้มีคนป่วยเยอะมาก ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2557, 14:58:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2557, 14:58:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1721





<< บทที่ 8 ดอกคาร์เนชัน   บทที่ 10 ช็อกโกแลต >>
Zephyr 6 พ.ค. 2557, 18:05:24 น.
แหม ตีเนียนนะ แมลงเควิน
ทำรอยอีกสิ ทำอีกสิ ฮ่าๆๆๆ
เหม่ๆ เหมือนจะหวานแต่ไม่สุดไงไม่รู้อ่ะโน้ม
น้ำงามแพ้ทางเควินตลอดเลยอ่า ไม่ยอมนะ


Sukhumvit66 6 พ.ค. 2557, 20:54:09 น.
มาสเตอร์เค น่ารักอ่ะ..


konhin 6 พ.ค. 2557, 21:26:58 น.
น่ารักอ่ะ


คิมหันตุ์ 6 พ.ค. 2557, 23:22:35 น.
แอ๊บเนียน ได้น่ารักมากๆค่ะ มาสเตอร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account