ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 11 วันครบรอบ

บทที่ 11 วันครบรอบ

หลุมฝังศพของอายากะ คอนเนอร์ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนผาสูง ในพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลคอนเนอร์ บริเวณนี้ด้านหนึ่งติดทะเลส่วนอีกด้านเป็นภูเขา ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีทิวทัศน์ที่งดงาม สมกับที่โทมัส คอนเนอร์ เลือกสรรมาเป็นอย่างดีสำหรับภรรยาสุดที่รัก

เควินมาที่นี่ทุกปีเพราะมีสัญญาที่เคยให้ไว้กับบิดา

‘ถ้าพ่อต้องจากไปอีกคน อย่าปล่อยให้แม่ต้องเหงานะเค’

พ่อพูดเอาไว้ในฤดูร้อนเมื่อประมาณสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นท่านป่วยหนัก แต่สุดท้ายก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมและยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมแม่สม่ำเสมอในทุกฤดูกาล

เควินมาถึงหลุมฝังศพในตอนค่ำ มีคนเอาช่อดอกลิลลี่ที่แม่ชอบมาวางเอาไว้ก่อนหน้าเขาแล้ว ถ้าให้เดาคงจะเป็นฝีมือพ่อ

คิดแล้วชายหนุ่มก็อดนับถือความพยายามของคนแก่วัย 87 คนนี้ไม่ได้ ที่นี่รถยนต์ไม่สามารถขึ้นมาได้ ถ้าไม่เดินก็ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ บางปีอากาศเลวร้ายจนเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ก็ต้องเดินมา แต่ทุกครั้งที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ก็มักจะมีช่อดอกไม้สดใหม่วางเอาไว้เสมอ

ชายหนุ่มวางดอกไม้ที่เตรียมมาลงตรงหน้าหลุมศพ ทุกปีเขาจะให้ดอกลิลลี่เหมือนพ่อ แต่ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เปลี่ยนเป็นดอกคาร์เนชัน

“สวัสดีครับแม่ สุขสันต์วันเกิด สุขสันต์วันแม่แล้วก็เมอร์รีคริสต์มาสย้อนหลังนะครับ”

เควินมักจะใช้เวลาอยู่ที่สุสานพักใหญ่เพื่อนั่งคุยกับคนตาย บอกเล่าเรื่องราวในแต่ละปีที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแม่จะรับรู้ ถ้ารู้จริงคงจะแสดงสัญญาณบางอย่างให้เห็นไปนานแล้ว กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เลิกคุยกับท่าน เผื่อเอาไว้ในกรณีว่าแม่อาจจะได้ยินจริงๆ แต่ไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นพิธีกรรมส่วนตัวไป

ชายหนุ่มกลับออกมาจากสุสานเมื่อได้เวลาอันสมควร คืนนี้ท้องฟ้าค่อนข้างโปร่ง ไม่มีหิมะตก เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นได้สบาย เควินจึงกลับมาถึงคฤหาสน์เร็วกว่ากำหนด

เขากลับมาด้วยอาการเหม่อลอยเหมือนทุกครั้งที่ไปยังสุสาน ใจเขาจะแปรสภาพเป็นฟองน้ำที่ดูดซับความซึมเซาเอาไว้จนเต็ม เควินไม่ได้เศร้าขนาดอยากร้องไห้ แค่รู้สึกเนือยๆ กับชีวิตไม่อยากคิดหรือทำอะไรเท่านั้น

วิธีขจัดอารมณ์เหล่านี้ให้หมดไปคือการอยู่เฉย ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพยายามหาอะไรทำให้เหนื่อย แค่อยู่นิ่งๆ รอให้ความซึมเซาระเหิดหายไปเองก็พอ ส่วนใหญ่ระยะเวลาในการฟื้นฟูจิตใจมักจะกินเวลาไม่นาน ช่วงสองสามปีหลัง แค่นอนนิ่งๆ ไม่เกินสามวันเขาก็จะกลับเป็นคนเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่พบเจอใครหรือมีอะไรมากระตุ้นให้รู้สึกหงุดหงิด

“ห้ามให้ใครรบกวนฉันเด็ดขาดเข้าใจไหม ปิดทางลับด้วย”

ที่สั่งแบบนี้เพื่อป้องกันตัวป่วนอย่างฟินน์ หลานชายตัวแสบเคยหวังดีอยากให้เขาสดชื่นก็เลยโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ผลคือเควินที่อยู่ในสภาพจิตใจไม่ปกติ เผลอต่อยอีกฝ่ายจนคว่ำทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

“ผมจัดการเรื่องทางลับให้แล้วครับ” เกลิคเอ่ยอย่างรู้งาน

ชายหนุ่มรับเสื้อโค้ตมาจากเจ้านายแล้วขอตัวไปจัดการเรื่องความปลอดภัย เกลิคทำเป็นยุ่งทั้งที่ความจริงแล้วกำลังหาหลุมหลบระเบิดอยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจมามิถึงได้มาขอร้องแกมบังคับว่าให้น้ำงามเข้าไปรอมาสเตอร์เคอยู่ในห้องนอน

‘หวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่นะ’

เกลิคผ่านภารกิจอันตรายและเห็นโลกมามาก แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยอ่านความคิดของสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้ออก เขารู้สึกว่าเธอไม่ค่อยชอบน้ำงามเท่าไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีสนับสนุนความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวก็ไม่รู้

เหตุผลเดียวที่เกลิคยอมเสี่ยงทำตามใจมามิก็เพราะเขาหวังอยู่ลึกๆ ว่าน้ำงามจะสามารถเยียวยาบาดแผลในใจของเควินได้

‘ขอให้มองไม่พลาดทีเถอะ ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่’



หลังจากออกคำสั่งกับเกลิคแล้วเควินก็กลับไปที่ห้อง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าหนาๆ ที่สวมออกทีละชิ้น กว่าจะรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุกอยู่ ก็เกือบไม่เหลืออะไรติดกาย

“คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถามโดยไม่สนใจว่าขณะนี้กางเกงจะลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

น้ำงามรีบหันหน้าหนีก่อนจะพูดเสียงตะกุกตะกัก

“ขะ..ขอโทษค่ะ พอดีฉัน...ฉันทำขนม ก็เลยอยากให้คุณชิม” เธอยื่นช็อกโกแลตให้โดยไม่หันมามอง

ท่าทีเขินอายของหญิงสาวเตือนให้รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสม เควินเลยก้มลงไปหยิบกางเกงมาสวมดังเดิม ก่อนจะรับของมาจากมือหญิงสาว

“ช็อกโกแลตนี่ ไม่เร็วไปหรือที่จะให้” ชายหนุ่มมองเข้าไปในกล่องใส

“เอามาให้ชิมเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้จะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สักหน่อย” น้ำงามหันมาแก้ต่างให้ตัวเอง

เธอรู้สึกโล่งใจที่เขาหาอะไรมาสวมเสียที ทั้งยังไม่โกรธที่เธอมาอยู่ตรงนี้โดยไม่บอกกล่าวด้วย

“ขอบคุณที่ทำมาให้ อย่าว่ากันเลยนะ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว”

เควินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ระดับอารมณ์ของเขาขณะนี้ยังดีอยู่ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะออกอาการคุ้มดีคุ้มร้ายเมื่อไร

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปล่ะคะ คุณจะไล่ฉันไหม”

“ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคุณ บอกผมมาได้ไหมว่าทำไมถึงดันทุรังอยู่ต่อ”

“ฉันรู้ค่ะว่าวันนี้คุณไปไหนมา” น้ำงามสารภาพ

“ใครบอกคุณ” เสียงเควินเข้มขึ้น

ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครมาสงสารโดย เฉพาะผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าอย่างน้ำงาม

“ฉันบอกไม่ได้ค่ะ”

“มามิหรือเกลิค”

เควินมองจ้องน้ำงามอย่างคาดคั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นคุกคามในแบบที่น้ำงามไม่เคยเจอ

หญิงสาวหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังปลุกปลอบใจตัวเองให้เดินหน้าต่อ เธอสบตากับเขาแต่ไม่ยอมปริปากสารภาพสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ

“เงียบอย่างนี้แสดงว่าทั้งคู่”

เควินเดาได้อย่างแม่นยำจนน่าตกใจทีเดียว ที่จริงแล้วมันก็เดาได้ไม่ยากหรอก ถ้าเกลิคไม่อนุญาตน้ำงามคงไม่มีทางมาอยู่ในห้องเขาได้ ส่วนที่ปากโป้งบอกเรื่องแม่ต้องเป็นมามิจอมขี้เป็นห่วงเป็นแน่

“ผมจะไปจัดการกับสองคนนั่น”

ชายหนุ่มประกาศกร้าวทำเอาหญิงสาวรีบถลันไปคว้ามือเอาไว้แทบไม่ทัน

“อย่านะคะ สองคนนั้นไม่ผิด ฉันเองที่ดื้อจะรอคุณที่นี่”

ทันทีที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มอบอุ่นมาสัมผัสตัวร่างสูงก็ชะงักไป ชายหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับคนที่วุ่นวายไม่แพ้มามิ อย่างจริงจังอีกครั้ง

“ผมบอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว ถ้าคุณยังดื้ออีกผมจะจัดการกับคุณอีกคน”

“คุณโกหก คุณไม่ได้อยากอยู่คนเดียวสักหน่อย”

“อย่าคิดแทนผม คุณจะมารู้ความคิดของผมได้ยังไง”

“ฉันยอมรับค่ะว่าฉันไม่เข้าใจคุณ แต่เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็จะไม่ทิ้งคุณไว้ลำพังเด็ดขาด” น้ำงามแสดงท่าทีแข็งกร้าวไม่แพ้กัน

“ทำไม สงสารหรือเวทนาผมล่ะ”

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ”

“แล้วอะไร”

“ฉันรักคุณ”

เมื่อคำสามพยางค์นี้หลุดออกมา บรรยากาศในห้องก็พลันเปลี่ยนไป น้ำงามหน้าแดงกับคำสารภาพที่ไม่ตั้งใจจะเอ่ย ส่วนเควินได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือหวาดระแวง

“อย่าใช้คำว่ารักมาทำให้ผมเขว”

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะมองโลกในแง่ลบ คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจน้ำงามจนเจ็บแปลบ ถ้าเธอมีโทสะอีกนิดคงจะตะโกนใส่หน้าเขา แล้วกระแทกเท้าปึงปังออกไป คนใจร้ายจะได้อยู่ลำพังสมใจอยาก น่าเศร้าที่น้ำงามเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขาเกินว่าจะปล่อยให้เขาทำตามใจได้

“แล้วแต่คุณก็แล้วกันค่ะว่าจะเลือกเชื่ออย่างไหน แต่ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”

หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เจตนาจะบอกว่าเธอยึดที่นี่เป็นฐานที่มั่นแล้วอย่ามาไล่ไปเสียให้ยาก

“มีเหตุผลหน่อย ตอนนี้อารมณ์ผมไม่ปกติ ขอร้องล่ะ รีบไปก่อนที่ผมจะพาลใส่คุณ” เควินพยายามควบคุมอารมณ์แล้ววิงวอน

ชายหนุ่มเอามือเสยผมแล้วหลบไปอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ เขาหันหลังให้น้ำงามและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่หันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวจนกว่าเธอจะยอมออกไป

สองหนุ่มสาวเงียบอยู่นาน ถามว่านานเท่าไรก็คงต้องตอบว่านานพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกเมื่อยได้

“ฉันออกไปก็ได้ค่ะแต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง” น้ำงามยอมถอยในที่สุด

“คุณต้องการอะไร”

“อย่าทำหน้าแบบนั้นค่ะ”

“ผมทำหน้าแบบไหน”

“ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่สีหน้าของคุณน่าเป็นห่วงมากเลยรู้ไหมคะ”

ในห้องนี้ไม่มีกระจก ถึงอย่างนั้นเควินก็ยังมั่นใจว่าสีหน้าเขาไม่ได้ดูแย่อย่างที่เธอบอก

“หน้าผมก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว คุณคิดมากไปเอง”

คนหัวแข็งยืนกรานหนักแน่นโดยไม่ยอมหันกลับมาเผชิญหน้า

“ฉันจะไม่เถียงกับคุณเรื่องนี้หรอกนะคะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ช่วยยิ้มสักนิดได้ไหม ถ้าคุณยอมยิ้ม ฉันก็จะยอมเดินออกไปแต่โดยดี”

น้ำงามจนใจที่จะจัดการกับเขาแล้ว เธอรู้สึกได้ว่าถ้ายังดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกัน ที่ขอรอยยิ้มจากเขาเพราะเชื่อว่าอย่างน้อยมันอาจจะช่วยบำบัดความเศร้าในใจได้

หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของเควิน สักพักเขาก็ยอมหันมาส่งยิ้มให้ ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มแห้งแล้งที่เจือด้วยความเศร้าจนทำให้ใจสั่นสะท้าน

นอกจากความอ้างว้างแล้วยังมีความเจ็บช้ำในแววตาของเควินด้วย สภาพเขาในตอนนี้เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งถูกทำร้ายมา

‘เจ็บ เหงา เศร้า ระแวง สับสน’

ตัวเขาราวกับเป็นศูนย์รวมของอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ สิ่งที่น้ำงามทำจึงไม่ใช่การเดินออกไป แต่เป็นการโผเข้าหาเขาแล้วเริ่มร้องไห้

“คุณเป็นอะไรไป ร้องทำไม”

ชายหนุ่มตระหนกเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว อารมณ์ขุ่นมัวถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดและห่วงใยแทน

เควินทำอะไรไม่ถูกเลยปล่อยให้หญิงสาวกอดเขาเอาไว้ แล้วแปรสภาพตัวเองให้กลายเป็นที่รองรับน้ำตา

ในขณะที่กำลังลังเลว่าควรจะปลอบเธออย่างไร น้ำงามก็เป็นฝ่ายยกมือขึ้นมาลูบหลังเขา สร้างความงงงันมากขึ้นไปอีก

“คุณกำลังทำให้ผมสับสนนะรู้ไหม”

“ขอ...โทษค่ะ” น้ำงามเอ่ยเสียงเครือ “ฉันแค่โมโหตัวเอง ที่ทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย”

ในใจของหญิงสาวมีคำพูดมากมายอยากเอ่ยออกมา แต่ก็ไม่สามารถเรียบเรียงมันได้ดั่งใจ เธอพยายามกลั้นน้ำหูน้ำตาเสียจนหน้าแดงก่ำ เควินเห็นแล้วทนไม่ไหวต้องดึงตัวให้โผกลับมายังอ้อมกอดเขาอีกครั้ง

“อย่าร้องเลยนะ ผมต่างหากที่งี่เง่า” ชายหนุ่มปลอบ

สองหนุ่มสาวยืนกอดกันอย่างนี้อยู่เนิ่นนาน ไออุ่นของมนุษย์ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน มันหลอมละลายความเศร้ากับอารมณ์ด้านลบอย่างช้าๆ ความอบอุ่นนี้โลมเลียบาดแผลในจิตใจอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ สมานแผลเก่าที่ถูกเปิดออกให้ปิดตัวลงอีกครั้ง

ทั้งสองผละออกจากกันเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้นแล้ว คำขอโทษกับคำอธิบายไม่จำเป็นอีกต่อไป มีแต่คำขอบคุณอย่างพร้อมเพรียงเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากของสองหนุ่มสาว

เควินขอบคุณที่เธอสวมกอดเขา ส่วนน้ำงามขอบคุณเขาที่ไม่ถือสาความงี่เง่าของเธอและยอมให้อยู่ข้างๆ

“คุณไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นแบบนั้น”

“ไม่คิดบ้างหรือคะว่าตอนนี้ฉันอาจจะติดนิสัยไม่ดีของคุณมานิดหน่อย” หญิงสาวโต้

ขอบตาล่างของเธอยังมีหยาดน้ำตาหลงเหลือ น้ำงามเลยยกมือขึ้นเช็ด แต่เควินกลับดึงมือเธอเอาไว้แล้วดูดซับน้ำตาด้วยริมฝีปากแทน

“ขอบคุณที่ร้องไห้เพื่อผม”

“อย่าพูดสิคะ น่าอายออก ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้”

“แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วที่รัก”

หลังจูบที่ดวงตา ริมฝีปากของเควินก็ย้ายมาอยู่ที่จมูก แล้วค่อยๆ ขยับลงมาที่ริมฝีปากอิ่ม จูบนี้หวานละมุนกว่าทุกครั้ง สัมผัสของเขาอบอุ่นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งกว่าที่เคย น้ำงามตอบรับสัมผัสนั้นแบบเดียวกันกับที่เขาทำ ปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน แล้วก็ยิ่งแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่น้ำงามเอ่ยออกมา

“ฉันอยากอยู่กับคุณค่ะเควิน ให้ฉันรักคุณได้ไหมคะ”

นี่ไม่ใช่ความสงสารหรือพลั้งเผลอ แต่เป็นความต้องการจากส่วนลึกของหัวใจน้ำงามเอง เธออาจจะต้องเสียใจที่เขาไม่มีวันรักเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่จะทำให้เสียใจยิ่งกว่าคือการเดินจากเขาไปโดยไม่ทำอะไรเลย

“หมายความว่าคุณตกลงเป็นของผม”

“ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่สัญญาหรอกนะคะว่าจะอยู่กับคุณได้นานแค่ไหน ถ้าคุณเกเรมากๆ ฉันก็จะไม่ทนเหมือนกัน”

ได้ฟังแล้วเควินก็รู้สึกดีมากกว่าแย่ การที่เธอบอกว่าจะไปหากเขาทำเรื่องไม่ดีทำให้รู้สึกว่าข้อตกลงระหว่างกันมีความยุติธรรมขึ้น

“ผมรู้สึกเหมือนได้ของขวัญเลย ของขวัญกล่องใหญ่ที่มีแต่สิ่งดีๆ อยู่เต็มไปหมด”

ชายหนุ่มกอดหญิงสาวแน่น เขาซบหน้าลงกับลำคอขาวเนียน แล้วกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

“ผมมีความสุขจนอยากจะกลืนกินคุณทั้งตัวเพื่อฉลองเลยรู้ไหม”

“คุณหิวหรือคะ”

“ใช่หิวมาก” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน

“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนนะคะ” น้ำงามเดินออกจากอ้อมแขนเขาไปหยิบกล่องช็อกโกแลตมาแกะ “ทานรองท้องไปก่อนค่ะ”

“ใจร้าย ของแบบนี้มันแทนกันได้เสียที่ไหน”

ถึงจะโอดครวญแต่ชายหนุ่มก็ยอมให้เธอเอาของหวานป้อนใส่ปาก เควินกินรสหวานได้ แต่ก็ไม่ชื่นชอบความหวานชนิดบาดคออย่างนี้ พอช็อกโกแลตสูตรพิเศษเริ่มละลายชายหนุ่มเลยทำหน้าพิลึก

“ไม่อร่อยหรือคะ” น้ำงามถามอย่างหวั่นใจ

ตอนทำเธอทำไปชิมไปจนลิ้นไม่ค่อยรู้รส โจแอนนาบอกว่าดีก็เห็นดีตามเพราะไม่กล้าเถียงเชฟมืออาชีพ

“คุณชิมดูเองดีกว่า”

ชายหนุ่มพูดพลางให้ลองชิมจากปาก รสชาติความหวานไหลผ่านปลายลิ้นลงไปในคออย่างรวดเร็ว น้ำงามคงครางออกมาว่าหวานเป็นบ้า ถ้าเควินไม่จูบเธออย่างดูดดื่มเสียก่อน

เขาไม่ยอมถอนริมฝีปากออกโดยง่ายทั้งที่ฤทธิ์ของหวานหมดไปแล้ว ไฟเสน่หากับความต้องการในส่วนลึกทำให้เขาไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้

“ไม่ดีแล้ว...ผมต้องการคุณจนแทบบ้า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบหลังจากจูบอันยาวนาน “ช่วยออกไปทีได้ไหม ก่อนที่ผมจะทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยลงไป”

“ค่ะ” น้ำงามรับคำแต่ไม่รู้ทำไมแข้งขามันกลับอ่อนระทวยไปหมด

พอเขาปล่อยมือจากตัวเธอ หญิงสาวก็ล้มแผละลงไปกองกับพื้น เควินจึงต้องกลับมาช่วยประคองอีกครั้ง

“คุณยั่วผม” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความอดทนของเควินมาถึงขีดสุดแล้ว ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วน้ำงามยังไม่เดินออกไป เขาได้เหวี่ยงเธอขึ้นเตียงแน่

“คุณก็ยั่วฉันเหมือนกัน”

น้ำงามเองก็ต้องการเขา แต่ความที่ถูกเลี้ยงมาโดยมีค่านิยมเรื่องการรักนวลสงวนตัวเธอเลยอายที่จะยอมรับ

“แปลว่าเราใจตรงกัน”

“ค่ะ แต่...”

เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปเพราะจูบอันหนักหน่วง ไม่ทันได้ตั้งตัวไฟในห้องก็ดับลงเพราะฝีมือการดีดนิ้วของเควิน ระบบไฟห้องนี้สั่งการด้วยคำสั่งเสียง ถ้าดีดนิ้วอีกทีแสงสว่างก็จะกลับคืนมา แต่ปัญหาคือน้ำงามดีดนิ้วไม่เป็น ซ้ำร้ายห้องนี้ยังไม่มีช่องให้แสงเข้า ต่อให้พยายามปรับสายตาอย่างไรก็ยังมองไม่เห็น

“คุณจะทำอะไรคะเควิน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก

“ความอดทนของผมหมดแล้วคนสวย คุณทำพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่วิ่งหนีผมไปตั้งแต่ทีแรก”

ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นจากพื้นแล้วพามาที่เตียง เขาเดินในความมืดได้อย่างมั่นคง โดยไม่ออกอาการลังเลเลยสักนิดเดียว ไม่กี่อึดใจแผ่นหลังของน้ำงามก็สัมผัสกับเตียงนุ่ม

ฟูกราคาแพงยวบลงเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มทิ้งตัวตามลงมา เขาลูบไล้เรือนกายเธออย่างหิวกระหาย น้ำงามนอนตัวแข็งอยู่ท่ามกลางความมืด พอมีสติเธอก็พยายามปกป้องตัวเองด้วยการปัดมือเขาออก แต่กลับต้านทานการรุกรานเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งดิ้นมากเท่าไรเสื้อผ้าก็ยิ่งหลุดหายออกจากตัวมากเท่านั้น

“อย่าค่ะเควิน...ไม่เอา”

“อย่าอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงใสซื่อ สวนทางกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง

สองหนุ่มสาวปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความต้องการตามสัญชาตญาณ ไม่นานความอิ่มเอมก็เกิดแก่ทั้งสอง ไฟเสน่หาที่ลุกโชนค่อยๆ ดับมอดลง เหลือเอาไว้แต่ความรักหวานละมุนที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กันและกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++

อย่างงนะคะที่ก่อนย่อหน้าสุดท้ายเหมือนมันจะหาย ไรเตอร์ตัดทิ้งไปหน้าครึ่งค่ะ จริงๆ มันโรมานซ์เบาๆ เอง แต่เพื่อความปลอดภัย นิยายจะได้ไม่ต้องกินแบนขอตัดเนื้อหาทิ้งไปเลยนะคะ ส่วนที่ตัดตามได้ในเล่มค่ะ ตอนนี้รอผลอยู่ จะออกกับที่ไหนเมื่อไรยังไง เดี๋ยวจะมาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกทีนะคะ ^O^



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2557, 21:03:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2557, 21:03:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1662





<< บทที่ 10 ช็อกโกแลต   บทที่ 12 พี่ชาย >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 17 พ.ค. 2557, 22:00:36 น.
อร๊ายยยยความดัน ความดัน ขึ้นตา!!!! 5555


ree 17 พ.ค. 2557, 23:32:59 น.
ไปเสนอตัวอยู่ในห้องนอนเขาก็คงต้องทำใจล่ะ


Zephyr 18 พ.ค. 2557, 00:17:48 น.
555 ฮึๆๆๆๆ
ให้ชั้น รัก คุณ ได้ไหม
น้ำงามลูก ออกนอกหน้าไปนะ แม่ว่า....
ชวนผู้ชายก่อนไม่ดีนา เล่นตัวสิลูกๆๆๆๆ
ปล เค้าปลอบโยนกันแบบนี้ หรือ???
ตาเค เค้ากำลังเศร้าเบยยย มาปลอบเค้าหน่อยๆๆๆ


konhin 18 พ.ค. 2557, 05:02:46 น.
อ้าววววว นางไม่รอดซะแล้ว


คิมหันตุ์ 18 พ.ค. 2557, 12:44:42 น.
แอร๊............ช็อกโกแลตขึ้นตา!!!


Sukhumvit66 18 พ.ค. 2557, 13:03:54 น.
สรุป..ก็กินได้นะ ช็อกโกแลตน่ะ


ร้อยวจี 18 พ.ค. 2557, 23:25:35 น.
โฮะโฮะ สนุกค่ะ


goldensun 19 พ.ค. 2557, 18:19:01 น.
เป็นไปตามที่มามิคาดไว้ รึเปล่าเนี่ย
แต่ก็ทำให้เควินหายเศร้า กลายเป็นสุขมากๆๆ แทน
น้ำงามได้รู้แล้วสิ ว่าเควินไม่ชอบหวานจัดขนาดไหน
แต่น้ำงามจะทำยังไงต่อล่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account