ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ
สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ
แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย
ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ
มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้
ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง
คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย
คำโปรย รัตติกาลรัญจวน
สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ
แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา
เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย
จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”
ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ
แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก
ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม
เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”
ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้
แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ
เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย
อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ
สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ
แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย
ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ
มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้
ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง
คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย
คำโปรย รัตติกาลรัญจวน
สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”
หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ
แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา
เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย
จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”
ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ
แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก
ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม
เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”
ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้
แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ
เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย
อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa
Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด
ตอน: บทที่ 11 วันครบรอบ
บทที่ 11 วันครบรอบ
หลุมฝังศพของอายากะ คอนเนอร์ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนผาสูง ในพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลคอนเนอร์ บริเวณนี้ด้านหนึ่งติดทะเลส่วนอีกด้านเป็นภูเขา ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีทิวทัศน์ที่งดงาม สมกับที่โทมัส คอนเนอร์ เลือกสรรมาเป็นอย่างดีสำหรับภรรยาสุดที่รัก
เควินมาที่นี่ทุกปีเพราะมีสัญญาที่เคยให้ไว้กับบิดา
‘ถ้าพ่อต้องจากไปอีกคน อย่าปล่อยให้แม่ต้องเหงานะเค’
พ่อพูดเอาไว้ในฤดูร้อนเมื่อประมาณสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นท่านป่วยหนัก แต่สุดท้ายก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมและยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมแม่สม่ำเสมอในทุกฤดูกาล
เควินมาถึงหลุมฝังศพในตอนค่ำ มีคนเอาช่อดอกลิลลี่ที่แม่ชอบมาวางเอาไว้ก่อนหน้าเขาแล้ว ถ้าให้เดาคงจะเป็นฝีมือพ่อ
คิดแล้วชายหนุ่มก็อดนับถือความพยายามของคนแก่วัย 87 คนนี้ไม่ได้ ที่นี่รถยนต์ไม่สามารถขึ้นมาได้ ถ้าไม่เดินก็ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ บางปีอากาศเลวร้ายจนเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ก็ต้องเดินมา แต่ทุกครั้งที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ก็มักจะมีช่อดอกไม้สดใหม่วางเอาไว้เสมอ
ชายหนุ่มวางดอกไม้ที่เตรียมมาลงตรงหน้าหลุมศพ ทุกปีเขาจะให้ดอกลิลลี่เหมือนพ่อ แต่ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เปลี่ยนเป็นดอกคาร์เนชัน
“สวัสดีครับแม่ สุขสันต์วันเกิด สุขสันต์วันแม่แล้วก็เมอร์รีคริสต์มาสย้อนหลังนะครับ”
เควินมักจะใช้เวลาอยู่ที่สุสานพักใหญ่เพื่อนั่งคุยกับคนตาย บอกเล่าเรื่องราวในแต่ละปีที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแม่จะรับรู้ ถ้ารู้จริงคงจะแสดงสัญญาณบางอย่างให้เห็นไปนานแล้ว กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เลิกคุยกับท่าน เผื่อเอาไว้ในกรณีว่าแม่อาจจะได้ยินจริงๆ แต่ไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นพิธีกรรมส่วนตัวไป
ชายหนุ่มกลับออกมาจากสุสานเมื่อได้เวลาอันสมควร คืนนี้ท้องฟ้าค่อนข้างโปร่ง ไม่มีหิมะตก เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นได้สบาย เควินจึงกลับมาถึงคฤหาสน์เร็วกว่ากำหนด
เขากลับมาด้วยอาการเหม่อลอยเหมือนทุกครั้งที่ไปยังสุสาน ใจเขาจะแปรสภาพเป็นฟองน้ำที่ดูดซับความซึมเซาเอาไว้จนเต็ม เควินไม่ได้เศร้าขนาดอยากร้องไห้ แค่รู้สึกเนือยๆ กับชีวิตไม่อยากคิดหรือทำอะไรเท่านั้น
วิธีขจัดอารมณ์เหล่านี้ให้หมดไปคือการอยู่เฉย ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพยายามหาอะไรทำให้เหนื่อย แค่อยู่นิ่งๆ รอให้ความซึมเซาระเหิดหายไปเองก็พอ ส่วนใหญ่ระยะเวลาในการฟื้นฟูจิตใจมักจะกินเวลาไม่นาน ช่วงสองสามปีหลัง แค่นอนนิ่งๆ ไม่เกินสามวันเขาก็จะกลับเป็นคนเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่พบเจอใครหรือมีอะไรมากระตุ้นให้รู้สึกหงุดหงิด
“ห้ามให้ใครรบกวนฉันเด็ดขาดเข้าใจไหม ปิดทางลับด้วย”
ที่สั่งแบบนี้เพื่อป้องกันตัวป่วนอย่างฟินน์ หลานชายตัวแสบเคยหวังดีอยากให้เขาสดชื่นก็เลยโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ผลคือเควินที่อยู่ในสภาพจิตใจไม่ปกติ เผลอต่อยอีกฝ่ายจนคว่ำทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผมจัดการเรื่องทางลับให้แล้วครับ” เกลิคเอ่ยอย่างรู้งาน
ชายหนุ่มรับเสื้อโค้ตมาจากเจ้านายแล้วขอตัวไปจัดการเรื่องความปลอดภัย เกลิคทำเป็นยุ่งทั้งที่ความจริงแล้วกำลังหาหลุมหลบระเบิดอยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจมามิถึงได้มาขอร้องแกมบังคับว่าให้น้ำงามเข้าไปรอมาสเตอร์เคอยู่ในห้องนอน
‘หวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่นะ’
เกลิคผ่านภารกิจอันตรายและเห็นโลกมามาก แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยอ่านความคิดของสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้ออก เขารู้สึกว่าเธอไม่ค่อยชอบน้ำงามเท่าไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีสนับสนุนความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวก็ไม่รู้
เหตุผลเดียวที่เกลิคยอมเสี่ยงทำตามใจมามิก็เพราะเขาหวังอยู่ลึกๆ ว่าน้ำงามจะสามารถเยียวยาบาดแผลในใจของเควินได้
‘ขอให้มองไม่พลาดทีเถอะ ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่’
หลังจากออกคำสั่งกับเกลิคแล้วเควินก็กลับไปที่ห้อง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าหนาๆ ที่สวมออกทีละชิ้น กว่าจะรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุกอยู่ ก็เกือบไม่เหลืออะไรติดกาย
“คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถามโดยไม่สนใจว่าขณะนี้กางเกงจะลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
น้ำงามรีบหันหน้าหนีก่อนจะพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ขะ..ขอโทษค่ะ พอดีฉัน...ฉันทำขนม ก็เลยอยากให้คุณชิม” เธอยื่นช็อกโกแลตให้โดยไม่หันมามอง
ท่าทีเขินอายของหญิงสาวเตือนให้รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสม เควินเลยก้มลงไปหยิบกางเกงมาสวมดังเดิม ก่อนจะรับของมาจากมือหญิงสาว
“ช็อกโกแลตนี่ ไม่เร็วไปหรือที่จะให้” ชายหนุ่มมองเข้าไปในกล่องใส
“เอามาให้ชิมเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้จะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สักหน่อย” น้ำงามหันมาแก้ต่างให้ตัวเอง
เธอรู้สึกโล่งใจที่เขาหาอะไรมาสวมเสียที ทั้งยังไม่โกรธที่เธอมาอยู่ตรงนี้โดยไม่บอกกล่าวด้วย
“ขอบคุณที่ทำมาให้ อย่าว่ากันเลยนะ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว”
เควินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ระดับอารมณ์ของเขาขณะนี้ยังดีอยู่ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะออกอาการคุ้มดีคุ้มร้ายเมื่อไร
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปล่ะคะ คุณจะไล่ฉันไหม”
“ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคุณ บอกผมมาได้ไหมว่าทำไมถึงดันทุรังอยู่ต่อ”
“ฉันรู้ค่ะว่าวันนี้คุณไปไหนมา” น้ำงามสารภาพ
“ใครบอกคุณ” เสียงเควินเข้มขึ้น
ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครมาสงสารโดย เฉพาะผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าอย่างน้ำงาม
“ฉันบอกไม่ได้ค่ะ”
“มามิหรือเกลิค”
เควินมองจ้องน้ำงามอย่างคาดคั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นคุกคามในแบบที่น้ำงามไม่เคยเจอ
หญิงสาวหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังปลุกปลอบใจตัวเองให้เดินหน้าต่อ เธอสบตากับเขาแต่ไม่ยอมปริปากสารภาพสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“เงียบอย่างนี้แสดงว่าทั้งคู่”
เควินเดาได้อย่างแม่นยำจนน่าตกใจทีเดียว ที่จริงแล้วมันก็เดาได้ไม่ยากหรอก ถ้าเกลิคไม่อนุญาตน้ำงามคงไม่มีทางมาอยู่ในห้องเขาได้ ส่วนที่ปากโป้งบอกเรื่องแม่ต้องเป็นมามิจอมขี้เป็นห่วงเป็นแน่
“ผมจะไปจัดการกับสองคนนั่น”
ชายหนุ่มประกาศกร้าวทำเอาหญิงสาวรีบถลันไปคว้ามือเอาไว้แทบไม่ทัน
“อย่านะคะ สองคนนั้นไม่ผิด ฉันเองที่ดื้อจะรอคุณที่นี่”
ทันทีที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มอบอุ่นมาสัมผัสตัวร่างสูงก็ชะงักไป ชายหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับคนที่วุ่นวายไม่แพ้มามิ อย่างจริงจังอีกครั้ง
“ผมบอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว ถ้าคุณยังดื้ออีกผมจะจัดการกับคุณอีกคน”
“คุณโกหก คุณไม่ได้อยากอยู่คนเดียวสักหน่อย”
“อย่าคิดแทนผม คุณจะมารู้ความคิดของผมได้ยังไง”
“ฉันยอมรับค่ะว่าฉันไม่เข้าใจคุณ แต่เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็จะไม่ทิ้งคุณไว้ลำพังเด็ดขาด” น้ำงามแสดงท่าทีแข็งกร้าวไม่แพ้กัน
“ทำไม สงสารหรือเวทนาผมล่ะ”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ”
“แล้วอะไร”
“ฉันรักคุณ”
เมื่อคำสามพยางค์นี้หลุดออกมา บรรยากาศในห้องก็พลันเปลี่ยนไป น้ำงามหน้าแดงกับคำสารภาพที่ไม่ตั้งใจจะเอ่ย ส่วนเควินได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือหวาดระแวง
“อย่าใช้คำว่ารักมาทำให้ผมเขว”
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะมองโลกในแง่ลบ คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจน้ำงามจนเจ็บแปลบ ถ้าเธอมีโทสะอีกนิดคงจะตะโกนใส่หน้าเขา แล้วกระแทกเท้าปึงปังออกไป คนใจร้ายจะได้อยู่ลำพังสมใจอยาก น่าเศร้าที่น้ำงามเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขาเกินว่าจะปล่อยให้เขาทำตามใจได้
“แล้วแต่คุณก็แล้วกันค่ะว่าจะเลือกเชื่ออย่างไหน แต่ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เจตนาจะบอกว่าเธอยึดที่นี่เป็นฐานที่มั่นแล้วอย่ามาไล่ไปเสียให้ยาก
“มีเหตุผลหน่อย ตอนนี้อารมณ์ผมไม่ปกติ ขอร้องล่ะ รีบไปก่อนที่ผมจะพาลใส่คุณ” เควินพยายามควบคุมอารมณ์แล้ววิงวอน
ชายหนุ่มเอามือเสยผมแล้วหลบไปอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ เขาหันหลังให้น้ำงามและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่หันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวจนกว่าเธอจะยอมออกไป
สองหนุ่มสาวเงียบอยู่นาน ถามว่านานเท่าไรก็คงต้องตอบว่านานพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกเมื่อยได้
“ฉันออกไปก็ได้ค่ะแต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง” น้ำงามยอมถอยในที่สุด
“คุณต้องการอะไร”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นค่ะ”
“ผมทำหน้าแบบไหน”
“ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่สีหน้าของคุณน่าเป็นห่วงมากเลยรู้ไหมคะ”
ในห้องนี้ไม่มีกระจก ถึงอย่างนั้นเควินก็ยังมั่นใจว่าสีหน้าเขาไม่ได้ดูแย่อย่างที่เธอบอก
“หน้าผมก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว คุณคิดมากไปเอง”
คนหัวแข็งยืนกรานหนักแน่นโดยไม่ยอมหันกลับมาเผชิญหน้า
“ฉันจะไม่เถียงกับคุณเรื่องนี้หรอกนะคะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ช่วยยิ้มสักนิดได้ไหม ถ้าคุณยอมยิ้ม ฉันก็จะยอมเดินออกไปแต่โดยดี”
น้ำงามจนใจที่จะจัดการกับเขาแล้ว เธอรู้สึกได้ว่าถ้ายังดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกัน ที่ขอรอยยิ้มจากเขาเพราะเชื่อว่าอย่างน้อยมันอาจจะช่วยบำบัดความเศร้าในใจได้
หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของเควิน สักพักเขาก็ยอมหันมาส่งยิ้มให้ ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มแห้งแล้งที่เจือด้วยความเศร้าจนทำให้ใจสั่นสะท้าน
นอกจากความอ้างว้างแล้วยังมีความเจ็บช้ำในแววตาของเควินด้วย สภาพเขาในตอนนี้เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งถูกทำร้ายมา
‘เจ็บ เหงา เศร้า ระแวง สับสน’
ตัวเขาราวกับเป็นศูนย์รวมของอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ สิ่งที่น้ำงามทำจึงไม่ใช่การเดินออกไป แต่เป็นการโผเข้าหาเขาแล้วเริ่มร้องไห้
“คุณเป็นอะไรไป ร้องทำไม”
ชายหนุ่มตระหนกเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว อารมณ์ขุ่นมัวถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดและห่วงใยแทน
เควินทำอะไรไม่ถูกเลยปล่อยให้หญิงสาวกอดเขาเอาไว้ แล้วแปรสภาพตัวเองให้กลายเป็นที่รองรับน้ำตา
ในขณะที่กำลังลังเลว่าควรจะปลอบเธออย่างไร น้ำงามก็เป็นฝ่ายยกมือขึ้นมาลูบหลังเขา สร้างความงงงันมากขึ้นไปอีก
“คุณกำลังทำให้ผมสับสนนะรู้ไหม”
“ขอ...โทษค่ะ” น้ำงามเอ่ยเสียงเครือ “ฉันแค่โมโหตัวเอง ที่ทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย”
ในใจของหญิงสาวมีคำพูดมากมายอยากเอ่ยออกมา แต่ก็ไม่สามารถเรียบเรียงมันได้ดั่งใจ เธอพยายามกลั้นน้ำหูน้ำตาเสียจนหน้าแดงก่ำ เควินเห็นแล้วทนไม่ไหวต้องดึงตัวให้โผกลับมายังอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
“อย่าร้องเลยนะ ผมต่างหากที่งี่เง่า” ชายหนุ่มปลอบ
สองหนุ่มสาวยืนกอดกันอย่างนี้อยู่เนิ่นนาน ไออุ่นของมนุษย์ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน มันหลอมละลายความเศร้ากับอารมณ์ด้านลบอย่างช้าๆ ความอบอุ่นนี้โลมเลียบาดแผลในจิตใจอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ สมานแผลเก่าที่ถูกเปิดออกให้ปิดตัวลงอีกครั้ง
ทั้งสองผละออกจากกันเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้นแล้ว คำขอโทษกับคำอธิบายไม่จำเป็นอีกต่อไป มีแต่คำขอบคุณอย่างพร้อมเพรียงเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากของสองหนุ่มสาว
เควินขอบคุณที่เธอสวมกอดเขา ส่วนน้ำงามขอบคุณเขาที่ไม่ถือสาความงี่เง่าของเธอและยอมให้อยู่ข้างๆ
“คุณไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นแบบนั้น”
“ไม่คิดบ้างหรือคะว่าตอนนี้ฉันอาจจะติดนิสัยไม่ดีของคุณมานิดหน่อย” หญิงสาวโต้
ขอบตาล่างของเธอยังมีหยาดน้ำตาหลงเหลือ น้ำงามเลยยกมือขึ้นเช็ด แต่เควินกลับดึงมือเธอเอาไว้แล้วดูดซับน้ำตาด้วยริมฝีปากแทน
“ขอบคุณที่ร้องไห้เพื่อผม”
“อย่าพูดสิคะ น่าอายออก ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้”
“แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วที่รัก”
หลังจูบที่ดวงตา ริมฝีปากของเควินก็ย้ายมาอยู่ที่จมูก แล้วค่อยๆ ขยับลงมาที่ริมฝีปากอิ่ม จูบนี้หวานละมุนกว่าทุกครั้ง สัมผัสของเขาอบอุ่นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งกว่าที่เคย น้ำงามตอบรับสัมผัสนั้นแบบเดียวกันกับที่เขาทำ ปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน แล้วก็ยิ่งแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่น้ำงามเอ่ยออกมา
“ฉันอยากอยู่กับคุณค่ะเควิน ให้ฉันรักคุณได้ไหมคะ”
นี่ไม่ใช่ความสงสารหรือพลั้งเผลอ แต่เป็นความต้องการจากส่วนลึกของหัวใจน้ำงามเอง เธออาจจะต้องเสียใจที่เขาไม่มีวันรักเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่จะทำให้เสียใจยิ่งกว่าคือการเดินจากเขาไปโดยไม่ทำอะไรเลย
“หมายความว่าคุณตกลงเป็นของผม”
“ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่สัญญาหรอกนะคะว่าจะอยู่กับคุณได้นานแค่ไหน ถ้าคุณเกเรมากๆ ฉันก็จะไม่ทนเหมือนกัน”
ได้ฟังแล้วเควินก็รู้สึกดีมากกว่าแย่ การที่เธอบอกว่าจะไปหากเขาทำเรื่องไม่ดีทำให้รู้สึกว่าข้อตกลงระหว่างกันมีความยุติธรรมขึ้น
“ผมรู้สึกเหมือนได้ของขวัญเลย ของขวัญกล่องใหญ่ที่มีแต่สิ่งดีๆ อยู่เต็มไปหมด”
ชายหนุ่มกอดหญิงสาวแน่น เขาซบหน้าลงกับลำคอขาวเนียน แล้วกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“ผมมีความสุขจนอยากจะกลืนกินคุณทั้งตัวเพื่อฉลองเลยรู้ไหม”
“คุณหิวหรือคะ”
“ใช่หิวมาก” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน
“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนนะคะ” น้ำงามเดินออกจากอ้อมแขนเขาไปหยิบกล่องช็อกโกแลตมาแกะ “ทานรองท้องไปก่อนค่ะ”
“ใจร้าย ของแบบนี้มันแทนกันได้เสียที่ไหน”
ถึงจะโอดครวญแต่ชายหนุ่มก็ยอมให้เธอเอาของหวานป้อนใส่ปาก เควินกินรสหวานได้ แต่ก็ไม่ชื่นชอบความหวานชนิดบาดคออย่างนี้ พอช็อกโกแลตสูตรพิเศษเริ่มละลายชายหนุ่มเลยทำหน้าพิลึก
“ไม่อร่อยหรือคะ” น้ำงามถามอย่างหวั่นใจ
ตอนทำเธอทำไปชิมไปจนลิ้นไม่ค่อยรู้รส โจแอนนาบอกว่าดีก็เห็นดีตามเพราะไม่กล้าเถียงเชฟมืออาชีพ
“คุณชิมดูเองดีกว่า”
ชายหนุ่มพูดพลางให้ลองชิมจากปาก รสชาติความหวานไหลผ่านปลายลิ้นลงไปในคออย่างรวดเร็ว น้ำงามคงครางออกมาว่าหวานเป็นบ้า ถ้าเควินไม่จูบเธออย่างดูดดื่มเสียก่อน
เขาไม่ยอมถอนริมฝีปากออกโดยง่ายทั้งที่ฤทธิ์ของหวานหมดไปแล้ว ไฟเสน่หากับความต้องการในส่วนลึกทำให้เขาไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้
“ไม่ดีแล้ว...ผมต้องการคุณจนแทบบ้า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบหลังจากจูบอันยาวนาน “ช่วยออกไปทีได้ไหม ก่อนที่ผมจะทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยลงไป”
“ค่ะ” น้ำงามรับคำแต่ไม่รู้ทำไมแข้งขามันกลับอ่อนระทวยไปหมด
พอเขาปล่อยมือจากตัวเธอ หญิงสาวก็ล้มแผละลงไปกองกับพื้น เควินจึงต้องกลับมาช่วยประคองอีกครั้ง
“คุณยั่วผม” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความอดทนของเควินมาถึงขีดสุดแล้ว ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วน้ำงามยังไม่เดินออกไป เขาได้เหวี่ยงเธอขึ้นเตียงแน่
“คุณก็ยั่วฉันเหมือนกัน”
น้ำงามเองก็ต้องการเขา แต่ความที่ถูกเลี้ยงมาโดยมีค่านิยมเรื่องการรักนวลสงวนตัวเธอเลยอายที่จะยอมรับ
“แปลว่าเราใจตรงกัน”
“ค่ะ แต่...”
เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปเพราะจูบอันหนักหน่วง ไม่ทันได้ตั้งตัวไฟในห้องก็ดับลงเพราะฝีมือการดีดนิ้วของเควิน ระบบไฟห้องนี้สั่งการด้วยคำสั่งเสียง ถ้าดีดนิ้วอีกทีแสงสว่างก็จะกลับคืนมา แต่ปัญหาคือน้ำงามดีดนิ้วไม่เป็น ซ้ำร้ายห้องนี้ยังไม่มีช่องให้แสงเข้า ต่อให้พยายามปรับสายตาอย่างไรก็ยังมองไม่เห็น
“คุณจะทำอะไรคะเควิน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ความอดทนของผมหมดแล้วคนสวย คุณทำพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่วิ่งหนีผมไปตั้งแต่ทีแรก”
ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นจากพื้นแล้วพามาที่เตียง เขาเดินในความมืดได้อย่างมั่นคง โดยไม่ออกอาการลังเลเลยสักนิดเดียว ไม่กี่อึดใจแผ่นหลังของน้ำงามก็สัมผัสกับเตียงนุ่ม
ฟูกราคาแพงยวบลงเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มทิ้งตัวตามลงมา เขาลูบไล้เรือนกายเธออย่างหิวกระหาย น้ำงามนอนตัวแข็งอยู่ท่ามกลางความมืด พอมีสติเธอก็พยายามปกป้องตัวเองด้วยการปัดมือเขาออก แต่กลับต้านทานการรุกรานเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งดิ้นมากเท่าไรเสื้อผ้าก็ยิ่งหลุดหายออกจากตัวมากเท่านั้น
“อย่าค่ะเควิน...ไม่เอา”
“อย่าอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงใสซื่อ สวนทางกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง
สองหนุ่มสาวปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความต้องการตามสัญชาตญาณ ไม่นานความอิ่มเอมก็เกิดแก่ทั้งสอง ไฟเสน่หาที่ลุกโชนค่อยๆ ดับมอดลง เหลือเอาไว้แต่ความรักหวานละมุนที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กันและกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++
อย่างงนะคะที่ก่อนย่อหน้าสุดท้ายเหมือนมันจะหาย ไรเตอร์ตัดทิ้งไปหน้าครึ่งค่ะ จริงๆ มันโรมานซ์เบาๆ เอง แต่เพื่อความปลอดภัย นิยายจะได้ไม่ต้องกินแบนขอตัดเนื้อหาทิ้งไปเลยนะคะ ส่วนที่ตัดตามได้ในเล่มค่ะ ตอนนี้รอผลอยู่ จะออกกับที่ไหนเมื่อไรยังไง เดี๋ยวจะมาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกทีนะคะ ^O^
หลุมฝังศพของอายากะ คอนเนอร์ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนผาสูง ในพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลคอนเนอร์ บริเวณนี้ด้านหนึ่งติดทะเลส่วนอีกด้านเป็นภูเขา ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีทิวทัศน์ที่งดงาม สมกับที่โทมัส คอนเนอร์ เลือกสรรมาเป็นอย่างดีสำหรับภรรยาสุดที่รัก
เควินมาที่นี่ทุกปีเพราะมีสัญญาที่เคยให้ไว้กับบิดา
‘ถ้าพ่อต้องจากไปอีกคน อย่าปล่อยให้แม่ต้องเหงานะเค’
พ่อพูดเอาไว้ในฤดูร้อนเมื่อประมาณสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นท่านป่วยหนัก แต่สุดท้ายก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมและยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมแม่สม่ำเสมอในทุกฤดูกาล
เควินมาถึงหลุมฝังศพในตอนค่ำ มีคนเอาช่อดอกลิลลี่ที่แม่ชอบมาวางเอาไว้ก่อนหน้าเขาแล้ว ถ้าให้เดาคงจะเป็นฝีมือพ่อ
คิดแล้วชายหนุ่มก็อดนับถือความพยายามของคนแก่วัย 87 คนนี้ไม่ได้ ที่นี่รถยนต์ไม่สามารถขึ้นมาได้ ถ้าไม่เดินก็ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ บางปีอากาศเลวร้ายจนเอาเครื่องขึ้นไม่ได้ก็ต้องเดินมา แต่ทุกครั้งที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ก็มักจะมีช่อดอกไม้สดใหม่วางเอาไว้เสมอ
ชายหนุ่มวางดอกไม้ที่เตรียมมาลงตรงหน้าหลุมศพ ทุกปีเขาจะให้ดอกลิลลี่เหมือนพ่อ แต่ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เปลี่ยนเป็นดอกคาร์เนชัน
“สวัสดีครับแม่ สุขสันต์วันเกิด สุขสันต์วันแม่แล้วก็เมอร์รีคริสต์มาสย้อนหลังนะครับ”
เควินมักจะใช้เวลาอยู่ที่สุสานพักใหญ่เพื่อนั่งคุยกับคนตาย บอกเล่าเรื่องราวในแต่ละปีที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแม่จะรับรู้ ถ้ารู้จริงคงจะแสดงสัญญาณบางอย่างให้เห็นไปนานแล้ว กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เลิกคุยกับท่าน เผื่อเอาไว้ในกรณีว่าแม่อาจจะได้ยินจริงๆ แต่ไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นพิธีกรรมส่วนตัวไป
ชายหนุ่มกลับออกมาจากสุสานเมื่อได้เวลาอันสมควร คืนนี้ท้องฟ้าค่อนข้างโปร่ง ไม่มีหิมะตก เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นได้สบาย เควินจึงกลับมาถึงคฤหาสน์เร็วกว่ากำหนด
เขากลับมาด้วยอาการเหม่อลอยเหมือนทุกครั้งที่ไปยังสุสาน ใจเขาจะแปรสภาพเป็นฟองน้ำที่ดูดซับความซึมเซาเอาไว้จนเต็ม เควินไม่ได้เศร้าขนาดอยากร้องไห้ แค่รู้สึกเนือยๆ กับชีวิตไม่อยากคิดหรือทำอะไรเท่านั้น
วิธีขจัดอารมณ์เหล่านี้ให้หมดไปคือการอยู่เฉย ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพยายามหาอะไรทำให้เหนื่อย แค่อยู่นิ่งๆ รอให้ความซึมเซาระเหิดหายไปเองก็พอ ส่วนใหญ่ระยะเวลาในการฟื้นฟูจิตใจมักจะกินเวลาไม่นาน ช่วงสองสามปีหลัง แค่นอนนิ่งๆ ไม่เกินสามวันเขาก็จะกลับเป็นคนเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่พบเจอใครหรือมีอะไรมากระตุ้นให้รู้สึกหงุดหงิด
“ห้ามให้ใครรบกวนฉันเด็ดขาดเข้าใจไหม ปิดทางลับด้วย”
ที่สั่งแบบนี้เพื่อป้องกันตัวป่วนอย่างฟินน์ หลานชายตัวแสบเคยหวังดีอยากให้เขาสดชื่นก็เลยโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ผลคือเควินที่อยู่ในสภาพจิตใจไม่ปกติ เผลอต่อยอีกฝ่ายจนคว่ำทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผมจัดการเรื่องทางลับให้แล้วครับ” เกลิคเอ่ยอย่างรู้งาน
ชายหนุ่มรับเสื้อโค้ตมาจากเจ้านายแล้วขอตัวไปจัดการเรื่องความปลอดภัย เกลิคทำเป็นยุ่งทั้งที่ความจริงแล้วกำลังหาหลุมหลบระเบิดอยู่ต่างหาก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจมามิถึงได้มาขอร้องแกมบังคับว่าให้น้ำงามเข้าไปรอมาสเตอร์เคอยู่ในห้องนอน
‘หวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่นะ’
เกลิคผ่านภารกิจอันตรายและเห็นโลกมามาก แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยอ่านความคิดของสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้ออก เขารู้สึกว่าเธอไม่ค่อยชอบน้ำงามเท่าไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีสนับสนุนความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวก็ไม่รู้
เหตุผลเดียวที่เกลิคยอมเสี่ยงทำตามใจมามิก็เพราะเขาหวังอยู่ลึกๆ ว่าน้ำงามจะสามารถเยียวยาบาดแผลในใจของเควินได้
‘ขอให้มองไม่พลาดทีเถอะ ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่’
หลังจากออกคำสั่งกับเกลิคแล้วเควินก็กลับไปที่ห้อง ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าหนาๆ ที่สวมออกทีละชิ้น กว่าจะรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุกอยู่ ก็เกือบไม่เหลืออะไรติดกาย
“คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถามโดยไม่สนใจว่าขณะนี้กางเกงจะลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
น้ำงามรีบหันหน้าหนีก่อนจะพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ขะ..ขอโทษค่ะ พอดีฉัน...ฉันทำขนม ก็เลยอยากให้คุณชิม” เธอยื่นช็อกโกแลตให้โดยไม่หันมามอง
ท่าทีเขินอายของหญิงสาวเตือนให้รู้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสม เควินเลยก้มลงไปหยิบกางเกงมาสวมดังเดิม ก่อนจะรับของมาจากมือหญิงสาว
“ช็อกโกแลตนี่ ไม่เร็วไปหรือที่จะให้” ชายหนุ่มมองเข้าไปในกล่องใส
“เอามาให้ชิมเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้จะให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สักหน่อย” น้ำงามหันมาแก้ต่างให้ตัวเอง
เธอรู้สึกโล่งใจที่เขาหาอะไรมาสวมเสียที ทั้งยังไม่โกรธที่เธอมาอยู่ตรงนี้โดยไม่บอกกล่าวด้วย
“ขอบคุณที่ทำมาให้ อย่าว่ากันเลยนะ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว”
เควินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ระดับอารมณ์ของเขาขณะนี้ยังดีอยู่ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะออกอาการคุ้มดีคุ้มร้ายเมื่อไร
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปล่ะคะ คุณจะไล่ฉันไหม”
“ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคุณ บอกผมมาได้ไหมว่าทำไมถึงดันทุรังอยู่ต่อ”
“ฉันรู้ค่ะว่าวันนี้คุณไปไหนมา” น้ำงามสารภาพ
“ใครบอกคุณ” เสียงเควินเข้มขึ้น
ชายหนุ่มไม่อยากให้ใครมาสงสารโดย เฉพาะผู้หญิงที่อ่อนแอกว่าอย่างน้ำงาม
“ฉันบอกไม่ได้ค่ะ”
“มามิหรือเกลิค”
เควินมองจ้องน้ำงามอย่างคาดคั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นคุกคามในแบบที่น้ำงามไม่เคยเจอ
หญิงสาวหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังปลุกปลอบใจตัวเองให้เดินหน้าต่อ เธอสบตากับเขาแต่ไม่ยอมปริปากสารภาพสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“เงียบอย่างนี้แสดงว่าทั้งคู่”
เควินเดาได้อย่างแม่นยำจนน่าตกใจทีเดียว ที่จริงแล้วมันก็เดาได้ไม่ยากหรอก ถ้าเกลิคไม่อนุญาตน้ำงามคงไม่มีทางมาอยู่ในห้องเขาได้ ส่วนที่ปากโป้งบอกเรื่องแม่ต้องเป็นมามิจอมขี้เป็นห่วงเป็นแน่
“ผมจะไปจัดการกับสองคนนั่น”
ชายหนุ่มประกาศกร้าวทำเอาหญิงสาวรีบถลันไปคว้ามือเอาไว้แทบไม่ทัน
“อย่านะคะ สองคนนั้นไม่ผิด ฉันเองที่ดื้อจะรอคุณที่นี่”
ทันทีที่ฝ่ามือนุ่มนิ่มอบอุ่นมาสัมผัสตัวร่างสูงก็ชะงักไป ชายหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับคนที่วุ่นวายไม่แพ้มามิ อย่างจริงจังอีกครั้ง
“ผมบอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว ถ้าคุณยังดื้ออีกผมจะจัดการกับคุณอีกคน”
“คุณโกหก คุณไม่ได้อยากอยู่คนเดียวสักหน่อย”
“อย่าคิดแทนผม คุณจะมารู้ความคิดของผมได้ยังไง”
“ฉันยอมรับค่ะว่าฉันไม่เข้าใจคุณ แต่เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็จะไม่ทิ้งคุณไว้ลำพังเด็ดขาด” น้ำงามแสดงท่าทีแข็งกร้าวไม่แพ้กัน
“ทำไม สงสารหรือเวทนาผมล่ะ”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ”
“แล้วอะไร”
“ฉันรักคุณ”
เมื่อคำสามพยางค์นี้หลุดออกมา บรรยากาศในห้องก็พลันเปลี่ยนไป น้ำงามหน้าแดงกับคำสารภาพที่ไม่ตั้งใจจะเอ่ย ส่วนเควินได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือหวาดระแวง
“อย่าใช้คำว่ารักมาทำให้ผมเขว”
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะมองโลกในแง่ลบ คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจน้ำงามจนเจ็บแปลบ ถ้าเธอมีโทสะอีกนิดคงจะตะโกนใส่หน้าเขา แล้วกระแทกเท้าปึงปังออกไป คนใจร้ายจะได้อยู่ลำพังสมใจอยาก น่าเศร้าที่น้ำงามเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขาเกินว่าจะปล่อยให้เขาทำตามใจได้
“แล้วแต่คุณก็แล้วกันค่ะว่าจะเลือกเชื่ออย่างไหน แต่ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เจตนาจะบอกว่าเธอยึดที่นี่เป็นฐานที่มั่นแล้วอย่ามาไล่ไปเสียให้ยาก
“มีเหตุผลหน่อย ตอนนี้อารมณ์ผมไม่ปกติ ขอร้องล่ะ รีบไปก่อนที่ผมจะพาลใส่คุณ” เควินพยายามควบคุมอารมณ์แล้ววิงวอน
ชายหนุ่มเอามือเสยผมแล้วหลบไปอยู่ที่มุมห้องเงียบๆ เขาหันหลังให้น้ำงามและตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่หันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวจนกว่าเธอจะยอมออกไป
สองหนุ่มสาวเงียบอยู่นาน ถามว่านานเท่าไรก็คงต้องตอบว่านานพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกเมื่อยได้
“ฉันออกไปก็ได้ค่ะแต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง” น้ำงามยอมถอยในที่สุด
“คุณต้องการอะไร”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นค่ะ”
“ผมทำหน้าแบบไหน”
“ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่สีหน้าของคุณน่าเป็นห่วงมากเลยรู้ไหมคะ”
ในห้องนี้ไม่มีกระจก ถึงอย่างนั้นเควินก็ยังมั่นใจว่าสีหน้าเขาไม่ได้ดูแย่อย่างที่เธอบอก
“หน้าผมก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว คุณคิดมากไปเอง”
คนหัวแข็งยืนกรานหนักแน่นโดยไม่ยอมหันกลับมาเผชิญหน้า
“ฉันจะไม่เถียงกับคุณเรื่องนี้หรอกนะคะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ช่วยยิ้มสักนิดได้ไหม ถ้าคุณยอมยิ้ม ฉันก็จะยอมเดินออกไปแต่โดยดี”
น้ำงามจนใจที่จะจัดการกับเขาแล้ว เธอรู้สึกได้ว่าถ้ายังดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกัน ที่ขอรอยยิ้มจากเขาเพราะเชื่อว่าอย่างน้อยมันอาจจะช่วยบำบัดความเศร้าในใจได้
หญิงสาวได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของเควิน สักพักเขาก็ยอมหันมาส่งยิ้มให้ ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มแห้งแล้งที่เจือด้วยความเศร้าจนทำให้ใจสั่นสะท้าน
นอกจากความอ้างว้างแล้วยังมีความเจ็บช้ำในแววตาของเควินด้วย สภาพเขาในตอนนี้เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งถูกทำร้ายมา
‘เจ็บ เหงา เศร้า ระแวง สับสน’
ตัวเขาราวกับเป็นศูนย์รวมของอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ สิ่งที่น้ำงามทำจึงไม่ใช่การเดินออกไป แต่เป็นการโผเข้าหาเขาแล้วเริ่มร้องไห้
“คุณเป็นอะไรไป ร้องทำไม”
ชายหนุ่มตระหนกเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว อารมณ์ขุ่นมัวถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดและห่วงใยแทน
เควินทำอะไรไม่ถูกเลยปล่อยให้หญิงสาวกอดเขาเอาไว้ แล้วแปรสภาพตัวเองให้กลายเป็นที่รองรับน้ำตา
ในขณะที่กำลังลังเลว่าควรจะปลอบเธออย่างไร น้ำงามก็เป็นฝ่ายยกมือขึ้นมาลูบหลังเขา สร้างความงงงันมากขึ้นไปอีก
“คุณกำลังทำให้ผมสับสนนะรู้ไหม”
“ขอ...โทษค่ะ” น้ำงามเอ่ยเสียงเครือ “ฉันแค่โมโหตัวเอง ที่ทำอะไรเพื่อคุณไม่ได้เลย”
ในใจของหญิงสาวมีคำพูดมากมายอยากเอ่ยออกมา แต่ก็ไม่สามารถเรียบเรียงมันได้ดั่งใจ เธอพยายามกลั้นน้ำหูน้ำตาเสียจนหน้าแดงก่ำ เควินเห็นแล้วทนไม่ไหวต้องดึงตัวให้โผกลับมายังอ้อมกอดเขาอีกครั้ง
“อย่าร้องเลยนะ ผมต่างหากที่งี่เง่า” ชายหนุ่มปลอบ
สองหนุ่มสาวยืนกอดกันอย่างนี้อยู่เนิ่นนาน ไออุ่นของมนุษย์ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน มันหลอมละลายความเศร้ากับอารมณ์ด้านลบอย่างช้าๆ ความอบอุ่นนี้โลมเลียบาดแผลในจิตใจอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ สมานแผลเก่าที่ถูกเปิดออกให้ปิดตัวลงอีกครั้ง
ทั้งสองผละออกจากกันเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้นแล้ว คำขอโทษกับคำอธิบายไม่จำเป็นอีกต่อไป มีแต่คำขอบคุณอย่างพร้อมเพรียงเท่านั้นที่หลุดออกมาจากปากของสองหนุ่มสาว
เควินขอบคุณที่เธอสวมกอดเขา ส่วนน้ำงามขอบคุณเขาที่ไม่ถือสาความงี่เง่าของเธอและยอมให้อยู่ข้างๆ
“คุณไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นแบบนั้น”
“ไม่คิดบ้างหรือคะว่าตอนนี้ฉันอาจจะติดนิสัยไม่ดีของคุณมานิดหน่อย” หญิงสาวโต้
ขอบตาล่างของเธอยังมีหยาดน้ำตาหลงเหลือ น้ำงามเลยยกมือขึ้นเช็ด แต่เควินกลับดึงมือเธอเอาไว้แล้วดูดซับน้ำตาด้วยริมฝีปากแทน
“ขอบคุณที่ร้องไห้เพื่อผม”
“อย่าพูดสิคะ น่าอายออก ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้”
“แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วที่รัก”
หลังจูบที่ดวงตา ริมฝีปากของเควินก็ย้ายมาอยู่ที่จมูก แล้วค่อยๆ ขยับลงมาที่ริมฝีปากอิ่ม จูบนี้หวานละมุนกว่าทุกครั้ง สัมผัสของเขาอบอุ่นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งกว่าที่เคย น้ำงามตอบรับสัมผัสนั้นแบบเดียวกันกับที่เขาทำ ปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน แล้วก็ยิ่งแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่น้ำงามเอ่ยออกมา
“ฉันอยากอยู่กับคุณค่ะเควิน ให้ฉันรักคุณได้ไหมคะ”
นี่ไม่ใช่ความสงสารหรือพลั้งเผลอ แต่เป็นความต้องการจากส่วนลึกของหัวใจน้ำงามเอง เธออาจจะต้องเสียใจที่เขาไม่มีวันรักเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่จะทำให้เสียใจยิ่งกว่าคือการเดินจากเขาไปโดยไม่ทำอะไรเลย
“หมายความว่าคุณตกลงเป็นของผม”
“ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่สัญญาหรอกนะคะว่าจะอยู่กับคุณได้นานแค่ไหน ถ้าคุณเกเรมากๆ ฉันก็จะไม่ทนเหมือนกัน”
ได้ฟังแล้วเควินก็รู้สึกดีมากกว่าแย่ การที่เธอบอกว่าจะไปหากเขาทำเรื่องไม่ดีทำให้รู้สึกว่าข้อตกลงระหว่างกันมีความยุติธรรมขึ้น
“ผมรู้สึกเหมือนได้ของขวัญเลย ของขวัญกล่องใหญ่ที่มีแต่สิ่งดีๆ อยู่เต็มไปหมด”
ชายหนุ่มกอดหญิงสาวแน่น เขาซบหน้าลงกับลำคอขาวเนียน แล้วกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“ผมมีความสุขจนอยากจะกลืนกินคุณทั้งตัวเพื่อฉลองเลยรู้ไหม”
“คุณหิวหรือคะ”
“ใช่หิวมาก” ชายหนุ่มทำเสียงอ้อน
“ถ้าอย่างนั้นรอก่อนนะคะ” น้ำงามเดินออกจากอ้อมแขนเขาไปหยิบกล่องช็อกโกแลตมาแกะ “ทานรองท้องไปก่อนค่ะ”
“ใจร้าย ของแบบนี้มันแทนกันได้เสียที่ไหน”
ถึงจะโอดครวญแต่ชายหนุ่มก็ยอมให้เธอเอาของหวานป้อนใส่ปาก เควินกินรสหวานได้ แต่ก็ไม่ชื่นชอบความหวานชนิดบาดคออย่างนี้ พอช็อกโกแลตสูตรพิเศษเริ่มละลายชายหนุ่มเลยทำหน้าพิลึก
“ไม่อร่อยหรือคะ” น้ำงามถามอย่างหวั่นใจ
ตอนทำเธอทำไปชิมไปจนลิ้นไม่ค่อยรู้รส โจแอนนาบอกว่าดีก็เห็นดีตามเพราะไม่กล้าเถียงเชฟมืออาชีพ
“คุณชิมดูเองดีกว่า”
ชายหนุ่มพูดพลางให้ลองชิมจากปาก รสชาติความหวานไหลผ่านปลายลิ้นลงไปในคออย่างรวดเร็ว น้ำงามคงครางออกมาว่าหวานเป็นบ้า ถ้าเควินไม่จูบเธออย่างดูดดื่มเสียก่อน
เขาไม่ยอมถอนริมฝีปากออกโดยง่ายทั้งที่ฤทธิ์ของหวานหมดไปแล้ว ไฟเสน่หากับความต้องการในส่วนลึกทำให้เขาไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้
“ไม่ดีแล้ว...ผมต้องการคุณจนแทบบ้า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบหลังจากจูบอันยาวนาน “ช่วยออกไปทีได้ไหม ก่อนที่ผมจะทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยลงไป”
“ค่ะ” น้ำงามรับคำแต่ไม่รู้ทำไมแข้งขามันกลับอ่อนระทวยไปหมด
พอเขาปล่อยมือจากตัวเธอ หญิงสาวก็ล้มแผละลงไปกองกับพื้น เควินจึงต้องกลับมาช่วยประคองอีกครั้ง
“คุณยั่วผม” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความอดทนของเควินมาถึงขีดสุดแล้ว ถ้านับหนึ่งถึงสิบแล้วน้ำงามยังไม่เดินออกไป เขาได้เหวี่ยงเธอขึ้นเตียงแน่
“คุณก็ยั่วฉันเหมือนกัน”
น้ำงามเองก็ต้องการเขา แต่ความที่ถูกเลี้ยงมาโดยมีค่านิยมเรื่องการรักนวลสงวนตัวเธอเลยอายที่จะยอมรับ
“แปลว่าเราใจตรงกัน”
“ค่ะ แต่...”
เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปเพราะจูบอันหนักหน่วง ไม่ทันได้ตั้งตัวไฟในห้องก็ดับลงเพราะฝีมือการดีดนิ้วของเควิน ระบบไฟห้องนี้สั่งการด้วยคำสั่งเสียง ถ้าดีดนิ้วอีกทีแสงสว่างก็จะกลับคืนมา แต่ปัญหาคือน้ำงามดีดนิ้วไม่เป็น ซ้ำร้ายห้องนี้ยังไม่มีช่องให้แสงเข้า ต่อให้พยายามปรับสายตาอย่างไรก็ยังมองไม่เห็น
“คุณจะทำอะไรคะเควิน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ความอดทนของผมหมดแล้วคนสวย คุณทำพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่วิ่งหนีผมไปตั้งแต่ทีแรก”
ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นจากพื้นแล้วพามาที่เตียง เขาเดินในความมืดได้อย่างมั่นคง โดยไม่ออกอาการลังเลเลยสักนิดเดียว ไม่กี่อึดใจแผ่นหลังของน้ำงามก็สัมผัสกับเตียงนุ่ม
ฟูกราคาแพงยวบลงเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มทิ้งตัวตามลงมา เขาลูบไล้เรือนกายเธออย่างหิวกระหาย น้ำงามนอนตัวแข็งอยู่ท่ามกลางความมืด พอมีสติเธอก็พยายามปกป้องตัวเองด้วยการปัดมือเขาออก แต่กลับต้านทานการรุกรานเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งดิ้นมากเท่าไรเสื้อผ้าก็ยิ่งหลุดหายออกจากตัวมากเท่านั้น
“อย่าค่ะเควิน...ไม่เอา”
“อย่าอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงใสซื่อ สวนทางกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง
สองหนุ่มสาวปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความต้องการตามสัญชาตญาณ ไม่นานความอิ่มเอมก็เกิดแก่ทั้งสอง ไฟเสน่หาที่ลุกโชนค่อยๆ ดับมอดลง เหลือเอาไว้แต่ความรักหวานละมุนที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กันและกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++
อย่างงนะคะที่ก่อนย่อหน้าสุดท้ายเหมือนมันจะหาย ไรเตอร์ตัดทิ้งไปหน้าครึ่งค่ะ จริงๆ มันโรมานซ์เบาๆ เอง แต่เพื่อความปลอดภัย นิยายจะได้ไม่ต้องกินแบนขอตัดเนื้อหาทิ้งไปเลยนะคะ ส่วนที่ตัดตามได้ในเล่มค่ะ ตอนนี้รอผลอยู่ จะออกกับที่ไหนเมื่อไรยังไง เดี๋ยวจะมาบอกเล่าเก้าสิบกันอีกทีนะคะ ^O^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2557, 21:03:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2557, 21:03:49 น.
จำนวนการเข้าชม : 1737
<< บทที่ 10 ช็อกโกแลต | บทที่ 12 พี่ชาย >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 17 พ.ค. 2557, 22:00:36 น.
อร๊ายยยยความดัน ความดัน ขึ้นตา!!!! 5555
อร๊ายยยยความดัน ความดัน ขึ้นตา!!!! 5555

ree 17 พ.ค. 2557, 23:32:59 น.
ไปเสนอตัวอยู่ในห้องนอนเขาก็คงต้องทำใจล่ะ
ไปเสนอตัวอยู่ในห้องนอนเขาก็คงต้องทำใจล่ะ

Zephyr 18 พ.ค. 2557, 00:17:48 น.
555 ฮึๆๆๆๆ
ให้ชั้น รัก คุณ ได้ไหม
น้ำงามลูก ออกนอกหน้าไปนะ แม่ว่า....
ชวนผู้ชายก่อนไม่ดีนา เล่นตัวสิลูกๆๆๆๆ
ปล เค้าปลอบโยนกันแบบนี้ หรือ???
ตาเค เค้ากำลังเศร้าเบยยย มาปลอบเค้าหน่อยๆๆๆ
555 ฮึๆๆๆๆ
ให้ชั้น รัก คุณ ได้ไหม
น้ำงามลูก ออกนอกหน้าไปนะ แม่ว่า....
ชวนผู้ชายก่อนไม่ดีนา เล่นตัวสิลูกๆๆๆๆ
ปล เค้าปลอบโยนกันแบบนี้ หรือ???
ตาเค เค้ากำลังเศร้าเบยยย มาปลอบเค้าหน่อยๆๆๆ

konhin 18 พ.ค. 2557, 05:02:46 น.
อ้าววววว นางไม่รอดซะแล้ว
อ้าววววว นางไม่รอดซะแล้ว

คิมหันตุ์ 18 พ.ค. 2557, 12:44:42 น.
แอร๊............ช็อกโกแลตขึ้นตา!!!
แอร๊............ช็อกโกแลตขึ้นตา!!!

Sukhumvit66 18 พ.ค. 2557, 13:03:54 น.
สรุป..ก็กินได้นะ ช็อกโกแลตน่ะ
สรุป..ก็กินได้นะ ช็อกโกแลตน่ะ


goldensun 19 พ.ค. 2557, 18:19:01 น.
เป็นไปตามที่มามิคาดไว้ รึเปล่าเนี่ย
แต่ก็ทำให้เควินหายเศร้า กลายเป็นสุขมากๆๆ แทน
น้ำงามได้รู้แล้วสิ ว่าเควินไม่ชอบหวานจัดขนาดไหน
แต่น้ำงามจะทำยังไงต่อล่ะ
เป็นไปตามที่มามิคาดไว้ รึเปล่าเนี่ย
แต่ก็ทำให้เควินหายเศร้า กลายเป็นสุขมากๆๆ แทน
น้ำงามได้รู้แล้วสิ ว่าเควินไม่ชอบหวานจัดขนาดไหน
แต่น้ำงามจะทำยังไงต่อล่ะ