วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๓ (จบตอน)

ใช่...มันยังไม่จบ ตลอดเส้นทางที่ขับรถกลับบ้าน น้ำหนึ่งยังคง ‘เห็น’ ในสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

หญิงสาวเหยียบเบรกแทบหัวคะมำเมื่อรถแล่นถึงทางโค้งและพบชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนนว่างโล่งด้วยเป็นยามดึกสงัด ร่างนั้นมอซอ เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง ท่าทางเคว้งคว้างหาทางไปไม่พบ ครั้นรถจอดนิ่งสนิท เธอจึงพบว่านอกจากเขาจะขาขาดทั้งสองข้างแล้ว ขาที่เหลือยังลอยอยู่เรี่ยพื้นถนนอย่างน่ากลัว เขาไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยที่มีรถยนต์มาจอดจ่ออยู่ตรงบั้นท้าย
ผี...คำเดียวที่หญิงสาวนึกออกในตอนนี้ มือที่กำรอบพวงมาลัยเกร็งแน่น...เธอไม่เคยกลัวผี...น้ำหนึ่งบอกตนเอง แต่สิ่งที่พบเห็นอยู่ตรงหน้าเขย่าขวัญเธอให้กระเจิดกระเจิงไม่น้อย เธอเหยียบคันเร่งพารถมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ยั้งคิดใดๆอีก บทแผ่เมตตาที่คิดว่าจำได้แม่นเพราะท่องมาตั้งแต่เด็กๆกลับรัวผ่านริมฝีปากอิ่มผิดๆถูกๆ ทั้งแผ่วเบาและสั่นพร่าไม่มั่นคงเอาเสียเลย

อาจารย์ลือฤทธิ์เคยย้ำนักย้ำหนา ให้รวบรวมสมาธิและตั้งใจแผ่เมตตาออกไปจากใจอันเปี่ยมด้วยความรักความปรารถนาดี ทว่าเวลานี้เธอไม่สามารถทำได้จริงๆ ถ้าสมัยอยู่ชมรมเรื่องลี้ลับเธอสนใจไปถือศีลนั่งกรรมฐานมากพอๆกับการไปตระเวนพิสูจน์ผีตามตึกเก่า บ้านร้าง และอาคารต่างๆในมหาวิทยาลัยละก็ เวลานี้เธอคงไม่ขับรถหนีเปิดเปิงแบบนี้

สมัยอยู่ชมรมละอยากเจอนัก เที่ยวไปซอกแซกตามหา พอตอนนี้เจอเข้าจริงแล้วเป็นไงเล่า น้ำหนึ่งก่นด่าตัวเองในใจทั้งที่มือไม้ยังไม่หายสั่น

คล้ายมีเสียงหัวเราะหึๆอย่างขบขันระคนเอ็นดูแว่วเข้าหู น้ำหนึ่งกลอกตาลอกแลก เสียงผู้ชาย...อย่าบอกนะว่าไอ้ตัวที่เห็นเมื่อกี้ติดมาในรถด้วย...เธอผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภายในรถไร้วี่แววของแขกไม่ได้รับเชิญ
เอาอีกแล้ว เสียงหัวเราะอย่างขบขันลอยกระทบโสตประสาทอีกแล้ว

หรือว่า...สิ่งที่ได้ยิน ได้เห็นนี้ แท้จริงไม่มีอะไรเลย เกิดจากจิตหลอนไปเองทั้งนั้น...น้ำหนึ่งก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน




หลายวันที่ผ่านมา น้ำหนึ่งแทบไม่เป็นอันทำงานโดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งยามปกติเธอมักอาศัยความเงียบสงบทำงานอย่างมีสมาธิ ทว่านับตั้งแต่วันที่กลับออกมาจากสวนสนุกดรีมแลนด์แดนหรรษาเมื่ออาทิตย์ก่อน ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป สิ่งที่ ‘เคย’ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ก็กลับมองเห็น มันคอยรบกวนสมาธิให้เธอสะดุ้ง ตกใจ และหวาดกลัวจนมือไม้สั่น แถมมาโดยไม่ต้องเดินทางไป ‘ส่อง’ ที่ไหนเหมือนสมัยอยู่ชมรมเรื่องลี้ลับอีกแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่เธอเห็นจะมีชื่อเรียกว่า ผี วิญญาณ เจ้าที่เจ้าทางหรืออะไรก็แล้วแต่ละ...บอกได้คำเดียวว่าเธอไม่อยากเจอ

“ทำไมพักนี้ดูซูบไป ขอบตาคล้ำเชียว นอนน้อยเหรอ” อัญชันถามขึ้นระหว่างรับประทานอาหารเช้าด้วยกันตรงโต๊ะริมสนามหญ้าหน้าบ้าน แววกังวลห่วงใยฉายชัดในดวงตาของผู้มากวัย

น้ำหนึ่งยกมือลูบแก้มโดยอัตโนมัติ ราวกับจะป่ายปัดร่องรอยอิดโรยเหล่านั้นออกไปให้พ้นสายตามารดา

“งานเร่งหรือ” นางถามเรื่อยๆ มือก็ตักผัดยอดผักมาวางริมจานข้าวของน้ำหนึ่งอย่างเอาใจ

“ไม่เร่งหรอกแม่ แต่มันคิดไม่ออก” น้ำหนึ่งตอบตรง ใครจะไปคิดออกเมื่อมีสิ่งมารบกวนให้วอกแวกอยู่ทุกคืน

อย่างหลายคืนก่อน ยามดึกสงัด ขณะเธอพักสายตาด้วยการมองออกไปนอกหน้าต่างทั้งที่กล้าๆกลัวๆว่าจะ ‘เจอ’ อะไรอีกไหม แต่เนื่องจากพระจันทร์สว่าง ลมโชยชายหอบกลิ่นดอกเล็บมือนางจากซุ้มข้างบ้านมาให้ชื่นอกชื่นใจ เลยอดใจไม่อยู่ แล้วก็ต้องถอยกรูดลับมาแหมะอยู่บนเตียงพร้อมใจสั่นระรัว เมื่อสายตารับภาพชายชราร่างผอมเกร็ง ผมขาวโพลนทั้งศีรษะขมวดไว้เป็นมวยต่ำอยู่ตรงท้ายทอย ในมือมีไม้เท้าหงิกหงอ...เขา...คงต้องใช้ท่านกระมัง ท่านเดินสำรวจตรวจตราอยู่รอบๆบ้านเหมือนเคย ความจริงน้ำหนึ่งเริ่มคุ้นกับ ‘ท่าน’ เพราะเห็นกันอยู่ทุกคืน

ที่ไม่คุ้นคือร่างสูงตระหง่านที่ยืนทะมึนอยู่นอกรั้วต่างหาก

ท่ามกลางแสงจันทร์สว่างนวล น้ำหนึ่งแลเห็นรายละเอียดชัดเจน ร่างนั้นดูกะปลกกะเปลี้ยราวกับได้รับการลงทัณฑ์มาอย่างหนัก ริมฝีปากพองเผยอยับเยิน เนื้อตัวไหม้เกรียมเหมือนถูกรมด้วยความร้อนมานาน และมีร่องรอยถูกของแหลมทิ่มแทงจนไม่อาจนับแผลได้ กลิ่นเหม็นเน่าโชยคลุ้งกลบเกลื่อนกลิ่นเล็บมือนางเสียสิ้น มันดูระแวดระวังและหวาดกลัว แต่ก็ทำท่าเหมือนจะเข้ามาภายในบริเวณบ้านให้จงได้

เมื่อตั้งสติได้ น้ำหนึ่งก็ถลาไปกระชากม่านหน้าต่างให้ปิดสนิท กระนั้นก็ยังทันเห็นว่าชายชราชี้ไม้เท้าหงิกงออันเป็นอาวุธคู่กายไปทางอสุรกายตนนั้น และมันก็ล่าถอยไปอย่างสงบและง่ายดาย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว แต่ประทับอยู่บนความทรงจำของน้ำหนึ่งอย่างชัดเจน และไม่รู้อีกนานเท่าใดจึงจะลบออกไปได้
ตั้งแต่คืนนั้น น้ำหนึ่งก็เลิกเปิดหน้าต่างนอนอีกเลย

หากถามว่ายามกลางวันน้ำหนึ่งมองเห็นภูตผีวิญญาณหรือเจ้าที่เจ้าทางไหม เธอก็ตอบได้เต็มปากว่าเห็น แต่ด้วยแสงสว่างจ้าจัด ส่งผลให้ร่างโปร่งแสงไร้กายเนื้อเหล่านั้นเลือนรางเต็มที

“หาเวลาพักผ่อนสมองเสียบ้างสิ มันจะได้ปลอดโปร่ง...เออ แล้วที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม”

“ไม่สนุกเลย” คนถูกถามตอบรวดเร็ว “นี่ถ้าย้อนเวลาได้ คงไม่ไปที่นั่นอีก”

น้ำหนึ่งเอ่ยไปตามความรู้สึก โดยไม่รู้ว่า...อีกไม่นานนี้ เธอก็ต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง

“มีอะไรหรือเปล่า แม่สังเกตเห็นนะว่าตั้งแต่เพชรกลับมาก็ดู...” อัญชันเว้นไปนิด กวาดตามองหน้าน้ำหนึ่ง “ดูเปลี่ยนไป ดูเครียดมาก แล้วก็ตาของลูก” หญิงกลางคนสบตาบุตรสาว “มันเหมือนมีพลังลึกลับบางอย่างแฝงอยู่”

น้ำหนึ่งหลบสายตาโดยการหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาคลึง กำซาบความอุ่นจัดที่ส่งผ่านเนื้อแก้วมายังฝ่ามือ พลางหัวเราะ...พยายามแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนยังร่าเริงดี

“ลูกแม่กลายเป็นเพชร ญาณทิพย์ ไปแล้ว”

“ไม่ต้องมาทำตลกกลบเกลื่อนเลยนะเรา เก็บซ่อนอะไรไว้ในใจ พอจะระบายกับแม่ได้ไหม เผื่อดีขึ้น แม่ไม่สบายใจเลยที่เห็นเพชรเป็นแบบนี้”

น้ำหนึ่งผ่อนลมหายใจยาว เงยหน้าสบตามารดาแน่วนิ่ง จริงจัง เหมือนมีคลื่นเย็นฉ่ำเอ่อคลอในดวงตาทั้งสองข้างขณะเอ่ย
“แม่เชื่อเพชรเถอะ เพชรไม่เป็นอะไรจริงๆ” น่าแปลก น้ำเสียงห้าวห้วนของเธอทรงพลังอย่างประหลาด มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

อัญชันมีท่าทางงวยงง และพูดออกมาราวกับคนละเมอ

“จ้ะ แม่เชื่อ”

ทำไมคราวนี้แม่เชื่อง่ายจริง น้ำหนึ่งถามตัวเอง คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัยทั้งที่ยังไม่ถอนสายตาจากการสานสบ
อัญชันดูเลื่อนลอยคล้ายคนใกล้หลับ เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย น้ำหนึ่งชะโงกหน้าข้ามโต๊ะอาหารไปใกล้ๆ นางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว จนเธอต้องเขย่าแขนเบาๆพร้อมส่งเสียงเรียก

“แม่...แม่”

หญิงวัยกลางคนสะดุ้งเฮือก กะพริบตาปริบ พลางมองเธองงๆ

“อยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วย ตกใจหมด”

น้ำหนึ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้ายังเซื่องซึมเลื่อนลอยอย่างเมื่อครู่นี้ ชะรอยว่าจะต้องพาไปพบแพทย์เป็นการด่วนแล้ว

“เอ เมื่อกี้เราคุยกันถึงเรื่องอะไรนะ เรื่องที่เพชรไปเที่ยวสวนสนุกใช่ไหม”

“เรื่องนั้นคุยจบแล้วค่ะแม่” น้ำหนึ่งโมเม แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเช้านี้แม่แต่งตัวสวยจริง”

ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มใสดั่งลูกแก้วมองสำรวจอัญชันอย่างเปิดเผย วันนี้ร่างท้วมอยู่ในเสื้อลูกไม้สีครีมแขนสามส่วน เผยให้เห็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นเล็กถักทอด้วยลวดลายละเอียดยิบกับผ้าซิ่นไหมสีม่วงเม็ดมะปราง ขับผิวขาวให้ดูนวลผ่องลออตา

“จะไปไหนหรือเปล่า หรือว่ามีเดตกับหนุ่มที่ไหน”

“ไม่มี้” อัญชันปฏิเสธเสียงสูง ทว่าแก้มอูมซับสีเลือดจนเรื่อแดง “แก่ปูนนี้แล้ว หนุ่มที่ไหนจะมาเดตด้วย”

“หรือว่า...” คนเป็นลูกแกล้งเหล่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ และสนุกที่ได้ไล่ต้อนมารดาออกไปให้พ้นเรื่องราวของตนเอง “แม่ไปเดตกับคนแก่รุ่นราวคราวเดียวกันใช่ไหม สารภาพมาซะดีๆ”

“เดตเดิดอะไรกัน รุ่นนี้มีแต่จะเด้ดสะมอเร่ละไม่ว่า แม่จะพานังเกดไปทำบุญที่วัดน่ะ วันนี้วันเกิดเด็กมัน”

ครั้นเอ่ยถึง เจ้าของวันเกิดก็เดินหน้าระรื่นมาพร้อมปิ่นโตเถาใหญ่ ร่างผอมบางเก้งก้างของเกศราดูสดใสในชุดสีขาวครีม เสื้อแขนตุ๊กตาระบายลูกไม้ละเอียดตรงคอเสื้อ และกระโปรงบานยาวแค่เข่าทำให้เจ้าหล่อนดูเหมือนตุ๊กตา ไม่ส่อเค้าสักนิดว่าเป็นแม่บ้านและคอยดูแลคนป่วย

“เพชรเองก็เถอะ ไปทำบุญทำทานเสียมั่ง อายุครบยี่สิบห้าแล้วไม่ใช่เหรอ ระวังอาถรรพณ์เบญจเพสนะ”
คำเตือนของมารดาดึงสายตาน้ำหนึ่งให้ละจากเกศรา

“อาถรรพณ์เบญจเพส เป็นไงแม่”

“ก็เจอเรื่องร้ายๆไปทั้งปีไงล่ะ จนกว่าจะอายุพ้น ๒๕ นั่นแหละ” อัญชันอธิบายสั้นๆ พลางขยับเนื้อขยับตัวเตรียมลุกจากโต๊ะอาหาร
“คุณอันขา เกดซ่าว่าถอดสร้อยข้อมือออกดีกว่าไหมคะ” เสียงใสๆของเกศรารีบเตือน

ทั้งแม่ทั้งลูกลืมเรื่องอาถรรพณ์เบญจเพสไปชั่วขณะ หันไปมองเกศราเป็นตาเดียว

เด็กสาวเอ่ยต่อโดยไม่รอให้ผู้เป็นนายถาม “เมื่อวานตอนเกดซ่าไปซื้อกับข้าวที่ตลาดนัดหน้าวัด ได้ยินแม่ค้าคุยกันว่าพักนี้มีคนแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยนแถวๆวัดค่ะ สงสัยจะเป็นคนสติไม่ดีนะคะ เห็นเขาว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง ตัวงี้เหม็นเหล้าคลุ้ง เที่ยวได้เดินขอเงินเขาไปทั่ว ถ้าเห็นคุณอันใส่ของมีค่า อาจล่อตาล่อใจให้มันเข้ามาหาเรานะคะ”

“จริงเหรอ” คล้ายอัญชันถามไปอย่างนั้นเอง นางคงรู้อยู่แล้วว่าเกศราไม่ได้โกหก จึงได้ปลดสร้อยข้อมือทองคำออกมาส่งให้น้ำหนึ่ง ปากก็บ่นไปเรื่อยๆ “คนสมัยนี้นะ อยู่ดีไม่ว่าดี ไปเอาเหล้าเอายามากรอกปาก สติสตังเสียหมด เป็นคนดีๆไม่ชอบ ชอบเป็นคนบ้าๆแลกกับความสุขชั่วครู่ชั่วยาม...เพชรเอาไปเก็บให้แม่ที”

หญิงสาวรับสร้อยเส้นนั้นมากำไว้ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอต้องกะพริบตาถี่ๆอยู่หลายครั้ง เนื่องจากความพร่าเลือนของมัน เหมือนมีม่านหมอกบางเบาเคลื่อนมาทาบทับทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย มองเห็นไม่ชัดเจน แต่กะพริบตาเท่าไรก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น เธอจึงขยี้ตาแรงๆอีกสองสามที ภาพรอบกายก็เหมือนเดิม

“คุณเพชรเป็นอะไรคะ” เกศราถามตามประสาคนช่างสังเกต

“ไม่รู้สิ ตาพร่าไปหมด มองไม่ค่อยชัดเลย” น้ำเสียงคนตอบมีกังวล

“สงสัยจ้องคอมพิวเตอร์มากไปมั้งคะ เกดซ่าว่านอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น จานชามทิ้งไว้ตรงนี้แหละค่ะ เดี๋ยวเกดซ่ากลับมาเก็บล้างเอง”

น้ำหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วยพลางลุกกลับเข้าบ้านตั้งใจนอนพักอย่างที่เกศราแนะ หวังว่าตื่นมาอาการแปลกๆนี่จะดีขึ้น...แต่ทำไมนะ ในใจลึกๆกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย แถมยังมีความกลัวย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเยียน ใช่...เธอกำลังกลัว...กลัวว่ามันจะไม่ดีขึ้นแบบที่เธอหวังน่ะสิ




น้ำหนึ่งนอนพักหลับไปหลายชั่วโมงแล้ว อาการตาพร่าก็ยังไม่ทุเลา แม้ยังคงมองเห็นและสามารถทำงานได้ แต่เธอไม่กล้าเสี่ยง กลัวอาการจะแย่ลงไปกว่าเดิม เธอจึงพักงานนอนเล่นบนเตียงและเปิดทีวีไว้ฟังเสียงเป็นเพื่อนแก้เหงา เสียงพิธีกรรายการข่าวบันเทิงประเภทซุบซิบไฮโซช่วงหลังเที่ยงเจื้อยแจ้ว ออกอาการร่าเริงจนน่ารำคาญ น้ำหนึ่งคว้ารีโมตเตรียมเปลี่ยนช่อง แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะภาพบนหน้าจอ...

ภาพวาริในงานสังคมอะไรสักอย่าง เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐาน ต่างจากชายหนุ่มแต่งกายสบายๆที่มานั่งดื่มกาแฟที่ร้านในตรอกแคบๆกับเธอเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นไหนๆ

“ได้ข่าวว่าคุณว่านจะแต่งงาน ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่คะ พอจะบอกได้ไหม”

ยามออกสื่อ วาริตีหน้าขรึม ตอบเป็นงานเป็นการ รอยยิ้มบางๆที่มักระบายอยู่บนใบหน้าเสมอยามอยู่กับคนคุ้นเคย ถูกกักเก็บไว้มิดชิด “ต้องรอเรือนหอเสร็จก่อนครับ”

“แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จคะ” นักข่าวถามสืบไป

“ก็น่าจะเร็วๆนี้ พอดีช่วงนี้เพื่อนที่เป็นสถาปนิกยังไม่ว่าง ผมก็ตื๊อๆเขาอยู่ หวังว่าจะใจอ่อน” ดวงตาสีนิลที่มองกล้องดุจกำลังสบตาและพูดกับเธอโดยเฉพาะ

“แล้วทำไมไม่ลองมองหาคนอื่นดูล่ะคะ อาจได้แต่งงานเร็วขึ้นนะคะคุณวาริ” นักข่าวสาวถามอย่างนึกสนุก

“พอดีคนนี้เห็นฝีมือกันมาก่อน ผมรู้ว่าถ้าเขายอมตกลงรับงาน เขาจะแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมแน่นอน ผมไว้ใจเขาเพราะเรารู้จักกันดี เราคบกันมานาน” ดวงตาแสนซื่อแสดงความจริงใจ ทั้งที่สีหน้ายังเคร่งขรึม

น้ำหนึ่งคว้าหมอนใบนุ่มเบาปาใส่จอโทรทัศน์ด้วยความขัดใจ...ถ้ารู้จักกันดีเพราะคบกันมานานคงไม่เชือดใจเธอด้วยการมาอ้อนวอนขอให้เธอไปออกแบบเรือนหอให้อย่างนี้หรอก หญิงสาวหมดอารมณ์ไม่ต้องการเสียงใดๆแก้เหงาอีก เธอกดรีโมตปิดโทรทัศน์และทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผาก...ทำไมพักนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ หรือว่าเป็นอาถรรพณ์เบญจเพสจริงๆ

‘เพชรเองก็เถอะ ไปทำบุญทำทานเสียมั่ง อายุครบยี่สิบห้าแล้วไม่ใช่เหรอ ระวังอาถรรพณ์เบญจเพสนะ’

ทำบุญแล้ววาริจะเลิกล้มการแต่งงาน เธอจะหายจากอาการตาพร่า และจะเลิกมองเห็นภูตผีวิญญาณต่างๆได้อย่างนั้นหรือ
เอาเถอะ ถ้าทั้งหมดนั่นเป็นการขอที่มากเกินไป ขออย่างเดียวก็ได้ แค่เลิกมองเห็นสิ่งมีชีวิตต่างภพภูมิเพียงอย่างเดียวก็พอ เพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกใกล้บ้าเข้าไปทุกที

***************************************************

ทักทายท้ายเรื่อง

เกดซ่า มาคนแรกแล้ว มาเบิกทวารวารี ๕๕๕

น้องยิ้มจัง โลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆค่ะ ต้องแลกด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ

พี่แตงกวาที่รัก นอกจากทวารวารีแล้ว น้องว่า พี่มีทวารอุจจารีย์ด้วยนะ กรั๊กๆๆ

คุณรินทร แต่งกลอนเพราะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เค้าชอบคำชม และไม่คิดถ่อมตัว ๕๕๕

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ ปวารนาตัวเป็นแม่ยกวานี่ซะแล้ว ไม่รอใครอีกคนที่กำลังจะมาในไม่ช้านี้หรือ รอศึกษาเขาหน่อยเป็นไร อาจเกิดการรักพี่ เสียดายน้อง อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนนะเออ แล้วจะหาว่าเจ๊ไม่เตือน

น้องหมีบุลินทร เกดซ่ายังไม่ใช่ผู้ถูกเลือกจ้ะ ชะตากรรมของนางอยู่ที่บทสุดท้าย อุ๊บส์ ไม่เอา ไม่สปอยล์

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ ตอนนั้นน้ำหนึ่งคงลืมทุกสิางทุกอย่าง ต้องเผ่นอย่างเดียว

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ^_____^




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2557, 00:15:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2557, 00:15:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1317





<< บทที่ ๓ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๔ (ครึ่งแรก) >>
อสิตา 12 ก.ย. 2557, 00:21:42 น.
แม่อัญชันอยู่นี่เอง ในเรื่องโน้นมีคนคิดถึงนาง เรื่องนี้คงได้ชุ่มชื่นใจบ้าง


ภาวิน 12 ก.ย. 2557, 00:25:19 น.
อสิตารามาเม้นท์เอาข้ามวันสองตอนติด น่ารักนัก รอไอ้พี่เก้ามาทั้งวันแระ หายตัวไปไหนมา


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.ย. 2557, 00:48:51 น.
งืดดดดด ทรมานแทน เห็นอยู่ด๊ายยยยย


พันธุ์แตงกวา 12 ก.ย. 2557, 05:25:10 น.
มีทวารครบอย่างนี้เจ้ก็เป็นนางเอกได้แล้วสินะ
น้ำหนึ่งญานทิพย์ช่างน่าสงสาร นังผีพวกนี้ก็ไร้จรรยาบรรณสิ้นดี มีแต่พวกมาตัวเปล่า หวยเหยนี่ไม่คิดจะติดไม้ติดมือมาบอกกันบ้างเลยนะ ใบ้สักนิดก็ยังดี


yimyum 12 ก.ย. 2557, 07:32:18 น.
ทำไมตาพร่าได้หว่า เอ้าเพชรสู้ๆ ^^


ketza 12 ก.ย. 2557, 08:07:24 น.
มาแว้ววววว
บรื๊ออออ จัดเต็มเบยตอนนี้ เหอๆๆๆ

มอรอซาตานนนน ม๊วบๆๆ


ketza 12 ก.ย. 2557, 09:06:40 น.
เกดซ่าอยากเข้าบ้านปรารถนาล่วยย
แต่ขอ ..ห้องแห่งความหื่น มีม๊ายยยยยยยยยย 555555555


ริญจน์ธร 12 ก.ย. 2557, 10:52:19 น.
^
^
^
เกดซ่าไม่ต้องเข้าก็หื่นอยู่แล้วน้าาาาา ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ketza 12 ก.ย. 2557, 13:13:58 น.
แหม่ๆๆ มีคนรู้ทันเรา 55555


บุลินทร 12 ก.ย. 2557, 14:56:22 น.
ท่าทางต้องอ่านชุดนี้ตอนกลางคืนจะได้บรรยากาศมาก หลอนๆกันทั้งนั้นเลย


ดังปัณณ์ 12 ก.ย. 2557, 18:47:17 น.
ไม่มี้ทาง ไม่มี้ จิงจิ๊งงงงงงงงงงง เนี่ยหนอนเสียงแข้งแข็ง 555+ ตอนนี้ยังไม่โผล่เราก็รักวานี่ก่อนคนเดียว หุหิ

อิตาที่เข้าสิงวานี่ดูแล้วจะกวนประสาทน่าดูค้าาาาาาาาาาาา หมั่นไส้ก่อนล่วงหน้า 555+ ว่าแต่สรุปใครเป็นพระเอกอ่ะพี่ปุ๊ก จริงจังนะเนี่ย ถามจริงตอบตรงด้วย 555+ ล้วงตับกันแบบนี้เลยกร๊ากกกกกก


goldensun 12 ก.ย. 2557, 21:13:05 น.
วันนี้คุณอัญชันปกติดี แต่เพชรกลับไม่ปกติเลย เห็นผีทั้งวันทั้งคืน จะปกติยังไงไหว เล่นมาทั้งภาพทั้งกลิ่นขนาดนี้
สร้อยข้อมือแม่ทำให้เพชรตาพร่าหรือเพราะอะไรกัน


Barby 16 ก.ย. 2557, 13:49:58 น.
^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account