วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๕ (จบตอน)

เช้าวันนี้น้ำหนึ่งจำเป็นต้องหยิบแว่นกรองแสงมาสวม หวังว่าอาการตาพร่าจะลดลง แต่เปล่าเลย มันยังคงมัวเหมือนมองผ่านม่านหมอกขาวบางเบา ที่น่าโกรธคือเธอมองสิ่งต่างๆรอบกายไม่ชัด แต่ภูตผีวิญญาณนี่กลับเห็นชัดจริง

เอาเถอะ เห็นก็เห็น ผ่านมาสองสัปดาห์...ก็ไม่ชินหรอกนะ แต่ต้องรับและอยู่กับมันให้ได้

“อ้าว ทำไมวันนี้ใส่แว่นล่ะ” อัญชันถามขึ้นขณะน้ำหนึ่งยืนชงกาแฟอยู่ตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเล็กๆในครัว

“ตามันพร่าๆน่ะแม่ ตั้งใจว่าบ่ายนี้จะไปหาหมอให้เขาตรวจดูหน่อย” หาหมออีกแล้ว น้ำหนึ่งคิดอย่างเบื่อๆ

“จ้องคอมพ์มากหรือเปล่า รีบไปก็ดีนะแม่ว่า ถ้าช้าเดี๋ยวเป็นอะไรมากไปจะรักษาลำบาก” มารดาสนับสนุนด้วยความห่วงใย ก่อนถามต่อ “เมื่อคืนกลับมากี่ทุ่มกี่ยามกันน่ะ แม่หลับไปก่อนละครจบอีก ไอ้ยาระงับประสาทที่หมอให้มานี่กินแล้วมันง่วงดีจริง แม่พลาดละครตอนอวสานเลย”

“โอ๊ย แซ่บเว่อร์ค่ะคุณอัน” เกศราเล่าอย่างกระตือรือร้น “พระเอกนางเอกเขาก็เข้าใจกัน เดินจูงมือไปบนหาดทรายคุยกันกะหนุงกะหนิงมุ้งมิ้ง หูย กว่าจะดีกันได้นางเอกถูกปล้ำไปสี่ยก ถูกพระเอกด่าทอดูถูกสารพัด แหม ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย ดูเถอะ ทำเสียใหญ่โต นี่ถ้านางเอกบอกตั้งแต่ต้นว่าคนที่ทำให้น้องชายพระเอกตายเป็นพี่สาวฝาแฝดที่ได้ผัวฝรั่งไปอยู่เมืองนอกแล้ว ก็คงไม่ถูกพระเอกแค้นและฉุดไปปล้ำ ปล้ำ ปล้ำ แบบนี้หรอกค่ะ นางเอกก็ช่างกระไร โดนเสียขนาดนี้ยังอภัยให้เขาได้ ยังรักเขาลง เป็นหนูโดนแบบนี้นะคะ แจ้งความจับสถานเดียว”

“อ้าว ถ้าทำอย่างแกว่า มันก็ไม่มีละครแซ่บๆเว่อร์ๆให้เราดูสิ” อัญชันเลียนแบบคำพูดของเด็กสาว “ไหนแกเล่ามาซิว่าเขาปรับความเข้าใจกันยังไง”

จากนั้นเรื่องราวต่างๆในตอนอวสานของละครหลังข่าวก็ถูกเกศราถ่ายทอดออกมาจะแจ้งเห็นภาพ น้ำหนึ่งก้มหน้ายิ้มกับถ้วยกาแฟ มารดาคงไม่อยากรู้แล้วว่าเมื่อคืนเธอกลับมาถึงบ้านกี่ทุ่ม เพราะไม่อยากบอกเหมือนกันว่ากลับมาถึงเที่ยงคืนกว่า และกว่าจะหลับลงได้ก็เกือบตีสอง

เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหมุนเวียนเข้ามาในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งจะจบลงตรงเธอสบตาวาริและออกคำสั่งตามที่ใจปรารถนา และวาริก็ยอมทำตาม

บ้านปรารถนา...ใจปรารถนา

สองสิ่งนี่เชื่อมโยงกันได้อย่างไร หรือบ้านหลังนั้นทำให้สิ่งที่เธอปรารถนาเป็นจริง แต่ต้องแลกด้วยการสูญเสียการมองเห็นไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ ถ้าเลือกได้ เธอขอไม่สมปรารถนาดีกว่า

...คิดหวังสิ่งใด จักช่วยนำพา ทุกสิ่งในหล้า สำเร็จโดยพลัน
ทวารวารี มิมีใครเห็น เพราะว่ามันเป็น ผู้เลือกคนผ่าน…

เสียงเสนาะใสดังน้ำเซาะซอนซอกหินกังวานในโสต คล้ายย้ำเตือนว่าเธอไม่มีสิทธิ์เลือก น้ำหนึ่งสลัดศีรษะไล่ขับความคิดฟุ้งซ่านออกไป กาแฟขมจัดปลุกความสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์จะทำงาน สมองตื้อตันคิดอะไรไม่ออก จึงเดินเรื่อยๆไปหน้าบ้าน ผ่านเงาไม้ร่มครึ้มสู่รั้วไม้ระแนง บวบเหลี่ยมลูกยาวห้อยย้อยระพื้น มะระขี้นกดกดื่นสุกงอมคาต้น บางลูกแตกอ้าเผยให้เห็นเม็ดข้างในสีแดงสดเป็นอาหารของเหล่านกปรอทที่ร้องเจื้อยแจ้วอยู่แถวนี้ แม้เกศราจะเก็บไปทำอาหารและกักตุนไว้ในตู้เย็นก็ยังกินไม่ทัน หญิงสาวตรงไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวนซึ่งแอบอยู่ข้างบ้าน หยิบกรรไกรและผ้าขาวม้าลายสวยที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ติดมือกลับมายังรั้วระแนงอีกครั้ง ลงมือตัดบวบเหลี่ยมห้าหกลูกวางบนผ้าขาวม้า ตามด้วยมะระขี้นกอีกกองพะเนิน แล้วรวบชายผ้าหอบไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม...ร้านป้าช้อยชวนชิม

“อ้าว หนูเพชร ป้ากำลังคิดถึงอยู่พอดี” สตรีสูงวัยในชุดเสื้อคอกระเช้าและผ้าซิ่นกลางเก่ากลางใหม่วางตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งใช้เสร็จ แล้วกุลีกุจอตรงมาหาตั้งแต่น้ำหนึ่งยังเดินไม่ถึงร้าน

“เอาบวบกับมะระขี้นกมาฝากน่ะป้า ออกดกเกิน กินไม่ทัน”

“อู๊ย ขอบใจจ้ะ ไอ้แดง เอาผักไปเก็บในครัวซิ” ท้ายประโยคป้าช้อยหันไปเรียกหลานชายวัยเก้าขวบที่นั่งจ้องโทรทัศน์อยู่ในร้านลึกเข้าไปด้านใน

เด็กชายวิ่งตื๋อออกมารับของและวิ่งหายไปหลังบ้าน ก่อนจะรีบมานั่งแหมะลงหน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม

“มานี่ก่อน อย่าเพิ่งกลับ ป้ามีเรื่องจะเล่า” พร้อมกับพูด หญิงสูงวัยจับจูงมือน้ำหนึ่งไปนั่งยังโต๊ะด้านใน ไกลห่างจากโต๊ะที่ลูกค้าสี่ห้าคนกำลังนั่งคีบก๋วยเตี๋ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย

“เมื่อวานคุณตินพลเขามาหาหนูแน่ะ”

น้ำหนึ่งเลิกคิ้วด้วยความฉงนใจ ย้อนนึกถึงข้อความที่ได้รับหลังจากเปิดโทรศัพท์เมื่อคืนนี้ ข้อความที่ตินพลส่งมาตั้งแต่บ่าย อีกทั้งยังได้รับข้อความจากระบบอัตโนมัติของเครือข่ายโทรศัพท์แจ้งว่าดาราหนุ่มโทร.มาหลายครั้ง ทว่าเธอลืมนำโทรศัพท์ติดตัวไปและแบตมันหมดตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้

‘เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า ตั้งแต่แยกกันที่สวนสนุกก็หายเงียบไปเลยนะยายเพชร’

ข้อความเรียบง่ายแค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าเพื่อนห่วงใย เธอนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง และตัดสินใจส่งข้อความกลับไปว่า
‘ช่วงนี้มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย ถ้าดีขึ้นแล้วจะโทร.หานะ’

ไม่คิดว่าตินพลจะห่วงเธอขนาดลงทุนขับรถมาหาถึงบ้าน หรือเขามีเรื่องอื่นใดมากกว่านี้

“จริงนะหนูเพชร” ป้าช้อยพยักหน้ายืนยัน คงเห็นเธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกระมัง “ยังมาอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวป้าเลย” คนเล่าทำหน้าระรื่นชื่นอกชื่นใจ

น้ำหนึ่งคงไม่แปลกใจถ้าต่อจากนี้ไม่กี่วันมีรูปป้าถ่ายคู่กับตินพลมาติดในร้าน

“ไม่เจอกันมาตั้งสี่ห้าปีนะ แกยังจำป้าได้ อ่อนน้อมถ่อมตน มือไม้อ่อน ตาวิบวับๆ ยิ้มทีนี่ป้าใจละลายเลย แกคงเจ้าชู้จริงอย่างข่าวว่านะ ขนาดป้าแก่แล้วนะเนี่ยแกยังโปรยเสน่ห์ใส่เลย”

คนฟังหัวเราะ แกล้งเย้าไปว่า “ป้านั่นแหละ ใส่ยาเสน่ห์ลงไปในก๋วยเตี๋ยวหรือเปล่า”

“ไม่มี้ มีแต่เสน่ห์ปลายจวัก ไม่เห็นรึ ผัวรักไปจนผัวตาย” คนพูดยืดอกภูมิใจพาดพิงไปถึงสามีผู้ล่วงลับไปหลายปีแล้ว

“ถ้างั้นเขาคงกำลังหาใครมาดูแลหัวใจ เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนสาวมาหยกๆ อาจจะหมายตาป้าเพราะติดใจในเสน่ห์ปลายจวัก”

“โอ๊ย สงสัยป้าอกหักแล้วละ เพราะแกมากับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าใสๆ น่ารักเชียวแหละ” ป้าช้อยเล่าต่ออย่างออกรส

น้ำหนึ่งนิ่งฟัง รอยยิ้มขบขันผุดขึ้นบนใบหน้า สงสัยนายตินพลคนเสน่ห์แรงจะมาหาเพื่อให้เธอช่วยเคลียร์สาวที่เข้ามาติดพันให้พ้นทางเสียกระมัง เหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อน เขาถูกสาวคนหนึ่งเกาะหนึบ สลัดเท่าไรก็ไม่หลุด เลยลงทุนขับรถมาหาถึงบ้านเพื่อให้เธอช่วยจัดการปัญหากวนใจครั้งนี้ ก็คงเป็นเช่นนั้นกระมัง

“เมื่อก่อนป้าคิดว่าหนูเพชรกับคุณตินพลนี่เป็นแฟนกันเสียอีก เห็นสนิทสนมกันมาก นึกว่าจะมีดารามาอยู่ใกล้ๆบ้านเสียแล้ว”

“ป้าคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” หญิงสาวย้อนถาม

“จริงซี หนูเพชรไม่รู้หรือว่าไอ้ท่าทีกระจุ๋งกระจิ๋งของหนูกับคุณตินพลน่ะ ใครเห็นก็ต้องคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งนั้น ขนาดอะไรนะ ปาปาราซซี่หรือ เขายังแอบไปแชะภาพมาได้เลย”

น้ำหนึ่งยิ้มแหย นึกไม่ออกว่าตนไปกระจุ๋งกระจิ๋งกับตินพลตอนไหน ภาพที่เคยถูกแอบถ่ายตนก็ไม่แยแส น้ำหนึ่งสามารถโอบไหล่ โอบเอว ขี่คอ หรือเล่นหัวกับเพื่อนสนิทต่างเพศได้โดยไม่คิดอะไรเกินเลยลึกซึ้ง

“มิน่าล่ะ เราถึงไม่มีแฟนสักที เพราะนายตังเตนี่เอง ทำตัวสนิทสนมจนคนอื่นเขาเข้าใจผิดกันไปหมด” เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ
โยนความผิดไปให้ตินพลแล้ว น้ำหนึ่งก็ยังคงต้องนั่งฟังป้าช้อยฟุ้งเรื่องเขาอยู่อีกพักใหญ่ จนเธอเริ่มเบื่อจึงหาทางเลี่ยงขอตัวกลับ

“เดี๋ยวก่อนซี” ป้าช้อยรั้งแขนไว้ คราวนี้สีหน้าท่าทางบ่งบอกความจริงจัง ไม่ระรื่นชื่นบานเหมือนเมื่อครู่แล้ว

น้ำหนึ่งเดาได้ทันทีว่าป้าช้อยกำลังจะเล่าเรื่องสำคัญและตนจำเป็นต้องรู้

“มีอะไรหรือป้า”

“เมื่อวานนี้” ความกังวลเคลื่อนเข้าครอบครองใบหน้าหญิงสูงวัย “คนบ้าที่มันป้วนเปี้ยนอยู่ท้ายตลาดน่ะ มันมาด้อมๆมองๆตรงหน้าบ้านหนูเพชร มันเดินโต๋เต๋เฉียดมาหน้าร้านป้าเหมือนกัน กลิ่นเหล้านี่เหม็นคลุ้งไปหมด ป้าไม่กล้าบอกแม่อัญชัน กลัวเขาจะกังวลจนเครียดหนัก แต่อยากบอกให้หนูเพชรระวังไว้ ป้าก็ไม่รู้มันบ้าจริงหรือไม่จริง อาจเป็นโจรปลอมตัวมาดูลาดเลาก็ได้”

“มาป้วนเปี้ยนอยู่นานไหมป้า”

น้ำหนึ่งกังวลบ้าง เนื่องจากอีกสองสามวันนี้ต้องไปหาลูกค้าที่ต่างจังหวัดเพื่อตรวจความเรียบร้อยของงานก่อนส่งมอบและรับเงินงวดสุดท้าย หากเธอไม่อยู่แล้วเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นจะทำอย่างไร

“น่าจะสักสิบนาที แล้วมันก็เดินไปทางท้ายซอย”

“ขอบคุณนะป้าที่ช่วยเป็นหูเป็นตา จะได้ระวังตัว บ้านก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น แต่ไม่เป็นไรมั้ง คนบ้าๆเมาๆคงไม่ค่อยมีแรงทำร้ายใคร” ประโยคท้ายเธอเอ่ยเพื่อปลอบใจตัวเอง

“ที่ไหนได้ล่ะ คนพวกนี้แหละแรงเยอะ จะบีบคอเราตายไม่รู้ตัว แถมทำแล้วไม่มีความผิดอีกต่างหาก เพราะมันบ้า” ป้ารีบแย้ง ก่อนเอ่ยทีเล่นทีจริง “ทางที่ดี ป้าว่าหนูเพชรรีบแต่งงานหาคนมาช่วยดูแลปกป้องดีกว่า”

“คงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะป้า”

น้ำหนึ่งตอบทันทีพร้อมรอยยิ้ม ทว่าในใจนั้นหน่วงหนัก คนที่เธออยากแต่งด้วยเขากำลังจะแต่งกับคนอื่นในอีกไม่นานนี้แล้ว
เฮ้อ ทำไมพักนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ เมื่อไรจะถึงวันดีๆของเธอสักที




เย็นวันนั้นวาริไปเยี่ยมเปมิกาที่บ้านอย่างที่ตั้งใจไว้ และต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อทราบจากหญิงแม่บ้านว่า
“ช่วงนี้คุณท่านไปดูงานต่างประเทศค่ะ คุณเป๊กกี้เลยไปอยู่คอนโดเห็นว่าใกล้ที่ทำงาน”

คุณท่านของนางหมายถึงประยุทธ บิดาของเปมิกา ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทแอดมีดีไซน์

“ไปอยู่คอนโดหรือครับ” วาริขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประยุทธไปต่างประเทศ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาไปดูงานแล้วเปมิกาแยกตัวออกไปอยู่คอนโดคนเดียว ทั้งที่หล่อนเคยพูดให้ได้ยินว่า

‘คอนโดซื้อไว้อย่างนั้นแหละค่ะ เอาไว้หลบภัย อย่างช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี ๕๔ ก็ได้ใช้ประโยชน์ แต่ให้ไปอยู่คนเดียวเป๊กกี้คงไม่เอาเด็ดขาดเลย ลำบากแย่ ไม่มีแม่บ้านคอยดูแลจะอยู่เข้าไปได้ยังไง’

นั่นสิ วารินึกเห็นด้วย เปมิกาเติบโตมาท่ามกลางความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ถึงหล่อนจะดูน่ารักเรียบร้อยเยี่ยงกุลสตรีไทย แต่เขารู้ว่าหล่อนทำงานบ้านงานครัวไม่เป็นเลย เพราะนอกเหนือจากการดูแลบัญชีและการเงินของบริษัทผู้เป็นพ่อแล้ว หล่อนแทบไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไร แค่ออกปากบอกสิ่งที่อยากได้ บริวารในบ้านก็พร้อมจะกุลีกุจอหามาให้ แล้วนี่นึกอย่างไรออกไปอยู่คนเดียว แถมตอนนี้ยังไม่สบายอีกด้วย

ความเป็นห่วงทวีขึ้นเป็นเท่าตัว วาริไม่ปล่อยให้ความรู้สึกดังกล่าวกัดกร่อนใจให้ความสุขที่มีอยู่น้อยนิดนั้นพลอยมลายไปด้วย เขาบึ่งรถตรงไปยังคอนโดของเปมิกาทันที

ปกติทางคอนโดจะไม่ยอมให้คนนอกเข้าไป วาริต้องโทร.หาเปมิกาบอกหล่อนว่าเขามาหานั่นละ หล่อนจึงโทร.แจ้งยามรักษาความปลอดภัยอนุญาตให้เขาขึ้นไปได้ แต่กระนั้นหล่อนก็บ่นเขาไปหลายคำ

“เป๊กกี้สบายดีค่ะว่าน ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ก็แค่เสียงเปลี่ยนเพราะผิดอากาศ ว่านไม่เห็นต้องตื่นตูมเลย จะมาให้ลำบากทำไมคะ”

ช่างแตกต่างจากเปมิกาที่เขารู้จักคุ้นเคยเสียนี่กระไร เปมิกาคนนั้นมีแต่กระเง้ากระงอดให้เขาเอาใจใส่ดูแล ยิ่งชิดใกล้เท่าไร หล่อนยิ่งพอใจเท่านั้น

ชายหนุ่มสลัดความสงสัยออกไปเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง กดกริ่งแล้วรออยู่อีกนานกว่าเจ้าของห้องจะมาเปิดประตูรับด้วยอาการสะโหลสะเหล

วารินิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ เกือบเดือนที่ไม่ได้พบเปมิกา ทำไมหล่อนดู...จะว่าทรุดโทรมก็พูดได้ไม่เต็มปาก หล่อนยังคงสะสวยอ่อนหวาน อาจจะเป็นความอิดโรยในสีหน้ากระมังที่ทำให้หล่อนดูแปลกไป ผิวขาวอมเหลืองซีดราวกับหมกตัวอยู่ในถ้ำไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันมาเนิ่นนาน แก้มซูบลง ขอบตาคล้ำเหมือนคนอดนอน ริมฝีปากบางเฉียบแห้งแล้ง ไม่ชุ่มชื้นฉ่ำหวานด้วยลิปกลอสเหมือนเคย

“ทำไมมองเป๊กกี้อย่างนั้นล่ะคะ ทำเหมือนไม่เคยเห็นกันอย่างนั้นแหละ” หล่อนเอ่ยพลางยกมือเสยผมยาวรุ่ยร่ายปรกหน้าไปด้านหลัง ส่งผลให้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งยาวคลุมสะโพกที่หล่อนใส่นอน เลิกขึ้นเผยให้เห็นกางเกงผ้ายืดขาสั้น...สั้นมากๆ ชนิดที่ว่าปล่อยชายเสื้อลงมาก็เหมือนช่วงล่างไม่ได้สวมอะไรเลย

บอกตรงๆว่าวาริไม่เคยเห็น ไม่เคยอยู่กับเธอในที่ส่วนตัวแบบนี้มาก่อน จึงติดภาพหญิงสาวผู้เรียบร้อยสดใสอ่อนหวานน่ารักน่าทะนุถนอม ครั้นเจอเข้าเช่นนี้จึงประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

“สภาพแบบนี้ เป๊กกี้ยังบอกว่าตัวเองสบายดีอีกหรือ” พร้อมกับพูด ชายหนุ่มบังคับสายตาให้ผละจากต้นขาขาวซีด ไล่ขึ้นไปสบตารูปเมล็ดอัลมอนด์แทน น่าแปลกเมื่อแววหวานเลือนหายไปเกือบหมด ที่เข้ามาทดแทนคือความกร้านกระด้างซึ่งเขาไม่เคยพบ

“เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาหมอเถอะเป๊กกี้ ผมพาไปเอง”

ขณะชวน มือใหญ่กำรอบข้อมือกลมกลึงทำท่าจะจับจูงไปส่งยังห้องนอน

“เป๊กกี้ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไปกับว่าน” เปมิกาตวาดแหวเสียงแหลม สะบัดข้อมือหลุดจากพันธนาการ ก้าวถอยหลังออกห่าง “ว่านเลิกยุ่งกับเป๊กกี้แล้วกลับไปเถอะ เป๊กกี้อยากนอน”

“เป๊กกี้” วาริอุทานเสียงแผ่ว คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากัน ไม่อยากเชื่อว่าปฏิกิริยาตอบกลับจากแฟนสาวจะเป็นเช่นนี้ เขาก้าวเท้าเข้าใกล้ “เป๊กกี้ไม่สบายจนเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”

“เอ๊ะ ว่าน บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไร กลับไปเสียทีเถอะ เป๊กกี้จะนอน ผู้ชายอะไรน่าเบื่อจริงๆเลย พูดไม่รู้เรื่อง”

“นี่เป๊กกี้เห็นความห่วงใยของผมเป็นเรื่องน่าเบื่อไปแล้วหรือ” ทั้งที่หล่อนเคยเรียกร้องต้องการเขาแทบตลอดเวลา

“อย่าว่าแต่ความห่วงใยเลย ตัวคุณก็น่าเบื่อใช่ย่อยนะว่าน ทึ่มทื่อเป็นสากกะเบือ ไม่เร้าใจ ไร้เสน่ห์ น่าเบื่อที่สุด”
เปมิกาหลุดคำว่าน่าเบื่อซ้ำขึ้นมาอีก และไม่มีทีท่าลังเลแม้สักน้อย หล่อนพูดต่อราวกับกลัวว่าเรื่องราวระหว่างหล่อนกับวาริจะเลยเถิดไปไกลกว่าจุดที่ตนยืนอยู่

“ว่าน เป๊กกี้ขอพูดตรงๆนะ เราสองคนคงไปกันไม่รอดหรอก เป๊กกี้ว่าเราเลิกกันเถอะ อย่าดันทุรังคบหากันจนถึงขั้นแต่งงานเลย บอกตรงๆ เป๊กกี้คงทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น หากต้องแต่งงานกับว่านจริงๆ”

วาริยืนอึ้ง เหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ พูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก น้ำเสียงหญิงสาวจริงจังเกินกว่าจะคิดว่าหล่อนล้อเล่น

“เป๊กกี้ คุณพูดอะไรผิดหรือเปล่า”

“ไม่ผิดค่ะ” หล่อนโต้กลับทันที ฉะฉานผิดกับเปมิกาคนที่เขาเคยรู้จัก “เป๊กกี้ทบทวนมาสักพักแล้ว เป๊กกี้มั่นใจว่าไม่ได้รักว่าน เราล้มเลิกการแต่งงานแล้วมาเป็นเพื่อนกันเถอะ”

“ทำไมล่ะ” เสียงห้าวทุ้มเบาหวิว

“ก็คุณมันน่าเบื่อ เรื่อยเฉื่อย จืดชืด ไร้สีสัน พ่อคุณชี้ไปทางไหนคุณก็ก้มหน้าเดินไปทางนั้น ไม่คิดจะบอกกล่าวเขาเลยว่าไม่ชอบทางที่กำลังเดินอยู่ คุณไม่ต่อสู้เพื่อความฝัน อีกหน่อยถ้าเป๊กกี้แต่งไป คุณไม่จูงมือเป๊กกี้แล้วก้มหน้าก้มตาเดินต้อยๆไปบนหนทางที่พ่อคุณเลือกเหรอ เป๊กกี้ไม่เอาด้วยหรอก จะบอกให้นะว่าน ถ้ายังทนอยู่แบบนี้ก็เป็นไม้ดัดไปทั้งชาติไม่มีวันผงาดเป็นไม้ใหญ่ได้หรอก”

พอเปมิกาได้พูด สิ่งที่คั่งค้างในใจก็พรั่งพรูออกมาจนหมด หล่อนเสยผมแรงๆตามอารมณ์อันพลุ่งพล่านอยู่ในอกในใจ
วาริไม่เคยรู้มาก่อนว่าหญิงสาวที่คบหาดูใจกันมาหลายปีคิดอย่างไร ได้แต่ตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแฟนสาวจนยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น

เป็นครู่ กว่าเขาจะหาเสียงตัวเองพบ

“ก็ได้เป๊กกี้ ก็ได้ ถ้าคุณต้องการ เราเลิกกันตอนนี้เลยก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครืออย่างคนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่

วาริเดินกลับมาที่รถได้อย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่ในหัวล้วนมีประโยคที่ว่า ‘คุณมันน่าเบื่อจืดชืด ไร้สีสัน’ เต็มไปหมด ชายหนุ่มตอบไม่ถูกว่าตนรู้สึกเช่นไร เสียใจหรือ...ไม่ใช่เลย เขาไม่ได้เสียใจ ถ้าเสียใจแล้วทำไมอยู่ดีๆถึงยิ้มและหัวเราะเสียงดังลั่นรถราวกับคนบ้า ลองปาดหลังมือลงบนดวงตาก็ไม่มีน้ำตาสักหยด

เขากำลังดีใจต่างหาก ดีใจกับอิสรภาพที่ได้รับจนนึกอยากดื่มฉลองทั้งที่ปกติไม่เคยไปนั่งดื่มที่ไหนเป็นเรื่องเป็นราว เคยแต่ชิมเหล้าเพื่อเปรียบเทียบรสชาติ หาจุดเด่นจุดด้อยเพื่อพัฒนาเหล้าของสหทรัพย์ให้ต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดได้

ชายหนุ่มผู้รู้จักรู้ใจตัวเองดีกว่าใครคิดล่วงหน้าไปแล้วว่า สิ่งที่เขาจะทำเป็นอย่างแรกเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันใหม่คืออะไร

...เดินทางตามเสียงของหัวใจ อย่ามัวชักช้าอยู่เลย

นั่นคือสิ่งที่เขารู้...ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้คือ เขาไม่มีโอกาสได้ทำอย่างที่ตั้งใจ และอีกนานนักกว่าจะได้ทำเช่นนั้น

************************************************* 

ทักทายท้ายเรื่อง

น้องยิ้มจัง มาคอมเม้นท์คนแรกแซงหน้าเกดซ่าเลยทีเดียว ใครคู่ใครต้องรอลุ้นกันต่อไปค่าาา เกดซ่าอาจคู่วาริก็ได้นะ อย่าเพิ่งมองข้ามเธอไป ๕๕๕

คุณใบบัวน่ารัก เรื่องนี้มีเหตุผลค่ะว่าทำไมวิไลวรรณมีลูกคนเดียว เดี๋ยวจะเฉลยตอนท้ายๆเรื่อง รอลุ้นค่ะ

พี่แตงกวาขา หลังจากน้องดูคลิปราดน้ำแข็งของพี่แล้ว น้องเชื่อว่าริชาร์ดกับวิไลวรรณทำอะไรพี่ไม่ได้เลย ๕๕๕

เกดซ่า เวลาที่เธอรอคอยใกล้มาถึงแล้ว แอร๊ะะะะะ บอกแล้วไงว่าไม่สปอยล์

คุณรินทร วาริน่าสงสาร ซาตานก็น่าล้วงตับ เลือกไม่ถูกเบย กลับไปหาปัถวีดีก่า

อสิตา ไอ้กเก้ามัวแต่เล่นเกม หนังสือจะออกอยู่แระ รีบตามมาไวๆ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ วาริถูกชี้หน้าและตะโกนใส่ว่าคุณคือจุดอ่อน ๕๕๕ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้ชายดีๆในนิยายก็ไม่มี อ้าว ไม่ใช่แระ รอตามกันต่อดีกว่าค่ะ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ เจ๊ไม่ได้ยั่ว ไม่ได้ล่อหลอก ไม่ได้แหย่เย้าแต่ประการใดเลย แล้วเจีก็ไม่ได้แกล้งตัวละครด้วย เขาดำเนินไปตามวิถีโดยที่เจ๊คุมไม่อยู่ ขอให้เชื่อเจ๊ ทำตาปริบๆ

น้องหมีบุลินทร นานๆ น้องจะตามอ่านนิยายแบบนี้ พี่ดีใจนัก ปกติจะบอกว่ารอเป็นเล่ม ๕๕๕

คุณ goldensun ถ้าวีวี่บอกลูกชายตั้งแต่ตอนนั้น ก็เหมือนเอาไฟไปสุมใจลูก นางก็ทันสมัยอย่ ไม่ถือสาเรื่องกิ๊กกั๊กเพราะเจอมากับตัวก็เยอะ นางก็หวังว่าทั้งคู่จะกลับมาดีเหมือนเดิมได้อะนะ

คุณสุขุมวิท ๖๖ ไม่เจอกันนาน สบายดีไหมคะ คิดถึงค่ะ ^_^

คุณ Moona Narak ความลับที่ลุ้นเปิดเผยไวกว่าที่คิดค่ะ ว่องไวปานโกหก

จบตอนกันไปแบบเข้มข้นทีเดียว เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นไง ใครที่ตามติดชีวิตวาริ ต่อจากนี้พลาดไม่ได้แม้สักบรรทัดเดียว ๕๕๕ เว่อร์นัก พรุ่งนี้เจอกันค่ะ



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2557, 03:03:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2557, 03:03:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1310





<< บทที่ ๕ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๖ >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 16 ก.ย. 2557, 04:14:31 น.
อ่านตอนแรก ก็เข้าใจไปว่า ยัยคุณหนูไฮโซต้องติดยาแน่ๆ อ่านต่ออีกพัก เอ๊ะ หรือยัยคุณหนูจะโดนผีเข้า จนเปลี่ยนตัวเอง โอ้ยยย ซับซ่อน ไหนตัวจริง ตัวปลอม แล้วร่างเดวิลของพี่ริเนี่ย ก็คือภาคดำของฮีเองช้ะ คือแบบถูกกดอยู่ข้างในมามาก โดนน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไป ฮีเลยผงาดขึ้นมาแทน โอ้ยยยยยยย แล้วใครจะมาเป็นดวงตาให้หนึ่งกันละทีเนี้ยยย


อสิตา 16 ก.ย. 2557, 05:14:20 น.
ตื่นเป็นป้าแก่ผีดิบกันอยู่สองคน วันนี้ตามมาลงไวแล้ว แฮ่กๆๆ


พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2557, 05:38:42 น.
555555555 วิไลวรรณยอมแพ้เลยรึ
ขำตอนเกดซ่าพากย์ละคร ได้อารมณ์จริงๆ
ไปเลยเป๊กกี้ ชิ้วๆ หน๋อย มาว่าพ่อว่านซะเสียหายเชียว แม่ยกเคือง
พ่อว่านหาหัวใจตัวเองให้เจอนะ


yimyum 16 ก.ย. 2557, 06:35:49 น.
วาริคงจะอยากกระโดดจนตัวลอยสินะคะดีใจขนาดนั้นอ่ะ


ใบบัวน่ารัก 16 ก.ย. 2557, 06:49:44 น.
ทุกอย่างมีเหตุผล
แต่ มันจะสายไป หรือเปล่า?


ketza 16 ก.ย. 2557, 10:32:40 น.
เดี๋ยวมาอ่านค้าาาา


ริญจน์ธร 16 ก.ย. 2557, 10:45:53 น.
วาริเริ่มรู้ใจตัวเองแล้วสินะ แต่ดูท่าคนเขียนจะใจร้าย หย่อนตอนท้ายได้น่าหวั่นใจนัก


ดังปัณณ์ 16 ก.ย. 2557, 11:31:19 น.
ไม่ต้องมาหลอกเบยยยยยยยยย ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ หนอนได้บทเรียนมาจากคุณศาสแล้วขอบ็อกกกกกกกกกกกกก

อุโถ วานี่คุง นางเป็นอิสระแล้วจินะ แต่ แต่ แต่ กระทืบๆๆๆ อิผีที่เข้ามาสิงวานี่ ม่ายยยยยยยยยยยยยย นางทำอะไรกะวานี่ของหนอนนนนนนนนนนนนนนนน วานี่กำลังจะไปหาหนูหนึ่ง ทำวานี่ทำไม้! อ๊ะ!อย่าบอกนะ ว่าวานี่ไปกินเหล้าฉลองอิสระ แล้วเฮียดันรถชน แล้วอิผีเลยเข้าสิงได้ แล้วใครๆก็นึกว่านางเสียใจอกหัก กรี๊ดดดดดดด โน้ว!

มโนเป็นเรื่องเป็นราว


Barby 16 ก.ย. 2557, 14:40:13 น.
อ่านทันพอดี เอวารินี่ดีใจจะไปทางน้ำหนึ่งเย้ว


ketza 16 ก.ย. 2557, 22:27:46 น.
โถๆๆๆ วาริก็น่าฉงฉานนน
แต่ๆๆ รอซาตานอยู่ค้าาา 555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account