วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๘ (ครึ่งแรก)

ในที่สุดแพทย์ก็อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เป็นครั้งแรกที่เผด็จเห็นวรุตม์และวิไลวรรณมาถึงโรงพยาบาลพร้อมเพรียงกัน ด้วยรถคันเดียวกัน วรุตม์ไม่มีคนขับรถอย่างที่เผด็จคาดเดา เขาขับรถเองและดูท่าทางจะชอบเสียด้วย ปฏิสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เหมือนเพื่อนกันมากกว่าสามีภรรยา หรือความจริงแล้วพวกเขาลดสถานะความสัมพันธ์เหลือเพียงเพื่อนกันจริงๆ ทว่าไม่อาจแยกจากกันได้เพราะต้องการรักษาหน้าตาทางสังคม ไม่เช่นนั้นแล้ววิไลวรรณจะกล้าพาริชาร์ดมาเยี่ยมเขาโดยไม่เกรงใจสามีได้หรือ

เมื่อคิดถึงริชาร์ด ความรู้สึกคุ้นตาคุ้นใจก็หวนกลับมารบกวนเขาอีกครั้ง ไม่ใช่คุ้นอย่างเดียว เขาเริ่มจะนึกออกแล้วด้วยว่าหนุ่มริชาร์ดหน้าตาละม้ายคล้ายใคร

แสงแดดจัดจ้าภายนอกอาคารจอดรถสาดส่องผ่านกระจกรถเข้ามาต้องผิวกาย ความคิดคำนึงถึงหนุ่มลูกครึ่งผู้นั้นถูกดับลงกะทันหัน เผด็จหยีตาสู้แสง ริมฝีปากเม้มแน่น เหงื่อผุดพราวเต็มหน้า

เขาไม่ชอบแดด ไม่ชอบความร้อน มันชวนให้เขาคิดถึงสถานที่ที่หลบหนีมา กลิ่นของความทรมาน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดปานวิญญาณจะแตกดับยังคงตรึงตราอยู่ในดวงจิต เพียงหวนคิดก็สยองใจจนต้องห่อไหล่เข้าหากัน

“เป็นอะไรหรือเปล่าว่าน ทำไมตัวสั่นหน้าซีดแบบนั้น...” วิไลวรรณซึ่งนั่งอยู่บนเบาะตอนหลังชะโงกหน้ามาถาม น้ำเสียงห่วงใยมาพร้อมกับหลังมืออุ่นๆทาบลงบนหน้าผาก “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ หวังว่าคงไม่ได้ปวดฉี่อีกหรอกนะ”
“เปล่า ผมไม่ได้ปวดฉี่” เขาตอบ ตกใจที่เสียงตัวเองสั่นได้ขนาดนี้ เผด็จผู้อาจหาญทะนงองอาจหายไปไหนกัน ทำไมกลายเป็นคนอ่อนแอหวาดกลัวกระทั่งแสงแดด

“แอร์เย็นเกินไปหรือเปล่า” วรุตม์ออกความเห็นพลางยื่นมือมาอังหน้าช่องแอร์ “ก็ไม่นี่ ทำไมสั่นอย่างนั้นล่ะว่าน”

“แดด...แดดแรงไป” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเบาหวิว และเหมือนคำพูดนั้นจะฟังดูไร้น้ำหนัก เชื่อถือได้ยาก เขาจึงเสริมเข้าไปอีกนิด ซึ่งก็ไม่ได้ดูน่าเชื่อไปกว่าเดิมเท่าไรนัก “ผมแพ้แดด”

“แปลก” วิไลวรรณออกปาก สายตาพินิจพิเคราะห์บุตรชายอย่างถี่ถ้วน “ว่านไม่เคยแพ้แดดนะ ชอบไปอาบแดดย้อมผิวเป็นสีแทนด้วย เพราะไม่ชอบที่ผิวตัวเองขาวเกินไป”

“สมองลูกได้รับความกระทบกระเทือน คงกำลังสับสนน่ะวี” วรุตม์บอกภรรยา

“ปกติคนความจำเสื่อมเห็นอะไรที่คุ้นที่ชอบ มันจะกระตุ้นความทรงจำไม่ใช่หรือ แต่ว่านตรงข้ามทุกอย่างเลย สิ่งที่ชอบอย่างผลไม้หรือแสงแดดก็กลับเกลียดเสียอย่างนั้น”

“ผมไม่ชอบแดด มันร้อน ร้อนจนแสบไปหมด” เผด็จไม่ได้ดัดจริตอย่างที่เคยแดกดันวาริไว้ เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ขณะพูดเขาลูบแขนทั้งสองข้างซึ่งพ้นจากเสื้อยืดแขนสั้นอยู่ป้อยๆ ฟิล์มเคลือบกระจกรถไม่อาจกรองแสงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แสงแดดลอดผ่านได้เพียงเบาบางก็จริง แต่ความรู้สึกเขากลับรุนแรงราวกับกำลังยืนท่ามกลางแดดจ้าในทะเลทรายร้อนแล้ง

วิไลวรรณคงทนเห็นเขาทรมานไม่ไหว หรือไม่อีกทีก็รำคาญท่าทางที่ดูเหมือนดัดจริตนี้เต็มทน จึงส่งผ้าห่มผืนบางสำหรับห่มในรถซึ่งพับอยู่บนเบาะหลังมาให้

เผด็จรับมาคลี่ห่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลับตาทิ้งศีรษะพิงพนัก ไม่อาจลืมตาสู้แสงแดดอีกต่อไปได้

“แล้วเมื่อไหร่ว่านจะหายดีกลับไปช่วยงานพ่อล่ะ” เสียงวรุตม์เปรยมาจากข้างตัว

“นี่คุณ ลูกกำลังไม่สบาย อย่าเพิ่งมาพูดเรื่องงานได้ไหม” วิไลวรรณเอ็ดเสียงเขียว “เลิกผลักดันให้ลูกสานต่อความฝันของคุณทีเถอะ”

“ผมกำลังสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในใจลูกต่างหาก งานทำให้คนมีค่า”

เหตุผลของวรุตม์ทำให้คนนั่งหลับตาฟังเบ้ปากออกมาอย่างไม่เห็นด้วย

“ความดีต่างหากที่ทำให้คนมีค่า” เผด็จโพล่งออกมาโดยไม่ลืมตา อะไรดลใจเขาให้เอ่ยออกไปแบบนั้นก็ไม่อาจรู้ได้ อาจเป็นความรู้สึกจากการได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงกระมัง อย่างนี้เองที่เขาว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

ประกอบกับเรื่องราวของวาริซึ่งวิไลวรรณเพียรเล่าให้ฟังทุกวันเพื่อทบทวนความทรงจำ เผด็จฟังแล้วก็สงสารและสมเพชเจ้าของร่างที่เขาสิงสู่อยู่ยิ่งนัก

‘ว่านทำงานกับคุณพ่อ ดูแลเรื่องการตลาดมาตั้งแต่เรียนจบ ว่านทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อมาสานต่อความฝันของพ่อ ขยายอาณาจักรของพ่อให้กว้างไกลยิ่งขึ้น...อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้แม่ได้คิดว่าชีวิตคนเราสั้นนัก ว่านรอดตายมาได้แม่ก็ดีใจ แม่อยากให้ว่านใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขจ้ะ’

‘พูดเหมือนไม่อยากให้ผมทำงานกับพ่ออย่างนั้นแหละ’ จำได้ว่าเขาย้อนถามไปแบบนั้น

‘ถ้าว่านไม่ชอบ ไม่ต้องการ ก็ไม่จำเป็นต้องทน’

‘ผมเป็นทายาทคนเดียวไม่ใช่หรือครับ ถ้าผมไปทำอย่างอื่น แล้วธุรกิจในเครือสหทรัพย์จะยกให้ใครดูแลต่อ’

‘ถ้าว่านไม่ชอบ ไม่อยากทำ ก็ไม่จำเป็นต้องหวงไว้ ระหว่างเจ้าของธุรกิจที่ตัวเองไม่ได้ชอบแถมตายแล้วก็แบกไปด้วยไม่ได้ กับความสุขในทุกๆวันที่เกิดจากการทำงานที่รัก ว่านเลือกได้ว่าจะเอาแบบไหน’

เผด็จเป็นคนเอาแต่ใจ ความคิดความฝันและความต้องการของเขายิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นเสมอ หากเขาเป็นวาริ เขาก็คงทะยานไปบนหนทางที่ตนต้องการอย่างแน่นอน จริงอยู่ งานทำให้คนเรามีค่า แต่ความดีทำให้คนเรามีคุณค่าและน่าจดจำ

คำพูดง่ายๆสั้นๆของเขาส่งผลให้ภายในรถเงียบกริบไปอึดใจใหญ่ แล้วเป็นวิไลวรรณที่หัวเราะออกมา น้ำเสียงชอบอกชอบใจทีเดียว

“หัวเราะอะไรวี ขำอะไรนักหนา” วรุตม์อารมณ์เสียใส่ภรรยา ก่อนร่ายยาวใหญ่โต “ว่านพูดแบบนี้เหมือนว่าพ่อไม่ดี พูดเหมือนไม่อยากทำงานกับพ่อ งานที่พ่อทำก็เป็นงานสุจริต ไม่ได้ลักขโมยใครมา คนทำงานสุจริตไม่ใช่คนดีตรงไหน”

“ตรงที่มันทำให้คนมากมายขาดสติ และคนเหล่านั้นอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราไม่มีทางรู้หรอกว่าคนที่กินเหล้าเมาจะไปข่มขืนลูกเมียใคร จะไปลักวิ่งชิงปล้นใครให้เดือดร้อน หรือบางที...ความเดือดร้อนนั้นมันอาจจะวกมาถึงเราหรือคนใกล้ตัวเราก็ได้”
ขณะพูด เผด็จข่มกลั้นความอยากเหล้าไปด้วย รู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็นึกอยากดื่ม นี่แหละเข้าตำรามือถือสาก ปากถือศีล

“พูดอย่างกับพระ” วรุตม์บ่น “ถึงเราไม่ผลิตเหล้า คนอื่นเขาก็ทำ หรือต่อให้ไม่มีโรงงานผลิตเหล้าในประเทศเลย คนมันก็ต้มเหล้าเถื่อนกินกันเอง สุดท้ายก็เมาเหมือนเดิม สหทรัพย์จะผลิตเหล้าหรือไม่ โลกก็ไม่ได้เปลี่ยนไป”

“ก็จริง ถ้าเรามัวเถียงกันเรื่องนี้ก็เหมือนพายเรือวนในอ่าง หาทางออกที่ตรงกันไม่เจอแน่ เอาเป็นว่าผมไม่อยากทำ และผมก็จะไม่ทำ” เผด็จพูดจากใจ เขาพูดแทนวาริด้วย ถือเป็นการตอบแทนที่ยึดร่างมาใช้ชั่วคราว

“เอาละ พ่อจะไม่เถียงกับว่านตอนนี้ รอให้ว่านหายดีเราค่อยมาคุยกันใหม่ แต่พ่ออยากให้รู้ไว้ ที่พ่อทำทุกอย่างนี่ก็เพื่อทิ้งไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้า”

ชายหนุ่มนิ่งไปนิด และตัดสินใจเอ่ยออกไป
“ให้ในสิ่งที่คนรับไม่ต้องการ ก็เหมือนเอาความทุกข์ไปยัดเยียดให้เขา ความทุกข์มันไม่ใช่จิ้งจกตุ๊กแกที่กระโดดมาเกาะ จะได้ปัดทิ้งง่ายๆ เขาต้องทนแบกรับไปทั้งชีวิตนะครับ”

วรุตม์นิ่งเงียบ สายตาหมกมุ่นครุ่นคิดมองไปข้างหน้า

ส่วนวิไลวรรณซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังยิ้มด้วยความภูมิใจ...ไม่มีใครสังเกตเลยว่าตลอดเวลาของการสนทนา ชายหนุ่มมิได้ลืมตาสู้แสงแดดเลยแม้แต่น้อย




เพียงสามวันที่เผด็จเข้ามาอยู่บ้านสหทรัพย์ในฐานะ ‘คุณว่าน’ หลายสิ่งหลายอย่างก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เตียงกว้างซึ่งลาดปูด้วยผ้าเนื้อดีสีครีมตัดกับผ้าห่มสีฟ้าเข้มสบายตา รวมทั้งผ้าม่านขาวนวลเสริมให้ห้องดูกว้างขวางสว่างสบายตา ทั้งหมดถูกโละออกไป ผ้าคลุมเตียงสีน้ำเงินเข้มถูกนำมาแทนที่ ปลอกหมอนและผ้าห่มสีดำระยับข่มความสดใสเก่าก่อนจนไม่เหลือเค้า ม่านสีน้ำตาลเข้มเกือบดำบดบังแสงสว่างจากภายนอกสียสิ้น

“มันไม่ทึบเกินไปหรือว่าน” วิไลวรรณออกปากทักหลังจากช่างติดตั้งผ้าม่านเสร็จ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบห้อง “ทึบยังกับอยู่ในโลงศพ”

เผด็จหัวเราะเห็นฟันขาว “ไม่มีใครหนีพ้นหรอกครับ ถือว่าซ้อมไว้”

“ว่านนี่ พูดอะไรไม่เป็นมงคล” สาวใหญ่ตีเพียะเข้าที่ต้นแขนบุตรชาย “แล้วเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ แม่ให้เด็กซักแล้วนะ เย็นนี้คงเอามาจัดเข้าตู้ได้”

“ดี เบื่อเสื้อผ้าพวกนี้เต็มที” ยามลืมตัว เขาก็พูดจาห้วนสั้นไร้หางเสียงดังเดิม ชายหนุ่มก้มมองเสื้อสีเหลืองอ่อนกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีขาวที่ตนสวมอยู่แล้วส่ายหน้า เสื้อผ้าทั้งตู้มีแต่สีโทนสะอาด ขาวๆครีมๆ จืดชืดเหมือนแกงจืดไม่ใส่ผัก

“นี่ แว่นกันแดดยี่ห้อและรุ่นที่ว่านอยากได้” พร้อมกับพูด วิไลวรรณหยิบกล่องสีดำเหลือบเงินในกระเป๋าสะพายใบใหญ่มาส่งให้

“ขอบคุณครับ” เผด็จรับกล่องแว่นมาเปิดดู เมื่อเห็นของในกล่องก็ยิ้มพอใจ เป็นวารินี่ก็ดีอย่าง อยากได้อะไร เพียงแค่ออกปากก็มีคนไปวิ่งหามาให้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ

“ห้องใหม่ของว่านทำให้แม่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ว่านจะอยู่ห้องทึบๆแบบนี้จริงหรือ”

เผด็จยิ้มแทนคำตอบ เขาไม่ชอบแสงแดด ห้องทึบทึมนี่เป็นเหมือนสวรรค์ของเขาเชียวละ

เมื่อบุตรชายไม่เอ่ยคำใด วิไลวรรณจึงตัดบท

“ว่านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอก นัดกับริชาร์ดไว้ คงกลับเย็นๆ ว่านอยากได้อะไรก็เรียกเด็กข้างล่างขึ้นมาช่วยนะ”

“ครับ”

วิไลวรรณพาร่างระหงตรงไปยังประตูห้อง ทว่ายังไม่ทันจะก้าวพ้นก็ย้อนกลับมาใหม่ เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้

“เออ ว่าน ถ้าว่านหายดีแล้ว เราไปเที่ยวทะเลกันนะ ริชาร์ดเขามีบ้านพักส่วนตัวที่กระบี่ เขาให้เราพักได้ช่วงนี้ แล้วเดี๋ยวเขาจะต่อเติมใหม่ ไปนะว่าน...เราไม่ได้เที่ยวกันตามประสาแม่ลูกมานานแล้ว”

ทะเล กระบี่ สองคำนี้มาพร้อมกับคำว่าแดดจัด แล้วเขาจะทนอยู่ได้อย่างไร...แต่

“ริชาร์ดไปด้วยหรือเปล่า”

“แน่นอนจ้ะ” สาวใหญ่ยิ้มพราย นัยน์ตาเปล่งประกายแห่งรักระยับพราว หล่อนเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “แต่เขาจะไม่ก้าวก่ายเวลาพักผ่อนของเราแน่นอน ว่านไม่ต้องกังวลนะว่าจะไปขัดจังหวะแม่”

ชายหนุ่มยิ้มตาม เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เผด็จก็แลเห็นความน่ารักของวิไลวรรณ หล่อนเป็นผู้หญิงสะสวย อารมณ์ดี มีอารมณ์ขันอยู่เสมอ แถมไม่ได้นั่งงอมืองอเท้าแต่งตัวสวยอยู่กับบ้าน หล่อนทำงานและดูแลลูกอย่างใกล้ชิดไปในเวลาเดียวกัน แม้ว่าลูกชายจะโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วก็เถอะ...ช่างผิดกับภาพในข่าวสังคมที่เขาเคยผ่านตาลิบลับ

แปลก...ทำไมวรุตม์จึงหมางเมินภรรยาที่ครบครันเพียบพร้อมเช่นนี้ไปได้

“ว่าไง ตกลงไหม”

คำถามของคนที่อยู่ในห้วงความคิดดึงเขาออกจากภวังค์

“ผมจะรอวันนั้นครับ”

เผด็จยิ้มอย่างหมายมั่น ไม่ใช่เพราะอยากเที่ยวทะเล อยากอาบแดดย้อมผิวเป็นสีแทนแบบที่ไอ้นายวาริชอบ แต่เขาไปเพราะริชาร์ด...เขาอยากพิสูจน์ว่าผู้ชายคนนี้ใช่คนเดียวกับที่เขาจดจำรำลึกได้หรือเปล่า เขาต้องรู้ให้ได้




“รัน พักนี้ซูบไปนะ เที่ยวหนักหรือเปล่า”
มาลินถามบุตรชายขณะอีกฝ่ายเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์ นิ้วควงกุญแจรถด้วยความเคยชิน พวงกุญแจที่เป็นเปลือกหอยถักหุ้มขอบด้วยเชือกกวัดไกวไปมา ดวงตาคมสวยจากการเสริมแต่งของหล่อนจ้องมองอย่างค้นหา

“ผมไม่ได้เที่ยวไหนนะฮะแม่ อยู่คอนโดทุกคืน”

“แล้วอยู่คอนโดน่ะ ปาร์ตีหนักหรือเปล่าล่ะ” น้ำเสียงมาลินส่อแววคาดคั้น

นิ้วที่ควงกุญแจรถด้วยความเคยชินยุติลง มือข้างนั้นสอดลงกระเป๋ากางเกง คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน หัวคิ้วซึ่งปกติแทบจรดชิดติดกันอยู่แล้วยิ่งขยับเข้าหากันมากขึ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่าง แววตาฉายความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง

“แม่ฮะ ผมอายุสามสิบแล้วนะฮะ ไม่ใช่เด็กสามขวบที่ต้องรายงานแม่ทุกเรื่อง”

“รัน อย่ามาอารมณ์เสียใส่แม่นะ แม่เป็นห่วงถึงได้ถาม”

“แม่ไม่ไว้ใจผมต่างหาก” เขาย้อนกลับทันทีโดยไม่เสียเวลายั้งคิด “ยอมรับเถอะฮะว่าแม่ไม่เคยเห็นผมโตเป็นผู้ใหญ่สักที”

สีหน้าและแววตามาลินบ่งบอกชัดว่าหล่อนเสียใจกับคำพูดนั้น

“เพราะแม่เห็นรันโตแล้วต่างหาก แม่ถึงได้ห่วง เพราะเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำผิดพลาดมักร้ายแรงกว่าเรื่องที่เด็กทำหลายเท่านัก แถมบางทีผู้ใหญ่ก็เจตนาทำอะไรผิดๆ เพราะคิดว่าตัวเองสามารถปกปิดมันไว้ได้ตลอดไป”

“เหมือนที่แม่ทำใช่ไหมฮะ” ชรัณย้อนเสียงเย็น ไม่หลงเหลือเค้าของชายหนุ่มอารมณ์ดีอย่างที่หลายคนเคยเห็น

มาลินหน้าชา เจ็บยิ่งกว่าถูกตบ ริมฝีปากนุ่มถูกกัดแน่น อย่างนี้ใช่ไหมถึงมีคำพูดที่ว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ายิ่งกว่าคำสั่งสอน ถ้าคนสอนทำไม่ได้ คนถูกสอนก็ไม่มีทางเชื่อ และยังยอกย้อนให้เจ็บปวด

“ใช่” มาลินยอมรับเสียงขื่น ริมฝีปากสั่นระริก “แต่ไม่มีแม่คนไหนหรอกนะที่อยากเห็นลูกทำตัวไม่ดี”

คงเพราะเสียงสั่นเครือบวกกับน้ำตาเอ่อคลอและแววตาร้าวรานกระมัง ที่ทำให้ชรัณมีท่าทีอ่อนลงจนมาลินเกือบคิดว่าเขากลับไปเป็นหนุ่มอารมณ์ดีคนเดิม

“แม่อย่าห่วงผมเลย ผมไม่ได้ทำอะไรแย่ๆอย่างที่แม่กังวลหรอกฮะ”

ตั้งแต่แฟนคนแรกที่ชรัณรักมากเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนสำมะเลเทเมา วู่วาม วาจาเราะร้าย คล้ายหมดสิ้นแรงบันดาลใจในการทำดี ชายหนุ่มใช้ชีวิตเละเทะจนต้องออกจากงาน และไม่ขวนขวายหางานใหม่ ละทิ้งอาชีพนักข่าวที่เขาบอกว่ารักหนักนา ทุกวันนี้เขาทำธุรกิจรถเช่าก็ด้วยการหนุนส่งของพ่อเลี้ยงอย่างท่านรัฐมนตรีบดินทร์นั่นแหละ ลำพังชรัณจะเอาทุนที่ไหนไปซื้อรถราคาคันละหลายสิบล้านมาให้ลูกค้าเช่าได้ล่ะ ลูกค้าเขาส่วนใหญ่เป็นมหาเศรษฐีจากต่างชาติและทางกองละครที่เช่าไปเข้าฉาก

“แล้วคืนนี้แม่ไม่ออกไปไหนหรือฮะ”

“ไม่ละ แม่เหนื่อย”

เหนื่อยใจและเจ็บปวดกับคำยอกย้อนของบุตรชายจนไม่อยากออกไปตามหาความสำเริงสำราญนอกบ้าน ทั้งที่แต่งตัวจนงามพร้อมเช่นนี้แล้ว

“แล้วรันล่ะ ทำท่าจะออกไปไหน ไม่นอนบ้านสักคืนหรือ”

“ไม่ละครับ อยู่คอนโดมันส่วนตัวดี” ชายหนุ่มเอ่ยตามที่คิด การแยกไปอยู่ต่างหากทำให้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเป็นของเขา สามารถกำหนดกะเกณฑ์อย่างไรก็ได้
คนเป็นแม่ถอนหายใจ ก่อนเอ่ย “คุณดินเขาเห็นรันมาตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ คงเอ็นดูรันไม่ต่างจากลูกตัวเอง ถึงช่วยเหลือรันสุดตัวตอนเกิดเรื่องร้ายๆ แถมให้ทุกอย่างที่รันอยากได้ ทั้งคอนโด ทั้งโชว์รูมรถเช่า...”

“คงอยากผลักไสผมไปอยู่ห่างๆมากกว่า” ชรัณเหยียดยิ้มประชดประชัน

มาลินไม่สนใจ หล่อนเอ่ยสืบไปว่า

“รันทำอะไรก็นึกถึงท่านบ้างนะ ท่านเป็นถึงรัฐมนตรี ด่างพร้อยขึ้นมาจะเด้งจากตำแหน่งได้ง่ายๆ”

“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวฮะแม่ เราสองคนต่างหาก”

คำพูดของชรัณทิ่มแทงจิตใจหล่อนจนเจ็บแปลบ ครั้งแล้วครั้งเล่า หากมันแปรเป็นมีดแหลม หล่อนคงสิ้นใจไปแล้ว

************

ทักทายท้ายเรื่อง

สวัสดีค่ะ วันนี้โพสต์จากมือถือ จึงไม่สะดวกในการพิมพ์ตอบทุกคอมเม้นท์เหมือนเคย แต่ได้อ่านข้อความจากทุกคนแล้วนะคะ ขณะอ่าน บางทีแอบขำ บางครั้งอมยิ้ม บางคราวทำตาเจ้าเล่ห์และคิดในใจว่าดูซิ จะเดาเข้าทางไหม ขอบคุณทุกไลค์ ทุกคอมเม้นท์ ทุกสายตาที่ผ่านเข้ามา และคราวหน้าจะตอบแบบละเอียดๆนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ






ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2557, 05:40:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2557, 05:40:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1259





<< บทที่ ๗ (จบตอน)   บทที่ ๘ (จบตอน) >>
yimyum 20 ก.ย. 2557, 08:01:42 น.
สงสรจัง TT


Barby 20 ก.ย. 2557, 08:58:23 น.
เผด็จก้อมีส่วนดีเยอะนะ ชอบอะ รักคนเนี่ย วาริเฉิมเกินไป


ดังปัณณ์ 20 ก.ย. 2557, 11:24:13 น.
ถ้าเอาวานี่กับเด็จจี้มาผสมปั่นๆๆรวมกัน จากนั้นก็บิ้ม! กลายเป็นโกโก้ครั้นซ์ เย้ย! ไม่ใช่ 555+ ถ้าเอาสองคนนี่มารวมๆกัน น้ำหนึ่งคงแฮปปี้ผุดๆๆๆ แต่ทำไมพี่ปุ๊กขราาาาาาาาาาา หนอนรู้สึกว่า เชิตเหลืองกับกางเกงขาว มันทำให้นึกถึง นังพีทในรักนี้เจ๊จัดให้ 555+ ม่ายนะ ไม่ๆๆๆๆ วานี่ไม่ใช่แบบนั้นใช่มั้ย 555+

รันนี่ก็มีปมนะนี่ แฟนตาย จะใช่ตัวนุ่มอ่ะเป่าล่ะ (มโนไปไกลมากกกกกกกกกกกกก) แบ่บตัวนุ่มไม่ได้รัก แต่ถูกบังคับ อร๊ายยย พอๆๆๆๆ เลยแระ เลย ฮิ้ววววววววววววว

รอเจ้ตอนต่อไป ทำตาปริบๆๆๆๆ


บุลินทร 20 ก.ย. 2557, 12:21:50 น.
รอๆความลับเรื่องริชาร์ดต่อปายยย


พันธุ์แตงกวา 20 ก.ย. 2557, 21:15:53 น.
วิไลวรรณน่ารักที่สุดเลย รอความลับเรื่องริชาร์ดด้วย


Sukhumvit66 20 ก.ย. 2557, 22:45:53 น.
อยากรู้หลายปมเลย รอตอนต่อไปละกัน ^^


ketza 21 ก.ย. 2557, 00:00:46 น.
โถๆๆๆ สุดหล่อกลัวแสงรึจ๊ะ พ่อซาตานยามดึก 5555555


อสิตา 21 ก.ย. 2557, 01:09:21 น.
ข้ารู้ๆๆ เรื่องวรุตม์


นักอ่านเหนียวหนึบ 21 ก.ย. 2557, 23:08:23 น.
ขออ่านต่อแป้บ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account