วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ (ครึ่งแรก)

จู่ๆบานประตูหนาทึบกลับแปรเป็นโปร่งแสงราวกับกระจกใสจนสามารถแลลอดเข้าไปภายในได้ บางสิ่งบางอย่างล่องลอยอยู่ในนั้น เหนือแสงสีฟ้าเข้มซึ่งท่วมท้นเกือบค่อนห้อง ล่องลอยและไหวโยนอยู่เหมือนใบไม้แห้งที่บังเอิญร่วงลงบนผิวน้ำ
หญิงสาวยืนตะลึงตัวชา เพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่ใบไม้ แต่เป็นร่างคน ร่างของวาริ เนื้อตัวขาวซีดราวกับศพอย่างไรอย่างนั้น ทว่าดูเหมือนเขายังมีชีวิต นั่นอย่างไร ริมฝีปากพึมพำพะงาบๆท่ามกลางเสียงฝนฟ้าเสียงนั้นเวี่ยแว่วแผ่วเบา

“น้ำ ช่วยด้วย ช่วยเราด้วย เราอยากกลับไป”

เพียงจับใจความในน้ำเสียงผะแผ่วแหบระโหยนั้นได้ ความห่วงใยก็ท่วมท้น น้ำหนึ่งพุ่งตัวหวังผลักประตูตรงหน้าเข้าไปภายใน แต่แค่ปลายนิ้วสัมผัสบานประตู เสียงฟ้าคำรามกึกก้องก็สนั่นหวั่นไหวจนแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ ร่างกะปลกกะเปลี้ยมอมแมมลอยหวือ

พลั่ก!

น้ำหนึ่งตกใจ กระวีกระวาดผุดลุกขึ้นนั่ง เหลียวมองรอบกายด้วยความงงงวย กระแสตื่นตระหนกยังคงไหลเวียนทั่วกาย เสียงสายฝนกระหน่ำหนักอย่างต่อเนื่องภายนอกดังลอดเข้ามาในห้อง ฟ้าร้องลั่นเปรี้ยงปร้างไม่หยุดราวกับกำลังพิโรธโกรธเคือง จนทุกอย่างในห้องสะท้านสะเทือนกึงกัง...หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าตนยังอยู่ในห้องนอน เนื้อตัวถูกพันไว้ด้วยผ้าห่มราวกับดักแด้ กำลังนั่งพับเพียบแต้อยู่บนพื้นข้างเตียง

ฝันไปหรอกหรือ ฝ่ามือบอบบางลูบศีรษะตนเองป้อยๆตรงตำแหน่งที่รู้สึกเจ็บ เมื่อไม่พบร่องรอยปูดบวม จึงหอบผ้าห่มคลานขึ้นเตียง ภาพความฝันสดใหม่ยังคงคั่งค้างอยู่ในหัว

ไม่หรอก วาริคงไม่เป็นไร หรือถึงเป็นจริงเธอก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้ บอกตนเองเช่นนั้นพลางส่ายหน้า ระงับอกระงับใจไม่ให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเขา หลายวันมานี้วาริโทร.หาเธอทุกวัน แต่เธอทำใจแข็งไม่รับสาย เพราะรู้ว่าการได้พูดคุยใกล้ชิดสนิทสนมมันอันตรายต่อความรู้สึกเพียงใด ตัดบัวต้องไม่ให้เหลือเยื่อใย ตัดใจก็เช่นกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อถึงวันที่เขาจูงมือหญิงอันเป็นที่รักเข้าสู่ประตูวิวาห์ เธอคนเดียวที่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวด น้ำหนึ่งไม่ปรารถนาความทรมานแบบนั้น ไม่ว่าหลุมลวงใดๆมาหลอกล่อให้ต้องเฉียดกรายไปใกล้เขา ก็อย่าได้หลงกลเด็ดขาด เตือนตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วทิ้งศีรษะลงบนหมอนนุ่ม พยายามข่มตาจนหลับลงได้ในที่สุด

หากน้ำหนึ่งสามารถมองเห็นอนาคตแล้วละก็ เธอจะรู้ว่าความยุ่งยากมากมายกำลังรออยู่ ความยุ่งยากอันเกิดจากคนที่เธอนึกห่วงใยขณะนี้นั่นละ และหากรู้ว่าสิ่งร้ายแรงใดจะติดตามมา เธอคงไม่อาจหลับลงได้ในค่ำคืนนี้




เย็นย่ำใกล้ค่ำที่ผ่านมา ชรัณขับรถไปรับเปมิกาที่คอนโด แม้รู้จักกันเพียงไม่นาน หญิงสาวก็ทำให้ชรัณรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าเหนือชีวิตหล่อน ซึ่งสำหรับเขาแล้ว หล่อนเป็นเพียงของเล่นชิ้นใหม่ที่ทำให้เขาลุ่มหลงและคงยังไม่เบื่อหน่ายง่ายๆ ปกติชรัณไม่ชอบอะไรที่ได้มาอย่างง่ายดาย แต่หล่อนเป็นข้อยกเว้นหล่อนเติมความต้องการของเขาจนเต็มปรี่

หากเปมิกาเป็นอาหาร ณ เวลานี้ ชรัณก็พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าหล่อนเป็นอาหารจานโปรด รสชาติถูกปาก กินกี่ครั้งก็อร่อยและไม่น่าเบื่อ

นอกจากจะตักตวงจากหล่อนอย่างหิวกระหายทุกครั้งที่พบกันแล้ว เขายังมอบความสุขล้ำชนิดที่หล่อนจะหาจากใครไม่ได้อีกแล้ว

“พี่รันคะ”

เสียงอ่อนหวานของเปมิกาดึงชรัณออกจากความหมกมุ่น ชายหนุ่มละสายตาจากป้ายไฟจราจรเบื้องหน้า ตัวเลขสีแดงซึ่งเขาจดจ่อมาพักหนึ่งยังเหลือเวลาอีกเป็นร้อยวินาทีกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“วันก่อนเป๊กกี้ไปชอปปิงมา เจอพวงกุญแจ เลยซื้อมาฝากพี่รันค่ะ” เปมิกาเอ่ยพลางหยิบพวงกุญแจสายหนังของกุชชี่ขึ้นมาอวด

“เป๊กกี้ว่าไอ้พวงกุญแจเปลือกหอยของพี่รันน่ะ มันดูโบราณคร่ำครึ ไม่เหมาะกับพี่รันเลยค่ะ”

“ขอบใจมากจ้ะ”

ชรัณหยอดเสน่ห์ลงในรอยยิ้มและแววตายามมองหล่อน ก่อนรับพวงกุญแจมาใส่ไว้ในมือ พินิจอย่างชื่นชม แม้ว่าในใจจะไม่นึกอยากทิ้งของเก่าที่ถูกกล่าวหาว่าโบราณคร่ำครึ

พวงกุญแจทำจากเปลือกหอยหุ้มขอบด้วยเชือกถักฝีมือละเอียดนี้เดิมทีเป็นของเผด็จ เขาลักลอบนำมาครอบครองเพราะเห็นฝ่ายนั้นรักนักหนา

อะไรที่เผด็จรัก เขาจะยื้อแย่งมาให้หมด แม้แต่บดินทร์ผู้เป็นพ่อแท้ๆของเผด็จ เขาก็จะแย่ง แย่งความรักให้มาตกอยู่ที่เขาเพียงผู้เดียว ชรัณยังแปลกใจว่าเมื่อได้พวงกุญแจนี้มาครอบครอง เขากลับชอบและรู้สึกปลอดภัยจนไม่อยากถอดเปลี่ยน แต่ขณะเดียวกันก็อยากเอาใจเปมิกาไปด้วย เขาจึงแสดงความชื่นชมของฝากชิ้นใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ทำให้หญิงสาวอมยิ้มไม่หุบกระทั่งถึงคอนโดของชายหนุ่มเมื่อยามพลบค่ำมาเยือน

ชรัณรู้ว่าเปมิกาไม่ต้องการเพียงแค่พบและพลอดรักกับเขาเท่านั้น หล่อนยังปรารถนาสิ่งอื่นอีก สิ่งนั้นทำให้หล่อนมีความสุขจนลืมโลกอันเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์น่าเบื่อใบนี้ และมันยังทำให้หล่อนสุขสมในอารมณ์รักมากขึ้นอีกด้วย เขาจึงนำสิ่งนั้นมาปรนเปรอหล่อนและตนเองทันที เมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันตามลำพังในคอนโดหรูกว้างขวาง

เวลาผ่านไปไม่นาน นัยน์ตาเขาก็หยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผสมผสานกับอานุภาพของผลึกสีขาวใสในซองพลาสติกบนโต๊ะนั่น อารมณ์สนุกสนานคึกคักครอบครองจิตใจเขาไว้ เพราะอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ละ เขาจึงติดอกติดใจจนไม่อยากถอนตัวจากผลึกสีขาวนั่น

แม้ภายนอกชรัณดูร่าเริง สดใส มีชีวิตชีวา คล้ายไม่สนใจผู้คนรอบข้าง แต่ใจลึกๆเขาโหยหาความรักความใส่ใจไม่ต่างจากคนอื่นเลย ถึงมาลินจะมอบให้บ้าง แต่ก็ไม่มากพอ เขาต้องการมากกว่านั้น เขาต้องการความเป็นหนึ่งในชีวิตใครสักคน มาลินมอบให้เขาไม่ได้ ความสุขของหล่อนยังคงยิ่งใหญ่กว่าความต้องการของเขาเสมอ มันเป็นเช่นนี้มานานแล้วตั้งแต่ชรัณจำความได้
เวลานี้ คนที่ยกให้เขาเป็นคนสำคัญของชีวิตมีเพียงคนเดียว ชายหนุ่มเหลือบตาหยาดเยิ้มมองหญิงสาวข้างกาย

เปมิกาแหงนหน้าหัวเราะอย่างครื้นเครง หลังควันสีขาวอวลไร้กลิ่นถูกสูบผ่านหลอดแก้วเข้าสู่ร่างกาย อารมณ์ชื่นมื่นเอิบอาบไปทั้งใจจนต้องปลดปล่อยมันออกมาเป็นเสียงหัวเราะอย่างยากที่จะหยุด ทุกอย่างรอบกายงดงาม เป็นอิสระจากสิ่งร้อยรัดทั้งปวง คล้ายนกน้อยโผบินบนฟ้ากว้าง โดยมีชรัณเป็นดั่งสายลมคอยพยุงอยู่ใต้ปีกทั้งสอง

เพราะจิตใจไร้สติคอยควบคุมนั่นเอง จึงทำให้หล่อนเข้าใจว่าเปลวเพลิงร้อนร้ายเป็นสายลมเย็นชื่น คงต้องรอจนถึงวันที่ปีกทั้งสองถูกเผาไหม้จนแสบร้อนกระมัง เปมิกาจึงจะสำเหนียกถึงความเป็นจริงว่าเส้นทางที่หล่อนโผผินบินไปนั้น ไม่ได้เหาะเหินขึ้นฟากฟ้าอย่างที่เข้าใจ ทว่ามุ่งหน้าสู่แดนนรกโลกันต์

“รันขา ขอบคุณที่มอบสิ่งวิเศษให้เป๊กกี้” แก้มนุ่มเบียดแนบต้นแขนกำยำซึ่งหล่อนเกาะกอดไว้แนบแน่น

เพียงเนื้อแนบเนื้อ เลือดในกายหนุ่มสาวก็ฉีดพล่าน ความเสน่หาร้อนแรงบิดวนอยู่ในกาย คล้ายกระแสน้ำบ้าคลั่งที่ถูกกักเก็บไว้และกำลังหาทางทะลักทลาย และทั้งสองจึงเริ่มระบายมันออกด้วยการบดจูบหนักหน่วง มือไม้ลากไล้ไปตามเรือนกายของกันและกันอย่างโหยหา ต่างฝ่ายต่างช่วยกันดึงทึ้งเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากร่าง ไม่ให้มันเกะกะกีดขวางหนทางหฤหรรษ์ ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สองกายที่กอดรัดกระหวัดแน่นด้วยความรัญจวนก็เปลือยเปล่า

ไฟพิศวาสโหมฮือ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวตรงไปยังเตียงนอน โถมทับลงไปตักตวงรสเสน่หาจากร่างงามอย่างละโมบ ปรนเปรอให้หล่อนเทียมเท่ากับที่กอบโกยมา หล่อนเองก็มิได้เอาเปรียบ บำเรอกลับอย่างไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เสียงครวญครางด้วยความกระสันรัญจวนสลับกับหัวเราะกระเส่าด้วยฤทธิ์ยาดังผสานอยู่ไม่ขาด ต่างช่วยกันกระตุ้นเร้าหนุนส่งกันสู่ฝั่งฝันซึ่งเห็นอยู่รำไร
ราตรีนี้ยังเยาว์นัก ยามเพลิงพิศวาสหรี่โรยจึงถูกเติมเชื้อให้ลุกฮือขึ้นใหม่อีกหลายครา กว่าจะมอดสนิทก็จวนรุ่งสาง สองกายหลับใหลก่ายกอดอิ่มเอมสมสุข

หนุ่มสาวหารู้ไม่ว่า มีเพียงคนขลาดเขลาเท่านั้นที่ต้องบั่นทอนสติสัมปชัญญะตนเองด้วยเหล้าและยาจนมึนเมาเสียก่อนจึงมีความสุขได้ และหาใช่ความสุขที่จีรังไม่ ตรงกันข้าม กลับเป็นการจุดชนวนเหตุแห่งทุกข์อีกมากมาย พวกเขามัวแต่หลงระเริง กว่าจะรู้เท่าทันบางสิ่งบางอย่างก็สายเกินแก้เสียแล้ว




เมฆสีเทากระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า บดบังแสงตะวันยามเช้าจนอ่อนสลัว สายลมเย็นชื้นราวกับพัดผ่านสายฝนชุ่มฉ่ำมาก่อนหน้านี้โชยชายไม่ขาดระยะ น้ำหนึ่งตื่นตั้งแต่เช้าแล้วแต่ยังคงนอนเล่นอยู่บนเตียงเนื่องจากอากาศเป็นใจ หลังจากส่งงานลูกค้าไปคราวก่อน เธอก็เริ่มสบายขึ้น มีเวลาพักผ่อนบ้าง เพราะงานต่อเติมบ้านพักตากอากาศริมทะเลที่ติดต่อเข้ามายังอยู่ในช่วงพูดคุย ยังไม่ได้ลงไปดูสถานที่และออกแบบจริงจัง

ช่วงยุ่งกับงาน น้ำหนึ่งมักไม่ค่อยติดตามความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กเท่าไร เพราะทำให้เสียเวลาและเสียสมาธิ วันนี้งานเบาลงแล้ว จึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิด เช็กข่าวสารและข้อความต่างๆที่เพื่อนๆโพสต์ไว้ โดยเฉพาะเพื่อนทั้งห้าที่หลุดเข้าไปในบ้านปรารถนาด้วยกัน จะมีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นกับใครบ้างนะ

ทุกคนยังโพสต์เรื่องราวปกติ กิน เที่ยว บอกเล่าความชอบ บ่นเรื่องที่ตนรำคาญและอีกสารพัดความรู้สึก ต้องขอบคุณมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก เขาช่วยให้คนมีพื้นที่ระบายความในใจ ทั้งความชอบและความชัง คงมีน้ำหนึ่งนี่ละที่เข้ามาสอดส่องเป็นระยะโดยไม่โพสต์ความรู้สึกใด นอกจากอวดผลงานของตนเอง

หญิงสาวหยุดปลายนิ้วเมื่อภาพหนึ่งปรากฏ ภาพต่างหูซึ่งเป็นตาข่ายดักฝันของเหมือนฝัน ตัวตาข่ายกลางห่วงวงกลมขาดแล่งราวกับมีใครฉีกทึ้ง ประโยคสั้นๆกำกับอยู่เหนือภาพว่า ‘ขาดความมั่นใจอย่างแรง’ ตรงลูกเล่นที่ให้ใส่ความรู้สึกมีรูปอีโมหน้าสลดและข้อความ ‘รู้สึกเศร้า’

ใครไม่รู้อาจคิดแค่ว่าต่างหูคู่โปรดขาดพัง ใส่ไปไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว จึงทำให้เหมือนฝันขาดความมั่นใจ ทว่าน้ำหนึ่งรู้ดีว่ามีอะไรมากกว่านั้น

ตาข่ายดักฝันร้ายนี้อาจารย์ลือฤทธิ์มอบให้เหมือนฝัน เป็นเครื่องรางเพื่อขจัดฝันร้ายซึ่งตามหลอกหลอนเหมือนฝันมานานหลายปีให้สิ้นไป และมันก็ได้ผล เหมือนฝันเคยเล่าให้ฟังว่าหลังจากครอบครองเครื่องรางชิ้นนี้ ความฝันซ้ำซากชวนให้ตื่นตระหนก หวาดผวา และตื่นจากนิทรายามค่ำคืนก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย จนน้ำหนึ่งสงสัยว่าเหมือนฝันสะกดจิตตนเองว่ามีตาข่ายนี้แล้วจะไม่ฝันร้าย หรือตาข่ายดักฝันร้ายมีอานุภาพปกป้องค่ำคืนอันยาวนานให้ปราศจากความฝันหลอนร้ายได้จริง

ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวมาดเซอร์จะกลับไปฝันร้ายอีกหรือไม่ จะอย่างไรก็ตาม น้ำหนึ่งเอาใจช่วยด้วยการพิมพ์ข้อความลงในช่องแสดงความคิดเห็นว่า

‘ขอให้หลับฝันดี’ พร้อมกับภาพซึ่งตนคัดลอกมาจากเว็บไซต์หนึ่ง เป็นภาพกระต่ายขนฟูนุ่ม ทำหูลู่ หลับตาพริ้มอย่างแสนสุขคาแครอทหัวใหญ่ที่แทะไปได้นิดเดียว

กว่าจะปิดหน้าจอมือถือเวลาก็ล่วงเข้าไปเก้าโมงเช้าแล้ว น้ำหนึ่งตระหนักชัดว่าการนอนกลิ้งเล่นและเข้าไปท่องในเฟซบุ๊กไม่ได้ช่วยให้เธอสดชื่นรื่นรมย์ขึ้นเลย บางสิ่งบางอย่างยังคงค้างคาอยู่ในความรู้สึก สิ่งที่เรียกว่า...ความห่วงใย เพราะความฝันเมื่อคืนนั่นละ เธอไม่ได้พยายามลืมมัน เนื่องจากรู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ แค่หาเรื่องอื่นมาเกลื่อนกลบไว้ชั่วคราว ได้แค่เป็นห่วงอยู่ห่างๆแบบนี้แหละ ไม่คิดจะโทร.หาหรือเอาตัวไปพัวพันชิดใกล้หรอก เปมิกาคงทำหน้าที่นั้นอยู่ เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่ใช่แฟนก็ไม่ควรไปทำแทนกันมันไม่ดี

หวังเพียงว่าจะไม่ฝันอะไรแบบเมื่อคืนนี้อีก ถ้าฝันล่ะ...คงต้องหาตาข่ายดักฝันของอาจารย์ลือฤทธิ์มาครอบครองสักอันกระมัง
น้ำหนึ่งหยุดความคิดซึ่งเริ่มเลื่อนไหลไปไกลด้วยการลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจจนสุดตัว แล้วคว้าผ้าขนหนูหายเข้าห้องน้ำ วันนี้เธอต้องไปไปรษณีย์เพื่อรับของที่สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากบุรุษไปรษณีย์นำของมาส่งในเวลาที่ไม่มีคนอยู่บ้าน
หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นาน ออกมาแต่งตัวยังไม่ทันเสร็จดี เสียงหนึ่งก็เร่งเร้าให้เธอคว้ากางเกงยีนแนบเนื้อมาสวมด้วยความรีบร้อน

“ออกไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน ไป ไป ไปให้พ้น”

น้ำหนึ่งถลาออกจากห้องแล้วซอยเท้าลงบันได ปากก็ตะโกนนำไปก่อนแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นน่ะเกดซ่า”

ก่อนจะได้คำตอบจากเกศรา น้ำหนึ่งก็พรวดพราดมาถึงตัวมารดาซึ่งยืนตัวสั่นอยู่ข้างรั้ว มือกำแน่นเกร็ง บนพื้นมีกรรไกรตกอยู่ ตะกร้าหวายเอียงกระเท่เร่อยู่ใกล้กัน บวบเหลี่ยมห้าหกลูกเกลื่อนกลางถนนสายเล็กหน้าบ้าน ดวงตาหญิงสูงวัยเบิกกว้างแทบถลนออกมานอกเบ้า มีทั้งความหวาดกลัว ตื่นตระหนก และดุดันแข็งกร้าวปนเปสับสน เนื้อตัวสั่นเทาจนน้ำหนึ่งต้องกอดไว้แน่น

“อย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามายุ่ง” ริมฝีปากสั่นระริกพร่ำบ่นซ้ำๆ น้ำเสียงไม่ดุร้ายคลุ้มคลั่งอย่างที่ได้ยินขึ้นไปถึงชั้นสองเมื่อครู่แล้ว
ฟากฝั่งตรงข้าม ป้าช้อยรีบเก็บเงินลูกค้าที่มากินก๋วยเตี๋ยวแล้วข้ามถนนมาเกาะรั้วเล่าอย่างตื่นเต้น ราวกับผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ในเหตุการณ์สำคัญ

“ไอ้คนบ้ามันมาเกาะรั้ว แม่อันเขากำลังตัดบวบอยู่ดีๆ เงยขึ้นมาเจอเท่านั้นตกใจโวยวาย ขว้างบวบใส่ไอ้บ้านั่นจนเตลิดไปเลย โถ แม่อัน ใจเย็นๆ” ท้ายประโยคเจือกระแสสงสารเห็นอกเห็นใจ ยังไม่ทันเอ่ยสิ่งใดต่อ ลูกค้ารายใหม่ก็เดินเข้าไปจับจองที่นั่งในร้าน ป้าช้อยเลยต้องรีบผละไปดูแล ท่าทางเสียดายยิ่งนักที่ไม่ได้สนทนาต่อ

“เดี๋ยวป้าไปดูลูกค้าก่อนนะหนูเพชร ยังไงป้าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้อีกแรง”

ฟังคำบอกเล่าของป้าช้อยแล้ว คำที่แกเคยเตือนก็วาบเข้ามาในหัว

‘...แต่อยากบอกให้หนูเพชรระวังไว้ ป้าก็ไม่รู้มันบ้าจริงหรือไม่จริง อาจเป็นโจรปลอมตัวมาดูลาดเลาก็ได้’

ความหวาดหวั่นยังคงแผ่ซ่านทั่วสีหน้าแววตาของอัญชันราวกับพบสิ่งสะเทือนขวัญเป็นที่สุด น้ำหนึ่งว่าจะไม่...แต่ความรักความสงสารผลักดันให้เธอต้องทำ

หญิงสาวสบตามารดาแน่วนิ่ง เมื่อกระแสเย็นวาบไหลเลื่อนสู่ดวงตาและจับนิ่งไม่ไหวโยน เธอจึงปลอบโยนแกมสั่งด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“แม่ เชื่อเพชรนะ ลืมเรื่องเมื่อกี้ซะ ไม่มีคนบ้ามาระรานแม่...ไม่มีเลย”

ดวงตาไหวระริกของหญิงสูงวัยเลื่อนลอยเคว้งคว้าง ริมฝีปากพึมพำ

“ไม่มีคนบ้ามาระรานแม่ ไม่มีเลย”

ผลลัพธ์น่าพอใจ แต่นัยน์ตาพร่าพรายจนน้ำหนึ่งหลับตานิ่ง ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางกดลงตรงกระบอกตาทั้งสองข้างพลางนวดคลึงเบาๆ หากความสามารถพิเศษนี้ยังอยู่กับเธอ สักวันต้องตาบอดแน่ เพราะเธอควบคุมมันไม่ได้ และคอยแต่จะใช้มันอยู่เรื่อย
เมื่อได้สิ่งใดมา ก็ต้องเสียบางสิ่งที่มีไปเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน น้ำหนึ่งเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี

“คุณเพชรขา เกิดอะไรขึ้นคะ” เกศราส่งเสียงนำก่อนตัวจะกระหืดกระหอบมาถึง

“หมามันมากัดกันหน้าบ้านน่ะ แม่ตกใจเลยเอาบวบที่ตัดได้ขว้างมันเสียหมด” น้ำหนึ่งปิดความจริงเรื่องคนบ้ามาระรานถึงหน้ารั้ว กลัวเกศราจะพลอยประสาทเสียไปด้วย ไม่รู้จะปิดได้นานแค่ไหน เพราะคนเห็นเหตุการณ์คือป้าช้อย ป้ารู้ โลกก็รู้

“แล้วเราล่ะ ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน” น้ำหนึ่งยืนกอดอกถาม

“เกด...เกดซ่าท้องเสียค่ะ เพิ่งวิ่งมาจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้เอง” คนเพิ่งวิ่งจากห้องน้ำกำโทรศัพท์แน่น

น้ำหนึ่งพิศมองผ่านความพร่ามัวอย่างสงสัย เด็กสาวยังคงดูใสซื่อ ดูไร้พิษภัย เจ้าตัวไม่นิ่งให้น้ำหนึ่งมองนานนัก เมื่อหันไปเห็นอัญชันก็ถลาเข้าไปหา

“ทำไมคุณอันยืนเหม่อแบบนี้คะ คุณอันคะ คุณอัน” เกศราเรียกพลางเขย่าแขนอวบเบาๆ

น้ำหนึ่งไม่แปลกใจเลยเมื่อเห็นอัญชันสะดุ้งเฮือก กะพริบตาปริบๆท่าทางงงงัน

“อะไรกัน แม่แค่ออกมาตัดบวบ ทำไมต้องมายืนจ้องอย่างกับแม่เพิ่งหายคลั่งอย่างนั้นแหละ” นางหน้านิ่วคิ้วขมวด ครั้นสายตาแลเลยออกไปพบบวบเหลี่ยมตกเกลื่อนบนถนน ก็โวยวายอารมณ์เสีย “อ้าว...แล้วใครโยนบวบแม่ออกไปนอกรั้วแบบนั้นล่ะ”

“ก็...”

เกศราอ้าปากจะเล่า แล้วก็ต้องหุบฉับลงเมื่อน้ำหนึ่งเหยียบเท้าหมับเข้าให้ แล้วชิงพูดขึ้นก่อน

“หมามันมากัดกันหน้าบ้าน เพชรเลยเอาไปขว้างไล่มัน”

“มันกัดกันตอนไหน แม่ไม่เห็นเจอเลย”

“ไม่เจอได้ไง ก็แม่นั่นแหละร้องโวยวายให้เพชรช่วย แต่แม่คงลืมไปแล้ว หมอเคยบอกนี่นาว่าแม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ตอนแก่”

“ใช่ แม่จำที่หมอบอกได้ แต่ไม่ยักจำได้ว่ามีหมามากัดกัน นี่แม่เริ่มมีอาการแล้วหรือเพชร แม่แก่ขนาดนั้นแล้วเหรอ” อัญชันวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น

“ไม่หรอกแม่ คนเรามันก็ลืมกันได้” น้ำหนึ่งโอบไหล่มารดาพาเข้าบ้าน ปากก็เอ่ยคำปลอบโยนไปเรื่อย “คนปกติเขาก็มีเรื่องหลงลืมเล็กๆน้อยๆด้วยกันทั้งนั้น เพชรยังลืมบ่อยๆเลย สวมแว่นอยู่บนหน้าแท้ๆ ยังค้นหาเสียทั่วห้อง ไปเจอตอนเงยหน้ามองกระจกนั่นละ”

“แต่หมากัดกันมันไม่เหมือนของหายนะ เอ ทำไมพักนี้แม่รู้สึกว่าลืมเรื่องหลายๆอย่างไปเฉยๆเหมือนถูกปิดสวิตช์ บางทีคล้ายๆจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออก”

เกศรายืนมองแม่ลูกเดินกอดไหล่โอบพากันเข้าบ้าน คำปลอบโยนห่างออกไปเรื่อยๆ ครั้นสองหญิงต่างวัยลับสายตา เด็กสาวก็โทรศัพท์ออกไปหาใครบางคน

“เราควรต้องรีบลงมือแล้วนะคะ เรื่องมันจะได้จบๆไป”

***************************

ทักทายท้ายเรื่อง

เกดซ่า ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วนะ เห่อ เห่อ

น้องหนอนน้อยดังปัณณ์ ตอนนี้ไม่มีหนุ่มคนไหนมาเสิร์ฟ มีแต่รันนี่ พอถูไถไปได้ไหม

น้องยิ้มจัง เผด็จมาแย่งซีนวาริ แต่ก็ต้องลุ้นกันว่าวาริจะกลับแม่แย่งคืนหรือไม่ อย่างไร

น้องหมีบุลินทร เรื่องนี้ขี้เกียจตั้งชื่อตัวละคร เลยยืมชื่อคนรู้จักคุ้นเคยมาเป็นตัวประกอบ ๕๕๕

คุณสุขุมวิท๖๖ สองจิตสองใจ เดี๋ยวเก็บเอาไว้ทั้งสองคนเลยดีไหมเอ่ย

พี่แตงกวาขา ตอนนี้วาริเป็นวิญญาณ ล่องลอยไปแอบดูความเป็นไรเรื่องอื่นๆใน ๕ ปรารถนา ไปศึกษาวิธีจีบสาวของหนุ่มๆเรื่องอื่น อั้ยย่ะ วาริแอบไปส่องหนุ่ม

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ เผด็จยังคงเป็นแบดบอยจนนาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะชาติไหนๆ คงรู้ว่าคนชักหมั่นไส้ ตอนนี้หลบฉากไปเลย

คุณ Mintraporn Kongtia อีกแว้บเดียวก็ตุลาแล้วค่ะ อดใจนิดหนึ่ง ขอบคุณนะคะที่ตั้งใจอุดหนุนกัน ม้วฟ ม้วฟ

คุณ Moona Narak อย่าเพิ่งตัดสินตินพลผ่านสายตาเผด็จสิคะ คนเขาเหม็นขี้หน้ากันจะเชื่อได้อย่างไร รอพิสูจน์ในพันธะสีเพลิงเองดีกว่า คุณอาจหลงรักตินพลมากกว่าใครๆก็ได้ สิบปากว่าหรือจะเท่าตาเห็น

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกกันมาอย่างเหนียวแน่น แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2557, 02:54:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2557, 02:54:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1352





<< บทที่ ๘ (จบตอน)   บทที่ ๙ (จบตอน) >>
ketza 22 ก.ย. 2557, 06:44:26 น.
มาแว้วววว


yimyum 22 ก.ย. 2557, 07:01:19 น.
เกศราเป็นตัวร้ายรึเปล่าคะเนี่ย??


ketza 22 ก.ย. 2557, 09:15:53 น.
อ้าวๆๆ ยัยเกดซ่า เกศรา ชักน่าสงสัย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก


พันธุ์แตงกวา 22 ก.ย. 2557, 09:22:27 น.
อ้าวว่านไปส่องหนุ่มซะงั้น5555
สมน้ำหน้าเป๊กกี้ หญิงก็ร้าย ชายก็เลว เหมาะสมกันยังกับผีเน่ากับโรงผุ นายชรัณนี่นะก็ช่างชอบไปแย่งของเผด็จ นี่ยังจะแย่งชิ้นปลาเน่าจากวาริอีก อยากให้เผด็จมาจกตับนัก


Barby 22 ก.ย. 2557, 09:56:12 น.
เกดซ่าเธอชักยังไงๆอยู่นะ แล้วคนบ้าละคือไร ต้องการอะไร
ไหนจะพวงกุญแจที่เคยเป็นของเผด็จ ต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่หยอดไว้เฉยใช่มั้ยคะ


ริญจน์ธร 22 ก.ย. 2557, 10:55:08 น.
บอกแล้ว เรื่องนี้เกดซ่าเด่น มีอะไรแปลกๆ น่าจับตัวมาสอบสวนนะ


ketza 22 ก.ย. 2557, 11:23:36 น.
ู^
^
^
เกดซ่าเด่นแบบแปลกรึ ของแปลกนี่เอง 55555555555++


บุลินทร 22 ก.ย. 2557, 16:00:28 น.
เกดซ่าาาา นึกว่าจะไม่มีอะไร มีปมให้ค้นหากับเขาด้วยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ


อสิตา 22 ก.ย. 2557, 18:00:30 น.
เราชอบแบดบอยนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 22 ก.ย. 2557, 18:47:18 น.
อ้าวววว ก็นึกว่าตาเผด็จโผล่มานะนั่น ตอนท้ายอะ ที่ไหนได้ คนมาดูลาดเลานี่เอง
ว่าแต่เกดซ่า นายเป็นไส้ให้ใคร เค้นๆๆๆ


ดังปัณณ์ 22 ก.ย. 2557, 19:33:26 น.
รันนี่นางร้ายมากกว่าจะอภัย เป๊กกี๊ก็ด้วย 555+

วานี่ถูกขังไว้ที่ไหนหรือหลงอยู่ที่ไหนล่ะนั่น หนุน้ำจะไปช่วยได้ทันไหม ว่าแต่เด็จจี้นางไปขอให้ตินนี่วาดแผนที่ให้แล้วหายเลย เดี๊ยะๆๆๆไม่จ่ายค่าตัวซะเลย ฉากนี้ไม่มีออก กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

รอตอนต่อไปฮ่ะขุ่นพี่ ทำตาปริบวานี่จงมา โอมวานี่จงมา อ๊ะ! จับได้แล้วถ่วงลงหม้อ ตานี้ก็ตามบายเลยเด็จจี้(โถเป็นเรื่องเป็นราว 555+)


Sukhumvit66 22 ก.ย. 2557, 22:25:11 น.
ว่าแล้วเชียว รู้สึกสงสัยเกดซ่าตงิด ๆ มีนอกมีในนี่เอง....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account