ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๑ ก้าวที่ล้มเหลว(ต่อ)

...ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งอยู่ ทว่าก่อนผละจากห้องอรรณพ พี่ชายผู้ไม่เคยปันความมั่นคั่ง
แม้หนึ่งในล้านส่วนที่มีมาให้เขา สายตาของนพคุณพลันไปสะดุดเข้ากับรูปสลักไม้โบราณ
แกะเป็นพญานาค สีทองซึ่งเคลือบไว้ยามนี้หลุดล่อน ปากขนาดใหญ่เต็มไปด้วยเขี้ยว
คล้ายอ้ารอขบกัดให้ได้เลือดถึงกระดูกหากมีใครสักคนหาญกล้ามาแตะต้อง
ในคอยังดูเป็นโพรงลึก มีกลิ่นอายทะมึนโชยออกมาอย่างแปลกประหลาด

เขาสืบเท้าเข้าหา ในความรู้สึก ตาแดงก่ำราวลูกปัดเลือดของนาคายิ่งโชนแสงแรงกล้า
มากเสียจนชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลต้องหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดเมื่อสบตากับพญางู

เขาเชื่อว่าตัวเองออกจะหนังเหนียว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระวัง...

“ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ว่าไหม”

มือล้วงหยิบเอามีพับคู่ใจออกมาสะบัดกาง คมเหล็กน้ำพี้ดำเหลือบเขียวสะท้อนเงาปลาบ
ถูกปักตรึงลงตรงกลางแสกหน้าของงูไม้...สะกดให้อยู่ใต้อาณัติ จากนั้น ชายหนุ่มค่อยๆ
ล้วงสู่ลำคอนาคาหน้าตาดุดันอย่างระวัง เขี้ยวสีเหลืองวาวแสยะออกเป็นเสี้ยวแตกแหลม
ไม่ใช่ทำจากไม้อย่างส่วนอื่นของตัวนาค มันคือโลหะทองเหลืองมีคม
ที่แม้จะเก่าแต่ปลายก็ยังคมอย่างน่าหวาดเสียว

“ดีจริงๆ ความรู้สึกตอนได้ล้วงคองู” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มแช่มช้า

ณ ช่องท้องของพญางู
เขากวาดนิ้วไปสัมผัสโดนโลหะชิ้นขนาดเหมาะ แน่ใจตั้งแต่ยังไม่ทันชักมือกลับขึ้นมา
มันคือกุญแจ! ซ่อนกันง่ายๆแบบนี้ เล่นเอาเกือบคิดไม่ถึง



แต่แล้ว...เมื่อหยิบกุญแจดอกนั้นออกมาจ้องมอง รูปลักษณ์แม้ดูคร่ำคร่าโบราณ
ประกายทองสลักเสลาไร้ที่ติ แต่พรายกระซิบกลับฟ้องชัดอยู่ข้างโสต ของปลอม

นพคุณหย่อนกุญแจลงคืนอย่างหัวเสีย ไม่ต้องการพามันกลับไปเจอนายชาหรือสุวิชา
เพื่อนแว่นหนาที่คงอยากเอาไปส่องพิจารณาในกระบวนการทดสอบอีกล้านแปดอย่าง
ไร้สาระ ในเมื่อเขาว่าไม่ใช่ มันก็ไม่มีวันใช่

ชายหนุ่มหมดความสนใจ แต่ก่อนจากเขาก็ไม่อยากมาเสียเที่ยว
อยากก่อกวนให้พี่ชายคนนี้ระคายใจกับการมาเยือน ด้วยวิธีไหนดี?
สายตาพลันไปหยุดลงตรงลูกโลกมีแกนหมุนซึ่งดูคล้ายที่ทับกระดาษวางอยู่บนโต๊ะทำงาน
ทำจากทองคำและอัญมณีหลายสีเรียงตัวกันเป็นแผ่นดินและมหาสมุทรทอประกายระยับ...
มือโจรไม่รั้งรอที่จะคว้ามันมาอย่างว่องไว ก่อนเร่งผละจากห้องชุดส่วนตัวนั้นลงมายังชั้นล่าง
แต่แล้วระหว่างทางก็ได้พบกับใครบางคนที่เดินสวนมา สุทัศน์...หรือชื่อเดิมว่าแพทย์หญิงสุทัศวรรณ
ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อที่ดูแมนมากขึ้น คนคนนี้ต้องจำได้แน่ว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่ต้องกังวล
นี่เองคือพรรคพวกที่เป็นสายให้ทีมปล้น อย่างน้อยๆก็เฉพาะแผนคราวนี้

ด้วยเส้นสายระดับบิ๊ก ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ครอบคลุมไปถึงย่านรายล้อม
ส่งให้พวกเขาควบคุมภารกิจให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ตรงเป้าเผง ทั้งเรื่องการ
เข้าออกของรถพยาบาลและอื่นๆ ยกเว้นสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว นพคุณไม่ได้ของที่ต้องการมาเอา

โจรผู้พลาดหวังเลิกคิ้วข้างหนึ่งให้เจ้าของร่างสันทัดเป็นเชิงทัก แต่เจ้าตัวกลับรั้งแขนชายหนุ่มไว้
ให้หยุดกลางคัน เอ่ยเสียงต่ำด้วยท่าทางเคร่งขรึมตามปกติ ไร้พิรุธแต่อย่างใด
“หมอขอเตือนนะ ไม่ใช่ว่าพวกคุณจะโชคดีเอาตัวรอดได้ทุกครั้งไปหรอก”
คนเริ่มเอ่ยด้วยเสียงที่กดให้ต่ำเกินกว่าสตรีทั่วไปธรรมดา คิ้วเข้มราวบุรุษเพศขมวดมุ่น
มีร่องรอยลึกด้วยแรงแห่งความอัดอั้นตันใจอยู่เป็นนิจ

“แต่ยังไงครั้งนี้ก็คงรอดตัวไปได้ ว่าไหม...เอาน่า อย่าซีเรียสเลยหมอเจ้าฮะ” นพคุณเลิกคิ้ว
ไม่วายยั่วคนเอาจริงเอาจังด้วยการล้อชื่ออีกฝ่ายที่ไปพ้องกับสุทัศน์ นามของตัวละครดัง
ในละครจอแก้วผู้แกล้งปลอมเป็นชาย “ช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุดเถอะหมอ”

ต้องขอบคุณกานต์รวี ที่เลือกใช้ความชอบพอส่วนตัวที่แพทย์หญิงใจเป็นชายคนนี้มีให้ตน
มาเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ให้กับกลุ่มจนสำเร็จ หมอสุทัศน์เรียกได้ว่าเป็นคนหนักแน่น
แถมยังหลงรักดาราสาวมานานหลายปี ถ้าเป็นกานต์รวีออกปาก ต่อให้ขออะไรที่ยากกว่านี้ก็คงต้องยอม

“แต่เรื่องนี้มันผิด...” สุทัศน์พูดเสียงต่ำลงอีกทั้งที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน

“พวกผมไม่ได้ขอให้หมอไปสอยเดือนดาวมาให้ หรือทำอะไรผิดจรรยาแพทย์อย่างทำร้ายคนไข้เสียหน่อย”

“แต่มันผิดต่อหน้าที่ของหมอเองที่มีกับโรงพยาบาล ถึงพ่อเส้นใหญ่แค่ไหน
แต่ลูกเที่ยวสร้างเรื่องไม่ชอบมาพากลไว้เรี่ยราดก็คงไม่ดี”

“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย อีกอย่างรวีคงไม่กวนหมอบ่อยนักหรอก คราวนี้ก็ถือว่าพวกเราเป็นหนี้
ไว้มีโอกาสผมไม่ลืมบอกให้รวีใช้คืนให้หมอแน่”

นพคุณขอตัวเดินจากมา ความรู้สึกวิ้งๆในหัวประดังขึ้นอีก ทำให้เหมือนจะเสียศูนย์
ไปกับย่างก้าวถัดมา ภาพนั้นแม้แต่สายตาคนมองตามก็ยังเห็น สุทัศน์จึงเรียกรั้ง
“คุณเองก็เจอมาหนัก ควรแวะตรวจซะหน่อย อ้อ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะ”

“ไม่เป็นไร ไว้ค่อยให้ไอ้หมอเพื่อนผมมันตรวจให้ทีเดียว” ชายหนุ่มโบกมือลา

“หมอเถื่อน...” คนเป็นหมอตัวจริงส่งเสียงไล่หลัง รู้ดี คำว่าหมอเมื่อครู่นพคุณหมายถึงสุวิชาที่ตนก็รู้จัก

นพคุณส่งเสียงหัวเราะโดยไม่หันกลับ ใกล้เวลาแล้วที่ไฟจะดับอีกครั้ง ถึงตอนนั้น
นายธรรม์ธวัชตัวปลอมอย่างเขาจะต้องหายไป หายไปในห้องซึ่งธรรม์ธวัชตัวจริงนอนหมดสติอยู่
ไม่นานจากนั้นหมอนั่นก็จะฟื้นขึ้นมาตามปริมาณยาสลบที่กะไว้ ส่วนเขาก็จะจากที่นี่ไป
ในสภาพผู้ป่วยเป็นหวัดใส่ผ้าปิดปากธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทิ้งความยุ่งเหยิงบางประการไว้เบื้องหลัง

หน้าที่ของเขาตอนนี้จบแล้ว ไม่มีแผนแตกกลางคัน แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในใจยังคงอยู่

กุญแจปลอมดอกนั้น และจะยังมีอีกสักกี่ดอก
แล้วของจริงไอ้เอกมันได้มาไหม
ถ้าไม่ได้... จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า

ทางนั้นก็เสี่ยงไม่น้อย แม้ปองเกียรติจะเป็นอาแท้ๆของเป็นเอก แต่ความเหี้ยมรวมถึงความชิงชัง
ในตัวหลานชาย ก็เพียงพอที่จะทำให้ฆ่าเพื่อนเขาตายคามือได้แน่ แต่เขาคงจะยังไม่ได้รับรู้
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้หรอก เพราะจะทำให้เสียสมาธิ จนกลับไปถึงฐานที่มั่นของกลุ่มแล้วนั่นแหละ
สุวิชาถึงจะยอมให้รู้ผลปล้นทางอีกฟาก

ขายาวๆพาร่างสูงก้าวไปอย่างใจไม่อยู่กับตัว กานต์รวีแยกย้ายกลับไปก่อน ส่วนเขา
จะต้องไปพบกับเจตน์ที่เอารถอีกคันมาคอยท่า ตอนนี้รีบมากไม่ได้ ท่าทียังต้องดูเนือยๆเหมือนคนป่วย
ต้องก้าวเดินไม่มั่นคงนัก ทั้งที่ใจมันพุ่งไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วนี่สิ

ขมับเต้นเร่าคล้ายจะทำให้เสียการควบคุม
จังหวะการเลี้ยวหนึ่งนพคุณจึงโผล่ไปชนเข้ากับรถนั่งที่เข็นมาพอดิบพอดีอย่างไม่เบาเลย

“โอ๊ย...”

“โทษที ผมไม่ทันระวัง” มือขาวแข็งแรงประคองรถนั่งคันนั้นให้เข้าที่ คุกเข่าลงจับไหล่
ผู้หญิงตัวบอบบางเอามากๆที่เข็นตัวเองมาลำพัง ด้วยเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเสียหลักเพราะแรงปะทะ

“มะ ไม่เป็นไร” เสียงตอบดังแผ่ว

นพคุณคล้ายงันไปเมื่อสบตากันชัดๆ อีกฝ่ายใส่ผ้าปิดใบหน้าช่วงล่างไว้ไม่ต่างจากเขา
แต่ตากลมโตดำขลับหม่นหมองชุ่มโชกไปด้วยน้ำตา คล้ายเจ้าตัวกำลังร้องไห้ไสรถหนีใครมา
ตาคู่นั้นยิ่งเบิกกว้างขึ้นอีกเมื่อสบตาเขา ทั้งฉายแววบางอย่างที่เกือบจะเรียกได้ว่าริ้วรอยแห่ง
ความตระหนก เมื่อตั้งตัวติดก็ไม่พูดจา ตั้งหน้าไสรถจากไป

ชายหนุ่มมองตามอย่างกังขา ขณะเดินออกมาจากโรงพยาบาลความรู้สึกบางอย่างยังติดค้าง
เห็นใจ ผู้หญิงคนนั้นแค่ป่วยหรือว่าเดินไม่ได้... อย่างหนึ่งที่รู้ เขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
แต่ความเศร้าอันระคายเคืองใจจากดวงตาคู่สวย ดูจะเป็นอารมณ์ที่นพคุณรู้จัก...คุ้นเคยดีเอามากๆทีเดียว




หลังจากรู้ข่าวร้ายด้านเป็นเอก นพคุณปวดหัวหนัก ในใจปั่นป่วนเหมือนแทบบ้า
เมื่อผลตรวจร่างกายบอกว่าตนไม่ได้เป็นอะไรมาก ชายหนุ่มจึงสะบัดหนีจากสุวิชา
ระหว่างนั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโด เขาหาที่โยนลูกโลกทองคำประดับอัญมณีทิ้งลงถังขยะ
ซึ่งตนก้าวผ่านอย่างส่งเดช ใจไม่เคยคิดอยากได้ของของคนอย่างอรรณพตั้งแต่แรก
แค่อยากปล้นมาโยนทิ้งก็เท่านั้น อาจเป็นโชคของคนที่เก็บได้ หรือจะเป็นโชคร้ายก็ไม่เกี่ยวกับเขา

นพคุณพาร่างกลับมาจนถึงคอนโดได้ยังไงก็จำแทบไม่ได้ นึกไปถึงว่าอาจไม่มีทางได้พบ
เพื่อนรักอีกแล้ว โลกดูเหมือนตีลังกากลับด้านจนน่าเวียนหัว ไม่สิ คนเป็นยิมนาสติกอย่างเขา
การหกคะเมนตีลังกาไม่เคยทำให้สะเทือนเพียงนี้หรอก

จะว่าไปก็เพราะไอ้เอกด้วยซ้ำ เด็กจนๆอย่างเขาถึงได้มีโอกาสไปเรียนยิมนาสติกฟรี
ในโรงเรียนที่ญาติมันเปิดสอน รวมไปถึงพวกศิลปะป้องกันตัวประดามีอะไรทั้งหลายแหล่
ยูโด เทควันโด ปีนเขา กิจกรรมที่ลูกคนรวย อย่างน้อยก็รวยกว่าเขาถึงจะได้ทำ
แต่ตอนนี้ เขาจะช่วยมันได้ด้วยวิธีไหน?

ชายหนุ่มเข้าไปอาบน้ำลวกๆ ถือผ้าเช็ดตัวออกมาโยนทิ้งกับพื้นอย่างไม่แยแส
ทุ่มตัวลงบนที่นอนทั้งไม่มีเสื้อผ้า ห้อยหัวลงจากเตียง เผื่อมันจะช่วยให้โลกที่
พลิกตีลังกาในแสงโคมกลับเป็นเหมือนเดิมขึ้นมาได้ แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้นนพคุณจึงเลือกหลับตา

ความเป็นทีมที่สมบูรณ์จะมาจบลงแค่นี้ ทุกอย่างจะต้องสิ้นสุดในภารกิจที่เขาเป็นต้นคิดขึ้นมา
...ใครสักคนบอกไว้ เมื่อเรากลายเป็นจอมโจรที่แท้จริง ประตูที่ปิดอยู่แน่นหนาบานไหน
ก็ไม่อาจป้องกันมิให้ล่วงล้ำ แต่คราวนี้สิ่งที่เขาจะต้องขโมยคือตัวไอ้เอก การผ่านประตูอาจไม่ยาก
แทบเป็นการเชื้อเชิญของศัตรูด้วยซ้ำ แต่ผ่านเข้าไปแล้วจะออกมาได้ละหรือ...

ปองเกียรติ ผู้ชายคนนั้นรู้เรื่องของเขาและหลานชายตัวเองดีเกินไป
นพคุณจะไม่ยอมถูกจับด้วยอีกคนเป็นอันขาด เพราะถ้าปล่อยจนอย่างนั้น
ทุกอย่างก็จบ จะไม่เหลือใครไว้ช่วยไอ้เอกได้อีกต่อไป


ช่วงเวลาที่มืดมนไม่รู้จะหันหาใคร คนคนเดียวที่เขาต้องการจะซมซานไปขอความช่วยเหลือยังเป็นครูฤทธิ์

นพคุณขบกรามแน่น ความทรงจำไหล่บ่าปะทุขึ้นมาเหมือนตาน้ำถูกขุด
อาจารย์ลือฤทธิ์ของใครหลายคนในมหาวิทยาลัย แต่เป็นครูฤทธิ์ของเขา
เคยอยากจะให้ครูมาเป็นพ่อที่ตนไม่เคยมีเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้หน้าเขาครูยังแทบไม่อยากมอง

ก็ตั้งแต่วันที่เขา...เลือกทางโจร

‘เจ้าเก้า ในเมื่อทะนงตัวไม่เห็นหัวครู ก็ช่วยตัวเองให้ได้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน’
ครูเคยประกาศไว้ราวกับจะมองเห็นอนาคตที่วันหนึ่งจะต้องอับจนทางเลือก
เล็งเห็นชะตาของเขาในวันนี้ที่กำลังค่อยๆเข้าสู่ทางตัน

หลายวันผ่านไป เมื่อลองพยายามดิ้นรนหาทาง นพคุณก็ได้รู้ว่าเป็นอย่างที่คิดไว้
เรื่องคราวนี้ไม่ง่าย แม้จะใช้ความสามารถพิเศษของเขาเข้าช่วย ภาพที่เห็นอีกฝั่งก็ยังมืดมนไปหมด
ความสามารถ...ความลับที่มีเพียงคนไม่กี่คนบนโลกล่วงรู้ เขาเคยเป็นศิษย์รักของคนอย่างครูฤทธิ์
มือเอกทางด้านคุณไสยฝ่ายขาว นั่นเองเป็นเหตุผลที่เมื่อเขาเลือกทางชั่วๆครูจึงปฏิเสธที่จะพบเจอเขา
แต่งวดนี้นพคุณจะต้องพบครูให้ได้ แม้จะไม่ได้พบกันจริงๆ ขอเพียงการสื่อสารทางจิตก็ยังดี

ชายหนุ่มตัดสินใจรั้งกายที่ยังไม่หลับลงได้ขึ้นมาตั้งจิตมั่น ในสมาธิ เขาพุ่งจิตไปยังที่ซึ่งรู้ว่าครูของตน
มักจะอยู่ที่นั่นเสมอ ไม่ว่าด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าของเขาเอง หรือจะเป็นผู้อาวุโสเกิดเวทนา
ในที่สุดวันนี้ก็ได้ยินเสียงที่เคยคุ้น

‘ถ้าห่วงเพื่อนถึงขนาดนั้น จะให้ดูแล้วกันว่ามันอยู่ยังไง
บอกไว้ก่อน...นี่เป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่ครูจะช่วย
อย่างน้อยก็ให้มองเอาไว้เป็นบทเรียน
เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ดวงเอ็งตกถึงที่สุดละเจ้าเก้า
ถ้ายังไม่ยอมหยุดละก็’

จิตของเขาถูกดึงวูบข้ามผ่านห้วงดำมืดมิดสนิทแห่งราตรี ลำพังตัวเขาเองไม่เคยได้ก้าวมาถึงขั้นนี้
และคงทำไม่ได้ หากไม่อาศัยความช่วยเหลือของครู จนที่สุด... พริบตานั้นก็คล้ายร่วงวูบตกลงสู่เหว
พบว่าตนกลับพลันมายืนอยู่หน้าคุกผนังสีเทาสะอาดตา ภายในเรียบง่ายทันสมัยราวกับห้องสไตล์โมเดิร์น
ติดเพียงด้านหนึ่งเป็นกรงขังสีเหล็กเข้มขรึม ความรู้สึกกดหน่วงบ่งบอก ไม่ได้มีเพียงกลไกป้องกัน
ทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังมีมนตราไสยเวทกำกับไว้อีกหลายซับหลายซ้อน

วินาทีนั้นเขายิ่งรู้สึกอย่างน่าเศร้า คำว่าทำได้ทุกอย่างเป็นเพียงคำเพ้อเจ้อ คำว่าผ่านประตูได้ทุกบาน
เป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน มันก็แค่เพราะโชค เพราะประตูบานที่เคยทะลวงผ่านมาเหล่านั้น
ไม่ได้รับการป้องกันแน่นหนาพอ จอมโจรที่น่าสมเพช ก้มหน้าวิ่งไล่ตามความฝัน ไม่เงยดูความจริง
เหมือนเด็กไม่รู้จักโต

ท่ามกลางเสียงของความสิ้นหวัง สายตาเขาจับจ้องยังมุมหนึ่งของคุกที่ไฟสาดไปไม่ถึง
จิตเดือดพล่านดวงหนึ่ง ร่างนั้นขดคู้สั่นระริก บ่งชัดว่าผ่านการเคี่ยวกรำทรมานกายใจ
มาไม่น้อยยามเขาไม่ได้มาเห็น

‘เอก... ไอ้เอก...’

“มึงมาเหรอ ไอ้เก้า!” คำถามกังวานพร้อมเสียงหอบหายใจถี่กระชั้นตัดผ่านความเงียบอย่างมีหวัง

แม้เป็นเอกจะมองไม่เห็นตัวแต่หูคล้ายแว่วยินเสียง เพื่อนเคยเรียกเขาแบบนี้หลายที
ทว่าคราวนี้เสียงนั้นกลับลอยมาอยู่ใกล้ๆ ใกล้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเอกถลันออกไปเกาะกรง
ดวงตาแดงก่ำเส้นเลือดฝอยแตกพร่ากราดมองสั่นระริก เหลียวหาที่มาของเสียงในบรรยากาศสงัดงัน
ลมหายใจเปี่ยมหวังยิ่งกระชากสะดุดเป็นห้วง ขณะที่ใจหยุดรอคอย

กายทิพย์
ถูกพามาด้วยความช่วยเหลือของจิตอีกดวงซึ่งทรงพลังของผู้เป็นครู
แต่นพคุณกลับสื่อสารได้พร่าเลือนนัก ลือฤทธิ์ส่ายหน้าน้อยๆ
เมื่อเล็งเห็นความทุรนทุรายอยากพูดกับเพื่อนของศิษย์
วูบนั้นชายชราจึงช่วยส่งกระแสผสาน ส่งให้การมาเยือนวาระนั้น
ปรากฏแก่ตาคนในกรงขัง โดยยังซ่อนร่างตนไว้เงียบงัน

คนในคุกเบิกตากว้าง ไอ้เก้า มันอยู่ต่อหน้าเขาแล้วจริงๆ! แม้จะมองเห็นกันผ่านซี่กรงกั้น
โดยที่อีกฝ่ายยังมีท่าทีชะงักงัน ดูรีๆรอๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้ในทันที

แต่ก่อนมันไม่มีความกลัวแบบนี้ เป็นเอกรู้ว่าเมื่อตนโดนจับและมันช่วยอะไรเขาไม่ได้
เขาก็จะไม่ได้เห็นตัวตนแบบเดิมๆของไอ้เก้าอีก ถึงได้บอกลากับเพื่อนคนเดิมคนนั้นไปแล้ว
ตั้งแต่มองภาพมันร่วงจากฟ้าลงไปนอนอยู่กับดิน ...ตอนนี้ตัวมันที่เขาเห็น แม้ไม่ชัดเจน
แต่ก็รู้ว่าส่อกระแสอิดโรยหมองคล้ำ ทีมปล้นคงพยายามคิดหาหนทาง แต่ตามคาด
งานนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้
“รวี... เป็นไงบ้าง เขาห่วงกูมั่งไหม” เป็นเอกถามเป็นอย่างแรกอย่างอดไม่ได้
ทั้งสีหน้าเยาะหยันตัวเอง

นพคุณฟังคำเพื่อนแล้วก็ได้แต่พยักหน้า พูดไม่ออก ดูเหมือนกานต์รวีจะเป็นคนที่กังวลเรื่องไอ้เอกน้อยกว่าใคร
แต่เขาไม่กล้าบอกความจริง เพราะแค่นี้ดวงตาแดงซ่านของมันก็มีแววใจเสียอยู่เกือบร้อยส่วนแล้ว
แววตาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมันแสดง

เป็นเอกเบะปากออกเป็นรอยยิ้มแค่นๆ ก่อนจะหัวเราะ จากขำหึๆในคอเป็นดังก้องยิ่งขึ้นทุกที
“มึง...โกหกกูนี่หว่า”
สิ้นเสียงพูดกลั้วหัวเราะ เป็นเอกเริ่มเอาหัวโขกลูกกรงหนักๆหลายทีอย่างน่ากลัวเจ็บ
ก่อเสียงสะท้อนดังกึงๆๆเป็นจังหวะ นพคุณได้แต่นิ่วหน้าจ้องมอง ไม่พูดอะไร...จนกระทั่งมันยอมหยุด
ซบสงบสิ้นฤทธิ์อยู่กับลูกกรงท่านั้น ไม่มีใครเอ่ยเรื่องแผนหลบหนี มาตรการป้องกัน เดาเอาก็รู้ว่า
คงจะซับซ้อนและเข้มงวดราวกับไอ้เอกเป็นนักโทษตัวประกันสงคราม

แต่นพคุณยังยืนยันเจตนาในใจตน เขาจะไม่อยู่เฉย ต้องช่วยเพื่อนให้ได้
‘ยังไงก็แล้วแต่ กูไม่ปล่อยให้มึงเน่าตายอยู่ในนี้แน่’

เสียงนั้นแว่วเข้าหูเป็นเอกเหมือนลมผ่าน แต่ก็ช่วยพัดมาปลอบประโลมใจที่เริ่มจะแห้งแล้งตายด้านได้ส่วนหนึ่ง
“อากูไม่ฆ่ากูหรอก อย่างน้อยก็ตอนนี้” พึมพำตอบทั้งที่ยังก้มหน้าเบียดอยู่กับซี่กรงขัง

เป็นเอกสามารถรับรู้ได้รางๆถึงสัมผัสของมือซึ่งขยี้ลงบนหัวเขา คล้ายที่เคยปฏิบัติต่อกันเมื่อยังเด็ก
ไอ้เก้า มันยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม แต่ว่าตอนนี้เขาเองจบสิ้นแล้ว...

“ปล่อยกูไว้อย่างนี้แหละ นี่มันเกินกำลังที่มึงจะช่วยได้ อากูโกรธมาก
แถมยังอาฆาตแค่ไหนกับเรื่องที่เราเคยทำ ทั้งเรื่องเล็กเท่าขี้มด
เรื่องใหญ่เท่าตึก มึงเองก็น่าจะรู้ ระวังตัวให้ดีๆ รู้หลบเป็นปีก
...ปล่อยกูไว้แบบนี้ ก่อนจะซวยไปด้วยอีกคน”

นพคุณส่ายหน้าช้าๆ กลืนน้ำลายลงคอ หากเป็นเขาก็อาจพูดแบบเดียวกัน
แต่คนฟังนี่สิ จะไม่มีวันยอมให้ทุกอย่างจบง่ายแบบนั้น

พลันเสียงของผู้อาวุโสดังแทรก ‘ตัดใจเถอะ กับเพื่อนคนนี้ เอ็งช่วยมันไม่ได้หรอก’

นพคุณไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะได้ยินด้วย เพราะครูฤทธิ์ดูเหมือนจงใจพูดให้เขารับรู้เพียงคนเดียว ทำไม?

ใจยังอยากจะเอ่ยอะไรอีกหลายอย่าง... ทว่าภาพตรงหน้าพลันม้วนบิดผันคล้ายฟิล์มหนัง
ที่ถูกกระชากถอยหลังกลับ ถอยออกมา ถอยออกมา ผ่านย่ำค่ำเหนือเมืองยามราตรี
วูบเดียวที่สะดุ้งกะพริบตา วูบนั้นเขาก็กลับมาอยู่ในห้อง
ไม่มีไอ้เอก ไม่มีครูฤทธิ์ ไม่มีสุ้มเสียงใด...นอกจากเสียงใจเต้นหน่วงหนักถ่วงอยู่ในอก



จากคืนนั้น...ความฝันถึงเป็นเอกก็แวะเวียนมาเยือนบ่อยครั้ง
เพื่อนร่วมทีมคนอื่นเริ่มถอดใจกับการช่วยเหลือ เพียงแต่นพคุณทุกวันยังคงเร่งเร้าเซ้าซี้สุวิชา
อย่างไม่ยอมรับความจริง ฝ่ายนั้นส่ายหน้า อ้อมแอ้มสัญญาว่าจะไปนอนคิดหาวิธีใหม่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเตือน

“มันก็เหมือนกับแกคิดจะปล้นทำเนียบขาวละวะ ทำได้แต่ในหนัง... ทุนไม่พอ กำลังไม่พอ
ที่สำคัญ คงไม่มีใครโชคดีขนาดบุกเข้าไปแล้วจะไม่โดนมาเฟียอย่างปองเกียรติสอยเอาได้
แล้วขอโทษ ฉันกับแกไม่ใช่หลานมันเหมือนอย่างไอ้เอก มันคงจะเลี้ยงใส่กรงหมาไว้ดูเล่นเพลินๆอยู่หรอกเนอะ”

สิ้นหวัง อาการปวดหัวยังเป็นๆหายๆ นพคุณจมดิ่งอยู่กับอารมณ์เดิมๆ
พยายามเรียกหาให้ครูฤทธิ์มาช่วย คืนแล้วคืนเล่า ครูก็ไม่มา

จนกระทั่ง...คืนหนึ่งเขาก็พลันได้เจอเพื่อนอีกครั้งด้วยตัวเอง

สภาพห้องขังเปลี่ยนไป ไอ้เอกถูกย้ายไปอยู่ในคุกที่ไม่ต่างจากกรงเลี้ยงสัตว์
สภาพน่าทุเรศจนกลิ่นเหม็นแทบว่าจะโชยออกมาจากภาพที่เขาได้เห็น
ภายใต้แสงสีส้มสลัวของไฟหลอดเก่าเจียนขาดที่แขวนห้อยโยงไว้ มันดูยิ่งทรุดโทรม
และจนตรอกจนเหมือนคนที่นพคุณไม่เคยรู้จัก สายตากราดมาทางเขา
เคียดแค้น... โกรธ เกลียด ชิงชัง
“เป็นเพราะมึงคนเดียวไอ้เก้า! ตอนมึงบอกว่าจะโดด มึงจงใจให้กูมาติดกับใช่ไหม
หมาหิวเงินอย่างมึงที่แท้ก็ร่วมมือกับอากู มันให้มึงเท่าไหร่ล่ะ!”

เสียงตะคอกทำเอาเขาสะดุ้งพรวดจากเตียง เหงื่อโซมกายทั้งที่อากาศเย็นเฉียบ
นั่นคือฝัน หรือว่าจิตเขาเดินทางไปเห็นได้จริงๆ ไม่น่า ไม่มีวัน ไอ้เอกตัวจริงไม่มีทางพูดแบบนั้น
อย่างน้อยมันก็ต้องรู้ เขาไม่มีทางขายเพื่อน!
แต่ถ้าต้องทรมานอย่างที่มันโดน ความคิด ความเข้าใจจะยังคงเดิมอยู่อย่างไร... ... ...

แผนที่ร่างไว้ ทุกๆแผนเมื่อคำนวณความเป็นไปได้ โอกาสที่จะตายหรือถูกจับมีสูงมาก
เขาไม่ใช่คนขลาด แต่เรื่องที่ลงมือแล้วไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะทำให้ป่วยการทำไม

ทนอยู่ไม่ไหว เขาต้องไปหาครูฤทธิ์อีกครั้ง ขอให้ครูช่วย
แม้ว่าครูจะไม่อยากพบหน้าเขา จะไล่ท่าไหน คราวนี้นพคุณก็ต้องไป



บ้านของครูอยู่นอกเมืองออกไปแถบนครปฐม ก็ใกล้วังสนามจันทร์นั่นแหละ
โชคยังดีที่เขารู้จักคุ้นหน้าดีกับชาวบ้านเจ้าของสวนแถวนั้น คุ้นมากถึงขนาดโผล่หน้าไปค่ำๆมืดๆ
ชวนไอ้โหน่งเพื่อนรุ่นราวคราวกันนั่งดวดเหล้าบนศาลาริมน้ำ ก่อนจะรอโอกาสที่มันเคลิ้มๆกรึ่มๆ
แสร้งทำเป็นเมาดิบลงไปหยิบไม้พายมาแจวเรือวนเล่นไปมา ฟังเสียงมันบ่นโขมงโฉงเฉง
ค่าที่ตามลงมาไม่ได้เพราะตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น

“เสียทีจริงโว้ย บ้านอยู่ติดคลองแท้ๆ ว่ายน้ำไม่เป็น ไอ้โหน่งโว้ย---ไอ้เด็กโข่ง”
นพคุณแหย่ปนหยอก ป้าพุด ป้าแท้ๆของไอ้โหน่งก็คุ้นกับมาดเอะอะของเขาและมันยามอยู่ด้วยกัน
จึงไม่ให้ความสนใจอันใด เขาเตะถ่วงรอเวลาจนเพื่อนเมาหนัก
นอนพังพาบอยู่บนศาลาท่าน้ำและเริ่มจะเงียบเสียง

ชายหนุ่มเริ่มวาดเรือห่างออกมา เวลานี้ดึกสงัด คลองไม่กว้างนัก
แต่เขาก็ต้องออกแรงพายทวนน้ำซึ่งไหลเชี่ยวแรงกว่าที่ตาเห็นไปตามลำคลองมืดสนิท
ใต้ต้นลำพูเก่าแก่อายุร่วมร้อยซึ่งแผ่กิ่งทะมึนน่าเกรงขามเบื้องบน หิ่งห้อยน้อยแสงสองสาม
ตัวกำลังหรี่ดับไฟของมันลง บรรยากาศยะเยียบเยือก ยินเพียงเสียงพายกระทบน้ำฟังชวนขนลุก
แต่เขากลับรู้สึกเลือดลมแล่นพล่าน แสงเดือนดาวพอจะนำทางให้เห็นได้ไรๆ เป้าหมายอยู่ไม่ไกลนี้แล้ว
เพียงแค่พายเรือเลยหักโค้งเบื้องหน้าก็จะถึงบ้านครูฤทธิ์

บุกไปหารวดเดียวไม่ให้ครูตั้งตัวติด เหตุผลสำคัญที่ต้องเลือกเข้าทางท่าน้ำหลังบ้านน่ะหรือ
ก็เพราะหน้าบ้านของครูยังเลี้ยงไอ้พวกปากมากจำพวกว่านกระซิบเอาไว้ ทิศนี้ทางสะดวก
หากไม่นับว่านผีพวกนั้นที่เขาค่อนข้างจะไม่ชอบหน้า ครูยังมีเด็กๆอีกจำนวนหนึ่งไว้คอยรายงานข่าว
แต่เจ้าพวกที่ว่าส่วนใหญ่ก็กลัวคลองนี้กันมาก เหตุก็เพราะ...

ตรงโค้งหักข้อศอกจุดสำคัญของลำคลอง แรงหนืดบนใบพายทำให้ต้องเหลือบสายตาลงมอง
มันอาจจะดูเหมือนขยุ้มตะไคร่น้ำสีดำปนเขียว แต่หากมองให้ดี
ที่เห็นนั้นกลับเป็นมือของใครคนหนึ่งยึดใบพายไว้!

ขณะเดียวกัน เรือลำน้อยเริ่มโคลงแปลกๆคล้ายจะล่มลงได้ทุกขณะ
ราวกับว่ายังมีอีกหลายมือกำลังช่วยกันหนุนเนื่องอยู่ใต้ท้องเรือ
ทันทีที่เสียหลักตกลงไปยังท้องน้ำอันมืดมิด มันคงพร้อมจะเกาะกอดเขาไว้ให้ตกตายไปด้วยกัน
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากโดยที่ตาไม่ยิ้ม ทั้งกลับเปล่งประกายวาบอย่างเหี้ยมเกรียม
ถ้าเป็นปกติเขาอาจรอมชอมยอมเล่นด้วย แต่คืนนี้เขามาธุระ
เป็นธุระร้อนที่ทำให้ใจเย็นไม่ลง นพคุณจึงเอ่ยด้วยเสียงติดจะห้วนกร้าวกดต่ำ

“พี่ครับ...ปล่อยให้ผมไปดีๆเถอะวันนี้ ไม่อยากจะให้เจ็บตัวเลยจริงๆ”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2557, 10:56:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2557, 10:56:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1342





<< ๑ ก้าวที่ล้มเหลว   ๑ ก้าวที่ล้มเหลว - บท ๒ เกมต่อชีวิต >>
ketza 12 ก.ย. 2557, 10:57:37 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
เจิมๆๆๆ


อสิตา 12 ก.ย. 2557, 11:02:53 น.
สาวกระต่ายน้อยข้างบน เม้นต์เร็วยังกะติดจรวด


ketza 12 ก.ย. 2557, 11:10:08 น.
เกดนุ่มติดจรวด เร็วปรู๊ดดดดดดดดด อุจิ๊


ริญจน์ธร 12 ก.ย. 2557, 11:11:10 น.
พี่เก้าตัดหน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


yimyum 12 ก.ย. 2557, 12:21:04 น.
มันจะฟังมั้ยน้าา อยากให้เป็นเอกรอดง่า TT


บุลินทร 12 ก.ย. 2557, 14:53:56 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้าพุด เจอชื่อคุ้นๆอีกแล้ว


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.ย. 2557, 16:41:59 น.
เอ่ออออ พระเอกเรื่องนี้มีแต่โหมดดาร์กชิปุ๊
555 สาวคนนั้นเป็นใครน้าาาา


patok 12 ก.ย. 2557, 18:02:52 น.
น่าสงสารเป็นเอก


ดังปัณณ์ 12 ก.ย. 2557, 18:39:02 น.
อะฮื้อ ไอ้พี่เก้าจิทำฉันใด แล้วเป็นเอกละ โดนอะไรบ้าง อร๊ายๆๆๆๆๆ อยากรู้ ดีดดิ้นๆๆๆๆๆ

ว่าแต่ ไอ้พี่เก้าเคยกลัวไรมั่งมั้ยเนี่ย โอ๊ยโถ ถึงขนาดขู่ผี เฮียสุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด 555+


goldensun 12 ก.ย. 2557, 20:20:19 น.
เป็นเอกแย่แล้ว นึกว่าพี่เก้าจะแย่ไปด้วย ยังดีที่รอดมาได้ แต่ยิ่งทรมานใจสิ ช่วยเพื่อนไม่ได้
อาจารย์ก็ดัดนิสัยซะแรง ให้เห็น แต่ช่วยไม่ได้ แล้วทำไมอาจารย์ฤทธิ์ไม่ช่วยล่ะคะ
พี่เก้าลุยผีน้ำแล้ว มีดีพอตัวนะนี่


พันธุ์แตงกวา 12 ก.ย. 2557, 22:38:15 น.
อ้าว!!! เป็นเอก ไหงเป็นงั้นได้ แต่อาจจะไม่ใช่เป็นเอกก็ได้เนาะ ไม่น่าเข้าใจเฮียเก้าผิด
ขำมุกเจ้าฮะ แหม ขุ่นหมอสุทัศศสสส
เอ่อ ขนาดผีเฮียยังเหวี่ยงใส่ เฮียเก้า สุดยอดจริงๆ อยากจะเห็นนางเอกของเฮียนัก


ภาวิน 12 ก.ย. 2557, 23:04:29 น.
ไอ้พี่เก้าดอดไปหาครูฤทธิ์แต่ต้นเรื่องเลยรึ แหม เป็นคนที่ผีกลัวแบบนี้ก็ไม่บอก คนเห็นผีอย่างน้ำหนึ่งน่าจะยืมมาช่วยไล่ผี


Zephyr 13 ก.ย. 2557, 00:05:58 น.
หืม เรื่องนี้มะม้า ช่างให้พี่เก้าเป็นได้ทุกอย่าง
เอิ่มมมม ขู่ผีได้ด้วย เฮ้ยจะเลิศไปไหน
ขนาดบุกมางี้ ครูมีดีจะตาย รู้แต่แรกแล้วละมั้ง


Barby 16 ก.ย. 2557, 15:29:27 น.
สงสารเป็นเอกอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account