ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๑ ก้าวที่ล้มเหลว - บท ๒ เกมต่อชีวิต

คุณเกดซ่า – มาดูกันซิ ว่าวันนี้จะไวแค่ไหน อุจิ๊
คุณริญ – อสิหายไปหลายวันเลย แหะๆๆ

คุณหนูยิ้มๆ – เป็นเอก เป็นเพื่อนที่สำคัญกับพี่เก้ามากนะ
คุณหมีบุลินทร – ใครน้า ป้าพุด เหอๆ บทน้อยมากจนเหมือนไม่มี

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ไม่ดาร์คเลยค่ะ พระเอกเป็นคนสนุกนะ หมดส่วนนี้ไปจะเริ่มออกลายละ
คุณแพทโอเค – เรื่องเป็นเอก ยังต้องลุ้นกันต่อไป ว่าจะเป็นชายรักชายกับพี่เก้าหรือไม่ เอ๊ย...

คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – คุณพี่เก้าเอาไม่พายตีผี ป้าบๆๆไม่ยั้ง เหมือนจัดการซอมบี้ ผิดละ
คุณโกลเด้นซัน – ครูฤทธิ์คงต้องปล่อยสัตว์โลกให้เป็นไปตามกรรมบ้างค่ะ ไม่อยากช่วยโจร
ตอนนี้เก้าต้องเอาตัวรอดเองแล้ว วันนี้กำลังจะเจอของดีซะด้วย

คุณพันธุ์แตงกวา – เป็นเอกคงต้องลำบากจริงๆละ แต่ลำบากแค่ไหน รอลุ้นกัน
หมอสุทัศน์เป็นตัวละครที่อสิตาชอบมากๆ ส่วนนางเอกของพี่เก้า ได้เจอแล้วจะเงิบแน่นอน

คุณภาวิน – หึหึ พี่เก้าหมกมุ่นแต่กับการปล้น ไม่มีเวลาไปหาน้ำหนึ่ง ปล่อยให้ไอ้บ้าเตทำคะแนน แสยะ
คุณเฟอร์ๆ - แหม สมกับเป็นลูกสาว เดาใจมะม้าได้นะ ครูก็ต้องรู้สิ แต่ครูจะจัดการยังไงนี่สิ หุๆๆ
--------------------------------------


ชายหนุ่มเริ่มวาดเรือห่างออกมา เวลานี้ดึกสงัด คลองไม่กว้างนัก
แต่เขาก็ต้องออกแรงพายทวนน้ำซึ่งไหลเชี่ยวแรงกว่าที่ตาเห็นไปตามลำคลองมืดสนิท
ใต้ต้นลำพูเก่าแก่อายุร่วมร้อยซึ่งแผ่กิ่งทะมึนน่าเกรงขามเบื้องบน หิ่งห้อยน้อยแสงสองสาม
ตัวกำลังหรี่ดับไฟของมันลง บรรยากาศยะเยียบเยือก ยินเพียงเสียงพายกระทบน้ำฟังชวนขนลุก
แต่เขากลับรู้สึกเลือดลมแล่นพล่าน แสงเดือนดาวพอจะนำทางให้เห็นได้ไรๆ เป้าหมายอยู่ไม่ไกลนี้แล้ว
เพียงแค่พายเรือเลยหักโค้งเบื้องหน้าก็จะถึงบ้านครูฤทธิ์

บุกไปหารวดเดียวไม่ให้ครูตั้งตัวติด เหตุผลสำคัญที่ต้องเลือกเข้าทางท่าน้ำหลังบ้านน่ะหรือ
ก็เพราะหน้าบ้านของครูยังเลี้ยงไอ้พวกปากมากจำพวกว่านกระซิบเอาไว้ ทิศนี้ทางสะดวก
หากไม่นับว่านผีพวกนั้นที่เขาค่อนข้างจะไม่ชอบหน้า ครูยังมีเด็กๆอีกจำนวนหนึ่งไว้คอยรายงานข่าว
แต่เจ้าพวกที่ว่าส่วนใหญ่ก็กลัวคลองนี้กันมาก เหตุก็เพราะ...

ตรงโค้งหักข้อศอกจุดสำคัญของลำคลอง แรงหนืดบนใบพายทำให้ต้องเหลือบสายตาลงมอง
มันอาจจะดูเหมือนขยุ้มตะไคร่น้ำสีดำปนเขียว แต่หากมองให้ดี
ที่เห็นนั้นกลับเป็นมือของใครคนหนึ่งยึดใบพายไว้!

ขณะเดียวกัน เรือลำน้อยเริ่มโคลงแปลกๆคล้ายจะล่มลงได้ทุกขณะ
ราวกับว่ายังมีอีกหลายมือกำลังช่วยกันหนุนเนื่องอยู่ใต้ท้องเรือ
ทันทีที่เสียหลักตกลงไปยังท้องน้ำอันมืดมิด มันคงพร้อมจะเกาะกอดเขาไว้ให้ตกตายไปด้วยกัน
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากโดยที่ตาไม่ยิ้ม ทั้งกลับเปล่งประกายวาบอย่างเหี้ยมเกรียม
ถ้าเป็นปกติเขาอาจรอมชอมยอมเล่นด้วย แต่คืนนี้เขามาธุระ
เป็นธุระร้อนที่ทำให้ใจเย็นไม่ลง นพคุณจึงเอ่ยด้วยเสียงติดจะห้วนกร้าวกดต่ำ

“พี่ครับ...ปล่อยให้ผมไปดีๆเถอะวันนี้ ไม่อยากจะให้เจ็บตัวเลยจริงๆ”


เขาชะงักพายไว้กับที่ นิ่งรอดูปฏิกิริยา เจ้าของมือคล้ายรับรู้ได้ถึงความคุกคามในน้ำคำ
...สุดท้ายมือเขียวคล้ำค่อยๆหดกลับคืนลงสู่น้ำเงียบเชียบ เรือที่เหมือนติดอะไรอยู่ใต้ท้องเรือ
ก็ค่อยขยับไปต่อได้โดยสะดวก นพคุณจ้วงพายแรงๆ คัดท้ายดิ่งเข้าเทียบท่าเงียบกริบ
ใช้โซ่พันบันไดไว้ค่อนข้างแน่นหนาเพราะน้ำแรง ก่อนจะก้าวเข้าสู่เขตบ้านครูฤทธิ์อย่างองอาจ
เหมือนเป็นบ้านของตัวเอง
เสียงหมาหอนดังแว่วมาจากที่ไกลๆ แต่ครูไม่จำเป็นต้องมีหมาเฝ้าบ้าน จากคำร่ำลือ
คงไม่มีโจรหน้าไหนหาญกล้ามาเยือน ยกเว้นเสียแต่โจรกิตติมศักดิ์...อย่างเขา

ชายหนุ่มหยุดยืนมองเงาบ้านไม้หลังคุ้นตา แม้ยามนี้ชั้นล่างจะเปลี่ยนเป็นกรุกระจกให้อยู่ง่ายขึ้น
ตามวัยอันผ่านเลยของเจ้าของบ้าน แต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศเก่าๆในรอยจำของเขาเลือนไป

เงาไม้โอบล้อมช่วยกันกักกรองแสงไฟมิให้ลอดผ่านมาให้ความสว่างถึงตรงนี้ แต่เห็นรำไร
แสงสีส้มจุดอยู่ยังห้องหนังสือที่ชั้นบน เขาตั้งใจจะปีนขึ้นไปเงียบเชียบ มาอย่างโจรก็ต้องบุกอย่างโจร
พรวดเดียวไปยืนอยู่ต่อหน้าแบบทันทีทันใด ให้อีกฝ่ายนึกอยากจะไล่ก็ไล่ไม่สะดวกใจ ครูฤทธิ์เป็นพวก
ไม่ทำอะไรรุนแรงอยู่แล้ว ถ้าเขาทู่ซี้เสียอย่างครูก็น่าจะใจอ่อนยอมฟัง

ทว่าขณะตั้งท่าจะปีน เสียงห้าวห้วนทรงอำนาจก็ดุขึ้นทันควัน
“นี่คิดจะบุกปล้นบ้านครูแล้วสิ อ้ายลูกศิษย์ไม่เอาถ่าน”

นพคุณสะดุ้งหันไปมอง เป็นเงาตะคุ่มของครูเขาเอง ครูฤทธิ์ไม่ได้อยู่บนบ้าน
แต่กลับมาดักรออยู่นี่ ที่เรียกเสือเฒ่ายังไว้ลายคงจะแบบนี้เอง

เงานั้นเดินเลี่ยงเข้าสู่สวน นพคุณลังเลเพียงเสี้ยววินาที ที่เห็น ที่ได้ยิน คือจิตของครูฤทธิ์แน่นอน
ไม่มีใครหรืออะไรจะปลอมแปลงมาหลอกหลอนพรางตาเขาได้ว่าเป็นครู คิดดังนั้นเจ้าของร่างสูงสง่า
จึงพาตัวเองก้าวตาม ภายในสวนแต่เดิมก็มีม้าหินตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ บางทีนั่งคุยกันตรงนั้นคงดี

ขณะเดินตาม เส้นทางรกเรื้อคล้ายป่าก็ดูเหมือนจะไกลขึ้น นพคุณชะงักเท้า
ดวงตาสีน้ำตาลระแวดระวังปรือลงในความมืด รับรู้ด้วยสัมผัสที่หกแทนเสียครึ่งหนึ่ง
ส่งเสียงร้องเรียกออกไปอย่างหนักใจ รั้งร่างที่เดินดุ่มนำอยู่ห่างให้พลอยหยุดลง

“ครูฤทธิ์! อย่าแกล้งกันเลยคืนนี้ ลูกศิษย์ครูสำนึกผิดแล้ว ยอมให้เอาไม้เรียวตีก้น
สักเก้าครั้งสิบครั้งก็ยังได้ ขอแค่ครูยอมช่วย ต่อแต่นี้ว่าอะไรไอ้เก้าก็จะเชื่อ”

“บอกให้เลิกปล้นก็จะเลิกทันทีหรือไง?”

นพคุณสะอึกไปนิด รู้สึกขัดแย้งในใจรุนแรง แต่เขาก็ตัดสินใจว่องไว เลือกตามน้ำไปก่อน
“ครับ ถ้าครูจะช่วยให้เอาตัวไอ้เอกออกมาได้”

“อย่างที่บอก เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้” สุ้มเสียงตอบเจือแววเหนื่อยหน่ายระอา

นพคุณขัดใจวูบ เร่งสาวเท้าเข้าหาครู ต่อให้ต้องกอดเข่าขอร้องเขาก็จะทำ
ไม่คิดว่าเพียงคว้าถึงตัว กลับกลายเป็นคว้าได้ฟั่นหญ้าแห้งๆขมวดมัดง่ายๆเป็นรูปตัวคน
มีหัว มีแขน มีขา ครูหายไปจากที่ยืนอยู่ ชายหนุ่มกำหุ่นในมือแน่น นี่ก็แค่ข้อความที่ทิ้งไว้ด้วยจิต
ครูยังไม่ยอมเจอเขาจริงๆ

ชายหนุ่มโกรธจนลมออกหู พยายามเร่งสาวเท้ากลับไปยังเรือน แต่ก็อย่างคาด
ต้องวนกลับมาที่เก่าในสวนครั้งแล้วครั้งเล่า บรรยากาศรอบกายอึดอัดหม่นสลัว
เดินเท่าไรก็ไม่มีวี่แววจะถึงที่หมาย ต่อให้เดินจนเช้าก็แน่ใจว่าผลคงไม่ต่างกัน
ครูฤทธิ์ปิดทางเข้าพบจนสนิทแบบไม่เหลือเยื่อใย นี่หรือที่ว่ารักว่าห่วง
พอเดือดร้อนจริงจัง พอเอ่ยขอร้องกลับไม่ยอมอภัย ไม่คิดจะยื่นมือมาช่วย

ชั่วขณะที่หยุดยืนหอบหายใจ พลันเสียงหัวเราะหวานใสคล้ายเสียงสตรีดังซึมแทรกมากับลม
ที่แรงขึ้นอย่างประหลาด พัดพาเอาใบไม้ซึ่งนอนสงบอยู่กับดินปลิวปะทะใส่หน้าตาเนื้อตัว
ของนพคุณที่ยืนปักหลักไม่สะเทือน ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ปรามเสียงต่ำๆ

“ชักจะลามปามนะเอ็ง...”

เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นอีก ทางซ้ายที ทางขวาที สุ้มเสียงแหลมสูงเริงรื่นไปกับลม...นพคุณรู้
นั่นคือเสียงเด็กผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทว่าตอนนี้เขาที่กำลังหน้ามืด
หมดอารมณ์รับการหยอก มีแต่จะตะคอกออกไปแรงๆ
“ไอ้เด็กเวร กับพี่กับเชื้อยังกล้า”

ทันใด ร่างหนึ่งโดดผลุงมายืนขวางหน้าร่างสูง เป็นเจ้าเด็กน้อยผมแกละรูปร่างเหมือนสักแปดเก้าขวบ
หน้าตายิ้มแย้มทะลึ่งทะเล้น เจ้านี่เองเคยซี้กับนพคุณเป็นอย่างดี แต่เวลานี้บางอย่างในแววตาดูจะเปลี่ยนไป

“ออกมาแล้วรึ ไอ้เขาควาย”

“เขาทราย!” เจ้าของชื่อเถียงอุบอิบอย่างอดไม่ได้

ชายหนุ่มไหวไหล่ ก็เพราะทรงผมแกละสองข้างเหมือนเขาควายของมันแบบนี้เอง
ที่ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนคำเรียกขานได้อย่างเหมาะเจาะ ใครจะรู้ ครูฤทธิ์นั้นแอบคลั่งมวยอยู่เงียบๆ
ไม่แปลกที่จะตั้งชื่อกุมารทองเป็นแชมป์โลกรุ่นเก๋า สำหรับเจ้านี่...แม้มันจะอยู่บ้านนี้มาก่อนเขาเป็นสิบปี
แต่ก็ไม่ใช่ครูไปเสาะหามาเอง มีคนยกให้เพราะเป็นภาระซึ่งควบคุมยากเป็นพิเศษ เรียกง่ายๆว่า
ครูฤทธิ์รับเลี้ยงมันไว้เอาบุญ

“อยากคุยกะพ่อเอ็ง...”

“พ่อไม่คุยด้วย พ่องอนพี่แล้ว ทำไงได้...อยู่ดีๆลูกชายกลายเป็นโจร” เจ้าเด็กน้อยถอนใจ

“งั้นก็ฝากบอก” นพคุณชะงักคำพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำปากยื่น ส่ายหน้า ช้าๆ “นี่ไม่คิดจะ
ช่วยกันมั่งเลยใช่ไหม ดี! ทั้งขนมทั้งน้ำแดงที่เคยให้กินลงท้องไปนี่ไม่ได้สำนึกเลย”
ชายหนุ่มชักโกรธ

เด็กกุมารตัวจ้อยมีทีท่าอ่อนลง ก่อนจะถอนหายใจ แสร้งตีหน้าขมวดคิ้วทำตาโศกแต่ปากยังยิ้ม
“พี่เก้าเจ้าขา อย่าโกรธน้องเลยนะ” เจ้าของเสียงหวานเย็นพยายามประนีประนอม ใจห่วงว่า
จะอดขนมไปตลอด “ก็พ่อฤทธิ์โกรธพี่เก้าแล้วนี่ บอกว่าพี่เก้าลาออกจากความเป็นลูกศิษย์
ก็เท่ากับลาออกจากการเป็นพี่เราเหมือนกัน ถ้ามาให้ไล่กลับทันที”

“เออ! งั้นก็คืนขนมข้ามา ทองเอก ทองม้วน ทองหยิบ ทองหยอด ทองย้อย ทองเหม็นอะไรทั้งหมดน่ะ”
นพคุณพูดห้วนจัด

“อันหลังนั่นไม่ใช่ละ น่าๆ...อย่าโกรธเลยนะพี่จ๋า พี่เองคืนข้าวบ้านครูที่เคยกินเข้าไปออกมาได้ไหมล่ะ
ก็ไม่ได้เหมือนกัน” ผู้พูดกลั้นใจยามยอกย้อน จริงๆทั้งหมดที่ก่อกวนแต่แรกล้วนหายใจไม่ทั่วท้อง
เพราะกุมารน้อยเองนับถือพี่ชายผู้นี้เสมอมา

นพคุณหน้าชา ได้แต่นิ่งเงียบ ถูกไอ้เด็กกุมารปากร้ายย้อนเข้าให้จนหน้าม้าน

“ไม่เจอก็ไม่เจอ! เปิดทางได้แล้ว ข้าจะกลับเรือ บอกพ่อเอ็งด้วยนะ เรื่องที่สัญญิงสัญญากันไว้กับข้า
เป็นอันยกเลิกหมด ข้างอนตอบแล้ว บอกไปเลยตามนี้... หึ ครูนะครู! เมินกันได้ ตอนแก่ไม่มีใคร
มาอยู่เป็นเพื่อนคอยเทกระโถนอย่ามาร้องไห้หาไอ้เก้าแล้วกัน!”

“พี่เก้า กลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อนเถอะน่า เลิกซะ... ถือว่าเชื่อน้องทรายคุณพ่อขอร้องคนนี้นะ”

นพคุณขบกราม “ไอ้ทราย เอ็งไม่ต้องเสือกกะโหลก...ข้าจะเป็นโจรหรือเป็นอะไรมันก็เรื่องของข้า”

กุมารตัวน้อยหน้าม่อยอย่างน้อยใจ ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปกับลมรำเพยซึ่งเป่าผ่านมาสายหนึ่ง
ลมนั้นพาบรรยากาศแปลกประหลาดมลายหายในคราวเดียว ความมืดมัวคล้ายถูกครอบงำ
ด้วยอะไรบางอย่างที่ล้อมอยู่สลายสิ้น นพคุณเดินกลับไปยังทางสู่ท่าน้ำ ทอดถอนหายใจ
ยามเงยขึ้นไปยังห้องหนังสือ แสงไฟโคมสีส้มเหมือนแสงตะเกียงยังคงติดอยู่อย่างเดิม
เขาได้แต่จ้องมองเนิ่นนาน ก็น่าจะรู้ว่าตนเองเหลือแค่ไอ้เอกคนเดียวมาตั้งนานแล้ว
พอถึงเวลาจนตรอก สุดท้ายตัวเขาที่ไร้ญาติขาดมิตรก็ไม่มีใคร หรือจะไม่เคยมีตลอดมาก็ไม่รู้เหมือนกัน

เมื่อก้าวพ้นไปจากท่าน้ำ นพคุณไม่ทันรู้ตัว คนเป็นครูซึ่งเดินมาหยุดมองยังหน้าต่างได้แต่ส่ายหน้า
สายตามองส่งเจือรอยกลัดกลุ้มหนักใจ
“เจ้าเก้า กรรมเก่าตามมาทวงคืนครั้งนี้ ถ้าไม่หยุดด้วยตัวเอง ครูคงช่วยอะไรเอ็งไม่ได้แล้วจริงๆ”



ความทรงจำมากมายในครั้งอดีต หากย้อนไปมองเรื่องราวระหว่างนพคุณกับเพื่อนรัก
ตัวเขากับเป็นเอกรู้จักกันมาก็ตั้งแต่ขึ้นประถม เขาอยู่กับแม่ที่ทำงานเป็นลูกจ้าง
ส่วนมันเป็นลูกคนรวย บังเอิญมาคบหากันได้เพราะเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน
ถึงจะเป็นเด็กที่หน้าตาคมสันน่าเอ็นดูทั้งคู่ คนก็มักทักว่าเขาดูเหมือนลูกคุณหนู
ขณะที่เป็นเอกซึ่งดำกว่าถูกล้อว่าเป็นสมุนผู้ติดตามเสียแทน
แต่เล็กจนโตมาพร้อมกันก็ยังได้ยินเหมือนเดิมอยู่ร่ำไป

‘พวกนั้นไม่รู้นี่หว่าไอ้เก้า ว่าเอ็งมันก็ลูกคุณหนูของแท้ พ่อเป็นถึงรัฐมนตรี’

‘สำหรับกู เขาเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นขอทาน ก็ไม่ต่าง’

ทั้งคู่สนิทกันจนมาห่างไปเมื่อขึ้นชั้นมัธยมปลายที่แยกย้ายไปคนละโรงเรียน
ขาดการติดต่อห่างหายอย่างน่าแปลก
เขามารู้ทีหลัง ชีวิตของเป็นเอกหักเหไปมากด้วยเรื่องบิดาตาย
แม้จะยังไม่หายรวยไปได้ แต่ปู่มันก็หันไปทุ่มเทให้อาของเพื่อน
ฐานะทายาทของไอ้เอกเหลือแค่ต้องกลับกลายเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนอาศัย...

ส่วนเขา เจอมรสุมชีวิตไม่ต่างกัน จากเคยมีกันสองคนแม่ลูก เมื่อเขาสอบเข้าปีหนึ่ง
เรียนไปได้เพียงเทอมเดียวกลับต้องมารู้ว่าแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จนปัญญา
จะหาค่ารักษาหรือหันหาใครช่วยได้ทัน แม้เร่งไปกู้เงินนอกระบบมาจนได้ รักษาไปหน่อยเดียวแม่ก็ตาย
ไหนจะหนี้เก่าที่แม่เคยแอบหยิบยืมโดยไม่ให้เขารู้ เงินส่วนที่ไม่มีจะใช้คืนส่งผลให้เขาโดนกระทืบจนอ่วม
ถึงอาการภายในไม่หนักไม่หนามากมาย แต่บ้านเล็กๆก็โดนยึดไปในระหว่างนั้น

เขามันโง่เองที่ประมาทกับชีวิต แม่บอกให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบแล้วค่อยมาช่วยหาเงิน
แต่พอเงยหน้าขึ้นมองความจริงอีกทีก็สายเสียแล้ว ไม่มีใครอยู่กับเขาอีก ถึงจะเลือก
ทำศพให้แม่แบบประหยัดที่สุด ตอนนี้ยังต้องมานั่งหิว...

วันนั้น เขาที่เจ็บยอกไปทั้งกายใจนั่งมองประตู 7-11 ที่เปิดเข้าออกต้อนรับลูกค้า
ท้องร้องอยากจะซื้อซาลาเปาสักลูกยังต้องคิดแล้วคิดอีก เป็นช่วงเวลาหยุดเทอมพอดี
แต่พอถึงเวลาต้องกลับไปเรียนอีกครั้งจะมีอะไรเหมือนเดิมหรือ เขาจะยังได้เรียนอยู่ไหม
ชายหนุ่มมีกระเป๋าเป้เก่าๆใบอ้วน กับกระเป๋าหิ้วแทบปริอีกสองใบใส่ข้าวของส่วนตัว
และเอกสารที่เขาเก็บมาวางพยุงอยู่สองข้างกายเป็นเพื่อน

ขณะนั่งทอดถอนบนฟุตปาธหน้าร้านสะดวกซื้อ สายตานพคุณตกลงมองเท้าของผู้คนมากมาย
ที่เดินผ่านเขาไป ไม่มีใครเสียเวลาหยุดใส่ใจ จนกระทั่ง...เท้าในรองเท้าหนังเก่าๆคู่นั้นเข้ามาจอดนิ่ง
อยู่ในกรอบการมองเห็น นานจนอดไม่ได้ที่จะต้องเงยมอง

เขาเคยจำแค่ว่าอาจารย์ลือฤทธิ์เป็นชายคราวพ่อ ไม่สิ คราวลุง ซึ่งเรียกว่ามาดดีคนหนึ่ง
ผมสีออกเทาไม่เชิงจะเรียกว่าหงอก เย็นวันนั้นอาจไม่ใช่การพบกันครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรก
ที่เขาได้ ‘มอง’ ครูจริงๆ
เดิมทีก็จำแต่เพียงว่านี่คืออาจารย์สอนวิชาที่คณะอื่นก็เรียนกัน แถมยังไม่ใช่วิชาเฉพาะ
ที่เขาให้ความสนใจ แต่เย็นนั้นอาจารย์คนที่ว่าชวนเขาไปกินข้าวบ้าน ชวนเขาค้างด้วย
เพียงคืนแรกที่ได้นอนคุยกันก็ค่อยๆเปลี่ยนจากอาจารย์ไปเป็นครู คืบไปทีละขั้น
รู้แต่ว่าเมื่อก้าวเข้าไปในรั้วบ้านสวนนั้นแล้วครูก็ไม่เคยยอมปล่อยให้เขาจากไป
อย่างไม่มีที่ไป คนหัวใจแบบนี้หาที่ไหนมี คงมีแต่ครูฤทธิ์คนเดียว

แต่ตอนนี้ความปรานีที่เคยให้เขาคงจะเหือดหายไปหมดแล้ว เพราะเขาเองที่ทำตัวไม่คู่ควร

หลังเรียนจบไม่นาน นพคุณขอแยกตัวออกมาใช้ชีวิตแบบสวยๆให้ครูภูมิใจอยู่พักใหญ่
รับงานวิศวกรแบบไม่อยู่ติดที่ ไปๆมาๆ ว่างก็มาค้างกับครู...ก็นับว่าหลายปี ก่อนจะประกาศเจตนา
ร่วมมือกับเพื่อนรัก ร่วมกันทำสิ่งที่ครูฤทธิ์ไม่มีทางเห็นด้วยและพยายามห้ามปรามอย่างสุดใจ
แต่เขาก็ยังเลือกเพื่อน เพื่อนผู้มีใจตรงกัน

เป็นเอกนับว่ามีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ก็คับแค้นขาดหลายสิ่งที่เคยมี จนที่สุดทนไม่ได้
จึงมารวมตัวกับเขา ส่วนสุวิชาเคยเป็นเด็กวัดมาก่อนเรื่องความขัดสนย่อมไม่ต้องพูดถึง
เจตน์มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง กานต์รวีหล่นจากการเป็นดาราดาวรุ่งลงมาตกอับ
สำหรับเขาเอง...ก็เป็นแค่เพียงลูกชายที่บิดาผู้ร่ำรวยมาไข่ทิ้งไว้ข้างถนน โดยไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ
ว่านพคุณมีตัวตนหายใจเข้าออกอยู่บนโลกนี้มากี่ปีแล้ว

ทีมปล้นทั้งทีมตั้งขึ้นมาคล้ายประชดชีวิตแต่กลับเอาจริง ฝึกปล้นย่อยๆ
เว้นระยะหนีหายสักเล็กน้อย ก่อนลงมือปล้นใหญ่แต่ละครั้งเพื่อคลายปมในใจสมาชิก
งานใหญ่ครั้งแรกเริ่มขึ้น หลังจากนั้นพวกเขาไม่เคยคิดจะหยุด

ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ไม่ว่าเจ้าของภารกิจคราวนั้นต้องการอะไร
โลกต้องรู้ว่าพวกเขาทำได้ พวกเขาไม่ยอม!

ตอนทุกคนมารวมกันนพคุณเพิ่งอายุยี่สิบห้า... จนตอนนี้เคลื่อนมาถึงยี่สิบเจ็ด
ไอ้เอกก็เหมือนกัน เร็วเกินไปที่จะหยุด แต่ช่วงนี้ เขาที่ขาดมืออีกข้างกลับหมดทางจนนึกอยาก
ทำสมองให้ว่างเปล่า วางเรื่องบ้าๆที่เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงลงสักพัก
ลืมมันซะ! บางทีอาจได้ไอเดียอะไรใหม่ ดีกว่าจมอยู่กับมุมมองสิ้นหวังแบบเดิมๆ

เมื่อไม่มีใครแล้ว เหลือเพียงตัวคนเดียวที่จะต้องดิ้นรน บางทีคงจะต้องออกไปแสวงหา...
สมบัติที่แท้จริงของจอมโจร เติมเต็มกระเป๋าแห่งโชคลาภ

ยิ้มเข้าไว้ เผื่อไม่แน่ว่าการปล้นครั้งหน้า ชะตาจะเข้าข้างเขาอีกสักวัน

--------------------------------




เกมต่อชีวิต

กลางดึก...คืนที่ความรู้สึกหม่นมืดรวมทั้งความหนักอึ้งในหัวคล้ายจะจางลง
เสียงโทรศัพท์ได้แผดขึ้น นพคุณยังไม่หลับ แรกนั้นเขาตั้งใจจะไม่รับสาย
เจ้ากรรม ตาดันปรายไปเห็นรูปหน้าเพื่อนหญิงที่สนิทเพียงคนเดียวของตนบนจอ น้ำหนึ่ง...

หลังจากทักทายพอเป็นพิธีอีกฝ่ายก็เอ่ยเข้าเรื่อง ชวนเขาไปเที่ยวสวนสนุกแห่งใหม่
ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจ สุดท้ายเขาเลยตกปากรับคำง่ายๆอย่างไม่อยากคิดมาก

ตามหาแรงบันดาลใจ ออกไปปลดปล่อย ลืมเรื่องเฮงซวยสักพัก อะไรๆคงดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ที่เที่ยวของเด็กๆ ไปผ่อนคลายให้หายบ้า ท่าจะดี...

นพคุณงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนบ่าย ขยี้ตา ใช้มือคลึงขมับ หัวดูจะโปร่งกว่าหลายวันที่ผ่านมา
เขาก้าวพ้นห้องนอน กวาดตามองห้องในคอนโดใหม่เอี่ยมที่ค่อนข้างโอ่โถงของตนเอง
ตอนนี้มันเริ่มรกกว่าที่ควรจะเป็นเสียแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาเขาไม่มีเวลาใส่ใจดูแลอะไรทั้งสิ้น
มาตอนทุกอย่างต้องหยุดสะดุดลง ดูเหมือนว่าเพิ่งได้ลืมตามาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของตัวเองชัดๆ
เขาไม่ชอบความรกรุงรังไร้ระเบียบในห้อง ไม่ชอบเอามากๆ หลังจากนี้ เห็นทีต้องจัดการ

อาหารมื้อแรกคือขนมปังสองสามแผ่นปาดจิ้มกับช็อกโกแลตในกระปุก ตามด้วยนมสดขวดใหญ่
เย็นเฉียบจนเสียวสมอง เปิดเน็ทดูนั่นนี่ไปจนบ่ายคล้อย ชายหนุ่มจึงลุกเดินเข้าไปอาบน้ำสระผม
อย่างอารมณ์ดีเพราะไม่ได้เจอเพื่อนกลุ่มนี้มาพักใหญ่ เขาเช็ดผม เป่าด้วยดรายแบบมีท่อแขวน
อยู่หน้ากระจกในห้องน้ำจนผมเริ่มหมาด

หลังจากเพ่งพิศตัวเอง เงาสะท้อนเบื้องหน้าฟ้องให้รู้ว่าช่วงนี้ผมชักจะยาวจนรวบมัดได้
แต่สมัยเรียนนพคุณเคยไว้ผมยาวยิ่งกว่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกแยกอะไรในคณะซึ่งมีเด็กวิศวะเถื่อนดิบ
รักความเซอร์อยู่เกลื่อนตา แม้ผมสั้นดูจะเหมาะกว่าสำหรับงานปล้น

มือเรียวขาวได้รูปอย่างกับมือศิลปินหยิบใบมีดโกนใบใหม่ออกจากห่อกระดาษ
เขายังใช้มีดโกนหนวดแบบเก่า ขณะที่บางอย่างกลับใช้อุปกรณ์ทันสมัยเฉียบซึ่งสุวิชา
ประดิษฐ์ดัดแปลงขึ้นมาแล้วก็แจกจ่ายให้เพื่อนๆเป็นตัวทดลอง บางอย่างนพคุณยังช่วยมัน
แก้ร่างแบบเองด้วยซ้ำ สุวิชาเป็นคนเก่งเอาเรื่อง มันฉลาดขนาดที่ว่าเขาเคยโยนลูกคิวบิกให้พลิกดูวูบเดียว
ก่อนจะปิดตา มันยังบิดให้ทุกด้านสีเหมือนกันได้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะคุย
เขาเองก็เก่งพอจะช่วยอัจฉริยะอย่างมันทำงานได้เหมือนกัน

...ตาสีน้ำตาลใสคมปลาบหยุดสบตาคนในกระจก พิจารณาหน้าเรียวที่มองจนคุ้นตา
ตอนนี้ใต้ตาออกจะเข้มกว่าปกติเพราะอดนอน ปากดูจะเซียวลงไปจากที่เคยชมพูระเรื่ออ่อนใส
จนสาวหลายคนอิจฉา และแม้ในยามที่เขาเม้มปากด้วยความโกรธ ลักยิ้มทั้งสองข้างก็ยังรั้นจะ
เผยตัวออกมาให้ความสว่างแก่โลกหล้าแบบที่เขาไม่ต้องการ เพราะกลัวจะดูเพิ่มสีสันในทางบวก
เกินไปเช่นนั้นเอง นพคุณจึงนิยมให้มีไรหนวดไรเคราประดับอยู่บนหน้าสักหน่อย จะได้ไม่ดูสำอางนัก
ใช้ความไม่เรียบร้อยกลบกลืนความเนี้ยบบนหน้าตาตัวเอง ขี้แมลงวันสองเม็ดตรงช่วงแก้มนี่ก็เหมือนกัน
ทั้งที่ในฐานะโจรมันออกจะทำให้รูปพรรณของเขาง่ายต่อการระบุ แต่เขาก็เลือกเก็บตำหนิเหล่านี้ไว้

หากว่าไม่มีสิ่งเดิมๆเหล่านี้เหลืออยู่บ้าง...หน้าที่สมบูรณ์แบบของเขาจะพัฒนาไปเป็นอะไรหรือ
คงกลายเป็นหน้ากากโจรสวยๆที่ทำขึ้นมาให้ไร้ตำหนิละมัง ก็ไม่รู้เหมือนกัน

มือวางมีดโกนที่ยังไม่ได้ใช้เก็บกลับเข้าที่ ตัดสินใจรวบผมเป็นกระจุกเล็กตรงท้ายทอยลวกๆ
โดยไม่ส่องดูผล ก่อนจะเดินออกมาคุ้ยหาเสื้อยืดเนื้อดีสีขาวแบบไม่มีลายมาสวมคล่องแคล่ว
เสื้อแทบทุกตัวเลือกซื้อมาขนาดแนบรูปร่างพอดีกับโครงที่ไหล่กว้างแต่ออกจะเพรียวคล่องตัว
ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีซีดขาดเป็นริ้วตรงต้นขา คว้าเอาของส่วนตัวจุกจิกที่ขาดไม่ได้อีกเล็กน้อย
ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินออกมาถึงประตูห้อง หยิบรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สออลสตาร์
คู่สะอาดสะอ้านแต่เก่าจำแทบไม่ได้ว่าเดิมเป็นสีอะไรออกมาสวมเหยียบส้น เพียงแค่นี้
เขาก็พร้อมจะออกไปเจอน้ำหนึ่งและรุ่นน้องร่วมก๊วนอีกสามสี่คนยังสวนสนุกซึ่งนัดกันไว้


ดรีมแลนด์ แดนหรรษา
ทันสมัย โอ่อ่าตั้งแต่ประตูหน้าไปจนบรรยากาศข้างใน เสียงเครื่องเล่นกำลังเคลื่อนตัว
เสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้นกับแรงเหวี่ยงซึ่งโยนร่างกายขึ้นไปในทิศตรงข้ามกับแรงดึงดูด
นพคุณเข้าใจความตื่นเต้นนั้นดี อาจจะดีมากเสียจนเครื่องเล่นหวาดเสียวแถวนี้ดูธรรมดา
ไปเลยในความรู้สึก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีผิดแปลกชวนให้ชาวบ้านสงสัย

น้ำหนึ่งหรือยายเพชร เพื่อนหญิงต่างคณะที่เขาสนิทสนมตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ทับแก้ว ศิลปากร
แม่นี่เป็นรุ่นน้องแต่ดูไม่ได้เคารพนับถือเขาอย่างรุ่นพี่เลย คำเรียกพี่เก้าบางทีจึงแถมเป็นไอ้พี่เก้าติดมา
เขาก็พอใจที่เป็นอย่างนั้น บางคนอาจสนใจแม่คนนี้ตรงที่ เอ่อ...ออกจะดูดีภายนอก
แต่เขากลับเลือกสนใจนิสัยบางประการซึ่งดูไม่ดีของเจ้าหล่อน ที่สำคัญเขาไม่ได้รู้สึก
ว่าต้องระวังตัวอะไร แทบไม่สนใจรับรู้เพศที่แท้จริงของยายเพชรด้วยซ้ำไป

แต่เพราะชื่อจริงของเขาก็ดันหมายถึงทองเนื้อเก้า ทั้งเขาและแม่เพชรคนนี้เลยชอบเล่นมุก
อะไรจะสมกันกว่า‘เพชรกับทองของคู่กัน’ ...ทว่าเหตุผลที่ส่งให้เขาชอบทำเช่นนั้น ก็เพียงแค่เพราะ
จะได้ยั่วให้ใครอีกคนที่เขาหมั่นไส้เดือดดาลอยู่ในใจ


เพื่อนรุ่นน้องหลายคนที่มาวันนี้คุ้นหน้าคุ้นตามานาน แม้จะห่างกันไปพักใหญ่ๆ
...ไม่ใช่อื่นไกล มีแต่เด็กในชมรมเรื่องลี้ลับ ที่สำคัญแต่ละคนต่างก็รู้จักครูฤทธิ์ของเขา
ผู้เป็นที่ปรึกษาชมรมดียิ่ง พอใครเอ่ยถึงครูขึ้นมาที นพคุณก็พยายามสานต่อบทสนทนา
อย่างไม่เผยพิรุธสักที ทั้งที่ใจจริงอยากเมินเต็มแก่

“อยากย้อนกลับไปสมัยโน้นอีกจัง” น้ำหนึ่งว่าพลางยิ้มทะเล้น “ครูฤทธิ์นี่เจอหน้าทีแรกนึกว่าดุ
ก็มาดออกขลังขนาดนั้น...ที่ไหนได้ ใจดีจะตาย”

“ดีบ้านเธอสิ...” ชายหนุ่มพึมพำขณะเล็มไอศกรีมรสสตรอว์เบอรี่อย่างเพลิดเพลิน
ของหวานเป็นที่โปรดปรานของเขาเสมอมา ยิ่งเป็นไอติมแพงๆราคาเกินร้อยฟูลออปชั่นอย่างนี้ยิ่งแล้ว
สมัยเด็กได้แต่มอง

ข้างมาลุตาและเหมือนฝันรุ่นน้องสองสาวที่มาด้วยนั้นเขาไม่ค่อยสนิทนัก เพราะยังต้องเกรงใจ
จึงแหย่ไม่ถนัด จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยชอบเพศตรงข้าม เลือกที่ประหลาดออกไป
จนไม่ค่อยได้กลิ่นผู้หญิงอย่างน้ำหนึ่งนี่แหละสบายใจดี

ทั้งกลุ่มที่นัดกันไม่ได้มีแต่เพียงสาวๆ อติวัจน์รุ่นน้องจอมปากมากก็มาด้วย
หมอนี่จริงๆแล้วไม่มีอะไร แถมยังเป็นสีสัน คอยเพิ่มอารมณ์ขบขันให้ทุกคนดีอยู่หรอก
แต่ไอ้ตัวที่มาสายสุดๆจนชาวบ้านเล่นเครื่องเล่นรอกันไปถึงไหนต่อไหน มันก็ยังมาไม่โผล่มาให้เห็นนี่สิ
ครั้นจะแช่งให้ประสบเหตุอะไรกลางทางซะเลยก็ดูเหมือนใจร้ายเกินไป ถ้าเป็นแบบนั้นยายน้ำหนึ่ง
ที่สนิทสนมกับฝ่ายนั้นคงร้องไห้เป็นเผาเต่า ไอ้เด็กเวรที่เขาเหม็นหน้ามันตลอด
อย่างไอ้เจ้าตินพล หลานครูฤทธิ์...
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆในใจ อันที่จริงเขารู้ว่าตนนั้นเกือบจะรอคอย ให้มันมาก็ดี
เขาจะได้กวนมันเล่น ขับถ่ายอารมณ์บูดๆนี่พรวดใส่หน้ามันออกไปเสียให้หมดในคราวเดียว

สายตานพคุณจับจ้องยังขนมหวานสีสดใสที่เด็กหลายคนถือวิ่งผ่าน...สายไหม
จุดเชื่อมโยงของสวนสนุกราคาแพงกับงานวัดที่เขาคุ้นเคยก็พอจะมีให้เห็น
เรียกความทรงจำขึ้นมาได้ ในวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างนี้ยิ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก
มือจับจูงกันของพ่อแม่ลูก ที่เขาไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง

แม่รักเขา แต่หัวใจของแม่ไม่เคยเป็นอิสระจากเรื่องพ่อ ความเจ็บปวดนั้นมองเห็นได้
แม่มักจะมองหน้าเขาได้ไม่เต็มตา พอโตขึ้นนพคุณก็เข้าใจได้เอง หน้าตาเขาเหมือนแม่เพียงนิด
คงเหมือนมาทางพ่อเสียเก้าสิบส่วนร้อย นับว่าโชคร้ายที่ทำให้แม่ต้องมองมาเจอแต่เงา
แห่งความเจ็บปวดแฝงบนหน้าลูกอยู่ร่ำไป

ม้าหมุน... ตอนเด็กๆ เขาที่เห็นเรื่องหวาดเสียวเป็นเรื่องธรรมดาเกิดจะต้องใจของเล่นเรียบง่ายชิ้นนี้
ถึงกับร้องขอให้แม่พาขึ้นสักครั้ง กลับโดนหยิกจนเนื้อเขียวอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วแม่ก็ลากเขากลับบ้าน
ทำให้นพคุณยิ่งติดใจ สุดท้ายวันหลังเขาก็แอบขึ้นไปคนเดียวจนได้

ไม่เห็นมีอะไร ก็แค่นั่งบนม้าปลอมตัวสวยแล้วหมุนไป เป็นการหมุนรอบแล้วรอบเล่าที่ว่างเปล่า
แต่ทำไมเด็กอื่นถึงหันไปหัวเราะกันอย่างมีความสุขเต็มที ...วันหนึ่ง ถ้าจิตใจปลอดโปร่งเพียงพอ
เขาจะลองก้าวขึ้นไปอีกสักครั้ง ม้าหมุนในมุมของผู้ใหญ่ เป็นอย่างไร

เผลอไม่นาน เวลาของวันผ่อนคลายก็เคลื่อนผ่าน ย่ำค่ำแล้ว ท้องฟ้าสนธยาโรยริ้วเมฆ
เหมือนกลีบดอกไม้ถูกลมปัดเป่ากระจายเกลื่อนฟ้าในเวลาไม่นาน ก่อนสีแห่งหยดหมึกราตรี
จะซึมซาบเข้ามาขอแบ่งพื้นที่เหนือขึ้นไป ตินพลยังไม่มา
สมาชิกที่มาเที่ยวกันก็ยังเดินเล่นรีๆรอๆอย่างมีหวัง

เสี้ยวจันทร์ดูแสนวังเวงเหมือนจะเตือนว่าคืนนี้อาจมีบางอย่างเกิดขึ้น
นพคุณหรี่ตาลงจับสัมผัส สายลมก็กำลังกระซิบสารเดียวกันนั้นกับเขาเช่นกัน

คืนนี้...บางอย่างกำลังรอคอยพวกเขา ตัวตนของมันอยู่ที่นี่ หยั่งรากอยู่ยังสวนสนุกแห่งนี้
ไม่สิ บางทีอาจเป็นนานก่อนหน้าที่แดนหรรษาจะถือกำเนิดขึ้นมา
ขนแขนลุกชันอย่างแปลกๆทั้งที่ปกติไม่กลัว คนอย่างเขา ทั้งมีดีอยู่กับตัวและมีของดีติดตัว
คนที่โดดลงมาจากยอดตึก ถึงกับกล้าลงไปพายเรือในคลองน้ำเชี่ยวที่สถิตของวิญญาณตายโหง
ด้วยท่าทีเหมือนเป็นเพียงการพายเรือเล่นในสวนสาธารณะ แม้แต่สถานที่เก่าร้างเลื่องลือว่าผีสิง
ขโมยธรรมดาไม่กล้าเหยียบก็ยังไม่เกรง
ตอนนี้เขากำลังขนลุกเพียงเพราะกลิ่นอายของสิ่งที่กำลังเคลื่อนคล้อยเข้ามาใกล้
โชคชะตาของคืนพิศวง นพคุณนึกยินดี...
ความท้าทายใหม่ๆจะส่งเขาให้ก้าวผ่านอารมณ์เดิมไปได้ไหม ก็ต้องลอง

พรายเมฆห่มคลุมเกลื่อนฟ้ากลับยิ่งทำให้เย็นสะท้าน แล้วเขาก็ได้เห็นมัน...
ตั้งสงบอยู่บนเนินหญ้าขนาดใหญ่เบื้องหน้า ป้ายเลื่อมแสงพรายเงากระจ่างในตัวเองอยู่ในความมืด
จารเอาไว้ชัดเจน บ้านปรารถนา



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2557, 13:02:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2557, 13:02:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1235





<< ๑ ก้าวที่ล้มเหลว(ต่อ)   ๒.๒ เกมต่อชีวิต >>
ketza 15 ก.ย. 2557, 13:03:52 น.
เสร็จเรา
เจิมมมมมมมมมมม
555555555555555555555555++


อสิตา 15 ก.ย. 2557, 13:16:07 น.
อุต๊ะะะะ มาไวได้อีก น่ารักจริง


yimyum 15 ก.ย. 2557, 17:26:06 น.
อยากรู้จังว่าเรื่องของนพคุณในบ้านปรารถนาจะเป็นยังไง


พันธุ์แตงกวา 15 ก.ย. 2557, 18:39:26 น.
ชีวิตเฮียเก้าดราม่าเหลือเกิน แต่แหมเฮีย ทวงขนมกุมารทองคืนซะงั้น ใจร้ายยยยย
เข้าปรารถนาแล้ว ห้องแห่งทองจะแวววาว ใส่เอฟเฟ็คยังไงน้า รอลุ้นๆ


ใบบัวน่ารัก 15 ก.ย. 2557, 19:19:04 น.
น่ากลัว ดราม่า จิตวิทยา ยากๆ ไม่ต้องเอามาออกสอบนะ
เค้ากลัวอถ


บุลินทร 15 ก.ย. 2557, 19:24:59 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆ น้องทรายคุณพ่อขอร้อง อสิตาแอบเลี้ยงกุมารทองแน่ๆเลย เอามาใส่ในเรื่องด้วย


ดังปัณณ์ 15 ก.ย. 2557, 19:32:16 น.
เอ๊ยๆๆๆๆๆ พี่เก้ามีลักยิ้มมมมมมมมมมมมมมมม อิพี่เก้ามีลักยิ้ม! ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆ หนอนแพคนมีลักยิ้ม!!!!!!!!

555+ ขอจูนก่อนแป๊บ

แล้วนั่นอัลไล ไอ้พี่เก้าจะซ่าส์เกินไปแล้ว มีการเรียกร้องทวงคืนด้วย โดนย้อนเป็นไงละ โดนเขาควาย เอ๊ยเขาทรายย้อนเข้าให้ 555+ ว่าแต่เฮียจะเจออัลไลในบ้านปรารถนานะ รอๆๆๆ

ปูลู. งอน หายไปตั้งสองวัน แง้ คุณแป้งใจร้ายยยยยยยยยยยยยย ไม่สงสารคนรออิพี่เก้า โวยวายๆๆตีโพยตีพาย


goldensun 15 ก.ย. 2557, 21:10:09 น.
ในที่สุด ก็เข้าสวนสนุกซักที แต่ยังไม่เข้าบ้านเลยนะคะ
เรื่องนี้ รวมเด็กมีปัญหามาเป็นกลุ่มปล้นนี่นา แต่กลุ่มนี้ รวมดาวเด่น คนเก่งทั้งนั้น
หัวอกครู ศิษย์ที่สั่งสอน อบรม เลี้ยงดูมากลายเป็นโจร ปวดร้าวแท้น้อ


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ก.ย. 2557, 23:30:43 น.
พี่เก้า... ผช. มีปม ก็อยากจะเสนอตัวช่วยคลายปม แต่ น้องแพ้ ของ ของพี่อะคะ อร๊ายยย พูดเอง คิดเอง เขิลลลล ขอไปรอเกาะขอบดูฉากกุ๊กกิ๊กของเฮียแทนได้เป่า จิมีมั้ยน้าาา
จกลง บ้านปรารถนาเนี่ยย เป็นขุมพลัง แห่งเรื่องราวทั้งหมดชะมะเนีืย แล้วมันมาได้ยังไงกัน


Sukhumvit66 15 ก.ย. 2557, 23:56:16 น.
มาลงชื่อคร่า....


ภาวิน 16 ก.ย. 2557, 03:38:01 น.
ดึงจุกไอ้พี่เก้า (จุกหลังนะ) มัวแต่เล่นเกม ไม่สนใจคนอ่าน เห็นไหมร้องกันกระจองอแง ไอ้พี่เก้ามีลักยิ้มเหมือนวาริรึนี่


Zephyr 28 ก.ย. 2557, 10:31:25 น.
บ้านปรารถนา ชื่อเอกซ์จริง
เข้าไปแล้วต้องมีแต่ราคะศาสตร์แหงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account