วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๒ (จบตอน)

เผด็จเหลียวกลับไปมองเมื่อมาถึงกำแพงรั้ว พบแสงไฟในบ้านสว่างพรึ่บพรั่บแทบทุกจุด ความโกลาหลที่เขาว่ากำลังเริ่มขึ้นแล้ว เขาไร้เรี่ยวแรงจะป่ายปีนเหมือนยามมาเยือน ทิ้งกายปวดร้าวด้วยพิษบาดแผลลงพิงกำแพง ศีรษะแหงนเงยมองทางออกที่ตนไม่อาจเอื้อมถึง เขาอาจถูกจับได้ กลายเป็นข่าวโด่งดังว่าวาริ สหทรัพย์ ปีนเข้าบ้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

ทว่าพลานุภาพของเบี้ยแก้ที่ทำร้ายทั้งร่างกายและดวงจิตของเขานี่สิ ทำให้วิญญาณเขาแทบไม่อาจทานทนอยู่ในร่างวาริได้อีกต่อไป ข่าวอาจจะโดนพาดหัวว่า ทายาทสหทรัพย์ดับอนาถไม่ทราบสาเหตุ หลังจากปีนเข้าบ้านรัฐมนตรีพาณิชย์...ไม่อยากคิดต่อเลยว่าวิไลวรรณจะเสียใจเพียงใด

ไม่ เขาไม่อยากออกจากร่างวาริตอนนี้ ไม่ได้กลัววิไลวรรณเสียใจ แต่วาริเพียบพร้อมและถูกโอบล้อมด้วยรักจนน่าอิจฉา หากเป็นไปได้ เขาอยากยึดร่างนี้ไว้ตลอดไป ไม่สนแล้วว่าวิญญาณของวาริจะไประเหเร่ร่อนอยู่ที่ไหน ทุกข์ทรมานหรือแสนสุขอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา

สิ่งใดเผด็จอยากได้ สิ่งนั้นเผด็จต้องได้

เขาหลงลืมวาจาที่เคยลั่นไว้กับตัวเองเสียสิ้น ว่าแค่ยืมร่างนี้ใช้ชั่วคราว เมื่อถึงคราวหมดเวลาหมดวาระก็จะคืนให้ ไม่ยึดไว้ตลอดไปหรอก รับรองว่าจะดูแลร่างให้เป็นอย่างดี และใช้เวลาที่มีสร้างสิ่งดีงาม

กลิ่นอมฤตลอยกรุ่นมาพร้อมลมหายใจ มีลมหายใจ คือยังมีชีวิต เมื่อยังมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง...กำแพงนรกร้อนร้ายสูงใหญ่มหึมากว่านี้ไม่รู้กี่เท่ายังหนีรอดมาแล้ว นี่แค่กำแพงบ้านรัฐมนตรีที่เขาเคยปีนเล่นมาไม่รู้กี่ครั้ง มันจะหนีไม่รอดก็ให้มันรู้ไป
เสียงฝีเท้าสวบสาบพร้อมแสงจากกระบอกไฟฉายสาดส่องเป็นลำยาว ใกล้เข้ามายังทิศทางที่เขาซุ่มซ่อนหมดแรงอยู่ทุกที เขาหลับตานิ่งรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายหยัดกายขึ้นยืน เหนี่ยวกายกับกิ่งมะม่วงใกล้มือ ค่อยๆป่ายปีนขึ้นไปจนถึงกิ่งใหญ่ซึ่งยื่นชนกำแพง ระหว่างนั้น เขาหยุดหอบหายใจเป็นระยะ ครั้นขึ้นมาทรงกายบนขอบกำแพงซึ่งมีเหล็กดัดเป็นหนามแหลมเรียงเป็นแถวแนวงดงามและอันตราย เขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวดในการก้าวข้ามมันไปให้ได้

สุดท้าย ร่างกะปลกกะเปลี้ยก็หล่นตุ้บลงบนพื้น กลิ้งหลุนๆไปแน่นิ่งอยู่บนบาทวิถี อีกอึดใจใหญ่กว่าจะเงยหน้าขึ้น เสียงโหวกเหวกดังอยู่อีกด้านของกำแพง คงพบร่องรอยเขาเข้าแล้ว ดวงตาสีนิลพยายามเบิกกว้างจับจ้องไปยังเส้นทางข้างหน้าอย่างมาดหมาย รถจอดอยู่อีกไม่ไกลเลย เขาต้องไปให้ถึง เขาต้องรอด

ด้วยแรงใจอันแรงกล้าจึงสามารถพาร่างกายอันอ่อนแรงวิ่งโซซัดโซเซไม่ต่างจากคนเมาไปยังรถยนต์ซึ่งจอดซุ่มไว้ได้ ครั้นขึ้นรถก็รีบสตาร์ตและแข็งใจขับออกไป สวนกับรถมอเตอร์ไซค์ของตำรวจที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านรัฐมนตรีบดินทร์ ป่านนี้ทางออกทุกทางคงถูกสั่งปิด แต่ความเป็นวาริ สหทรัพย์ คงจะพอทำให้เขาปลอดภัยจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้บ้างหรอก หรือถ้าจำเป็น พลังในตัวมีอยู่เท่าไร ก็พร้อมจะทุ่มใช้จนหมดสิ้น




‘ออกไปหน้าบ้าน ไปช่วยเขา’ เสียงหนึ่งดังแทรกความเงียบ

น้ำหนึ่งสันหลังชาวาบ ขนกายลุกชัน การอยู่บ้านคนเดียวยามดึกสงัดอันวังเวงนั้นชวนหวาดผวาอยู่แล้ว ยังจะมีเสียงแปลกๆมากระซิบกระซาบอีก จากที่นั่งก้มหน้าก้มตาร่างแบบในคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น ไม่สนใจเหลียวมองทางใดเพราะกลัวพบเจอกับสิ่งไม่พึงปรารถนา ก็ค่อยเหลือบตาขึ้นมองซ้าย แลขวา กลอกขึ้นเพดาน และกวาดมองรอบห้องอีกครั้ง

นิ่ง เงียบ นอกจากเครื่องเรือนน้อยชิ้นแล้ว ไร้สิ่งใดอยู่ในความว่างเปล่า

หูฝาดมั้ง เธอบอกตัวเอง แต่จิตไม่วายจดจ่ออยู่กับความเงียบรอบกาย รอคอยว่าจะมีเสียงใดตามมาอีกหรือไม่ เป็นเช่นนั้นอยู่หลายอึดใจ จนเกือบเชื่อว่าทั้งหมดนั้นเกิดจากประสาทหูทำงานผิดเพี้ยนไปเอง

‘ไปช่วยเขา ไปช่วยเขาด้วย’ เสียงทุ้มทรงพลังดังขึ้นอีก คราวนี้ไม่แผ่วเบาราวกระซิบเช่นคราแรกแล้ว อีกทั้งไม่ได้ดังที่หู ทว่ากึกก้องอยู่ในดวงจิต คล้ายเมื่อตั้งใจ จดจ่อ ก็สามารถรับสารได้ชัดเจน

ชัดเลย...เสียงอาจารย์ลือฤทธิ์ไม่ผิดแน่ แต่ว่า...ช่วยเขา ช่วยใคร

เมื่อกี้ตอนแรกบอกให้ออกไปหน้าบ้านอย่างนั้นหรือ

“จะเชื่อดีไหม” เธอพึมพำอยู่ลำพัง

หญิงสาวไม่รู้ว่าระหว่างคำขอร้องของอาจารย์ลือฤทธิ์ กับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองอะไรมีอิทธิพลมากกว่ากัน แต่มันสามารถฉุดเธอลุกจากเก้าอี้ คว้าไฟฉายกระบอกใหญ่มาถือไว้ในมือ ไม่ใช่ไว้ส่องทาง แต่ติดมือไว้เผื่อใช้ป้องกันตัว คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ว่าบรรยากาศรอบกายไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก

ไฟทางเดินถูกเปิดสว่างจนถึงหน้าบ้าน หญิงสาวเปิดประตูชะโงกหน้าออกไปมอง ลมแรงพัดกรูเกรียวจนต้นไม้ต้นไร่ที่ปลูกไว้โบกสะบัด หอบใบไม้แห้งและฝุ่นดินฟุ้งตลบ ผมหยักยาวซึ่งปล่อยสยายปลิวระหน้าตาจนต้องใช้มือรวบไว้ แสงจันทร์นวลอ่อนหวานถูกเมฆฝนสีดำคล้ำกลืนหาย ท้องฟ้าทึบทะมึน ฟ้าแลบแปลบปลาบแซมเสียงคำรามครืนครั่นราวกับคำขู่มิให้เธอย่างกรายออกไปพ้นชายคา

บรรยากาศดุร้ายน่ากลัวจนน้ำหนึ่งแทบจะปิดประตูหนีเข้าบ้าน หากแสงฟ้าไม่แปลบปลาบวาบวาวจนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เธอคงมองไม่เห็นรถยนต์คันนั้น มันจอดนิ่งสนิทขวางประตูรั้วอย่างไร้มารยาทจนน่าก่นด่า แต่เธอกลับก้าวเร็วๆฝ่าสายลมรุนแรงและละอองฝนตรงไปหา เพราะจำได้ว่านั่นเป็นรถของวาริ แถมเจ้าตัวยังลดกระจกด้านเดียวกับที่เธออยู่ ส่อเจตนาชัดว่าไม่ต้องการปิดบังซ่อนเร้น ยามฟ้าแลบวับวาบยังมองเห็นชายหนุ่มฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถอย่างสิ้นท่า

วาริเป็นอะไรไป คำถามนี้ตามติดน้ำหนึ่งไปทุกฝีก้าวราวกับเงา จนกระทั่งมาชะโงกอยู่ข้างรถพลางตะโกนแข่งกับเสียงลมและสายฝนซึ่งเริ่มหนาเม็ด

“ว่าน ว่าน”

คนถูกเรียกผงกศีรษะขึ้นมาอย่างยากเย็น น้ำหนึ่งกราดไฟฉายส่องสำรวจแล้วตกใจแทบช็อกกับสภาพของเขาในเวลานี้ เกิดอะไรขึ้นกับวาริ เขาจึงซมซานมาหาด้วยสภาพทั้งขะมุกขะมอมและสะบักสะบอมราวกับผ่านสมรภูมิรบมาอย่างไรอย่างนั้น ตามเนื้อตัวมีรอยไฟลวกจนเสื้อผ้าขาดวิ่นแลเห็นแผลพุพองแดงเถือกน่ากลัว

ดวงตาสีนิลอันเคยแพรวพราวอยู่เนืองนิตย์ในระยะหลัง บัดนี้หรี่ปรือแดงเรื่อและฉายแววอ้อนวอน เสียงแผ่วเบาของเขาถูกกลบกลืนด้วยเสียงภายนอกจนหมดสิ้น แต่น้ำหนึ่งอ่านปากเขาได้ว่า

“ช่วยด้วย”

หญิงสาวหายตะลึง เหลียวซ้ายแลขวาหาคนช่วย ทว่าเพื่อนบ้านซึ่งคอยเป็นหูเป็นตาให้เสมออย่างป้าช้อยก็ปิดบ้านเงียบ ไร้แสงไฟลอดเร้นออกมาให้เห็น อากาศแบบนี้ คงไม่มีใครโผล่ออกมาดูว่าชาวบ้านชาวช่องเขาทำอะไรกันหรอก

เธอรีบปรี่ไปด้านคนขับ กระชากประตูเปิดออกอย่างง่ายดายเพราะเจ้าตัวไม่ได้ล็อก ไฟฉายในมือกลายเป็นของเกะกะยามต้องพยุงวาริเข้าบ้าน ตัวเขาสูงและเพรียวสมส่วนก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเธอเขาก็ตัวโตกว่ามาก น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อย แถมสายฝนยังกระหน่ำจนเนื้อตัวเปียกโชก สร้างความทุลักทุเลให้จนแทบจะพากันล้มพับไปด้วยกัน

“ทำไมกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ นี่เธอไปเมาแล้วก่อเรื่องอะไรไว้ที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย”

น้ำหนึ่งหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอเกลียดคนกินเหล้า แต่จะให้ทิ้งเอาไว้ไม่ช่วยเหลือก็ทำไม่ลง

ยังไม่ทันจะพยุงคนเจ็บเข้าประตูเล็กข้างรั้ว น้ำหนึ่งก็ชะงักงันไปหลายวินาที เพราะมีบางอย่างขวางอยู่ตรงหน้า สิ่งมีชีวิตโปร่งแสงก่อตัวจนกลายเป็นรูปร่างเหมือนคน รูปร่างหน้าตามิแผกเพี้ยนจากคนที่เธอกำลังเข้าปีกประคอง!

พลันนั้นเอง แสงอสนีบาตฉายวาบตามติดด้วยเสียงฟ้าคำรามกึกก้องจนธรณีสะเทือน น้ำหนึ่งฉุดร่างสูงก้มลงต่ำโดยอัตโนมัติ ครั้นเงยหน้าอีกครั้งก็พบเพียงม่านฝนซัดเป็นระลอกขาวตามกระแสลม ร่างโปร่งแสงเมื่อครู่อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย

ฝนตกหนัก อีกทั้งน้ำหนักคนเจ็บก็มหาศาลจนน้ำหนึ่งไหล่แทบทรุด เธอไม่สามารถเสียเวลาให้ความอัศจรรย์ใจได้นานนัก รีบพาวาริเข้าบ้านและทิ้งเขาไว้บนพื้นหน้าประตูนั่นละ หมดเรี่ยวแรงจะไปต่อ เนื้อตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกกันไปทั้งคู่ เธอรีบหับประตูปิดก่อนลมจะหอบเอาละอองฝนเข้ามาภายในมากไปกว่านั้น

น้ำหนึ่งมองร่างไร้สติบนพื้น น้ำฝนในเสื้อผ้าเริ่มหยาดไหลจนพื้นปูกระเบื้องเริ่มเปียก มันชะเอาคราบฝุ่นดินและคราบเลือดจากร่างสะบักสะบอมนั้นมาด้วย เธอควรทำอย่างไรดี เรียกรถพยาบาลอย่างนั้นหรือ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ทว่ายังไม่ทันทำตามที่ใจคิด ไฟฟ้าก็เกิดดับพรึ่บขึ้นมาเฉยๆ น้ำหนึ่งอยากร้องกรี๊ดกับอุปสรรคที่คอยขัดขวางความตั้งใจของเธอ จนสิ่งที่คิดต้องล่าช้าเลื่อนถอยออกไป

แสงจากกระบอกไฟฉายถูกกราดใส่ความมืด น้ำหนึ่งต้องการใช้โทรศัพท์ แต่มันอยู่ในห้องทำงานบนชั้นสอง คงต้องขึ้นไปทั้งเนื้อตัวเปียกโชกนี่แหละ หญิงสาวรีบเดินด้วยความเป็นห่วงคนเจ็บซึ่งนอนหายใจรวยรินรอคอยความช่วยเหลือ จึงไม่ทันระวัง น้ำที่หยดจากเสื้อผ้าเปียกโชกของวาริและเธอทำให้พื้นลื่น

ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้ภายในชั่วพริบตา น้ำหนึ่งขยับเพียงก้าวเดียวก็ลื่นไถล ก้นและศีรษะกระแทกพื้นดังพลั่ก ไฟฉายในมือกระเด็นหลุดเลื่อนไปไกลเกินเอื้อม มันหมดความหมาย เพราะเจ้าของมันสลบแน่นิ่งไปแล้ว โดยไม่หลุดเสียงร้องสักแอะ




ปลายนิ้วบนพื้นเจิ่งน้ำเริ่มขยับทีละน้อย ความเจ็บปวดทรมานยังเล่นอยู่ทั่วร่าง ทั้งกายและจิตอ่อนแอจนแทบจะแยกจากกัน ทว่าเขาไม่ยอมหรอก สิ่งเดียวที่เผด็จปรารถนาในเวลานี้คือ...เลือด

เบี้ยแก้ของครูฤทธิ์ สิ่งที่เขารักและหวงแหน เขาเก็บไว้ที่คอนโดและตั้งใจจะไปเอามาเก็บไว้เป็นที่ระลึก ยามนี้กลับตกไปอยู่ในมือของศัตรูย่างชรัณ อีกทั้งเขายังไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย อาคมที่กำกับไว้จะแผดเผาเขาจนไม่อาจทนอยู่ต่อไปได้

เปลือกตาค่อยขยับเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีนิลกลอกไปมาในความมืด หูสดับเสียงฝนกระหน่ำภายนอก เขาจะไปหาเลือดจากไหนในเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดช่วยฟื้นฟูร่างกายเขาได้รวดเร็วเท่าเลือดอีกแล้ว จะมีก็แต่...

ร่างเพรียวบางเปียกปอนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ไกลจากเขา น้ำหนึ่ง...เธอสามารถช่วยชีวิตเขาได้ เลือดในกายเธอนี่ไง มันจะช่วยเยียวยาให้เขาหายเป็นปกติ

แม้ไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำ เพื่อความอยู่รอดของตน ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เผด็จคืบคลานไปหาร่างที่นอนหมดสติ ล้วงมีดพับเล่มเล็กจากกระเป๋าหลัง กดปุ่มเบาๆใบมีดก็สปริงตัวออกมาอวดความคมวับวาว เขากำด้ามมีดไว้แน่น มืออีกข้างพลิกร่างหญิงสาวให้หงายขึ้น กวาดตาสำรวจร่างนั้นด้วยความหิวกระหาย

ปลายมีดคมวับกดกรีดลงบนเนินเนื้อแน่นหนั่นบนอกซ้ายซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้มือที่สุด ปลายมีดชำแรกชุดนอนสีเทาจนขาดแล่ง เผด็จไม่สนใจความอวบอิ่มขาวผ่อง เขาสนใจเลือดสดๆแดงฉานที่ไหลปรี่จากปากแผลนั่นต่างหาก กลิ่นคาวของมันช่างเย้ายวนชวนให้ลิ้มรสเสียนี่กระไร เหมือนถูกกระตุ้นเร่งเร้าให้จาบจ้วงใบมีดให้ยิ่งลึกล้ำลงไปอีก ทว่ามือแกร่งชะงักกึก...เขาไม่อยากให้เธอตาย นอกจากไอ้ชรัณ เขาไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว

อาวุธในมือถูกดึงจากปากแผล ร่วงผล็อยลงบนพื้นส่งเสียงดังเคร้ง ตะกอนความหลังถูกก่อกวนจนผุดโผล่ขึ้นในใจ ปลายมีดเคยปลิดชีวิตเขามาแล้ว ความเจ็บปวดทรมานก่อนตายเป็นเยี่ยงใดเขารู้รสของมันดี เขากล้ายัดเยียดสิ่งนี้ให้เธอเชียวหรือ

ไม่...ไม่กล้า

คำตอบเด่นชัดจะแจ้ง แค่ต้องการเลือดเพื่อเยียวยาสภาพร่างกายและชุบชูดวงวิญญาณให้กล้าแกร่งดังเดิมเท่านั้น

ชายหนุ่มยันกายขึ้นจนทาบทับร่างน้ำหนึ่งอยู่ครึ่งๆ แหวกเสื้อตามรอยขาดจนพบรอยแผลบนเนินอกอวบสล้าง เลือดแดงฉานไหล
ปรี่ ริมฝีปากหยักงามประกบลงไปบนปากแผล ดูดดื่มเลือดทุกหยาดหยด กำซาบรสหวานล้ำยิ่งกว่าเลือดสัตว์ที่เคยดื่มกิน ดื่ม ดื่ม ดื่มจนร่างกายและดวงจิตอิ่มเอม

น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อร่างกายได้รับเลือด ร่องรอยบาดแผลต่างๆก็เริ่มสมานจนปิดสนิทคล้ายไม่เคยได้รับการบาดเจ็บมาก่อน มีเพียงรอยขาดแล่งคล้ายโดนไฟเผาหลายแห่งบนเสื้อยืดแขนยาวสีดำเท่านั้น ที่ยืนยันว่าเขาถูกเบี้ยแก้ของครูฤทธิ์เล่นงานให้จริง
เรี่ยวแรงคืนกลับครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมๆกับไฟบนเพดานสว่างพรึ่บ เหลียวกลับไปมองน้ำหนึ่ง เมื่อดื่มเลือดเธอจนหนำใจแล้วถึงได้นึกห่วง เธอจะตายไหม เขาไม่อยากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาอีกครั้งหรอกนะ

น้ำหนึ่งหน้าซีดมากจนน่าเป็นกังวล เผด็จแตะปลายนิ้วลงบนแอ่งชีพจรตรงซอกคอ และพบว่ามันเต้นอ่อนชวนใจหาย เขาไม่มีเวลาหยุดคิดใดๆอีกแล้ว เผด็จฉวยร่างปวกเปียกของน้ำหนึ่งไว้ในอ้อมแขน ตรงลิ่วขึ้นรถและขับออกไปทันที

ฝนหยุดตกแล้ว ท้องถนนฉ่ำน้ำค่อนข้างว่างโล่งเพราะเวลาล่วงสู่วันใหม่มาสองชั่วโมง แม้ฝนตก ถนนลื่น เขายังกล้าเหยียบคันเร่งเกือบมิด พารถทะยานไปข้างหน้าราวกับเหาะ จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลใกล้ที่สุด

เผด็จจะไม่ยอมให้ความตายพรากน้ำหนึ่งไปจากเขาเด็ดขาด ความจริงข้อนี้จะแจ้งอยู่ในใจ เขายังอยากยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ อยากพูดคุยตอแยแหย่หยอกให้เธออารมณ์ขึ้นๆลงๆ อยากเห็นดวงตาคู่สวยเขียวเรืองด้วยความโกรธยามต่อปากต่อคำกัน เธอต้องอยู่กับเขาตลอดไป ไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม

สิ่งใดเผด็จอยากได้ สิ่งนั้นเผด็จต้องได้

แต่...อยู่กับเขาตลอดไปอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มฉุกคิด แล้วเขาล่ะ จะอยู่กับเธอได้นานสักแค่ไหน ป่านนี้หน่วยล่าวิญญาณคงตามตัวเขาให้จ้าละหวั่น แม้ว่าการซุ่มซ่อนอยู่ในร่างมนุษย์จะช่วยพรางตาหน่วยล่าวิญญาณได้มาก แต่ไม่ใช่ว่าพวกนั้นจะหาเขาไม่พบ แถมการอาศัยอยู่ในกายเนื้อยิ่งเสียเปรียบ เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติได้ หากเขาถูกลากวิญญาณไปรับ
โทษทัณฑ์ในนรก ร่างวาริก็อาจตายลง หรือไม่ ดวงจิตวาริอาจหวนคืนร่าง ถ้าเป็นเช่นนั้น ทั้งคู่คงครองรักกันอย่างมีความสุข

เผด็จอยู่ในร่างวาริมาระยะหนึ่ง ได้สัมผัสข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวหลายๆอย่าง โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งใช้ภาพน้ำหนึ่งเป็นภาพพื้นหลัง บุคคลสำคัญของหัวใจเท่านั้นละที่จะได้รับเกียรตินั้น และน้ำหนึ่งก็คงแอบรักวาริ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าขโมยจูบตอนอยู่โรงพยาบาล

สองคนนี้รักกัน เผด็จไม่เข้าใจว่าทำไมวาริถึงไปคบหาดูใจกับเปมิกา จะเพราะเหตุใดก็ช่าง เขารู้อย่างเดียวว่าไม่อยากให้น้ำหนึ่งตกเป็นของใคร ให้เธอตายตามเขาไปเลยดีกว่า...

ทำให้ตายนั้นง่ายนิดเดียว...เพียงคิด เท้าบนคันเร่งผ่อนลง ความเร็วลดฮวบ

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองร่างปวกเปียกบนเบาะข้างกาย ดวงหน้าซีดเซียวสงบนิ่งราวกับไร้ชีวิต ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกชื้น ผมยาวรุ่ยร่ายปรกลงมาปิดแก้มอิ่มเพราะคอขาวๆนั่นพับลงมา เธอยังไม่ตาย หากทิ้งไว้แบบนี้ อย่างไรก็คงไม่รอด ก็แค่เรื่องง่ายๆเท่านี้เอง
สิ่งใดเผด็จอยากได้ สิ่งนั้นเผด็จต้องได้ แต่ในทางกลับกัน สิ่งใดเผด็จอยากได้แล้วไม่ได้ สิ่งนั้นก็จะไม่มีใครได้ไปครอบครองเช่นกัน

**************************

ทักทายท้ายเรื่อง

เผด็จนั่งไขว่ห้าง เท้ากระดิกอย่างสบายอารมณ์ขณะไล่สายตาไปตามคอมเม้นท์ของคุณผู้อ่านในเว็บเลิฟ นิ้วที่วางอยู่บนเมาส์เคาะเป็นจังหวะ ก่อนจะตัดสินใจเปิดช่องแชท พิมพ์ข้อความส่งถึงภาวินว่า "วันนี้ผมจะตอบคอมเม้นท์ คุณอยู่เฉยๆไปเลย"

เอิ่ม เออๆ ก็ได้ฟระ ตามสบายเลยพ่อคุณ

ชายหนุ่มยักไหล่ ยิ้มร้ายๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากหยักงามที่เพิ่งดื่มเลือดน้ำหนึ่งไปสดๆร้อนๆในตอนที่ออนแอร์เมื่อครู่ หึ สาวๆพวกนี้ เดี๋ยวจะบดขยี้ให้ตายคาปากทีเดียว

คุณ Zeara เพิ่งเข้ามาคอมเม้นท์ครั้งแรก ยินดีต้อนรับเข้าสู่อ้อมอกอ้อมใจของเผด็จ ไม่ต้องรักเผด็จมากนัก แต่ขอให้รักนานๆ

น้องยิ้มจัง พี่เผด็จมีพลังกายพลังใจเต็มเปี่ยมเลย อยู่ที่ว่าพี่จะปล่อยของออกไปแค่ไหน เห็นกันชัดๆแล้วใช่ไหมล่ะว่าพี่เหนือกว่านายว่านทุกทาง มีแต่ยายเพชรตาเซ่อคนเดียวที่มองไม่เห็น เฮอะ (ทำเสียงขึ้นจมูก)

ไอ้คุณพี่เก้า คนอย่างเผด็จไม่มีทางกลัวไอ้นายว่านลางจืดนั่นหรอก เห่อ เห่อ ยึดร่างมันมาแล้ว จะยึดตำแหน่งพระเอกมันด้วย เล่นให้ฟรี ไม่คิดค่าตัว

คุณสุขุมวิท ๖๖ ที่ฟินเพราะหลงรักเผด็จเข้าแล้วละสิ แต่คงยังมิรู้ใจตัวเอง ใช่มั้ย ใช่มั้ย

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ (ทำเสียงเข้มขรึม จริงจัง) ตราบใดที่น้ำหนึ่งเลือดยังไม่หมดตัว ของขลังนั่นทำอะไรเผด็จไม่ได้หรอก สาดใส่เข้ามาเลย เผด็จจะได้ฉวยโอกาสดูดนม เอ๊ย ดูดเลือดน้ำหนึ่งอีก แหม แค่คิดก็อินเหมือนได้บินไปฟินแลนด์แล้ว

คุณเกศรา (ทำเสียงหล่อ) เผด็จรักคุณจริงๆ ภาคต่อไปมาเป็นนางเอกของเผด็จเถอะ เราต้องร่วมกันเบิกทวารอุจจารีย์ คริ คริ เอ๊ะ เผด็จหัวเราะคริ คริ ไม่ได้สินะ ฮ่าๆๆ

คุณหนอนน้อยดังปรี้ รู้สึกคุณจะหมั่นไส้เผด็จเหลือเกินนะ เอาเถอะ จะรักจะชังเผด็จยินดีทั้งนั้น ขอแค่ได้ทำให้สาวๆแถวนี้อารมณ์ผันผวนเหมือนสาววัยทอง เผด็จก็อิ่มเอมดวงจิตแล้ว ตอนนี้ได้ดื่มเลือดเลยอารมณ์ดี วันไหนอารมณ์เสีย เฮียเด็จจะจับหนอนมาเคี้ยวกิน

คุณบุลินทร ได้ข่าวว่าช่วงนี้กำลังปิดต่นฉบับ ไม่มีเวลาอ่าน ไม่เป็นไร อ่านตอนเป็นเล่มก็ได้ แล้วจะรู้ว่า เผด็จไม่ได้เสน่ห์แรงเฉพาะกับสาวๆเท่านั้น เห่อ เห่อ

เอาละ ตอบครบทุกคนแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาดูกันว่าเผด็จจะมารยาสาไถอะไรอีก เผด็จทำได้ทุกอย่างที่วาริทำไม่ได้นั่นละ ไม่เชื่อ คอยดูสิ







ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2557, 02:52:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ย. 2557, 08:31:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1486





<< บทที่ ๑๒ (ครึ่งแรก)   บทที่ ๑๓ (ครึ่งแรก) >>
อสิตา 29 ก.ย. 2557, 04:39:16 น.
ข้าต้องการร่วมเข้าทวารอุจจารีย์ด้วย


ketza 29 ก.ย. 2557, 06:25:22 น.
มาด้วยยย


ketza 29 ก.ย. 2557, 06:33:59 น.
หูยยยย น้ำหนึ่งถูกดูดดดเลือดดดด เหอๆๆๆ
เผด็จจปล่อยสาวเจ้าให้ตายคารถจิงๆรึ ให้น้ำหนึ่งดูดดดดดเลือดกลับจิ จิได้เป้นผีดิบเหมือนๆกัน โฮ๊ะๆๆๆ


yimyum 29 ก.ย. 2557, 06:39:11 น.
คติเผด็จเห็นแก่ตัวจัง


ดังปัณณ์ 29 ก.ย. 2557, 09:14:47 น.
เด็จจี้นิสัยไม่ดี๊! ไอ้ที่เคยคิดไว้ทำไม่ได้ซักกะอย่าง แหม แถมเลือกที่ดูดได้จังหนั๋บจังนะพ่อ ข้อมือก็มี อุๆๆ

อั้ยย่ะ! แล้วงี้จิเกิดอะไรขึ้นน้อ พ่อคุณดันเห็นแก่ตัวแล้วนี่สิ

โอ๊ยใบหนาดอยู่ไหนจะเอามาไล่ผีขี้โอ่!


ริญจน์ธร 29 ก.ย. 2557, 10:30:21 น.


Sukhumvit66 29 ก.ย. 2557, 11:26:55 น.
แหม....รัก แต่เห็นแก่ตัวก็ไม่ดีนะ พ่อเผด็จ

อยากรักเผด็จอยู่นะ แต่รักวาริมากกว่า จิ๊ดนึง

เมื่อกี้เห็นแว่บ ๆ ว่ามาโผล่ขวางทาง ตอนหน้า วาริมาไหม อิอิ


ใบบัวน่ารัก 29 ก.ย. 2557, 12:54:57 น.
วิญญานว่านอยู่ไหนนนนนน


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 ก.ย. 2557, 15:37:19 น.
แหมมมมม หาที่ดูดเลือดได้ใกล้เคียงราวดูดนมแม่เลยนะคุณเดด! ต่อไปยัยหนึ่งเหี่ยว เบี้ยว เฉาก็อย่าลืมพาไปอัพไซส์กลับมาด้วยละ
นิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลย มาตอบเม้นต์แทนคนอื่น เสียมารยาท!
อารมณ์เค้าไม่แปรปรวนนะ เดด อย่ามามโนลำพัง ใครไปหลงคารมนายกัน ไม่มี๊ ยียวน กวนประสาทเก่งขนาดนี้ ใคร๊จะรักลง
ว่าแต่ ทุกคนลืมวาริไปหมดแล้วสินะ เฮียแกก็เป็นได้แค่ดอกไม้ริมทาง น่าสงสาร ><


goldensun 29 ก.ย. 2557, 18:14:44 น.
เบี้ยแก้แสดงให้เห็นชัดเลย ว่าเผด็จตัวร้าย เลยโดนเผาซะ จริงๆ เลวอย่างชรัณไม่น่าคุ้มนะนั่น
เผด็จท่าดีทีเหลวของแท้ ตั้งใจทำดี เหลวไปหมดแล้ว
ว่าแต่อาจารย์ฤทธิ์ให้น้ำหนึ่งออกไปช่วยทำไม เจ็บตัว เสียเลือด ตำแหน่งดูดก็ล่อแหลม ไม่ยักเป็นที่คอ
แถมเผด็จยังจะปล่อยให้ตายซะอีก วาริเหลือแค่เงา แล้วใครจะช่วย


Liez 29 ก.ย. 2557, 19:10:21 น.
เผด็จ จะไม่ได้สิ่งไหนมั้ย?? สงสารวาริ ให้วาริสารภาพรักยัยเพชรด้วยเถอะคร่าาา


บุลินทร 29 ก.ย. 2557, 21:54:44 น.
ต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์ในเล่มเยอะแน่ๆ


Barby 2 ต.ค. 2557, 14:59:18 น.
เผด็จร้ายกาจแล้วอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account