ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: สัตว์พันปี : บทที่ ๓ ท่านหญิงฮุ่ยเสียน

สัตว์พันปี : บทที่ ๓ ท่านหญิงฮุ่ยเสียน

องค์ชายห้าเฝ้ามองเหตุการณ์ที่มีคนรุกล้ำเข้ามาในเขตพลับพลาที่ประทับจากระยะไกล จากจุดนี้หากไม่สายตาดีจริงคงยากที่จะมองเห็นใบหน้าของผู้บุกรุกตลอดจนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ชัด กระนั้นองค์ชายเหวินหรงก็ยังสู้อุตส่าห์เห็นสีหน้าของกุ้ยฮวา

ขณะนี้ดวงหน้าของนางไม่มีรอยยิ้มแต่งแต้มแต่ก็ไม่บึ้งตึง ดวงตาเป็นประกายมีชีวิตชีวาดี ไม่บ่งบอกว่าป่วยหรือกำลังเสียขวัญ ทางด้านลี่จูเองก็ดูสดใสอย่างที่เคยเป็น แสดงว่าสภาพจิตใจของพวกนางไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิด

องค์ชายห้าคลายความเป็นห่วงลงแต่สมองก็ยังไม่หยุดครุ่นคิด นับจากวันที่เกิดเรื่องพลัดหลงออกนอกเส้นทางจนบัดนี้ก็สี่วันแล้ว ฮ่องเต้ก็ยังไม่มีรับสั่งให้องค์หญิงลี่จูกับกุ้ยฮวากลับไปยังที่พักของฝ่ายใน ทรงเก็บธิดาและหลานสาวเอาไว้ข้างพระวรกาย ราวกับหวั่นเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้าย เมื่อลองวิเคราะห์ร่วมกันกับพระอุปนิสัยของเสด็จพ่อ องค์ชายห้าก็เดาได้ว่าขณะหลงป่ามีเหตุร้ายที่ทำให้ทรงวิตก

องค์ชายเหวินหรงไม่คิดจะสืบหาความจริง เขาคิดว่าความลับที่พระบิดาปิดบังเอาไว้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรไปแตะต้อง ชายหนุ่มไม่ใส่ใจหรอกว่าภยันอันตรายที่อยู่เบื้องหน้าคืออะไร ตระหนักแค่ว่าตนเองจะต้องปกป้องเสด็จพ่อและกุ้ยฮวาด้วยชีวิต

ในขณะที่องค์ชายห้ากำลังลอบสังเกตกุ้ยฮวา ตัวเขาเองก็ถูกจับตามองโดยคนอื่น สตรีโฉมงามในชุดนางกำนัลชั้นสูงยิ้มกว้างเมื่อเห็นแผ่นหลังคนที่ตามหา แต่เมื่อมองตามสายตาสายหนุ่มไป แล้วเห็นว่าเขาจับจ้องสิ่งใด ใบหน้าของนางก็เจื่อนลง

หญิงสาวปรับอารมณ์อยู่อึดใจใหญ่ ก่อนจะตรงเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส

“เหวินหรง ข้ามารับเจ้าไปเฝ้าฮองเฮา”

องค์ชายห้าเอี้ยวตัวมามองคนเรียก แล้วใช้สายตาเป็นเชิงถามว่าเสด็จแม่มีธุระอะไร

“ฮองเฮาไม่ได้มีรับสั่งให้ตาม แค่ทรงถามหาน่ะ ข้าเลยมาดูเผื่อว่าเจ้าจะว่าง”

“ข้าต้องจัดการงานก่อน เสร็จแล้วจะตามไป”

องค์ชายห้ารับหน้าที่ดูแลเรื่องความปลอดภัย แม้องค์ชายรองจะช่วยคุมตัวผู้บุกรุกไปแล้ว เขาก็ต้องออกคำสั่งให้จับตาดูผู้บุกรุก

“อีกนานไหม”

“ไม่แน่ใจ”

“ข้าจะรอจนกว่าจะเบื่อก็แล้วกัน”

ทั้งสองต่างก็พูดจาอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากเป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิท นางกำนัลชั้นสูงคนนี้มีนามว่า ไท่สู ฮุ่ยเสียน บิดาของนางมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของฮ่องเต้ นับเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ทั้งยังสารคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมากมาย ฮ่องเต้จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นมหาอำมาตย์

ก่อนได้รับการแต่งตั้งอ๋องไท่สูดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองเริ่นเจิน เมืองนี้อยู่ทิศใต้ของเมืองหลวงและถือเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญมาก ปกติมักจะให้รัชทายาทไปดูแล แต่ขณะนั้นองค์รัชทายาทยังเด็กนัก ฮ่องเต้จึงมีพระบัญชาให้บุตรชายคนโตของอ๋องไท่สูขึ้นดำรงตำแหน่งแทน การกระทำในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้เกียรติตระกูลไท่สูเป็นอย่างมาก อ๋องไท่สูกับพระชายาจึงเดินทางมายังเมืองหลวงอย่างสบายใจ โดยไม่มีความคิดว่าฮ่องเต้แคลงใจในความภักดีหรือถูกยึดอำนาจ

ฮุ่ยเสียนซึ่งขณะนั้นอายุสี่ปีได้ติดตามบิดามารดามาด้วย ฮองเฮาเห็นนางแล้วก็เอ็นดู จึงรับตัวมาอยู่ในวังด้วยในฐานะนางกำนัลรุ่นเล็ก มีหน้าที่เป็นเพื่อนเล่นให้กับองค์หญิงเหวินหง ทว่าองค์หญิงเหวินหงชอบเล่นอย่างผู้ชายมากกว่า ตรงข้ามกับองค์ชายเหวินหรงที่เป็นคนเงียบๆ เก็บตัว ฮุ่ยเสียนจึงมาสนิทกับองค์ชายแทน

“คนติดตามเจ้าไปไหน” องค์ชายห้าถามเมื่อเห็นว่านางมาลำพัง

ธรรมเนียมปฏิบัติระบุชัดว่าสตรีสูงศักดิ์ไม่ควรจะออกไปไหนมาไหนตามลำพัง อย่างน้อยก็ควรจะมีผู้ติดตามหนึ่งคน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและเป็นการรักษาเกียรติแห่งตน เผื่อเอาไว้ในกรณีมีเหตุต้องสนทนากับบุรุษจะได้ไม่ถูกครหา สุ่ยเสียนเป็นคนระมัดระวังตัวทั้งยังวางตัวดีมาตลอด องค์ชายห้าจึงเห็นเป็นเรื่องแปลกที่นางหลงลืมกฎพื้นฐาน

“ฝ่ายในมีงานยุ่ง ข้าเลยให้พวกนางอยู่ช่วย”

การตามเสด็จในครั้งนี้มิได้มีคนมากมายเหมือนอย่างอยู่ในวัง ข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่สะดวกมือ เหล่านางกำนัลจึงต้องเหนื่อยกว่าปกติ เพื่อถวายการรับใช้ให้ดีที่สุด

“ข้าจะไปส่ง” องค์ชายห้าเอ่ยอย่างเข้าใจสถานการณ์

“แล้วงานเจ้าเล่า”

องค์ชายห้าไม่ตอบคำถาม เขาผายมือให้กับท่านหญิงคนงามเป็นเชิงบอกให้นางยอมกลับให้ไปส่งแต่โดยดี พฤติกรรมอย่างนี้คือความดื้อเงียบและเผด็จการขององค์ชายเหวินหรง แต่ถึงจะถูกบังคับฮุ่ยเสียนก็มิได้ขัดเคืองใจ ซ้ำยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการกลั้นยิ้ม

องค์ชายเหวินหรงยอมทิ้งงานก็เพราะเห็นว่านางสำคัญกว่า รู้อย่างนี้แล้วฮุ่ยเสียนจะเคืองเขาได้อย่างไรกัน นางหวังเอาไว้แต่แรกแล้วว่าองค์ชายต้องมาส่ง จึงจงใจไม่พาผู้ติดตามมา

สุ่ยเสียนพยายามเดินให้ช้าเพื่อที่จะได้อยู่กับองค์ชายห้าให้นานที่สุด ส่วนอีกฝ่ายนั้นถึงไม่รู้เจตนาก็ยังสู้อุตส่าห์เดินช้าลงตาม โดยไม่คิดที่จะเร่งนางเลย ทั้งที่ระยะทางจากที่ประทับของฮ่องเต้มายังที่พักของฝ่ายในค่อนข้างไกล มัวโอ้เอ้อยู่อย่างนี้เมื่อไรจะถึงก็ไม่รู้

นอกจากจะไม่รำคาญแล้วชายหนุ่มยังเป็นห่วงเสียอีกว่าฮุ่ยเสียนจะเหนื่อย ถึงเขาจะไม่ถามแต่ก็คอยสังเกตการของนางตลอด ถ้าเริ่มคุยแล้วหอบเขาก็จะหยุดฝีเท้าเพื่อให้ได้พัก เขาห่วงใยนางแต่กลับไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเพื่อนคนนี้

‘ช่างเป็นคนอ่อนโยนที่โง่เขลาเสียจริง’


แว่นเป็นกังวลที่ไป๋อวี้ถูกองค์ชายรองคุมตัวไป ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอฟังข่าว หน่อมเห็นเพื่อนร้อนใจจึงปลอบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง องค์ชายรองเป็นพี่ชายที่น่าเคารพไม่เคยทำอะไรเกินกว่าเหตุ แว่นอยากจะบอกว่าเนื้อแท้ของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไรก็พูดไม่ออก ตัวเขาได้ยินก็แต่เรื่องร้ายๆ ขององค์ชายรองผ่านกุ้ยอี้ กระนั้นก็ไม่เคยเจอกับตัวสักหน อีกทั้งองค์หญิงลี่จูกับองค์ชายรองก็เป็นพี่น้องกัน ไม่มีน้องคนไหนอยากฟังพี่ชายถูกว่าร้ายหรอก

ทางด้านพี่สาวแท้ๆ อย่างโบ้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้เท่าไร ส่วนหยางเจี้ยนซึ่งจำเป็นต้องอยู่ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ก็ดูไม่เป็นกังวล ชายหนุ่มแสดงออกว่าเป็นห่วงไป๋หลินมากกว่าไป๋อวี้หลายเท่า

ทั้งสองยังสบายใจได้เพราะรู้จักไป๋อวี้เป็นอย่างดี ไป๋อวี้หรือที่ไป๋หลินเรียกติดปากว่า ‘หยกน้อย’ เป็นพวกขี้เกียจและขี้ขลาด เวลาถูกฝึกหนักก็มักจะหนีไปซ่อนเสมอ แต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้งไป ท่านพ่อเป็นคนเข้มงวดเลยลงโทษด้วยการโบยบ้าง สั่งขังบ้าง ไม่ก็ให้อดอาหารเป็นเวลาหลายวัน แทนที่จะเข็ดหลาบไป๋อวี้กลับหัดแก้มัดให้ตัวเอง คิดค้นวิธีสะเดาะกุญแจ ทำไปทำมาเลยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะมัดแน่นหนาแค่ไหนหรือใช้กุญแจชนิดใดก็ขังไป๋อวี้เอาไว้ไม่ได้นาน

ท่านพ่อเห็นว่าวิธีเดิมๆ ไม่ได้ผลจึงเพิ่มการสกัดจุดเข้าไปด้วย แต่ไป๋อวี้ก็หาวิธีคลายจุดให้ตัวเองได้ทุกครั้ง ทั้งที่ไม่เคยเรียนศาสตร์ด้านนี้เลย เรียกว่าที่เอาตัวรอดมาได้เพราะพรสวรรค์ล้วนๆ ท่านพ่อเห็นอย่างนี้ก็เลยยิ่งเคี่ยวเข็ญหนัก ไป๋อวี้แกล้งทำเป็นตั้งใจเรียน โดยเริ่มจากการลบจิต พรางตัวและสะกดรอยก่อน พอเก่งในระดับหนึ่งแล้วเจ้าตัวแสบก็หนีออกนอกหุบเขาหิมะไปเที่ยวข้างนอกทันที ไม่ยอมทนลำบากฝึกวิชาต่อ

โบ้จำได้ดีทีเดียวว่าตอนนั้นท่านพ่อโกรธมาก พอน้องชายกลับมาก็ซัดฝ่ามือใส่จนสลบ แล้วโยนเข้าไปในถ้ำที่ใช้ฝึกวิชา ถ้ำนี้มีค่ายกลซ่อนอยู่มากมาย ทั้งยังมีเส้นทางลึกลับซับซ้อน ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ยากที่จะฝ่าออกมา ยิ่งทางออกถูกปิดด้วยแล้วก็เท่ากับถูกขังลืม

โบ้กับท่านแม่ต้องอ้อนวอนท่านพ่ออยู่นานกว่าท่านจะใจอ่อนยอมปล่อยตัวไป๋อวี้ออกมา ทว่าพอเปิดประตูกลออกไป๋อวี้กลับไม่อยู่ในนั้นแล้ว น้องชายตัวดีแหกค่ายกลหนีไปตั้งแต่คืนแรกที่โดนจับขัง แถมยังเขียนข้อความเย้ยเสียอีกว่าค่ายกลแค่นี้ขังหยกน้อยไม่ได้หรอก ท่านพ่อหมดปัญญาจะจัดการจึงปล่อยให้ใช้ชีวิตตามใจตั้งแต่บัดนั้น เป็นเหตุให้วรยุทธด้านการต่อสู้ของไป๋อวี้เลยไม่เอาไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องหนีต่อให้เป็นคุกหลวงก็แหกได้

“เจ้าไม่ต้องห่วงน้องชายข้าหรอก เห็นอย่างนี้แต่ฝีมือพอตัวนะ” โบ้บอกกับแว่น

ถึงจะดูซื่อบื้ออยู่บ้างแต่โบ้ก็ยังจับอารมณ์ของเพื่อนผ่านสีหน้าได้

“ข้าสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” แว่นตอบ

ขณะนี้หยางเจี้ยนอยู่ในวงสนทนาด้วยก็เลยต้องพูดภาษาเจียงเฉียงกัน บอกตามตรงว่าไม่ถนัดปากเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็ต้องฝึกเอาไว้ให้ชิน ผู้คนจะได้ไม่สงสัยและจะได้ไม่ต้องอธิบายที่มาที่ไปของภาษาไทยที่ไม่มีใครรู้จัก

“รอสักพักเถอะนะ พี่รองพูดเองว่าแค่คุมตัวไปสอบสวนตามกฏเท่านั้น ถ้าเรื่องไม่คืบหน้า ค่อยขอให้พี่หกช่วยก็ได้” หน่อมเสนอทางออก

“ไม่ได้!” หยางเจี้ยนเผลอหลุดปากออกมา ทุกคนเลยหันมาจ้องเป็นตาเดียว

“ขออภัยพะยะค่ะ ข้าพระองค์หมายถึงว่าไม่อยากรบกวนองค์หญิงไปมากกว่านี้แล้ว ไป๋อวี้ผิดที่แอบตามเข้ามาในเขตที่ประทับ ก็สมควรจะถูกลงโทษ อย่าให้องค์หญิงกับท่านหญิงต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย”

ชายหนุ่มอ้างอย่างมีเหตุผล ทั้งที่ความจริงมองว่าองค์ชายหกเป็นตัวอันตราย อุปนิสัยขององค์ชายองค์นี้ดีเยี่ยม มีน้ำใจไม่ถือตัวทั้งยังสง่างาม ไป๋หลินจึงแสดงออกว่าหลงใหลได้ปลื้มไม่น้อย ถ้าองค์ชายออกหน้าช่วยก็จะยิ่งสร้างความประทับใจให้นาง

“อย่าเกรงใจไปเลย พวกท่านมีบุญคุณกับเรา ตอบแทนแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย จริงไหมกุ้ยฮวา”

“ถูกขององค์หญิง ท่านจอมยุทธ์อย่างได้เกรงใจ” แว่นนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดต่อ “ถ้าตกเย็นแล้วองค์ชายรองยังไม่ปล่อยตัวกุ้ยอี้ ค่อยไปขอให้องค์รัชทายาทช่วยก็แล้วกัน”

ที่เปลี่ยนตัวคนช่วยเพราะเห็นว่าองค์ชายหกอาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมองค์ชายรอง ส่วนองค์ชายสามนั้นเป็นประเภทกวนประสาท ต้องได้แกล้งก่อนถึงจะยอมขยับตัวทำอะไร สู้ขอร้ององค์รัชทายาทไปเลยง่ายกว่า


ไป๋อวี้ถูกเชิญตัวเข้ามาที่เรือนที่พักขององค์ชายรอง องค์ชายผู้ทรงเกียรติต้อนรับชายหนุ่มอย่างดีในฐานะแขก ไม่เพียงแต่ให้นั่งร่วมโต๊ะยังให้คนนำอาหารและสุรามาให้ด้วย

“เชิญท่านจอมยุทธ์ตามสบาย อิ่มหนำแล้วค่อยสนทนากัน”

องค์ชายรองผายมือเชิญก่อนจะลอบมองผู้บุกรุกอย่างพิจารณา ไป๋อวี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งกายทะมัดทะแมง ดูมอมแมมเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมานานแต่กลับไม่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา หากร่างกายไม่ผิดปกติก็แสดงว่าลบจิตลบกลิ่นของตัวเองได้จนเป็นนิสัย ดูแล้วน่าสนใจทีเดียว

“ขอบพระทัยองค์ชาย” ไป๋อี้ค้อมกายให้ แล้วตะกรุมตะกรามหยิบอาหารเข้าปากอย่างหิวกระหาย

เขาเตรียมเสบียงสำหรับเดินทางแค่ห้าวัน ทว่าไป๋หลินกลับเถลไถลออกนอกเส้นทาง เป็นเหตุทำให้อาหารหมดก่อนถึงเมืองหลวง ชายหนุ่มไม่มีเวลาไปจัดหาของกินมาเพิ่ม หลายวันมานี้จึงเอาตัวรอดด้วยการแอบขโมยอาหารเหลือของพวกทหาร ไม่ก็อาศัยผลไม้ป่ารสชาติเฝื่อนกินประทังชีวิต

“ข้าได้ยินว่าท่านจอมยุทธ์ติดตามพี่สาวมา ไม่ทราบว่าอยู่ในเขตที่ประทับมากี่วันแล้ว”

“อี่” ไป๋อวี้พูดทั้งที่อาหารเต็มปาก ความที่กลัวว่าองค์ชายจะไม่เข้าใจก็เลยชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว จากนั้นจึงค่อยกลืนอาหารที่ค้างอยู่ในปากลงคอ เพื่อจะได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ

“องค์ชายโปรดอย่าเรียกข้าว่าท่านจอมยุทธ์เลย ข้าเป็นแค่คนพเนจรมีฝีมือแค่นิดหน่อย ไม่อาจรับการให้เกียรติเช่นนั้น”

ไป๋อวี้รู้สึกกระดากพิลึกเวลามีคนเรียกตัวเองว่าท่าน พอมีคำว่าจอมยุทธ์พ่วงท้ายแทนที่จะภูมิใจกลับรู้สึกต่ำต้อยเพราะในความเป็นจริงแล้วตัวเองนั้นมีฝีมือการต่อสู้ที่สุดแสนจะไม่เอาไหน

“อย่าถ่อมตัวไปเลย หากไม่เก่งจริงจะซ่อนอยู่ได้อย่างไรตั้งนาน”

เขตที่ประทับกว้างขวางก็จริงอยู่ แต่เต็มไปด้วยยอดฝีมือและทหารองครักษ์มากมาย สามารถลอบเข้ามาและพรางตัวอยู่ได้โดยไม่มีใครระแคะระคายได้นานอย่างนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา

“ข้ามันคนขี้ขลาดถนัดแต่เรื่องซ่อนเท่านั้น”

แม้จะบอกความจริงไปองค์ชายรองก็ยังไม่วายชื่นชม ไป๋อวี้เลยแก้เก้อด้วยการหยิบอาหารเข้าปากคำโต

“ข้าเคยได้ยินว่าประมุขพรรคเทพสวรรค์ มีนามว่าไป๋ อี้เทา ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับท่านจอมยุทธ์หรือไม่”

ไป๋อวี้พยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะเฉลยในเวลาต่อมาว่าตัวเองเป็นบุตรคนที่ห้าของประมุขพรรคเทพสวรรค์

“ที่แท้ท่านกับแม่นางไป๋หลินก็เป็นบุตรของท่านประมุขนี่เอง มิน่าวรยุทธ์จึงล้ำเลิศทั้งคู่”

องค์ชายรองให้คนเฝ้าดูไป๋หลินกับหยางเจี้ยนเอาไว้เพราะเดาออกว่าทั้งคู่อยู่ในเหตุการณ์ลอบสังหาร ทำให้ได้ข้อมูลว่าทั้งคู่เป็นหนุ่มสาวที่มีวรยุทธ์สูง

“คนที่เก่งคืออาเจ๊ ส่วนข้าแค่สู้ให้ชนะเด็กสิบขวบก็หืดขึ้นคอแล้ว”

ไป๋อวี้เอ่ยถึงพี่สาวอย่างชื่นชม แม้นางจะเป็นสตรีแต่ก็มีความเพียรพยายาม นางมีความอดทนที่เขาไม่มี ทั้งห่วงใยเขามากกว่าพี่ๆ ทุกคน

องค์ชายรองหลอกถามไป๋อวี้เกี่ยวกับเรื่องของพรรคเทพสวรรค์อีกหลายอย่าง ก่อนหน้านี้เขาเคยวางแผนจะผูกสัมพันธ์กับพรรคต่างๆ เอาไว้ ทว่าก็ไม่สำเร็จเพราะส่วนใหญ่บรรดาประมุขพรรคจะหยิ่งทระนง ไม่ยอมขึ้นต่อใคร เป็นเหตุให้ซื้อใจได้ยาก แต่ถ้าทำสำเร็จก็เท่ากับได้กำลังพลมหาศาลมาไว้ในมือ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเก็บไป๋อวี้เอาไว้เป็นหมากด้วยหนึ่งด้วยการทำดีกับเขา

องค์ชายรองเริ่มข่มขู่ให้กลัว ด้วยการแจ้งว่าการบุกรุกเขตที่ประทับมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหาร แต่องค์ชายรองจะหาทางลดหย่อนโทษให้ เพียงแต่ไป๋อวี้จะต้องยอมให้ถูกควบคุมตัวสักระยะหนึ่ง

“ข้าจะจัดที่พักให้และจะไม่มัดท่าน ขอเพียงให้สัญญาว่าจะไม่หนีเท่านั้น”

“ไม่ได้นะพะยะค่ะ ถ้านักโทษหนีท่านจะต้องโทษเอง” คนสนิทขององค์ชายรองประท้วง

“เขาไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นแขกของข้า” องค์ชายรองตำหนิเสียงเข้ม

ไม่ว่าใครอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ต้องตื้นตันกับน้ำใจและการให้เกียรติด้วยกันทั้งนั้น ไป๋อวี้เองก็ติดกับเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มสัญญาว่าจะไม่หนี ทั้งยังยอมให้กักบริเวณอย่างเชื่อฟัง โดยไม่ระแคะระคายว่าตัวกำลังถูกหลอกใช้


องค์ชายรองส่งคนให้ไปตามตัวไป๋หลินกับหยางเจี้ยนมาพบน้องชายหลังจากที่คุมตัวไป๋อวี้ไปแล้วประมาณสองชั่วยาม โดยห้ามไม่ให้องค์หญิงลี่จูกับกุ้ยฮวาเข้ามายุ่งเกี่ยว ทั้งยังเตือนด้วยความปรารถนาดีว่าสตรีสูงศักดิ์อย่างพวกนางควรจะเก็บเนื้อเก็บตัวมากกว่านี้

ตามธรรมเนียมพวกนางสมควรจะเก็บตัวอยู่ในที่พักของฝ่ายใน แม้ฮ่องเต้จะมีรับสั่งให้อยู่ในสายพระเนตรก็ไม่สมควรจะออกมาเดินเล่น

แว่นกับหน่อมจึงจำใจต้องรอฟังข่าวอย่างเรียบร้อยในที่พัก โดยมีซีอิ๋งและนางกำนัลคนสนิทอยู่เป็นเพื่อน ไม่นานโบ้ก็มารายงานว่าไป๋อวี้ปลอดภัยดี แต่จะต้องนั่งๆ นอนๆ ให้กักตัวอยู่ในกระโจมระยะหนึ่งก่อนจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้เป็นสายลับและประสงค์ร้าย เหมาะเจาะให้โบ้ใช้โอกาสนี้อยู่กับเพื่อนๆ ต่อ

แว่นอยากคุยแบบเป็นส่วนตัวก็เลยไล่ทุกคนให้ออกไปเฝ้าอยู่หน้าประตูห้อง พอซักถามเรื่องของไป๋อวี้จนเป็นที่พอใจแล้ว เขาก็ย้อนกลับมาที่เรื่องของหยางเจี้ยน

“พี่หยางของแกไม่ว่าแน่นะถ้าจะอยู่ต่อ”

ชายหนุ่มแสดงออกชัดว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้ามีเวลาสักนิดแว่นคงสังเกตและหลอกถามได้ว่าทำไม เสียดายว่ามีเรื่องให้คิดหลายอย่างเลยต้องปล่อยไป

“จะว่าอะไรได้คะ ก็มันเหตุจำเป็นนี่” โบ้ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ให้ความรู้สึกว่าดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

“อยู่นานๆ ก็ดีนะ มีแกแล้วอุ่นใจ”

แว่นยังไม่หายเสียขวัญเท่าไร มีโบ้อยู่ใกล้ๆ อย่างนี้แล้วช่วยทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก

“ได้อยู่เป็นส่วนตัวแล้วมาเมาท์กันเถอะค่ะ คันปากแย่แล้ว” โบ้เสนอ

แม้จะพักอยู่ในบริเวณเดียวกันแต่ก็แทบจะไม่ได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองเลย เพราะมีคนเฝ้าจับตาดูอยู่ตลอด หน่อมได้ยินแบบนั้นก็หันไปปิดหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้ ก่อนจะถามขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้

“ใครรู้บ้างว่าเจ้ไปไหน” เขาไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนมาหลายวันแล้ว

“ไม่รู้สิ สงสัยกลับเมืองหลวงไปแล้วมั้ง” แว่นเดา

ระหว่างที่เดินทางมาสมทบกับฮ่องเต้ เจ้ประกาศชัดว่าอยากให้ช่วยส่งกลับเมืองหลวงเพราะมีเรื่องต้องรีบกลับไปทำ

“ไปโดยไม่ลามันผิดวิสัยนะ” หน่อมแย้ง

“หรือว่าถูกใครอุ้มฆ่าไปแล้วคะ”

“อิบ้า! กลางป่ากลางเขาอย่าแช่งสิ”

“ขอโทษค่ะ ลืมตัว” โบ้ตบปากตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่ช่วยให้คนอื่นสบายใจขึ้น

แว่นกับหน่อมเริ่มเป็นห่วงว่าเจ้อาจจะเกิดอันตราย ซึ่งก็เป็นการวิตกอย่างสูญเปล่าโดนแท้ ตัวจริงของฟางเซียนนั้นไม่ได้บอบบางอย่างรูปลักษณ์ภายนอกของนาง ถ้าจะห่วงก็น่าจะห่วงว่าเจ้จะไปอุ้มฆ่าใครมากกว่าถึงจะถูก

“ให้คนไปถามดูดีกว่า ถ้ากลับไปแล้วคงมีคนรู้เรื่อง” หน่อมผุดลุกตรงไปที่ประตูอย่างไม่รอช้า

เจ้สวยสะดุดตาออกปานนั้น จะไปไหนมาไหนต้องมีคนจำได้แน่นอน

ยังไม่ทันที่จะใช้สอยใครไปสอบถาม ประตูที่พักก็ถูกเคาะรัวๆ เนื่องจากไม่ได้ปิดล็อกเอาไว้คนที่เคาะเลยถือวิสาสะเปิดเข้ามา ปรากฏว่าเป็นองค์ชายสามกับคนที่นึกห่วงอยู่

“พี่สามมารับน้องสาวที่น่ารักแล้วจ้า”

องค์ชายสามยิ้มระรื่นเข้ามาหา แว่นเห็นเขาแล้วก็นึกได้ว่าหลายวันมานี้ชายหนุ่มหายหน้าไปเหมือนกัน แว่นย่อตัวทำความเคารพ แล้วจึงค่อยหันไปคุยกับเพื่อน

“เจ้าหายไปไหนมาฟางเซียน”

“นางอยู่กับข้าแบบหวานชื่นตลอดสามวันสามคืนที่ผ่านมา” องค์ชายสามตอบแทน

ไม่ทันได้ตกใจเจ้ก็แว้ดใส่องค์ชายสามเสียงเขียว

“ล้อเล่นแรงไปแล้วนะเพคะ หม่อมฉันโดนบังคับพาตัวเข้าเมืองไปซื้อวัตถุดิบต่างหาก” พูดแล้วเจ้ก็อธิบายอย่างเร็วจี๋ว่าโดนเรียกใช้ในฐานะแม่ครัวเอก

“พี่สามจะมารับพวกเราไปไหนหรือเจ้าคะ” หน่อมถาม

“มารับไปเข้าครัวไง ทำอาหารอร่อยๆ เอาใจคนแก่ไว้ไม่เสียหายจริงไหม”

คนแก่ที่ว่าก็คือฮ่องเต้กับฮองเฮา ไม่รู้ว่าองค์ชายสามคิดอะไรอยู่จึงอยากประจบบิดา ถึงจะไม่น่าไว้ใจก็ไม่มีใครกล้าขัดเขา ทุกคนพร้อมใจกันเดินเรียงแถวตามชายหนุ่มไปที่ยังสถานที่ที่ใช้เป็นห้องเครื่อง


-โปรดติดตามตอนต่อไป-

สวัสดีท้ายบทค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาไม่ตรงเวลาเท่าไร ตอนนี้งานเริ่มเยอะ ภารกิจรัดตัว พอๆ กับแพนด้าที่มีบทมาแค่จึ๋งเดียว เดี๋ยวตอนหน้าจัดแพนด้าให้อีกนิดแล้วกันนะคะ จริงๆ บทนี้เฮียพูดเยอะสุดแล้วนะ

ตอนละครเยอะ เรื่องเยอะ เดินเรื่องอาจจะอืดไปนิดต้องขออภัยนะคะ กว่าจะได้เข้าป่าล่าสัตว์อีกหลายตอนเลย มากระดึ๊บไปด้วยกันเนอะ

อ้อ! ลืมเมาท์ค่ะ ได้ขอขวัญครบรอบแต่งานปีที่4เป็นดัมเบลกับรองเท้าออกกำลังกาย คือราคามันก็แพงอยู่นะ แต่แอบแคลงใจในตัวสามี

“ให้ของแบบนี้คุณต้องการอะไรจากดาวคะ พูด!!!!”

อยากมโนว่ารักและเป็นห่วงอยากให้สุขภาพดีแต่เชื่อไม่ค่อยลง 5555

เอาเป็นว่าทุกคนมาออกกำลังกายกันนะคะ เพื่อสุขภาพอันแข็งแรง

หมายเหตุ เค้าเต้น T25 alpha ครบ 5 week แล้วนะ กำลังเริ่ม beta ค่ะ น้ำหนักคงที่ แต่สัดส่วนลด ปลื้มมาก ^O^



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2557, 23:53:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2557, 23:53:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1438





<< สัตว์พันปี : บทที่ ๒ ผีเสื้อโลหิต   ส่งใบลา+เมาท์มอยที่มาของตุ๊ดแต่ละนางค่ะ >>
คิมหันตุ์ 25 ก.ย. 2557, 00:14:31 น.
ทุกอย่างคลุมเคลือมั่กๆ


อัศวินนภา 25 ก.ย. 2557, 00:50:10 น.
เดาทางไม่ถูกเลย


ribbin 25 ก.ย. 2557, 04:32:16 น.
องค์ชายสามกะลังคิดทำอะไรเนี่ยชักสงสัยแหะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 25 ก.ย. 2557, 05:40:05 น.
ฮ่าาา เอาเวลาไปฟิตร่างกายนี่เองงง เอ้ยยย มะช่ายยยยย จริงๆ คุณสามีอาจจะอยากฝากของไปให้พี่แพนด้าก็ได้นะ 5555


ใบบัวน่ารัก 25 ก.ย. 2557, 07:03:04 น.
มีมือที่3 มาแทรกกลางพี่แพนด้ากะน้องแว่น อย่ายอมนะ ของๆเราไม่แบ่งผู้ชายให้หรอก
ทำไมแฝดน้องโบ้ อ่อน จัง เป็นแอ็บแมนอะเป่า ถูกเค้าหลอกใช้อีก การเมืองไม่ดีเลยนิ
เสนอเมนุได้ปะ เอาต้มยำกุ้ง หมี่ชั่ว น้ำมะนาวร้อน นะ


yoko 26 ก.ย. 2557, 00:34:57 น.
องค์ชายรองคิดจะขยายฐานอำนาจง่ายๆงี้เลยเรอะ
ปล.จบอัลฟ่่าเหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีอัลไลลดเลย เลยหมดแรงใจเลิกต่อเบต้าไปซะงั้น ยังงัยก้อได้ดัมเบลเป็นของขวัญพอดีสู้ๆกะเบต้าต่อนะค้า


Zephyr 6 ต.ค. 2557, 16:28:41 น.
โห่ยยยย เค้าไม่เดาละ เพลีย
เดาไม่ถูก ฮี่ๆๆๆๆ
เป็น fc เชียร์เงียบๆดีกว่า อิออ
ปมเยอะ คนแยะ คู่มากมาย หลากคนรู้จัก
มึนนนนน ค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account