วังวนวารี [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
คนหนึ่งอบอุ่นอ่อนโยน คนหนึ่งห่ามห้าว ใจร้อน แตกต่างกันราวกับน้ำพุร้อนเดือดพล่านและสายฝนฉ่ำเย็น หากสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเหมือนกัน คือเขาต่างมีใจให้เธอ แล้วเธอล่ะ จะมอบใจรักเพื่อใคร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๘ (แก้ไขเพิ่มเติม จบตอน)

วันนี้ น้ำหนึ่งเลือกเสื้อกล้ามสีขาวมาสวม ทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีบานเย็น โดยไม่ติดกระดุม และรวบชายเสื้อผูกไว้ตรงเอวคอด ดีว่าติดกางเกงยีนขาสั้นมาด้วย ถึงแม้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ลงดำน้ำ แต่กางเกงขาสั้นให้ความคล่องตัวและเหมาะกับทะเลมากกว่ากางเกงยีนขาเดฟขาดๆที่สวมอยู่เป็นประจำมากนัก

เมื่อทุกคนพร้อม ริชาร์ดก็พาออกเดินทางตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ต้นไม้เขียวสดสองข้างทางเสริมส่งให้บรรยากาศเช้านี้สดชื่น เส้นทางลดเลี้ยววกวนไต่ลงสู่พื้นราบ ตอนขับรถมา น้ำหนึ่งต้องใช้สมาธิมากเป็นพิเศษ ด้วยเส้นทางค่อนข้างชันและคดโค้งอย่างน่าหวาดเสียว จึงไม่มีโอกาสสำรวจรายละเอียดระหว่างทาง ตอนนี้ริชาร์ดเป็นคนขับโดยมีวิไลวรรณอยู่เคียงข้าง ส่วนเธอนั่งอยู่ตอนหลังคู่กับวาริ จึงสามารถชมทิวทัศน์ข้างทางได้อย่างสบายอารมณ์ อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงวิไลวรรณร้องวี้ดว้ายเป็นระยะเพราะหนทางฉวัดเฉวียน

“แหม ถนนตรงนี้มันชันน่ากลัว แถมโค้งหักศอก ถ้าหลุดโค้งนั่นก็ร่วงลงเหวเหลวเละแน่” หล่อนเอ่ยด้วยความหวาดเสียว “หนูเพชร
ไม่กลัวบ้างเหรอ นั่งอมยิ้มเงียบเชียว”

“ชอบค่ะ ตื่นเต้นดี” น้ำหนึ่งตอบตรง

“แม่ละหัวใจจะวาย” หล่อนยกมือทาบอก

เมื่อมาถึงแหล่งท่องเที่ยวซึ่งคลาคล่ำไปด้วยโรงแรมที่พัก ริชาร์ดพาทุกคนไปทานมื้อแรกของวันจากร้านเลื่องชื่อในย่านนั้น เมื่ออิ่มหนำก็พาลงเรือเช่าเหมาลำไปดำน้ำดูปะการัง เรือแล่นสู่ทะเลสีครามทิ้งริ้วคลื่นขาวพร่างพรายฟองฟูเป็นแนวยาวตามหลัง โชคดีช่วงนี้ไม่มีมรสุม นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางไปดำน้ำยังจุดต่างๆได้ตามปกติ

การดำน้ำเป็นเรื่องอยู่นอกแผน น้ำหนึ่งไม่ได้ตระเตรียมความพร้อมมา จึงขอรออยู่บนเรือกับหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านและสวนหย่อมที่ซื้อติดมือมาตอนแวะกินมื้อเช้า

“จะไม่เปลี่ยนใจจริงๆหรือสาวน้อย” ริชาร์ดถาม

“นั่นสิ อยู่บนเรือคนเดียว เหงาแย่” วิไลวรรณเออออ

น้ำหนึ่งยกมือที่ถือหนังสือขึ้นให้ทุกคนดู กำลังจะบอกว่าเธอมีสิ่งนี้เป็นเพื่อนแก้เหงาแล้ว แต่ยังช้าเกินไป

“เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนเพชรเองครับ รับรอง ไม่เหงาแน่”

“ไม่เป็นไร เราอยู่คนเดียวได้” หญิงสาวลนลานปฏิเสธ

“ไม่ได้” ชายหนุ่มทำเสียงเคร่ง “เธอเพิ่งหายป่วยมานะ อยู่คนเดียว เกิดหน้ามืดวูบหัวทิ่มลงทะเลตายไป ใครจะรับผิดชอบไหว แล้วฉันก็ไม่นึกอยากดำน้ำด้วย”

ฟังเหตุผลที่เขาหยิบยกมาอ้างแล้ว ทั้งริชาร์ดและวิไลวรรณก็เห็นพ้องต้องกันว่าน้ำหนึ่งควรมีคนอยู่เป็นเพื่อน

“งั้นว่านอยู่ดูแลหนูเพชรนะ ใกล้ถึงจุดดำน้ำแล้ว แม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“นั่นสิ ให้คุณว่านอยู่เป็นเพื่อนเธอดีแล้วสาวน้อย เขาน่าสนใจกว่าหนังสือเล่มนั้นตั้งเยอะ” ริชาร์ดบอกยิ้มๆ

ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในร่างของวาริ เผด็จเพิ่งชอบใจคำพูดริชาร์ดวันนี้เอง เขายิ้มกว้างยอมรับคำพูดนั้นโดยไม่คิดโต้แย้ง เงาสะท้อนจากแว่นกันแดดของน้ำหนึ่ง เผด็จพบตนเองกำลังยิ้ม ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา จนลักยิ้มสองข้างกดเป็นรอยบุ๋ม

หากริชาร์ดไม่เริ่มถอดเสื้อเชิ้ตสีสดใสอวดแผงอกเนียนแน่นด้วยกล้ามเนื้อ เผด็จคงยังไม่ถอนสายตาจากน้ำหนึ่งง่ายๆ ดวงตาสีนิลจับจ้องเรือนร่างหนุ่มลูกครึ่งด้วยความทึ่งแกมฉงนใจ รอยสักรูปไม้กางเขนสลักเสลาลวดลายงดงามพาดพันด้วยเถากุหลาบอ่อนช้อยบนต้นแขนซ้ายตรึงสายตาเผด็จไว้นิ่งนาน ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามากระทบใจไม่ต่างจากระลอกคลื่นในทะเลที่ซัดสาดหาดทรายครั้งแล้วครั้งเล่า

เผด็จไม่เพียงเคยเห็นรอยสักนี้ แต่เขาเคยสลักภาพนี้ไว้บนต้นแขนในตำแหน่งเดียวกัน!

ครั้นความประหลาดใจค่อยทุเลาเบาบาง สายตาก็เลื่อนตามมือขาวที่ขยับปลดตะขอกางเกงรูดซิปลงไปจนสุด ครั้นถอดกางเกงขาสั้นแค่เข่าออกไป กายเพรียวแน่นตึงด้วยกล้ามเนื้อก็มีเพียงกางเกงว่ายน้ำสีน้ำเงินเข้มขลิบดำปกปิดเรือนกายอันเปี่ยมด้วยพลังแห่งบุรุษเพศ

“ริชาร์ด ทากันแดดให้หน่อยสิคะ ด้านหลังทาไม่ถึง”

เสียงสดใสของวิไลวรรณดังมาจากด้านหัวเรือ เป็นจังหวะที่ริชาร์ดเงยหน้ามาสบตาเขาเข้าพอดี คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากบางเฉียบสีสดพลันเม้มแน่น

“ผมมีอะไรผิดปกติหรือคุณว่าน ทำไมถึงจ้องผมแบบนั้น”

เผด็จได้สติ ถอนสายตาจากริชาร์ดด้วยการมองไปอีกทาง และพบดวงตากลมโตจ้องเขาเป๋งเช่นกัน ในดวงตาคู่นั้นบ่งบอกจนหมดสิ้นว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่

“ไม่นะ...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด” เผด็จรีบปฏิเสธ พลางก้าวเข้าไปหาพร้อมอธิบาย

น้ำหนึ่งก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ สายตาของเธอบอกว่าไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ตกใจและเสียขวัญ...มากด้วย

“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ” วิไลวรรณถามแล้วก็หันไปสนใจริชาร์ด ไม่ต้องการคำตอบแต่อย่างใด หล่อนคงใจร้อนไม่อยากรอ เลยถือขวดกันแดดมาหาคนช่วยเสียเอง

ตอนนี้วิไลวรรณอยู่ในชุดว่ายน้ำลายขวางสีสดอวดรูปร่างสมส่วน ด้านหลังคว้านลึกเผยแผ่นหลังขาวเนียน

“ช่วยทากันแดดให้หน่อย” พร้อมกับพูด หล่อนส่งขวดครีมกันแดดให้

ริชาร์ดรับไว้ “ไปตรงโน้นดีกว่า” ปากเอ่ยกับวิไลวรรณ แต่ตามองเผด็จอย่างระแวงระวัง

คล้อยหลังคนทั้งสอง เผด็จก็หันมาหาน้ำหนึ่ง ความเข้าใจผิดๆยังคงติดตรึงในดวงตาคู่สวยไม่คลาย

“ฉันเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่ได้เป็นเก้งกวางแบบที่เธอเข้าใจนะ” พูดพลางขยับเข้าใกล้

น้ำหนึ่งก้าวถอยหลังพร้อมโต้กลับ “ผู้ชายอะไรจ้องผู้ชายด้วยกันจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ตอนถอดเสื้อก็ไม่เท่าไหร่ อีตอนถอดกางเกงนี่ตะลึงงัน โอ๊ย...อย่าบอกนะว่าเป๊กกี้เลิกกับเธอเพราะเรื่องนี้” คนพูดกุมขมับ ท่าทางสับสนและยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้

“ตกลงว่าจะไม่เชื่อจริงๆใช่ไหม” เผด็จหงุดหงิด อยากจับไหล่บอบบางนั่นเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนยิ่งนัก

หญิงสาวส่ายหน้าหวือ ครั้นเขาขยับเข้าไปหวังทำอย่างที่ใจคิด น้ำหนึ่งก็ถอยร่นไปจนมุมตรงที่นั่งโดยสารและแหมะก้นลงทันทีที่เขาขยับเข้าไปชิด สองมือถือหนังสือยกขึ้นกางกั้นระหว่างเขากับเธอ

“ถ้าไม่เชื่อ...” เผด็จค้อมกายลง มือสองข้างเท้าลงบนพนักเก้าอี้นั่ง กักกันเธอไว้ในเขตอ้อมแขน คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมอง แววตาตระหนกระคนขุ่นเคือง “จะพิสูจน์ให้ดู”

พูดจบ เผด็จก็เยี่ยมหน้าลงไปใกล้ สายตาจับนิ่งอยู่บนริมฝีปากอิ่มที่บัดนี้เม้มแน่น

ชายหนุ่มยังไม่ทันทำอย่างที่ใจคิด น้ำหนึ่งก็งอเข่าขึ้นพร้อมออกแรงถีบส่งมาตรงตำแหน่งหว่างขาพอดี คราวนี้เผด็จระวังอยู่แล้ว จึงโก่งตัวหนีได้ทัน

“ผู้หญิงอะไรทะลึ่งจริงๆ วนเวียนอยู่แถวๆเป้ากางเกงฉันนี่แหละ” เขาแสร้งโวยวาย

คนถูกกล่าวหาตาพองวาววับ “แล้วเธอเป็นหมาหรือไง จ้องจะเลียปากอยู่เรื่อย”

ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นั่งติดกัน “สิ่งที่ฉันจะทำ...มันหนักหน่วงและซาบซ่านกว่าการเลียเยอะ เพราะฉันไม่ใช่หมา ไม่เชื่อก็พิสูจน์ได้ โอ๊ย...” เผด็จหน้าหัน เหมือนมีหมัดหนักๆกระแทกลงบนแก้ม

“จะมาลูกเล่นอะไรอีกล่ะ”

คำถามนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำหนึ่งไม่ได้ทำ หากน้ำหนึ่งไม่ได้ทำ แล้วใครทำกันล่ะ หลายครั้งแล้วนะที่เขาถูกทำร้ายโดยใครก็ไม่รู้ มองไม่เห็นตัว ตั้งแต่ที่ฮวงซุ้ยวันก่อนโน่นแล้ว

“เปล่า ไม่มีอะไร ช่างเถอะ” เขาตัดบท

หนุ่มสาวเงียบไปนาน เผด็จทอดสายตามองน้ำหนึ่งซึ่งเวลานี้หันหน้าไปทางหัวเรือ โต้ลมแรงจนลูกผมเส้นเล็กๆซึ่งรอดพ้นจากการถูกมัดรวบเต้นหย็อยๆตรงข้างขมับ เธอไม่เหลือบแลมาทางเขาเลยแม้แต่นิด เหมือนเขาที่จดจ่ออยู่กับเธอโดยไม่มองทางอื่นแม้เพียงน้อย แก้มอิ่มใสเรื่อเลือดฝาดน่าสัมผัส เผด็จข่มใจไม่ทำรุ่มร่ามให้เธอโกรธอีก ได้แต่พิมพ์ผนึกภาพเธอไว้ในใจ ไม่รู้เลยว่าจะมีเวลาอยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้อีกนานแค่ไหน เขาสังหรณ์ว่าเวลาของเขาในร่างวาริใกล้จะหมดแล้ว

เผด็จไม่ได้คิดไปเอง วันนี้เขากระสากลิ่นไม่ดี เป็นกลิ่นของอันตราย เขาอาจมีเวลาอีกไม่นาน แต่ตราบใดที่วิญญาณเขายังไม่ปลิดปลิวจากร่างวาริ หน่วยล่าวิญญาณก็ทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างมากก็ทำได้แค่บันดาลให้เกิดเหตุร้ายเพื่อฉุดคร่าวิญญาณจากร่าง แต่ขออย่าให้เป็นช่วงวันเวลาดีๆอย่างนี้เลย ยังมีผู้บริสุทธิ์หลายชีวิตอยู่รายรอบตัวเขา เผด็จไม่อยากให้ใครพลอยได้รับเคราะห์จากความผิดที่เขาก่อไว้ และเขาจะรีบใช้เวลาที่เหลือทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง กอบกู้ภาพลักษณ์ในสายตาน้ำหนึ่งให้พ้นจากคำว่าไอ้ฆาตกรหื่นใจโฉดก็พอ

กลับไปคราวนี้ เขาต้องลากคอชรัณมาเค้นความจริงให้ได้ ว่ามันวางยาเขาเพื่ออะไร มันทำให้ชีวิตเขาแปดเปื้อนรอยบาป แค่มีชีวิตอยู่ก็ยากแล้ว มันยังฆ่าเขาให้ตายดับจนวิญญาณตกนรกหมกไหม้ ทรมาทรกรรมแสนสาหัส ในขณะที่มันเสวยสุขอยู่นอกคุก มีอิสระไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจ

สิ่งที่มันทำกับเขา มันจะต้องชดใช้อย่างสาสม ถึงอย่างไรเขาก็ต้องตกนรกหมกไหม้อยู่แล้ว ลากมันลงไปด้วยอีกคนจะเป็นไรไป
หากคำที่ว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนองเป็นเรื่องจริง เขานี่แหละเจ้ากรรมนายเวรของไอ้ชรัณ!




เมื่อถึงจุดชมปะการังน้ำตื้น เรือจอดทอดสมอกลางผืนน้ำสีครามใส วิไลวรรณกับริชาร์ดควงคู่หนุงหนิงลงไปดื่มด่ำความงามใต้ทะเล วาริยังปักหลักมั่นอยู่ข้างน้ำหนึ่ง แม้ริชาร์ดจะบอกว่าเขาน่าสนใจกว่าหนังสือในมือ แต่น้ำหนึ่งก็อยากอ่านหนังสือมากกว่าอ่านความคิดและการกระทำของชายหนุ่มผู้นั่งเคียงข้าง ที่ว่าจะมาร่วมทริปด้วยเพื่อช่วยฟื้นฟูความทรงจำนั้น เอาเข้าจริงก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดูท่าทางวาริไม่เห็นอยากจดจำอะไร เหมือนเขาพอใจในตัวตนปัจจุบันจนไม่อยากรื้อฟื้นอดีตที่ผ่านมา

ก้มหน้าอยู่กับหนังสือครู่ใหญ่ จึงเงยขึ้นเพื่อพักสายตา มันพร่าจนน่ารำคาญ เพราะพลังพิเศษนั่นแท้ๆ น้ำหนึ่งพยายามไม่ใช้มันกับใครเพราะหวั่นผลกระทบที่จะตามมา จนป่านนี้ เธอยังไม่รู้ว่าบ้านปรารถนายัดเยียดสิ่งพิเศษบ้าบอนี่มาให้เธอเพื่ออะไรกัน เพื่อให้สมปรารถนาอย่างนั้นเหรอ เฮอะ ตอนนี้เธออยากให้พลังพิเศษนี้หายไป และไม่ต้องมองเห็นภูตผีอีก บ้านปรารถนาช่วยเธอได้ไหม

“ปะการังสวยมากเลยว่าน” เสียงตื่นเต้นของวิไลวรรณดังนำมาก่อนเจ้าตัวจะเดินมาถึง “ปลาเล็กปลาน้อยน่ารักเต็มไปหมดเลย”
น้ำหนึ่งเลิกครุ่นคิด เงยหน้ามองร่างสมส่วนชวนมอง ผมสั้นเปียกลู่ เครื่องสำอางชนิดกันน้ำช่วยให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยนั้นสดใสยิ่งขึ้น

“หนูเพชรไม่ลงดำน้ำจริงๆเหรอ น่าเสียดายออก มาถึงทั้งที”

“ไว้คราวหน้าดีกว่าค่ะ คงต้องมาอีกหลายครั้ง จนกว่าจะเสร็จเรื่องบ้านคุณริชาร์ด”

“ธรรมชาติแย่ลงทุกวัน คราวหน้าอาจไม่สวยเหมือนวันนี้” สาวใหญ่หุ่นพริ้งหว่านล้อม

น้ำหนึ่งขี้เกียจปฏิเสธ เธอไม่ชอบการพูดเรื่องเดิมซ้ำๆจึงเฉยเสีย วิไลวรรณจึงหันไปชักชวนบุตรชายแทน

“ว่านล่ะ ไม่ลงน้ำเหรอ ลงไปอยู่เป็นเพื่อนริชาร์ดหน่อยสิ แม่หนาวแล้ว จู่ๆแดดก็วูบหายไป ลมแรงคลื่นแรงด้วย ปวดตัวไปหมด
ชวนริชาร์ดขึ้นมาพักบนเรือก่อนก็ไม่ยอม แม่เลยขึ้นมาคนเดียว”

น้ำหนึ่งแหงนหน้ามองเบื้องบน เมฆสีเทาทึมเกลื่อนกระจายทั่วฟ้า บดบังแสงตะวันจัดจ้าจนขมุกขมัวหม่นหมอง น้ำหนึ่งคิดไปเองหรือเปล่าว่า บรรยากาศมันดูหดหู่อาดูรอย่างไรชอบกล

เธอจำได้แม่นว่าวันที่พิมพ์แพรเสียชีวิต เธอก็รู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ช่วงบ่าย เรียนไม่รู้เรื่องและโทร.บอกพิมพ์แพรว่าหากเลิกกิจกรรมรับน้องในช่วงค่ำจะกลับบ้าน พิมพ์แพรจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแสนเศร้าว่าจะแวะรับกลับบ้านที่โพธาราม น่าจะถึงในอีกไม่เกินชั่วโมง

น้ำหนึ่งโทร.หาตั้งแต่ตอนเดินออกจากมหา’ลัย แต่พิมพ์แพรไม่รับสาย นั่งรอตรงป้ายรถเมล์จนเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง พิมพ์แพรก็ยังไม่มา ระหว่างนั้นเธอก็โทร.หาตลอดจนนึกโมโห คาดโทษไว้ในใจขณะเดินกลับหอพักว่าหากไม่รับสายน้องเพราะมัวจู๋จี๋อยู่กับแฟน เธอจะโกรธจนถึงที่สุดเชียวละ ถ้าหาวิธีง้อไม่ถูกใจ เธอก็ไม่คืนดีด้วยง่ายๆแน่

ใครจะรู้ว่าน้ำหนึ่งไม่มีโอกาสปั้นปึ่งให้พิมพ์แพรง้อเธออีกแล้ว เธอทราบข่าวร้ายในตอนดึกสงัด ชรัณโทร.มาบอกด้วยน้ำเสียงเสียขวัญ เธอเร่งรุดไปโรงพยาบาลทันที ภาพพิมพ์แพรนอนหลับตาอย่างสงบยังตอกตรึงอยู่ในใจ เนื้อตัวบอบช้ำหลายแห่ง น้ำหนึ่ง

รู้...สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้สร้างความบอบช้ำเพียงร่างกาย แต่คงกระทบถึงจิตใจก่อนสิ้นชีวิตด้วย เธอได้แต่ภาวนาให้พิมพ์แพรไปสู่สุขคติ ทั้งที่เมื่อย้อนคิดแล้ว หากเรื่องนี้เกิดกับเธอ วิญญาณคงไม่มีทางสงบแน่ แผลเหวอะหวะที่ชรัณจ้วงแทงเผด็จจนมันตายดับคามือนั่น ยังไม่สาสมแก่ความเคียดแค้นชิงชังของเธอด้วยซ้ำ

ผลการชันสูตรศพบ่งชัดว่าพิมพ์แพรถูกเผด็จข่มขืนจริง แพทย์ตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดคนร้าย แต่ไม่พบสารเสพติดหรือยาชนิดใดอีก น้ำหนึ่งต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะกลับไปส่งข่าวต่อมารดา เธอไม่อยากแจ้งทางโทรศัพท์ ข่าวร้ายขนาดนี้ ต้องบอกใกล้ๆและอยู่ปลอบใจจนถึงที่สุด เธอตัดสินใจเก็บงำความจริงบางอย่างไว้ จนวันนี้ อัญชันก็ยังไม่รู้...

พิมพ์แพรตายทั้งกลม หล่อนท้องได้สองเดือนแล้ว ชรัณยอมรับว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ถ้าไอ้ฆาตกรหื่นใจโหดมันยังมีชีวิตอยู่ละก็ เธอนี่แหละจะเป็นคนแล่เนื้อเถือหนังมันให้ตายดับคามือ
ความคิดแง่ลบทำให้จิตใจเครียดและอ่อนล้า น้ำหนึ่งยุติเรื่องราวในสมองไว้เพียงเท่านั้น ทิ้งหลังพิงพนัก ปิดเปลือกตา ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้กดคลึงหัวคิ้ว

“ริชาร์ดยังอยู่ในน้ำหรือครับ”

น้ำหนึ่งรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามีความกระตือรือร้นแฝงอยู่ในเสียงห้าวทุ้มนั้นด้วย เธอปรือตามอง พบวิไลวรรณพยักหน้า

“งั้นแม่อยู่เป็นเพื่อนเพชร เดี๋ยวผมไปชมทะเลกับริชาร์ดเอง”

“ได้จ้ะ ไม่ต้องห่วง แม่จะดูแลเพชรอย่างดี”

น้ำหนึ่งมองตามร่างสูงเพรียวของวาริ เขาหยิบหน้ากากดำน้ำและสนอร์เกิลตรงไปยังบันไดเล็กที่ทอดลงสู่ผิวน้ำทั้งชุดกางเกงขาสั้นแค่เข่าและเสื้อเชิ้ตสีดำตัดกับลายริ้วสีแดงตรงชายนั่นละ

ลับร่างวาริ สายลมกระโชกมาวูบใหญ่จนเรือโคลง น้ำหนึ่งเบิกตากว้างเมื่อพบสิ่งที่มาพร้อมกับลมวูบนั้น ท้องฟ้าสลัวยิ่งขับเน้นให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น บุรุษเรือนกายสูงใหญ่โปร่งแสงสองนายตระหง่านอยู่บนหัวเรือ ใบหน้าถมึงทึงดุดัน กายท่อนบนเปลือยเปล่าอวดแผงอกกำยำ ผิวสีทองแดงกลมกลืนกับผ้าหยักรั้งที่พวกเขาสวมใส่...บุคลิกน่าเกรงขามแบบนี้ไม่ใช่ผีทะเลแน่ น้ำหนึ่งจำได้ว่าเคยพบทั้งสองท่านนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ในซอยบ้านเธอนั่นเอง

‘มันเคยมาที่นี่ ข้าได้กลิ่นมัน’

‘ป่านนี้คงเตลิดไปถึงไหนๆแล้ว ไม่รอพวกเรามาลากคอหรอก’

ถ้อยคำสนทนาของเขาครั้งก่อนเหมือนว่ากำลังตามหาใครอยู่...ครั้งนี้ก็เช่นกัน

‘ในที่สุดเราก็หามันจนเจอ’ เสียงนั้นมีอำนาจกังวานจนน้ำหนึ่งขนลุก

‘ตอนนี้เราทำอะไรมันไม่ได้’ อีกท่านหนึ่งที่มาด้วยกันเอ่ยเสียงขรึม

‘ก็ทำให้มันได้สิ’

‘มันเป็นหน้าที่ของเจ้า ข้ามีหน้าที่ลากมันกลับไป’

‘คราวนี้ข้าจะเอาให้อยู่หมัด’

‘ระวัง อย่าให้หนักข้อนัก ร่างนั้นยังไม่สิ้นอายุไข เจ้าของเขารออยู่’ ดวงตาผู้พูดจับจ้องมาทางน้ำหนึ่ง

‘ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องมาสั่งสอน’ ผู้มีหน้าที่ดูใจร้อนกว่า

“เพชร...เพชร...หนูเพชร”

น้ำหนึ่งสะดุ้งเมื่อถูกวิไลวรรณเขย่าแขนแรงๆ เธอละสายตาจากบุรุษทั้งสองนายมามองหน้าวิไลวรรณ ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความกังวล

“หนูเพชรเป็นอะไร จู่ๆก็นั่งตาค้าง เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน”

“เอ่อ...ปละ...เปล่าค่ะ” ปฏิเสธพลางเหลือบมองไปยังหัวเรืออีกครั้ง พบเพียงความว่างเปล่า พวกเขามาหาใครกัน แล้วยามเอ่ยถึง
เจ้าของเดิม เหตุใดต้องมองมาทางเธอด้วยเล่า




เผด็จสวมหน้ากากและคาบสนอร์เกิลก่อนทิ้งตัวลงน้ำ เห็นริชาร์ดดำน้ำอยู่ใกล้ผู้นำทัวร์จากบริษัทที่เช่าเรือ หรือจะพูดให้ถูก คือผู้นำทัวร์ซึ่งเป็นหนุ่มร่างอรชรกิริยากระตุ้งกระติ้งคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆริชาร์ดมากกว่า ก็ออกจะหล่อล่ำขนาดนั้น ย่อมถูกตาถูกใจหญิงแท้หญิงเทียมเป็นธรรมดา ตอนนี้เผด็จรู้แล้วว่าริชาร์ดคือใคร เขาไม่แปลกใจว่าทำไมพ่อหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ถึงจริงใจกับหญิงคราวแม่อย่างวิไลวรรณ เมื่อรู้แน่ชัดอย่างนี้ ก็หมดห่วงว่าวิไลวรรณจะโดนหลอกปอกลอกจนหมดเนื้อหมดตัวอย่างที่เคยกังวล
นานเหลือเกินที่ไม่ได้พบกัน มีเรื่องมากมายที่เขาสงสัยใครรู้ หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดใจบอกกล่าว

ชายหนุ่มว่ายน้ำหวังไปรวมกลุ่ม อีกนิดเดียวละ เขาจะได้คุยกันสองต่อสองสักที เชื่อว่าเรื่องที่เขาอยากถาม ริชาร์ดคงไม่อยากบอกใคร

แต่ฉับพลันนั้นเอง ท้องทะเลเกิดปั่นป่วนแปรปรวนอย่างรวดเร็ว คลื่นลูกโตๆโหมกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทางอย่างฉุนเฉียวกราดเกรี้ยว เผด็จไม่มีเวลาตั้งตัว มองไปทางใดพบแต่ความครึ้มคล้ำราวกับตกอยู่ใต้พายุหนัก สองหูอื้ออึงด้วยเสียงสาดซ่า ท่ามกลางทะเลคลั่ง เขาเหมือนมดตัวเล็กจ้อยดำผุดดำว่ายตะเกียกตะกายหาทางรอด...ซึ่งมองไม่เห็นเลยว่ามันอยู่ตรงไหน
แล้วคนอื่นๆล่ะจะเป็นอย่างไร น้ำหนึ่ง วิไลวรรณ ริชาร์ด ทุกคนล้วนเป็นคนที่เขารัก เผด็จพยายามแหวกว่ายฝ่าคลื่นสูงไปยังทิศทางที่คิดว่าเรือทอดสมออยู่ น้ำเค็มทะลักเข้าปากเข้าจมูกไม่รู้กี่ครั้งคราวจนแสบไปหมด ตาลืมไม่ขึ้น คลื่นสูงโบยตีเขาจนกระดูกแทบแหลกเหลว จากจิตตั้งมั่นจะกลับไปหาคนที่ตนรัก กลายเป็นว่ายสะเปะสะปะไม่รู้ทิศทาง ขอให้มีชีวิตรอดก็พอ

ใช่...วิธีเดียวที่ทำให้สามารถอยู่ต่อ คือรักษาวิญญาณไว้ อย่าให้พลัดหลุดจากร่างเท่านั้น

แต่รอดหรือตาย ใครเล่าเป็นคนกำหนด คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวตอนสติใกล้เลือนดับ เท้าทั้งสองปวดจี๊ดและแข็งขึงขยับไม่ได้ กระแสน้ำเบื้องล่างกำลังม้วนตัวดูดกลืนร่างบอบช้ำให้ดำดิ่ง ยิ่งเขาพยายามต่อสู้ขัดขืน แรงนั้นยิ่งเพิ่มทวี ยื้อยุดกันอยู่เช่นนั้น จนสุดท้ายคล้ายฝ่ายตรงข้ามโกรธเกรี้ยวถึงที่สุด จึงออกแรงกระชากวูบเดียว เผด็จจมพรวดลงใต้ผิวน้ำ หมดสิ้นหนทางต่อสู้

ก่อนหมดสติ หูแว่วยินเสียงสนทนาเบาแผ่ว คล้ายแว่วมาจากแดนไกล

‘พอก่อน หนักไปแล้ว ร่างนี้จะเสียหายจนไม่อาจเยียวยาได้’

‘มันอดทนยิ่งนัก ข้าอยากจับมันหักคอให้ตาย’

‘อย่านะ มันผิดกฎ ดูจากรัศมีชาตาในดวงจิตมันแล้ว หม่นหมองเต็มที เราคงไม่ต้องรอนาน’




ทันทีที่ร่างวาริถูกนำขึ้นจากน้ำ เรือลำนั้นมุ่งหน้าสู่ฝั่งทันที ท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนอื่นๆ ริชาร์ดตั้งสติมั่น บีบจมูกร่างที่นอนเปียกปอนหมดสติและหยุดหายใจจนแน่น ประกบเรียวปากบางลงบนริมฝีปากหยักโดยไม่นึกรังเกียจ ออกแรงเป่าลมเข้าปากเป็นจังหวะโดยไม่ย่อท้อ หวังว่านาทีใดนาทีหนึ่ง คนที่เขาให้ความช่วยเหลือจะสามารถหายใจได้เอง

เขารู้ วาริเป็นยอดดวงใจของวิไลวรรณ เช่นเดียวกับที่วิไลวรรณเป็นยอดดวงใจของเขา ไม่มีใครอยากสูญเสียคนรัก เขาจะพยายามเต็มที่ และขอให้มันได้ผล แต่ทำไมเหมือนลมที่เป่าไปจะเข้าปอดไม่เต็มที่เอาเสียเลย

อย่านะคุณว่าน อย่าเพิ่งเป็นอะไร

ริชาร์ดภาวนาในใจขณะจับร่างสูงพลิกนอนคว่ำ เลื่อนฝ่ามือทั้งสองไปยังบริเวณใต้ท้อง และออกแรงยกขึ้นสองสามครั้ง จนน้ำไหลออกทางปาก จึงจับพลิกหงายและเป่าปากต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ตาม ไม่มีเวลาแม้จะเหลือบตามองคนที่ตนรัก รู้เพียงว่าหล่อนทรุดกายอยู่เคียงข้าง และได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบา

และแล้วความพยายามของเขาก็สำเร็จผล วาริกลับมาหายใจเองได้อีกครั้ง นัยน์ตาหรี่ปรือก่อนปิดลงอย่างอ่อนล้า ชีพจรเต้นอ่อนแรง แต่ทุกคนใจชื้นขึ้นมาก ที่เหลือก็เร่งให้เรือถึงฝั่งเร็วๆเท่านั้น

ครั้นเรือจอดเทียบท่า วาริถูกนำขึ้นรถพยาบาลซึ่งน้ำหนึ่งเป็นคนโทร.แจ้งให้มารอรับ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน้ำหนึ่งเองจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้ตัวอีกที เธอก็มานั่งมองหน้าวิไลวรรณและริชาร์ดอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยแล้ว เหลือบตามองคนบนเตียงแล้วรู้สึกสงสาร ทั้งสายออกซิเจน ทั้งสายน้ำเกลือ สายสวนปัสสาวะ ระโยงระยางไปหมด ไม่เห็นเหมือนในละครเลย พอผายปอดฟื้นขึ้นมาได้ก็นอนสวยๆบนเตียงกว้างในห้องส่วนตัว

หมอสั่งให้อยู่ดูอาการสักวันสองวันว่ามีอาการอื่นแทรกซ้อนหรือเปล่า หากแน่ใจว่าปลอดภัยดีก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้

“ริชาร์ด คุณพาหนูเพชรกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องขับรถกลับบ้านอีกตั้งไกล”

“เพชรยังไม่กลับหรอกค่ะ รอว่านออกจากโรงพยาบาลก่อน”

“แต่ยังไงตอนนี้เธอก็ควรกลับบ้านไปพักผ่อนนะสาวน้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอมาเยี่ยมคุณว่านใหม่...อยากได้อะไรไหมวีวี่” ประโยคท้าย ริชาร์ดหันไปถามวิไลวรรณ

“อยากได้คุณมาเป็นกำลังใจ”

น้ำหนึ่งยิ้ม เธอเคยรู้เรื่องราวความรักซึ่งไม่ลงตัวของวิไลวรรณกับวรุตม์ และทราบดีว่าหล่อนคบหาอยู่กับริชาร์ดในช่วงนี้ เธอก็เหมือนคนอื่นๆ คิดว่าวิไลวรรณรักง่ายหน่ายเร็วและไม่จริงจังกับใคร แต่แววตายามทั้งคู่มองสบกัน คำพูดที่ได้ยินบ่งบอกชัด คนคู่นี้ต้องการกันและกัน การที่ริชาร์ดพยายามกอบกู้ลมหายใจของวาริคืนกลับมาหลังจากจมน้ำ คงทำให้วิไลวรรณมั่นใจได้ว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อวรุตม์ยังคงอยู่ในฐานะสามี และดูท่าทีแล้วคงไม่มีวันหย่าขาดจากกันได้ง่ายๆ เพราะหากจะหย่าจริงๆคงทำไปนานแล้ว

เธอเองก็ไม่เข้าใจว่า หากไม่ซื่อสัตย์ต่อกันเสียแล้ว จะอยู่กันต่อไปเพื่ออะไร และนึกไม่ออกเลยว่าความรักของริชาร์ดกับวิไลวรรณจะลงเอยเช่นไร




เผด็จพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองคืน จนแพทย์มั่นใจว่าไม่มีอาการใดๆแทรกซ้อน จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่กำชับนักหนาว่าถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที

จนบัดนี้ ชายหนุ่มยังไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเห็นกับตานี่นาว่าคลื่นน้ำเกิดปั่นป่วนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนเขาไม่อาจทัดทานได้ แต่สิ่งที่ทุกคนบอกเขาเป็นเสียงเดียวกันคือ

‘ว่านว่ายน้ำสะเปะสะปะออกห่างจากเรือเรื่อยๆ แล้วจู่ๆก็หมดแรงจมไป ดีว่าริชาร์ดช่วยขึ้นมาได้ทัน ไม่งั้นแม่คง...’ เสียงวิไลวรรณถูกกลืนหายไปในลำคอ น้ำตาเอ่อท้น ดูเสียขวัญยิ่งกว่าตอนลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียอีก หรือเผด็จฟื้นมาพบตอนที่หล่อนคลายความโศกเศร้าแล้วก็ไม่รู้

เรื่องราวที่รับรู้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่เขาประสบลิบลับ เขาไม่ได้อัพยา ไม่ได้กินเหล้า จะได้หลอนและคิดไปเอง แต่เขาลงน้ำตอนสติดีครบถ้วน และมั่นใจในสิ่งที่ตนพบเจอด้วย รู้อย่างนี้แล้วเผด็จก็สำเหนียกถึงอันตรายที่ตามติดมาประชิดตัว
‘พอก่อน หนักไปแล้ว ร่างนี้จะเสียหายจนไม่อาจเยียวยาได้’

‘มันอดทนยิ่งนัก ข้าอยากจับมันหักคอให้ตาย’

‘อย่านะ มันผิดกฎ ดูจากรัศมีชาตาในดวงจิตมันแล้ว หม่นหมองเต็มที เราคงไม่ต้องรอนาน’

ถ้อยสนทนาที่เผด็จได้ยินก่อนหมดสติ ยืนยันชัดว่า หน่วยล่าวิญญาณได้ตามถึงตัวเขาแล้ว จากนี้ไปเขาคงต้องระวังตัว เขายังไม่พร้อมจะไปในเวลานี้ จนกว่าจะได้สะสางความรักความแค้นให้หมดจดจากใจเสียก่อน ชายหนุ่มเข้าใจแล้ว ‘นอนตายตาไม่หลับ’ เป็นเยี่ยงไร

สองวันสองคืนที่เขาอยู่โรงพยาบาล น้ำหนึ่งและริชาร์ดต่างมาปักหลักอยู่เป็นเพื่อนวิไลวรรณ น้ำหนึ่งหอบโน้ตบุ๊กมาทำงานด้วย ริชาร์ดดูมีความสุขที่ได้ออกความเห็นและมีส่วนร่วมในการออกแบบ เธอไม่ค่อยได้คุยกับเขาเท่าไรนัก เพราะเขาเองก็อ่อนเพลียและหลับเสียเป็นส่วนใหญ่ กายหลับเพราะอ่อนแอและต้องการฟื้นฟู แต่จิตไม่หลับและฝันเป็นตุเป็นตะไม่เคยสงบนิ่ง
ล่าสุดเขาฝันว่าติดตามไปแก้แค้นชรัณ แต่ถูกแผดเผาด้วยเพลิงร้อนแรงจนร่างเจียนแตกดับ เจ็บปวดทรมานจนไม่อาจบรรยายได้ ทำได้เพียงดิ้นเร่าๆและกรีดร้องโหยหวนไม่ต่างจากสัตว์นรกยามรับการลงทัณฑ์

เขาคงไม่หลุดพ้นจากความทรมานน่าหวาดกลัว หากไม่มีมือนุ่มๆมาเขย่าปลุก

“คุณว่าน...คุณว่าน”

เผด็จไม่รู้ว่ามือใคร รู้แต่ว่าผวาเฮือกและโผเข้าหาใครคนนั้น โอบกอดไว้แนบแน่นเพื่อรั้งไว้เป็นหลักยึดเหนี่ยวยามอ่อนแอขลาดกลัว รับรู้ได้ว่าร่างนั้นแข็งขึง ขัดขืนฝืนตัวจากการกอดรัด เขายอมปล่อยเมื่อได้สติระลึกรู้ว่าสิ่งที่ตนประสบพบเจอเป็นเพียงความฝัน แต่คงช้าเกินไป...

ดวงตากลมโตของคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาขยายกว้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเห็นภาพความใกล้ชิดระหว่างเขากับ...เผด็จเลื่อนสายตามองร่างสูงของคนที่ตนเพิ่งผละจากอ้อมอก ฉิบหายแล้ว!

ริชาร์ดยืนทำหน้าอิหลักอิเหลื่ออยู่ข้างเตียง เผด็จหันกลับไปมองเจ้าของดวงตาตื่นตระหนกอีกครั้ง เดาได้เลยว่าเธอคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกลจนกู่ไม่กลับ

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ”

พูดได้เพียงเท่านั้น ยังไม่ทันอธิบายอะไร วิไลวรรณก็หอบของกินพะรุงพะรังตามเข้ามา

“ริชาร์ด ฉันซื้อเค้กชาเขียวที่เธอชอบมาฝาก แล้วก็มีชาชัก เจ้านี้อร่อยเข้มข้นมาก นี่ยำหอยนางรมใส่เห็ดสามอย่างบำรุงสุขภาพ...”

วิไลวรรณคงจาระไนจนครบทุกสิ่งที่หิ้วมา หากริชาร์ดไม่กระเซ้าขึ้นว่า

“นี่สองสาวออกไปกินข้าวหรือไปเหมาตลาดกันมาเนี่ย” สีหน้าสีตาคนพูดกลับเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สาวใหญ่หัวเราะก่อนหันมาทางเขา “แม่ว่าจะซื้อผลไม้มาฝากว่าน แต่หนูเพชรเขาเตือนว่าเดี๋ยวนี้ว่านไม่ชอบกินผลไม้แล้ว โดยเฉพาะเงาะ”

“คงจะหันมาชอบกินขนมหวานแทน พวกข้าวเหนียวถั่วดำอะไรแบบนี้” น้ำหนึ่งเอ่ยเป็นประโยคแรกก็เหน็บแนมเขาให้แล้ว
แต่วิไลวรรณซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยดูแปลกใจ “จริงเหรอ ว่านเนี่ยนะชอบขนมหวาน แต่ก่อนไม่เห็นเคยแตะ เอ แม่ก็ลืมไปว่าว่านความจำเสื่อม อะไรที่เคยชอบก็กลับไม่ชอบ อะไรที่ไม่เคยชอบก็กลับมาชอบ”

“ใช่ค่ะ อะไรที่ไม่มีวี่แววว่าจะชอบ ก็กลับมาชอบ” สถาปนิกสาวรับลูกอีกแล้ว ตามองเขาเขม็ง

ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้านิ่งถอนหายใจเฮือก เรื่องราวมันเลยเถิดมาถึงตรงนี้ได้อย่างไรกัน เขาไม่เข้าใจเลย

ในขณะที่เผด็จเครียด ริชาร์ดกลับหัวเราะขบขัน “แต่ฉันไม่ชอบนะสาวน้อย ถั่วดำมันแข็ง เคี้ยวแล้วติดฟัน ไม่อร่อย กินยำหอยนางรมดีกว่า ดีต่อสุขภาพ” พูดแล้วก็หยิบจานไปวางบนโต๊ะเตี้ย เทหอยนางรมยำรวมกับเห็ดสามชนิดใส่จาน นั่งกินหน้าตาเฉย
เอาตัวรอดลอยลำไปคนเดียวเลยนะ เผด็จเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ

ครั้นมีโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง เขาก็พยายามอธิบายว่าเธอกำลังเข้าใจผิด แต่คนหัวรั้นกลับไม่เชื่อ แถมปลอบใจเขาอีก

“สิบปากว่ามันก็ไม่เท่าตาเห็นหรอกว่าน เธอไม่ต้องกลัว ฉันไม่บอกใครให้เธออายหรอก เรื่องแบบนี้ต้องรอเจ้าตัวพูดเอง”

“โธ่เว้ย...” เขาร้องอย่างหงุดหงิด แล้วย้อนกลับไปด้วยความอารมณ์เสีย “สิบตาเห็นมันก็ไม่เท่ามือคลำ จะลองคลำดูไหมล่ะ”

“อย่ามาทะลึ่งนะ” คนถูกท้าชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น จนถึงเวลานี้ น้ำหนึ่งยังมองหน้าเขาไม่สนิทใจ เรื่องราวแต่หนหลังที่ยังต้องทำความเข้าใจก็มีไม่น้อยแล้ว ยังจะมาเพิ่มเรื่องบ้าบอไร้สาระนี่อีก เคยได้ยินมาว่าเวลาจะพิสูจน์ความจริง แต่เวลาของเขางวดเข้ามาทุกขณะ เขาจะมีโอกาสได้เห็นแววตาเข้าอกเข้าใจจากเธอไหม

“ว่าน เตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เดี๋ยวแม่ไปเคลียร์บิลที่ฝ่ายการเงินก่อน อ้าว หนูเพชร ลุกพรวดพราดจะไปไหนล่ะ ไม่อยู่เป็นเพื่อนว่านเหรอ”

“ไปซื้อกาแฟค่ะ รู้สึกง่วงๆ” หญิงสาวตอบคล่อง

เผด็จรู้ เธอไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง คงเบื่อที่เขาพูดเรื่องเดิมซ้ำๆกระมัง เอาเถอะ เบื่อได้เบื่อไป ยังไงเขาก็จะพูด จะอธิบาย จนกว่าเธอจะยอมเข้าใจ

หลังจากสองสาวต่างวัยลับสายตา ริชาร์ดซึ่งออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงก็เลื่อนประตูกระจกก้าวเข้ามา ดวงตาสีฟ้ากระจ่างมองตรงมายังเขา ริมฝีปากแดงเรื่อใต้ไรหนวดเขียวจางจากการโกนใหม่ๆเปิดยิ้ม

“ผมจองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว บินพรุ่งนี้ตอนบ่าย ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณว่าน ที่ทำให้คุณเดือดร้อนมานอนโรงพยาบาลแบบนี้”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้” หากไม่ได้ริชาร์ด ร่างวาริคงแตกดับ วิญญาณของเขาหลุดลอยจากร่างและถูกนำตัวกลับไปรับโทษทัณฑ์ตามวาระกรรมที่ตนก่อไว้

“เพราะคุณเป็นคนที่วีวี่รัก ผมรักวีวี่ ไม่อยากให้เธอเสียใจ ถึงช่วยคุณสุดกำลัง”

“ไม่จริงหรอก ต่อให้ผมเป็นใครที่คุณไม่รู้จัก คุณก็จะช่วยเต็มที่”

ริชาร์ดหัวเราะ “คุณว่านพูดเหมือนรู้จักผมดีอย่างนั้นแหละ เราเจอกันไม่กี่ครั้งเอง”

เผด็จจ้องดวงตาสีฟ้าใสกระจ่างคู่นั้นแน่วนิ่ง เหมือนตนเองถูกดูดดึงหวนกลับไปยังอดีต น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยด้วยความมั่นใจ

“ใช่ ผมรู้จักคุณดี...”


จบตอน

********




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2557, 00:10:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2557, 11:47:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1529





<< บทที่ ๑๗   บทที่ ๑๙ >>
พันธุ์แตงกวา 8 ต.ค. 2557, 06:22:47 น.
คุณผีเผด็จก็เคยมีรอยสักเหมือนริชาร์ดรึ อยู่แก๊งค์โอนิสึกะเหมือนกันหรือเปล่า

แต่แหมบรรยายหุ่นริชาร์ดซะ น้ำหมากเจ้กระเซ็นเลย สงสารเผด็จนะมาอยู่ในร่างคนที่เค้ารักแล้ว เค้ายังไม่รัก พ่อคู๊นนน


อสิตา 8 ต.ค. 2557, 06:55:00 น.
ข้าเป็นนังเพชรน้ำหนึ่งข้าก็ไม่รักอีเผด็จ ข้ารอวาริดีก่า


yimyum 8 ต.ค. 2557, 06:56:50 น.
ว๊ากกกก อะไรเนี่ย เผด็จจจ อย่ามาทำให้หนูคิดว่าคุณเป็นเก้งกวางนะจ๊าาาา ทำม้ายทำไม อีพี่เก้าหนูก็ดันจับคู่กับตังเตแล้วด้วยสิ -_-


ดังปัณณ์ 8 ต.ค. 2557, 09:20:12 น.
ขุ่นพี่ลงแล้วเน็ตกระตุกไปใช่ม้ายยยยยยยยยยยยย ทำไมมั้นสั้นอย่างนี้ ฮือๆๆๆ

เด็จจี้โดนวานี่ตบดังปั๊กข้อหาลวนลามแฟนชาวบ้าน อ่าฮะๆๆ มันต้องมีไรเกี่ยวกับริชาร์ดสิน่า เรื่องไม่ธรรมดาอ่าฮะไม่ธรรมด๊าแหงๆๆ! ฟันเฟิร์ม รอตอนต่อไปนะฮะ


patok 8 ต.ค. 2557, 09:56:54 น.
เหมือนตัดบทแบบแปลกๆ 555+


บุลินทร 8 ต.ค. 2557, 10:25:56 น.
คุณแม่ลงไม่ครบหรือเปล่านั่น เหมือนขาดหายไปนะ


ริญจน์ธร 8 ต.ค. 2557, 10:53:13 น.


ketza 8 ต.ค. 2557, 11:03:03 น.
เผด็จสู้ๆๆๆ อย่าเพิ่งถูกจับได้นะ ซาตานจิเป้นคนดีแล้ว จิงๆน๊าาาา เชื่อเกดซ่าจิ 55555555555555++


goldensun 8 ต.ค. 2557, 11:19:01 น.
ทำไมริชาร์ดสักเหมือนเผด็จล่ะ จะเกี่ยวกับที่เผด็จคุ้นหน้ารึเปล่า หรือริชาร์ดเป็นเจ้าของช่อดอกไม้ที่วางที่สุสาน
วิญญาณว่านแน่เลย ที่ตามดูแลน้ำหนึ่ง พอหึงมีแรงป้องกันทันทีเลยนะ
ยังไม่จบตอนรึเปล่าคะ หรือตกบางคำ


ภาวิน 8 ต.ค. 2557, 11:49:44 น.
แอร๊ายยยยย เพิ่งมาเห็นว่านิยายกุดด้วนอย่างน่าเกลียด ฮึ่มฮั่ม เมื่อคืนลงตอนฝนตก เน็ตกระตุกรัวๆ ลงเสร็จก็นอนแผ่ ผลเลยเป็นอย่างนี้ ใครอ่านยังไม่จบกลับมาอ่าต่อไวๆๆๆนะคะ คอมเม้นท์ยกยอดไปตอบคราวหน้าเลยน้าาาา


Sukhumvit66 8 ต.ค. 2557, 12:25:45 น.
นั่นสิ ไปรู้จักกันได้ยังไง....


หนอนหนังสือ 8 ต.ค. 2557, 17:32:24 น.
ตกลงเผด็จกับริชาร์ดมีความสัมพันธ์กันยังไงแน่ เผด็จโดนเล่นงานขนาดนี้ก็ไม่ยอมออกจากร่างเสียที ดื้อด้านยิ่งนัก แล้วเมื่อไหร่วาริจะได้เข้าร่างเสียทีละเนี่ย


peeno 8 ต.ค. 2557, 20:40:33 น.
ริชาร์ดคงเคยช่วยเหลือเผด็จไว้ใช่ไหมเอ่ย


Barby 9 ต.ค. 2557, 13:59:31 น.
O_0


patok 9 ต.ค. 2557, 15:05:51 น.
ชอบคุณภาวินจังเลยค่ะ ลงนิยาย ย๊าว ยาว อ่านแบบเต็มอิ่ม ฟิน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account