ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๓.๔ ขุมทรัพย์ต้องสาป

คุณภาวิน – ข้ากลายเป็นคนเขียนบู๊ไปแล้วหรือนี่ เหอๆ ฉากบู๊ข้าชอบอ่าน ไม่ค่อยชอบเขียนแต่ก็ต้องเขียนให้ดีอะนะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – 555ปล่อยกระต่ายคืนป่า ไม่เหมือนปลูกไม้คืนป่านะคะ ต้องไปเก็บกลับมาแน่เลย
คุณเกดซ่า – พี่เก้าจะทำไงกะกระต่ายดีนะ ก็ไมได้ใจอ่อนหรอกนะ กระต่ายนิสัยไม่ดี รังแกซะเลยๆๆ แต่อยากเจอแล้ว ไม่รู้ทำไม
คุณยิ้มยิ้ม – ตัวนุ่มตอนนี้กำลังลำบาก จะรักษาตัวรอดไปจนพี่เก้ากลับมาได้ไหมน้า รอดูกัน

คุณเลิฟหมวย – กระต่ายน้อยพลังสู้ชายชุดดำไม่ได้อ่า พี่เก้าเข้าใจเค้าน้า ง้อๆๆ
คุณหนอนน้อย – ถ้านุ่มมาพี่เก้าใจอ่อนแหงเลย แต่ถ้าตัวนุ่มไม่มาล่ะ... จะเป็นไง หึหึ
คุณโกลเด้นซัน – จริงๆดวงไฟที่รวีเห็นเป็นพวกดวงพรายขามุงนะคะ เพราะใต้น้ำกำลังเกิดการยื้อยุดกันของพี่เก้ากับตัวอะไรบางอย่างนั่น ...พี่เก้าเห็นว่าตัวนุ่มไม่อยากให้มาเมืองกาญจน์ก็จริงค่ะ แต่ก็มีวูบที่ย้อนคิดว่านางอาจกำลังแสดงละคร แกล้งไม่อยาก แกล้งห้าม เพราะพี่เก้าก็เป็นพวกชอบถูกท้าทายนะคะ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ

คุณสุขุมวิท 66 – สาวผมหางเป็ดตามมารบกวนใจแม้ในฝัน ทำไงดีๆๆ พี่เก้าจะห้ามใจตัวเองได้ถึงแค่ไหน
คุณใบบัวน่ารัก – นั่นจิคะ กินขนมพี่เก้าไปตั้งเยอะ ไม่ช่วยเลย อิอิ เลี้ยงเสียขนมกระต่ายตัวเน้ คุณใบบัวดูประทับใจขนมนะคะเนี่ย 55
คุณบุลินทร – ฮึ่ม... ชุดวงการบันเทิงแน่ๆ ของติญญาก็มีดาราด้วยนะ ปรารถนาจะเป็นดาว

ใครชอบใจช่วยกดไลค์ให้ด้วยนะคะ หุหุ
---------------------




ชายหนุ่มปรายตากลับไปยังเกาะแก่งที่มองเห็นได้จากตรงนี้
บางสิ่ง...ที่เขาเจอเมื่อคืนกับบางสิ่ง...ที่เขาทิ้งเอาไว้ ยังคงรบกวนหัวใจ
ทั้งเสียงเพรียกแปลกประหลาดคร่ำครวญมาจากที่นั่น
ลงแบบนี้ เห็นทีเขาอาจยังไม่หมดธุระกับมัน!



หลังจากพักนอนและมาตื่นเอาบ่ายคล้อย ขาที่เจ็บรู้สึกดีขึ้นมากเพราะก่อนนอน
เขาทาสมุนไพรสมานแผลนั้นอีกหน นพคุณก้าวลงจากแพ พบว่ากองถ่ายยังดำเนินกา
รทำงานกันต่อไปอย่างแข็งขัน ก็นับว่าดีแล้ว เขาไม่อยากเป็นตัวมาทำลายการทำงานของใคร

จะมีเพิ่มเติมมาก็แต่สายตาสนใจอกสนใจ มีคนมาเอาใจไถ่ถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไร
เขารอดมาอย่างไร และเพราะไม่คิดจะโกหก ชายหนุ่มจึงยิ้มบ้างส่ายหน้าบ้าง
เลือกตอบแต่ส่วนที่อยากตอบจนชาวบ้านคร้านจะไถความจริงยอมล่าถอยไปเอง

เรื่องเกินคาดอีกอย่างที่กำลังนั่งชิมไวน์แกล้มปลาเผากันบนโต๊ะ
บรรยากาศดีริมน้ำ นอกจากกานต์รวี สุวิชา ยังมีเจตน์ สมาชิกในทีมอีกคนเพิ่มมาพร้อมหน้า

“เสียดายนะ ที่ไอ้เอกไม่ได้มา ไม่งั้นก็ครบองค์” ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งเปรยประชด
ยกมือเป็นปางห้ามญาติใส่นายชาที่ยื่นแก้วไวน์ขาวให้...มันเป็นไวน์บรรจุสำเร็จ
ซีลปิดปากแก้วพลาสติกเนื้อดีมีเชิงมองเผินๆแทบจะเหมือนเนื้อแก้วที่แตกได้
พอดึงลอกแผ่นปิดปากออกก็พร้อมตั้งโต๊ะดื่มได้โดยไม่ต้องริน แม้ออกจะดูเต็มล้น
ไปเสียหน่อยเพื่อให้ได้ปริมาณ “นวัตกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่หรือ ขยันคิดกันจริงนะเรื่องแบบนี้”

สุวิชาพยักหน้า “ดูไปก็คล้ายแก้วน้ำดื่มแจกงานศพว่ะ แต่หรู”

“นายชา พูดซะเสียหาย เจตน์เขาอุตส่าห์หิ้วมาฝาก” กานต์รวีเขม่น

“เด็กวัดก็งี้แหละ อย่าถือสาเลย” คนใส่แว่นพึมพำอย่างภาคภูมิ

ไวน์... เรื่องถือศีลนพคุณยังคงจะถือต่อไปตามความตั้งใจ
แม้ว่าคู่สัญญาจะพ้นหน้าเขาไปแล้ว ทว่ายังเหลือสัญญากับตัวเองให้รักษา
แต่ถ้าพวกนี้คิดว่าเขาจะทำงอนประท้วงมานั่งขวางไม่กินไม่ดื่ม นั่นก็คงจะเป็น
การเดาที่ผิดถนัด เพราะนพคุณตั้งอกตั้งใจกินปลาเผา กินเอากินเอาราวกับจะแกล้ง
บางทีเขาอาจเริ่มติดนิสัยตะกละนี้มาจาก... ชายหนุ่มเผลอมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าข้างตัว
ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ใครบางคนที่เขาจะแบ่งป้อนอาหารให้กินด้วยกันทุกมื้อ
ในช่วงตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

การที่เจตน์มาปรากฏตัวหลังจากเขาเองเจอเรื่องเมื่อคืน มันออกจะดู...น่าสงสัย
แต่ก็ต้องคิดให้มากกว่านั้นไปอีกขั้นหรือหลายขั้น ว่าความสงสัยนี้เป็น
สิ่งที่เกิดขึ้นตามสมควร หรือถูกวางไว้ล่วงหน้าตามแผนของใคร


สมัยก่อน เจตน์นั้นถูกชักพามารู้จักคนอื่นๆผ่านกานต์รวี หมอนี่เป็นคนหน้าตาดีแบบไม่โดดเด่น
ไม่ชอบพูดจามากความหรืออ้อมค้อม พูดห้วนขวางหู เน้นเถรตรง ง่าย และได้ผล เช่นกันกับ
ผมเผ้าที่ตัดไถจนเป็นรองทรงอย่างบางเต็มทีเพื่อให้ดูแลง่ายเข้าไว้
บางทีนพคุณซึ่งขี้เกียจเรียกแท็กซี่ก็อาศัยล่อให้นายเจตน์ขับไปส่งที่นั่นที่นี่
โดยอ้างว่าสานภารกิจของกลุ่ม ทั้งที่ก็แค่ไปกินข้าวกับเพื่อน ตอนนั้นเขาถือว่า
การฝึกใช้ลูกล่อลูกชนไม่เว้นแม้แต่กับผู้ร่วมทีมนี่แหละ ถือเป็นการฝึกปรือวิชาโจรและ
สิบแปดมงกุฎอย่างดีตอนนี้เลยชักหวั่นๆว่าอาจมีใครแอบคิดทำอะไรที่ตัวเขาไม่รู้เรื่องบ้างก็เป็นได้

เย็นนั้นมีคิวบู๊ของฝ่ายหญิง งานนี้ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน แต่ทางด้านนางเอก
ที่ยังมือใหม่และไม่ได้ทำการบ้านมาดีพอกลับถูกกานต์รวีฉวยจังหวะแสดงแอคชั่น
ให้ดูเป็นตัวอย่างอย่างมีน้ำใจ พี่ทิมผู้กำกับยังชมเปาะ

“ดูยายรวีของแกสินายเจตน์ ข้ามหน้าข้ามตาคนอื่นอีกแล้ว น้องเนยหน้าเหี่ยวเลย
เดี๋ยวพอพักฉันต้องไปปลอบหน่อยละ สาวน้อยโดนไก่แก่รังแกเอาแบบนี้แย่จริงๆ” สุวิชาแกล้งว่า

นพคุณส่ายหน้าให้กับภารกิจไร้สาระของเพื่อน ก็ดีอย่างที่เจตน์มารับช่วงคอยรับฟัง
ความพูดมากของนายชา ตัวเขาจะได้ปลีกวิเวกมาคิดเรื่องที่ยังคิดไม่ตก


ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้นหลังงานเสร็จ... พี่ทิมผู้กำกับได้ลงทุนถอดเสื้อรำแก้บนด้วยตนเอง
อย่างน่าขัน เพื่อแสดงความขอบคุณที่เจ้าป่าเจ้าเขาพานพคุณกลับคืนมาอย่างปลอดภัย

“ดีนะ พี่แกไม่บนว่ารำแก้ผ้า นี่นุ่งผ้าขาวม้าไว้หน่อยก็ยังดี”
เหล่าลูกน้องที่มองภาพนั้นกระซิบกระซาบอย่างหวั่นเกรง

“ขืนทำแบบนั้นละแย่ เจ้าที่จะยิ่งโกรธซะเปล่าๆ”

หลังจากนั้นชายกลางคนยังจัดรอบกองไฟกระชับมิตรฉลองใหญ่ กึ่งๆปลอบใจ‘น้องเก้า’
ผู้อาจกำลังเสียขวัญ ทั้งที่เขาเองไม่ได้ต้องการให้ปลอบ เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
ว่าเกิดอุบัติเหตุกับตนระหว่างถ่ายทำ เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คนนอกคิด
สิ่งอันตรายร้ายกาจทั้งหลายพุ่งประเด็นมายังเขาโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับคนพวกนี้แม้แต่นิด

ทว่าบรรยากาศบาบีคิวรอบกองไฟนั้นอวลไปด้วยไอแห่งชีวิตที่มารวมกัน
ช่วยขับไล่เงามืด ทั้งประเด็นสนทนาจากปากของพี่ศรผู้ช่วยผู้กำกับที่ค่อนข้าง
เป็นคนเอาจริงก็น่าสนใจจนต้องเงี่ยหูฟัง

“ผมรู้มาจากชาวบ้านที่จ้างมาช่วยตั้งฉาก...เขากระซิบว่าแถวนี้เจ้าที่แรงมาก---”

ใช่สิ แรงจริงๆ นพคุณยกมุมปาก

“นี่ไม่ได้จะขู่ให้กลัวหรอกนะ ไหว้ก็ไหว้แล้ว ถ้าเราทำตัวดีๆก็ไม่น่าจะมีอะไร
เมื่อวานเกิดเรื่องกับเจ้าจ๊อดแล้วก็น้องเก้า อาจไม่ใช่เพราะสองคนนี้ไปทำผิดผี
แต่เป็นพวกเราคนใดคนหนึ่ง จะสนุกอะไรกันก็ขอให้ระวังด้วย”

ระวังแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้นพคุณส่ายหน้าบางเบา ฟังเสียงซุบซิบหึ่งๆ
ถึงเรื่องชายชุดดำที่สวมรอยมาแทนตัวประกอบ เล่นงานเขาตกน้ำแล้วก็หายตัวไปกะทันหัน
อย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางความมืดและชุลมุน พอพูดกันมาถึงตรงนี้ กานต์รวีกับสุวิชา
ที่อยู่ใกล้กันก็เกือบจะกอดกันกลมเป็นก้อนด้วยความหวาดกลัวของกานต์รวีแต่ฝ่ายเดียว
ส่วนสุวิชานั้นทำเนียนช่วยโอ๋ให้อย่างหน้าด้านหน้าทน สุดท้ายฝ่ายหญิงชิงได้สติ
ผลักเพื่อนแว่นกลิ้งหล่นจากเก้าอี้ไปร้องโอดโอยเสียแทน

ถูกรุมล้อมให้อยู่แต่ในวงจนดึก พอหัวถึงหมอนนพคุณก็ชักล้า
บวกกับที่ได้นอนตอนกลางวันยังหลับไม่สนิทดี ชายหนุ่มหมายปล่อยใจเคลิ้มสู่นิทรา
ยื่นนิ้วออกไปข้างกายด้วยความคุ้นชิน แต่แล้วก็ชะงัก ผ่อนลมหายใจ...
ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถูกทิ้งไว้แบบนั้นก็สมควรแล้ว
แต่อันที่จริงฝ่ายนั้นควรตามมาง้อเขาสักหน่อย ทำไมถึงไม่มา
หรือมีอะไรรั้งตัวเอาไว้ไม่ให้มาได้ เช่นกันกับที่ปิดกั้นไม่ให้เธอช่วยเขายามคับขัน

ความคิดทำนองนี้...มันแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเข้าใกล้คำว่าใจอ่อน
สู้ลืมมันซะแล้วหลับตานอนยังจะดีกว่า




สองสามวันถัดมาทุกคนยุ่งกันตัวเป็นระวิง สุวิชาเองขอตัวไป ‘ดูงาน’
หรือเรียกให้ตรงก็คือดูสาวอยู่เป็นช่วงๆ นพคุณเองก็ใช้เวลาส่วนมากใกล้ชิดกับฉาก
ที่ถ่ายกันอยู่ชายหนุ่มมีความรับผิดชอบพอที่จะดูเอาไว้เพื่อสานต่ออารมณ์เตรียมพร้อม
สำหรับยามถึงตาที่เขาเล่น ว่าควรจะแสดงภาษากายแบบไหน ออกจะประณีตเกินหน้าที่ไปบ้าง
แต่ก็อยากจะดูให้รู้ นี่แหละเขา... ใส่ใจในทุกอย่างที่รับปากจะทำ อีกอย่างมันก็เป็นประสบการณ์น่าสนุก

แต่บางส่วนที่หายไปกำลังกระซิบบอก เขาพยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้
เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงบางอย่างที่ระคายใจ นพคุณไม่ยอมรับความคิดนั้น
ยังสนุกกับงานตรงหน้าไปเรื่อยๆ



บ่ายวันที่สามสิบ ขณะเขากับผู้ช่วยผู้กำกับกำลังคุยเรื่องคิวบู๊ซึ่งจะถ่ายกันต่อไปกันอยู่อีกมุม
พลันเสียงเอะอะโวยวายมาจากอีกทิศที่กำลังถ่ายทำ ก่อนรถของคณะที่มาด้วยกัน
จะพุ่งตามกันออกไปหลายคัน โดยทางฟากนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรด้วยซ้ำ
เมื่อเดินตามผู้ช่วยผู้กำกับไปนพคุณจึงเห็นกานต์รวีทำท่าเหมือนตกใจทำอะไรไม่ถูก
แต่จากแววตา เขาใกล้ชิดเธอพอจะอ่านได้ว่านั่นคือความตื่นเต้น ตระหนก ปน‘สนุก’

“น้องเนยผิดคิว ไม่รู้ยังไงพลาดตกลงมาจากแพชั้นสอง! ทั้งที่พี่ทิมดูว่าเซฟดีแล้ว
แขนหักเบี้ยวไปเลย น่ากลัวมากค่า---” ช่างแต่งหน้าผู้บังเอิญเห็นเหตุการณ์
อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษเอ่ยระรัว

“ของแรงจริงเว้ย-- จะตายกันก่อนถ่ายจบไหมเนี่ย” พี่ศรผู้ช่วยผู้กำกับสบถอย่างหัวเสีย

นพคุณเป็นฝ่ายเดินไปโอบไหล่กานต์รวีที่ยังทำทีเหมือนตกใจไม่หาย
พาเดินหลีกความวุ่นวายไปยังแพส่วนตัว ผลักหญิงสาวเข้าไปในห้องของเธอเอง
จ้องตามด้วยตาคมสีน้ำตาลที่ตอนนี้ออกจะฉายแววอันตราย

“ทำอะไรเด็กนั่น?”

“เปล่านี่เก้า รวีไม่ได้ทำสักหน่อย”

“โกหก”

“เอ๊ะ อย่าหาเรื่องนะ!”

คำพูดเชิงแก้ตัว แต่แววตาขำขันนั้นทำให้ยากจะเชื่อว่าไม่ได้กำลังแก้ตัว
“สิ่งที่เธอทำ มันคืออาชญากรรม” ชายหนุ่มเน้นเสียงเบา

กานต์รวียักไหล่ “ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่จะว่านี่คืออาชญากรรมงั้นเหรอ...
พูดยังกับที่ผ่านมาไม่ใช่ เราทุกคนนั่นแหละที่เป็นอาชญากร”

“มันไม่ใช่แบบนี้ ทรัพย์สิน...ไม่ใช่ชีวิต กฎของเราคือไม่ฆ่า ไม่ทำร้ายใคร”
ชายหนุ่มย้ำ “นอกเหนือจากป้องกันตัว” เขามีความรู้สึกกับกฎนี้จริงจังตลอดมา

“แน่ใจหรือ” หญิงสาวเลิกคิ้วยียวน “ไม่ได้ฆ่าให้ตายในทันที...แต่ฆ่ากันทั้งเป็น
รู้ได้ไงว่าคนที่โดนขโมยบางอย่างที่สำคัญไปจะไม่ฆ่าตัวตายทีหลัง เฮอะ
รวีก็แค่...ขโมยโอกาสของเขามาเป็นของเราเพราะอันที่จริงเราต่างหาก
ที่ควรได้ยืนตรงนั้นแต่แรก ผิดยังไง? แล้วคราวนี้ก็ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย รวีลงมือเองคนเดียว”

“เธอนี่มันน่าจะโดนผีที่ผมเลี้ยงไว้หลอกให้จับไข้หัวโกร๋น” ชายหนุ่มว่า

“อย่ามากลบเกลื่อนนะ” หญิงสาวแหว “เก้ายังไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเองเลยนี่!
เรื่องที่รวีบอกว่าขโมยของสำคัญ มันก็เหมือนทำให้ตายทั้งเป็น”

“แค่ไม่มีเงิน แค่เสียของรัก จะอะไรนักหนา ถ้าจะเป็นจะตายนั่นก็เพราะพวกมันอ่อนแอเอง
เลือกทางนั้นเอง” ชายหนุ่มไม่ยอมลดรา

“แค่เหรอ... บางทีผลกระทบจากการปล้นนั่นก็ไปทำลายชีวิตคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
พวกโดนลูกหลงน่ะมีแน่เก้าคงจินตนาการไปไม่ถึง แต่รวีรู้ดี”

“หมายถึงชีวิตใคร? จากงานปล้นครั้งไหน?” ชายหนุ่มเริ่มจะเสียงดัง

“ช่างเถอะ เถียงกันไปก็ไม่จบ เอาเป็นว่าทัศนคติเราเรื่องนี้ไม่ตรงกัน
ตัวเองก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์สะอาด วันนึง ต่อเมื่อผลกรรมมามันเสนอตัว
ทนโท่อยู่ตรงหน้า ถึงวันนั้นเก้าก็จะได้รู้เอง”

ยกนี้เป็นครั้งแรกที่กานต์รวีเป็นฝ่ายไม่ยอมนพคุณ
พูดจบก็หมายสะบัดจากไป ถ้าไม่ถูกขวางไว้จังหน้าอีกครา

“ผู้หญิงที่กัดคู่ต่อสู้อ่อนแอด้วยวิธีสกปรกอย่างเธอ...มันน่าสมเพช รู้ตัวไหม”

ดาราสาวเงื้อมือขึ้น หมายจะตบปากคนตรงหน้าให้สาแก่ใจ
ตวัดมือใส่เขาแล้วแต่พลันถูกดึงแขน บิดกลับจนหน้าเซียว

“อยากจะแขนหักอีกคนหรือไง” นพคุณถามเสียงเรียบ เขาไม่ทำร้ายผู้หญิงก่อน
แต่ก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงทำร้ายเอาตามใจแน่

สงครามดุเดือดคงจะดำเนินไปต่อ ถ้าสุวิชาไม่ถีบประตูพรวดเข้ามาด้วยมาดพระเอกเงินล้าน

“ทำอะไรรวีวะ จะปล้ำเหรอ! ชะช่าไอ้เก้า ทำเป็นหงิม! ที่ไหนได้”

“ห่วงฉันโดนปล้ำดีกว่าไหม” ชายหนุ่มถลึงตา

พูดกันยังไม่ทันจบดี กานต์รวีกลับถูกโยนใส่อ้อมแขนสุวิชาราวกับตุ๊กตาที่ไร้ค่า

“...เชิญแกเถอะไอ้ชา เขาคงยอมนะ ถ้าแกเสนอผลประโยชน์ให้มากพอ”

ทิ้งวาจาบาดใจถึงขีดสุดไว้แค่นั้นชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเลี่ยงออกจากห้อง
กานต์รวีไม่ได้ส่งเสียงกรี๊ดตามอย่างคาด ...รู้จักทบทวนตัวเองเงียบๆบ้างอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน

แต่ตัวเขาเองก็แปดเปื้อนไม่น้อยไปกว่ากันอย่างเธอว่า
ตอนเขาเกิด แม่ตั้งชื่อลูกชายคนเดียวอย่างเขาให้เป็นดั่งทองนพคุณ...
เพื่อให้เติบโตขึ้นมาดีงามไม่มีอื่นใดเจือปน แต่สิ่งดำมืดน่าสะพรึงบางอย่าง
กลับก่อตัวเหมือนภูเขาเมฆ แอบแฝงสั่งสมอยู่ในตัวตนของเขาความเห็นแก่ตัว
อันชั่วร้ายและน่าสมเพช เขาอาจไม่มีสิทธิ์ตำหนิใคร

ทั้งที่การถ่ายทำควรจะหยุดชะงักเพราะเรื่องที่เกิดกับนางเอก...ค่ำนั้น
ด้วยแรงเชียร์ของหมอสุทัศน์บุตรสาวสปอนเซอร์ใหญ่ กานต์รวีกลับได้รับอนุญาต
ให้ลองแสดงแทนในบทของน้องเนยศัตรูหมายเลขหนึ่งของตนจริงๆ คราวนี้หญิงสาว
ไม่ปฏิเสธสักคำแม้ว่าบทหนังจะมีเรื่องผีเรื่องลึกลับมาเกี่ยวข้องอยู่มากก็ตาม
ชีวิตการแสดงของเธอตกต่ำมาถึงขนาดนี้ อาจเพราะในอดีตเคยเลือกมาเกินไป


ผู้กำกับแม้จะมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างทีแรก แต่พอลองถ่ายไปได้หน่อย
ก็เริ่มคล้อยตามฝีมือการแสดงของดาราสาวตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด

“รู้งี้พี่เลือกหนูรวีแต่แรกก็ดี” คนพูดคิดเช่นนั้นจริง ถึงอายุยี่สิบเจ็ดจะถือว่าแก่เกินบท
แต่กานต์รวีก็หน้าตาสวยอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงไปหลายปีอยู่

“ตอนนี้ยังไม่สายฮะพี่ทิม” หมอสุทัศน์เสริม “หมอโคกับโรงพยาบาลที่น้องเข้ารักษามาแล้ว
แขนนั่นไม่ใช่เบาเลย น้องเขาตกจากชั้นสอง เอาศอกลงตรงๆ ต้นแขนรับน้ำหนักกะทันหัน
กระดูกแตกเป็นซี่ฟันฉลาม สาหัสพิลึก คงจะผิดท่าตอนก่อนไปถึงโรงพยาบาลด้วย
เสียดายหมอไม่รู้เลยไม่ได้ติดไปกับรถ ทำให้น้องเขาถูกพยาบาลเบื้องต้นผิดวิธี...”
เสียงคนพูดดูไม่ได้เสียใจมากมายนัก ยิ่งเมื่อยามสบตากานต์รวี“อย่างเก่งต้องเข้าเฝือกหลายเดือน
อาจเป็นปีกว่าจะหาย ยังไงทางนี้คงรอเขากลับมาแสดงไม่ไหวแน่”



กลางคืนเวียนมาอีกครา บนเกาะแก่งบนเขื่อนน้ำ เสียงลมสะพัดผ่านดูเหมือนจะ
ดังผสานไปกับเสียงครวญครางของสิงที่วนเวียนอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ จุดต้องสาป...

ตามปกติแล้วอาถรรพณ์แรงร้ายหลับใหลสงบ จะลืมตาขึ้นมาเพียงนานๆครั้ง
เมื่อมีใครเอื้อมมาใกล้สมบัติ แต่การมาของเหรียญอันเป็นของสำคัญรวมทั้ง
การมาของใครบางคนได้กวนตะกอนอาถรรพณ์ดังกล่าวให้สะลึมสะลือ
ค่อยพลิกฟื้นคืนชีวาอย่างรวดเร็ว

เธอกับเหรียญพระจันทร์ถูกทิ้งไว้ที่นี่หลายคืนมาแล้ว สิ้นไร้เรี่ยวแรงจะจากไป
ด้วยพลังของคืนแรมอันอ่อนแสง วิญญาณยังคงผูกติดแน่นหนาอยู่กับเหรียญไปไหนไกลไม่ได้
ทั้งยังถูกเขาโยนทิ้งจนมาติดในพงไม้ทึบ รอคอยให้เสี้ยวจันทร์ละอองน้อยนิดสาดมาให้พลัง
แต่ก็หาได้เป็นเช่นที่รอ

ดวงจิต หรือวิญญาณของหญิงสาวให้หวาดกลัวนักกับบรรยากาศรายล้อม
เดิมทีเธอก็เป็นคนกลัวง่าย ฝืนทำเก่งทำใจแข็ง ทั้งที่แท้จริงแล้วกลัวไปทุกสิ่ง...
แต่ตอนนี้ในความกลัวยังมีความเศร้าเสียใจอยู่ด้วย เขาทอดทิ้งเธอแล้ว
ตัดขาดกันง่ายๆ หรือไม่เคยมีเยื่อใยเอ็นดูอยู่เลยตลอดเวลาที่ผ่านมา
แม้เธอจะอยู่ในฐานะที่เขาไม่ควรเชื่อ แต่ก็แอบหวังว่าเขาจะให้ค่าเธอ
มากกว่าการทิ้งเธอไว้ที่นี่โดยไม่มีแม้คำลา

ท่ามกลางสุ้มเสียงน่ากลัวบีบรัดรายล้อม เสียงฝีเท้าหนึ่งใกล้เข้ามา
ใจคนที่ซ่อนอยู่ในเหรียญเต้นกระหน่ำด้วยความยินดี เมื่อเสียงนั้น
ยิ่งใกล้เข้ามาอีก การมองเห็นใต้แสงจันทร์ในทัศนวิสัยอันขุ่นมัวบอกกล่าว
นี่คือคนที่คุ้นเคย คุ้นเคยกว่าที่คิดเสียอีก!

‘เขากำลังมา เขามาแล้ว’ เสียงแหลมเล็กของวิญญาณในลมราตรีกระซิบกระซาบ

‘ใช่ มาแล้ว ระวังตัวกันให้ดีๆ’ อีกเสียงครางแหบผวา ก่อนเผ่นลี้หลบกันว่อบแว่บ
มีแต่เธอคนเดียวที่หนีไม่ได้ ได้แต่แข็งชาอยู่กับที่ ในที่สุด... เขาก็หยิบเธอขึ้นมา

“ดูเหมือนว่าจะถูกโยนทิ้งเร็วกว่าที่คิดนะ ถ้าทำตัวให้มีค่าสำหรับนพคุณไม่ได้
ตัวเธอเองจะต้องเจอกับอะไรคงรู้ตัวไม่ใช่หรือ”

วิญญาณสาวแทบจะหดหัวกลับเข้าไปในเหรียญให้ลึกที่สุด สั่นเทา หวาดหวั่น
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรับฟังคำพูดของเขาอยู่ดี

“พยายามใหม่ให้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องกันผู้หญิงคนนั้นออกไป ผู้หญิงคนที่
มีดวงชะตาสุกสว่างช่วยเสริมชะตามันได้ เธอต้องกันออกไปให้พ้น อย่าให้มาขัดขวางเรา”

เธอจะทำอะไรอื่นได้ เพียงแค่รับฟังวาจากดดันเท่านี้ก็สั่นไปหมดแล้ว
คนผู้นี้มีอำนาจมาก และพร้อมจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมาน
อย่างที่เคยทำมาแล้ว...ไม่รู้กี่คราว

“แล้วก็อย่าให้พลาดอีกเชียวครอบงำ ขโมยวิญญาณมันมาไว้ในมือให้ได้
ก็แค่ยั่วยวนให้มากหน่อย ต่อให้พระอิฐพระปูนแค่ไหน มันก็ยังเป็นผู้ชาย จำคำของฉันไว้ให้ดีๆ”



เช้ามากลับดูเหมือนละครเรื่องนี้จะมีการเปลี่ยนตัวนางเอกอย่างเป็นทางการเสียแล้ว
เมื่อนักข่าวกรูกันมาทำข่าวเอิกเกริก กานต์รวียังปั้นหน้าตกอกตกใจในชะตาของเพื่อนดารา
อย่างน้องเนยไม่หาย
“ช็อกค่ะ! แต่พอมาถึงตรงนี้ พี่ทิมเรียกเรามาแล้ว ด้วยสปิริต...
รวีเองก็ต้องทำหน้าที่แทนน้องเนยให้ดีที่สุด ค่ะ ก็ฝากให้กำลังใจน้องด้วย
ให้หายเจ็บเร็วๆ เมื่อเช้าไปเยี่ยมน้องมาแล้วก่อนเขาย้ายไปโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ
เดี๋ยวเลิกกองคราวนี้ก็ว่าจะไปให้กำลังใจเนยอีกทีค่ะ”

นพคุณนึกขยะแขยงกับความหลอกลวงตรงหน้า แบบนี้มันลวงโลก มารยา...
ไม่ต่างจากที่เจ้ากระต่ายตัวนุ่มบ้าบอนั่นทำกับเขา มนุษย์นั้นวางใจไม่ได้
ตายกลายเป็นผีแล้วก็ยิ่งวางใจไม่ได้คูณสองเข้าไปอีก

ถึงแม้เวลาและค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำจะต้องเกินเลยออกไป แต่ถ้าคนออกเงินไม่มีปัญหา
เรื่องอื่นย่อมจะพอแก้ไขได้ กลางดึกคืนนั้น บรรยากาศของกองถ่ายที่รวนเรค่อยคลายลง
กว่ายามกลางวัน อาจด้วยสายลมเย็นรื่นที่พัดมาเป็นระลอกเหนือเขื่อน กองไฟถูกจุดอีกครั้ง
หลายคนนั่งกินเหล้ากันอยู่ บ้างก็พักผ่อนเล่นกีต้าร์และคุยกันเบาๆ
ทุกคนพยายามทำเหมือนปกติ แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่นัก
หลายสิ่งซึ่งเกินคำอธิบายที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วัน ไม่กลัวก็ยังต้องเกรง

เด็กกองถ่ายบางส่วนที่ปักใจว่าเพราะเจ้าที่แรงจนเกิดเรื่องไม่สิ้นสุด
ถึงกับขอยกเลิกสัญญาแล้วกลับไปก็มี แต่ก็แค่ไม่กี่คน สมัยนี้คนเชื่อในเงิน
ซึ่งจับต้องได้มากกว่าเรื่องอาถรรพณ์พวกนั้น ถึงกลัว...แต่ใครจะยอมตกงานง่ายๆ
ยอมถูกผีหลอกให้จับไข้เสียยังจะดีกว่า

ไฟกองใหญ่... ส่งไอไฟระเหยอบอวลไปทั่วบริเวณ
ใครหลายคนเดินผ่าน ใครหลายคนโยนฟืนเติมลง
หลายคน หลายมือ ตกดึกไฟยังไม่ราลงสักที
ดูราวจะยิ่งแลบเลียสูงขึ้น ก่อเกิดเงาสูงยาวของวัตถุที่อยู่เคียงใกล้
ดูเหมือนเป็นเงาภูตผีกำลังล้อมวงเข้ามาเงียบเชียบ

กานต์รวีจนถึงสุวิชากับเจตน์ไม่อยู่ที่แพ ตั้งแต่มีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนคือเจตน์
ฟูกนอนถูกยกมาเพิ่ม แต่บรรยากาศตึงเครียดตั้งแต่นพคุณมีปากเสียงกับกานต์รวี
นายชาดูจะเป็นตัวช่วยพาฝ่ายนั้นแยกห่างออกไปอย่างได้ผล

...บนระเบียงของแพซึ่งห่างกลุ่มออกมาเกือบจะท้ายๆ นพคุณยืนอยู่ลำพัง
มองออกไปในความสลัวของท้องน้ำ ยังเห็นเงาเกาะแก่งที่เขาแทบจะพะวงถึงมัน
ทั้งยามหลับและตื่น เขายังมีภาระกับสถานที่แห่งนั้น เมื่อไปยืนอยู่ ทำเลนั้นเชื่อมโยง
กับความฝันขาดๆหายๆ ถ้ากลับไปที่นั่นอีกครั้ง ค่อยๆทบทวนความทรงจำ
เขาอาจรู้ว่าควรไปทิศใดต่อ จึงจะถึงที่ตั้งของสุสานพญาดำ

สุสาน จะว่าไปเท่าที่ฟังมันก็ไม่ได้ถูกสร้างเป็นสุสานหรืออะไรแบบนั้น
เพียงแต่เป็นที่ซ่อนทรัพย์สมบัติอันมหาศาล ถูกเปลี่ยนคำขนานนามไปเพราะลือกันว่า
เป็นที่ตายตกฝังชีวิตของพระยาดำ...ทวดของเป็นเอก ดังนั้นจึงตีเอาง่ายๆว่าสถานที่ซึ่ง
พระยาได้ครอบครองในวาระสุดท้ายก็คือที่ของท่าน ของในนั้นก็ควรตกทอดสู่ลูกหลาน
ในตระกูลด้วย คนนามสกุลดำเกิงอดิเรกคิดแบบนั้น แต่ไม่เคยมีใครได้ครอบครองสินทรัพย์
ที่เร้นอยู่ จนเมื่อไม่นานนี้ จากการร่วมมือของหลายฝ่ายรวมทั้งพ่อของเขา
พวกมันหากุญแจทองพบแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจค้นเจอที่ตั้งของ
ประตูบานสำคัญที่หมายจะใช้กุญแจไขเข้าไป

นอกจากธุระเรื่องขุมทรัพย์ เขาก็ไม่มีเรื่องสำคัญใดที่เกาะแก่งนั้นอีก
หรือถึงจะเคยคิดว่ามี เขาก็จะพยายามลืมมันเสียให้สนิท...
แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่อยากจะกวาดตาไปทั่วผืนฟ้า กลัวเจอพระจันทร์แล้วจะใจอ่อนงั้นรึเรา

ความคิดพลันสะดุด จมูกคล้ายได้กลิ่นบางอย่างมาสะกิดจนขนลุก
นพคุณนิ่งฟัง ไม่ได้ยินเสียงอะไร ตาเขาหรี่ลง เปิดจิตรับรู้ให้เบิกกว้าง
กลิ่นนั้นโชยมาจากบนฝั่ง เตือนความจำให้หวนนึกถึงยามตะลุยย่ำป่าช้าเรียนเคล็ดวิชากับครู

ใบสวาด ใบสลอดถูกแล้ว และยังมีลูกกระเบียน ลูกกระเบา
กับสมุนไพรลับหลายอย่าง บดเป็นผง โรยลงในกองไฟนั่งบริกรรมอยู่เหนือลม
หลับได้ทั้งทัพ ตรึงจิตได้ทั้งคน ทั้งผี ...เคล็ดวิชาตรึงไตรภพ

ชายหนุ่มเร่งภาวนาคาถาต้าน ปลุกจิตให้ตื่นคงสติพร้อม คว้าแถบผ้าร่ม
ที่ทำเป็นเข็มขัดมีซองแยกย่อยบรรจุของขลังจำเป็นมาคาดเอวซ่อนไว้ใต้เสื้อ
เตรียมรับศึกใหญ่ก่อนจะก้าวลงจากแพไวราวกับเงา พบว่าบรรยากาศทั้งหมด
เงียบเชียบลงสิ้น... เขาควรจะรู้สิ ดนตรีเงียบวงสนทนาสงัด เดินผ่านที่ใด
ล้วนมีแต่คนซบนอนหลับ เอื้อมลงเขย่ากลับไม่ตื่นขึ้นมาได้สักคน
ชายหนุ่มจุปาก ปล่อยให้หลับไปก่อนแบบนี้อาจจะดีกว่า

ชั่วขณะนั้น เขาหยิบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่ง พึมพำเป่ามนตร์ลงใส่ ปักมันกับดิน
คุกเข่ารอคอย สุดท้ายสิ่งที่หมายอัญเชิญไม่ปรากฏ ดูท่าเจ้าที่ซึ่งว่า‘แรง’
คงไม่ออกมาง่ายดายนัก ไม่ใช่วิชาของเขาไม่ได้ผล ทว่าแม้แต่ผีสางยังหลับใหล
เพราะวิชาอันตรึงได้ถึงชีวิตในสามภพภูมิอย่างว่า

มือขาวได้รูปเอื้อมไปหยิบเอาขวดขนาดเล็กบรรจุน้ำใสสะอาดขึ้นมา
น้ำซึ่งครูฤทธิ์เป็นคนทำและแบ่งให้เขา ...เพียงหยดลงไปใส่กิ่งไม้ที่ตรึง
อยู่กับดินกิ่งนั้น ควันก็ฟู่ขึ้นทันที ก่อนการปรากฏกายของสตรีในชุดไทย
สีใบไม้เรียบง่าย แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ แสดงสีหน้ากึ่งหวาดกลัว
กึ่งโกรธเกรี้ยวอยู่ในทีทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย คล้ายถูกปลุกขึ้นมา
จากการหลับใหลจากมนตราที่โรยลงทับ

“ผมไม่ได้จะรบกวนอะไรมากแค่อยากถาม ว่าใครเป็นคนบุกรุกเข้ามาที่นี่
แล้วก็ทำจนคนในนี้สลบเหมือดกันไปหมด พอจะบอกได้ไหมครับ”
นพคุณเอ่ยอย่างมีมารยาท แต่แววตาที่สื่อออกไปกลับไม่ราแสงคมกล้าแม้แต่น้อย

“เป็น ชายคนหนึ่ง...” ผู้ถูกถามกลั้นใจตอบ

“ผู้ชายชุดดำ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

สตรีที่ถูกอัญเชิญให้ปรากฏพยักหน้าเพียงนิด ก่อนจะเบือนหนีไปทางอื่น

“เขามารอที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่”

“อย่าถามเลยกรรมของคน ผีไม่เกี่ยว...” เสียงกดต่ำบางเบาคล้ายยากนักที่จะ
เปล่งคำพูดออกมา “หากฝ่ายนั้นรู้ว่าทางนี้บอก เรื่องเดือดร้อนมิใช่เบาจะมาถึงตัว”

นพคุณนิ่งงัน พยักหน้าทีหนึ่ง มองอีกฝ่ายเลือนหาย แม้แต่เจ้าที่ที่ว่าแรง
ก็ยังเกรงชายคนนั้น อำนาจของมันดูจะประมาทไม่ได้เอาเลย

ชายหนุ่มหันจาก เบื้องหลังของเขาพญาตะเคียนยังขยับกิ่งก้านสาขาดังซู่ซ่า
คล้ายนารีผู้หวั่นไหวจนเอื้อมมือมาบังพักตร์ ไม่อยากมองภาพใดซึ่งกำลังจะ
บังเกิดต่อจากนี้ไป ...เขาเดินไปหยุดหนิ่ง คุกเข่าลงสำรวจในกองไฟ
วูบนั้นมือหนึ่งแตะหมับเข้ามาจากด้านหลัง
พริบตานพคุณพลิกกายกระชากแขนอีกฝ่ายเสียหลักล้มกลิ้ง กดมีดพกจอเข้าที่คอ



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2557, 00:24:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2557, 00:25:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1556





<< ๓.๓ ขุมทรัพย์ต้องสาป   ๓.๕ ขุมทรัพย์ต้องสาป >>
บุลินทร 26 ก.ย. 2557, 00:29:41 น.
วันนี้มาลงก่อนไปกินข้าวหรือ แต่ไม่ทันบุลินทรนะ ฮ่าๆๆๆ ตอบเมนต์ก็ไม่ทันด้วย


อสิตา 26 ก.ย. 2557, 00:36:03 น.
หิวข้าวววววววววววววววว อุตส่าห์รอลงก่อนไปกิน


บุลินทร 26 ก.ย. 2557, 00:43:07 น.
ไม่ทันแล้วละ ไปนอนก่อนนะ ง่วงมาก


ภาวิน 26 ก.ย. 2557, 04:08:38 น.
ถอดเสื้อรำแก้บนนั้นถูกแล้ว ถ้าถอดผ้าขาวม้าด้วย เรียกรำแก้ทั้งบนทั้งล่าง ๕๕๕ แหม ไอ้พี่เก้า แกกลัวถูกปล้ำรึ ที่ผ่านมาก้แทบจะสมสู่กับนังตัวนุ่มอยู่แล้ว ชริ


ketza 26 ก.ย. 2557, 06:35:34 น.
หวายๆๆๆ ใครแกล้งตัวนุ่ม ตัวนุ่มอย่าหลอกพี่เก้าน๊าาาา


lovemuay 26 ก.ย. 2557, 06:46:36 น.
พี่นพโหดนะคะ กะสาวๆต้องใจดีด้วยสิคะ อิอิ


yimyum 26 ก.ย. 2557, 06:49:18 น.
ไอ้คนที่พี่เก้่จับกดใช่ตัวนุ่มป่าวว้าา


ใบบัวน่ารัก 26 ก.ย. 2557, 06:54:27 น.
เค้าอะจะไปแย่งพี่เก้า เอ้ยย ขนมเจ้าต่ายน้อยกินเอง
กินเก่งกินเท่าไรก็ไรก็ไม่อ้วน บอกความจริงมา ว่าต่ายทำได้อย่างไร
กินแล้วไม่อ้วน
ว่าไปก็น่าสงสารนิถูกทิ้งในที่ๆน่ากลัว ถูกสั่งให้ทำอะไรก็ไม่รู้
เก้าไปเก็บต่ายน้อยมาเถอะ แอบเหงาใช้ม้า พี่เก้า


นักอ่านเหนียวหนึบ 26 ก.ย. 2557, 08:14:36 น.
เหยยยยยยยย คนที่มาแตะหลังพี่เก้าต้องเป็นกลุ่มเพื่อนโจรแน่ๆ อาจจะเป็นเจตน์! ว่าแต่ใครกันนะ ชายชุดดำ ดูทรงอิทธิพลจิงๆ สั่งได้แม้กระทั่งเจ้าที่ที่ว่าแรง เอ่อ นายเก้าก็แรงนี่นะ 555


ดังปัณณ์ 26 ก.ย. 2557, 11:07:21 น.
เอ...หรืออิตาคนนี้จะเป็นอิคนที่จับเป็นเอกไปขัง ไม่น่าใช่พ่อของตัวนุ่มแหละ แอ๊ะ! เดาไม่ถูกแล้ว ว่ายู้วววววววววว ทำไมขุ่นแม่กุเต่ยชี้นำซะขนาดนั้น ชริ!

ตัวนุ่มกลัวมากนะนั่น จะเป็นอะไรรึป่าว แอบหวังเบาๆคนที่มาแตะเป็นตัวนุ่ม ครุคริ


goldensun 26 ก.ย. 2557, 18:42:41 น.
หนุ่มนิรนามที่มาขู่ตัวนุ่ม จะใช่หนุ่มชุดดำที่สู้กับเก้ามั้ยเนี่ย แล้วที่โผล่ฉากสุดท้าย จะเป็นหนุ่มนั่น หรือสาวตัวนุ่มที่โดนส่งกลับมาทำงานต่อกันแน่คะ เก้าไปทำอะไรให้คนแค้นนัก หรือตามที่รวีว่าไว้ ทำโดยไม่รู้ตัว


บุลินทร 26 ก.ย. 2557, 19:13:01 น.
นิยายอสิตาภายนอกดูลึกลับ แต่ซ่อนความมุ้งมิ้งเอาไว้ทุกเรื่อยเลยนะ เริ่มสังเกตละ ฮ่าๆๆ


Zephyr 4 ต.ค. 2557, 20:19:43 น.
ชุดดำนั่น เป็นเอก รึป่าว 555
เก้าก็อาจจะลูกหลานสายยม
มาเจอกันในรุ่น เด็กๆๆๆ
แค้นข้ามภพ ไรงี้ อิอิ
จิ้นบรรเจิดม่ะ มะม้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account