ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต
แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!
ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต
แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!
ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป
Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม
ตอน: ๓.๖ ขุมทรัพย์ต้องสาป(จบ)
คุณผักชีศรี – ไม่เจอกัน(ในนี้) นานเลยนะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านน้า หรือว่าใช้นิยายนี้เป็นจุดพักอู้งาน ก็ยังดีนะคะ...
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – จะเลือกพี่นพหรือนายชาคะ นายชาเห็นแบบนี้ลีลาเด่นนะ ฝึกมาเยอะ... พี่นพยังเป็นทองบริสุทธิ์ทั้งแท่งอยู่เลย เค้าไม่ชินกะผู้หญิงอะ สนใจบุกเบิกหัวใจนายเก้าไหม
คุณภาวิน – นึกถึงชามัลเพราะมันคลุมผ้าเหมือนกัน มาเชิญเจ้าของที่ออกไปเจอเรื่องชั่วๆเหมือนกัน 555
คุณเลิฟหมวย – พี่เก้าจะจับกด จะจูบๆๆ นัวเนียหนุงหนิงจนคุณเลิฟหมวยอ่อนระทวยเป็นกระต่ายนุ่มๆตัวนึงเลยค่ะ
คุณเกดนุ่ม – ตัวนุ่มมารอพี่เก้าที่ท่าน้ำทุกวันเลย อุ้มลูกมาด้วย เย้ย พุงเป็นลูกๆงาย กลมบ๊อก
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – อืมมมม นี่สินะ ที่เค้าว่าหนอนที่โดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งจะเริ่มใช้เหยื่ออ่อยยากขึ้น หนอนที่โดนหลอกมาแล้วหลายๆครั้งจะยิ่งเริ่มเรียนรู้ แต่...ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ เราจิหลอกคุณ!! ให้สำเร็จ วะฮ่าๆ
คุณริญ – พี่มูนกลับมาลงนิยายไวๆ หนีเที่ยวซะหลายวันนิ
คุณยิ้มยิ้ม – พี่เก้ากันเงาดำออกไปละ เหลือต้องชำระความกะตัวนุ่มมมมม ฮึ่ม
คุณใบบัวน่ารัก – อ้อ นางกระต่าย มาเล่นเรื่องนี้เพราะจะเอาค่าตัวไปซื้อขนมของกิน ซื้อเสื้อผ้าสวยงามสวมใส่นี่เอง ความรักล่ะมีไหม พี่เก้าโกรธแระนะ เดี๋ยวปล้ำขนกระจุยเลย
คุณสุขุมวิท 66 – ชายชุดดำ นายยม อืม อาจมีอะไรเกี่ยวข้องกันนะ... ใช่ค่ะชุดดำมีฮู้ด มันฮิบมาก
นพคุณเหยียดตัวสูดหายใจ หมายเดินเข้าสู่เกาะเพื่อดูลาดเลาบางอย่าง
ตอนนี้เขาโกรธจัด โกรธที่โชคชะตาคิดแต่จะชักเชิดเขาไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ
เดี๋ยวจะแสดงให้รู้กันไปข้าง ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเขมือบกลืนคนอย่างเขา
ไม่ว่าช่วงนี้จะตกอยู่ในช่วงมหาเคราะห์มหาภัยห่าเหวอะไรที่ว่า ตีมันให้แตกกระเจิงให้ดู
...ตาคมวาวเคร่งเครียดกราดไปทั่วชายฝั่งแต่แล้วกลับไปหยุดยังโขดหินโขดหนึ่ง
ซึ่งแสงจันทราทองอ่อนทอทอดลงจับ จุดสีขาวกระจิริดเห็นเด่นสะดุดตา
การขยับไหวนิดๆที่คุ้นเคย ราวกับว่าเขากำลังฝันละอองขนพองฟู
สะท้อนรับแสงจันทร์เย็นเยือกกลับดูอบอุ่นอย่างประหลาด
เพียงภาพนี้เท่านั้นที่จี้เอาอารมณ์ทั้งชิงชังทั้งจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาติดหมัด
ทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับเลย!
ก่อนสมองจะทันสั่งการ เท้าก็พาเขาเข้าใกล้เจ้าสิ่งนั้นเข้าไปทุกที
คล้ายเจ้าตัวเองก็เห็นเขาแล้ว ถึงได้ยืดตัวขึ้นมายืนสองขา
สูดดมกลิ่นฟุดฟิด ถึงอย่างนั้นก็ยังดูไม่ต่างจากการเป็นก้อนกลมไปสักกี่มากน้อย
“ไง...” ชายหนุ่มเอ่ยทักเรียบเรื่อยทว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกดดัน
หลังจากหยุดห่างจากกระต่ายตัวร้ายราวห้าก้าว
ตัวตนของสิ่งที่อยู่ในรูปกระต่ายไม่แสดงท่าทีว่าจะอธิบายการกระทำ
ของตัวเองแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ปรากฏตัวด้วยรูปกายที่เจรจากันไม่ได้
ดูเถอะ... ในสถานการณ์แบบนี้ แม่นั่นกลับกลบเกลื่อน
ทำมองเขาราวกับจะค้อน ก่อนเมินหน้าไปแต่งตัว โดยหันกายอ้วนกลมเอี้ยวไปข้างหลัง
ก็แทบจะหันไม่ไหว ทำทีเป็นใจเย็นลูบไล้ขนอุยค่อนข้างยุ่งมอมแมมที่สะโพกตัวเองชับๆๆ
ตบแต่งอุยก้นให้พองเข้ารูป สีขาวนั้นชักจะมองไม่ขาวอย่างเคย สภาพเหมือนไปคลุกฝุ่นที่ไหนมา
...แต่ท่าทางที่แสดงออก ยิ่งดูก็ยิ่งรู้ว่าจงใจให้น่ารักน่าชัง แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย!
นพคุณถึงกับต้องทุ่มเทความเร็วทั้งหมดที่มีในการจับกระต่าย เขาพุ่งพรวดเข้าถึงโขดหิน
แตะโดนแต่ปลายขน เจ้าตัวดีสะดุ้งเด้งหนีทั้งส่งเสียงดังอิ๊ลั่น เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่
ชายหนุ่มตะกายเข้าหาเหมือนหมาป่าไล่เหยื่อ คำรามอย่างสาแก่ใจเมื่ออีกฝ่ายตระหนกสุดขีด
ส่งเสียงราวแตกตื่นหนีตายกับท่าทางอยากจับมาบีบให้แหลกคามือของเขา
“มันเรื่องอะไร!ชีวิตฉันช่วงดูจะสนุกเกินไปหน่อยละนะ...คืนนี้ถูกวางแผนล่อลวงขึ้นเรือมาติดเกาะ
แถมยังต้องมาวิ่งไล่จับกระต่าย ฉันไม่มีอารมณ์ ต้องการคำอธิบายเป็นภาษาคนเดี๋ยวนี้!”
เขายอมให้ตัวเองล้มไถลครูดไปกับพื้นหินระเกะระกะริมฝั่ง เพื่อให้สามารถเอื้อมคว้ากระต่าย
ไว้ได้อยู่หมัด ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้กระแสพลังในตัวเองบังคับให้แม่ตัวร้ายกลับคืนร่างเป็นคนโดยพลัน!
พริบตานั้น...ร่างนุ่มนิ่มหายใจหอบระทวยอยู่ใต้ร่างสูงซึ่งคุกคามกดทับ
สภาพดวงหน้าสวยมอมแมม ทั้งตระหนกและเสียขวัญอย่างที่เมื่อครู่เขาดูไม่ออก
อีกฝ่ายทำท่าจะพลิกหนี ชายหนุ่มจึงคว้าจับยึดข้อมือทั้งสองข้างนั้นไว้
กดแรงแนบกับพื้นหินปนดินจนอีกฝ่ายอุทานเบาๆ
หน้าตาเลอะเทอะเปรอะเป็นรอย ทั้งยังมีรอยกิ่งไม้บาด น้ำตาคลอเบ้า
มองเขาอย่างทั้งเสียใจ น้อยใจ... แต่เขาเองไม่อยากจะเมตตา
สายตาชายหนุ่มคลาดจากแววตาตัดพ้อไปสบกับอุ้งมือน้อยในกำมือตน
พบว่าบนฝ่ามือก็มีแผลที่เลือดหยุดไหลแล้ว ตามแขนขาวผุดผาดมีรอยถลอก
วิญญาณก็แสดงอาการบาดเจ็บออกมาได้จริงจังถึงเพียงนี้
เพราะจิตกำหนดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ฝังใจว่านี่คือแขน นี่คือขา
ความรู้สึกตอนเป็นคนยังติดอยู่แรงกล้า เวลาโดนอะไรก็เจ็บได้เหมือนกัน แม้คนทั่วไป
เข้าใจว่าวิญญาณไม่มีชีวิต แต่กายแม้ไม่ใช่กายเนื้อเมื่อมีจิตคุมก็ถือเป็นชีวิตหนึ่งไม่ต่างกัน
ไล่ลงมา เกาะอกสีทองนั้นตอนนี้ถูกย้อมด้วยโคลนจนออกจะกลายเป็นสีตุ่นๆ
ทั้งยังมีส่วนขาดลุ่ย ชายเสื้อเลิกขึ้นมาเห็นเนื้อขาวๆ เอวคอดแขม่วไหวขึ้นลงแรง
ตามอาการหอบหายใจ ...มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของแม่ตัวดีไปหนึ่งรอบ
สีหน้าดุๆของชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมคลายลง
“ไปโดนอะไรฟัดมาล่ะ ผีสางแถวนี้มันลงแขกเข้าให้หรือไง”
วิญญาณสาวส่ายหน้ารัวๆ กัดริมฝีปาก ค่อยๆหลุบตาลงปล่อยให้น้ำตาหยดเผาะ
ลงสองสาย ก่อนจะพึมพำคำหนึ่ง เบาแสนเบา... “เปล่า แต่ก็โดนไล่ที่อย่างว่า
เขาไม่ต้อนรับ” พูดถึงเท่านั้นก็กะพริบตาถี่ “ฉัน--”
“พูดอะไรไม่ได้ยิน ดังๆซิ!” ชายหนุ่มบีบคั้นด้วยวาจา มือที่จับข้อมือเล็ก
ก็พลอยกำแน่นขึ้น เขาหายใจแรง ก้มลงไปใกล้อีกนิด ถลึงตาจ้องคาดคั้น
“ขอโทษ...”
หัวใจที่ซ่อนอยู่ใต้แผงอกกว้างเต้นไหววูบ ...เฮอะ เขาก็แค่พอใจที่แม่นี่ยอมรับผิด
หญิงสาวนิ่งงัน ตากลมสวยที่เพิ่งช้อนมองเขาแวบหนึ่งเมื่อครู่มาตอนนี้ปิดแน่น
แพขนตาชุ่มน้ำทาบบนแก้มดูสั่นไหวราวกำลังกลั้นสะอื้น นพคุณคลายมือข้างหนึ่ง
ของตนออกจากข้อมือบอบบาง มือเรียวได้รูปที่พวกพ้องเคยให้ความเห็นว่าแสนจะ
ไม่เหมาะกับการจารกรรมโดยสิ้นเชิงของเขาเอื้อมมาแตะแก้มนั้นอย่างเผลอไผล
เมื่อรู้สึกตัวจึงตีเบาๆบนแก้มนวลมอมแมมสองแปะอย่างเรียกสติ
“นี่ คิดว่าแค่ขอโทษจะพอหรือ เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่เคยยอมให้ใครมาเอาเปรียบ
เธอโกหกฉัน รู้นะว่ามีความลับซ่อนอยู่และเธอ...จะต้องชดใช้ที่มาหลอกลวงกัน”
“ฉันกลัวเขา กลัว...” ตัวนุ่มส่ายหน้าไหวๆ แต่ยังไม่พ้นอุ้งมือราวคีมที่เลื่อนมา
กระชับช่วงคางกึ่งลำคอบอบบางอยู่กลายๆ
แม่คนนี้ก็อาจไม่ต่างจากนางตะเคียนเจ้าที่ กลัวลนลานกับอำนาจของชายลึกลับ
“ถ้าเธอเชื่อฟังฉัน อยู่ข้างฉัน ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครฉันก็ไม่ปล่อยให้มาทำร้าย
แต่ถ้าเลือกข้างผิด ผลลัพธ์มันจะเป็นอีกอย่างนึงเลย รับรองว่าเธอต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง
คราวนี้ถ้าทำตัวน่าสงสัย...อีกครั้งเดียว จะไม่แค่ถูกทิ้งไว้บนเกาะผีสิงนี่เท่านั้นหรอก!”
หญิงสาวทำท่าคล้ายพยักหน้านิดหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมสบตา
“ตัวนุ่ม” นพคุณเรียกเสียงหนัก
ทำไมเขาต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย ยิ่งใกล้เข้ามาอีกจนลมหายใจร้อนรุ่มนั่น
อวลอยู่ตรงริมฝีปากเธอนี่แล้ว ห่างกันแค่ไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้เธอไม่กล้า
เขยื้อนไหวอะไรเลย ไม่กล้าแม้แต่ขยับปาก เพราะกลัวริมฝีปากจะสัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ...
คล้ายชายหนุ่มจะรู้ได้ถึงความอึดอัดนั้น เขาขยับผ่อนระยะออกมาหน่อย
เห็นคนในกำมือพึมพำอุบอิบออกมาเบาหวิว น้ำเสียงอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย
ที่กำลังละลายกลายเป็นน้ำตาล
“อือเข้าใจแล้ว”
นพคุณขยับนิ้วโป้งขึ้นมาหน่อย เกือบจะไล้น้ำตาที่ยังติดบนแก้มมอมนั่นให้
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ มองสำรวจเร็วๆอีกรอบร่างอ่อนนุ่มราวกับคนจริงที่เบียดติด
กับร่างเขาอยู่นี่มันออกจะล้ำเส้น ทั้งที่เขาเองเป็นฝ่ายจู่โจม ...ชายหนุ่มนึกโกรธนิดๆ
จึงขยับลุกขึ้น ปรายตามองอีกฝ่ายที่ลุกตามอย่างต้วมเตี้ยมอยู่บ้าง
“แล้ว...ไปโดนอะไรมา”
“ก็... พวกแถวนี้รังแกเอาอย่างว่า หนีเข้าไปในเหรียญได้ แต่ออกมาอีกก็โดนอีก”
เอ่ยพลางสูดจมูก “ช่วยไปเอาเหรียญมาเก็บไว้ที่ตัวหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่าเก้ามา
แต่กว่าจะออกมาหาถึงนี่ได้ก็แทบแย่”
ชายหนุ่มก้มมองฝ่ายที่กระแซะเข้าหาตน กลัวเขา แต่ก็จะขอให้เขาปกป้อง
ทรยศเขากลายๆ แต่ก็จะขออยู่เคียงข้างเรื่องแบบนี้ จะยอมให้แค่เพียงครั้งเดียว
คนอื่นอาจให้โอกาสคนทำผิดสักสองสามครั้ง แต่สำหรับเขาที่โตมาแบบค่อนข้างจะ
แร้นแค้นฝ่าฟัน เชื่อตัวเองก่อนคนอื่น การให้อภัยและให้โอกาสแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ
ความคิดโหดร้ายดำเนินไปต่างๆนานา... ไม่คาดว่ามือเล็กๆที่ไม่มั่นคงนักกลับยื่นมา
เกาะเกี่ยวมือเขาไว้ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ดึงมือพาตัวเกาะแกะก้าวไป
จากริมฝั่งน้ำนั้นโดยไม่พูดไม่จา
ลึกเข้าไปในเกาะ ใกล้ปลักตมรกๆที่ซึ่งเหรียญจมอยู่ ออกจะไกลจากระยะที่
เขาน่าจะเขวี้ยงมันมาถึงอยู่สักหน่อย นพคุณเหลือบมองหน้าคนที่เคียงกันมาแทนคำถาม
อีกฝ่ายรีบตอบฉับไว
“ไม่ได้มาตกตรงนี้หรอก แต่พยายามกลิ้งหนีผีมาได้นิดหนึ่งก็ไหลลงไปในปลัก
เสื้อเลอะโคลนหมดเลย” ว่าแล้วคนห่วงสวยก็ใช้มือบิดชายเสื้อที่แทบจะ
คลุมมาปิดองค์เอวไม่มิดไปพลาง
“เอาละๆ ไม่ต้องบ่นนัก” ชายหนุ่มตัดความ ตัวเองก็เป็นผีแท้ๆ ยังจะมาทำกลัว
ไอ้เรื่องโดนรุมสกรัมก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่ดันเรียกฝ่ายตรงข้ามว่าผีนี่สิ
อย่างกับตัวเองเป็นคนหรือไง...
ทว่าครั้นพอเขาย่างก้าวแรกจมจ่อมลงไปในเลนที่เจ้าตัวยืนยันว่าเหรียญตกอยู่
ที่ไม่คาดคิด ตัวยุ่งกลับโผมากอดเอวเขาไว้จากเบื้องหลัง ใบหน้ายังซุกซบแนบสนิทลงมา
เวลาเหมือนดังหยุดนิ่ง... ลมเย็นที่ปัดเป่าผ่านไประลอกใหญ่ยังไม่ทำให้รู้สึก
วิญญาณแนบวิญญาณ กลับให้ความอบอุ่นได้มากเกินพอ
“เป็นอะไร”
“ไม่คิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”
พูดเสียยังกับผูกพันกันมากมาย ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
...เขาเคยทิ้งเจ้าตัวยุ่งที่แสนอ่อนแอนี่มาแล้วครั้งหนึ่งจริงๆ เขาใจร้ายพอจะทำได้ลง
และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้คิดจะใจดีกว่าเดิม
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ชอบให้ถูกตัว” นี่ยังไม่รวมเรื่องจับมือ
แต่นั่นยังเป็นเชิงพึ่งพิง ไม่นับว่าอาจหาญเท่านี้
“ขอโทษ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย...เกือบจะคลายแขนแช่มช้า ถ้าเขาไม่พูดต่อเสียก่อน
“ยอมให้แค่ครั้งนี้”
หญิงสาวกะพริบตา ก่อนจะพริ้มตาหลับลงสงบใจ กลิ่นของเขาที่เธอคุ้นเคย
นี่เป็นกลิ่นของความกล้า แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าเธอเฝ้าคิดถึงเขามานานกว่าที่เขารู้
ชั่วขณะนั้นผ่านไป ผ่านไปช้าๆ สงบเงียบ เนิ่นนาน ผู้ที่เป็นฝ่ายกอดอีกคนจากด้านหลัง
รู้สึกไม่อยากปล่อยไปอยากจะรั้งไว้แบบนี้ บอกความจริงมากมายที่ไม่อาจบอกได้
แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ความคิดฝันเท่านั้น เธอจะต้องทนดู เขาจะต้องเจออันตราย
อีกเท่าไหร่เบื้องหน้า ต้องเจ็บ หรือโอดโอยทรมานก่อนตาย
ยิ่งคิด ก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือ...
ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาทุกสิ่งทุกอย่างดุจคืนต้องมนตร์
แล้วตอนนี้ล่ะ...เขากำลังทำอะไรกันหรือ ท่ามกลางปลักเลนกลางเกาะแก่ง
ที่ไม่มีแม้แสงไฟ มีเพียงแสงฟ้าแลบลอดเร้นลงมา นพคุณกำลังงมหาเหรียญทอง
ที่รู้สึกได้ว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว ฟ้าคำรามเปรี้ยงลงมาเมื่อครู่ ทำให้เจ้าตัวยุ่งหลบเข้าไป
อยู่ในเหรียญ หึ ยังไงแม่นี่ก็เป็นสาวขี้กลัวอยู่ดี
ที่สุดมือซึ่งแหวกดินเลนเหลวเละก็ควานเจอเหรียญทองที่ปรารถนาเข้าจนได้
ชายหนุ่มเช็ดมันกับกางเกงลวกๆ ชูเหรียญขึ้นตรงหน้า ประกายเลื่อมพราย
ยังสะดุดตาดุจเดิม สีทองอันแปดเปื้อนด้วยโคลนตม...กับมือสกปรกของเขา ดูช่างเข้ากันดีแท้
สายฟ้าฟาดสะเทือนเลื่อนลั่นราวเกิดอาเพศพร้อมกับฝนห่าใหญ่ซัดสาดลงมาดั่งฟ้ารั่ว
หนทางจะเปิดออกตามสัปตกาละ หรือเมื่อลางทั้งเจ็ดมารวมกัน
บางคนบังเอิญมาถึงที่นี่ได้ด้วยสิ่งเดียว โชคชะตา
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า…กุญแจ
ชายหนุ่มเร่งเก็บเหรียญเข้าไว้ในกางเกงรู้สึกแปลกๆเมื่ออสนีบาตฟาดลงมาติดๆ
หลายครั้งจากที่ไกล มันเริ่มจากไกล...ทว่าไล่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทุกที ราวกับกำลังไล่ล่าเขา!
นพคุณกลับรู้สึกเกือบเป็นสนุก หัวใจพองโตด้วยได้สิ่งที่หายไปกลับคืน
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโยนเหรียญทองและแม่ตัวยุ่งที่แถมมานี่ทิ้งไปเอง
เขาไม่พยายามสำรวจความคิดตัวเอง ว่าระหว่างของแถมที่เป็นวิญญาณสาว
หรือว่าเหรียญทองนี้ทำให้พอใจกว่ากัน สองเท้าในรองเท้าผ้าใบพาร่างตะกุยตะกาย
หลบสายฟ้า ไถลตัวลื่นพรืดไปกับพื้น ลอดใต้รากมหึมาของไม้ใหญ่ไปได้ราวกับ
นี่คือเครื่องเล่นในสวนสนุกแห่งธรรมชาติ เสียงฟ้าสาปไล่หลังนั้นก็แค่ซาวนด์เอกเฟ็กต์
เพิ่มอารมณ์ ไม่มีอะไรน่ากลัว! ทุกอย่างควบคุมได้เสมอ หากว่ามันเป็นเกม
ชายหนุ่มเกือบจะลืมคิดไปว่าเกมท้าตายนั้นก็ทำให้เขาได้ตายไปจริงๆแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อฟ้าเริ่มซาลง เสียงหายห่าง เขาพลัดมาหยุดอยู่ในวงล้อมของซอกหิน
เหนือหัวขึ้นไปมีปราการแน่นหนา ทั้งจากกิ่งไม้สานสอดรัดและแง่หินมุมบัง
ทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่ถูกก่อกวนจากฝน ที่สะดุดอารมณ์คือหินบริเวณนี้คล้ายจะ
ขาวสว่างกว่าจุดอื่น แถมในเนื้อยังฉาบเจือด้วยละอองทองแปลกตา ไม่มีช่องทาง
ให้น้ำที่เกิดจากฝนภายนอกไหลเข้ามายังจุดอับนี้ได้ แม้มองออกไปจะเห็นว่า
อยู่ไม่ไกลจากห้วงน้ำในเขื่อนนัก ณ ที่นี้มีเพียงตาน้ำซึมที่ใสสะอาดสงบนิ่ง
ไม่ถูกรบกวนจากลมฟ้าโหมกระหน่ำ
นพคุณหันมาสนใจกับบ่อสีเหลือบทองที่ตื้นเพียงเข่า น้ำใสและสวย
เสียจนเขารู้สึกผิดที่พาร่างเลอะโคลนลงมาทำให้แปดเปื้อน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
ชายหนุ่มบังเกิดความอยากวักน้ำขึ้นมาล้างตัวจนสะอาด พบว่าโคลนจากตัวเขา
นอนก้นและซึมหายไปในซอกหินเบื้องใต้ว่องไวคล้ายมีตัวเร่งการตกตะกอนในน้ำ
น้ำในบ่อก็ยังคงใสอย่างเดิม เสร็จสรรพเขาจึงลุกขึ้น เดินสำรวจไปรอบๆหินแบนใหญ่
สูงท่วมหัวก้อนหนึ่งเปิดอ้า มองเห็นเสมือนประตูสู่ช่องทางหนึ่ง ภายในค่อนข้างจะ
ไม่มืดสนิทนัก แสงทองระเรื่อในเนื้อหินดุจขับไล่ให้สีดำของความมืดโบยบินหนีไปหลายส่วน
แม้แต่ในห้องธรรมชาตินั้นน้ำก็ยังเจิ่งพื้น
เลือดฉีดแรงในกาย ความรู้สึกของมหาโจรบอกเขา ที่นี่คือที่ซ่อนสมบัติ...
อาจจะเนิ่นนานมาแล้วที่ไม่มีใครย่างกรายล่วงเข้ามา พลังงานรักษาสถานที่บริสุทธิ์
เป็นพลังกรรมตามธรรมชาติ เขาไม่รู้สึกว่ามันคุกคามแต่อย่างใดครั้นเมื่อก้าวเข้าไปสำรวจ
นพคุณพบหีบทองเหลืองบุบบี้ใบหนึ่งจมน้ำอยู่ครึ่งๆจึงหยิบมันขึ้นมาตั้งบนหินขาว
ที่ค่อนข้างจะแบนราบอยู่เหนือน้ำ ตัวเขาคุกเข่าลงหีบก็อยู่พอดีระดับสายตา
ไม่มีรูกุญแจ มีเพียงสลักง่ายๆขัดไว้ราวกับเป็นหีบเก็บของมีค่าของสตรี
ข้อความบนฝาที่วูบแรกมองไม่รู้เรื่อง แต่พอหวนนึกถึงอักษรบนเหรียญ
...ทันใดพอกะพริบตาอีกครั้ง วูบต่อมากลับอ่านข้อความที่จารึกไว้ออกได้อย่างชัดเจน
“สมบัติของนายยม หากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง”
อ่านจบก็ผ่อนลมหายใจ นายยมอะไรที่ว่า ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่นานแล้ว
ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไป แต่มือกลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อถูกอีกมือหนึ่งยุดเอาไว้
เขาหันไปมอง ไม่ใช่ใคร เป็นวิญญาณสาวที่เพิ่งปรากฏตัว นพคุณเลิกคิ้วยื่นมือซ้ายข้างที่ว่างอยู่
เข้าไปหาหีบแทน ไม่คาดว่าอีกฝ่ายดันโถมเข้ามาตะครุบเอาไว้ด้วยอีกมือที่ว่างของตนเช่นกัน
เลยกลายเป็นตอนนี้แขนพันกันนุงนัง
“หลีกไป” ชายหนุ่มดุ
“ห้ามแตะต้องของที่เจ้าของมิได้ให้ ลืมแล้วหรือไง!”
“ยังไงก็จะเอา อย่าบอกว่าจะให้แบกมันกลับไปโดยไม่ต้องเปิดดูก่อนว่าข้างในคืออะไร
หรือจะให้ตามหาตัวนายยมอะไรที่ว่านี่ให้เจอ ตายไปเกิดกี่ชาติแล้วไม่รู้มั้งป่านนี้”
หญิงสาวส่ายหน้ารัวๆอีกครั้ง “ไม่ เจ้าของสมบัตินี่ยังไม่ต้องการให้ใครเอามันไป ฉันรู้ดี...
เก้า นี่คืนวันที่สามสิบเอ็ดกรกฎา!”
“งั้นถ้ารออยู่นี่จนเช้าค่อยเปิดหีบก็คงไม่เสียหลาย”
“ไม่ได้! แบบนั้นก็แปลว่านายตั้งใจฉกเห็นๆ มีค่าเท่ากัน”
“ถอยไป” ชายหนุ่มสะบัดมือที่เกะกะขวางทางออก “เวลาพักร้อนจบแล้ว
อีกอย่างฉันไม่เคยกลัวโชคชะตา และพักหลังนี่เธอเองก็ใช่ว่าจะทำตัวเชื่อถือได้ซะเมื่อไหร่
ไม่แน่ว่าพวกของเธออาจอาศัยโชคของฉันคลำทางมาจนเจอเจ้านี่...แล้วก็รอชุบมือเปิบ”
วิญญาณสาวซีดสลดลงหลายส่วน ก่อนจะหลบตา ไม่แน่ว่าด้วยเหตุผลไหน
“ว่าแล้ว นี่มันเกี่ยวข้องกับไอ้โม่งชุดดำนั่นละสิ
...ปล่อยให้โชคชะตาบงการมาพักใหญ่ แต่ในเมื่อเลือกเป็นโจร
ใจก็จะยังเป็นโจรวันยังค่ำ สิ่งที่ชะตาพามาเจอ ยังไงก็ต้องเป็นของฉัน!”
ฟ้าครืนคำรามอยู่ยังโลกภายนอกคล้ายห่างไปไกลแสนไกล
มีเพียงสมบัติข้างหน้าเป็นความจริงที่รอคอยเขาอยู่...
แล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือออกไป
ฝาหีบถูกเปิด มีเพียงความว่างเปล่าโบยบินสำแดงตน ก้นหีบ ไม่มีแม้ความหวังใดเหลือไว้...
ไม่ว่าอย่างไร ศีลตลอดหนึ่งเดือนได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
ด้วยความตั้งใจที่จะทำลงไปของเขาเอง
ชายหนุ่มหันไปยิ้ม ให้หญิงสาวผู้ทำหน้าเสียใจอยู่ข้างๆ
“เศร้าอะไร ฉันยังไม่เลย” ชายหนุ่มยิ้มร้ายอย่างทั้งประชดตัวเองและประชดชีวิต
“ขืนมัวเสียใจกับทุกเรื่องที่ทำไปคงไม้ต้องก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ”
“บางที...คนก็พูดคำนั้นเมื่อตัดสินใจทำสิ่งผิดพลาดไปแล้ว” หญิงสาวรำพึงคล้ายสิ้นหวัง
เขามองดูเธอผู้ไร้เดียงสาส่ายหน้าทดท้อขณะร่างกำลังค่อยๆเลือนหาย
เมื่อถึงจุดที่เขาไม่คิดจะรักษาสัญญากับตัวเอง สัญญากับคนอื่นย่อมไร้ความหมาย
“จำไว้ซะ...ไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจร”
-------------------
ชอบใจกดไลค์ให้ด้วยนะค้า //อสิตา
{โปรดติดตาม... บทที่ ๔ สู่ฤกษ์โจร}
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – จะเลือกพี่นพหรือนายชาคะ นายชาเห็นแบบนี้ลีลาเด่นนะ ฝึกมาเยอะ... พี่นพยังเป็นทองบริสุทธิ์ทั้งแท่งอยู่เลย เค้าไม่ชินกะผู้หญิงอะ สนใจบุกเบิกหัวใจนายเก้าไหม
คุณภาวิน – นึกถึงชามัลเพราะมันคลุมผ้าเหมือนกัน มาเชิญเจ้าของที่ออกไปเจอเรื่องชั่วๆเหมือนกัน 555
คุณเลิฟหมวย – พี่เก้าจะจับกด จะจูบๆๆ นัวเนียหนุงหนิงจนคุณเลิฟหมวยอ่อนระทวยเป็นกระต่ายนุ่มๆตัวนึงเลยค่ะ
คุณเกดนุ่ม – ตัวนุ่มมารอพี่เก้าที่ท่าน้ำทุกวันเลย อุ้มลูกมาด้วย เย้ย พุงเป็นลูกๆงาย กลมบ๊อก
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – อืมมมม นี่สินะ ที่เค้าว่าหนอนที่โดนหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งจะเริ่มใช้เหยื่ออ่อยยากขึ้น หนอนที่โดนหลอกมาแล้วหลายๆครั้งจะยิ่งเริ่มเรียนรู้ แต่...ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ เราจิหลอกคุณ!! ให้สำเร็จ วะฮ่าๆ
คุณริญ – พี่มูนกลับมาลงนิยายไวๆ หนีเที่ยวซะหลายวันนิ
คุณยิ้มยิ้ม – พี่เก้ากันเงาดำออกไปละ เหลือต้องชำระความกะตัวนุ่มมมมม ฮึ่ม
คุณใบบัวน่ารัก – อ้อ นางกระต่าย มาเล่นเรื่องนี้เพราะจะเอาค่าตัวไปซื้อขนมของกิน ซื้อเสื้อผ้าสวยงามสวมใส่นี่เอง ความรักล่ะมีไหม พี่เก้าโกรธแระนะ เดี๋ยวปล้ำขนกระจุยเลย
คุณสุขุมวิท 66 – ชายชุดดำ นายยม อืม อาจมีอะไรเกี่ยวข้องกันนะ... ใช่ค่ะชุดดำมีฮู้ด มันฮิบมาก
นพคุณเหยียดตัวสูดหายใจ หมายเดินเข้าสู่เกาะเพื่อดูลาดเลาบางอย่าง
ตอนนี้เขาโกรธจัด โกรธที่โชคชะตาคิดแต่จะชักเชิดเขาไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ
เดี๋ยวจะแสดงให้รู้กันไปข้าง ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเขมือบกลืนคนอย่างเขา
ไม่ว่าช่วงนี้จะตกอยู่ในช่วงมหาเคราะห์มหาภัยห่าเหวอะไรที่ว่า ตีมันให้แตกกระเจิงให้ดู
...ตาคมวาวเคร่งเครียดกราดไปทั่วชายฝั่งแต่แล้วกลับไปหยุดยังโขดหินโขดหนึ่ง
ซึ่งแสงจันทราทองอ่อนทอทอดลงจับ จุดสีขาวกระจิริดเห็นเด่นสะดุดตา
การขยับไหวนิดๆที่คุ้นเคย ราวกับว่าเขากำลังฝันละอองขนพองฟู
สะท้อนรับแสงจันทร์เย็นเยือกกลับดูอบอุ่นอย่างประหลาด
เพียงภาพนี้เท่านั้นที่จี้เอาอารมณ์ทั้งชิงชังทั้งจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาติดหมัด
ทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับเลย!
ก่อนสมองจะทันสั่งการ เท้าก็พาเขาเข้าใกล้เจ้าสิ่งนั้นเข้าไปทุกที
คล้ายเจ้าตัวเองก็เห็นเขาแล้ว ถึงได้ยืดตัวขึ้นมายืนสองขา
สูดดมกลิ่นฟุดฟิด ถึงอย่างนั้นก็ยังดูไม่ต่างจากการเป็นก้อนกลมไปสักกี่มากน้อย
“ไง...” ชายหนุ่มเอ่ยทักเรียบเรื่อยทว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกดดัน
หลังจากหยุดห่างจากกระต่ายตัวร้ายราวห้าก้าว
ตัวตนของสิ่งที่อยู่ในรูปกระต่ายไม่แสดงท่าทีว่าจะอธิบายการกระทำ
ของตัวเองแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ปรากฏตัวด้วยรูปกายที่เจรจากันไม่ได้
ดูเถอะ... ในสถานการณ์แบบนี้ แม่นั่นกลับกลบเกลื่อน
ทำมองเขาราวกับจะค้อน ก่อนเมินหน้าไปแต่งตัว โดยหันกายอ้วนกลมเอี้ยวไปข้างหลัง
ก็แทบจะหันไม่ไหว ทำทีเป็นใจเย็นลูบไล้ขนอุยค่อนข้างยุ่งมอมแมมที่สะโพกตัวเองชับๆๆ
ตบแต่งอุยก้นให้พองเข้ารูป สีขาวนั้นชักจะมองไม่ขาวอย่างเคย สภาพเหมือนไปคลุกฝุ่นที่ไหนมา
...แต่ท่าทางที่แสดงออก ยิ่งดูก็ยิ่งรู้ว่าจงใจให้น่ารักน่าชัง แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย!
นพคุณถึงกับต้องทุ่มเทความเร็วทั้งหมดที่มีในการจับกระต่าย เขาพุ่งพรวดเข้าถึงโขดหิน
แตะโดนแต่ปลายขน เจ้าตัวดีสะดุ้งเด้งหนีทั้งส่งเสียงดังอิ๊ลั่น เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่
ชายหนุ่มตะกายเข้าหาเหมือนหมาป่าไล่เหยื่อ คำรามอย่างสาแก่ใจเมื่ออีกฝ่ายตระหนกสุดขีด
ส่งเสียงราวแตกตื่นหนีตายกับท่าทางอยากจับมาบีบให้แหลกคามือของเขา
“มันเรื่องอะไร!ชีวิตฉันช่วงดูจะสนุกเกินไปหน่อยละนะ...คืนนี้ถูกวางแผนล่อลวงขึ้นเรือมาติดเกาะ
แถมยังต้องมาวิ่งไล่จับกระต่าย ฉันไม่มีอารมณ์ ต้องการคำอธิบายเป็นภาษาคนเดี๋ยวนี้!”
เขายอมให้ตัวเองล้มไถลครูดไปกับพื้นหินระเกะระกะริมฝั่ง เพื่อให้สามารถเอื้อมคว้ากระต่าย
ไว้ได้อยู่หมัด ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้กระแสพลังในตัวเองบังคับให้แม่ตัวร้ายกลับคืนร่างเป็นคนโดยพลัน!
พริบตานั้น...ร่างนุ่มนิ่มหายใจหอบระทวยอยู่ใต้ร่างสูงซึ่งคุกคามกดทับ
สภาพดวงหน้าสวยมอมแมม ทั้งตระหนกและเสียขวัญอย่างที่เมื่อครู่เขาดูไม่ออก
อีกฝ่ายทำท่าจะพลิกหนี ชายหนุ่มจึงคว้าจับยึดข้อมือทั้งสองข้างนั้นไว้
กดแรงแนบกับพื้นหินปนดินจนอีกฝ่ายอุทานเบาๆ
หน้าตาเลอะเทอะเปรอะเป็นรอย ทั้งยังมีรอยกิ่งไม้บาด น้ำตาคลอเบ้า
มองเขาอย่างทั้งเสียใจ น้อยใจ... แต่เขาเองไม่อยากจะเมตตา
สายตาชายหนุ่มคลาดจากแววตาตัดพ้อไปสบกับอุ้งมือน้อยในกำมือตน
พบว่าบนฝ่ามือก็มีแผลที่เลือดหยุดไหลแล้ว ตามแขนขาวผุดผาดมีรอยถลอก
วิญญาณก็แสดงอาการบาดเจ็บออกมาได้จริงจังถึงเพียงนี้
เพราะจิตกำหนดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ฝังใจว่านี่คือแขน นี่คือขา
ความรู้สึกตอนเป็นคนยังติดอยู่แรงกล้า เวลาโดนอะไรก็เจ็บได้เหมือนกัน แม้คนทั่วไป
เข้าใจว่าวิญญาณไม่มีชีวิต แต่กายแม้ไม่ใช่กายเนื้อเมื่อมีจิตคุมก็ถือเป็นชีวิตหนึ่งไม่ต่างกัน
ไล่ลงมา เกาะอกสีทองนั้นตอนนี้ถูกย้อมด้วยโคลนจนออกจะกลายเป็นสีตุ่นๆ
ทั้งยังมีส่วนขาดลุ่ย ชายเสื้อเลิกขึ้นมาเห็นเนื้อขาวๆ เอวคอดแขม่วไหวขึ้นลงแรง
ตามอาการหอบหายใจ ...มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของแม่ตัวดีไปหนึ่งรอบ
สีหน้าดุๆของชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมคลายลง
“ไปโดนอะไรฟัดมาล่ะ ผีสางแถวนี้มันลงแขกเข้าให้หรือไง”
วิญญาณสาวส่ายหน้ารัวๆ กัดริมฝีปาก ค่อยๆหลุบตาลงปล่อยให้น้ำตาหยดเผาะ
ลงสองสาย ก่อนจะพึมพำคำหนึ่ง เบาแสนเบา... “เปล่า แต่ก็โดนไล่ที่อย่างว่า
เขาไม่ต้อนรับ” พูดถึงเท่านั้นก็กะพริบตาถี่ “ฉัน--”
“พูดอะไรไม่ได้ยิน ดังๆซิ!” ชายหนุ่มบีบคั้นด้วยวาจา มือที่จับข้อมือเล็ก
ก็พลอยกำแน่นขึ้น เขาหายใจแรง ก้มลงไปใกล้อีกนิด ถลึงตาจ้องคาดคั้น
“ขอโทษ...”
หัวใจที่ซ่อนอยู่ใต้แผงอกกว้างเต้นไหววูบ ...เฮอะ เขาก็แค่พอใจที่แม่นี่ยอมรับผิด
หญิงสาวนิ่งงัน ตากลมสวยที่เพิ่งช้อนมองเขาแวบหนึ่งเมื่อครู่มาตอนนี้ปิดแน่น
แพขนตาชุ่มน้ำทาบบนแก้มดูสั่นไหวราวกำลังกลั้นสะอื้น นพคุณคลายมือข้างหนึ่ง
ของตนออกจากข้อมือบอบบาง มือเรียวได้รูปที่พวกพ้องเคยให้ความเห็นว่าแสนจะ
ไม่เหมาะกับการจารกรรมโดยสิ้นเชิงของเขาเอื้อมมาแตะแก้มนั้นอย่างเผลอไผล
เมื่อรู้สึกตัวจึงตีเบาๆบนแก้มนวลมอมแมมสองแปะอย่างเรียกสติ
“นี่ คิดว่าแค่ขอโทษจะพอหรือ เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่เคยยอมให้ใครมาเอาเปรียบ
เธอโกหกฉัน รู้นะว่ามีความลับซ่อนอยู่และเธอ...จะต้องชดใช้ที่มาหลอกลวงกัน”
“ฉันกลัวเขา กลัว...” ตัวนุ่มส่ายหน้าไหวๆ แต่ยังไม่พ้นอุ้งมือราวคีมที่เลื่อนมา
กระชับช่วงคางกึ่งลำคอบอบบางอยู่กลายๆ
แม่คนนี้ก็อาจไม่ต่างจากนางตะเคียนเจ้าที่ กลัวลนลานกับอำนาจของชายลึกลับ
“ถ้าเธอเชื่อฟังฉัน อยู่ข้างฉัน ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครฉันก็ไม่ปล่อยให้มาทำร้าย
แต่ถ้าเลือกข้างผิด ผลลัพธ์มันจะเป็นอีกอย่างนึงเลย รับรองว่าเธอต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง
คราวนี้ถ้าทำตัวน่าสงสัย...อีกครั้งเดียว จะไม่แค่ถูกทิ้งไว้บนเกาะผีสิงนี่เท่านั้นหรอก!”
หญิงสาวทำท่าคล้ายพยักหน้านิดหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมสบตา
“ตัวนุ่ม” นพคุณเรียกเสียงหนัก
ทำไมเขาต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย ยิ่งใกล้เข้ามาอีกจนลมหายใจร้อนรุ่มนั่น
อวลอยู่ตรงริมฝีปากเธอนี่แล้ว ห่างกันแค่ไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้เธอไม่กล้า
เขยื้อนไหวอะไรเลย ไม่กล้าแม้แต่ขยับปาก เพราะกลัวริมฝีปากจะสัมผัสกันโดยไม่ได้ตั้งใจ...
คล้ายชายหนุ่มจะรู้ได้ถึงความอึดอัดนั้น เขาขยับผ่อนระยะออกมาหน่อย
เห็นคนในกำมือพึมพำอุบอิบออกมาเบาหวิว น้ำเสียงอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย
ที่กำลังละลายกลายเป็นน้ำตาล
“อือเข้าใจแล้ว”
นพคุณขยับนิ้วโป้งขึ้นมาหน่อย เกือบจะไล้น้ำตาที่ยังติดบนแก้มมอมนั่นให้
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ มองสำรวจเร็วๆอีกรอบร่างอ่อนนุ่มราวกับคนจริงที่เบียดติด
กับร่างเขาอยู่นี่มันออกจะล้ำเส้น ทั้งที่เขาเองเป็นฝ่ายจู่โจม ...ชายหนุ่มนึกโกรธนิดๆ
จึงขยับลุกขึ้น ปรายตามองอีกฝ่ายที่ลุกตามอย่างต้วมเตี้ยมอยู่บ้าง
“แล้ว...ไปโดนอะไรมา”
“ก็... พวกแถวนี้รังแกเอาอย่างว่า หนีเข้าไปในเหรียญได้ แต่ออกมาอีกก็โดนอีก”
เอ่ยพลางสูดจมูก “ช่วยไปเอาเหรียญมาเก็บไว้ที่ตัวหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่าเก้ามา
แต่กว่าจะออกมาหาถึงนี่ได้ก็แทบแย่”
ชายหนุ่มก้มมองฝ่ายที่กระแซะเข้าหาตน กลัวเขา แต่ก็จะขอให้เขาปกป้อง
ทรยศเขากลายๆ แต่ก็จะขออยู่เคียงข้างเรื่องแบบนี้ จะยอมให้แค่เพียงครั้งเดียว
คนอื่นอาจให้โอกาสคนทำผิดสักสองสามครั้ง แต่สำหรับเขาที่โตมาแบบค่อนข้างจะ
แร้นแค้นฝ่าฟัน เชื่อตัวเองก่อนคนอื่น การให้อภัยและให้โอกาสแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ
ความคิดโหดร้ายดำเนินไปต่างๆนานา... ไม่คาดว่ามือเล็กๆที่ไม่มั่นคงนักกลับยื่นมา
เกาะเกี่ยวมือเขาไว้ ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ดึงมือพาตัวเกาะแกะก้าวไป
จากริมฝั่งน้ำนั้นโดยไม่พูดไม่จา
ลึกเข้าไปในเกาะ ใกล้ปลักตมรกๆที่ซึ่งเหรียญจมอยู่ ออกจะไกลจากระยะที่
เขาน่าจะเขวี้ยงมันมาถึงอยู่สักหน่อย นพคุณเหลือบมองหน้าคนที่เคียงกันมาแทนคำถาม
อีกฝ่ายรีบตอบฉับไว
“ไม่ได้มาตกตรงนี้หรอก แต่พยายามกลิ้งหนีผีมาได้นิดหนึ่งก็ไหลลงไปในปลัก
เสื้อเลอะโคลนหมดเลย” ว่าแล้วคนห่วงสวยก็ใช้มือบิดชายเสื้อที่แทบจะ
คลุมมาปิดองค์เอวไม่มิดไปพลาง
“เอาละๆ ไม่ต้องบ่นนัก” ชายหนุ่มตัดความ ตัวเองก็เป็นผีแท้ๆ ยังจะมาทำกลัว
ไอ้เรื่องโดนรุมสกรัมก็พอเข้าใจอยู่หรอก แต่ดันเรียกฝ่ายตรงข้ามว่าผีนี่สิ
อย่างกับตัวเองเป็นคนหรือไง...
ทว่าครั้นพอเขาย่างก้าวแรกจมจ่อมลงไปในเลนที่เจ้าตัวยืนยันว่าเหรียญตกอยู่
ที่ไม่คาดคิด ตัวยุ่งกลับโผมากอดเอวเขาไว้จากเบื้องหลัง ใบหน้ายังซุกซบแนบสนิทลงมา
เวลาเหมือนดังหยุดนิ่ง... ลมเย็นที่ปัดเป่าผ่านไประลอกใหญ่ยังไม่ทำให้รู้สึก
วิญญาณแนบวิญญาณ กลับให้ความอบอุ่นได้มากเกินพอ
“เป็นอะไร”
“ไม่คิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”
พูดเสียยังกับผูกพันกันมากมาย ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
...เขาเคยทิ้งเจ้าตัวยุ่งที่แสนอ่อนแอนี่มาแล้วครั้งหนึ่งจริงๆ เขาใจร้ายพอจะทำได้ลง
และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้คิดจะใจดีกว่าเดิม
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ชอบให้ถูกตัว” นี่ยังไม่รวมเรื่องจับมือ
แต่นั่นยังเป็นเชิงพึ่งพิง ไม่นับว่าอาจหาญเท่านี้
“ขอโทษ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย...เกือบจะคลายแขนแช่มช้า ถ้าเขาไม่พูดต่อเสียก่อน
“ยอมให้แค่ครั้งนี้”
หญิงสาวกะพริบตา ก่อนจะพริ้มตาหลับลงสงบใจ กลิ่นของเขาที่เธอคุ้นเคย
นี่เป็นกลิ่นของความกล้า แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าเธอเฝ้าคิดถึงเขามานานกว่าที่เขารู้
ชั่วขณะนั้นผ่านไป ผ่านไปช้าๆ สงบเงียบ เนิ่นนาน ผู้ที่เป็นฝ่ายกอดอีกคนจากด้านหลัง
รู้สึกไม่อยากปล่อยไปอยากจะรั้งไว้แบบนี้ บอกความจริงมากมายที่ไม่อาจบอกได้
แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ความคิดฝันเท่านั้น เธอจะต้องทนดู เขาจะต้องเจออันตราย
อีกเท่าไหร่เบื้องหน้า ต้องเจ็บ หรือโอดโอยทรมานก่อนตาย
ยิ่งคิด ก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือ...
ทบทวนสิ่งที่ผ่านมาทุกสิ่งทุกอย่างดุจคืนต้องมนตร์
แล้วตอนนี้ล่ะ...เขากำลังทำอะไรกันหรือ ท่ามกลางปลักเลนกลางเกาะแก่ง
ที่ไม่มีแม้แสงไฟ มีเพียงแสงฟ้าแลบลอดเร้นลงมา นพคุณกำลังงมหาเหรียญทอง
ที่รู้สึกได้ว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว ฟ้าคำรามเปรี้ยงลงมาเมื่อครู่ ทำให้เจ้าตัวยุ่งหลบเข้าไป
อยู่ในเหรียญ หึ ยังไงแม่นี่ก็เป็นสาวขี้กลัวอยู่ดี
ที่สุดมือซึ่งแหวกดินเลนเหลวเละก็ควานเจอเหรียญทองที่ปรารถนาเข้าจนได้
ชายหนุ่มเช็ดมันกับกางเกงลวกๆ ชูเหรียญขึ้นตรงหน้า ประกายเลื่อมพราย
ยังสะดุดตาดุจเดิม สีทองอันแปดเปื้อนด้วยโคลนตม...กับมือสกปรกของเขา ดูช่างเข้ากันดีแท้
สายฟ้าฟาดสะเทือนเลื่อนลั่นราวเกิดอาเพศพร้อมกับฝนห่าใหญ่ซัดสาดลงมาดั่งฟ้ารั่ว
หนทางจะเปิดออกตามสัปตกาละ หรือเมื่อลางทั้งเจ็ดมารวมกัน
บางคนบังเอิญมาถึงที่นี่ได้ด้วยสิ่งเดียว โชคชะตา
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า…กุญแจ
ชายหนุ่มเร่งเก็บเหรียญเข้าไว้ในกางเกงรู้สึกแปลกๆเมื่ออสนีบาตฟาดลงมาติดๆ
หลายครั้งจากที่ไกล มันเริ่มจากไกล...ทว่าไล่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทุกที ราวกับกำลังไล่ล่าเขา!
นพคุณกลับรู้สึกเกือบเป็นสนุก หัวใจพองโตด้วยได้สิ่งที่หายไปกลับคืน
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโยนเหรียญทองและแม่ตัวยุ่งที่แถมมานี่ทิ้งไปเอง
เขาไม่พยายามสำรวจความคิดตัวเอง ว่าระหว่างของแถมที่เป็นวิญญาณสาว
หรือว่าเหรียญทองนี้ทำให้พอใจกว่ากัน สองเท้าในรองเท้าผ้าใบพาร่างตะกุยตะกาย
หลบสายฟ้า ไถลตัวลื่นพรืดไปกับพื้น ลอดใต้รากมหึมาของไม้ใหญ่ไปได้ราวกับ
นี่คือเครื่องเล่นในสวนสนุกแห่งธรรมชาติ เสียงฟ้าสาปไล่หลังนั้นก็แค่ซาวนด์เอกเฟ็กต์
เพิ่มอารมณ์ ไม่มีอะไรน่ากลัว! ทุกอย่างควบคุมได้เสมอ หากว่ามันเป็นเกม
ชายหนุ่มเกือบจะลืมคิดไปว่าเกมท้าตายนั้นก็ทำให้เขาได้ตายไปจริงๆแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อฟ้าเริ่มซาลง เสียงหายห่าง เขาพลัดมาหยุดอยู่ในวงล้อมของซอกหิน
เหนือหัวขึ้นไปมีปราการแน่นหนา ทั้งจากกิ่งไม้สานสอดรัดและแง่หินมุมบัง
ทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่ถูกก่อกวนจากฝน ที่สะดุดอารมณ์คือหินบริเวณนี้คล้ายจะ
ขาวสว่างกว่าจุดอื่น แถมในเนื้อยังฉาบเจือด้วยละอองทองแปลกตา ไม่มีช่องทาง
ให้น้ำที่เกิดจากฝนภายนอกไหลเข้ามายังจุดอับนี้ได้ แม้มองออกไปจะเห็นว่า
อยู่ไม่ไกลจากห้วงน้ำในเขื่อนนัก ณ ที่นี้มีเพียงตาน้ำซึมที่ใสสะอาดสงบนิ่ง
ไม่ถูกรบกวนจากลมฟ้าโหมกระหน่ำ
นพคุณหันมาสนใจกับบ่อสีเหลือบทองที่ตื้นเพียงเข่า น้ำใสและสวย
เสียจนเขารู้สึกผิดที่พาร่างเลอะโคลนลงมาทำให้แปดเปื้อน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
ชายหนุ่มบังเกิดความอยากวักน้ำขึ้นมาล้างตัวจนสะอาด พบว่าโคลนจากตัวเขา
นอนก้นและซึมหายไปในซอกหินเบื้องใต้ว่องไวคล้ายมีตัวเร่งการตกตะกอนในน้ำ
น้ำในบ่อก็ยังคงใสอย่างเดิม เสร็จสรรพเขาจึงลุกขึ้น เดินสำรวจไปรอบๆหินแบนใหญ่
สูงท่วมหัวก้อนหนึ่งเปิดอ้า มองเห็นเสมือนประตูสู่ช่องทางหนึ่ง ภายในค่อนข้างจะ
ไม่มืดสนิทนัก แสงทองระเรื่อในเนื้อหินดุจขับไล่ให้สีดำของความมืดโบยบินหนีไปหลายส่วน
แม้แต่ในห้องธรรมชาตินั้นน้ำก็ยังเจิ่งพื้น
เลือดฉีดแรงในกาย ความรู้สึกของมหาโจรบอกเขา ที่นี่คือที่ซ่อนสมบัติ...
อาจจะเนิ่นนานมาแล้วที่ไม่มีใครย่างกรายล่วงเข้ามา พลังงานรักษาสถานที่บริสุทธิ์
เป็นพลังกรรมตามธรรมชาติ เขาไม่รู้สึกว่ามันคุกคามแต่อย่างใดครั้นเมื่อก้าวเข้าไปสำรวจ
นพคุณพบหีบทองเหลืองบุบบี้ใบหนึ่งจมน้ำอยู่ครึ่งๆจึงหยิบมันขึ้นมาตั้งบนหินขาว
ที่ค่อนข้างจะแบนราบอยู่เหนือน้ำ ตัวเขาคุกเข่าลงหีบก็อยู่พอดีระดับสายตา
ไม่มีรูกุญแจ มีเพียงสลักง่ายๆขัดไว้ราวกับเป็นหีบเก็บของมีค่าของสตรี
ข้อความบนฝาที่วูบแรกมองไม่รู้เรื่อง แต่พอหวนนึกถึงอักษรบนเหรียญ
...ทันใดพอกะพริบตาอีกครั้ง วูบต่อมากลับอ่านข้อความที่จารึกไว้ออกได้อย่างชัดเจน
“สมบัติของนายยม หากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง”
อ่านจบก็ผ่อนลมหายใจ นายยมอะไรที่ว่า ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่นานแล้ว
ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไป แต่มือกลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อถูกอีกมือหนึ่งยุดเอาไว้
เขาหันไปมอง ไม่ใช่ใคร เป็นวิญญาณสาวที่เพิ่งปรากฏตัว นพคุณเลิกคิ้วยื่นมือซ้ายข้างที่ว่างอยู่
เข้าไปหาหีบแทน ไม่คาดว่าอีกฝ่ายดันโถมเข้ามาตะครุบเอาไว้ด้วยอีกมือที่ว่างของตนเช่นกัน
เลยกลายเป็นตอนนี้แขนพันกันนุงนัง
“หลีกไป” ชายหนุ่มดุ
“ห้ามแตะต้องของที่เจ้าของมิได้ให้ ลืมแล้วหรือไง!”
“ยังไงก็จะเอา อย่าบอกว่าจะให้แบกมันกลับไปโดยไม่ต้องเปิดดูก่อนว่าข้างในคืออะไร
หรือจะให้ตามหาตัวนายยมอะไรที่ว่านี่ให้เจอ ตายไปเกิดกี่ชาติแล้วไม่รู้มั้งป่านนี้”
หญิงสาวส่ายหน้ารัวๆอีกครั้ง “ไม่ เจ้าของสมบัตินี่ยังไม่ต้องการให้ใครเอามันไป ฉันรู้ดี...
เก้า นี่คืนวันที่สามสิบเอ็ดกรกฎา!”
“งั้นถ้ารออยู่นี่จนเช้าค่อยเปิดหีบก็คงไม่เสียหลาย”
“ไม่ได้! แบบนั้นก็แปลว่านายตั้งใจฉกเห็นๆ มีค่าเท่ากัน”
“ถอยไป” ชายหนุ่มสะบัดมือที่เกะกะขวางทางออก “เวลาพักร้อนจบแล้ว
อีกอย่างฉันไม่เคยกลัวโชคชะตา และพักหลังนี่เธอเองก็ใช่ว่าจะทำตัวเชื่อถือได้ซะเมื่อไหร่
ไม่แน่ว่าพวกของเธออาจอาศัยโชคของฉันคลำทางมาจนเจอเจ้านี่...แล้วก็รอชุบมือเปิบ”
วิญญาณสาวซีดสลดลงหลายส่วน ก่อนจะหลบตา ไม่แน่ว่าด้วยเหตุผลไหน
“ว่าแล้ว นี่มันเกี่ยวข้องกับไอ้โม่งชุดดำนั่นละสิ
...ปล่อยให้โชคชะตาบงการมาพักใหญ่ แต่ในเมื่อเลือกเป็นโจร
ใจก็จะยังเป็นโจรวันยังค่ำ สิ่งที่ชะตาพามาเจอ ยังไงก็ต้องเป็นของฉัน!”
ฟ้าครืนคำรามอยู่ยังโลกภายนอกคล้ายห่างไปไกลแสนไกล
มีเพียงสมบัติข้างหน้าเป็นความจริงที่รอคอยเขาอยู่...
แล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือออกไป
ฝาหีบถูกเปิด มีเพียงความว่างเปล่าโบยบินสำแดงตน ก้นหีบ ไม่มีแม้ความหวังใดเหลือไว้...
ไม่ว่าอย่างไร ศีลตลอดหนึ่งเดือนได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
ด้วยความตั้งใจที่จะทำลงไปของเขาเอง
ชายหนุ่มหันไปยิ้ม ให้หญิงสาวผู้ทำหน้าเสียใจอยู่ข้างๆ
“เศร้าอะไร ฉันยังไม่เลย” ชายหนุ่มยิ้มร้ายอย่างทั้งประชดตัวเองและประชดชีวิต
“ขืนมัวเสียใจกับทุกเรื่องที่ทำไปคงไม้ต้องก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ”
“บางที...คนก็พูดคำนั้นเมื่อตัดสินใจทำสิ่งผิดพลาดไปแล้ว” หญิงสาวรำพึงคล้ายสิ้นหวัง
เขามองดูเธอผู้ไร้เดียงสาส่ายหน้าทดท้อขณะร่างกำลังค่อยๆเลือนหาย
เมื่อถึงจุดที่เขาไม่คิดจะรักษาสัญญากับตัวเอง สัญญากับคนอื่นย่อมไร้ความหมาย
“จำไว้ซะ...ไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจร”
-------------------
ชอบใจกดไลค์ให้ด้วยนะค้า //อสิตา
{โปรดติดตาม... บทที่ ๔ สู่ฤกษ์โจร}
อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2557, 00:08:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2557, 00:08:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 1333
<< ๓.๕ ขุมทรัพย์ต้องสาป | ๔ สู่ฤกษ์โจร >> |
Chii 28 ก.ย. 2557, 00:18:08 น.
ยัยกระต่ายยยยยย
นี่หล่อนจริงจังกะการห้ามอีตาเก้ามั้ยฮะะะะะ
คงไม่สินะะะ
//หิ้วหูไปโยนบ่อจระเข้
//หิ้วอิตาเก้าโยนตามลงไป
พอกันทั้งคู่ เอ๊ยยยย อินนนน
ยัยกระต่ายยยยยย
นี่หล่อนจริงจังกะการห้ามอีตาเก้ามั้ยฮะะะะะ
คงไม่สินะะะ
//หิ้วหูไปโยนบ่อจระเข้
//หิ้วอิตาเก้าโยนตามลงไป
พอกันทั้งคู่ เอ๊ยยยย อินนนน
yimyum 28 ก.ย. 2557, 00:36:25 น.
พี่เก้าใจร้ายยยย ทำงี้ไม่เท่ากับว่าที่ทำมา 1 เดือนสูญเปล่าหรอกหรืออออ
พี่เก้าใจร้ายยยย ทำงี้ไม่เท่ากับว่าที่ทำมา 1 เดือนสูญเปล่าหรอกหรืออออ
อสิตา 28 ก.ย. 2557, 00:36:34 น.
กระต่ายนุ่มตัวนี้ไม่มีพิษมีภัยจริงจริ๊งงงงงงงงงง
กระต่ายนุ่มตัวนี้ไม่มีพิษมีภัยจริงจริ๊งงงงงงงงงง
Sukhumvit66 28 ก.ย. 2557, 01:09:33 น.
เหมือนมีปีศาจที่ชื่อว่าความโลภเข้าครอบงำ หมดกัน. ศีลที่อุตส่าห์รักษามา
Ps. งั้นก็เข้าแผนชายชุดดำสุดฮิปเลยซิ โธ่!
เหมือนมีปีศาจที่ชื่อว่าความโลภเข้าครอบงำ หมดกัน. ศีลที่อุตส่าห์รักษามา
Ps. งั้นก็เข้าแผนชายชุดดำสุดฮิปเลยซิ โธ่!
นักอ่านเหนียวหนึบ 28 ก.ย. 2557, 01:55:07 น.
เอิ่มมมม กรรมนะ มันเป็นเพราะกรรม ท่องไว้ๆๆๆๆ ฮึ่ยยยย ขัดใจ ยัยกีะต่ายตัวซวยเอ้ยยยยย !!!!!
เอิ่มมมม กรรมนะ มันเป็นเพราะกรรม ท่องไว้ๆๆๆๆ ฮึ่ยยยย ขัดใจ ยัยกีะต่ายตัวซวยเอ้ยยยยย !!!!!
ใบบัวน่ารัก 28 ก.ย. 2557, 05:46:16 น.
เจ้อสิตาคะ ฉากนี้บทนี้ใช้งานตัวนุ่มคุ้มเลยนะคะ ไม่ใหิเปียกอย่างเดียว
มอมแมมไปทั้งตัวพี่เก้าเลยเข้าใจผิดว่าถูกลงแขกมา ฮือๆๆๆเจ้เค้าสั่งอะคะเก้า
แค่ไม่มาตอนที่แล้วเจ้เค้าจัดหนักเลย ต่ายต้องไปซักด้วยโอโม่แล้ว สีทนได้ ต่ายทนได้
น่าสงสารต่ายจังแต่ต้องเล่นตามบทนะเด๋วไปเป็นพริตตี้ขายหนังสืออีกไปทั้ง2 ร่างเลย
จะได้มีเงินไปช้อปปิ้ง ต่ายนะ รักใคร นายยม หรือ นายเก้า ตอบด้วยนะ
เจ้อสิตาคะ ฉากนี้บทนี้ใช้งานตัวนุ่มคุ้มเลยนะคะ ไม่ใหิเปียกอย่างเดียว
มอมแมมไปทั้งตัวพี่เก้าเลยเข้าใจผิดว่าถูกลงแขกมา ฮือๆๆๆเจ้เค้าสั่งอะคะเก้า
แค่ไม่มาตอนที่แล้วเจ้เค้าจัดหนักเลย ต่ายต้องไปซักด้วยโอโม่แล้ว สีทนได้ ต่ายทนได้
น่าสงสารต่ายจังแต่ต้องเล่นตามบทนะเด๋วไปเป็นพริตตี้ขายหนังสืออีกไปทั้ง2 ร่างเลย
จะได้มีเงินไปช้อปปิ้ง ต่ายนะ รักใคร นายยม หรือ นายเก้า ตอบด้วยนะ
lovemuay 28 ก.ย. 2557, 06:04:46 น.
จริงๆก๋น่าเสียดายน้า อีกวันเดียวเองพี่เก้าทำศีล5 ขาดสะบั้นลงซะแล้ว
จริงๆก๋น่าเสียดายน้า อีกวันเดียวเองพี่เก้าทำศีล5 ขาดสะบั้นลงซะแล้ว
ketza 28 ก.ย. 2557, 08:41:56 น.
โถ่ๆๆๆๆ พี่เก้าง่ะ อีกนิดเดียวเองงงง ไมตัวนุ่มไม่ห้ามมมม ห้ามยากก้ปล้ำเยยจิ ดื้อนัก 555
โถ่ๆๆๆๆ พี่เก้าง่ะ อีกนิดเดียวเองงงง ไมตัวนุ่มไม่ห้ามมมม ห้ามยากก้ปล้ำเยยจิ ดื้อนัก 555
ภาวิน 28 ก.ย. 2557, 10:48:31 น.
กระต่ายก็มีมารยาสินะ สัจจะไม่มีในหมู่โจร นี่คือสัจจะของโจรละสิ
กระต่ายก็มีมารยาสินะ สัจจะไม่มีในหมู่โจร นี่คือสัจจะของโจรละสิ
ดังปัณณ์ 28 ก.ย. 2557, 10:58:15 น.
อื้อหื้อพ่อคุณ ไม่มีสัจจะในหมู่โจร! นี่ละ!! ขุ่นแม่กุเต่ยละ!!! 555+
เก้าเอ๊ย อีกนิดเดียวแก้ๆยังกะกล่องแพนโดร่า ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ว่าแต่ฉากไล่จับกระต่ายนี่พี่แกเหี้ยมดีแท้ เพลาๆมือหน่อยนะพ่อนะ เดี๋ยวกระต่ายตัวน้อยก็อี๋แตกคามือหรอก 555+
หนอนทำใจไว้แล้ว เรื่องนี้ถูกหลอกอีกแน่ = =" ชริ ไว้เรื่องหน้าละกัน 555+
อื้อหื้อพ่อคุณ ไม่มีสัจจะในหมู่โจร! นี่ละ!! ขุ่นแม่กุเต่ยละ!!! 555+
เก้าเอ๊ย อีกนิดเดียวแก้ๆยังกะกล่องแพนโดร่า ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ว่าแต่ฉากไล่จับกระต่ายนี่พี่แกเหี้ยมดีแท้ เพลาๆมือหน่อยนะพ่อนะ เดี๋ยวกระต่ายตัวน้อยก็อี๋แตกคามือหรอก 555+
หนอนทำใจไว้แล้ว เรื่องนี้ถูกหลอกอีกแน่ = =" ชริ ไว้เรื่องหน้าละกัน 555+
บุลินทร 29 ก.ย. 2557, 00:01:50 น.
มาแบบพี่มูน ช่วงนี้ปิดต้นฉบับขอเข้าถ้ำ ฮ่าๆๆ
มาแบบพี่มูน ช่วงนี้ปิดต้นฉบับขอเข้าถ้ำ ฮ่าๆๆ