ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๖.๓ ราคาของเพื่อน

ด้วยความสัตย์จริง ตอนแรกทีม ๕ปรารถนา คิดกันว่าหนังสือจะออกในงานหนังสือ
แต่ว่าๆๆ ดั่งสายฟ้าฟาด หนังสือวางแผงแล้ว!!! สวยงามมากค่ะ ปกทองระยิบเลย
...ใกล้เวลาต้องจากลา ตามที่บอกไว้ ว่าจะลงให้มากที่สุดเท่าที่ให้ได้
จำต้องหยุดโพสต์ตามมารยาทต่อสนพ. ดังนั้นจะลงวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายนะคะ
จบบท มิสชั่นสำคัญ...ฉากนี้เคลียร์!
หลังจากนี้แวะไปเยี่ยมกันบ้างนะคะ ที่เพจอสิตาในเฟซบุ๊ก
กำลังเตรียมงานโปรเจคดาวล้านดวงไว้อีก ถ้าสนใจแวะไปคุยและรับชมกันได้ที่นั่นค่ะ



คุณผักชีศรี – ชิๆ ซื้อเล่มแล้ว ไม่มาตามอ่านในนี้แล้วสินะคะ แล้วทีนี้จะเอาอะไรข่มขู่แลกรูปแมว กรี๊ดดด
คุณภาวิน – เสียดาย ข้าใส่นางเพชรน้อยมาก เพราะคิดว่าหน้าทะลุแล้ว แถมมันหาที่ใส่ลำบากหลาย
คุณใบบัวน่ารัก – ตัวนุ่มมะได้โดนทิ้งน้า เอาไว้ในที่ปลอดภัยกว่าเอาไปด้วยอีก จริงๆๆ
ขำเลย ลูกค้ารออุ่นเวฟซาลาเปา ลองมากัดกินเค้าจิ... ตัวนุ่มสู้นะ กัดคืนนะๆ
คุณพี่พันธุ์แตง – รู้ได้งายว่าปอบไม่กินเครื่องในกระสือ ก็บอกอยู่นี่งายว่ากิน ลองมาเจอกันจิคืนนี้
บินข้ามน้ำข้ามทะเลมานะ แต่ระวังเช้าก่อน เข้าร่างไม่ได้แน่นอน ลงไปลอยรวมกะแมงกะพรุนในทะเลเลย
ไอ้เอกเป็นยังไง ใกล้จะได้รู้แล้วละนะ...

คุณเลิฟหมวย – อ๊ะ เดาถูก ตัวนุ่มได้ยินว่าพี่เก้าจะไปเสี่ยง ตัวนุ่มอยากเข้ามาๆๆ งี้ๆๆ คืนนี้มันแน่นอน
คุณยิ้มยิ้ม – เอิบ ชอบคู่วายก็ไม่บอก เดี๋ยวเรื่องหน้าเขียนให้เลยดีไหม ตัวนุ่มโดนคนรังแกอะจิ
คุณหนอนสะดุ้งขี้เถ้า – สงสารหนอนจัง ไม่มีหนังสืออ่านนน อ่านในนี้ไปก่อนน้า ทยอยๆ
ฉะนั้นหนอนกระดึ๊บหนีไปไหนยังไม่รอดร๊อก ...ตัวนุ่มหงอยเพราะคนชุดดำอะจิ
นายชามันทำไมบอกว่าลืมติดตั้งอะเหรอ ตอนนี้มีคำตอบละ แสยะ
คุณบุลินทร – แน่นอนว่าปกสวยระดับนึง 555 เห็นแล้วยังเนี่ย ออกจากบ้านไปตอนเย็น ตามเฟซไม่ทัน

คุณริญ – คืนนี้ข้าจะกกหนังสือทองพญามารนอนอย่างสุขอุรา
คุณโกลเด้นซัน – จริงๆเก้ากับเตนี่มีกระแสความผูกพันบางอย่างค่ะ อยากรู้ต้องซื้อยกกล่อง ๕ ปรารถนา
กล่องสวยมากๆๆ อวดในเพจอสิตาแล้ว(หรือยังนะ เริ่มมึน...) ต่างฝ่ายต่างมีแผนค่ะ เจ็บตัวกันแน่ๆ
เสื้อทอง คุ้มได้แน่ ถ้าใส่อยู่น่ะนะ //คนเขียนยิ้มมีเลศนัย
คุณเกดซ่า – พี่เก้ารู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลองงงง ตัวนุ่มนอนสั่น หนาวใจจังเลย เป็นห่วงพี่เก้าจังเลย

คุณสุขุมวิท 66 – ลุ้นระทึกกันต่อค่ะ ตอนนี้มีเรื่องไม่คาดคิดเยอะเลย เชิญอ่านได้ ณ บัดนาวววว
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – ตัวนุ่มกองอยู่ตรงนี้ เหนื่อยจุง แต่หัวใจไปช่วยแล้ว อยากไปช่วยจัง
รวบรวมแรงใจก่อนนะ ฮึบๆๆ
คุณพีโน่ หรือพี่โนคะ อ่านแบบไทยหรือเทศดีน้า – ขอบคุณที่มาเม้นต์นะคะ ดีใจๆ
ตัวนุ่มจะพยายามช่วยพี่เก้านะ
---------------------




“รีบออกรถเถอะ!”

นี่คือการหวนมาเจอกันอีกครั้งของชายหญิงแห่งทีมปล้นที่แสร้งแตกคอกับกลุ่มรุนแรง
เพื่อลดการจับตาและการตามรู้ตามเห็นของพวกพรายกระซิบ สร้างข่าว
ที่ยังความสับสนเมื่อเจ้าลิ่วล้อพวกนั้นกลับไปรายงานศัตรู ตามความเข้าใจของทั้งสอง
พรายกระซิบที่ว่าคือนักสืบ หาใช่สิ่งเหนือธรรมชาติอย่างที่นพคุณรู้ว่าติดตามดูอยู่ไม่

แต่แผนแตกคอนี้ อย่างมากก็ใช้ช่วยได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“นายชาล่ะ! มันต้องเป็นคนพาสองคนนี้มาเจอเธอไม่ใช่หรือ?”

“เขาบอกให้เราไปกันก่อน จะหาทางหนีไปเองตามแผนสำรอง...
เห็นว่าลืมติดตั้งระบบบ้าบออะไรไปตัวนึงนี่แหละ แย่ชะมัด
แต่ยังดี พ่อลูกคู่นี้บอกตรงกันว่ามีเด็กผู้ชายคนนึงจูงมือมาส่งก่อนถึงฉัน”

“เด็ก? อืม สายของไอ้เก้าสินะ ช่างเถอะ ต้องรีบไปแล้ว”

โชคดีที่เส้นถนนช่วงนี้รถไม่ติดมาก ทันทีที่เลี้ยวพ้นโรงแรมรถสีเทาเงิน
พุ่งออกไปราวลูกกระสุน พยายามจะกลืนหายไปกับการจราจรแห่งเมืองหลวง
ยามราตรี ทิ้งเมฆทะมึนหนักอึ้งไว้กับคนข้างหลังที่ยังต้องสานภารกิจนี้ต่อให้สุดทาง

ทว่า สายตาของกุมารน้อยกลับเล็งเห็น รถสีดำทยอยตามออกไปหลายคัน

ถึงนายจะบอกไม่ให้คอยตามเป็นอึปลาทอง แต่ยังไงพวกมันก็ต้องมีหูมีตาอยู่แล้ว
พี่เก้าให้เขาคอยดูอยู่เพื่อการณ์นี้ เด็กชายจึงกระซิบกับกระต่ายน้อยในฝ่ามือ

“แยกกันก่อนนะพี่นุ่ม ไม่ต้องตามเราไป พวกนั้นมีของ...
แล้วก็ไม่ต้องเข้าไปในตึกด้วย มันอันตรายมากสำหรับสภาพอ่อนแรงของพี่ตอนนี้”

พูดจบเด็กชายเก้าขวบก็ก้มลงหอมกระต่ายเบาๆแล้ววางลงอย่างทะนุถนอมบนพื้นหญ้า
ก่อนจะหายวับ ทิ้งก้อนขนสีขาวอ่อนยวบไว้ ณ สวนนั้นเพียงเดียวดาย



สามทุ่มสิบสามนาที...

นพคุณสวมแว่นสีชา นั่งด้วยทีท่าสบายๆรวมอยู่กับกลุ่มผู้เข้าร่วมประมูล
ในห้องใหม่ที่แยกออกมาต่างหากจากห้องจัดแสดงทองในตู้กระจก
ห้องนี้มีสองชั้นสวยหรูราวกับโรงละครโอเปร่าก็ไม่ปาน แต่ม่านชั้นสลับลายเลื่อม
เป็นแบบไทยๆ แนวไม้ตีระเบียงชั้นบนก็ยังเป็นไม้สักทองสลักเสลา

ติดเวทีประมูล คุณหญิงประกายทองผู้ตีกระบังหน้าสูงโด่เด่เห็นถนัด
ประคองพุดเดิ้ลน้อยไว้แนบอก ตรงที่นั่งข้างเคียงเขามองเห็นปองเกียรตินั่งอยู่
ฝ่ายนั้นยังสวมหมวกแบเร่ต์สีขาวเหมือนตอนที่ลงรถเข้างานมา

นพคุณฆ่าเวลาด้วยการแกล้งขอตัวลุกจากที่นั่ง ระหว่างนั้นกลับหยิบ
เครื่องประดับผมอัญมณีเหมือนหงอนไก่จากมวยผมของสตรีสาวคนที่นั่งตรงหน้า
มาเสียบสลับกับที่ประดับผมรูปผึ้งตอมน้ำหวานซึ่งดูคล้ายแมลงวันตอมกองอะไรบางอย่าง
ที่ไม่น่าพิสมัย จากผมของแม่สาวที่นั่งเยื้องไปอีกคน ค่าที่สิ่งโง่เง่านี้รบกวนสายตาเขามานานหลายนาที

หลังจากเลือกที่นั่งใหม่ซึ่งได้มุมเหมาะสมกว่า รอจนเวลาล่วงผ่าน สมบัติเลอค่า
ของคุณหญิงหลายต่อหลายชิ้นได้ถูกเปลี่ยนมือด้วยมูลค่างดงามน่าพอใจ กระทั่งมาถึงเสื้อทอง...

ดนตรีกระหึ่มคล้ายสำเนียงร่ำกลองรบโบราณ เข้ากับจังหวะเดินย่ำเท้าของชายหนุ่ม
สูงสง่าหน้าตาดีที่คัดมาคมเข้มสมชาย รูปร่างเพรียวแกร่งงดงามเดินถือดาบเข้ามายืนผงาดถมึงทึง
กลางเวทีประมูล ตาปรายมองลงล่างราวกับมองจะเด็ดหัวข้าศึก หนวดปลอมประดับไว้โง้ง
ราวเขี้ยวยักษ์น่าเกรงขาม ก่อนจะพาดดาบไร้ฝักคาบไว้ในปาก แขนทั้งสองกางออก
รอคอยบริวารนอบน้อมที่อัญเชิญเสื้อทองลงมาสวมบนเรือนกาย โดยมีเสียงพิธีกร
สาธยายถึงความหนังเหนียวทนทายาดของนักรบผู้ได้สวมใส่สิ่งนี้ไม่ขาดปาก

เสียงกลองระรัวบีบคั้นยิ่งขึ้น...เมื่อเกราะอ่อนสีทองถูกสวมเข้าพอดีร่าง
สองชายที่เป็นข้าทาสกลับชักดาบสะพายหลังออกมาเงื้อง่า ตวัดฟันเข้าที่
แขนสองข้างของชายในเสื้อทองพร้อมกัน พลันเลือดไหลอาบลงมาจากสองแขน
คนโดนร้องโอดโอยลั่น ท่ามกลางเสียงอุทานไม่คาดคิดของพิธีกรและคนดู
ทว่าแผลไม่ได้ลึกอะไรนักเพราะดาบไม่ได้คมจัด แต่ตัวนักแสดงผู้ยังงงยิ่งทรุดลง
สั่นกระตุกเยือกไปทั้งร่างคล้ายสะดุ้งคัน ก่อนจะตะกายเกาเสื้อแล้วร้องเสียงหลง
ล้มลงดิ้นกับพื้นเหมือนตัวบุ้งชักกระตุก ดูทั้งน่าสงสารทั้งน่าเวทนา

นพคุณเอามือลูบหน้าผาก ทั้งขำทั้งอนาถ เขายังมองลอดนิ้วมือไปยังภาพบันเทิง
ที่จำต้องมีเพื่อหักหน้าและทำลายความน่าเชื่อถือของพวกปองเกียรติ สงสารก็แต่
นายแบบเคราะห์ร้าย ต้องมาได้แผลที่แขน แถมคันคะเยอดิ้นพล่านเพราะฤทธิ์หมามุ่ย...

“งานแสดงทองถักแบบไทยๆก็ต้องโรยด้วยสมุนไพรไทยๆถึงจะเหมาะ”
ชายหนุ่มรำพึงยิ้มๆยามลุกจากที่นั่งชม

เขาไม่ใช่โจรที่ขโมยได้ทุกสิ่ง...

แล้วก็อย่างว่า ยิ่งไม่ใช่โจรที่แน่ถึงขนาดส่งคำเตือนถึงเหยื่อก่อนลงมือ
แต่เป็นโจรที่จะเฉไฉไปอีกทางเสียไกลลิบ เรื่องคำเตือน มันก็แค่เบี่ยงเบน
ความสนใจเท่านั้น เสื้อทอง...เป็นแค่เป้าหมายหลอก แต่ก็ใช่ว่าไม่มีความหมาย
ยังไงเขาก็จะกวาดเอามาด้วย

ที่ต้องการจริงๆ คือการขโมยตัวหมอสุทัศน์และหมอทศพล! รวมถึงก่อความวุ่นวาย
ในสถานที่แห่งนี้ ถือเป็นการกระตุกหนวดพวกมันอย่างอุกอาจที่สุด

ปองเกียรติสุดจะทนทานกับภาพที่เห็น ถึงกับก้าวขึ้นไปบนเวที มือคว้าหมับ
ตรงช่วงคอของคนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายสร้างความขบขันชวนเวทนา วูบเดียวเท่านั้น
ชายคนที่ว่าก็สลบเหมือดคามือ... เสื้อทองถักไฮไลท์ของงานที่ควรจะสำแดง
ความแข็งแกร่งของผู้สวมออกมาน่ามองถึงขีดสุด กลับกลายเป็นชุดอันน่าสมเพชไปได้อย่างน่าขัน

มือสีแทนของชายกลางคนกำลังสั่นเพราะโกรธยามเอื้อมไปแตะเสื้อ
วูบนั้นกลับเห็นภาพจริงที่ซ่อนอยู่ นี่มันก็แค่ชุดหนังกลับที่เสกมนตร์ใส่ให้เห็นเป็นทอง!

นพคุณค่อยๆแทรกผ่านผู้คนที่กำลังลุกขึ้นมุงอลหม่าน อาของไอ้เอก
เพียงกดจุดที่คอก็ทำให้คนสลบได้ ไม่เลว... เพิ่งเห็นฝีมือปองเกียรติก็วันนี้
บ้านไอ้เอกมันถนัดเรื่องศิลปะการต่อสู้ ทั้งพอรู้เรื่องคุณไสยหากว่าอาของมัน
จะกระจอกไร้ฝีมือโดยสิ้นเชิงก็กระไร

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรออกในนาทีนั้น

ปองเกียรติที่เพิ่งลุกขึ้นยืนชี้นิ้วสั่งการขมวดคิ้ว ปกติโทรศัพท์ที่จะรับสายด้วยตัวเองนั้น
มีเพียงคนสำคัญขั้นหัวกะทิเพียงสองสามคนที่รู้เบอร์ เขาจำต้องหยิบมันออกมาดู
ในเวลานี้อย่างเสียมิได้ พบว่าเป็นหมายเลขที่ไม่เปิดเผย ยังไรเสียก็ยังตัดสินใจกดรับ
คิดว่าคงไม่อันตรายถึงขนาดถูกจรวดมิสไซล์ยิงมาใส่เพียงแค่เพราะรับโทรศัพท์ครั้งนี้แต่อย่างใด

“ฮัลโหล นั่นใคร?”

“เพื่อนของหลานชายคุณไง...” เสียงจากปลายสายมีแววยั่วยิ้ม

ปองเกียรติก้าวลงจากเวที กราดตามองหาเป้าหมายอย่างใจเย็น
ปากยังพึมพำตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “หลานเก้าโทรมาหาอาเวลาสำคัญแบบนี้
อยากจะคุยอะไรหรือ” เขาแสร้งพูดจาดีอย่างประชด “อยากขอโทษเรื่องในอดีต
หรืออยากไปอยู่กับไอ้เอกมันไวๆ”

“เพื่อนผมบอกว่าไม่ต้องตามหาเอาแบบนั้นก็ดี ไม่ต้องเปลืองแรง
เลยอยากถามทางคุณ...ว่าจะสะดวกช่วยส่งตัวมันคืนมาให้หน่อยได้ไหม
เพื่อแลกกับคนสำคัญที่เราได้ตัวไป”

“ใคร?”

“หมอทศพล กับหมอห้าวลูกสาวแก”

“แน่ใจงั้นเชียวว่าจะทำแบบนั้นได้” ปองเกียรติยังคงเดินกราดตาไปรอบๆ
แต่ไม่ได้ออกคำสั่งกับลูกน้องให้ลงมือค้นหาท่ามกลางฝูงคน

“อ้าว คุณยังไม่ได้ข่าวอีกหรือ จุ๊ๆๆ สงสัยลูกน้องกลัวระเบิดลง เลยไม่กล้าบอก”

“จะทำยังไงให้สองคนนั้นหายไปแบบนิ่มๆ แกใช้ยาบังคับหรือ?!”

“แล้วแต่จะคิด” นพคุณตอบพลางย้ายตำแหน่งของตนเองไปเรื่อยๆในฝูงชน
มั่นใจว่าเสื้อทองกับทั้งอาคมที่คุ้มอยู่จะป้องกันตัวได้ แต่โล่มนุษย์เหล่านี้ก็ยัง
จำเป็นที่จะเอาไว้กำบังไม่ให้ปองเกียรติตัดสินใจจะทำอะไรได้สะดวกนัก

“นี่เรากำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ใช่ไหม” ปองเกียรติคำรามคล้ายหัวเราะเยาะ

“เล่นไล่จับต่างหาก แต่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายแย่ ถ้าคุณหาผมเจอ”
นพคุณกระซิบ รอยลักยิ้มกดลึกที่ข้างแก้ม เริ่มรู้สึกว่าเป็นคืนที่น่าสนุกเสียจริง

หน่อยรักษาความปลอดภัยถูกเรียกเข้ามาจัดการคุมพื้นที่ แต่เหล่าเศรษฐีมีเงินหลายคน
ที่อยากจะหนีกลับบ้านเต็มแก่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวพ้นห้อง คนนับร้อย
ติดขังอยู่ในห้องประมูลหรูหรา เหมือนกับดักหนูสีทองขนาดยักษ์ไม่มีใครได้กลับออกไป

“กรี๊ด---! ไอ้หมาบ้านี่ กล้างับขาฉัน!” คุณนายชราคนหนึ่งโหยหวน
พยายามเอากระเป๋าเพชรพราวไล่ฟาดหมาพุดเดิ้ลสีทองที่แตกตื่นหนี
พลางเห่าเสียงขรม หารู้ไม่ว่าตนไปเหยียบถูกเจ้าหมาเข้าก่อนเลยเป็นเหตุให้โดนกัด

“นั่นมันหมาคุณหญิงประกายทองนี่คะ ว้ายตายแล้ว! แกอย่ามาทางนี้นะ ไอ้หมาผี!”

“กรุณาอยู่ในความสงบครับ มีการยืนยันว่าสมบัติชิ้นหนึ่งในงานของทางเราถูกขโมย
จะต้องมีการค้นตัวทุกคนในที่นี้”

พิธีกรเอ่ยออกไมค์ ทว่าแทนที่จะสงบกลับเรียกความไม่พอใจให้โหมแรงยิ่งขึ้น

“เจ้าข้าเอ๊ย!แค่สมบัติฉันเองก็กินทั้งชาติไม่หมดแล้ว หนอย ยังจะกล้าหาว่าขโมย”
คุณหญิงเสียงแหลมอีกคนกรีดเสียง “ยายประกายทองอยู่ไหน มารับผิดชอบงานของเธอเดี๋ยวนี้!”

“นั่นสิคะคุณพี่ ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติเรา ผิดใจแล้วอย่าหาว่าไม่เตือนนะ”
เจ้าแม่ย่านพาหุรัดสะบัดพัดประดับทับทิมแท้ตักกระพือเอาลมมาคลายความหงุดหงิดงุ่นง่าน

“คุณหญิงล้มพับไปแล้วนั่นแน่ะครับ!ความดันขึ้นแหง เห็นว่าแกเป็นโรคความดัน”
หนุ่มตี๋ทายาทโรงสุราที่บังเอิญติดอยู่ในห้องประมูลด้วยล้งเล้งชี้ไม้ชี้มือ

“ต๊าย! เดี๋ยวเถอะได้เป็นข่าวใหญ่โตละงานนี้” คุณป้าวัยดึกว่าแล้วก็ควักสมาร์ทโฟนขึ้นมา
กดถ่ายรูป พิมพ์ข้อความประจานอัพขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คเร็วปรื๋อ นิ้วที่ไว้เล็บยาว
เคลือบสีสดไม่เป็นอุปสรรคกับการสัมผัสหน้าจอราวกับลูบไล้คนรักวัยหนุ่ม
ลีลาพรมพร่างลงบนหน้าจอขัดกับอายุลิบลับ หลายนางเร่งแข่งกันพิมพ์ด่ายาวเหยียด
ถึงความล้มเหลวในงานนี้ที่เหล่าผู้จัดจะต้องรับผิดชอบ

นพคุณรู้สึกว่าสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้ายากที่เขาหรือปองเกียรติจะควบคุม
...อย่างไรเสีย เขารู้ว่าเสื้อทองนี้จะทำให้ตนไม่บุบสลาย

ปัง--- !

เสียงกระสุนคำรามลั่น ฟาดเหมือนสายฟ้าลงมาจากหลังม่านชั้นบนของห้องชมประมูล
แล่นเข้าใส่ด้านหลังศีรษะชายหนุ่ม แรงกระแทกส่งให้เขากระเด็นกลิ้งตัวม้วนตีลังกาไปหลายตลบ
ไม่คิดว่าพวกมันจะเลือกลงมือโดยวิธีอุกอาจท่ามกลางฝูงชนเพียงนี้!

เสียงกรี๊ดสนั่นห้อง คราวนี้ผู้คนที่อยู่ใกล้ต่างแตกหนี ไม่มีใครคิดเข้ามาช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว
ชายหนุ่มประคองตัวลุกยืน เท้าจิกพื้นต้านแรงกระสุนที่เตรียมใจว่าอาจมีมาอีก

ปัง--- ปัง-----ปัง--------- !

สามนัดติด ทว่าคราวนี้เขาค่อยๆหันไปเผชิญหน้า ปากพึมพำคาถาต้านช้ำใน
ก่อแรงผลักต้านอย่างไม่ระย่อ เขาเห็นมันแล้ว ปากกระปืนยาวแบบมีศูนย์เล็ง
นี่มันเห็นเขาเป็นสัตว์ที่มาเล็มหญ้ารอให้ล่าหรืออย่างไร

หากเป็นของขลังสูงค่าปกติที่สวมใส่กัน อาจมีอำนาจให้คู่ต่อสู้ยิงไม่ออกด้วยซ้ำ
แต่ถ้าในกรณีที่ผู้ยิงแข็งพอจะสวนทางฤทธิ์มาได้ผลก็จะเป็นตามนี้ ยังดีที่เสื้อทอง
ซึ่งสวมซ่อนไว้ภายในช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ แม้ตอนนี้เขายังมีชีวิตสำรองเหลืออยู่อีกหลายชีวิต!

นพคุณกลิ้งตัวไปคว้าดาบที่วางประดับไว้เล่มหนึ่งกระชากพ้นฝัก
ปาแรงพุ่งฉิวขึ้นไปยังระเบียงชั้นสอง ดาบกระแทกกำแพงดังแคร้ง
เมื่อเป้าหมายเบนกายหลบได้ทัน

...คนชุดดำ เมื่อแรกมันเข้างานมาพร้อมพ่อเขาในสภาพหมวกดำแว่นดำ
แต่ตอนนี้มันอยู่ในเสื้อมีฮู้ดคลุมตัวยาวราวกับเอาเสื้อกันฝนดำมาสวมทับให้ง่ายและเร็วเข้าไว้
เงานั้นไหวหลบวูบ ในขณะที่นพคุณเลิกสนใจปองเกียรติไปชั่วขณะ เขาตะกายพรวด
ผลักคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่เกะกะขวางทางให้หลีกพ้น เหวี่ยงตัวข้ามราวบันได
แล้ววิ่งขึ้นไปบนระเบียงชมประมูลชั้นสอง แต่นอนว่าบนนั้นมีประตูทางออก
แต่ล้วนถูกลูกน้องปองเกียรติคุมไว้หมดแล้ว

เขาไถลตัวไปกับพื้นพรมลอดไปตรงกลางระหว่างชายร่างยักษ์สองคนที่กำลังจะวิ่งเข้าสกัด
ก่อนจะเสยหมัดเข้าตรงเป้าหว่างขาอีกคนที่อยู่ถัดจากนั้นจนมันกลิ้งโอดโอยล้มทั้งยืน
บนบานประตูถูกล็อกไว้ด้วยแม่กุญแจเหล็กตัวยาว ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
เขาไม่มีเวลามาสะเดาะมันตอนนี้ ชายหนุ่มกดปุ่มกลไกนาฬิกาข้อมือ เลื่อยไฟฟ้าขนาดเล็ก
ยื่นออกมาพร้อมกับที่เขาสับมือลงตัดเหล็ก ทีเดียวขาดเหมือนฟันหยวกกล้วย
ชายหนุ่มถีบประตูปัง ช่องทางนั้นสลัวและยาวไกล แต่เขายังทันได้เห็นชายเสื้อสูทดำ
กระพือไหวเลี้ยวลับไปตรงสุดทาง

เขาตามขึ้นบันไดไปหลายชั้น พบแต่ทางที่ถูกตามไฟไว้เพียงสลัว
เสียงฝีเท้าเบากริบของมันค่อยๆจางลงและเงียบหายไปเฉียบพลันในที่สุด
ชายหนุ่มลังเล แต่ทันใดนั้น เงาร่างบอบบางกลับค่อยๆปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าเบื้องหน้า

“เก้า...”

“ตัวนุ่ม! กลับมาทำไม” ชายหนุ่มนิ่วหน้า ถอดแว่นสีขาออก
ภาพหญิงสาวตรงหน้าแตกซ่านสลับกับทำท่าจะจางหาย
ทั้งเหมือนจะหมดแรงมิหมดแรงแหล่ เมื่อเขาเอื้อมไปหา
กลับคว้าได้เพียงอากาศ พลังงานของเธออ่อนล้าจนน่ากลัว

“ชา สุวิชาถูกจับไปแล้ว!”

“ตอนนี้มันอยู่ไหน”

หญิงสาวขยับมือชี้ทาง อ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่าง
ทว่าคลื่นเสียงกลับสั่นพร่าจนฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆเลือนหายไป

นพคุณขบฟัน ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปหาไอ้ชาก่อนอื่น ชายหนุ่มเร่งไปตามทาง
ที่วิญญาณสาวชี้บอก ไปจนพบห้องไม่ใหญ่นัก สภาพเก่าซอมซ่ออย่างชวนสงสัย
ว่าไม่น่าจะอยู่ในโรงแรมหรูหรา พื้นปูด้วยแผ่นหินซึ่งชื้นจนจับสีตะไคร่จางๆ
แต่ความแปลกใหม่ที่เห็นยิ่งทำให้รู้สึกว่ามาถูกทาง นี่คือโลกใหม่
โลกโสมมแห่งความจริงที่ความวิจิตรแห่งอารยะภายนอกกลายเป็นแค่เปลือกลวง
สุดห้องนั้นมีม่านสีน้ำตาลรุ่งริ่งห้อยลงมา
เขาได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยร้องโอดโอยมาจากข้างหลังม่านนั้น

“ไอ้ชา!” ชายหนุ่มกระชากม่านเปิด เป็นเพื่อนของเขาจริงๆ
ทว่าติดกรงกั้นที่อยู่หลังม่าน เขาจึงเข้าถึงตัวมันไม่ได้

สภาพที่เห็นมันดูไม่ดีเอาเลย สุวิชากำลังดิ้นกระเสือกกระสน
ตาเหลือกกลับเหมือนโดนของ สำลักกระอักกระไอเอาเลือดสดๆออกมาทางปาก
คล้ายโดนเล่นงานด้วยคุณไสยอย่างถึงขนาด

“ไอ้เก้า ชะ ช่วยย---” เสียงร้องน่าสงสารเล็ดลอดจากปาก

นพคุณร้อนใจเหมือนถูกไฟจี้ กระชากสื้อสองตัวที่สวมอยู่ออกพ้นตัว
เร่งปลดเสื้อทองที่อยู่ข้างในสุด ไถลมันผ่านซี่กรงเข้าไปหาร่างผอมแห้งสั่นระริก
น่าเวทนาที่ตอนนี้เหมือนกำลังจะตาย

“ใส่เข้าไป ใส่เดี๋ยวนี้! มันจะไล่ของในตัวแกออกมา” เขาสั่งร้อนรน

“อะ ไอ้เก้า--”

มือของสุวิชากระเสือกกระสนทำตามอย่างคนคว้าฟางเส้นสุดท้ายเป็นทางรอด
ตะกายขึ้นนั่งใส่เสื้อมือไม้สั่น ทันใดก็สำลักเอาเศษเนื้อหนังเน่าๆออกมากองโต
พร้อมเลือดสดๆ ก่อนจะกุมคอสั่นเทาหอบหายใจทรมาน ค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากเย็น

นพคุณทิ้งเสื้อยืดแต่เร่งสวมเสื้อนอกกลับคืนเช่นกัน เพราะในนั้น
เขาใส่อุปกรณ์หลายอย่างไว้ ระหว่างนั้นเสียงดังกราวขึ้นเบื้องหลังติดๆ!
ชายหนุ่มหันไปเห็นซี่กรงชั้นแล้วชั้นเล่าถูกปล่อยลงมากั้นเขาจากประตูทางออก
ลงแบบนี้แม้จะใช้เลื่อยตัดเหล็กฟันแหกออกไปก็ยังต้องติดกรงชั้นต่อๆไปเบื้องหน้านับสิบ
ทางที่เขามาปิดลงแล้ว... ช่างเถอะ เขายังตายได้อีก ห่วงก็แต่สุวิชา
ชายหนุ่มหันกลับไปดูเพื่อน พบว่าอีกฝ่ายเริ่มจะยิ้มออก
มือผอมปัดป่ายเนื้อตัว จัดแจงเสยผมที่มันมักใช้เจลแต่งทรงไว้ดีให้เข้ารูปเข้าทรง

กิริยาสุดท้ายนั้น... มีบางอย่างไม่ถูกต้อง บางอย่างดูผิดที่ ผิดเวลา

“แกเป็นไงบ้างนายชา...” ชายหนุ่มถามเสียงแผ่วคล้ายลิ้นแข็งไปกะทันหัน

“ตอนนี้เรอะ...สบายดี แค่เมื่อกี้ลำบาก ต้องลงทุนเล่นบทคนโดนของด้วยของจริง
ไม่งั้นแกจะเชื่อได้ไง ว่าไหม?” คนตอบยิ้มหวาน “เออ จะว่าที่ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเหนือจริงมาก่อน
วันนี้รู้สึกอินขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่ะ”

นพคุณนิ่งอั้น เมื่อในกรงนั้น ม่านอีกชั้นข้างหลังเพื่อนเขาแหวกออก
ร่างในชุดคลุมกันฝนสีดำก้าวออกมาจากหลังฉากละคร

“ทำได้ดีมาก หมดหน้าที่ของแกแล้ว ถ้ายังมีอะไรจะสั่งเสียก็รีบพูดตอนนี้เลย”
เสียงแหบพร่าผ่านเครื่องแปลงเสียงออกมาเช่นเดิม

“ไอ้ชา” นพคุณเรียกเสียงแผ่ว “แก...”

“ทรยศ” สุวิชาปิดประโยคให้ “ชีวิตเด็กวัดที่อยากได้อะไรก็ไม่เคยได้
ที่หลวงตาสอนให้รู้จักพอ แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าชีวิตมันไม่เคยได้อะไรมาพอซะที
งานปล้นถึงจะรวยแต่ลำบากแล้วก็อันตรายเกินไป...อีกอย่างฉันก็ต้องเลือก
รอดชีวิตไว้ก่อน ช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เห็นไอ้เอกเป็นตัวอย่าง ใครจะไปยอม
ถูกทำให้หายไปฟรีๆ อย่างที่บอกนั่นแหละไอ้เก้า คนเราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว”

“ไอ้เวร! นี่แกคิดว่าซิกมุนด์ ฟรอยด์บอกอะไรมาแกก็ต้องเชื่อเหรอ”
นพคุณพูดอย่างโกรธจัด” แกคิดว่าอย่างไอ้เคี้ยงเพื่อนเราที่แม่งเป็นเกย์ก็เพราะ
ฮอร์โมนกับเรื่องติดใจความสุขทางทวารมาตั้งแต่ตอนเด็กๆที่มันหัดขี้นั่น
บวกกับปัจจัยห่วยแตกโน่นนี่ไม่กี่อย่างเรอะ” ในเวลาสุดท้ายที่คิดว่าจะได้พูดกับมัน
ความรู้สึกมากมายประดังออกมาราวกับทำนบแตก “ความพยายาม
ฉิบหายวายป่วงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแกเกิดจากที่ในตำราบอกแกว่าเป็น
แรงขับเคลื่อนทางเพศห่าเหวนั่นน่ะนะ!” เทียบกับความเป็นเพื่อนของเขากับไอ้ชา
แม้แต่ร่างในชุดดำตรงหน้ายังไม่มีความหมายอะไรให้สนใจเลย “แกไม่คิดว่า...”
นพคุณหอบหายใจแรง “มนุษย์ยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นที่เรียกว่าสปิริต
ที่เรียกว่าหัวใจ เรียกว่าวิญญาณ ทุกอย่างเป็นแค่สารเคมีและสัญชาตญาณเรอะ!”

“วันนี้ฉันเริ่มเชื่อแล้วไง ว่ายังมีพลังงานที่เรียกว่าไสยศาสตร์
แต่มันก็อาจเป็นแค่การสะกดจิตที่รุนแรงแขนงหนึ่ง ทำให้ทรมาน
และแก้ได้ด้วยโลหะนี่ สุวิชาชูเสื้อในมือที่เพิ่งถอดออกให้นพคุณชมผ่านซี่กรงชั้นหนึ่งนั้น
ที่กั้นระหว่างพวกเขา“แต่ยังไงคนเราน่ะก็แค่เกิดมา มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
แล้วก็ตายไปสู่ความมืด” คนพูดยิ้มด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า

นพคุณแค่นยิ้มตอบทั้งที่ยังเกร็งไปทั้งกาย “มีแต่สมอง ในเมื่อไม่มีหัวใจเหลือไว้คิดอย่างอื่น
ถ้าเชื่อแบบนั้น...แกคงได้ไปอย่างนั้นจริงๆ”

“ฉันรอพิสูจน์อยู่ ว่านรกมีกี่ขุม มีกี่ชั้น ถ้ามันมีจริง” สุวิชาทอดถอนยิ้มๆ

“ชั่วชาติ...”

“ชั่ว? คนเป็นโจรมีสิทธิ์ว่าคนอื่นชั่วหรือ ถึงแกจะว่าฉันชั่วยังไง ทรยศยังไง
แต่ความดีอย่างหนึ่งคือวันนี้ฉันเลิกเป็นโจรแล้ว รับเงินก้อนโตแล้วก็จากไปตามทาง
...ทีนี้เราสองคน ใครชั่วกว่ากัน?”

สุวิชาหันหลังไหล่ที่ดูจะงองุ้มลงกว่าปกติให้เพื่อน ยื่นเสื้อทองคืนสู่มือชายชุดดำ
ก่อนหลีกทางไป ม่านชั้นในนั้นเลื่อนเปิดออกไปด้านข้างจนสุดคล้ายเปิดทาง
ให้เพื่อนของเขาจากไปสู่ความมืดเบื้องหลัง เหลือเพียงศัตรูที่ประจันหน้ากับเขาตรงๆ

...ตอนนี้ระหว่างมันกับเขามีเพียงกรงกั้นกลาง

เจ้าของร่างในชุดกันฝนสีดำที่คล้ายคลุมทับชุดข้างในไว้อย่างนั้นยกเสื้อทองให้ดูจะจะ

“นี่ก็แค่ให้แกยืมใส่ชั่วคราว จะได้ประมาท สุดท้ายแกก็ต้องถอดมันคืนด้วยมือตัวเองอยู่ดี
...ทีนี้รู้แล้วยัง ใครฉลาดกว่าใคร?”

อึดใจนั้นเอง โทรศัพท์ในกางเกงของนพคุณสั่น เขาขยับตัวเพียงนิด
แต่ชายชุดดำดูเหมือนจะรู้ได้ในทันที

“รับสิ มีคนอยากจะพูดแทน...เรื่องไร้สาระที่ฉันขี้เกียจอธิบาย”

ชายหนุ่มหยิบมือถือออกมาดู เห็นเป็นเบอร์ของปองเกียรติที่โทร.กลับมาหา
...นิ้วกดปุ่มรับสาย ไม่ใช่เพราะทำตามคำสั่ง แต่เพราะตั้งใจจะทำเช่นนั้นจากความต้องการของตัวเอง

“ไงหลานเก้า...” ปองเกียรติส่งเสียงประชดประชันมาตามสาย
“ฉันขอแนะนำให้แกรู้จัก ผู้ชายชุดดำคนที่ตามเอาชีวิตแกมาแล้วหลายครั้ง
ขอบอกว่าแกจะคาดไม่ถึงทีเดียวละถ้าเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ตรงๆ”

คาดไม่ถึง มันหมายความว่ายังไง ...ทว่าเมื่อเงี่ยหูฟังข้อความถัดจากนั้น
น้ำเสียงเจือหัวเราะ น้ำคำยั่วแหย่ให้เสียสมาธิ ไม่ได้มีประโยชน์ที่จะฟังต่อ
นพคุณกดตัดสายอย่างโกรธๆ เขายังหูอื้อตาลายเรื่องสุวิชาไม่หาย
แต่ความรู้สึกนั้น ก็ต้องพยายามตัดทิ้งไปเช่นกัน แล้วคนตรงหน้านี่ล่ะ จะเอาอย่างไรดี

“เรามาเจรจากันอย่างคนมีอารยะหน่อยไหม” ชายหนุ่มเริ่ม

“หน้าด้านใช้ได้...เป็นหนูติดกับดัก ยังกล้าต่อรอง”

นพคุณล้วงเข้าไปในเสื้อ หยิบเอาอะไรอย่างหนึ่งออกมา “จะว่าไป
ฉันอาจยังมีความฉลาดที่ซ่อนอยู่ เดี๋ยวจะสาธิตให้แกดู
...นี่เป็นตุ๊กตาที่อาบน้ำตางูเห่ามาแล้ว”

ชายหนุ่มชูตุ๊กตาตัวเล็กๆในมือให้คนชุดดำเห็นชัดๆ น้ำตางูเห่า
ที่เขาพูดถึงมันคือสมุนไพรชนิดหนึ่ง ใบใช้คั้นน้ำมาผสมน้ำอาบให้เป้าหมาย
รากใช้คั้นน้ำมาอาบร่างหุ่นปั้น ผูกสองสิ่งที่ว่าให้เชื่อมโยงถึงกัน

“รู้ไหมว่าหุ่นตัวนี้เชื่อมโยงกับใคร” นพคุณยิ้มมุมปาก
พลางค่อยๆบิดแขนของตุ๊กตาทำจากหญ้าแห้งในมือ

ชายในชุดดำคำรามเหมือนสัตว์โดนทำร้าย เสียงเมื่อผ่านเครื่องแปลงเสียงออกมา
ยิ่งดูคล้ายอสุรกายหอบคำราม
“แก... ทำได้ยังไง!” คนสำรากกุมแขนขวาที่ตอนนี้ปวดร้าวราวกระดูกแตกอยู่ข้างใน

“วังห้าธาตุมีสระที่น่าลงอาบอยู่ไม่ใช่หรือ ที่จะต้องลงทุกครั้ง ก่อนศึกสำคัญ...
เอาฤกษ์เอาชัย แต่มันอาจนำไปสู่ความพ่ายแพ้ได้ไม่รู้ตัว”

เขาก็แค่เล่นเกมตามคำที่หมอสุทัศน์เอ่ยตอนนำเที่ยว
‘สระทอง ก่อนจะออกไปทำกิจการสำคัญ ถ้าได้ลงน้ำในสระมักมีชัยทุกครั้ง’

เพียงแค่ให้กานต์รวีเอาน้ำที่คั้นจากใบน้ำตางูเห่าติดตัวไปด้วย ฝ่ายนั้นยังอิดออด
ว่าพิษไม่กี่หยดแค่นั้นจะใช้กับน้ำทั้งสระได้ยังไง แต่ในเมื่อเขายืนกรานว่าได้
เพื่อนสาวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง... ลงแบบนี้ก็เป็นอย่างคาด ที่แท้เจ้าของวังห้าธาตุ
ก็ไม่ใช่คนอย่างหมอทศพล แต่เป็นชายชุดดำที่เคยพรากเอาหนึ่งชีวิตไปจากเขา

“ไม่มีใครอยู่เหนือดวง” ชายชุดดำกัดฟันพูดอย่างข่มกลั้นความเจ็บปวด
“แต่คนบางคน ไม่ถึงเวลาก็ไม่มีทางแพ้ง่ายๆ”

“งั้นเดี๋ยวผมจะช่วยเปิดทางแพ้ให้ก็แล้วกัน” พร้อมกับที่พูด เขาหักแขนของหุ่นจนบิดกลับผิดรูป

เสียงคำรามลั่นยิ่งกว่าเก่าดังมาจากคนในเสื้อกันฝนดำที่ทรุดลงทั้งกาย

จากนั้น นพคุณพุ่งถลาไปหาซี่กรง กดเลื่อยไฟฟ้าอย่างพิเศษที่มือขวาให้ทำงาน
สะบั้นซ้ายป่ายขวาสองทีซ้อน เหล็กกั้นกรงร่วงกราว กำลังจะก้าวเข้าหาเหยื่อชุดดำ
เพื่อดูโฉมหน้าที่แท้จริงของมันให้จงได้

ทว่าพร้อมๆกันนั้น ห่าเข็มเหล็กจำนวนหลายสิบก็พุ่งสาดออกมาจากเบื้องหลังมันเข้าใส่เขา!

นาทีที่เจ็บปวดทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหล็กนี้ไม่ได้รุนแรงพอจะฆ่าเขาได้
แต่เข็มสองเล่มกลับพุ่งทะลุเปลือกตาชายหนุ่ม ปักคาดวงตาทั้งสองข้างพอดิบพอดี!

“อะ...”

เขาอยากจะส่งเสียงร้องออกมาให้สุด
ทว่า...ความปวดแปลบจนจี๊ดขึ้นถึงหัวสมองนั้น
ทำให้เสียงสะดุดหายไปกลางอากาศ

ชายหนุ่มปล่อยตุ๊กตาร่วงจากมืออย่างคุมไม่อยู่ ขณะที่เสียหลักล้มเข่ากระแทกพื้น
สั่นไปทั้งตัว นี่เขากำลังตาบอด! มองไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลย! มือเอื้อมแตะบนหน้า
เลือด เลือดทั้งนั้น!และที่ยังปักตรึงในเบ้าตา ไม่ลึกพอจะฆ่า แต่ลึกพอจะ
เสียบตาของเขาเหมือนกับลูกชิ้น เจ็บแสบเสียยิ่งกว่าทุกอย่างในชีวิตที่เคยเจอ

ชายหนุ่มอ้าปากค้าง เร่งควานหาตุ๊กตาตัวที่ทำหล่นเปะปะ
แต่หาไม่เจอเสียแล้ว! โสตยังได้ยินเสียงคนเบื้องหน้าขยับทำอะไรตามสบายอยู่ครู่หนึ่ง
แต่ก่อนนั้นมันคงกรากเข้ามาชิงคว้าตุ๊กตาไปเรียบร้อย ครู่ใหญ่จากนั้น
ขณะที่นพคุณยังคงสะท้านไปด้วยความเจ็บปวดที่ลูกตาถูกแทงจนบอดดับ
เสียงพูดที่ดังขึ้นส่งผลให้เขาตัวแข็งชา โลกทั้งใบคล้ายจะหยุดหมุนลง


“มึงนี่มันตัวแสบจริงๆ”


ประโยคนั้นคงไม่มีความหมาย ถ้าเพียงแต่มันจะไม่ใช่เสียงของไอ้เอก
เป็นเอก ดำเกิงอดิเรก เพื่อนรักของเขาเอง!!!

“ไอ้เอก!”นพคุณข่มกลั้นความเจ็บปวดร้องออกไป

“ใช่ กูเอง...” เสียงตอบเรียบเรื่อย ปนเปลมหายใจแห่งความสาสมใจ



นี่หรือราคาของเพื่อนที่เขาไว้ใจ สุวิชาก็แล้ว นี่ยังจะ...

“กูไม่เชื่อ!” ชายหนุ่มขบกราม

เขาต้องการจะเห็นความจริงเดี๋ยวนี้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิต
เลื่อยไฟฟ้าขนาดเล็กที่ข้อมือถูกยกขึ้นมา หูที่ประสาทเฉียบคมเป็นพิเศษ
ได้ยินใบเลื่อยเริ่มหมุนเป็นนับร้อยนับพันรอบแบบไร้สุ้มเสียง
แต่ในใจเขากลับอึงอล ความตายคราวนี้
แน่ใจว่าคงไม่เจ็บปวดเท่ากับมีชีวิตต่อไปทั้งที่ไม่รู้ไม่เห็นความจริง

คมเลื่อยเร็วตวัดผ่าน
พริบตานั้น เลือดพุ่งสาดกระจาย




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2557, 01:41:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2557, 01:41:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1204





<< ๖.๒ ราคาของเพื่อน   ๖.๔ ราคาของเพื่อน(จบ) - ถึงก่อนบท คืนฟ้าไร้จันทร์ >>
ภาวิน 9 ต.ค. 2557, 05:04:19 น.
ไม่ต้องเสียดายหรอกไอ้พี่เก้า ไอ้เพชรกับนังเตคั่วกันไปหลายหน้า ไอ้พี่เก้าก้ไม่ค่อยได้ไปดผล่เรื่องโน้นมัวแต่ติดเรื่องปล้นกับลุ่มหลงนังตัวนุ่ม โทาทีที่ลืมตอบคอมเม้นท์ในวันนั้น พักนี้ข้าขาดๆเกินๆอยู่เรื่อย อยากเห็นหนังสือแล้ว
แต่ตอนนี้ไอ้พี่เก้ากำลังจะตายอีกรอบ สารภาพมาเถอะ ว่าชายชุดดำนั่นคือชามัลปลอมตัวข้ามเวลามา ๕๕๕


ketza 9 ต.ค. 2557, 06:16:24 น.
เกดนุ่มมาแว้ววว


ketza 9 ต.ค. 2557, 06:25:36 น.
แง้งงงง พี่เก้าโดนรุม ใครๆก็รุมแกล้ง ไมงี้ๆๆๆๆ
ชายชุดดำ ใครๆๆๆๆ ชามัล?????


lovemuay 9 ต.ค. 2557, 06:42:57 น.
สงสารพี่เก้า เพื่อนหักหลังคนเดียวก็ว่าแย่แล้ว ที่ยังมีมากกว่า 1 คน


ใบบัวน่ารัก 9 ต.ค. 2557, 07:11:16 น.
ตายดับอนาจมือขาดตาบอด เพราะเพื่อนทรยศ
ตัวนุ่มเอ๋ย ถ้าจะทิ้งเก้าก็ช่วยให้ไม่ตายอนาถ หมดอนาคตเก้านะ
รักเพื่อนแต่เพื่อนรักเงินมากกว่าตัวนุ่มรักอะไร มากกว่าหละะ
หือๆๆ หรือสงสารเก้าอะ


yimyum 9 ต.ค. 2557, 09:36:12 น.
ค้างงง เลือดกระจายแล้วไงต่อ (แปลกแหะ อ่านนิยายเลือดกระจายดันไม่กลัว แต่พอเจอเลือดคนอื่นจริงๆ ดันกลัว --)
ป.ล. ไม่ได้ชอบน้าาาคู่นั้นอ่ะ ชอบตู่ตัวนุ่มกับพี่เก้ามากกว่า


นักอ่านเหนียวหนึบ 9 ต.ค. 2557, 14:57:51 น.
ห๊ะ! พี่เก้าโดนรุมโทรม เอ้ยยย โดนรุมจนโทรมเลยยย แหม่ๆๆๆ ภาษาไทยใช้ยากจิงๆ ยัยตัวนุ่ม หล่อนเองก็นกต่อป้ะ หลอกล่อให้กุมารน้อยไปวุ่นวายอยู่ทางนุ้น โอ้ยยย สงสารเฮียจิง


พันธุ์แตงกวา 9 ต.ค. 2557, 18:08:47 น.
งือ มันเจ็บปวด พวกทรยศ ดูถูกความจริงใจของเฮียเก้า ขอให้พวกมันได้รับกรรมอย่างสาสม ว่าแต่มันคงไม่ใช่แผนซ้อนแผนอีกใช่มั้ย ชักไม่ค่อยไว้ใจคนเขียน
เอิ่ม ห้าแล้วสิ ไม่มีสูตรกดเพิ่มไลฟ์ให้พี่เก้ารึ


ดังปัณณ์ 9 ต.ค. 2557, 19:07:08 น.
หลอกได้หลอกไป หลอกฉันเสียให้พอใจชริ!!!!

กอดอกสะบัดหน้าหนีงอนๆๆๆๆ โดนหลอก แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อั้ยๆๆๆๆๆหนอนโดนหลอกกกกก โดนต้ม แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ทำไมถึงทำกับหนอนด้าย กุซิกๆๆๆๆ

และแล้ว...นายชาก็หักหลัง ชริๆๆๆๆ

ป.ล.ขุ่นแม่กุเต่ย พรุ่งนี้ลงเช้าๆๆน้า ตอนเย็นหนอนไม่ยุลากยาวไปสามวัน เดี๋ยวไม่ได้อ่านอั้ย


peeno 9 ต.ค. 2557, 21:14:53 น.
ปวดใจแทนพี่เก้า เพื่อนรักทรยศหักหลัง เอ๊ะ! หรือจะเป็นการแสดงละครฉากใหญ่ที่ไรเตอร์กำกับ
แล้วตัวนุ่มหักหลังพี่เก้าด้วยหรือเปล่า


goldensun 10 ต.ค. 2557, 00:22:14 น.
ถึงว่า จะมีอะไรทำให้เก้าถอดเสื้อทองได้ ช่วยเพื่อนนี่เอง แล้วก็โดนชาหักหลัง
ต่อมาก็เอก จะแปลงเสียงหรือเอกทรยศจริงกัน รวมตัวนุ่ใด้วยมั้ยเนี่ย
ฆ่าตัวตายแก้ปัญหาซะเลย หมดอีกชีวิตหละ ตลกร้ายของคนให้เหรียญซะจริง


ริญจน์ธร 10 ต.ค. 2557, 10:17:12 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account