ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: สัตว์พันปี : บทที่ ๕ ทุกขลาภ

บทที่ ๕ ทุกขลาภ

แว่นหลับตาแน่นขณะกระโดดหนีตายลงไปในบ่อน้ำร้อน ความลึกของจุดที่ตกลงไปอยู่ประมาณอก จึงต้องย่อตัวลงเพื่อให้ร่างกายจมลงไปทั้งหมด เขาเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดโดยไม่ถูกต่อทำร้าย ทว่าก็เบาใจไม่ได้ กุ้ยฮวากลั้นหายใจได้ไม่นาน จำเป็นต้องรีบขึ้นไปหาอากาศมาเติมให้ร่างกาย

แว่นไม่ได้ยินเสียงกระพือปีกของฝูงต่อเมื่ออยู่ใต้น้ำ ครั้นจะลืมตามองก็ไม่กล้า น้ำในบ่อมีอุณหภูมิสูง แม้ผิวหนังจะทนได้แต่ก็อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อดวงตา แว่นจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ปล่อยให้มันลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ รอจนกลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว จึงค่อยขึ้นไปสูดอากาศใต้เสื้อ

“ท่านหญิงอย่าเพิ่งโผล่หน้าออกมาเจ้าค่ะ ต่อมันยังไม่ไป” นางกำนัลคนหนึ่งตะโกนบอก

ขาดคำเสียงกระพือปีกของฝูงต่อรอบตัวแว่นก็หายไป พวกมันบินไปทางนางกำนัลที่หวังดีแทน เสื้อตัวนอกหนาเกินกว่าจะมองทะลุ แว่นจึงประเมินสถานการณ์จากเสียงเอา เขาได้ยินนางกำนัลหวีดร้องอย่างเจ็บปวด แสดงว่าคงถูกต่อยเพราะช่วยแว่น

“ทุกคนดำลงไปใต้น้ำก่อน อยู่เงียบๆ ห้ามใช้เสียงเด็ดขาด” แว่นสั่ง

เขาลงไปอยู่ใต้น้ำอีกครั้งแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวไปรวมกลุ่มกับคนอื่น เพื่อรอให้ฝูงต่อสงบไม่ก็มีคนมาช่วย

นางกำนัลที่แช่น้ำร่วมชะตากรรมกับแว่นมีทั้งหมดสามคน แม้ไม่ได้โผล่หน้าพ้นผ้าออกมาให้เห็น แว่นก็รู้ว่าพวกนางหวาดกลัวมาก จึงเอื้อมมือไปแตะแขน แล้ววาดนิ้วเป็นตัวอักษรบอกว่า ‘ไม่ต้องกลัว อยู่นิ่งๆ เอาไว้’

เขาทำอย่างนี้กับทุกคนจนครบ สักพักก็มีนางกำนัลคนหนึ่ง มาเขียนที่แขนของกุ้ยฮวาบ้าง

‘ข้าปวดเหลือเกิน ข้าจะตายไหม’

แว่นจึงตอบกลับไปว่า

‘เจ้าต้องไม่เป็นไร เชื่อข้าสิ’

แว่นสงสารนางกำนัลที่บาดเจ็บมาก หากถูกผึ้งหรือต่อต่อยต้องรีบปฐมพยาบาลด้วยการเอาเหล็กในออก แล้วประคบด้วยน้ำแข็ง ต้องมาทนแช่น้ำร้อนอย่างนี้ แผลยิ่งอักเสบไปกันใหญ่

‘อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวพวกมันก็ไปแล้ว’ แว่นเขียนข้อความให้กำลังใจเพิ่ม ทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้เริ่มแย่

ก่อนกุ้ยฮวาจะออกเดินทาง หลิ่งปินได้กล่าวเอาไว้ว่าอย่าได้แช่น้ำร้อนเกินครึ่งชั่วโมงเป็นอันขาด คำเตือนนี้ไม่ได้มีเอาไว้ให้แว่นปฏิบัติตามเท่านั้น แต่ยังเหมารวมคนสุขภาพแข็งแรงทุกคนด้วย การแช่น้ำร้อนมีผลดีต่อการไหลเวียนโลหิต แต่ถ้าแช่นานเกินไปเลือดจะมาสะสมที่ผิวหนัง เป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ผลที่ตามมาคืออาการอ่อนเพลีย วิงเวียน ไม่ก็หมดสติ

ขณะนี้แว่นเริ่มมีอาการเวียนศีรษะมากขึ้นเป็นลำดับ

‘ไม่เกินห้านาทีได้เดี้ยงตายคาอ่างแน่ เมื่อไรพวกต่อจะไปสักที’

ฝืนทนแช่จนจวนเจียนจะเป็นลมพวกต่อก็ยังไม่เลิกราวี ดีที่ว่ามีคนมาช่วยเอาไว้ทัน วิธีการคือหาหน่วยกล้าตายมาล่อพวกมันออกไป รวมถึงใช้ไฟไล่ ในที่สุดต่อวายร้ายก็ล่าถอยไปจากบริเวณบ่อน้ำร้อน สบโอกาสให้พวกทหารหญิงที่มาช่วยพาตัวกุ้ยฮวาและบรรดานางกำนัลขึ้นมาจากน้ำ

ตอนพยายามขึ้นมาจากบ่อ แว่นหน้ามืดไปวูบหนึ่งแต่ไม่ถึงกับหมดสติ ดีที่ว่าได้ทหารหญิงร่างกำยำเป็นหลังยึดเลยไม่หงายหลังตกน้ำไป

“ท่านหญิงจะเป็นลม รีบพานางไปพักผ่อนเร็ว” ทหารที่เป็นหัวหน้าสั่ง

“ข้าไม่เป็นไร” แว่นปล่อยมือจากหลักยึดเพื่อไม่ให้แตกตื่น “มีนางกำนัลโดนต่อต่อย พานางไปรักษาก่อน”

แม้จะสั่งเช่นนั้นพวกทหารหญิงก็ยังให้ความสำคัญกับกุ้ยฮวามากกว่าคนอื่น จากบ่อน้ำพุร้อนต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันเพื่อกลับที่พัก ทหารหญิงที่ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มจึงให้ขี่หลังพาเดินขึ้นมา นางกระโดดขึ้นบันไดได้ทีละสี่ห้าขั้นแสดงว่ามีวรยุทธ์สูงกว่าคนอื่น แว่นจึงขอร้องให้ลงไปช่วยอุ้มพานางกำนัลที่บาดเจ็บขึ้นมาด้วย

“ได้เจ้าค่ะ” ทหารหญิงรับคำแข็งขัน

เมื่อนางผละไปแล้ว หน่อมก็ปราดเข้ามาหา ในมือมีผ้าห่มผืนใหญ่กับเสื้อคลุมอยู่ด้วย

“โดนต่อต่อยไหม เป็นอะไรหรือเปล่า”

เขาตกใจแทบแย่ตอนเห็นแว่นหนีตัวต่อลงไปในน้ำ หน่อมเห็นเพื่อนกำลังแย่เลยเร่งกลับขึ้นมาด้านบนเพื่อตามคนไปช่วย ทีแรกเขาจะตามลงไปด้วยแต่ถูกห้ามเอาไว้ จึงได้แต่รออย่างร้อนใจอยู่ตรงนี้

“ข้าปลอดภัยดี ฮองเฮากับองค์หญิงหกล่ะ”

“ปลอดภัยเหมือนกัน กำลังเปลี่ยนชุดกันอยู่”

“ได้ตามหมอมาไหม มีนางกำนัลบาดเจ็บ”

“ให้ตามมาแล้ว อีกเดี๋ยวคงมาถึง”

พูดจบไม่ทันไร ด้านหลังก็มีใครคนหนึ่งกำลังวิ่งกระหืดกระหอบมา พร้อมแบกกล่องสีดำขนาดใหญ่ติดหลังมาด้วย พอเห็นกุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จูนางก็คุกเข่าทำความเคารพ

“หม่อมฉันเป็นหมอหญิงนามว่า ลู่จื่อถิงเพคะ”

แว่นพิจารณาหญิงสาวด้วยความสนใจ หมอหญิงถือเป็นอาชีพที่พบเห็นได้ยาก เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมและไม่ได้รับการเชื่อถือจากคนไข้เท่าหมอชาย กระนั้นก็ยังพอมีหมอหญิงเก่งๆ ในราชสำนักอยู่บ้าง โดยส่วนใหญ่มักมาจากตระกูลแพทย์

“ไม่ทราบว่าท่านหญิงโดนต่อต่อยหรือไม่ แล้วอาการขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง” จื่อถิงถามอย่างนอบน้อม

“ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มีนางกำนัลโดนต่อต่อย นั่นไง...มากันแล้ว”

ทหารหญิงที่มีวรยุทธ์อุ้มนางกำนัลคนหนึ่งมาพอดี นางกำนัลคนนี้โดนต่อยมากที่สุด ใบหน้านางซีดเผือด จมูกบวมเป่งแดงก่ำ จนเหมือนกำลังใส่หน้ากากตัวตลก

“ช่วยข้าด้วย ข้าปวดแผลเหลือเกิน” นางครวญครางอย่างทรมาน

นางกำนัลคนนี้คือคนที่เขียนมือถามแว่นในน้ำว่าจะตายไหม และเป็นคนเดียวกันกับที่ตะโกนบอกว่าอย่าเพิ่งโผล่หน้าขึ้นมา

“ฝากดูแลนางด้วย” แว่นกำชับหมอหญิง เพื่อที่นางกำนัลผู้เคราะห์ร้ายจะได้รับการรักษาที่ดีขึ้น

สังคมในวังแบ่งชนชั้นกันอย่างเข้มข้น ต่อให้แพทย์หลวงมีมนุษยธรรมดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ ก็ไม่สามารถเบิกยาราคาแพงได้ เว้นแต่จะได้รับคำสั่ง

“ท่านหญิงโปรดวางใจเจ้าค่ะ” หมอหญิงตอบรับก่อนเข้าไปดูอาการ

นางสอบถามข้อมูลจากคนป่วยแล้วจับชีพจรเพื่อประเมินอาการ ทักษะของจื่อถิงดูเป็นระบบระเบียบตามตำราดี กระนั้นภาพรวมก็ยังดูเนิบนาบ ตรงข้ามกับหลิ่งปินอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นท่านอาจารย์คงไม่พูดพล่ามทำเพลง ยัดยาแก้ปวดใส่ปากมาให้เลย แล้วค่อยเอาเหล็กในออกกับทำแผลให้

“รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ ที่นี่ลมแรงเดี๋ยวจะป่วยเอานะ” หน่อมเตือนเมื่อเห็นเพื่อนยังพะวงกับคนเจ็บ

แว่นพยักหน้ารับแล้วทำตามอย่างว่าง่าย หมอหญิงคนนี้ทำอะไรเชื่องช้า แต่เขาก็ไม่คิดดูถูก นางอายุมากกว่ากุ้ยฮวาไม่ถึงสิบปีแต่ได้ตามเสด็จฮองเฮา แสดงว่ามีความสามารถพอตัว


สำนักชีที่ฮองเฮาเสด็จมาประทับอยู่ในขณะนี้ แต่เดิมมีเพียงที่พักของเหล่านักบวชและอารามเล็กๆ ตั้งอยู่เท่านั้น ก่อนพระนางจะเสด็จจึงมีการก่อสร้างเพิ่มเติม ต่อขยายอาคารออกไปจนส่วนที่พักอาศัยใหญ่โตมากขึ้น ทั้งยังตกแต่งอย่างงดงามเพื่อให้สมพระเกียรติ

ช่างหลวงซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างได้ออกแบบห้องแปดเหลี่ยม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อให้ฮองเฮาทรงใช้เป็นที่ผ่อนคลายอิริยาบถ พระนางชื่นชอบทิวทัศน์ของขุนเขา จึงมักประทับอยู่ที่นี่ในยามบ่ายเสมอ หลังเจอเรื่องไม่ดีมา องค์หญิงเหวินหงจึงจัดแจงให้เสด็จแม่มาพักผ่อนที่ห้องนี้

“ยังไม่มีคนมารายงานอีกหรือ ข้าร้อนใจจริง” ฮองเฮาทรงชะเง้อมองออกไปยังเฉลียงทางเดิน

ตอนที่ถูกต่อโจมตีพระนางกับพระธิดาหนีมาอย่างเร่งรีบ เมื่อพ้นจากเขตอันตรายแล้วจึงพบว่ากุ้ยฮวาหายไป สอบถามก็ได้ความว่านางหนีลงบ่อน้ำร้อน ขณะนี้พวกทหารหญิงกำลังหาทางช่วยไล่ต่อให้อยู่

“เสด็จแม่อย่าห่วงเลยเพคะ กุ้ยฮวาเป็นคนตะโกนเตือนทุกคน คงเอาตัวรอดได้อยู่หรอก” องค์หญิงเหวินหงเอ่ยอย่างมั่นใจ

“กุ้ยฮวาอ่อนแอ เกิดเป็นล้มเป็นแล้งในน้ำขึ้นมาจะทำอย่างไร” ฮองเฮาทรงแย้ง “แล้วองค์หญิงสิบเล่า หายไปไหนเสียแล้ว”

ฮ่องเต้ทรงฝากฝังให้ดูแลพระธิดาองค์โปรดเป็นพิเศษ ลี่จูเป็นเด็กเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ก็พร้อมจะเสียสละเพื่อปกป้องคนอื่น คราวก่อนก็หลงป่าไปกับกุ้ยฮวาครั้งหนึ่งแล้ว หนนี้เผลอปล่อยให้คลาดสายตาไม่รู้ว่าจะทำอะไรหุนหันไหม

“น้องสิบคงรอฟังข่าวกุ้ยฮวาอยู่ด้านนอก ถ้าเสด็จแม่เป็นห่วง ลูกจะไปดูให้”

องค์หญิงหกอาสาเพื่อหาเหตุไปยังบ่อน้ำร้อน นางไม่กลัวตัวต่อเพราะมีวรยุทธ์กล้าแข็ง ที่ก่อนหน้านี้ต้องล่าถอยออกมาเพราะห่วงความปลอดภัยของพระมารดา

เสด็จแม่สืบสายเลือดมาจากตระกูลนักรบ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เพราะถูกเลือกโดยราชสำนักเจียงเฉียงให้นำตัวมายังเมืองหลวง เพื่อแสดงถึงความภักดี

องค์หญิงม่านฉีหรือก็คือฮองเฮาถูกส่งมาเป็นตัวประกันตั้งแต่อายุสิบขวบ นางถูกอบรมตามขนบของราชสำนัก ให้เป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมเหมาะเป็นช้างเท้าหลัง ตรงกันข้ามกับประเพณีนิยมของแคว้นหรงซิ่ง ที่มีคำกล่าวว่า ‘สตรียอดยุทธ์จึงทรงเสน่ห์’

ธรรมเนียมของทางหรงซิ่งให้อิสระสตรีค่อนข้างมาก องค์หญิงเหวินหงจึงหาเรื่องไปเยี่ยมท่านตาทุกปี ยิ่งอยู่ที่นั่นนานเท่าไร นางก็ยิ่งเสียดายแทนพระมารดาที่ต้องอยู่อย่างนกในกรงทอง ไม่มีโอกาสสัมผัสโลกภายนอก

“อยู่กับแม่นี่แหละเหวินหง แม่ไม่อยากให้เจ้าเถลไถลไปไกลจนบาดเจ็บ”

ฮองเฮาทรงเดาความคิดพระธิดาออก จึงมีรับสั่งให้นางกำนัลไปสอบถามทหารหญิงแทน พระนางไม่ได้เอ่ยนามว่าใช้ใคร ท่านหญิงฮุ่ยเสียนจึงย่อตัวรับบัญชา

ท่านหญิงคนงามผลักบานประตูออกไปโดยที่หัวใจเต็มไปด้วยคำสาปแช่ง ฮุ่ยเสียนอยากให้กุ้ยฮวาโดนต่อต่อยจนเสียโฉม เหวินหรงจะได้เลิกหลงเสียที

ฮุ่ยเสียนเดินออกจากห้องได้ประมาณสิบก้าว นางก็พบเข้ากับองค์หญิงสิบ

“ฮองเฮามีรับสั่งเรียกหาเพคะ” นางรายงาน

“เรากำลังจะไปเฝ้าพอดี ขอบใจที่มาตามนะฮุ่ยเสียน” องค์หญิงลี่จูตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน สร้างความไม่พอใจให้กับคนมอง

องค์หญิงยังยิ้มออกแสดงว่ากุ้ยฮวาไม่ได้รับอันตราย ท่านหญิงผู้เลอโฉมเก็บงำความผิดหวังเอาไว้แล้วตามองค์หญิงสิบกลับไปหาฮองเฮาอย่างเงียบๆ

องค์หญิงลี่จูกราบทูลให้ฮองเฮาทรงทราบว่ากุ้ยฮวาปลอดภัยดี และมีนางกำนัลบาดเจ็บสองคน ขณะนี้หมอหญิงกำลังทำการรักษาให้

ฮองเฮาทรงคลายวิตกเมื่อได้ฟัง พระนางตรัสสรรเสริญกุ้ยฮวากับองค์หญิงหก ทุกคนในที่นั้นต่างก็เห็นตรงกันว่าท่านหญิงผู้นี้กล้าหาญ ยอมเสี่ยงอันตรายมาเตือนฮองเฮา แสดงถึงความภักดีที่มากล้น

“ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงอยากได้นางเป็นสะใภ้หลวงหนักหนา” ฮองเฮาทรงเปรย

“แล้วเสด็จแม่เล่าเพคะ พอใจในตัวกุ้ยฮวาหรือไม่” องค์หญิงเหวินหงถาม

“นางเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมใครได้ไปเป็นสะใภ้ก็ไม่อับอาย”

ฮองเฮาทรงตอบอย่างเป็นกลาง แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้รู้สึกชอบธิดาของเสนาบดีเฉินมากขึ้นหลายส่วน แต่ส่วนลึกแล้วพระนางไม่อยากให้โอรสแต่งงานกับกุ้ยฮวาเท่าใดนัก พระนางได้ยินข่าวลือมาว่ากุ้ยฮวามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงเป็นห่วงว่าโอรสจะสูญเสียพระชายาไปในระยะเวลาอันสั้น

“แสดงว่าเสด็จแม่ไม่รังเกียจหากต้องรับนางมาเป็นสะใภ้” องค์หญิงเหวินหงถามต่อ ก่อนจะปรายตาไปทางท่านหญิงฮุ่ยเสียน

องค์หญิงหกเติบโตมาพร้อมกับท่านหญิงฮุ่ยเสียน มีหรือจะไม่ทราบความในใจนาง องค์หญิงเหวินหงจงใจทำให้ฮุ่ยเสียนรู้ตัวแต่เนิ่นๆ ว่าผู้ใหญ่กำหนดคู่หมายของคนที่นางรักเอาไว้แล้ว เมื่อได้ตระหนักถึงความจริง ฮุ่ยเสียนจะตัดใจหรือพยายามช่วงชิงเอาเขามาก็สุดแท้แต่นาง

“หากเหวินหรงพึงใจจะเป็นใครแม่ก็ไม่ขัดข้อง”

ท่านหญิงฮุ่ยเสียนดูโล่งใจในคำตอบของฮองเฮา นางเข้าข้างตัวเองอยู่ลึกๆ ว่าฮองเฮาเมตตาตนมากกว่ากุ้ยฮวา ตรัสอยู่บ่อยไปว่ารักนางเหมือนพระธิดา ย่อมพอใจอยากได้มาเป็นสะใภ้มากกว่าท่านหญิงขี้โรค

“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสด็จพ่อหรอกหรือเพคะ”

คำทักทวงนี้ทำให้สีหน้าคลายกังวลของฮุ่ยเสียนเคร่งขึ้น ฮองเฮาจะเห็นเช่นไรไม่สำคัญ การสมรสของโอรสกษัตริย์ย่อมต้องขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของฮ่องเต้เป็นหลัก

“เสด็จพ่อไม่บังคับใจใครหรอก ลืมเรื่องของเจ้าแล้วรึ”

ก่อนองค์หญิงเหวินหงจะออกเรือนไปกับรองเจ้ากรมคลัง ฮ่องเต้มีดำริให้นางสมรสกับเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งของแคว้นหรงซิ่น เนื่องจากเห็นว่าพระธิดาชื่นชอบขนมธรรมเนียมของทางนั้นมากกว่า ทว่าฝ่ายชายกลับไม่เป็นที่ต้องใจขององค์หญิงหก คนที่นางรักคือรองเจ้ากรมคลัง ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงขุนนางขั้นสี่ ฮ่องเต้ก็ยังทรงตามใจรับเป็นราชบุตรเขย

องค์หญิงหกยิ้มรับคำพระมารดาอย่างไม่นึกค้าน ก่อนวกกลับมาคุยเรื่องของกุ้ยฮวาต่อ

“เสด็จแม่น่าจะให้รางวัลนางสักหน่อยนะเพคะ”

“แม่ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าจะให้ลี่จูช่วยเลือก” ฮองเฮาทรงหันไปทางองค์หญิงสิบที่นั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยมอยู่นาน “ช่วยข้าหน่อยนะลี่จู ของจะได้ถูกใจคนรับ”

พระนางสั่งให้คนนำหีบเครื่องประดับมาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ก็เพื่อจะได้หารางวัลที่เหมาะสมให้กับกุ้ยฮวา

“รับด้วยเกล้าเพคะ” หน่อมเดินมาช่วยเลือกอย่างกระตือรือร้น เขาดีใจที่ฮองเฮาเห็นความดีของเพื่อน

ในขณะที่กำลังเปิดหีบออก บังเอิญว่ากุ้ยฮวามาขอเฝ้าพอดี ฮองเฮาจึงมีรับสั่งว่าให้เลือกเครื่องประดับในหีบของพระนางมาชิ้นหนึ่ง

รับสั่งของพระนางไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ก็มีเหตุทำให้ต้องเครียดเมื่อแว่นนึกได้ว่าเครื่องประดับของฮองเฮาล้วนเป็นสิ่งสูงค่าชนิดที่สามัญชนไม่อาจเอื้อม บางชิ้นมีค่าควรเมืองและเป็นอัญมณีที่สามัญชนไม่ควรมีไว้ในครอบครอง แม้พระนางจะประทานให้เนื่องจากมีความชอบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสามารถเลือกและนำมาสวมใส่ได้ทุกชิ้น หากพลาดพลั้งเลือกสิ่งล้ำค่าเกินตัวก็รังแต่จะถูกครหา เรียกว่าเป็นทุกขลาภโดยแท้

‘งานเข้าถี่จริง’ แว่นแทบจะกลอกตาถอนหายใจออกมา

เขามีความรู้เรื่องอัญมณีและหินมีค่าของโลกนี้น้อยมาก กระนั้นก็ไม่คิดวัดดวงชี้นิ้วเลือกเอาแบบส่งๆ ความฉลาดและช่างสังเกตของแว่นช่วยเขาได้อีกครั้ง ต้องขอบคุณท่านหญิงฮุ่ยเสียนที่ยุอย่างจงใจว่าให้เลือกแหวนหยกโลหิต แว่นจึงตัดมันทิ้งในทันที กระนั้นก็ยังเหลือเครื่องประดับอีกสารพัดอย่าง แต่ละชิ้นล้วนทำจากอัญมณีสูงค่า เพชรพลอยเหล่านี้สะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกายระยับจนทำให้ตาพร่า

“เลือกชิ้นที่เจ้าชอบเถิดกุ้ยฮวา ไม่ต้องเกรงใจ” ฮองเฮาตรัสอย่างมีเมตตา เมื่อดรุณีน้อยที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทีลำบากใจ

ฮองเฮาไม่ทรงบอกใบ้เลยสักนิดว่าควรเลือกชิ้นไหน พระนางใจกว้างหรือจงใจทดสอบก็ยังไม่ทราบแน่ชัด เพื่อความปลอดภัยแว่นเลยเลือกของชิ้นเล็กที่คิดว่ามีมูลค่าน้อยที่สุด

“หม่อมฉันต้องใจปิ่นมุกเพคะ” กล่าวจบก็ลุกลงไปคุกเข่าขอความเมตตา “แต่คุณความดีของหม่อมฉันน้อยนิดนัก มิอาจเอื้อมรับสิ่งล้ำค่า โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

“เสด็จแม่อุตส่าห์ประทานรางวัลให้ทั้งที เจ้าก็รับไว้เถอะ อย่าเกรงใจนักเลย” องค์หญิงเหวินหงว่า

องค์หญิงหกชอบความกล้าหาญของกุ้ยฮวาแต่ก็เกลียดความอ่อนน้อมช่างระวังเกินไปของนาง

“ดูท่าข้าจะทำให้เจ้าลำบากใจสินะ” ฮองเฮาตรัสเสียงนุ่ม กระนั้นก็ยากจะคาดเดาว่าในพระทัยคิดสิ่งใดอยู่

ฮองเฮาทรงเมตตากุ้ยฮวาอย่างเหลือล้น แต่ท่านหญิงแห่งสกุลเฉินกลับปฏิเสธ หากตีความในด้านลบความเจียมตัวนี้จะกลายเป็นการหักหน้าพระนางในทันที

”หม่อมฉันต่างหากเพคะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอทรงลงพระอาญาในความบังอาจของหม่อมฉันด้วย” แว่นลงไปหมอบกราบกับพื้น

“ไปกันใหญ่แล้ว ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก ลุกขึ้นเถิดกุ้ยฮวา”

แว่นขอบพระทัยในพระกรุณาเสร็จแล้วจึงค่อยลุกขึ้น ฮองเฮาเลิกบังคับให้เลือกเครื่องประดับ แต่ถามกลับไปแทนว่าปรารถนาสิ่งใด ผู้ใหญ่ใจดีอุตส่าห์ให้ของเป็นหนที่สอง มีหรือจะปฏิเสธได้ แว่นจึงทูลขอของที่มีมูลค่าไม่มากไม่น้อยเกินไป

“หากฮองเฮาทรงเมตตา หม่อมฉันของพระราชทานเงินหนึ่งถุง กับยาแก้แมลงกัดต่อยอย่างดีสักขวดเพคะ”

คำว่า ‘ถุง’ ในโลกนี้ เป็นได้ทั้งคำนาม ลักษณะนามและหน่วยวัด เงินหนึ่งถุงของที่นี่มีค่าเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญ แว่นไม่ได้ระบุว่าเป็นเหรียญชนิดใด แต่ระดับฮองเฮาแล้วย่อมประทานเหรียญทองให้ ร้อยทองมีค่าพอจะซื้อเครื่องประดับงามๆ ได้หลายชิ้น แต่มูลค่าของมันเทียบไม่ได้เลยกับไข่มุกที่ประดับในปิ่นของฮองเฮา

“มักน้อยจริง อย่ามาเสียดายทีหลังล่ะ” องค์หญิงหกเตือน

“หม่อมฉันไม่เสียใจเพคะ ได้เท่านี้ก็เป็นพระกรุณาอย่างเหลือล้นแล้ว”

แว่นไม่ได้มักน้อยอย่างที่องค์หญิงว่า ที่ปฏิเสธรางวัลเพราะเผื่อเลือกพลาดต่างหาก เกิดปิ่นมุกนี่ทำมาจากมุกพิเศษสำหรับเชื้อพระวงศ์หรือเป็นของพระราชทานจากฮ่องเต้หรือคนสำคัญขึ้นมา ได้เกิดปัญหาในอนาคตแน่

ฮองเฮาประทานทุกอย่างให้ตามคำขอ เสร็จแล้วจึงมีรับสั่งให้กุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จูไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยวตามรับสั่งฮ่องเต้


เหตุการณ์ต่ออาละวาดยุติลงได้ด้วยดี โดยไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ทุกคนต่างรู้ว่าใกล้กับเขตน้ำพุร้อนเป็นเขตหากินของฝูงต่อ พวกมันทำรังกันอยู่มากมาย ก่อนหน้าที่ฮองเฮาจะเสด็จ จึงมีการย้ายรังใกล้ๆ ออกไปเพื่อความปลอดภัย แต่อาณาเขตหากินของพวกต่อค่อนข้างไกล ไม่น่าแปลกที่จะมีหลงมาบ้าง ทุกคนที่ไปแช่น้ำร้อนจึงได้รับคำเตือนว่าห้ามทำร้ายตัวต่อเป็นอันขาด

ฮองเฮากับบรรดาองค์หญิงและนางกำนัลทั้งหลายต่างก็ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี แต่ก็มีหนึ่งในนั้นที่คิดการณ์ใหญ่ นางจงใจทำร้ายตัวต่อ เพื่อเรียกให้ฝูงของมันมา จะได้ปกป้องฮองเฮาเพื่อรับเอาความดีความชอบ ทว่าก็เกิดเหตุผิดพลาด สมุนไพรสำหรับไล่ต่อใช้ไม่ได้ผล และพวกมันก็มาเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน นางจึงถูกรุมต่อยอย่างไม่ปราณี

เสี่ยวผิงนอนรับกรรมด้วยความทรมาน แม้จะได้รับการรักษาแล้ว แต่ความเจ็บปวดกลับไม่บรรเทาลงเลย นางปวดแสบปวดร้อนไปทั้งร่าง ทั้งยังหายใจขัดเพราะพิษไข้ ดรุณีวัยสิบเจ็ดได้แต่นอนน้ำตาคลอ ก่นด่าโชคชะตาและความโง่งมของตัวเอง

‘หากองค์ชายรู้ต้องตำหนิข้าแน่’ นางโอดครวญในใจอย่างเศร้าสลด

เสี่ยวผิงทำงานในตำหนักฮองเฮา แต่นายที่แท้จริงของนางคือองค์ชายรอง องค์ชายยื่นมือมาช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ใกล้อดตายอย่างนาง หาที่อยู่กับงานให้เด็กน้อยอย่างนางจึงไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ เสี่ยวผิงอยากตอบแทนบุญคุณจึงมาก้มกราบขอเป็นข้ารับใช้ องค์ชายเห็นแวว จึงให้นางไปเป็นบุตรบุญธรรมขุนนางผู้หนึ่ง แล้วส่งเข้าวังมาเพื่อให้คอยรายงานความเป็นไปในตำหนักที่ทำงาน

นางโชคดีมีฝีมือเย็บปัก ฮองเฮาจึงเรียกใช้บ่อยครั้ง แต่ก็มิได้เป็นคนสนิทใกล้ชิดอย่างท่านหญิงที่มาจากตระกูลสูง เสี่ยวผิงอยากทำความชอบ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในเร็ววัน จึงสร้างเรื่องเพื่อให้ฮองเฮาเห็นความดีของนาง

“ข้าจะทำอย่างไรดี” เสี่ยวผิงสะอื้นออกมา

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปิดปากให้สนิทก็พอ” คำตอบดังมาจากปากชายในชุดมหาดเล็ก

เขาเข้ามาทางประตูอย่างเปิดเผย แต่สตรีโง่เง่านางนี้กลับไม่รู้เรื่องเลย

“ท่านไท่ตง ท่านมาได้อย่างไร” เสี่ยวผิงลุกขึ้นนั่งอย่างตระหนก

คนสนิทขององค์ชายจงเต๋อมาอยู่ที่นี่ได้แสดงว่าความทราบถึงองค์ชายแล้ว

“องค์ชายให้ข้าเอายามาให้เจ้า ช่างโง่นักที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด แม้องค์ชายจะเมตตาเจ้า แต่หากเจ้าบังอาจทำความเดือดร้อนให้พระองค์ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ไท่ตงเอ่ยเสียงเข้ม

เขาเป็นคนให้สมุนไพรไล่ตัวต่อกับนางเอง เรื่องแผนการเรียกร้องเอาความดีความชอบก็เป็นคนยุแบบอ้อมๆ พอได้ข่าวว่ามีนางกำนัลถูกต่อรุมต่อย จึงทราบในทันทีว่าเป็นฝีมือใคร

“ท่านเป็นคนบอกให้ข้าทำเองไม่ใช่หรือ แล้วสมุนไพรนั่นก็ใช้ไม่ได้ผลเลยสักนิด” เสี่ยวผิงโต้เสียงเครือ

“หุบปาก!” ไท่ตงเอ็ด “ข้าไม่เคยบอกเจ้าเลยสักคำว่าให้ทำเรื่องชั่วๆ อย่างนี้ แทนที่จะโทษคนอื่น จงสำนึกตัวเอาไว้เสียเถอะว่าความทะเยอะทะยานอย่างโง่ๆ ของเจ้าจะนำภัยมาสู่องค์ชาย”

เสี่ยวผิงร้องไห้น้ำตานองหน้าอย่างอัดอั้น ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าตนโง่เขลา หากฉลาดคงไม่หลงกลคำยุยงของไท่ตง หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างแค้นเคือง นัยน์ตานางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สายลับในคราบมหาดเล็กหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแววตานั้น

“ถ้าอยากรับใช้องค์ชายต่อไป ก็จงอย่าลืมความรู้สึกนี้ ชีวิตมันไม่ง่าย จงอย่าไว้ใจใคร”

ก่อนหน้าจะมาที่นี่ เขาแนะนำองค์ชายจงเต๋อว่าควรเลิกใช้งานเสี่ยวผิง แต่องค์ชายกลับให้ไปนำยารักษามาให้แทน

‘เสี่ยงผิงมีหน้าที่ของนาง เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น’

เมื่อองค์ชายเอ่ยเช่นนี้ไท่ตงจึงไม่โต้แย้ง และเร่งนำยามาให้ตามบัญชา ชายหนุ่มวางของที่นำมาไว้บนโต๊ะ แล้วหมุนตัวจากไปโดยไม่เอ่ยล่า

ก่อนจะทันได้สัมผัสบานประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้นก่อน พร้อมการมาของบุคคลที่ไม่คาดคิด


-โปรดติดตามตอนต่อไป-

สวัสดีท้ายตอนค่ะ ขออภัยในความล่าช้า ทีแรกว่าจะเอามาลงต้นเดือน แต่ตีสแตกนิดหน่อยค่ะ มีการปรับแก้หลายๆ ฉาก เลยโละแล้วรื้อใหม่ไปพอสมควร ในที่สุดก็เข้าที่เข้าทางเสียที (ดีใจน้ำตาไหล)

ตอนนี้เอามาลงพร้อมข่าวดีนะคะ ต่อไปโน้มจะกลับมาลงตุ๊ด ทุกๆ สี่วันเหมือนเดิมแล้ว เย่!!! ถามว่างานเสร็จแล้วเหรอ? ตอบ ไม่เสร็จค่ะ 5555 แต่อีกงานมันตันตีบมาก เลยขอเลื่อนส่ง ทำให้มีเวลาสงบจิตระยะหนึ่งมาปั่นตุ๊ดเต็มที่ เดี๋ยวจะเขียนตุนเอาไว้ให้นะคะ กลับไปทำงานแล้วจะได้ไม่ขาดตอน

ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่า ใครคิดถึงแพนด้า ตอนหน้าพี่มีบทแล้วนะแจ๊ะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2558, 00:11:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2558, 16:45:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1536





<< สัตว์พันปี : บทที่ ๔ จุดประสงค์ขององค์ชายสาม   สัตว์พันปี : บทที่ ๖ นกคุ้มภัยตัวที่ห้า >>
ribbin 4 ก.พ. 2558, 04:20:58 น.
โอ้ย อยากรู้ๆ ใครมาถึงหนอ ต้องรออีก 4 วันแหนะ.....


ใบบัวน่ารัก 4 ก.พ. 2558, 18:09:39 น.
งานเข้าตลอดนๆๆนะสาวๆๆ


Zephyr 4 ก.พ. 2558, 19:04:06 น.
บร้ะ อีกสี่วัน แพนด้ามาแล้วววววว
รอ รอ รอ ร้อ รอออ
อีกสองนางหายเข้ากลีบๆปเลยอ่า


นักอ่านเหนียวหนึบ 5 ก.พ. 2558, 09:58:18 น.
ตั๊ดสู้ฟุด!!!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account