ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: สัตว์พันปี : บทที่ ๖ นกคุ้มภัยตัวที่ห้า

บทที่ ๖ นกคุ้มภัยตัวที่ห้า

ณ บริเวณเฉลียงทางเดินซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับห้องที่ฮองเฮาทรงประทับอยู่ ซีอิ๋งกำลังยืนรอเจ้านายของตนอย่างสำรวม โดยที่ในมือถือถ้วยยาเอาไว้ นางถือวิสาสะออกมาจากห้องเพราะเป็นห่วงที่คุณหนูไม่กลับมากินยาเสียที จึงตัดสินใจยกมาให้ ทั้งที่ก็กล้าๆ กลัวๆ ที่นี่ไม่ต่างจากตำหนักในนัก นางกำนัลที่ได้ตามเสด็จส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูล ซีอิ๋งที่มีสถานะต้อยต่ำจึงต้องระมัดระวังกิริยา

นางยืนชะเง้ออย่างเก้ๆ กังๆ อยู่ระยะหนึ่ง คุณหนูสามก็ออกมาจากห้องพร้อมกับองค์หญิงสิบ เด็กสาวรีบวางยาลงแล้วปราดเข้ามาประคองเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายดูเหนื่อยอ่อน

กุ้ยฮวาโบกมือว่าไม่ต้อง ซีอิ๋งจึงไปยกถาดยาแล้วเดินตามคุณหนูออกมา รอให้พ้นจากอาณาเขตที่ฮองเฮาประทับอยู่ก่อนจึงค่อยพูด

“คุณหนูดื่มยาก่อนเจ้าค่ะ”

“ขอบใจที่เอามาให้นะซีอิ๋ง”

แว่นดื่มยารสฝาดเจือขมรวดเดียวหมดก่อนจะทำหน้าเบ้ เขาต้องดื่มยาพวกนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ปรับตัวให้คุ้นชินกับมันไม่ได้เสียที

“ห้ามบอกท่านพี่กับท่านพ่อเรื่องตัวต่อนะ พวกท่านจะไม่สบายใจกันเปล่าๆ” แว่นเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลงป่า ซีอิ๋งเกือบรายงานให้กุ้ยอี้รู้แล้วเพราะถูกกำชับมาว่าให้เขียนทุกอย่างลงในจดหมาย ดีที่แว่นเฉลียวใจเลยห้ามเอาไว้ทัน

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ซีอิ๋งลำบากใจอยู่บ้างเพราะไม่อยากขัดคำสั่งคุณชายใหญ่ แต่ก็เลือกเชื่อฟังคุณหนูมากกว่า

“ชักหิวแล้วสิ เจ้าไปเตรียมอาหารเที่ยงให้ข้าทีสิ”

ตอนเช้าแว่นไม่อยากอาหารจึงรับประทานไปไม่กี่คำ นี่ก็เกือบบ่ายแล้วจึงเริ่มแสบท้อง

“พี่ซูเสียเตรียมเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ”

ซูเสียคือนางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงลี่จู กุ้ยฮวากับองค์หญิงพักด้วยกัน ซีอิ๋งจึงพลอยสนิทกับนางกำนัลคนนี้ไปด้วย

อาหารร้อนๆ ถูกจัดวางที่โต๊ะอย่างสวยงามตอนที่แว่นกับหน่อมมาถึงห้องพัก แม้จะเป็นกลางป่า แต่ซูเสียก็ยังอุตส่าห์หาของชอบของกุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จูมาให้หลายอย่าง

ในเวลาที่อาหารการกินไม่สมบูรณ์แบบนี้ ทั้งคนรับใช้และนางกำนัล ต่างก็ต้องรอกินอาหารซึ่งเป็นของเหลือจากเจ้านาย แว่นกับหน่อมจึงชวนทั้งซูเสียและซีอิ๋งมาร่วมโต๊ะด้วยกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งขัน ก็เลยจัดการตักแบ่งให้พวกนางไปนั่งกินกันต่างหาก พร้อมกับบังคับว่าให้กินเสียเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมแตะอาหารเหมือนกัน ซูเสียกับซีอิ๋งจึงต้องยอมตามใจ พอคนสนิททั้งสองออกไปจากห้องแล้ว แว่นก็เริ่มบ่นออกมาเป็นภาษาไทย

“อยู่กับฮองเฮาแล้วเครียดเป็นบ้า”

เขาเป็นคนรอบคอบจนค่อนไปทางคิดมาก พอได้มาอยู่ในสังคมชาววังจึงยิ่งระวังตัว ถ้าไม่หาวิธีจัดการกับความเครียด เห็นทีคงได้ป่วยเป็นโรคประสาท

“จะเครียดทำไม เราว่าเธอเกร็งมากไปนะ”

หน่อมสังเกตเห็นว่าเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์แว่นไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เสน่ห์เรื่องความปราดเปรื่องฉะฉานจึงหายไปกว่าครึ่ง

“ก็มันวางตัวไม่ถูกนี่” แว่นตอบพลางคีบอาหารเข้าปาก

“ฮองเฮาใจดีจะตาย เทียบกับไทเฮาแล้วรับมือง่ายกว่าเยอะไม่ใช่เหรอ”

“มันก็จริง แต่ให้เดาใจพวกนิ่งๆ ยิ้มๆ นี่ก็ปวดหัวเหมือนกันนะ”

“ฮองเฮารับมือยากขนาดนั้นเชียว” หน่อมมองหน้าเพื่อนคนเก่งด้วยความฉงน

อุปนิสัยของพระนางไม่ได้ลึกลับซับซ้อนเลย เมื่อเทียบกับสตรีสูงศักดิ์คนอื่นในวัง

“ให้พูดตามตรงคือกลัวจะทำดีจนโปรดน่ะ”

ความกลัวของแว่นค่อนข้างพิลึกอยู่ แต่หน่อมก็เข้าใจความรู้สึก

“ช้าไปแล้วแหละ ฮองเฮาตรัสชมเธอตั้งมาก แถมยังไม่รังเกียจจะรับมาเป็นลูกสะใภ้ด้วย” หน่อมให้ข้อมูลตามที่เห็น

“หยุดดด! กราบละ ฉันไม่อยากฟัง” แว่นเอามือปิดหู “แค่เท่าที่เจอมาวันนี้ชีวิตก็หนักหน่วงเกินพอแล้ว”

คนที่อยู่ในร่างองค์หญิงโฉมงามอมยิ้มน้อยๆ ท่าทางแว่นจะไม่ถูกกับหนุ่มหุ่นหมีจริงๆ

“งั้นไปหาโบ้กับเจ้ไหม นั่งคุยกันเฉพาะพวกเราจะได้สบายใจขึ้น”

แว่นเห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่ที่พักของโบ้กับเจ้อยู่ไกลจากวัดและฮองเฮามีรับสั่งให้กุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จูพักผ่อน เลยเถลไถลไปไกลไม่ได้ ให้คนไปตามเพื่อนมาหาน่าจะสะดวกกว่า

หลังรับประทานอาหารเสร็จหน่อมจึงสั่งให้ทหารหญิงไปตามเพื่อนทั้งสองมาพบ ส่วนแว่นเดินออกจากห้องพักเพื่อนำยาไปให้นางกำนัลที่บาดเจ็บ


ที่พักของฝ่ายในแยกเป็นสัดส่วน เชื้อพระวงศ์จะอยู่ด้านใน นางกำนัลชั้นสูงอยู่ห้องกลาง ส่วนพวกนางกำนัลรับใช้คนอื่นๆ จะอาศัยอยู่ที่เรือนนอนของแม่ชี โดยนอนรวมกันห้องละหกคน คนที่โดนต่อต่อยแค่แผลสองแผลรักษาตัวอยู่ในห้องรวม มีนางกำนัลที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันแต่ไม่บาดเจ็บอยู่เป็นเพื่อน พวกนางยังไม่คลายจากอาการขวัญเสีย แว่นจึงพูดคุยปลอบใจจนรู้สึกดีขึ้น รวมถึงแบ่งยาที่ได้มาให้ เสร็จแล้วจึงค่อยไปหาคนเจ็บหนักกว่า ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องแยก

ห้องนี้ห่างจากส่วนอื่นมาก เรียกว่าเป็นเรือนแยกคงเหมาะกว่า ส่วนนี้ผู้ชายสามารถเข้าออกได้ จึงให้คนเจ็บมาพักรักษาตัว เผื่อเอาไว้ในกรณีที่อาการหนัก จะได้ตามแพทย์หลวงมารักษาได้สะดวก

แว่นเคาะประตูห้องเพื่อขออนุญาต แล้วจึงค่อยผลักบานประตู แต่มันกลับติดกลอน

“ข้ามาเยี่ยมเจ้า ขอเข้าไปหน่อย” แว่นร้องบอก

“ใครน่ะ” เสียงคนเจ็บตะโกนถาม

“ข้ากุ้ยฮวา”

“ท่านหญิง!” เสี่ยวผิงร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ “ระ...รอ สักครู่นะเจ้าคะ”

แว่นได้ยินเสียงดังโครมครามอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่บานประตูจะเปิดออก เลยอดกวาดตามองตามนิสัยช่างสังเกตไม่ได้ คนที่มีชนักติดตัวจึงปราดเข้ามาดึงความสนใจของกุ้ยฮวาไว้ เปิดโอกาสให้คนที่หลบอยู่ใต้เตียงกระเถิบหนีเข้าไปในมุมมืด

“เจ้ากำลังป่วย ไม่ควรขัดบานประตูเอาไว้นะ” แว่นติงเมื่อนึกขึ้นได้

หากนางแพ้พิษต่อ ไข้ขึ้นจนหมดสติจะเป็นอันตรายได้

“ข้ากำลังเปลี่ยนชุดเจ้าค่ะ” นางกำนัลแก้ตัวด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ท่านหญิงมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ”

“ข้าเอายาทาแผลมาให้ เจ้าชื่อเสี่ยวผิงใช่ไหม” แว่นเอ่ยพลางหยิบขวดยาออกมาให้ดู

“ใช่เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านหญิงเป็นอย่างยิ่งที่ใส่ใจ เสี่ยวผิงซาบซึ้งยิ่งนัก” นางกำนัลสาวลงไปคุกเข่ากับพื้น

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไปนั่งที่เตียงเร็ว ข้าจะทายาให้” แว่นช่วยประคองตัวขึ้นมา แล้วพาไปที่เตียง

เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้านางชุ่มเหงื่อ ดูกระวนกระวายผิดปกติ กระนั้นก็ไม่ติดใจสงสัย เพราะนึกว่าเป็นผลมาจากพิษตัวต่อ

“อย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ ข้ามิบังอาจ” เสี่ยงผิงร้องอย่างตกใจ เมื่อท่านหญิงทำท่าจะเปิดขวดยามาทาให้ดังที่พูด

“ให้ข้าช่วยเถอะ ตอบแทนที่เจ้าช่วยเตือนข้าอย่างไรเล่า”

เสี่ยวผิงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ใจหนึ่งก็กลัวไท่ตงที่ซ่อนอยู่ใต้เตียง อีกใจก็กลัวท่านหญิงจะโกรธหากปฏิเสธน้ำใจ เลยได้แต่อ้ำอึ้ง สบโอกาสให้แว่นได้ทำตามที่ต้องการ

ตัวของเสี่ยงผิงร้อนอย่างคนมีไข้สูง แผลที่บวมก็ไม่ยุบลงเลย แว่นจึงเช็ดตัวให้นางก่อนแล้วค่อยทายาให้ ยาขวดนี้ประกอบด้วยสมุนไพรหลากชนิด มีทั้งพืชแบบเดียวกันกับที่ขึ้นอยู่ในโลกของแว่นและของที่มีเฉพาะโลกนี้ แว่นดมกลิ่นดูก็พอรู้ว่าใช้อะไรบ้าง เขารู้สึกว่ายาขวดนี้ขาดส่วนประกอบสำคัญไป จึงสอบถามว่าหมอหญิงรักษาโดยใช้ยาอะไรบ้าง

จื่อถิงรักษาช้าแต่นางก็บอกรายละเอียดทุกอย่างให้ทราบ ทั้งชื่อยาตลอดจนสมุนไพรที่เป็นส่วนผสม เสี่ยงผิงจำได้ครบจึงไล่ให้ฟังทีละอย่าง ซึ่งก็ไม่มีชื่อสมุนไพรที่แว่นคิดว่าน่าจะนำมาใช้

“แน่ใจนะว่าท่านหมอไม่ได้ใช้รากต้นแฉกขนนก”

ต้นแฉกขนนกเป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดินเป็นหัว ใบมีลักษณะเป็นสามแฉกเว้าอย่างขนนกตามชื่อ ก่อนออกเดินทางแว่นเคยให้อาเปาไปหาของจริงมาให้ดู เลยรู้ว่าเป็นพืชชนิดเดียวกันกับต้นเท้ายายม่อม สรรพคุณนั้นเหมือนกันทุกประการ คือสามารถใช้ลดไข้ แก้แมลงกัดต่อย ตลอดจนอาการแพ้ อักเสบ

นอกจากเป็นยาแล้วยังสามารถเอาแป้งมาสกัดแล้วเอาไปทำขนมหรืออาหารได้ด้วย ในโลกของแว่นบางท้องถิ่นใช้เป็นอาหารหลัก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยมันสำปะหลัง ถ้าอาเปาไม่บอกว่าเป็นพืชป่า แว่นคงไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่กินพืชชนิดนี้

“ไม่ได้ใช้เจ้าค่ะ” เสี่ยวผิงตอบอย่างมั่นใจ “ท่านหญิงอยากได้หรือเจ้าคะ”

แว่นพยักหน้ารับ ในตำราที่หลิ่งปินให้มาบอกว่ามันมีสรรพคุณลดไข้ได้ดี และเป็นสมุนไพรอันดับหนึ่งที่เหมาะแก่การนำมารักษาบาดแผลจากต่อน้ำพุร้อน

“เจ้ารู้ไหมว่ามันขึ้นอยู่ที่ไหน”

“ข้าเห็นว่ามีแต่เฉพาะในเขตที่ต่ออาละวาดเจ้าค่ะ”

เสี่ยวผิงไม่ใช่ผู้ดีมาแต่กำเนิดจึงรู้จักต้นแฉกขนนกดี สมัยก่อนบ้านนางทำโคมกระดาษขาย จึงขุดหัวมันมาทำเป็นกาวอยู่บ่อยๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง”

สมแล้วที่มีคำกล่าวว่า ‘สัตว์มีพิษอยู่ที่ใด ยาแก้พิษย่อมอยู่ที่นั่น’

แว่นไม่ได้บอกเสี่ยวผิงว่าต้นแฉกขนนกใช้รักษาอาการได้ดีกว่า เพราะไม่อยากให้นางรู้สึกว่าหมอหญิงด้อยความสามารถ ตำราของหลิ่งปินแตกต่างจากตำราแพทย์ทั่วไป ดังนั้นจึงกล่าวโทษจื่อถิงไม่ได้

แว่นขอตัวออกมาทันทีที่ทายาให้เสร็จ เขาไม่รั้งอยู่นานเพราะเห็นว่าเสี่ยวผิงไม่กล้าพักผ่อนเพราะเกรงใจ

ไท่ตงออกมาจากที่ซ่อนเมื่อมั่นใจว่าท่านหญิงคนงามจะไม่หวนกลับมาอีก เขาปัดฝุ่นที่ตัวอย่างฉุนเฉียวก่อนจะเอ็ดตะโรใส่เสี่ยวผิง

“ทำไมข้าต้องซ่อนด้วย”

ไท่ตงตั้งใจจะเปิดประตูให้กุ้ยฮวาตั้งแต่แรก ทว่าเสี่ยวผิงกลับห้าม นางฉุดกระชากลากดึงเขาสุดแรงให้ลงไปเกลือกกลิ้งกับฝุ่นใต้เตียง

“ประตูลงกลอนไว้ ข้าอยู่ข้างในนี้กับท่านสองคนจะแก้ต่างกับท่านหญิงว่าอย่างไร”

ชายหญิงไม่ควรอยู่ลำพังในห้องหับมิดชิด หากพฤติกรรมนี้ล่วงรู้ถึงหูหัวหน้านางกำนัล นางคงถูกปลดให้ไปทำงานตำหนักอื่น

“ลืมแล้วหรือไงว่าเราเป็นญาติกัน”

ท่านอาของไทต่งรับเสี่ยวผิงเป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นจึงมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขาใช้เหตุผลว่ามาเยี่ยมนางเพราะรู้ว่าโดนต่อต่อย และมีจดหมายรับรองจากองค์ชายรอง พวกทหารหญิงที่เฝ้าบริเวณทางขึ้นจึงยอมให้เข้ามา

“แล้ว...เรื่องประตู”

“ถ้าท่านหญิงสงสัยก็บอกไปสิว่าบานมันติด ทำหน้านิ่งๆ เข้าไว้ท่านหญิงก็จับพิรุธไม่ได้แล้ว”

กล่าวจบชายหนุ่มก็กระแทกเท้าออกไปด้วยความโมโห เขายังมีงานที่ต้องทำอีกหลายอย่าง เวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ส่งสารไปเมืองหลวงเลย หากแผนการขององค์ชายผิดพลาด เขาจะให้นางรับผิดชอบอย่างสาสม

ในบรรดาองค์ชายทั้งแปดมีอยู่กึ่งหนึ่งที่รู้ว่าตำแหน่งขององค์รัชทายาทในขณะนี้ไม่มั่นคง ฮ่องเต้ทรงหวังเอาไว้กับองค์ชายอิ๋นหานประมาณหนึ่ง จึงให้เวลาเพื่อทำให้บรรดาอนุชาและขุนนางน้อยใหญ่ยอมรับ โดยกำหนดกรอบเวลาเอาไว้ว่าหากองค์ชายแปดอายุสิบเจ็ดปีเมื่อไร พระองค์จะให้ภารกิจเพื่อทดสอบความสามารถ หากมีผู้ใดถึงพร้อมด้วยคุณธรรมและความสามารถมากกว่าราชบัลลังก์ก็จะตกเป็นของผู้นั้น

มหาอำมาตย์ประมาณการณ์เอาไว้ว่า สามปีนับจากนี้เสียงสนับสนุนจะแตกออกเป็นสี่ฝ่าย หนึ่งคือฝั่งองค์รัชทายาท สองคือฝั่งองค์ชายรอง สามคือฝั่งองค์ชายสามและสี่คือฝั่งองค์ชายห้า เกณฑ์การแบ่งกลุ่มนี้ประเมินจากคุณสมบัติในตัวว่าสามารถเป็นผู้ปกครองได้ ส่วนบรรดาองค์ชายจะคิดเช่นไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ขณะนี้องค์ชายสามซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ผู้แข่งขันคนสำคัญยังคงยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ขอมีส่วนร่วมในบัลลังก์ทอง ทางด้านองค์ชายห้าก็ไม่เคยเคลื่อนไหวทำการใดๆ แสดงว่าเต็มใจสนับสนุนให้เชษฐาขึ้นครองราชย์ ดังนั้นสองขั้วอำนาจที่ห้ำหั่นกันอยู่เป็นนิตย์ จึงเป็นทางองค์รัชทายาทและองค์ชายรอง

สองกลุ่มนี้มิได้ตั้งตนเป็นอริอย่างเปิดเผย แต่ทะเลาะกันผ่านความไม่ลงรอยของสองตระกูลใหญ่อย่างสกุลเฉินและสกุลเหอ เป็นเหตุให้การทำงานขององค์รัชทายาทต้องประสบปัญหาอยู่เนืองๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็สร้างความรำคาญให้เป็นอย่างยิ่ง ในเดือนหนึ่งๆ หากไม่มีปัญหาให้ข้ารับใช้ใกล้ชิดองค์รัชทายาทวิ่งวุ่น เห็นจะเป็นเรื่องแปลก

องค์รัชทายาท กุ้ยอี้และเฉิงหมิน รู้กันเป็นการภายในว่าตัวต้นเหตุคือสกุลเหอกับองค์ชายรอง ทั้งสองร่วมมือกันด้วยหวังจะให้ความสามารถขององค์รัชทายาทเป็นที่กังขา

ทุกอย่างล้วนเป็นเกมการเมือง เมื่อเข้าสู่ราชสำนักแล้วก็ยากที่จะหลบเลี่ยงไม่เข้าร่วม กระนั้นเฉิงหมินก็ยังคิดว่ามีพฤติกรรมหลายอย่างขององค์ชายรองที่ขัดกับนิสัยน้ำนิ่งไหลลึก องค์ชายจงเต๋อมีภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ เหตุใดจึงยอมเป็นอริกับสกุลเฉิน ครั้นจะว่าเอาใจเสนาบดีเหอก็พูดได้ลำบาก เพราะการแสดงออกขององค์ชายไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น ที่มั่นใจแน่คือองค์ชายจงเต๋อจงใจเล่นงานกุ้ยอี้เป็นพิเศษ

ฮ่องเต้กับบรรดาองค์ชายออกจากเมืองหลวงไปได้ไม่กี่วัน องค์ชายรองก็สั่งคนให้ส่งสารบอกว่ากุ้ยฮวาพลัดหลงไปจากขบวนเสด็จ เฉิงหมินดักจับนกพิราบเอาไว้ได้ทัน ความเลยไม่รู้ไม่ถึงหูกุ้ยอี้ แม้จะมีรายงานตามมานางปลอดภัยดี บัณฑิตหนุ่มก็ยังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับสหาย เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่สู้ดีนัก

องค์รัชทายาททรงฝากงานสำคัญเอาไว้กับพวกเขา งานใหญ่นี้คือการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำหนานฮูซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของแม่น้ำหลัวเหอ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของแคว้น แม่น้ำหนานฮูเป็นตัวแบ่งเมืองเจียงเฉียงออกเป็นสองส่วนคือเหนือกับใต้ ฝั่งเหนือเป็นชุมชนค้าขาย ฝั่งใต้เป็นเขตเกษตรกรรม การสร้างสะพานแห่งใหม่ขึ้นมาจะช่วยย่นระยะการส่งสินค้าได้มากทีเดียว นอกจากชาวเมืองแล้วพ่อค้ากับนักเดินทางจากต่างถิ่นยังได้รับประโยชน์ด้วย

ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จไปเก้าในสิบส่วน ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทั่งองค์รัชทายาทไม่อยู่ งานจึงเริ่มเกิดปัญหา งบประมาณในการก่อสร้างที่ขอเพิ่มจากกรมคลังเบิกจ่ายล่าช้า เหล่าทหารช่างล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงไม้ที่สั่งมาจากเจี๋ยนเจียไม่ครบตามจำนวนที่ต้องการ

ฮองเต้ทรงปรารภเอาไว้ว่าต้องการให้สะพานเสร็จก่อนเสด็จกลับ ดังนั้นจึงต้องเร่งแก้ปัญหาในทันที กุ้ยอี้จึงเรียกประชุมทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง ในที่ประชุมประกอบด้วยตัวแทนจากกรมคลัง กรมโยธา กรมกลาโหม กรมปกครองและสำนักหมอหลวง ซึ่งบรรดาขุนนางที่เข้ารวมล้วนเป็นพันธมิตรกัน

“ข้าเชิญพวกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อหารือเรื่องการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำหนานฮู” กุ้ยอี้เกริ่นนำขึ้นก่อน

ชายหนุ่มชี้แจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอความร่วมมือจากแต่ละฝ่าย

“ข้าอยากของยืมทหารช่างมาจากฝ่ายกลาโหมสักกองร้อยหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพหาน พอจะจัดหาได้หรือไม่”

“กำลังพลของข้าตามเสด็จไปบางส่วน คงจัดให้ได้อย่างมากแค่สองในสามของที่ขอ” แม่ทัพหานเอ่ยตามตรง

ในส่วนที่ขาดไปนี้กุ้ยอี้จะลองของยืมกำลังจากส่วนอื่นดู รวมถึงฝากความหวังไว้ที่สำนักหมอหลวง ว่าจะเร่งรักษาทหารที่ป่วยให้กลับมาทำงานได้ดังเก่า รวมถึงเฝ้าระวังเรื่องอาหารการกินของเหล่าทหารและคนงานก่อสร้างไม่ให้โดนวางยา

เพื่อความไม่ประมาทกุ้ยอี้จะส่งคนจากกรมปกครอง ไปสืบหาต้นต่อของอาการป่วยและเป็นกำลังให้อีกส่วนหนึ่ง

“เรื่องเงินเล่าท่าน หากไม่จ่ายค่าไม้ให้พ่อค้าในเร็ววันนี้ เห็นทีชื่อเสียงขององค์รัชทายาทจะด่างพร้อย” คนจากกรมโยธาทัก

“ขออภัยจริงๆ ข้าพยายามเร่งให้แล้ว แต่คนของเสนาบดีเหอถ่วงเวลา อ้างว่ารายการบัญชีไม่เรียบร้อย ให้ไปแก้มาใหม่” ลู่กง จากกรมคลังค้อมกายขอโทษอย่างจนใจ

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เราจะใช้เงินส่วนตัวพระองค์ขององค์รัชทายาทไปก่อน แต่อย่างไรก็ต้องทำเรื่องเบิกให้ราบรื่น อย่างน้อยก็ต้องได้ก่อนฮ่องเต้เสร็จกลับ” เฉิงหมินว่า

“ทีนี้ก็เหลือปัญหาเรื่องไม้ พอจะหาซื้อจากที่อื่นได้บ้างไหม” กุ้ยอี้ถามความเห็น

พื้นสะพานจำเป็นต้องใช้ไม้สักจากเจียนเจี๋ย ซึ่งเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ยืดหดตัวน้อย ไม่เป็นที่นิยมของพวกปลวกหรือมอด ไม้ที่มีคุณสมบัติแทนกันได้และหาง่ายกว่ามีอยู่มากแต่ไม่สามารถใช้ได้ เพราะเสนอแผนงานต่อหน้าพระพักตร์ไปแล้ว ว่าควรจะใช้ไม้ชนิดนี้เพื่อความทนทาน แม้จะมีราคาแพงกว่าสักหน่อยแต่คุ้มค่าในระยะยาว

“ข้ารู้จักพ่อค้าผู้หนึ่งที่มีไม้มากพอขายให้เราได้ แต่โก่งราคาแพงมาก เจ้าเล็กๆ ก็ไม่กล้าขายเหมือนเกรงกลัวอิทธิพลบางอย่าง” ลู่กงว่า

ทุกคนต่างก็รู้ว่าเป็นฝีมือใครแต่ก็เลือกที่จะไม่เอ่ยนาม

“เท่าไร” กุ้ยอี้ถาม

“สามเท่าของราคาปกติ”

“แพงเกินไป ข้าจะไปเจรจาให้เอง” เฉิงหมินตัดสินใจรับหน้าที่นี้

ราคาที่เกินมาพอจะกัดฟันซื้อได้ก็จริง แต่เขาไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น มีคนมากมายจ้องจับผิดอยู่ เหล่าขุนนางที่รับหน้าที่สร้างสะพานอาจถูกใส่ร้ายว่าทุจริตได้ถ้าไม่ระวัง

เมื่อการประชุมจบลง ทุกฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ เฉิงหมินต้องออกจากวังไป ส่วนกุ้ยอี้ต้องไปหากำลังพลมาเพิ่ม ก่อนไปบัณฑิตหนุ่มจึงกล่าวเตือนสหายอีกครั้ง

“ถ้าได้รับสารแปลกๆ อย่าเผลอติดกับฝ่ายตรงข้ามเชียว โดยเฉพาะเรื่องของกุ้ยฮวา”

“ข้ารู้แล้ว จะอย่างไรก็ไม่ทิ้งงานไปหรอก”

กุ้ยอี้ดูสงบเยือกเย็นผิดจากที่เคย ถ้าไม่ใช่กำลังอดกลั้นไว้สุดฤทธิ์ก็แสดงว่ามีคนที่ไว้ใจได้คอยรายงานสถานการณ์ทางนั้นให้

“เจ้าส่งคนไปคอยดูแลกุ้ยฮวาเพิ่มรึ” เฉิงหมินลองถามดู

“ใช่ เพิ่งส่งไปวันก่อน”

“ใคร?”

“เจ้าไม่รู้จักหรอก รีบไปทำงานเถอะ” กุ้ยอี้ตัดบท

เฉิงหมินไม่มีโอกาสซักไซ้จึงไม่ทราบว่าสหายส่งใครไป บัณฑิตหนุ่มตัดสินใจเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการดักจับพิราบสื่อสารกับม้าเร็วเป็นสองเท่า รวมถึงภาวนาว่าอย่าให้มีข่าวไม่ดีของกุ้ยฮวาลอยมาถึงหูกุ้ยอี้เลย


ทางด้านท่านหญิงที่ได้รับความห่วงใยอย่างมากมายจากพี่ชาย ขณะนี้นางกำลังหาเรื่องใส่ตัวด้วยการปีนต้นไม้ทั้งที่ไม่ถนัด แว่นไม่ได้ถูกวิญญาณลิงเข้าสิง แต่กำลังพยายามทำตัวเป็นแม่พระ เมตตาสัตว์โลก ด้วยการเอารังนกที่ตกลงมาเพราะแรงลมกลับไปไว้บนกิ่งไม้ดังเก่า

ขณะกำลังกลับจากเรือนแยกที่เสี่ยวผิงพักรักษาตัวอยู่ แว่นได้ยินเสียงลูกนกร้องดังผิดปกติ จึงสอดส่ายสายตามองหา แล้วก็พบว่ารังของมันร่วงลงมาบนพื้น ใกล้กันนั้นมีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งอยู่ด้วย แว่นก็เลยช่วยไล่ให้

ทีแรกเขาตั้งใจตามคนมาช่วยเอารังนกกลับคืนที่ แต่ก็กลัวหมาป่าจะกลับมาอีก พ่อแม่นกก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน หรือต่อให้อยู่ก็ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาปกป้องลูกตัวเองได้ แว่นเลยตัดสินใจช่วยเจ้าจิ๋วสามหน่อนี่เสียเอง

ขาปีนขึ้นแว่นปลอดภัยไร้กังวล ทว่ากลับซวยตอนขากลับ ทั้งที่มือว่างอยู่แท้ๆ แต่ก็ยังเหยียบพลาด ไถลลงมาจากต้นไม้ แว่นหลับตาปี๋ แต่ไม่หวาดกลัวเท่าใดนัก เขาคิดว่าตกลงมาจากที่สูงแค่เมตรเดียว อย่างเก่งก็ฟกซ้ำคงไม่ถึงขึ้นแข้งขาหัก

ก่อนที่ร่างบอบบางจะกระแทกพื้นเพียงอึดใจเดียว ใครบางคนก็มารับตัวเอาไว้ได้ทันท่วงที

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น

น้ำเสียงนี้ทำให้เคลิ้มทุกครั้งที่ได้ฟัง ทำเอาไม่อยากลืมตาขึ้นมาเลย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าต้องเจอกับอะไร

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ ขอบพระทัยองค์ชายห้าที่ช่วยเหลือ” แว่นเอ่ยกับพระเอกหุ่นหมี

‘พี่มาได้จังหวะตลอด แล้วพี่ก็อ้วนตลอดเหมือนกัน’

องค์ชายเหวินหรงรอจนกุ้ยฮวาทรงตัวได้แล้ว จึงค่อยคลายมือออก ยามปกติหลังจากช่วยเหลือเสร็จ เขาจะเร้นกายออกไปทันที ราวกับไม่ต้องการอยู่ใกล้ ทว่าวันนี้กลับรีรอเหมือนต้องการสนทนาด้วย ในใจขององค์ชายห้ามีคำพูดนับพัน แต่ที่เปล่งออกมากลับเป็นประโยคแสนสั้น

“ข้าให้”

ในอุ้งมือหนากำอะไรบางอย่างเอาไว้จนมิด ที่โผล่พ้นมือมามีแต่พู่ห้อยสีน้ำเงินเท่านั้น แว่นยื่นมือไปรับ แล้วก็ต้องชักมือหนีแทบจะทันที เป็นเหตุให้ของสิ่งนั้นร่วงลงสู่พื้น

“ไม่!” แว่นปฏิเสธเสียงแข็งด้วยความตกใจ

‘ไอ้นกอ้วนคุ้มภัยนี่อีกแล้ว เป็นเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย’

ใบหน้าเรียบเฉยขององค์ชายห้าพลันสลด คนที่เคยทำหน้านิ่งอยู่ตลอดพอแสดงออกแม้เพียงสักเล็กน้อยก็ทำให้ผู้มองสะท้านได้

“หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉันแค่ตกใจ ไม่...”

“ถ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร”

องค์ชายเหวินหรงไม่คิดโกรธเคือง เขาผิดเองที่ยัดเยียดของที่นางไม่ปรารถนาให้ ชายหนุ่มก้มไปเก็บนกหยกพลางเก็บซ่อนความรู้สึกปวดร้าวเอาไว้ในอก

แว่นหายใจขัดเมื่อเห็นความเศร้าในนัยน์ตาคม เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งความรู้สึกผิด

ในขณะที่บรรยากาศกำลังดำเนินเข้าสู่ความอึดอัดเพราะความเข้าใจผิด สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น องค์ห้าตั้งใจว่าเก็บของได้แล้วจะรีบจากไปทันที แต่กลับเอื้อมไม่ถึงพื้นเพราะติดพุงกลมๆ

แว่นเหลียวไปมองอย่างเห็นใจ จะช่วยเก็บให้ก็กลัวเขาโกรธ เลยได้แต่เชียร์ในใจ

‘อีกนิดเดียวแพนด้า ตะแคงข้างอีกนิด ขวาอีกหน่อย ขวาอีกๆ’

แว่นมองอย่างลุ้นระทึก อีกไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรปลายนิ้วขององค์ห้าจะสัมผัสกับนกหยกแล้ว

‘ใกล้แล้วแพนด้า สู้เขา เอ้า...อึ๊บบบ’

ในวินาทีที่องค์ชายห้าแตะถูกของที่ต้องการ เสียงดังปึงก็ตามพร้อมโศกนาฏกรรม องค์ชายถูกพุงตัวเองดีดหงายหลังก่อนจะทันได้เก็บของ



-โปรดติดตามตอนต่อไป-
สวัสดีท้ายตอนค่ะ แพนคลับองค์ชายแพนด้าของเสียงหน่อย ฮิ้วววววว ขอโทษที่เมื่อคืนมาดึกมากนะคะ เก็บคำผิดให้เรียบร้อยแล้ว ถ้ายังหลงเหลือก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ งานเร่งจริงจัง

หมายเหตุ ขอแกล้งแพนด้านิดนึงนะคะ พี่น่ารักอ่ะ มันเขี้ยว 55555



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2558, 00:46:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2558, 16:30:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1356





<< สัตว์พันปี : บทที่ ๕ ทุกขลาภ   สัตว์พันปี : บทที่ ๗ แรด >>
ใบบัวน่ารัก 8 ก.พ. 2558, 07:41:48 น.
อ้วนจิงหรือนี่องค์ชาย5
มาลดพุงกันเถอะ


ribbin 8 ก.พ. 2558, 08:40:18 น.
ถ้าเป็นยุคนี้ ต้องแอบคิดว่าองค์ชายห้าเอาลูกโป่งยัดพุงให้ดูเอวหนาๆแน่เลย อิอิ


Zephyr 8 ก.พ. 2558, 12:35:54 น.
อ่าว โธ่ แหม พุงดีด ช่างเศร้าอะไรเยี่ยงนี้
โน้มแกล้งแพนด้าอ่ะ ใจร้าย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account