=ตราบสิ้นแสงอัสนี= -
นี่คือเรื่องของนางฟ้า ชื่อมณีเมขลา
คือเรื่องของอสุรา ชื่อรามสูร
แต่นี่... ไม่ใช่เรื่องรักที่จะพาคุณย้อนอดีต
เราจะพาคุณข้ามผ่านกลุ่มเมฆ กาลเวลา และสายฟ้า
"สู่อนาคต"

Tags: เมขลา รามสูร สายฟ้า องค์อินทร์ อินทรชิต

ตอน: บทที่ ๑ (ต่อ...) -ต้นหญ้า-

-๑-
ต้นหญ้า



‘คุณเคยได้ยินไหม? คนที่ถูกฟ้าผ่าแล้วไม่ตาย นั่นแหละ...ผมเอง
แล้วเคยได้ยินไหม ดินหรือหินที่ถูกฟ้าฝ่า เชื่อกันว่าจะกลายเป็นของพิเศษ
คนก็เหมือนกัน’
นั่นคือประโยคขำขันของตรีเมฆผู้กำลังโม้ให้พยาบาลกับคนมาเยี่ยมฟัง
คำพูดนั้นแว่วเข้าหูให้อีกคนที่ยังนอนซมหมอนอยู่หลังม่านกั้นได้ยิน

นอกจากหมดสติล้มกลิ้งลงมาจากเนินจนหัวแตก ตรีเมฆไม่ได้ทำอะไรตกหล่นหายไป...
ต่างจากเขา หรือเพราะตฤณภพแปลว่าหญ้าที่ขึ้นอยู่ติดพื้น เขาถึงได้กระจอกกว่า ไม่อึด ไม่ทน
เมื่อฟ้าฟาดใส่หัว นั่นไม่ได้ทำให้กลายเป็นพ่อมดน้อยอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์
ตฤณภพไม่ได้วิเศษวิโสขึ้นมาเลย แต่กลับ...สูญเสีย

หลังจากอุบัติเหตุใหญ่ผ่านพ้น เขากลับได้รู้ การมองเห็นของตนแปลกเปลี่ยน
ตฤณภพมองไม่เห็นสีน้ำเงินอีกเลย!
ตาบอดสี อาการอันเกิดเพราะความกระทบกระเทือนบางอย่าง แต่จำเพาะจะต้องมา
เกิดกับเขาคนเดียว ไม่อยากโทษใคร เพราะในวันนั้นเป็นตัวเขาเองที่ดื้อรั้นวิ่งเข้าสู่อันตราย
เข้าไปทำหน้าที่โง่ๆแทนหุ่น ...บางทีก็อดคิดไม่ได้ เขาชอบวาดรูป ทำไมต้องมาเสีย
สีสันอันล้ำค่าไป โดยอีกคนที่ถูกฟ้าผ่ากลับไม่เป็นไร
การวาดรูป เป็นอย่างเดียวที่ตฤณภพทำได้แต่ตรีเมฆทำไม่ได้
ความคิดชั่วร้ายพาลพาโลตามประสาเด็ก เสียงเล็กๆน่าขยะแขยงบ่นพึมในหัว
ทำไมคนที่ไม่จำเป็นต้องดูสีบางสีก็ได้กลับยังมองเห็นมันอยู่ โลกไม่ยุติธรรม

ตอนนั้นเขายังไม่รู้ เรื่องร้ายกว่ากำลังจะตามมา

เมื่อฟ้าลั่นราวจะแยกโลก คนเป็นปู่ร้องเรียกหาหลานแต่ไม่มีใครขานรับ ผู้ชราฉุกใจ
เร่งออกตามหาท่ามกลางพายุฝน ก่อนจะนำเด็กทั้งสองส่งโรงพยาบาลทันท่วงที
แต่สิ่งที่ตามมาคืออาการปอดบวมรุนแรง พอจะทำให้คนเป็นปู่ซึ่งแก่มากแล้ว
หลับตาลงและไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก
นั่น...ถึงจะเป็นฟ้าผ่าที่แท้จริงของคู่แฝด

ตรีเมฆร้องไห้เหมือนเป็นบ้าในขณะที่ตฤณภพนั่งเงียบเหมือนเป็นใบ้
...สำหรับเด็กแปดขวบที่นอกจากกันและกันก็มีเพียงความรักจากปู่ส่งมาหล่อเลี้ยง
นี่เหมือนตัดรากแก้วต้นไม้ที่กำลังเติบโตคู่นี้ให้ล้มทั้งยืน!

สายฟ้าเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้าย แม่ตำหนิว่าพ่อดูแลลูกสองคนไม่ได้เรื่องมาตลอด
และนี่คือสิ่งยืนยัน
ตฤณภพก็อยากถาม ถ้าแม่คิดว่าดูแลลูกได้ดีกว่าทำไมถึงไม่ทำเสียเองแต่แรก
แม่หย่ากับพ่อ ทิ้งเขาไป... จนเด็กทั้งสองจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าแม่ตัวจริงนอกรูปถ่าย
มีกิริยาท่าทีเช่นไร ส่วนพ่อเองแม้เจอกันบ่อยกว่าแต่ก็มักปล่อยพวกเขาไว้กับปู่
ความทรงจำมีแต่เรื่องที่โตขึ้นมาในบ้านไม้ในเมืองเก่า ความสนุกสนาน รอยยิ้ม มีกันเพียงปู่หลาน

หลังงานศพปู่ล่วงผ่าน พ่อแม่ประกาศข้อตกลงที่ฟาดลงมาแรงยิ่งกว่าฟ้า แยกลูกไปเลี้ยงคนละคน

คำนั้นน่ากลัวจนจินตนาการไม่ถูก ฝาแฝดไม่อยากให้วันที่ต้องพรากจากมาถึง
แต่มันก็ใกล้เข้ามาอย่างไม่อาจหลีกหนี ...ในวันที่หม่นหมองจนน่าขนลุก
ฝนหล่นมาพร้อมน้ำตา ตฤณภพได้แต่เงี่ยหูฟังเสียงจากอีกห้อง

“ไม่ ตรีไม่ไป ยังไงก็ไม่ไป... โอ๊ย!”

เสียงกรีดร้องร่ำไห้จากคู่แฝดของเขาเอง เด็กที่ปกติมีแต่รอยยิ้ม เจ็บตัวสักแค่ไหน
ก็แทบไม่เคยเห็นน้ำตา แต่นี่ เขารู้ดี คู่แฝดของตนเจ็บปวดจากสิ่งใด จากกับปู่ไม่พอ
ยังต้องมาจากกันเองด้วย โวยวายหนักเข้าจนพ่อระอาเลยคว้าของเหมาะมือแถวนั้นมาฟาดไม่ยั้ง

พ่อของพวกเขาเป็นนักวิชาการการตลาดทัศนะกว้างไกลแต่ดูเหมือนไม่เคยเห็นค่าสิ่งใกล้ตัว
ชอบลงมือมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ก่อนจะโละพวกเขาไปให้ปู่ แต่คราวนี้เมื่อตฤณภพเฉยสนิท
ด้วยความรู้สึกที่ไม่ใช่กลัว แต่เป็นโกรธเกินกว่าจะอยากพูด... เท่านี้พ่อก็หาเหตุลงโทษเขาไม่ได้
เหลือลูกชายคนเดียวที่อาละวาดไม่หยุดให้ระบายอารมณ์ใส่

“ไอ้ตฤณมันคงรู้ว่ามันเป็นต้นเหตุไง เลยยอมนั่งอยู่เงียบๆ เหลือแต่แกนี่แหละที่ยังบ้า!”
เสียงตะโกนด่าข้ามห้องนั้นติดปีกมาโบยตีเขา กระหน่ำแรงยิ่งกว่าคมไม้ฟาดใส่เนื้อ!
เด็กชายขบฟันจนได้เลือด ร้องไห้ไม่มีเสียง กลั้นสะอื้นจนสั่นระริกไปทั้งกาย
จนต้องเอาหัวโขกผนังที่ร่างทรุดพิงอยู่แรงๆ
พ่อยังตีพวกเขาพร้อมกันได้ แม้เขาจะซ่อนตัวอยู่อีกห้องหนึ่งก็ตาม



...ฟ้าผ่าครั้งนั้นแยกพวกเขาออกจากกัน
หลังจากการอาละวาดที่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น แฝดนรกกลับรู้ตัวเป็นครั้งแรก
ว่าสู้ความเอาจริงของผู้ใหญ่ไม่ได้ ...เมื่อ คนสำคัญที่สุดจากลา
ตฤณภพยิ่งเงียบขรึมลง ทุกอย่างที่เกิดคือความผิดของเขา
แต่ตรีเมฆยังได้กลับมาไทยปีละครั้ง ฝาแฝดยังต่อกันติด เพียงมองตาก็รู้ใจ
ทว่าไม่มีใครเคยขอให้พ่อพาไปบ้านปู่ ทุกคนทิ้งบ้านไม้ที่อยุธยาหลังนั้นไว้เบื้องหลัง
กับความทรงจำของวันวาน เสมือนหนทางถูกตัดขาด ไม่มีทางให้ย้อนกลับไปสู่ถนนเส้นเดิม

เมื่อตฤณภพเฉยพ่อก็เฉย ทุกอย่างสงบลง...
วันเวลาผ่านไปอย่างอึดอัด กดดัน แล้วที่สุด ก็มีคนทนไม่ไหว
ตอนวัยรุ่น ครั้งหนึ่งเด็กหนุ่มที่ฝืนนิ่งเงียบมานานเคยเข้าไปจับแขนพ่อเขย่า
หวังให้พ่อแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง ไม่ใช่เย็นชาเป็นหุ่นแบบที่เห็น
“พ่อไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ผมเป็นต้นเหตุเรื่องบ้านั่นก็จริง แต่ปู่ก็ตายไปโดยที่พ่อแทบไม่ได้มาสนใจ”
เด็กหนุ่มหยุด สูดหายใจเข้าแรง “จนศพจะเน่าอยู่แล้ว ลูกชายแท้ๆยังไม่มา”

“เงียบได้แล้ว!”

ได้ผล พ่อแสดงความหัวเสียออกมาจริงๆ แขนนั้นสะบัดเขากระเด็น
ร่างเก้งก้างชนเอากาต้มน้ำไฟฟ้าหล่นโครมจากเคาน์เตอร์ พาให้น้ำหกรดตฤณภพ
ที่เสียหลักหงายหลังแอ้งแม้ง สีหน้าคนตัวโตซีดลง ทำท่าจะก้าวเข้ามาดึงลูกชายให้ลุก
ทว่าทันใดที่ปลายเท้าแตะถูกกระหย่อมน้ำบนพื้นเพียงนิด คนเป็นพ่อถึงกับสะดุ้ง
เสียหลักเซถอยหลังวืด

เด็กหนุ่มมองภาพนั้น เริ่มรู้สึกขนลุกวาบ กระแสบางอย่างอาบอยู่บนร่างเขา มันคือกระแสไฟฟ้า!
คนล้มหันขวับ เห็นขั้วสายไฟซึ่งหลุดจากโคนกาต้มน้ำมาแช่อยู่บนกระหย่อมน้ำที่หกนอง
ด้วยสมองฉับไว ตฤณภพทำเหมือนสะดุ้ง เตะสายไฟกระเด็นไปอีกทาง โอดโอยพอเป็นพิธี
รู้ว่าเรื่องนี้ประหลาด แต่ไม่อยากให้ใครรู้ ว่าเขาคือตัวประหลาด...

พ่อเข้ามาช่วยให้เขาลุก เมื่อสำรวจดูว่าตฤณภพไม่ได้เป็นอันตรายจึงถอนใจ กัดฟันเอ่ยปลอบ
“ปู่แก่แล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่าตฤณ จะเก็บมาคิดอะไรมากมาย”

ไหนเคยโทษว่าเพราะเขา มาตอนนี้จะให้ลืมเสียอีกแล้ว...
ความตายเป็นเรื่องธรรมดาก็จริง แต่ที่ไม่ธรรมดาคือพ่อไม่เคยเศร้า
ตลอดมาพ่อยังทำแต่งาน เหมือนหุ่นตัวหนึ่ง หุ่น สิ่งไร้ชีวิตที่เขาชังจับใจ
สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปอย่างนี้ สายฟ้าได้ฝากแผลลึกเอาไว้ในกาย ในใจ
แม้ไม่เหลือรอยให้คนนอกมองมาเห็น แต่ในความทรงจำของเขา คือตำหนิที่ไม่อาจลืมเลือน

เรื่องประหลาดที่เขาค้นพบยังเป็นความลับ ไฟฟ้าไม่ได้ทำให้ตฤณภพเจ็บปวดหรือแม้แต่ระคายผิว
เมื่อค่อยๆทดลองเพิ่มกระแสไฟมากขึ้นและมากยิ่งขึ้นอีกระดับ เขาก็ยังไม่เป็นไร! บางอย่างกระซิบบอก
นี่เป็นเพราะประสบการณ์สายฟ้านั่น แล้วตรีเมฆล่ะ จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า?
ทว่าสุดท้ายคนสงสัยกลับตัดสินใจ ไม่พูด ไม่ถาม...
สิ่งนี้คือความแตกต่าง คือช่องว่างที่ค่อยๆขยายตัวกว้างขึ้นอีกครา



ชีวิตของสองหนุ่มเวียนกลับมาบรรจบเมื่อถึงวัยมหา’ลัย
เพราะมารดาชาวออสเตรเลียเกิดจะตัดสินใจย้ายมาปักหลักที่ไทยด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
ใช้เส้นสายจัดการเอกสารให้ตรีเมฆมีสิทธิ์สอบในพริบตา ฝาแฝดจึงทันได้สอบเข้าเรียน
สถาบันเดียวกันห่างเมืองออกมาแถวลาดกระบัง อยู่ร่วมหอแม้แยกคนละห้อง
ได้กอดคอกันไปเรียนสมใจ
หนุ่มเฮ้วต่างคณะ เลือด ถาปัต กับวิดวะ เสื้อช็อปคนละสี แต่คนก็มักเห็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกัน
หล่อเหลา แถมยังสูงเด่นเป็นสง่าเดินเคียงเป็นประจำ ตั้งแต่ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสามก็ยังเป็นภาพเดิม

“เบื่อว่ะ พักนี้โดนอาจารย์แกล้งตลอด เหมือนดวงไม่ค่อยจะดี” ตฤณภพคำรามปนหาว

ไม่จำเป็นต้องขยายความว่าเขามันพวกชอบเถียงแค่ไหน สอนอะไรมาไม่เข้าเค้า
ได้ช่องเมื่อไหร่เขานี่แหละที่จะลุกขึ้นแย้ง ส่วนหนึ่งทำเพราะอยากให้ความรู้อันถูกต้อง
บังเกิดแก่เพื่อนร่วมเรียน แต่ในสายตาผู้ใหญ่ แน่นอนว่าต้องไม่ชอบใจ

“แต่ฉันเจออาจารย์ดีที่ยอมรับฟัง ได้ถกกันสนุก กลายเป็นคนโปรด...ดวงพุ่งฉิว
เกรดขึ้นแหงเทอมนี้” พวกมั่นใจในองค์ความรู้พอกันเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“คนเกิดมาดวงดีก็งี้” ตฤณภพพ่นลมพรืด จะไม่ให้ว่างั้นได้ไง ก็ความร้ายไม่ยอมคน
ของนายตรีเองมันน้อยไปกว่าเขาเสียเมื่อไหร่ “...ฉันมันเสียเปรียบแกตั้งแต่ชื่อแล้ว
ติดแหง็กอยู่แค่ดิน แกมันมาเหนือเมฆนี่นะตรี เมฆซ้อนตั้งสามชั้น”

“เฮ้ย ไอ้คนมีปม” ตรีเมฆแยกเขี้ยวพลางล็อกคอคนเดินเคียงกันแรงๆ
“เมฆมันอยู่สูงก็จริง แต่ใครก็รู้ ผืนฟ้าไม่เคยหนักกว่าแผ่นดิน”
หนุ่มวิศวะเจ้าคารมสู้อุตส่าห์ปั้นคำปลอบใจมาเก๋ๆ แต่คำที่ว่าเหมือนไม่ได้ไชผ่านขี้หูตฤณภพเท่าไหร่นัก

“ก็ไม่เชิง ถ้านับมวลรวมของละอองน้ำ ก๊าซ และอะไรทั้งหลายแหล่ไปไกลถึงชั้นฟ้าที่นอกโลกนั่น...”

“พอที! พูดภาษาบ้านๆบ้างดีกว่าไอ้ตฤณ ไอ้แว่น อย่าลืม แกไม่ได้เป็นเด็กวิดยาฯเสียหน่อย
ถึงแกจะสนิทกับสาวสวยคณะนั้นอยู่คนก็เหอะ”

“แกสิสนิท แบบยายนั่นไม่เรียกสวย ฉันชอบขาวๆ!” ตฤณภพย่นจมูก
อารมณ์เสียที่ถูกเรียกไอ้แว่น คนอื่นไม่กระไร แต่ถ้าตรีเมฆเรียก เขารู้สึกเหมือนด้อยกว่ามันทุกที

ยังหงุดหงิดกับเรื่องสายตาซึ่งเสียไปนานมากแล้ว เสียตา... อาจฟังดูเกินจริง
แต่เขาอยากให้มันสมบูรณ์เหมือนเก่า เขาผิดเองที่ไม่มีความเป็นศิลปินพอจะทำใจให้เป็นอิสระ
ยังตีค่าสิ่งต่างๆ ตามมุมมองของวิทยาศาสตร์ ชั่ง ตวง วัดออกมาได้เป็นตัวเลข และต้องการ
ให้มันเต็มร้อยอยู่ร่ำไป เวลาวาดรูปเล่นจึงมักเลือกวาดภาพโทนขาวเทาดำ
มากกว่าภาพสีที่จะแสดงความไม่สมบูรณ์แบบแห่งตัวตน

“หลังบ่ายว่างไหม ไปบริจาคเลือดกัน... กาชาดเขาเอารถมาเกยถึงที่”
ตฤณภพเป็นคนเปลี่ยนเรื่อง “เอาเลือดชั่วออก”

“เอาสิ!... แต่ฉันว่าเอาเลือดดีหยดสุดท้ายออกมากกว่า” ตรีเมฆยกมุมปากยิ้มชอบใจ

ยามอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ต่างเป็นตัวของตัวเองได้เต็มเหยียด เพราะไม่มีใครเข้าใจอีกฝ่าย
ไปกว่ากันและกัน สองหนุ่มไม่รู้ตัวเลย ไกลออกไปเบื้องหลัง ยังมีสายตาคมจัดของฝูงแร้งหิว...
เรียกอย่างน่ารักก็ต้องว่ามีสายตาของสาวน้อยฝูงใหญ่จับจ้องตาม ไม่เพียงเท่านั้น
ยังพุ่งเกาะติดในระยะห่าง แถมเม้าท์กันระเบิดระเบ้อ

“หล่อนว่าไหม พี่ตฤณน่ะ มาดเค้มเข้ม--- เหมือนกาแฟดำไม่มีผิด
ส่วนพี่ตรีแรงเหมือนวอดก้า น่าชิม”

“ก็แรงทั้งคู่แหละ เห็นยิ้มๆแบบนั้น” อีกคนตีแขนเพื่อนดังเพียะ “แต่ก็นะ
ไม่รู้จะกินคนไหนก่อนดีเลือกไม่ถูก พูดแล้วเปรี้ยวปาก จิบนิดๆหน่อยๆคงซู่ซ่า
แต่กินมากรับรองเมา!”

“ยังกะเขาจะยอมให้หล่อนกิน... อุ๊ยๆๆ ใครมาโน่นแล้ว”
หนึ่งในกลุ่มชี้ไปยังร่างผอมที่เดินตรงแน่วมาโดดเดี่ยวเดียวแด บรรยากาศทะมึน
ซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็นอย่างที่เรียกว่า ‘ดาร์ค’ คล้ายโรยลงรอบกาย ดูมาคุราวกับฟ้าครึ้มพยับฝน
แต่กลับดึงดูดอย่างประหลาด ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ทุกคนกลับรู้สึกถูกชะตาเจ้าของร่างดังกล่าว
ทว่าก็ไม่มีใครเข้าไปสนิทสนมด้วยได้อยู่ดี ย่างก้าวฉับไวบ่งบอกถึงความห้าวหาญมั่นคง
อาจกล่าวได้ว่าเธอผู้นี้คือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สนิทกับแฝดอันตราย และคงจะตกเป็นที่หมั่นไส้
ถ้าเจ้าตัวไม่ได้เป็นสาวห้าวไม่สนใจผู้ชายทั้งยังเท่พอตัว

“ยู้ฮู พี่ฝนค้า พวกเรากำลังถกกันเรื่องแฝดสุดหล่อ พี่ฝนว่ากินคนไหนดีกว่ากัน
พี่ตฤณกาแฟดำ หรือพี่ตรี...วอดก้า”

“เอิ่ม...” คนเดินผ่านมาชะงักค้าง คิ้วดกหนาขมวดเครียดยามถูกสาวๆเข้ามารุมล้อมเย้าแหย่
“บังเอิญพี่ไม่ถูกกะกาแฟเท่าไหร่ วอดก้าก็ไม่เอา...แค่ได้กลิ่นก็จะแหวะ ขอเป็นแสงโสมได้ไหม”
พูดจบ คนตอบยักคิ้วทั้งหน้านิ่งให้เหล่าสาวน้อยรุ่นน้องหนึ่งที ก่อนขอตัวเดินเทิ่งๆ
จากไปเข้าเรียนตามเรื่องตามราว

“พี่ฝนเท่เนอะ เซอร์ดี หน้าก็เข้ม ว้าย! ชักอยากจีบ เสียดาย น่าจะเกิดเป็นผู้ชาย”
เสียงเล็กเสียงน้อยหงุงหงิงตามหลัง

“แกว่าพี่เขาทอมจริงไหมวะ”

เป้าการวิจารณ์อย่างพราวพิรุณเองกลับชินเสียแล้ว อยากหันไปหาวใส่ว่าพี่ไม่ใช่ทอม
แต่ถ้าทำแบบนั้น กระแสอาฆาตหวาดระแวงของสาวๆที่ไม่พอใจความสนิทสนมของเธอ
กับแฝดนรกจะตามติดเป็นวิญญาณเกาะหลังทันที

เพราะงั้น...ทอมก็ทอม ปล่อยไว้แบบนี้แหละดี เป็นทอมหรือเป็นผู้หญิงก็คงค่าเท่ากันในสายตาบางคน



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มี.ค. 2558, 04:33:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2558, 04:33:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1115





<< บทที่ ๑ สัญญาของสายฟ้า (ตอนแรก)   บทที่ ๑ (ต่อ...) -น้ำฝน- >>
อสิตา 27 มี.ค. 2558, 04:33:55 น.
คุณเลิฟหมวย – หนุ่มน้อยร้ายแต่เด็ก เจอดีเข้าให้แล้วทั้งสองคนนะคะ เหอๆ จะหงอยไหมเนี่ย
คุณแพทแมว – เลิฟๆ คนเขียนคิดถึงนะคะ ส่วนใครเป็นพระเอกนั้น มารอลุ้นกันดู แต่น่ารักทั้งคู่น้า
คุณเกดซ่า – ตามมาได้ไวตลอดเลยน้าเกดนุ่ม หุหุหุ หิหิ

คุณหนอนสาว – ขุ่นแม่ชอบยั่วหนอนที่ซู้ด ตอนนี้เรื่องกำลังเข้มเลยนา หนอนรอไหวเหรอ
คุณพี่พันธุ์แตง – โห่ย อสิต้องการโชว์ชื่อตอนอะเจ้ มันมีผลต่อการเล่าเรื่องนา บทที่หนึ่งต้องมีชื่อตอนนน
คุณปรางขวัญ – ยิ่งแฝดโตเมื่อไหร่เรื่องจะยิ่งเข้มข้นค่ะ อร๊ายยย


คุณสร้อย – ขอบคุณที่มาอ่านน้า เลิฟยู นั่นสิคะ มีคนโลว์เทคขอให้มาเว็บนี้เยอะเลย กระซิบ
คุณสุขุมวิท66 – อร๊างงง กลับมาพบกันอีกครั้งงง หวังว่าจะชอบเรื่องนี้ค่า

คุณเฟอร์หางกระดกก้นกระเดิด – ก็โดนฟ้าผ่าใส่ทั้งสองคนนะ แต่ตฤณอาการหนักกว่า
โดนจังกว่าอะไรงั้น อาจเป็นดวงด้วยส่วนหนึ่ง //ห้ามเอาแฝดมะม้าไปเทียบกะคนอื่นนะ
เทรนอัลไลใครเขียน มะม้าไม่รู้เรื่องด้วย... ของมะม้าเลิศฝุดดดด ตะโกนๆๆ อาละวาดๆๆ


lovemuay 27 มี.ค. 2558, 06:05:19 น.
เอ?บางทีตรีเมฆอาจจะมีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นเหมือนกัน เค้าว่ากันว่าฝาแฝดจะมีอะไรบางอย่างเชื่อมกันกันอยู่


พันธุ์แตงกวา 27 มี.ค. 2558, 06:10:49 น.
สงสารคุณปู่จุงเบย เด็กๆเลยพลอยถูกดับฝันไปด้วยเบย
ยายฝนนี่ตีมุกเนียน เก๊ารู้ทันหรอกน่า


ดังปัณณ์ 27 มี.ค. 2558, 10:35:26 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มะวานไปอ่านแล้วอ่ะ วันนี้ขุ่นแม่อัพยัง 555+ ไปมันทั้งสองเว็บ หัวเราะหนักมาก ปาดน้ำตา กระซิกๆๆ หนอนนี่มันพจเมินชัดๆๆ 5555+


ketza 27 มี.ค. 2558, 11:44:23 น.
เกดนุ่มมาแย้วว เข้ามาจับจองปู้จายในเรื่อง 555


อสิตา 27 มี.ค. 2558, 11:52:05 น.
ขอบคุณที่แวะมาน้าทุกคนนน


Zephyr 28 มี.ค. 2558, 01:08:02 น.
ดูอันตรายทั้งคู่ แต่เซนส์บอกเหมือนตฤณจะร้ายเงียบ
ตรีร้ายเปิดเผย 555


อสิตา 28 มี.ค. 2558, 06:49:00 น.

คุณเลิฟหมวย – ไม่ผิดค่า ตรีต้องมีอะไรแปลกๆซ่อนอยู่เหมือนกัน ไม่น้อยหน้าตฤณ อิอิ
คุณพันธุ์แตง – ปู่มีบทพูด 1 ประโยค 5555 ถ้าเจ๊เป็นฝนเจ๊จะเลือกใคร คิดได้ยังงิ

คุณหนอนน้อย – อัลไล ขุ่นแม่ออกจะเอาอกเอาใจหนอน ตอนน้ำฝนนี่อะ
ตอนลงในเว็บนู้นแบ่งลงหลายที วันนี้คงพอตีตื้นได้บ้าง(นิดหน่อย55)

คุณเกดนุ่มศรี – เลือกได้ยังว่าจะจองใคร คำตอบคงเป็นเหมาหมดสินะ
คุณเฟอร์หางกิ่ว – ใครร้ายกันนนน ฮ้าๆๆ แต่มะม้าเขียนตัวละครดีไม่เป็นหรอกกระมัง
ขนาดพี่ครามก็ยังมีมุม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account