ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: เจ้าสาวภูต : บทที่ ๔ กับดักริษยา

เจ้าสาวภูต : บทที่ ๔ กับดักริษยา

หลิ่งปินกลับออกไปทันทีหลังจากทำแผลเสร็จ ถึงกระนั้นก็ยังทันได้เจอเจ้กับโบ้ เจ้ไม่ออกอาการกับท่านอาจารย์หนุ่มหล่อสักเท่าไร มีแต่โบ้ที่กรี๊ดกร๊าดกรีดร้องไปหลายวัน บอกว่าหลิ่งปินหล่อใกล้เคียงชายในฝัน แว่นปล่อยให้เพื่อนเพ้อตามความพอใจ ท่านอาจารย์ไปหนนี้ไม่รู้อีกนานเท่าไรจะได้พบกันอีก กว่าจะถึงตอนนั้นโบ้คงลืมแล้วหันไปปลื้มผู้ชายคนใหม่แล้ว

โบ้ลืมง่ายตามคาด ไม่ทันสามวันก็เหลือเพียงแว่นที่ยังคงระลึกถึงหลิ่งปิน ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มยียวนของท่านอาจารย์ลอยมาทุกครั้งที่กินยา ยาของหลิ่งปินส่งผลกระทบพิสดารตามคาด มันทำให้ผายลมและเรอก่อนนอนชุดใหญ่ เสียงเรอกับระเบิดตดทำลายความเป็นกุลสตรีเสียป่นปี้ ดีหน่อยตรงที่ฤทธิ์มันไม่ทำให้ทรมาน สงสารก็แต่ซีอิ๋งที่ต้องเปิดหน้าต่าง ลุกไปสูดอากาศหลังแว่นกินยาทุกคืน

ขณะนี้แว่นมาอยู่ในวังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เปลี่ยนที่พักจากหอมรกตเป็นตำหนักผลึกแทน ตำหนักผลึกตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง ใกล้กับตำหนักเขียวที่คนลือกันว่าผีดุ ความที่เป็นเขตหวงห้าม ประกอบกับนางกำนัลทั้งหลายไม่กล้าเดินผ่าน รอบบริเวณจึงสงบเงียบเป็นอย่างมาก

สนมเฉินบ่นลับหลังไทเฮาใหญ่ว่างมงายไม่เข้าเรื่อง ลี่จูเลยต้องลำบากย้ายมาอยู่ตำหนักโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะทัดทานอย่างไร ยายแก่หัวดื้ออย่างไทเฮาก็ไม่ยอมรับฟัง อ้างแต่ว่าลี่จูกำลังมีเคราะห์ต้องย้ายที่อยู่ถึงจะดี แถมยังตำหนิสนมเฉินเสียอีกว่าไม่รักลูก หนนี้สนมเฉินเถียงไม่ชนะ เลยส่งกุ้ยฮวามาอยู่เป็นเพื่อน หน่อมจึงถือโอกาสให้โบ้ที่มีตำแหน่งพระสหายมาอยู่ด้วยกันเสียเลย

ตอนนี้เจ้ยังไม่เข้าวังมา ว่าที่คู่หมายของหน่อมก็ยังไม่ถูกเรียกเข้าเมืองหลวง แผนการช่วยเลือกสามีให้เพื่อนจึงยังไม่เริ่มต้นขึ้น รวมถึงยังไม่มีการเอ่ยถึงให้เจ้าตัวรู้สึกเครียดโดยใช่เหตุ แว่นจึงได้ใช้ชีวิตตามสบาย ทั้งไทเฮาและสนมเฉินต่างก็ไม่เรียกใช้กุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จู สั่งแต่ให้เร่งปักผ้าสำหรับเทศกาลหนุ่มสาวให้เรียบร้อย

ในวันที่จัดงานเทศกาลหนุ่มสาวจะมีการเต้นรำกันถึงเช้า เจียงเฉียงถือขนบว่าห้ามชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกัน เวลาเต้นรำเลยใช้วิธีการจับชายผ้าคนละฝั่งแทน ผ้าที่ใช้เต้นรำส่วนใหญ่เป็นผ้าโปร่งความยาวอยู่ที่ประมาณสองศอก ฝ่ายหญิงจะเป็นคนทำขึ้นมา โดยปักลวดลายลงไปอย่างวิจิตรเพื่ออวดฝีมือ

โบ้นึกสนุกจึงขอเข้าร่วมด้วย ไป๋หลินไม่ได้รับเทียบเชิญแต่สามารถเข้างานได้ในฐานะพระสหายขององค์หญิง หน่อมเลยช่วยปักผ้าสำหรับใช้ในงานให้หนึ่งผืน ในส่วนของแว่น กุ้ยฮวามีฝีมือในการเย็บปักดีระดับหนึ่ง แต่น่าเศร้าที่แว่นได้รับความสามารถพิเศษนี้มาเพียงเล็กน้อย เขาออกแบบลายผ้าได้สวยงามแต่กลับไม่มีปัญญาทำให้เป็นรูปร่าง หน่อมจึงอาสาช่วยขึ้นโครงให้ ที่จริงจะปักเพิ่มอีกผืนก็ไม่กินแรงนัก แต่แว่นถือคติเรื่องของตัวเองก็ต้องรับผิดชอบเอง ระหว่างที่รองานจากเพื่อนเลยหัดปักลายง่ายๆ เพิ่มทักษะให้ตัวเอง

แว่นนั่งทำงานฝีมือได้ประมาณครึ่งวันก็มีแขกมาหาถึงที่ตำหนัก องค์ชายหกนำขนมมาให้ทุกคน รวมถึงชวนกุ้ยฮวาให้ไปเยี่ยมองค์ชายแปดด้วยกัน แว่นเกือบลืมองค์ชายตัวร้ายไปแล้ว เด็กหนุ่มยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมานี่เอง การเข้าวังมาหนนี้เลยสงบสุขไม่มีใครมาตามแกล้ง

แว่นยอมไปตามคำชวนขององค์ชายหก เพราะอยากเห็นพัฒนาการของจอมเกเร กุ้ยอี้สนิทกับเฉิงหมินซึ่งทำหน้าที่เป็นอาจารย์ให้องค์ชายเจ็ดกับองค์ชายแปด จึงมาเล่าให้ฟังว่าบัดนี้องค์ชายแปดเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่ลดความมุทะลุลง ยังตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ว่าสอนอะไรไปก็จดจำได้อย่างรวดเร็ว ชวนให้สงสัยว่าถ้าเก่งออกปานนี้ทำไมไม่รีบท่องคุณธรรมของบุรุษกับกฎวังให้ครบ จะได้รับการปล่อยตัวออกมาเสียที ในระหว่างที่นั่งรถม้าไปด้วยกันกับองค์ชายหก แว่นจึงลองตั้งข้อสันนิษฐานดู

“องค์ชายแปดไม่อยากออกมาจากตำหนักมังกรน้ำหรือเจ้าคะ”

“พี่นึกแล้วว่าเจ้าต้องดูออก”

องค์ชายหกถอนใจ

“ตอนพวกเราตามเสด็จไปล่าสัตว์พันปี น้องแปดทะเลาะกับสนมเหอ ถึงกับอดอาหารประท้วงกันเลยทีเดียว ข้าถามว่าผิดใจกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอก”

ไม่บ่อยนักที่น้องชายจะมีความลับกับตน องค์ชายลี่หยางเลยค่อนข้างวิตก

“สนมเหอเล่าเจ้าคะ นางไม่ยอมอ่อนให้องค์ชายแปดเลยหรือ”

แว่นมองว่าสนมเหอร้ายแต่ก็รักลูก องค์ชายแปดถูกกักบริเวณมานานเกินควรแล้ว หนำซ้ำขณะนี้ตำหนักมังกรน้ำยังหนาวเย็นจับจิต หัวอกคนเป็นแม่จะทนเห็นลูกทรมานได้สักกี่มากน้อย

“ผิดถนัด สนมเหอถึงกับคุกเข่าขอร้องเชียวละ แต่น้องแปดก็ยังใจแข็ง ขนาดว่าตอนนี้แม่ป่วยก็ยังไม่คิดจะออกมาเยี่ยม ข้าพูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว”

หรู่เผยจะเอาแต่ใจรั้นอย่างไรเขาไม่เคยถือสา แต่เรื่องแม่นี่มันออกจะเกินไปสักหน่อย พอไปทูลขอความช่วยเหลือจากเสด็จพ่อ พระองค์ก็บอกว่าเป็นเรื่องที่สองแม่ลูกต้องรับผิดชอบและจัดการด้วยตัวเอง องค์ชายลี่หยางไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยไปรับกุ้ยฮวาไปเยี่ยม เผื่อนางจะมีคำพูดดีๆ มาเปลี่ยนแปลงความคิดของหรู่เผยได้บ้าง

“ถ้าขนาดท่านพี่หกยังจนใจ ข้าก็คงหมดปัญญาเช่นกันเจ้าค่ะ”

องค์ชายแปดเพิ่งจะมาดีกับกุ้ยฮวานิดหน่อยก่อนนางตามเสด็จไปล่าสัตว์พันปีนี่เอง

“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกจริงไหม” องค์ชายผู้แสนดีเอ่ยอย่างมีความหวัง นิสัยมองโลกในแง่บวกนี้ช่างคล้ายกับน้องสาวเสียจริง

องค์ชายลี่หยางขอให้กุ้ยฮวาเข้าไปเยี่ยมองค์ชายแปดตามลำพัง ส่วนตัวเองรออยู่ด้านนอก แว่นทำตามทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มอย่างไร เขาห่อตัวขณะเดินผ่านห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศหนาวเหน็บวังเวง แม้อากาศจะอุ่นขึ้นเมื่อเข้าไปยังส่วนที่มีเตาไฟให้ความร้อน แว่นก็ยังไม่ชอบที่นี่อยู่ดี

คนที่ถูกกักบริเวณอยู่ในห้องรู้ว่ามีแขกมาเยือนจากเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของรองเท้ากระถาง องค์ชายหรู่เผยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองด้วยคิดว่าเป็นมารดา กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นใครอีกคนก็ตอนที่หญิงสาวมายืนอยู่ใกล้ๆ วิจารณ์ลายมือ

“ลูกผู้ชายลายมือก็คือยศ ลายมือขององค์ชายตอนนี้ไม่สมฐานะเลยนะเพคะ”

แทนที่จะโกรธเด็กหนุ่มกลับจ้องกุ้ยฮวา ดวงตาเขามีประกายยินดีปรากฏอยู่อึดใจก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“ยังไม่ตายหรอกรึ ก็ดีที่รู้จักเชื่อฟัง”

ก่อนจากกันเมื่อครั้งก่อนองค์ชายหรู่เผยสั่งกุ้ยฮวาเอาไว้ว่าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด การที่นางยังอยู่ดีมีสุขจึงเท่ากับว่าปฏิบัติตามคำสั่งเป็นอย่างดี

‘เจ้าเด็กบ้านี่ยังปากเสียไม่เปลี่ยน’ แว่นบ่นในใจ

แว่นคิดว่าถูกกวนประสาทเหมือนที่เคย มีแต่เด็กบ้าเท่านั้นกระมังที่รู้ว่าวินาทีแรกที่ได้เห็นกุ้ยฮวา ใจมันเต็มตื้นด้วยความยินดีเพียงไหน

‘ดีเหลือเกินที่ปลอดภัย…ดีจริงๆ’

“หม่อมฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกเพคะ เผลอๆ จะอายุยืนกว่าองค์ชายด้วย”

“บังอาจนัก องค์ชายอย่างข้าต้องอายุยืนกว่าคนอ่อนแออย่างเจ้าอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มทำท่าไม่พอใจ

“ไม่แน่หรอกเพคะ ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป”

องค์ชายหรู่เผยผอมลงผิดหูผิดตา เห็นเด็กวัยกำลังโตผอมแห้งแบบนี้แล้วแว่นก็อดสงสารไม่ได้ นึกเสียดายที่มาตัวเปล่าไม่ได้เตรียมขนมหรืออาหารมาฝาก

“เรื่องของข้า ถ้ายังมาเจ้ากี้เจ้าการอีก ข้าจะให้เหยี่ยวดำสั่งสอน”

พอพูดชื่อเหยี่ยวดำอีกาตัวหนึ่งก็บินมาหาเด็กหนุ่ม องค์ชายหรู่เผยโยนเนื้อตากแห้งให้มันแล้วสั่งให้มาเกาะที่แขน เจ้าอีกาแสนเชื่องตัวนี้หน้าคุ้นเสียจนแว่นต้องร้องทัก

“มาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย!”

เจ้ากาพี่ใหญ่ส่งเสียงร้องแล้วกางปีกออก ทำท่าเหมือนว่ากำลังเล่าเรื่องราว แม้แว่นจะไม่เข้าใจก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทางมันคงสลัดรักองค์ชายหกแล้วสมัครใจมาอยู่กับองค์ชายแปดแทนเป็นแน่แท้ รสนิยมอีกานี่บางทีก็พิลึกชะมัด

“เจ้ารู้จักมัน?” องค์ชายแปดทำท่าประหลาดใจ

“รู้จักดีเลยเพคะ หม่อมฉันเป็นคนเก็บมันมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก”

แว่นเท้าความให้ฟังย่อๆ ว่ารังของเจ้าจิ๋วสามพี่น้องตกลงมาจากต้นไม้ พ่อแม่ของมันตายแล้วทั้งคู่เขาเลยเก็บมาดูแลหวังจะปล่อยคืนสู่ป่า ทว่าลูกนกทั้งสามกลับติดคนเสียจนไม่ยอมไปไหน

“ตอนนี้ที่บ้านหม่อมฉันเลี้ยงไว้ตัวหนึ่งเพคะชื่อว่าเฟย”

“ผู้หญิงพิลึก เลี้ยงอะไรไม่เลี้ยงดันเลี้ยงอีกา”

องค์ชายแปดจงใจหาเรื่อง ท่าทางอยู่นี่คงเหงาปากไม่น้อยเพราะไม่มีคนมาคอยเถียง แว่นเลยตอบรับคำเชิญด้วยการโต้คารมกับเด็กหนุ่ม

“องค์ชายลืมแล้วหรือเพคะว่าตัวเองก็เลี้ยงอีกาเหมือนกัน”

“อย่าเอาเหยี่ยวดำของข้าไปเทียบชั้นกับอีกาของเจ้า เหยี่ยวดำสง่างามฉลาดกว่านกทั่วไปหลายเท่า”

เมื่อเจ้านายอวดสรรพคุณตัวเอง เหยี่ยวดำก็ยืดอกเชิดหน้าวางท่าเต็มที่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้เหมาะแล้วที่จะอยู่ด้วยกัน

แว่นกับองค์ชายแปดคุยกันเรื่องนกเสียยืดยาวจนกระทั่งได้เวลากลับ ตลอดเวลาที่สนทนากันแว่นไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของสนมเหอเลยแม้แต่คำเดียว คนวัยนี้ยิ่งพูดยิ่งบังคับก็ยิ่งเตลิด เท่าที่สังเกตองค์ชายหรู่เผยก็ไม่ใช่พวกที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผล แสดงว่าต้องมีเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ อายุเพียงเท่านี้แต่ไม่อาจปรึกษาใครได้คงอึดอัดคับข้องใจน่าดู แว่นตัดสินใจในตอนนั้นว่าจะมาเยี่ยมทุกวัน ถ้าได้สร้างความคุ้นเคยกันไม่แน่ว่าองค์ชายอาจยอมเปิดใจ


เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า องค์ชายหรู่เผยก็ยังปิดปากเงียบ หากไม่ทุ่มเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระ เขาก็มักจะมองมาด้วยแววตาครุ่นคิด แว่นเลยถามว่าคิดอะไรอยู่ ผลคือเด็กหนุ่มบอกปัดว่าไม่ต้องมายุ่ง จากนั้นก็บึ้งตึงปั้นปึ่งไปอีกระยะใหญ่ เห็นทีครั้งนี้แว่นจะวิเคราะห์พลาดเพราะคิดง่ายไป สกุลเฉินกับสกุลเหอเป็นอริกัน ใครเล่าจะเปิดใจให้กับศัตรู

ในขณะที่แว่นเริ่มถอดใจ อยู่ๆ องค์ชายหรู่เผยก็บอกว่านับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องมาเยี่ยมแล้ว

“หม่อมฉันทำให้รำคาญหรือเพคะ”

ช่วงสองสามวันมานี้แว่นมาเยี่ยมนานขึ้น แต่ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะ เขาหอบอุปกรณ์มานั่งปักผ้าเงียบๆ ชวนคุยชวนกินขนมบ้างแล้วค่อยกลับไปก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

“ใช่ ข้าจะเตรียมตัวออกไปจากที่นี่แล้ว มีเจ้าอยู่มันไม่มีสมาธิ”

แรกเริ่มเดิมทีองค์ชายหรู่เผยตั้งใจจะอยู่ในตำหนักมังกรน้ำแห่งนี้จนกว่าจะสิ้นฤดูหนาว เด็กหนุ่มติดใจในความสงบ และอยากมีเวลาอยู่กับตัวเองมากกว่านี้เพื่อจะได้สามารถให้อภัยท่านแม่ได้จากใจจริง แต่สุดท้ายก็ต้องออกไปก่อนกำหนดด้วยเหตุผลสองประการ

ประการแรกคือท่านตามาเยี่ยมถึงที่นี่ ท่านบอกว่าท่านแม่ป่วยหนัก อยากให้รีบมาดูแลก่อนจะสายไป ท่านตาไม่เคยโกหกและไม่เคยขอร้องพร่ำเพรื่อ แสดงว่าท่านแม่อาการย่ำแย่จริง

ประการที่สองคือกุ้ยฮวามีผลต่อการตัดสินใจ ท่านแม่หมายชีวิตนางแต่หญิงสาวก็รอดมาได้ ความรู้สึกผิดในใจขององค์ชายแปดจึงเบาบางลง นอกจากนี้นางยังขยันมาเยี่ยมทุกวัน ผู้หญิงพิลึกคนนี้ใส่ใจองค์ชายตกอับเสียยิ่งกว่าสุขภาพของตัวเอง เห็นนางเริ่มไอเพราะต้องทนหนาวในตำหนักมังกรน้ำ เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“ถ้าองค์ชายต้องการสมาธิเพื่อท่องจำ หม่อมฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

แว่นรีบเก็บข้าวของก่อนที่เด็กหนุ่มจะเปลี่ยนใจ ไม่จำเป็นต้องซักถามเหตุผลให้วุ่นวาย ขอแค่องค์ชายหรู่เผยยอมดิ้นรนหาทางให้พ้นโทษออกมาก็พอ


แว่นนั่งเรือออกมาจากตำหนักมังกรน้ำด้วยอารมณ์ปลอดโปร่ง ถ้าองค์ชายหกรู้ข่าวคงดีใจน่าดู เสียดายที่ตอนนี้เพิ่งจะบ่าย ชายหนุ่มน่าจะทำงานยัง?ไม่กลับมาที่ตำหนัก แว่นเลยแจ้งข่าวให้ทราบด้วยการฝากจดหมายเอาไว้กับมหาดเล็ก

ขากลับออกจากตำหนักองค์ชายหกต้องผ่านอุทยานฤดูใบไม้ร่วง แว่นจึงขอให้จอดรถม้าสักครู่หนึ่ง วันนี้เป็นวันที่สองเดือนสิบ ตามปฏิทินของชาวเจียงเฉียงถือว่าเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ไม้ผลัดใบในอุทยานแห่งนี้จึงร่วงหล่นเหลือเพียงกิ่งก้าน ถึงกระนั้นก็ยังเหลือต้นแปะก๊วยอยู่จำนวนหนึ่งที่ใบยังร่วงไม่หมดและมีผลอยู่เต็มต้น แว่นเลยไปหาเก็บมาทดลองกินเป็นยาแก้ไอ

ช่วงนี้แว่นระคายคอเพราะอากาศเปลี่ยน แต่คนที่ป่วยจริงๆ คือซีอิ๋ง ทั้งที่ไม่ค่อยสบายก็ยังอุตส่าห์ออกมาเป็นเพื่อน ตามกฎว่าสตรีสูงศักดิ์ต้องมีผู้ติดตาม แว่นเห็นว่าตัวเองแวะเก็บผลแปะก๊วยครู่เดียว เลยบังคับให้ซีอิ๋งรอในรถ

ธรรมชาติของต้นแปะก๊วยมักผลัดใบไม่พร้อมกัน บางต้นใบร่วงจนโกร๋นแต่ที่อยู่เยื้องกลับเพิ่งจะออกผล ขณะที่กำลังกวาดตามองหาทำเลเหมาะๆ ก็ได้ยินเสียงนกร้องดังอยู่ไม่ไกล อึดใจก็มีนกกระจอกบินมาเกาะที่แขน เจ้าจิ๊บน้อยจำผู้มีพระคุณของมันได้ก็เลยมาทักทาย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจิ๊บน้อย องค์ชายห้าดูแลแกดีหรือเปล่า”

จิ๊บน้อยส่งเสียงตอบรับ มันกระโดดไปมาบนแขนคล้ายจะหมุนรอบตัวให้ดู

“อ้วนกลมเชียวนะ” แว่นเอามือจิ้มพุงนกน้อยอย่างเอ็นดู

เขาดีใจที่องค์ชายเหวินหรงดูแลจิ๊บน้อยเป็นอย่างดี แม้จะเลี้ยงแบบปล่อยก็ไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องอาหาร

“มาเที่ยวแถวนี้ต้องระวังเหยี่ยวให้ดีรู้ไหม ถ้าไม่จำเป็นตอนเย็นๆ อย่าออกมา” แว่นเตือนเจ้าตัวเล็กเมื่อนึกได้

เหยี่ยวที่พูดถึงเป็นขององค์ชายสี่ ทุกเย็นมหาดเล็กจะพาออกมาบินเล่นแถวนี้ แว่นเคยเห็นมันบินโฉบไล่ล่านกตัวเล็กกว่ากับตา

เจ้าจิ๊บน้อยทำเสียงจิ๊บๆ รับคำ แต่มันก็ยังไม่ไปไหน เจ้าตัวเล็กบินขึ้นไปบนต้นไม้แล้วขย่มกิ่งให้ผลแปะก๊วยหล่นลงมา เจ้าจิ๊บน้อยตัวจิ๋วเดียวแต่เรี่ยวแรงกลับเยอะผิดคาด พอมันขยับตัวผลแปะก๊วยสดใหม่ที่อยู่บนกิ่งก็ร่วงกราวลงมา

“เก่งมากเลยจิ๊บน้อย ยอมเยี่ยม” แว่นชูนิ้วโป้งให้เจ้าตัวเล็ก

จิ๊บน้อยบ้ายอใช่ย่อย พอถูกชมก็ช่วยขย่มกิ่งไม้ใหญ่ ขณะที่คนกับนกกำลังสนุก อยู่ๆ ทั้งใบและผลแปะก๊วยก็ร่วงกราวลงมาแทบหมดต้น จิ๊บน้อยไม่ได้มีพลังเหลือล้นขนาดจะทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้ ตัวต้นเหตุจึงเป็นเจ้านายของมันที่แอบมาช่วย

องค์ชายห้าตั้งใจมาแบบเงียบๆ แต่ดูเหมือนจะกะแรงพลาดไปหน่อยเลยถูกจับได้ พอสาวเจ้ามองมาก็รีบขยับไปแอบอยู่หลังต้นไม้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แว่นยิ้มขำเมื่อเห็นคนขี้อาย

‘ไม่ต้องแอบดีกว่ามั้ง ขนาดตัวพี่นี่ต้นไม้สองต้นช่วยกันบังยังไม่มิดเลย’

แว่นวางมือจากการเก็บผลแปะก๊วย เพื่อไปทักทายเจ้านายจิ๊บน้อย

“ขอบพระทัยองค์ชายที่ช่วยเหลือ” แว่นย่อตัวให้ตามธรรมเนียม

“ข้าไม่ได้ทำอะไร” คนชอบปิดทองหลังพระปฏิเสธเสียงหล่อ

แว่นหัวเราะกิ๊ก เขาเพิ่งรู้ว่าถ้าลองพิจารณาให้ดีองค์ชายแพนด้าก็มีแง่มุมน่ารักหลายอย่าง

‘รู้แล้วที่ดูเหมือนหยิ่ง แต่จริงๆ พี่อาย’

“องค์ชายพาจิ๊บน้อยมาเดินเล่นหรือเพคะ”

“เปล่า อยู่ๆ มันก็บินหนีมาทางนี้”

ปกติจิ๊บน้อยชอบเกาะอยู่บนบ่า ไปไหนไปกันตลอดเว้นก็แต่เวลามีงานสำคัญหรือมีประชุม เขาจะบอกให้มันรออยู่ด้านนอก ซึ่งจิ๊บน้อยก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี มีวันนี้เท่านั้นที่อยู่ๆ ก็บินออกจากรถม้า องค์ชายห้าคิดว่าผิดปกติเลยตามมา ปรากฏว่ามันช่วยนำทางให้มาเจอกุ้ยฮวา

“อย่าดื้อนักสิเจ้าจอมซน อุตส่าห์มีเจ้านายดีๆ กับเขาทั้งคน” แว่นบ่นนกแต่คนกลับยิ้ม

องค์ชายห้าไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ปากกับตาเลยขยับเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวเล่นกับนกอยู่พักหนึ่ง ค่อยอาสาช่วยเก็บผลแปะก๊วย

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันอยากได้แค่ไม่กี่กำมือ” แว่นเอ่ยอย่างเกรงใจ

“กลัวข้าก้มแล้วจะหงายหลังล้มใช่ไหม”

แว่นยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมรับ

“หม่อมฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะเพคะ”

แววตาซุกซนแกมล้อเลียนของกุ้ยฮวากระตุ้นให้มันเขี้ยว จนองค์ชายเหวินหรงต้องเอามือไพล่หลัง เพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร

“หนนี้ไม่คิดแต่หนก่อนเจ้าคิด” ชายหนุ่มโต้

“หนไหนเพคะ” แว่นทำหน้างง

“ก่อนไปปราบโจร เจ้าฝากข้อความเอาไว้ว่าให้พกมีดสั้นติดตัว อ่านดูก็รู้แล้วว่าเจ้ากลัวข้าทำอาวุธตกแล้วเก็บขึ้นมาไม่ได้”

แว่นถึงกับอึ้งที่เขายังจำเรื่องนี้ได้ เห็นเงียบๆ อย่างนี้นี่รู้ทันกันจริง

“ก็มันน่าห่วงจริงๆ นี่เพคะ” พูดแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม เมื่อภาพองค์ชายแพนด้าโดนพุงดีดลอยเข้ามาในหัวแบบสโลว์โมชั่น

“ถ้าเช่นนั้นก็เลิกกังวลได้แล้ว ข้ามีวิธีของข้า”

อึดใจต่อมาชายหนุ่มก็แสดงความสามารถด้วยพลังปราณดึงลูกแปะก๊วยให้ลอยติดมือมา องค์ชายเหวินหรงใช้วิธีการเดียวกับวิชาแหวกน้ำ เพียงแต่หมุนกระแสพลังให้ไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อให้วัตถุเป้าหมายพุ่งเข้าหาตัวแทน แว่นทึ่งเสียจนเผลอปรบมือให้เสียงดัง

องค์ชายห้าไม่ได้แสดงวิชาให้ดูเพียงอย่างเดียว เขายังใช้วิธีนี้เก็บลูกแปะก๊วยมาให้เป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มสละเสื้อคลุมกันหนาวของตัวเองมาใช้แทนผ้าห่อของ แล้วนำมาส่งให้กุ้ยฮวาถึงรถม้า

น้ำใจขององค์ชายเหวินหรงทำให้ผู้รับรู้สึกประทับใจ แว่นเห็นความดีของเขา แต่ก็ยั้งตัวเองไม่ให้คิดเกินเลย องค์ชายห้ามีคนที่รักเขาหมดหัวใจอยู่แล้ว เทียบกับคนไม่มีอนาคตอย่างกุ้ยฮวา ฮุ่ยเสียนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก

แว่นอุตส่าห์มีน้ำใจสนับสนุนฮุ่ยเสียน ทั้งยังไม่เคยคิดแย่งชิงผู้ชายที่นางรัก แต่ในหัวใจของอีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยอคติ ขนาดไม่ได้เห็นกับตาว่าองค์ชายห้ากับกุ้ยฮวาอยู่ด้วยกัน ก็ยังสู้อุตส่าห์คิดลบเพราะได้ยินข่าวลือว่าองค์ชายห้าไปประชุมกับกรมทหารช่างสายเพราะมัวแต่เอาใจท่านหญิงรุ่ยฟาง

ฮุ่ยเสียนคิดว่ากุ้ยฮวาจงใจให้องค์ชายเหวินหรงเสียงานจึงหาทางสั่งสอน แผนการชั่วร้ายที่เคยคิดนำมาใช้เมื่อตอนกลับถึงเมืองหลวงใหม่ๆ ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ท่านหญิงผู้นี้ไม่ถึงกับฉลาดล้ำลึกแต่ก็รู้จักวางตัวไม่เอะอะโวยวาย นางวางแผนปลุกปั่นให้คนผู้หนึ่งชิงชังกุ้ยฮวา แล้วยืมมือคนผู้นั้นจัดการกับนาง

แว่นไม่รู้เนื้อรู้ตัวสักนิดว่ามีคนประสงค์ร้าย จึงเผลอไปเหยียบกับดักที่ฮุ่ยเสียนวางเอาไว้อย่างจัง ซ้ำร้ายอภิมหากับระเบิดนั้นยังเป็นสตรีสูงศักดิ์ผู้ไม่รู้จักคำว่าควบคุมอารมณ์และรับฟังเหตุผลใดๆ




-โปรดติดตามตอนต่อไป-

สวัสดีตอนดึกค่า
หลังจากหายไปน้านนานนุ้งแปดก็โผล่มาแล้น
เด็กเกรียนของป้าเกรียนน้องลงเยอะเลย
เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหลังโดนขัง
แต่อย่าได้ผิดหวังไปค่ะ เดี๋ยวฮีออกมาฮีก็ปั่นอีก 5555
แต่ปั่นแบบมีคุณค่าไม่น่าหมั่นไส้มาก (มั้ง)

มีคนเดาถูกด้วยว่าสุดท้ายองค์ชายหกโดนสลัดรักค่ะ
เหยี่ยวดำเลือกอยู่กับนุ้งแปดนะคะ
คาดว่าชายหกจะแพ้ที่ความเอ๊าะ
ส่วนแพนด้าก็มาปุ๊กลุ๊กๆ ท้ายตอนพร้อมจิ๊บน้อย

คืนนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ
ก่อนจากขออภัยเป็นอย่างยิ่งสำหรับชื่อตอน
แลดูเป็นนิยายตบจูบมาก 555
คือเค้าคิดชื่อไม่ออกจริงๆ ไม่ว่ากันนะจ๊ะคนดี



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2558, 00:00:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2558, 00:00:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1295





<< เจ้าสาวภูต : บทที่ ๓ บทเพลงของภูตพราย   เจ้าสาวภูต : บทที่ ๕ สั่งสอน >>
ใบบัวน่ารัก 22 มิ.ย. 2558, 07:00:07 น.
นึกว่าจะปักผ้า เต้นรำ
สวีตกะแพนด้า แล้ว ยังมีนางมารร้ายอีก
แพนด้าก็ปักใจรักซะเหลือเกิน เหลือตาเหลือใจ มองคนข้างๆๆ
ที่เค้าแอบมองบ้างจิ นะนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 22 มิ.ย. 2558, 23:53:25 น.
อั้ยยะ นางร้ายกำลังจะออกมาแล้วววว


Zephyr 11 ก.ค. 2558, 19:02:29 น.
พี่แพนด้าน่ารักอ่ะ ออกบ่อยๆน่า
ดูอบอุ่นนุ่มนิ่มน่ากอดออก
ยิ่งหนาวๆเฮียยิ่งน่ากอดนะ แว่นนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account