ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๐ สนทนาบนเตียง

ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๐ สนทนาบนเตียง

บทที่ ๑๐ สนทนาบนเตียง

หลังจากถูกเข็มพิษเล่นงาน โบ้ก็หมดสติไป คำนวณจากปริมาณพิษที่ได้รับ เขาควรจะหลับยาวไปอย่างน้อยครึ่งวัน ทว่ายังไม่ทันถึงครึ่งชั่วยาม จอมยุทธ์หญิงผู้มีพลังความถึกเกินล้านก็คืนสติ โบ้ดิ้นรนจนเชือกเส้นใหญ่ที่พันธนาการตัวเองเอาไว้หลุด เมื่อคนจับมาเห็นดังนั้นเลยซัดเข็มพิษใส่เพิ่มไปอีก พิษหนนี้มีความเข้มข้นสูงกว่าคราวแรกมาก โบ้จึงเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นทันที แม้เหยื่อจะหมดสติไป แต่คนที่จับเขามาก็ไม่ประมาทซ้ำสอง เสี่ยวเชาจัดการล่ามโซ่เจ้าของกระบี่หิมะอย่างแน่นหนา ก่อนนำตัวไปใส่เอาไว้ในหีบ

โบ้จำอะไรไม่ได้เลยนับจากนั้น พิษชนิดเข้มข้นที่เขาได้รับ มากพอจะทำให้หัวใจหยุดเต้น แต่โบ้ก็รอดมาได้เพราะคุณสมบัติพิเศษของปราณในร่างกาย ปราณน้ำแข็งช่วยสลายพิษสลบอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้โบ้ฟื้นคืนสติในสถานที่และเวลาอันเหมาะสม

โบ้คลำเปะปะควานหากระบี่ ทั้งที่ยังไม่ลืมตา เมื่อไม่พบอาวุธคู่ใจ สัญชาตญาณระวังภัยก็กระตุ้นให้ตื่นตัวมากขึ้น โบ้รีบหันมองโดยรอบ แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในห้อง ที่มีเพดานสูงโปร่งกว่าห้องทั่วไปเกือบสามเท่า นอกจากเตียงขนาดใหญ่ที่เขานอนอยู่ ก็มีฉากกั้นเอาไว้แต่งตัวกับเครื่องเรือนอีกไม่กี่ชิ้น ดูไม่สมดุลกับเนื้อที่อันกว้างขวางเลย ลักษณะประตูก็ดูแปลกตา เกิดมาโบ้เพิ่งเคยเห็นประตูห้องนอนที่สูงเกือบสี่เมตรก็วันนี้ กลางประตูมีประตูเล็กอยู่อีกบานหนึ่ง ขนาดพอเหมาะให้คนเข้าออก จะว่าไปแล้วเตียงนอนที่เขาใช้อยู่นี่ก็ขนาดใหญ่เกินพอดี ให้คนสิบคนมานอนเรียงกัน ยังมีที่พื้นที่ขยับแขนขาอย่างเหลือเฟือ

“ที่นี่ที่ไหนกัน ทำไมเหมือนบ้านยักษ์เลย” โบ้พึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย

เมื่อไม่ได้คำตอบเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นหมายจะออกไปสำรวจ ทว่ายังไม่ทันที่เท้าจะได้สัมผัสกับพื้นหินอ่อน เสียงห้ามก็ดังขึ้น

“พิษในร่างกายเจ้ายังไม่หมดฤทธิ์ อย่าเพิ่งลุกไปไหนดีกว่า”

เสียงดังมาจากบริเวณฉากกั้น ซึ่งอยู่ถัดจากอีกฝากของเตียง โบ้เลยกลับขึ้นเตียงไปแล้วคลานไปอีกฝั่ง เนื่องจากพิษสลบมันยังไม่เสื่อมฤทธิ์อย่างที่เจ้าของเสียงนุ่มน่าฟังบอก การขยับตัวของโบ้จึงทำได้อย่างเชื่องช้า ถึงกระนั้นเขาก็ยังฝืนร่างกายต่อไป เมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มอาจจะเป็นคนที่ตามหา

‘เสียงเหมือนกันมาก จะใช่เขาหรือเปล่าไม่สิ... ต้องใช่แน่ ต้องใช่’

ขณะที่โบ้กำลังพยายามเคลื่อนที่เข้าหาเขา ชายหนุ่มก็ออกมาจากหลังฉากกั้นโดยไม่ต้องร้องขอ เป็นเหตุให้อดีตตุ๊ดกล้ามปูถึงกับตะลึงค้างอยู่ในท่าคลานสี่ขา ตลอดเวลาที่ใจโบ้คะนึงหาชายหนุ่ม โบ้ไม่ปฏิเสธว่าคาดหวังให้บุรุษผมเงินเป็นชายรูปงาม ทว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับเหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้พันเท่า

‘นี่มันหล่อจนไม่ใช่มนุษย์แล้ว’

โบ้คิดอย่างนั้นเพราะไม่เคยพบใครที่มีเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติอย่างนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปคิ้วตาจมูกปากมันก็สอดรับกันดีทั้งหมด หากให้บรรยายก็คงต้องบอกว่าเป็นส่วนผสมของโครงหน้าแบบเอเชียและยุโรปที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง ความงามนี้เจิดจ้าจนต้องหยีตา โบ้จมลึกเข้าสู่ภวังค์อย่างไม่อาจถอนตัว เมื่อถูกดวงตาสีอำพันจ้องมอง นัยน์ตาคู่นี้ดูลึกลับเปี่ยมเสน่ห์ ทั้งยังงดงามเหนือกว่าเจ้าแห่งอัญมณีทั้งปวง ยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครองมันจนตัวสั่น

ชายหนุ่มพูดบางอย่างกับโบ้ แต่ทุกคำกลับยิ่งทำให้เคลิบเคลิ้มจนมิอาจรับรู้เนื้อความได้ ทางฝ่ายประมุขพรรคมารเห็นนางไม่ตอบรับ เอาแต่ทำตัวแข็งเป็นรูปปั้นก็ประหลาดใจ เขาไม่ได้ปล่อยพลังปราณหรือคลื่นรบกวนใดๆ ไปก่อกวนนางเลย ครั้นจะว่าเพราะฤทธิ์สลบก็ไม่ใช่

ประมุขพรรคมารผู้ยังไม่รู้ซึ้งถึงฤทธิ์เดชของจอมป่วน ปีนขึ้นเตียงไปหาอีกฝ่าย แล้วเขย่าตัวเรียก สติของโบ้พลันกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนที่เฝ้าฝันอยู่ใกล้แค่คืบ โบ้ก็ปฏิบัติการจู่โจม โดยไม่ปล่อยให้เวลาอันมีค่าหมดเปลืองไปแม้แต่เสี้ยววินาที

“ข้ารักท่าน แต่งงานกับข้านะ!”

คนถูกสารภาพรักนิ่งไป แวบแรกเขาคิดว่านางอาจฟั่นเฟือนเพราะฤทธิ์ยายังไม่คลาย ทว่าเมื่อพิจารณาจากแววตาอันแน่วแน่ ที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลง มารเงินก็ได้ตระหนักว่ารูปร่างหน้าตาของตนนั้นกำลังสร้างปัญหา สตรีนางนี้หลงรักเขาหัวปักหัวปำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีสตรีมาหลงใหลมารเงิน แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่ถูกขอแต่งงาน ถึงกระนั้นการสารภาพรักโดยไม่ดูสถานการณ์ ก็สร้างความประหลาดใจให้อยู่ดี

“เจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่าใส่ใจเรื่องอื่น” คนอายุมากกว่าหลายสิบรอบตำหนิ

เขาเมตตานางเพราะติดค้างน้ำใจ แต่ก็ใช่จะเออออตามไปทุกเรื่อง ที่นางยังอยู่ดีมีสุขได้จนบัดนี้ เรียกว่าเป็นการใช้หนี้เกินราคาด้วยซ้ำ

“ข้าไม่มีอะไรน่าห่วง”

“ลืมแล้วรึ เจ้าถูกพิษ ถูกจับมัดใส่หีบ แล้วตอนนี้ก็อยู่ที่ใดก็ไม่รู้”

น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นอย่างจงใจ แม้จะมีรูปกายหนุ่มแน่นปานใด แต่เนื้อในของชายผู้นี้ก็เป็นผู้อาวุโสที่อดว่ากล่าวเด็กน้อยเวลาทำผิดไมได้ เขาอยากให้นางสำนึก ทว่าผลที่ได้กลับผิดจากความคาดหมายไปมาก

“ข้าไม่ลืม แต่เพราะมีท่านอย่างไรเล่า ก็เลยไม่กังวล” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มหวานมาให้

มารเงินแค่นยิ้มกับท่าทีอันไร้เดียงสา นางไม่เพียงแต่ไม่ระแวง ยังไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่าคนที่เพิ่งบอกรักไปมีลักษณะเหมือนประมุขพรรคมารทุกประการ เขาอยากรู้จริงๆ ว่านางจะมีสีหน้าเช่นไรยามรู้ว่าโชคชะตาของนางและคนที่หลงรักไม่มีวันมาบรรจบ

ความรู้สึกที่ได้จากไป๋หลิน กระตุ้นสัญชาตญาณการทำลายของมารเงิน ในกาลก่อนเขาชอบที่จะเล่นสนุกกับจิตใจของผู้คน ยิ่งเป็นของสูงส่งสะอาดบริสุทธิ์มากเท่าใด ก็ยิ่งอยากคว้ามาครอบครองแล้วทำให้แปดเปื้อนมาเท่านั้น มาบัดนี้แม้จะอยากอยู่อย่างสงบ แต่นิสัยเสียแต่เก่าก่อนก็ยังไม่จางหาย ชายหนุ่มต้องข่มใจมากทีเดียว กว่าจะเลือกหนทางที่ถือเป็นความถูกต้องได้

“เจ้าจะบอกว่าไว้ใจข้าอย่างนั้นรึ”

“ใช่...ข้าไว้ใจท่าน” โบ้ตอบรับเสียงดังฟังชัดอย่างไร้ข้อกังขา

“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จงรู้ไว้ว่าเจ้าไว้ใจคนผิด ข้าคือปีศาจ มีนิสัยเลวทรามชนิดที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง”

แม้เขาจะต่อว่าตัวเองเสียไม่มีดี สายตาของโบ้ก็ยังเต็มไปด้วยความชื่นชม

“หากท่านเป็นคนไม่ดี ไยจึงมอบสุวรรณมาลีให้ข้า เพราะน้ำใจของท่านเพื่อนคนสำคัญของข้าจึงรอดชีวิตมาได้”

“ก็แค่ดอกไม้” มารนิลเอ่ยด้วยท่าทีว่านี่เป็นขี้เล็บ เขาเริ่มตำหนิหญิงสาวเมื่อนึกถึงบทสนทนาในตอนนั้น

“ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่ากลับมาอีก เหตุใดจึงไม่เชื่อฟัง”

“ข้าอยากขอบคุณท่าน”

“แค่นั้นรึ?” ชายหนุ่มไม่เชื่อว่านางจะยอมเสี่ยงอันตรายด้วยเรื่องเล็กน้อย

“ข้าอยากตอบแทนให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วย อ๊ะ! แต่มันไม่เกี่ยวกับที่ข้าสารภาพรักกับท่านนะ เรื่องตอบแทนกับเรื่องความรักนี่ข้าอยากให้แยกกัน หรือ...ท่านจะรวมกันข้าก็ไม่ขัดข้อง”

ประโยคสุดท้ายนี่พูดพลางบิดตัวด้วยความขวยเขินไปด้วย จอมมโนกำลังเพลิดเพลินกับฉากใช้กายแทนคุณที่ผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งโลกนี้การแต่งงานหรือยกบุตรสาวให้ใครเพื่อตอบแทนบุญคุณเป็นเรื่องปกติ ใจโบ้ก็ลอยไปไกลถึงฉากแต่งานในฝัน

ประมุขพรรคมารเห็นว่ายิ่งพูดก็ยิ่งเลอะเทอะ เลยเปลี่ยนประเด็นเสีย

“อยู่เฉยๆ แล้วดูให้ดีว่าข้าเป็นใคร”

ขาดคำชายหนุ่มก็กระตุกเชือกสีแดงที่ห้อยอยู่บริเวณหัวเตียง อึดใจต่อมาประตูห้องก็เปิดออก สตรีสองนางที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาด คนทางขวาถือถาดที่มีกระปุกยากับผ้าสะอาด ส่วนคนทางซ้ายถือถาดที่มีซุปเนื้อกับหมั่นโถว พอได้กลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูก กระเพาะของโบ้ก็ส่งเสียงโครกครากดังสนั่น แน่นอนว่าหนุ่มรูปงามข้างกายย่อมได้ยินชัด โบ้เลยรีบแก้ต่าง

“ข้า…”

“อย่าเพิ่งพูด” ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้าม แล้วหันไปพูดกับสาวใช้ทั้งสอง “บอกนางว่าข้าเป็นใคร”

“นายท่านคือมารเงินเจ้าค่ะ” คนทางขวาว่า

“หรือก็คือประมุขพรรคมารผู้เกรียงไกรเจ้าค่ะ” คนทางซ้ายเสริม

“บอกนางว่าที่นี่ที่ไหน”

“ที่นี่คือเรือนจื่อ ที่พำนักของนายท่าน” คนขวาตอบอย่างฉะฉาน

“ใจกลางแดนมายาซึ่งมีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุด” คนซ้ายขยายความในจังหวะที่พอเหมาะ

มารเงินมั่นใจว่าหญิงสาวได้ยินสิ่งที่สาวใจบอกอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่านางยังคงนิ่งไม่แสดงอาการประหลาดใจ มารเงินจึงออกคำสั่งอีกครั้ง

“บอกนางว่ามีสถานะเช่นไร”

“เจ้าเป็นนักโทษ!” สองสาวประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

ในที่สุดผู้บุกรุกก็แสดงท่าทีประหลาดใจให้เห็น เมื่อมารเงินมั่นใจว่านางรับรู้ความจริงแล้ว ก็สั่งให้สาวใช้ทั้งสองออกไป เขาดึงเชือกเพื่อปิดบานประตูลง ก่อนหันมาสนทนาอย่างจริงจัง

“ข้าคือศัตรู ไม่ใช่แค่ของเจ้า แต่เป็นของจอมยุทธ์ทั้งแผ่นดิน”

โบ้พยักหน้ารับคำอย่างสงบ ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายผิดหวังมาก มารเงินอยากเห็นท่าทีตระหนกตกใจกว่านี้ ความนิ่งของนางช่างกระตุ้นนิสัยขี้แกล้งได้ดีเสียจริง

“เมื่อรู้แล้วก็จงตระหนักว่าชีวิตเจ้าอยู่ในอันตรายแค่ไหน”

ชายหนุ่มพยายามข่มขู่ด้วยบทประมุขพรรคมารผู้ชั่วร้าย ทว่าการตอบสนองของนางกลับไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวัง

“ท่านช่วยข้าเอาไว้อีกแล้ว” โบ้โพล่งออกมาอย่างเพิ่งรู้ตัว “ข้าต้องตอบแทนเพิ่มสินะ ไม่สิ...ให้ข้าได้ตอบแทนท่านเถอะนะ งานเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ อย่างเอ่อ...รับใช้ใกล้ชิดอะไรแบบนี้”

เจตนาแอบแฝงว่าอยากลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่เผยให้เห็นผ่านดวงตาสีนิลคู่งาม มันเป็นข้อเสนอที่เหล่าบุรุษยากจะปฏิเสธ แต่ประมุขพรรคมารไม่ใช้บุรุษทั่วไป ดังนั้นไม้นี้จึงใช้ไม่ได้ผล

“ข้าไม่ต้องการ” มารเงินตอบอย่างเด็ดขาด

เขาทำท่าจะตัดบท แต่พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ท่าทีแข็งกร้าวก็เปลี่ยนไป

“สิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดคือความสงบ การบุกรุกแดนมายาของเจ้าทำให้ข้าต้องวุ่นวาย ถ้าอยากตอบแทนก็จงไปจากที่นี่เสียและอย่าได้มารบกวนอีก”

“ไม่! ข้าไม่ไปเด็ดขาด” โบ้ปฏิเสธอย่างหนักแน่นไม่แพ้กัน

“แม้เจ้าจะเป็นตัวปัญหามากกว่าทำประโยชน์อย่างนั้นรึ”

ถ้อยคำต่อว่าพุ่งเข้ากลางใจคนที่ถูกเพื่อนด่าว่าไร้ประโยชน์ประจำ เป็นเหตุให้หน้าเจื่อนลงมาก ชายหนุ่มจับสังเกตอาการได้จึงโจมตีไปอีกระลอก

“คราที่ยกดอกไม้ให้เจ้า ข้าต้องสูญเสียสวนร้อยกับพรรณไม้หายากไปมากมาย ช่วยเจ้าหนที่สองก็ถึงกับต้องลงมือต่อหน้าผู้คน แล้วข้าได้อะไรกลับมา ดูเถอะ...เจ้าเอาแต่เถียงข้า นี่น่ะหรือการตอบแทนผู้มีพระคุณของเจ้า ดูท่าข้าจะทำคุณบูชาโทษเสียแล้ว”

โบ้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหดเหลือตัวเล็กจ้อย ถึงกระนั้นก็ไม่คิดถอย ยิ่งฟังคำต่อว่าต่อขานมากเท่าไร ความในใจมันก็พรั่งพรูออกมาง่ายดายเท่านั้น

“ข้ารู้ว่าตัวเองด้อยค่าไร้ประโยชน์แค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็รักและสำนึกบุญคุณท่านจากใจจริง แม้ตัวข้าที่หลงรักท่านแต่แรกพบจะดูไม่น่าเชื่อถือ ถึงอย่างนั้นข้าก็อยากให้เราได้ทำความรู้จักกัน อย่างน้อยๆ ขอเวลาสักเดือนก็ยังดี ถ้าสุดท้ายแล้วท่านไม่ชอบข้าจริงๆ ข้าก็จะยอมจากไป”

“ข้าไม่ต้องการ หากเจ้ายังดื้อดึงอีก ข้าจะโยนเจ้าออกไป”

กล่าวจบประมุขพรรคมารก็เริ่มข่มขู่ว่าข้างนอกเต็มไปด้วยผู้คนกักขฬะ ที่แค้นเคืองต่อนางมากมาย รวมถึงบรรยายสิ่งที่คนเหล่านั้นจะทำต่อผู้บุกรุก หญิงสาวก็ยังยืนกรานว่าจะอยู่ต่อเพื่อพิสูจน์รัก

“ถ้าการโยนข้าออกไปจะทำให้ท่านมีความสุขข้าก็ยินดี แต่ข้าขอสาบานว่าจะกลับมาอีก ตราบใดที่ท่านยังไม่ได้เห็นตัวตนทั้งหมดของข้า ข้าก็จะไม่มีวันเลิกรา”

ความดื้อรั้นของไป๋หลิน ทำให้มารเงินไม่อาจข่มใจปฏิบัติต่อนางด้วยจิตเมตตาได้อีกต่อไป ในเมื่อนางยืนกรานว่าไม่หวั่นต่อสิ่งใด เขาก็จะแสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายที่จะทำให้นางต้องเสียใจไปจนวันตาย

“ถ้าเจ้าอยากเห็นปีศาจ ข้าก็จะได้เจ้าได้เห็น”

ไม่ทันได้ตั้งตัวโบ้ก็ถูกผลักให้ล้มลง แล้วจับสองมือรวบเอาไว้เหนือศีรษะ ไม่ทันได้ขัดขืนตัวของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมา เรียวแรงของเขามหาศาลอย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงดิ้นไม่หลุด ลำพังแค่หายใจยังลำบาก

“ทะ...ท่านจะทำอะไร” โบ้ถามอย่างตกใจ

ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม บรรยากาศรอบกายเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดวงตาที่มองมาไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นของ ‘สัตว์ร้าย’ โบ้ตระหนกจนใจหล่นไปกองที่ตาตุ่ม เขาเกือบจะดิ้นและกรีดร้องไปแล้ว ถ้าไม่นึกออกเสียก่อนว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเพื่อที่จะข่มขวัญให้กลัว

‘มาถึงขั้นนี้แล้วใครจะยอมถอย’

โบ้เลิกขัดขืนแล้วหันไปสบตาชายหนุ่มแทน ความสงบที่แสดงออกมาทางสีหน้านำภัยมาสู่ตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ เจตนาเพียงแค่ข่มขู่ถูกลบออกไปจากใจมารเงิน แปรเปลี่ยนเป็นแผนการที่รุนแรงขึ้น ชายหนุ่มแกะผ้าคาดเอวของหญิงสาวออก แล้วใช้มันพันธนาการข้อมือของนางไว้

โบ้หน้าเบ้เมื่อปมเชือกกดทับรอยแผลที่เกิดจากเชือก ทว่าความเจ็บก็มลายหายไปในพริบตา เมื่อได้ตระหนักว่ากำลังถูกเปลื้องผ้า สัมผัสดิบเถื่อนจากฝ่ามือใหญ่ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ โบ้ตัวแข็งทื่อนึกเสียใจที่พาตัวเองมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

“ปล่อยข้าเถอะ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านไม่พอใจ” โบ้วิงวอน

“ไม่!”

“ท่านจะทำอะไรข้าก็ได้ แต่ข้าไม่ชอบถูกมัด”

และแล้วความในใจของแม่นางโบ้ก็ได้ถูกประกาศออกมาทำให้อึ้งอีกครั้ง ที่โลกก่อนโบ้อยู่มาสามสิบกว่าปีและตายไปโดยที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง มาโลกนี้อายุก็ใกล้เลยวัยออกเรือนแล้ว ดังนั้นเลยไม่รังเกียจที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มรูปงามสักคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมอบกายให้โดยปราศจากเงื่อนไข อย่างน้อยมันต้องไม่ใช่อะไรที่เหมือนกับการข่มขืนแบบนี้

มารเงินคิดว่านี่เป็นแผนการเอาตัวรอดจึงยอมหยุดมือ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดการกระทำอันชั่วร้าย ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว ก่อนปฏิเสธนางด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยตัณหา

“ไม่มีวัน...ข้าโปรดปรานที่จะทำอย่างนี้”

“หา! อะไรนะ...ท่านหมายความว่าปกติก็ทำอย่างนี้ตลอด แบบว่าท่ามาตรฐาน”

มารเงินไม่รู้ว่านางถามไปเพื่ออะไร แต่ก็ตอบว่าใช้เอาไว้ก่อน พร้อมทั้งข่มขู่ให้กลัวยิ่งขึ้น

“ถ้าเจ้ายังขัดขืนข้าจะใช้เครื่องทรมานอย่างอื่นกับเจ้าเพิ่ม”

“ไม่นะ ข้าไม่...”

โบ้ถึงกับกรีดร้องเมื่อค้นพบว่าชายในฝันมีรสนิยมทางเพศแบบพิเศษ แค่มีประสบการณ์ครั้งแรกขณะถูกจับมัด ก็ไร้ความโรแมนติกและน่าเศร้าเหลือทนแล้ว ครั้งต่อไปยังต้องลงเอยแบบเดิม หรืออาจจะมียิ่งกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ

‘เลวร้ายเกินไป มันเกินใจจะอดทน’

คุณเห็นใบหน้าหล่อๆ นั่นไหมคะ ผิวเนียนเรียบนั่น แล้วยังมีกล้ามเนื้ออีกหลายส่วนที่กำลังจะปรากฏให้เห็นในอนาคตอีกแต่ทำได้แค่มอง ไม่อาจสัมผัส ถ้าจะทรมานกันขนาดนี้ ฆ่ากันทิ้งเลยง่ายกว่า

ในขณะที่ใจโบ้กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง สติเขาก็ถูกดึงกลับมาเพราะมือของชายหนุ่มเริ่มขยับเคลื่อนไหว กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ปั่นป่วน โบ้หนีไม่พ้น ดิ้นไม่หลุด ได้แต่พยายามหาทางออกตามแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งก็คือการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป คิดบวกและหาข้อดีในประสบการณ์อันเลวร้าย

‘อิโบ้คิดเดี๋ยวนี้ หล่อต้องปลุกความทรงจำ ในหนังเรื่องฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ ตอนนางเอกถูกจับมัด นางอ่อยแบบไหนนะ ถึงดูขัดขืนหน่อยๆ แต่เซ็กซี่

แม้จะไม่ปลื้มที่โดยมัด แต่ไหนๆ ก็ตัดสินใจใช้กายแทนคุณแล้ว การมโนว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังก็ไม่เลว

‘อ๊ะ! มือไม่ว่าง เท่ายังกระดิกได้นี่ ’

โบ้เริ่มกลับมากระดี๊กระด๊าอีกครั้ง เพราะตรรกะบิดเบี้ยวเพี้ยนแบบสุดกู่ของนางแท้ๆ คนที่กำลังเป็นฝ่ายรุกเลยสะดุดกึก จากที่ขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นตอบรับสัมผัสอย่างกระตือรือร้น ‘เกินไป’ ถ้าไม่มัดมือไว้ เห็นทีฝ่ายที่เสื้อผ้าจะหลุดจนไม่เหลือก่อนจะเป็นท่านประมุข

ในที่สุดมารเงินก็ได้ตระหนักว่ากำลังเผชิญหน้ากับตัวปัญหาที่รับมือได้ยากยิ่ง นอกจากจะไร้ยางอายแล้ว ยังหญิงสาวยังลืมตาขึ้นมาแล้วถามเสียงใสว่าไม่ทำต่อแล้วหรือ

“ไม่!”

นางก็ดูยินดีกับคำตอบในคราแรก แต่เดี๋ยวเดียวก็แสดงออกว่าผิดหวัง สีหน้าหญิงสาวอ่านง่ายเป็นอย่างมาก คนที่ได้เห็นความในใจอันแสนจะโลเลสับสนของนางเลยยิ่งปวดหัว

‘สตรีประหลาดเช่นนี้ เกิดมาสองร้อยปีเพิ่งเคยพบ’

ประมุขพรรคมารนิ่งไปนานเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับตัวปัญหาดี เขาผละออกเพื่อตั้งหลัก ก่อนฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ชายหนุ่มสั่งเสียงเฉียบขาด

โบ้ไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียอีกก็เลยใช้มือบีบปากของตัวเองเอาไว้แน่น ระหว่างนั้นมารเงินก็ไปหยิบถาดอาหารมายื่นให้

“กินซะ”

โบ้ทำตามอย่างรวดเร็ว ไม่หนานหมั่นโถวหกลูก กับซุปเนื้อชามโตก็หมดเกลี้ยง เขาอยากได้น้ำดื่มปิดท้ายมื้ออาหารเสียหน่อย แต่ก็ไม่กล้าขอร้อง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ใจ เพราะเดินไปหลังม่านฉากกั้นแล้วชงชามาให้

“ขอบ...”

“ไม่ต้องพูด!” ชายหนุ่มเอ็ด

มารเงินไม่อยากได้ยินเสียงนางตอนนี้ ยิ่งปล่อยให้พูดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าโดนสตรีนางนี้ปั่นหัว พอคิดว่านางโง่จนปั่นหัวใครไม่ได้ เขาก็พลันหงุดหงิด ที่ไหวหวั่นและให้ค่าคนเช่นนาง

โบ้สัมผัสได้ถึงความฉุนเฉียวของชายหนุ่ม ก็เลยแปลกใจที่เขาไม่เอะอะโวยวาย ซ้ำยังหยิบยาทาแผลมาทาให้ที่ข้อมืออย่างบรรจง โบ้คิดว่าประมุขพรรคมารอยากทดสอบตัวเอง เลยดีใจที่อดทนจนผ่านมาได้ คนช่างมโนไม่สำเหนียกเลยสักนิดว่าทุกพฤติกรรมของอีกฝ่ายเกิดขึ้นเพราะอยากขับไล่เขาไปจากชีวิต

เมื่อทายาให้เรียบร้อยแล้ว มารเงินก็เอาถาดไปเก็บให้พ้นเตียง ก่อนจะกลับมานั่งเงียบไม่พูดไม่จา โบ้ไม่ลำบากใจกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม การได้จ้องมองเขาถือเป็นกิจกรรมสร้างความเพลิดเพลินชนิดหนึ่ง โบ้มั่นใจว่าสามารถมองเขาได้หลายชั่วยามโดยไม่เบื่อ จึงออกจะแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ ความง่วงก็เข้ามาโจมตีจนเผลออ้าปากหาว ทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไปไม่กี่อึดใจ

“ถ้าง่วงก็นอนซะ”

โบ้อยากเถียงว่ายังไม่ง่วง เขานอนมากพอแล้ว ทว่าหนักตามันกลับหนักเกินคาด ฟูกนุ่มที่นั่งอยู่ก็คล้ายจะมีแรงดึงดูดให้เอนตัวลงไป

“ถ้าข้านอนแล้วท่านอย่าทิ้งข้าไปนะ” โบ้วิงวอนขณะที่ความง่วงเข้ามาจู่โจมอย่างหนัก

แววตานางก่อให้เกิดอารมณ์ล้ำลึกบางอย่างใจจิตใจอันตายด้าน แต่นั่นก็ไม่มากพอทำให้ใจอ่อน ประมุขพรรคเงินผิดกายออกไปจากห้องทันทีที่หญิงสาวหลับลึกเพราะฤทธิ์ยาในน้ำชา ชายหนุ่มออกไปข้างนอกนะสั่งการกับข้ารับใช้อย่างไม่ลังเล

“พานางออกไปจากแดนมายา แล้วปิดทางเข้าออกทุกทาง เพิ่มเวรยามเป็นสองเท่า ถ้ามีใครบุกเข้ามาจงฆ่าทิ้งให้หมด”

หากนางยังดื้อรั้นวิ่งเข้าหาความรักอย่างโง่ๆ อีก ก็เท่ากับรนหาที่ตาย หนนี้มารเงินได้สาบานต่อตัวเองว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างเด็ดขาด


-โปรดติดตามตอนต่อไป-

ตอนนี้เป็นไฟล์กึ่งสุกกึ่งดิบนะคะ คำผิดอาจจะเยอะหน่อย
พอดีโน้มกำลังเร่งปิดต้นฉบับเล่ม 5 ค่ะ
กลับมาอ่านทวนตบแก้ตอนเก่าแล้วอารมณ์มันสะดุด แล้วก็ช้าด้วย งานเลยไม่ค่อยเดิน
ช่วงนี้อาจลงนิยายแบบมาๆ หายๆ ไปบ้าง หรืออ่านบางฉากแล้วงงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอปิดต้นฉบับก่อนนะจ๊ะคนดี เกี่ยวก้อยสัญญาว่าปิดต้นฉบับแล้วจะมาแบบตรงเวลาค่า
ช่วงนี้ขอลงแบบกองโจรไปก่อนนะจ๊ะจุ๊บๆ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2559, 02:24:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2559, 02:24:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1291





<< ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๙ ตัววุ่นวายอยู่ในกล่อง ๒   ประมุขพรรคมาร : บทที่ ๑๑ ชะตากรรมอันโหดร้าย >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 5 ก.ค. 2559, 03:44:17 น.
ท่านมารรุนแรงแบบนี้ดูเหมาะกับโบ้ดีนะ


Zephyr 5 ก.ค. 2559, 18:47:25 น.
เหม่ ท่านประมุข
ฆ่าลงเหรอจ้ะ
ดูเหมาะกันนะ
คนนึงก้อนิ่ง เงียบ เย็นชาซะ
อีกคนก็เอาแต่มึน ซึน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account