เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"

เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์

ตอน: บทที่ 2 ฟ้าดลบันดาลให้เรามาพบ

บทที่ 2 ฟ้าดลบันดาลให้เรามาพบ



ณัฐมลพาจิตใจอันบอบช้ำของตัวเองกลับมาที่ตึกแถวอย่างเนือยๆ นอกจากจะใช้พักอาศัยแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งร้านยาของเธอด้วย หญิงสาวจอดรถเอาไว้ที่โรงรถด้านหลัง แล้วไขกุญแจเข้าไปทางห้องครัว



จากจุดนี้ต้องผ่านประตูกลางเข้าไปอีกชั้นหนึ่งจึงจะเจอกับบันไดสำหรับขึ้นไปชั้นสอง เธอทำประตูตรงนี้อย่างแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยและป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการทำอาหาร ไม่ให้เข้าไปในส่วนที่เป็นตัวร้าน



หญิงสาวเดินเปิดไฟแทบทุกดวงในบ้าน ไล่ไปตั้งแต่ไฟหน้าร้าน ไฟชั้นสองชั้นสาม ไม่เว้นแม้แต่ไฟชั้นสี่ซึ่งเป็นส่วนที่ปิดเอาไว้ แสงไฟขับไล่ความมืดให้หมดไป แต่ไม่ได้ช่วยขจัดความเหงาออกจากหัวใจเลย



“เดี๋ยวก็ชิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เลิกกับแฟนสักหน่อย” หญิงสาวปลอบตัวเองเสียงดัง



กระนั้นในใจมันก็ยังมีเสียงค้านว่าครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น ในบรรดาคนที่เคยคบมา ณัฐมลเทใจให้นาวินมากกว่าใคร ถึงมันจะไม่เต็มร้อยแต่ก็ให้ไปเกินครึ่ง เมื่อคิดได้ว่าต่อไปนี้ชีวิตจะไม่มีเขา น้ำตามันก็พานจะไหลออกมา



หญิงสาวปาดหยาดน้ำที่เอ่อคลอนัยน์ตาทิ้ง แล้วสูดหายใจเพื่อสะกดอารมณ์ เธอบอกว่าตัวเองว่าถึงวันพรุ่งนี้ไม่มีเขา ชีวิตเธอก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป



ณัฐมลรีบอาบน้ำเพื่อให้สายน้ำเย็นฉ่ำช่วยปรับอารมณ์และเยียวยาจิตใจ หญิงสาวเปิดเพลงจังหวะคึกคักกับเปิดไฟเอาไว้ทั้งคืนเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกหดหู่ ผลก็คือเธออยู่ตามลำพังจนถึงเช้าได้โดยไม่มีน้ำตาสักหยด





นับจากวันนั้นเธอก็เปิดเพลงกับเปิดไฟเอาไว้เป็นเพื่อนทุกคืน ณัฐมลไม่เสียน้ำตาให้นาวินอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ทว่าชัยชนะที่ได้มานั้นมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนอยู่เหมือนกัน นั่นคืออาการพักผ่อนไม่เพียงพอ



พอเข้าสัปดาห์ที่สองของการเป็นโสด ณัฐมลก็ตื่นมารับวันใหม่ด้วยอาการตัวรุมๆ เหมือนเป็นไข้ กระนั้นก็ยังบอกตัวเองว่าเป็นผลข้างเคียงของการนอนไม่พอและอกหัก กว่าจะรู้ตัวว่าป่วยจริงก็ตอนเริ่มทำงานมาได้สักชั่วโมงเศษแล้ว



ณัฐมลทำงานเป็นเภสัชกรที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งควบคู่ไปกับการเปิดร้านขายยา เธอรับเข้าเวรช่วงกะเช้ากับกะดึกเพื่อให้มีรายได้อีกทาง แม้ว่าตอนนี้ร้านยาจะอยู่ตัวแล้ว แต่เธอก็ยังมีภาระที่ต้องผ่อนค่าตึกแถวที่ใช้เปิดร้านกับธนาคารทุกเดือน ความที่อยากจะปลดหนี้ให้ตัวเองโดยเร็ว และมีเงินจับจ่ายใช้สอยแบบไม่ต้องประหยัดมาก ก็เลยต้องขยันดังที่เห็น



หญิงสาวฝืนทำงานจนหมดเวลาทำงานในตอนบ่าย ทำงานเสร็จแล้วแทนที่จะกลับบ้านไปนอนพัก เธอกลับหอบสังขารอันอ่อนระโหยโรยแรงของตัวเองไปหาเพื่อนสนิทแทน



ศศิชาพักอยู่ที่หอพักแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ณัฐมลทำงาน ตัวหอพักเป็นอาคารแปดชั้น รายล้อมไปด้วยหอพักของพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลาย ทางเข้าออกมีทางเดียวคือประตูใหญ่ซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่



หากคนนอกจะเข้าออกก็ต้องแลกบัตร ส่วนเวลาจะเข้าไปในตึกก็ต้องมีคีย์การ์ดหรือให้คนในมาเปิดประตูให้ ทว่าบางทีการรักษาความปลอดภัยก็ไม่เคร่งนัก อย่างวันนี้บังเอิญมีคนเปิดประตูออกมาพอดี ณัฐมลจึงได้โอกาสเดินสวนเข้าไปเลย



หญิงสาวขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นห้า แล้วตรงไปเคาะประตูห้องริมสุดทางฝั่งขวา ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของห้องกำลังเตรียมตัวออกไปทำงานพอดี ยังไม่ทันได้ถอนมือ ประตูไม้บานหนาก็ถูกเปิดพรวดออกมา



พอเห็นหน้าเพื่อน ศศิชาก็ทักทายด้วยคำถาม



“ถ่อมาหาถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่า”



“เค้าคิดถึงตัวเองอ่ะ อยากคุยด้วย” ณัฐมลทำเสียงอ้อนแล้วเดินเข้ามาเกาะแขนประจบ



“ขอโทษทีวันนี้ไม่ว่าง ต้องไปเข้าเวร คุยกันวันหลังนะ” หญิงสาวเอ่ยพลางคว้ากระเป๋าสะพาย แล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง ทำทีเป็นไม่สนใจ



ลองณัฐมลได้เปลี่ยนสรรพนามตัวเองจาก ‘ฉัน’ มาเป็น ‘เค้า’ แสดงว่ากำลังอ้อนและจะตื๊อไม่เลิกจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ใจจริงศศิชาไม่อยากปฏิเสธ แต่เธอเองก็มีงานในหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ประเมินดูแล้วเรื่องที่เพื่อนจะคุยคงไม่พ้นเรื่องของนาวิน หญิงสาวก็เลยทำใจแข็งผลัดออกไปก่อน



“อย่าเย็นชากับเค้าอย่างนี้สิ เค้าอุตส่าห์ลากสังขารมาหาตัวเองทั้งที่ป่วยอยู่นะ” ณัฐมลทำเสียงไอค็อกแค่กในลำคอ แล้วดึงมือเพื่อนมาแตะหน้าผากเพื่อยืนยัน



ไอร้อนจากหน้าผากบอกว่าเจ้าตัวกำลังมีไข้สูง ศศิชาเลยรุนหลังเพื่อนให้ออกไปจากห้องพร้อมกัน



“ไข้สูงขนาดนี้ยังจะเที่ยวเดินเพ่นพ่านอีก กลับบ้านไปกินยานอนซะไป”



“ชาอ๊ะ! เค้าอุตส่าห์หอบสังขารมาให้ตัวเองดูใจ ตัวเองจะทิ้งขว้างเค้าได้ลงเหรอ” ณัฐมลทำปากยื่นแล้วกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย



ต่อหน้าคนอื่น ณัฐมลจะวางตัวสวยเริดเชิดเสมอ แต่พอมาอยู่กับเพื่อนสนิท หญิงสาวจะเปลี่ยนเป็นอีกคนไปเลย ถ้าถามว่าแบบไหนเป็นตัวเธอก็ต้องบอกว่าทั้งสองแบบ เพียงแต่เธอเลือกว่าจะให้เห็นตัวเธอในแง่มุมไหนก็เท่านั้น



“ไม่มีปัญญาจัดยากินเองรึไงยะ ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวไปเข้าเวรสาย คนไข้รออยู่เป็นสิบ” ศศิชาเอ็ดเสียงเข้ม ผลคือคนไม่รู้จักโตตั้งท่าจะเบะปากร้องไห้ออกมา



“ฮื่อ! ชาก็รู้ว่าเค้าไม่มีใคร กลับไปก็นอนซมอยู่คนเดียว ป่วยกายน่ะไม่เท่าไร แต่ไม่มีใครมันปวดใจกว่า อย่าทิ้งเค้าไปเลยนะ”



ณัฐมลไม่ชอบอยู่ตามลำพังเวลาป่วย เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดมาเรียนและทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เลยไม่ได้อยู่กับครอบครัว เวลาที่ป่วยแล้วไม่มีใครมาเหลียวแล ใจมันพานจะอ่อนแอแล้วร้องไห้ออกมาทุกที ยิ่งตอนนี้พ่วงอาการช้ำรักด้วยอีกหนึ่งอย่าง ถ้ากลับไปอยู่ห้องตัวเอง เธอคงร้องไห้ตาบวมหมดสวยเป็นแน่แท้



ศศิชารู้สึกเหนื่อยใจและเห็นใจไปพร้อมๆ กัน แต่จะให้ทิ้งคนไข้ที่อาการหนักกว่านี้ก็คงทำไม่ได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินกลับไปเข้าไปในห้องเพื่อพาณัฐมลไปนอนที่เตียง แล้วหยิบยากับน้ำมาวางไว้ให้



“นอนพักไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าคนไข้ไม่เยอะจะแวบมาหา”



“ตัวเองจะทิ้งเค้าไปจริงๆ เหรอ” ณัฐมลยังคงโอดครวญแต่ก็ยอมนอนอยู่กับที่ เนื่องจากเริ่มมึนเพราะพิษไข้



“เอาน่า ทนหน่อย หลับสักตื่น ฉันกลับมาจะได้มีแรงคุยไง อยากระบายอะไร ฉันจะนั่งฟังให้เอง” ศศิชาเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดช่องให้ประท้วงได้อีก



ณัฐมลนอนหน้าบึ้งงอนเพื่อนอยู่พักหนึ่ง ถึงจะเข้าใจว่างานยุ่งแต่เธอก็อดน้อยใจตามประสาคนป่วยที่กำลังอ่อนไหวไม่ได้ ทำหน้ายุ่งได้สักพักใหญ่ คนห่วงสวยก็ระลึกได้ว่ามันไม่ดีต่อความงาม เลยหยุดงอนแล้วหยิบยาลดไข้ข้างเตียงมากิน



หญิงสาวหลับๆ ตื่นๆ เป็นระยะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่คุ้นที่ อีกส่วนเป็นเพราะเริ่มหิว ตั้งแต่เช้ามาเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากนมไขมันต่ำหนึ่งกล่อง



เมื่อทนหิวไม่ไหว ณัฐมลก็ฝืนลุกขึ้นมาจากเตียงไปเปิดตู้เย็นในห้องดู แล้วเธอก็พบว่ามันเป็นตู้เย็นที่น่าอนาถและชวนให้หดหู่ที่สุดในสามโลก



นอกจากขอบประตูตู้เย็นจะขึ้นราแล้ว ภายในยังไม่มีของกินที่พอกินได้เลยสักอย่าง อาหารกล่องกินเหลือส่งกลิ่นตุๆ จนต้องย่นจมูก แซนวิชในห่อดูดีหน่อยแต่ก็หมดอายุมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ส่วนแอปเปิลที่แช่อยู่ก็มีสีคล้ำจนหวั่นใจว่าจะมีหนอนไชออกมา หญิงสาวจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาเติมแป้งกับลิปสติก แล้วคว้ากระเป๋าเงินเดินโงนเงนออกไปหาของกินข้างนอก



ห่างจากหอพักแพทย์ไปไม่ไกลเป็นโรงอาหาร ที่นั่นมีของขายสารพัดอย่าง ทั้งยังมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ด้วย ถึงจะเป็นตอนหัวค่ำอย่างนี้ก็ยังมีของขายอยู่บ้าง



ณัฐมลสั่งต้มเลือดหมูมานั่งกินอย่างไม่ค่อยจะรู้รสนัก อาการเธอแย่ลงกว่าตอนแรกมาก จากเดิมที่แค่มีไข้อย่างเดียว ตอนนี้กลายเป็นกลืนอะไรหน่อยก็เจ็บคอแล้ว หญิงสาวฝืนกินแค่พอแค่อิ่ม แล้วไปซื้อน้ำส้มกับของกินในร้านสะดวกซื้อมาไว้เผื่อว่าจะหิวขึ้นมาอีก



ขณะที่กำลังจะเดินกลับออกไปนี้เอง เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเดินทะลุหลังร้านสะดวกซื้อไปจะเจอทางลัดกลับไปที่หอพักแพทย์ เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีคนรู้ เพราะมันค่อนข้างซับซ้อนและเปลี่ยว แม้แต่คนที่ทำงานในโรงพยาบาลยังไม่นิยมใช้



ณัฐมลรู้สึกมึนศีรษะมากอยากกลับไปนอนเต็มแก่ จึงมองผ่านเรื่องความปลอดภัยไป เดินมาได้ครึ่งทาง รอบตัวที่ค่อนข้างสลัวก็พลันมืดลง เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะไฟฟ้าขัดข้อง แต่หญิงสาวเองที่อยู่ๆ ก็เกิดอาการคลื่นไส้วิงเวียนอย่างกะทันหัน



ฉับพลัน พื้นที่ยืนอยู่ก็เริ่มเอียงโคลงเคลงเหมือนยืนอยู่บนเรือ หญิงสาวเซไปสองก้าวก่อนจะทรุดลง สติเธอเลือนรางใกล้ดับวูบเต็มที แม้พยายามฝืนประคองตัวเอาไว้แต่ก็ยื้อไว้ได้ได้นาน สุดท้ายก็ต้องทิ้งร่างลงอย่างไร้เรี่ยวแรง สัมผัสจากพื้นเย็นเฉียบทำให้ใจแป้ว ทั้งที่ยังพอรู้สึกตัวแต่กลับขยับร่างกายไม่ได้เลย



หญิงสาวเริ่มวิตกว่าตัวเองอาจจะป่วยหนัก จินตนาการเกี่ยวกับโรคร้ายแรงทำให้เธอเริ่มหวาดกลัว ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ จากนั้นก็มีเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นที่ข้างตัว



“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ ได้ยินผมไหมครับ” เขาเขย่าเรียกเธอเบาๆ แล้วเอามือมาจับชีพจร



ณัฐมลอยากลืมตามาบอกว่าไหว แต่สิ่งที่เธอทำได้เป็นแค่เพียงการพยักหน้ารับเท่านั้น



“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเป็นหมอ จะพาไปที่ห้องตรวจเอง”



ขาดคำเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาจากพื้น ไออุ่นจากอ้อมอกปริศนาทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด หญิงสาวได้กลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆ มาจากตัวเขา มันเป็นกลิ่นหอมเย็นในแบบฉบับของผู้ใหญ่ที่ดูสุขุม คิดได้เพียงเท่านี้สติเธอก็ดับวูบลงไปโดยสมบูรณ์



คุณหมอใจดีพาณัฐมลไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว เขาวางเธอลงบนเตียง แล้วเข้ามาวัดความดันให้ด้วยตัวเอง ในขณะที่พยาบาลช่วยเอาแอมโมเนียมาให้ดม



กลิ่นฉุนของแอมโมเนียเรียกสติณัฐมลให้กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองมีแรงขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเปิดเปลือกตาได้ไม่เต็มที่นัก



สิ่งที่แรกที่เธอเห็นคือใบหน้าตอบๆ ของนายแพทย์ร่างผอมบาง อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งอย่างแปลกใจที่คนรูปร่างแบบนี้อุ้มเธอมาที่นี่ได้ นึกฉงนสักอึดใจก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งจากปลายเตียง ฟังแล้วก็จำได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของคุณหมอที่ช่วยเธอเอาไว้



“ผมดูเองครับพี่พัน พี่ไปเถอะเดี๋ยวตกเครื่อง” นายแพทย์คนที่ณัฐมลเห็นเอ่ยขึ้น



“ขอบใจนะ ฝากด้วยล่ะ นี่กระเป๋าเงินกับของของคนไข้”



หญิงสาวรีบฝืนลืมตาขึ้นมามอง ทว่ากลับช้าไป นายแพทย์หนุ่มหมุนตัวเดินออกไปแล้ว เปิดโอกาสให้เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างของร่างสูงสง่าเท่านั้น เธอจึงได้แต่รู้สึกเสียดายอยู่ในใจที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของผู้มีพระคุณ



พอได้นอนพักสักระยะหนึ่งณัฐมลก็สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาสอบถามว่าเธอมีญาติที่สามารถติดต่อได้หรือไม่ เผื่อว่าจะต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล



หญิงสาวไม่มีญาติที่อยู่ใกล้ๆ ก็เลยบอกชื่อของศศิชาไป สักประมาณสิบห้านาทีต่อมา เพื่อนรักก็โผล่มาหาพร้อมบ่นยาวเหยียด



“เข้าใจกระเสือกกระสนมาเป็นลมถึงในโรงพยาบาลนะแก ทำเอาตกอกตกใจหมด”



เธอตกใจแทบแย่ตอนที่พยาบาลโทรศัพท์บอกว่าญาติเข้าโรงพยาบาล พอซักไปแล้วรู้ว่าเป็นณัฐมล เธอก็เลยเดินฝากงานไว้กับแพทย์อินเทิร์น[1]ชั่วคราว แล้วรีบรุดจากตึกอายุกรรมมาที่นี่



“ก็เค้าหิวอ่ะ ในห้องชาไม่มีอะไรกินเลยนี่นา มีแต่ของขึ้นรากับหมดอายุ”



น้ำเสียงของณัฐมลเหมือนจะโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเพื่อนก็เลยโดนแยกเขี้ยวใส่



“ไม่ต้องมาโทษกันเลย ไม่มีแรงทำไมไม่รู้จักโทรสั่งยะ โบชัวร์ออกเต็มห้อง อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น พิซซ่า อยากกินอะไรโทรสั่งได้ทั้งนั้นแหละ”



ได้ยินอย่างนี้ ณัฐมลเลยหัวเราะแก้เก้อ แล้วตอบกลับมาเสียงอ่อย



“เค้าลืมไป”



“หล่อนนี่มันน่า...!”



ศศิชากำหมัดเหมือนจะเขกหัวตัวสร้างเรื่องสักที อีกฝ่ายเลยรีบยกมือขึ้นกัน



“อย่านะ! เค้าป่วยอยู่ ทำร้ายคนป่วยผิดจรรณยาบรรณนะเอ้อ”



“อยากให้มีจรรยาบรรณ ก็หัดทำตัวให้เหมือนคนป่วยหน่อยสิยะ”



ในสายตาของหมอที่เจอแต่คนไข้อาการหนักมาตลอดอย่างศศิชา อาการไข้ขึ้นจนเป็นลมของแม่เพื่อนตัวดีไม่จัดว่าเป็นโรคในความรู้สึกเธอด้วยซ้ำ ยิ่งได้เห็นว่าลุกขึ้นมาเถียงได้ ก็ยิ่งไม่เหลืออะไรให้เป็นห่วง



“ก็ป่วยอยู่เนี่ยไม่เห็นหรือไง ปวดหัวกับเจ็บคอจะตาย…แค่กๆ” ณัฐมลพูดไปไอไป คราวนี้ไม่ได้แกล้งแต่รู้สึกระคายคอขึ้นมา



“ไม่ไหวก็ไม่ต้องพูด จะแอดมิด[2]ไหม จะได้ทำเรื่องให้”



“ไม่ล่ะ แต่ขอนอนนี่จนเช้าได้ไหม”



ณัฐมลรู้ตัวว่าไม่ได้ป่วยอะไรมากมาย ตอนนี้ไข้ก็เหมือนจะเริ่มลดแล้ว ให้กลับบ้านเลยตอนนี้ก็ยังได้ แต่เธอไม่อยากอยู่คนเดียว เลยสมัครใจนอนในห้องนี้ต่อไป



“ตามใจ งั้นตอนเช้าจะมารับแล้วกัน”



“Thank you.” ณัฐมลยิ้มหวานแล้วส่งจูบไปให้เพื่อน



ศศิชาฝากพยาบาลที่รู้จักกันในห้องช่วยดูแลให้ จากนั้นก็ไปทำงานต่อ ปล่อยให้ณัฐมลพักผ่อนบนเตียงผู้ป่วย



วันนี้ณัฐมลโชคไม่ดีที่ป่วยจนเป็นลมแต่ก็ไม่ถึงกับโชคร้าย เพราะวันนี้แทบจะไม่มีผู้ป่วยเข้ามาเลย จึงไม่ต้องทนเห็นภาพคนเลือดท่วมตัวหรือนอนฟังเสียงร้องโอดโอยอย่างที่นึกหวั่น



หญิงสาวหลับสนิทและตื่นมาอีกครั้งตอนตีสี่ เธอรู้สึกว่าไข้ลดลงแล้ว ไม่รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนอีก สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คืออาการเจ็บคอที่ยังไม่ทุเลาลงเท่าไร เธอยันตัวลุกขึ้นมานั่ง สักพักก็อยากเข้าห้องน้ำ เลยไปขออนุญาตพยาบาล



“รอสักครู่นะคะ ขอจัดการตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะไปส่ง” พยาบาลสาววัยไล่เลี่ยกันบุ้ยใบ้ไปที่ถาด ซึ่งมีกระบอกฉีดยาสำหรับฉีดให้คนไข้เตียงเยื้องกัน



“ฉันไปเองได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง อาการดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นลมซ้ำแน่นอน” ณัฐมลยืนยันอย่างแข็งขัน



พยาบาลสาวจึงอนุญาตให้ไปห้องน้ำเองได้ แต่ก็ยังไม่วายกำชับให้ระวังตัว



พอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ หญิงสาวก็กลับมานั่งที่เตียง เธอต้องอยู่รอให้ศศิชามารับตอนหกโมงเช้าเพราะมันเป็นกฎว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ป่วยแผนกฉุกเฉินกลับเอง



ณัฐมลไม่อยากนอนต่อ ในระหว่างที่รอ หญิงสาวก็เลยชวนพยาบาลคุยเพื่อฆ่าเวลา และจะได้สอบถามเกี่ยวกับคุณหมอที่ช่วยเธอเอาไว้ด้วย



“คุณหมอที่อุ้มคุณมา ชื่อหมอพัลลภค่ะ อยู่แผนกจิตเวช หมอเขาใจดีมากๆ เลยนะคะ พี่ยังอยากย้ายแผนกไปเป็นลูกมือหมอเลย”



“แล้วหล่อไหมคะ” หญิงสาวรีบถามต่ออย่างกระตือรือร้น ที่ถามไม่ได้บ้าผู้ชายหน้าตาดี แค่คิดว่ามันคือสีสันของชีวิตเท่านั้นเอง ถึงจะไม่หล่อเธอก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะต้องหาโอกาสไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง



“ใช้คำว่าหล่อไม่ได้หรอกค่ะ เรียกเทพบุตรเลยง่ายกว่า”



ได้ยินคำโฆษณาชวนเชื่อแบบนี้หญิงสาวก็นึกครึ้มใจอยากจะเห็นหน้าคุณหมอขึ้นมา ก็เลยไปกระแซะอ้อนขอดูรูป ปกติในคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลจะมีฐานข้อมูลบุคลากรอยู่แล้ว ยิ่งเป็นแพทย์ยิ่งหาง่ายใหญ่



“พี่ให้ดูไม่ได้หรอกค่ะ มันผิดกฎ แต่ว่า...ถ้าเป็นเว็บไซต์ของโรงพยาบาลคงไม่เป็นไร”



ขาดคำพยาบาลสาวก็มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่ เธอก็ใช้คอมพิวเตอร์ของเธอเปิดรูปให้ดู



รอสักอึดใจภาพคุณหมอใจดีก็ปรากฏสู่สายตาของณัฐมล นายแพทย์พัลลภเป็นชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ โครงหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ที่สะดุดตาคือดวงตาสองชั้นได้รูปที่ดูอ่อนโยน ถึงจะทำใบหน้าเรียบเฉยก็ยังให้ความรู้สึกเป็นมิตร



ณัฐมลถึงกับร้อง ‘ว้าว!’ ในใจกับความหล่อที่สมราคาคุย แล้วก็ต้องอ้าปากค้างในวินาทีถัดมาเมื่อจำได้ว่าเขาคนนี้ยังเป็นคนคนเดียวกันกับที่ให้ร่มเธอในวันที่ฝนตก เธออาจจะจำโครงหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้มั่นใจเพราะจำได้ไม่รู้ลืม นั่นคือดวงตาคู่สวยของเขา ดวงตาที่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อจ้องมองมา



“หล่อใช่ไหมล่ะคะ พวกพี่ยังพูดกันออกบ่อยเลยว่าหมอพันน่าจะไปเป็นดารา” พยาบาลสาวเปรย เมื่อเห็นว่ามีเหยื่อหลงเสน่ห์ความหล่อของคุณหมอเข้าอีกราย



“แล้วคุณหมอแต่งงานรึยังคะ” ณัฐมลถามเร็วปรื๋อทันทีที่ได้สติ



“ยังหรอกค่ะ”



“แฟนล่ะคะ”



“อืม...ไม่แน่ใจนะคะ พี่อยู่แผนกนี้เลยไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไร คิดว่าน่าจะโสดนะคะ เห็นเอาแต่ทำงาน”



ณัฐมลพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก หญิงสาวนั่งเหม่ออย่างครุ่นคิดจวบจนกระทั่งเพื่อนมารับ เธอถึงได้เอ่ยประโยคแรกออกมา



“ชา...ฉันว่าฉันกำลังจะมีเนื้อคู่แล้วล่ะ”


--------------------------------------------------------------------------------

[1] แพทย์อินเทิร์น (Intern) คือแพทย์ที่เรียนจบแล้วแต่มาทำงานใช้ทุนให้กับทางโรงพยาบาล

[2] แอดมิด (Admit) หมายถึง การรับไว้รักษาต่อในโรงพยาบาล



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2554, 21:23:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.พ. 2555, 00:06:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 3976





<< บทที่ 1 อกหัก ผู้ชาย สายฝน   บทที่ 3 ตัวช่วย(เหยื่อ)สุดซื่อ >>
bow 18 ส.ค. 2554, 21:43:54 น.
รีบมาลงชื่อค่า ^^
ชอบเรื่องนี้ม๊ากมากเลยค่ะ


ดารานิล 18 ส.ค. 2554, 23:13:21 น.
โอ้ววว คุณนิชราภาพคะ ในที่สุดเราก็เจอกันอีกครั้ง แต่ของคุณลงเรื่องใหม่ ส่วนของดิฉันเป็นเรื่องเดิม ตรูยังไม่จบเรยยย ปวดตับ! T_T


หมูอ้วน 18 ส.ค. 2554, 23:28:57 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


Zephyr 19 ส.ค. 2554, 00:40:35 น.
พระเอกมาแล้ว แต่นางเอกเราดันไม่ได้ทำความรู้จักซะนี่


Pat 19 ส.ค. 2554, 10:41:06 น.
อกหักแป๊ปเดียวเองเน้อ


anOO 19 ส.ค. 2554, 18:36:52 น.
ยังไม่ทันหายจากอาการอกหัก ก็พบรักใหม่ซะแล้ว


ปรางขวัญ 20 ส.ค. 2554, 00:48:54 น.
มารอดูเนื้อคู่ของณัฐมล @^-^@


picky 21 ก.ย. 2554, 23:23:28 น.
อ๊ายยย เภสัชฯ จับคู่หมอจิต น่ารักที่สุด เลิฟๆ (เรื่องคุ้นๆ แอบคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเอง คิดถึงพี่หมอ^^)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account