เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"

เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์

ตอน: บทที่ 4 เบอร์โทร...เบอร์เธอ

บทที่ 4 เบอร์โทร...เบอร์เธอ

สถานที่ที่จัดว่าจอแจและอึกทึกที่สุดในโรงพยาบาลก็คือโรงอาหาร แม้โรงพยาบาลที่ศศิชาทำงานจะมีโรงอาหารอยู่หลายจุดและกว้างขวางพอสมควร แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับให้บริการ ทุกเที่ยง โรงอาหารที่ตั้งกระจายอยู่ทั้งสามแห่งจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน ทั้งผู้ป่วยที่มารอตรวจรักษาตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีผู้คนคึกคักหนาตาเหมือนเคย กระนั้นก็ยังสู้อุตส่าห์มีมุมเล็กๆ มุมหนึ่งที่ปลอดคนเพราะมันถูกจับจองด้วยเทพบุตรสุดหล่อสององค์

ฝั่งขวามาจากแผนกจิตเวช ครองอันดับหนุ่มฮ็อตถึงสี่สมัยซ้อน ฝั่งซ้ายเป็นน้องใหม่ของแผนกทันตกรรม เจ้าของฉายายิ้มพิฆาตใจ คนหนึ่งหล่อแบบสุขุม ส่วนอีกคนก็สดใส แทนที่จะข่มกันมันกลับกลายเป็นส่งเสริมกันอย่างประหลาด

ความที่มองดูผิวเผินแล้วเหมือนมีรัศมีเจิดจ้าทอดลงมาจับร่างนี่เอง คนธรรมดาสามัญจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ อย่างไม่อาจละสายตา รอบบริเวณนั้นจึงพลอยเงียบไปโดยปริยาย

พัลลภเคยชินกับการถูกจับจ้อง ชายหนุ่มจึงวางตัวเป็นปกติไม่ได้รู้สึกแปลกแต่อย่างใด ส่วนกันติทัตนั้นเป็นมนุษย์จำพวกที่ไม่ใคร่จะสังเกตสิ่งรอบตัวนัก และค่อนข้างจะซื่อบื้ออยู่สักหน่อย สองหนุ่มเลยนั่งคุยกันได้ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง เหมือนกับนั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน

“ขอโทษนะครับที่ต้องรบกวนทั้งที่พี่ก็งานยุ่ง” กันติทัตเป็นฝ่ายเปิดฉากการสนทนาก่อน

เขาเจตนาไปดักเจอพัลลภที่หน้าแผนกและชวนออกมากินข้าวด้วยกัน เพราะมีเรื่องอยากจะคุยด้วย ประเด็นหลักก็คือธุระที่ณัฐมลขอร้องให้เขาทำเพื่อแลกกับเบอร์โทรศัพท์ของศศิชา

หญิงสาวบอกมาว่า ‘เบอร์โทรต้องแลกด้วยเบอร์โทร’ แต่นอกจากจะต้องยื่นหมูยื่นแมวกันแล้ว กันติทัตยังต้องจ่ายค่าขอคำปรึกษาเป็นการสืบว่าพัลลภมีคนรักแล้วหรือยัง ชายหนุ่มไม่ถนัดเรื่องการสืบนักเลยคิดหนักอยู่ไม่น้อย โชคดีเหลือเกินที่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนของพี่สาวคนรอง เขาเลยตัดสินใจว่าถามไปตรงๆ คงจะง่ายกว่า

“ไม่เป็นไรครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เลย” พัลลภส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

“ขอบคุณนะครับ” กันติทัตค้อมศีรษะให้อย่างเกรงใจอีกครั้ง ก่อนจะพูดธุระ “คือผมอยากทราบว่าพี่พันมีแฟนหรือยังครับ”

“ยังครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างตรงไปตรงมา

แม้จะนึกฉงนว่าเหตุใดกันติทัตถึงได้ถามเรื่องนี้ แต่พัลลภก็ไม่ซักต่อ เขารอให้อีกฝ่ายเป็นคนเผยเจตนาออกมาเอง

“แล้วคนที่ชอบพอหรือดูๆ กันล่ะครับ”

“ไม่มีอีกเหมือนกัน พี่ทำงานจนคิดว่าตัวเองแต่งกับงานไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเบอร์ได้ไหมครับ ผมหมายถึงเบอร์ส่วนตัวที่ใช้เป็นประจำน่ะครับ” กันติทัตเน้นประโยคหลังเพราะถูกย้ำมาเป็นพิเศษ

“พูดอย่างนี้แสดงว่าจะขอเบอร์พี่ไปให้คนอื่นสินะ”

“ครับ ขอให้พี่แป้งน่ะครับ” ชายหนุ่มยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำ

“แป้ง? ใครครับ”

“เพื่อนรุ่นพี่ของผมครับ ตัวเล็กๆ น่ารัก ตลกด้วย พี่เขาปลื้มพี่พันมากอยากทำความรู้จัก”

จากนั้นพัลลภถามอะไรมากันติทัตก็ตอบไปเสียหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก จนฝ่ายถูกขอเบอร์ปะติดปะต่อเรื่องราวได้หมด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาขอเบอร์โทรส่วนตัวของเขา แต่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้

ชายหนุ่มนึกชอบใจพ่อสื่อสุดซื่อคนนี้ขึ้นมา จึงตัดสินใจให้เบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ประจำไป แทนที่จะปฏิเสธหรือให้หมายเลขอื่นเหมือนทุกคราว

“ขอบคุณมากเลยครับพี่”

กันติทัตบันทึกหมายเลขที่ได้มาด้วยดวงตาเป็นประกาย พลางวาดฝันว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้เบอร์โทรศัพท์ของศศิชามาไว้ในครอบครองเช่นกัน

รอยยิ้มกระหยิ่มใจของชายหนุ่มกับท่าทางดีใจเหมือนจะขอเบอร์เอาไว้โทรคุยเอง ชวนให้คนที่แอบมองอยู่เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วในอีกไม่กี่นาทีต่อมา บรรยากาศที่ราวกับมีรัศมีสีทองทอดลงมาจับร่างของสองหนุ่ม ก็กลายเป็นรังสีเหนือสีม่วงไปทันตา เมื่อกันติทัตจับมือพัลลภมาเขย่าเพื่อแสดงความขอบคุณ เรื่องเลยกลายเป็นว่าสองหนุ่มกุมมือกันแล้วทำตาเยิ้มเสียอย่างนั้น

สถานการณ์แห่งความเข้าใจผิดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อยู่ๆ พัลลภก็เอามือป้องปาก เอียงคอไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับกันติทัต แล้วหัวร่อต่อกระซิกกัน ทำเอาสาวๆ แถวนั้นแทบจะเป็นลมตายเพราะความเข้าใจผิด

สาเหตุที่ชายหนุ่มต้องแสดงกิริยาอย่างนั้น เพราะมีเสียงประกาศจากลำโพงดังลั่นจนกลบเสียงสนทนา ส่วนเรื่องที่คุยนั้นก็เป็นเรื่องแสนธรรมดา พัลลภแค่ถามถึงกชพรรณพี่สาวของกันติทัตเท่านั้น กันติทัตเล่าเรื่องพี่สาวที่กำลังเป็นคุณแม่มือใหม่ให้ฟัง พัลลภก็เลยอดหัวเราะขำคนที่ได้ชื่อว่าห้าวที่สุดในรุ่นไม่ได้

นอกจากนี้สองหนุ่มยังเพิ่มจิตนาการอันบรรเจิดให้คนแอบมอง ด้วยการตบไหล่ลูบหลังก่อนจากอีกด้วย พัลลภตบไหล่เพราะจะให้กำลังใจรุ่นน้อง เนื่องจากรู้ดีว่าแผนกทันตกรรมมีปัญหาเยอะและมีความกดดันค่อนข้างมาก

คุยกันจบสองหนุ่มก็แยกย้ายกันไป โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมา ข่าวลือเรื่อง ‘หมอพันกับหมอครามเป็นคู่เกย์กัน’ จะดังกระหึ่มไปทั้งโรงพยาบาล


ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง แทนที่จะได้พัก ณัฐมลกลับกำลังยุ่งมาก สำหรับเภสัชกรประจำโรงพยาบาลแล้ว ห้องยาก็ไม่ต่างอะไรจากกรงขังเมื่อต้องอยู่ในนั้นทั้งวัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เภสัชกรหลายคนจะเกิดภาวะเครียดจัดหรือสติแตกให้เห็น โดยเฉพาะในวันที่คนไข้ล้นทะลักและมีปัญหาเรื่องการสั่งจ่ายยาอย่างวันนี้

“คุณทองทิพย์คะมารับยาด้วยค่ะ ได้ยินไหมคะคุณทองทิพย์” ณัฐมลตะโกนเรียกคนไข้ ก่อนจะหันไปรับมือกับผู้ป่วยอีกรายที่มาทวงยา

“ผมรอมาตั้งแต่สิบเอ็ดโมงแล้วนะคุณ นี่จะบ่ายแล้ว ทำไมยังไม่ได้อีก”

“สักครู่นะคะ ขอทราบชื่อหน่อยค่ะ”

“ธนากร อนันต์คง” อีกฝ่ายตอบกลับมาห้วนๆ ด้วยกระแสเสียงหงุดหงิด

ณัฐมลหันไปตรวจสอบใบสั่งยาที่เรียงกันอยู่อย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าไม่มีคนชื่อนี้ หญิงสาวก็เลยพิมพ์ชื่อเขาเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ผลคือข้อมูลใบสั่งยาถูกส่งมาจากห้องตรวจแล้วแต่ว่ามันมาไม่ถึงมือเธอ สันนิษฐานได้แค่สองอย่างคือหนึ่งหายระหว่างทาง หรือไม่ก็ใครสักคนในห้องนี้ทำใบสั่งยาหาย

“ขอโทษนะคะ ใบสั่งยามีปัญหา จะรีบจัดการให้ทันทีเลยค่ะ รบกวนรออีกสักครู่หนึ่งนะคะ”

“ทำงานกันประสาอะไร! รู้หรือเปล่าว่าเวลาผมมันเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น ถ้าอีกสิบนาทีไม่ได้ยา ผมร้องเรียนคุณแน่” ผู้ป่วยอารมณ์ร้ายโวยลั่น

ในสถานการณ์อย่างนี้ แม้อยากจะตะโกนว่าไม่ใช่ความผิดเธอสักแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่ขอโทษ แล้วยิ้มรับคำตำหนิเท่านั้น

หมดจากปัญหาใบสั่งยาหาย หญิงสาวก็ถูกดึงตัวมาช่วยที่ห้องยาของผู้ป่วยในเพราะทางนี้กำลังยุ่งมาก ทันที่ก้าวเข้าไปใบสั่งยาชุดใหญ่จากแผนกศัลยกรรมก็ไหลทะลักออกมาจากเครื่องพิมพ์ทำเอาแทบลมจับ แถมจัดยาได้ไม่ถึงครึ่ง ทางแผนกก็โทรศัพท์มาทวงแล้ว

“ไม่ต้องรีบนะคะ ขอแค่ให้ทันบ่ายสองก็พอ” พยาบาลประจำวอร์ดส่งเสียงหวานหยดมาตามสาย

‘ไม่ต้องรีบอะไรเล่า อีกสิบห้านาทีก็จะบ่ายสองแล้ว’ หญิงสาวกรีดร้องในใจ แล้วรับปากว่าจะเร่งทำให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำให้ไม่ทันแน่นอน

ณัฐมลหันไปสั่งงานผู้ช่วยเภสัชกรเร็วปรื๋อ แล้วแปลงสภาพตัวเองจากคนเป็นปลาหมึก เร่งจัดยาแบบไม่พักหายใจ กว่าสะสางทุกอย่างได้ลุล่วงหญิงสาวก็หมดแรงจนเข่าอ่อน

หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นว่าบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว เลยเวลางานของตัวเองมาครึ่งชั่วโมงแต่เภสัชกรที่ต้องมารับเวรต่อยังไม่มาเสียที คิดได้ไม่ทันไรคนที่นึกถึงก็โทรศัพท์มา

“กิ๊บรถชน คงมาไม่ได้แล้วพี่แป้ง”

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงสั่นๆ ของรุ่นน้องทำให้ณัฐมลนึกเป็นห่วง

“ฟกช้ำนิดหน่อยค่ะ คู่กรณีก็ไม่เป็นไรมาก ตอนนี้กิ๊บอยู่โรงพัก ฝากพี่แป้งทีนะคะ ขอโทษจริงๆ อ๊ะ! แค่นี้ก่อนนะคะ ร้อยเวรมาแล้ว”

ด้วยเหตุนี้ณัฐมลเลยต้องรับเวรต่อยาวไปจนถึงสามทุ่ม จากนั้นความวุ่นวายและเสียงโทรศัพท์ก็กระหน่ำโจมตีหญิงสาวแบบไม่ให้หยุดพัก เริ่มจากแมวที่บ้านป่วย น้องชายตัวดีเลยโทรศัพท์มาถามเธอว่าควรจะให้ยาอะไร

“ฉันเป็นเภสัชฯ นะยะไม่ใช่หมอแมวจะได้รู้” หญิงสาวแว้ดกลับแล้วกดสายทิ้ง

สักพักโทรศัพท์สายในก็ดังบอกว่าคีย์ข้อมูลผิด ให้ช่วยเปลี่ยนตัวยาใหม่เป็นการด่วน อีกเดี๋ยวน้องชายตัวดีก็โทรศัพท์กลับมาหา ถามว่าแมวกินยาพาราเซตามอลได้หรือเปล่า

“อย่าให้กินนะยะ มันเป็นพิษกับแมว รีบพาไอ้สวยเลิศไปหาหมอเลยนะ แล้วอย่าโทรมากวนอีก ไม่งั้นฉันเชือดแกแน่”

ณัฐมลเข้าสู่โหมดโหดแบบเต็มขั้นเพราะข้าวก็ยังไม่ได้กิน พักสักนิดก็ยังไม่ได้พัก แถมยังมีปัญหาจุกจิกที่เธอไม่ได้ก่อเข้ามาอีกชุดใหญ่

ในขณะที่กำลังวุ่นวายกับการทำงาน ผู้ช่วยเภสัชกรซึ่งเป็นเด็กใหม่ก็มาสะกิดแล้วยกมือไหว้ท่วมหัว

“พี่คะซีลีคอกซิบ จะแล้วหมดค่ะ หนูลืมไปเบิกมาจากคลัง ทำไงดีคะพี่ ป่านนี้คลังยาปิดไปแล้ว”

การเบิกยาจะต้องทำเป็นขั้นตอน มีการทำใบเบิกและต้องให้เจ้าหน้าที่คลังยาเป็นคนเอาออกมาให้ ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าแผนก ก็ไม่มีสิทธิ์ไขกุญแจเปิดคลังไปหยิบยาออกมาเอง

“เหลือเท่าไร”

“สองแผงค่ะ”

“ไหนวันก่อนบอกว่าเอามาแล้วไง” ณัฐมลถามเสียงตื่นเพราะวันนี้ยังต้องใช้อีกเยอะ

“หนูจำผิดตัวค่ะพี่ หนูขอโทษจริงๆ”

อรอิงเอ่ยเสียงเครือแล้วตั้งท่าจะร้องไห้เมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของคู่สนทนา เห็นณัฐมลตัวเล็กๆ หน้าเด็กใจดีอย่างนี้ แต่บทจะโหดขึ้นมา แม้แต่หัวหน้าแผนกที่ว่าน่ากลัวยังต้องยกมือยอมแพ้

ณัฐมลกำหมัดแล้วยืนตัวสั่นอย่างข่มอารมณ์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อรอิงทำงานพลาดแล้วเธอต้องตามเช็ดตามล้างให้ ถ้าเป็นปกติก็คงพอจะตำหนิกันดีๆ ได้ แต่วันนี้เรื่องวุ่นวายมันประดังเข้ามาจนเกินจะรับไหว หญิงสาวก็เลยสติหลุดแบบสมบูรณ์ ในจังหวะที่ณัฐมลกำลังจะกระโดดบีบคอคน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา หญิงสาวกดรับโดยไม่ดูชื่อแล้วตะโกนใส่เสียงดังลั่น

“อะไรกันนักกันหนา ถ้าไม่มีธุระสำคัญก็วางไปก่อน”

ต้นสายนิ่งไปอึดใจก่อนจะเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย

“ผมไม่รู้ว่าพี่แป้งกำลังยุ่ง ถ้าอย่างนั้นหัวค่ำผมโทรมาบอกเรื่องพี่พันอีกทีนะครับ”

“เดี๋ยวคราม! ว่ามาเลยไม่เป็นไร” หญิงสาวลดเสียงลงในทันที ด้วยกลัวกันติทัตจะเคืองจนเลิกช่วยเธอ

“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบรวบรัดนะครับพี่ ผมถามให้แล้วครับ พี่พันยืนยันว่าโสดไม่มีใครแน่นอน แล้วพี่เขาก็ให้เบอร์ส่วนตัวมาด้วย พี่แป้งจดนะครับ”

ข่าวดีแบบไม่คาดคิดทำให้อารมณ์ที่กำลังเดือดของณัฐมลเย็นขึ้นทันตา จากเดิมที่หญิงสาวรู้สึกว่ากำลังอยู่กลางสมรภูมิรบก็กลายเป็นทุ่งดอกไม้สีชมพูที่มีสายลมเอื่อยๆ พัดพลิ้ว พอวางสายหญิงสาวเลยหันมาโปรยยิ้มหวานให้กับผู้ช่วย

“เรื่องยาไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่จัดการเอง กลับไปทำงานได้แล้ว”

อารมณ์ที่ปรับเปลี่ยนได้ราวกับกดปุ่มกับเสียงหัวเราะของณัฐมลทำอรอิงขนลุกเกรียว ไม่ใช่แต่อรอิงเท่านั้นที่ถอยห่างออกมา ทุกคนในห้องขยับมากระจุกอยู่มุมเดียวกันแล้วมองแววตาน่ากลัวของหญิงสาวอย่างหวาดๆ

ถึงจะถูกมองว่าเพี้ยนไปแล้ว แต่ณัฐมลก็เอาชีวิตรอดจากที่ทำงานมาได้โดยไม่เผลอระเบิดอารมณ์ใส่ใคร หญิงสาวขับรถกลับบ้านแบบชุ่มชื่นหัวใจพลางคิดหาวิธีการใช้เชื่อมสัมพันธ์แบบแนบเนียนที่สุด เธอกับเขาไม่รู้จักกัน ดังนั้นจึงต้องหาข้ออ้างที่จะโทรไปให้สมเหตุสมผลหน่อย

หญิงสาวเดินฮัมเพลงไปพลางคิดแผนการไปพลางจนเข้ามาในบ้าน ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูห้องครัวเธอก็ถูกมือแข็งแรงของชายหนุ่มร่างผอมบางฉุดเอาไว้ เธอเกือบจะกรีดร้องอยู่แล้ว แต่พอหันไปเห็นว่าอีกฝ่ายคือผู้ช่วยเภสัชกรที่จ้างมาทำงานที่ร้าน หญิงสาวก็คลายความตระหนกลง

“ตกใจหมดเลยโอ๊ะโอ อยู่ๆ ก็โผล่มา เจ๊โทรมาบอกแล้วนี่ว่าให้ปิดร้านได้เลย เอ๊ะ! หรือร้านมีปัญหา”

ณัฐมลจ้างอลินให้มาดูแลร้านให้ในช่วงที่เธออยู่ทำงานที่โรงพยาบาล ถึงจะเจ้ากี้เจ้าการไปสักหน่อยแต่ชายหนุ่มหัวใจสีชมพูคนนี้ก็ช่วยงานเธอได้มากเลยทีเดียว

“มีปัญหาเยอะแยะเลยค่ะ เราต้องเคลียร์กันอย่างว่องเลยนะคะ” อลินกระซิบบอก แล้วฉุดแขนณัฐมลมาแอบมองใครคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่มุมรับแขกในร้าน

“อ๊ะ! ครามนี่ มาที่นี่ทำไม?” หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัย เธอตั้งท่าจะเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกดึงตัวเอาไว้

“อย่าเพิ่งค่ะเจ๊ ตอบคำถามหนูมาก่อน หนุ่มน้อยคนนี้ท่านได้แต่ใดมา ทำไมถึงได้ดูกรุบกรอบน่ากินเยี่ยงนี้” พูดแล้วก็ซู้ดน้ำลายเสียหนึ่งที ก่อนจะหันขวับมาจิกตาใส่นายจ้าง “ร้ายนะคะเจ๊ อกหักแป๊บๆ หาใหม่ได้แล้ว น้ำมันพรายวัดไหนคะ บอกมาเลยนะ”

“บ้า! ไม่ใช่แฟนย่ะ น้องที่รู้จักกันเฉยๆ ห่างกันตั้งเจ็ดปี ฉันยังไม่อยากเปิดเนิร์สเซอร์รีนะยะ”

“ดีค่ะ ถ้าไม่ใช่งั้นโอ๊ะโอขอ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ น่าจัดมาจ๊วบแล้วก็บ๊วบเป็นที่สุด เจ๊อยู่นี่อีกแป๊บได้ไหมคะ โอ๊ะโอขอไปทำความสนิทสนม เผื่อเขาอยากมาบ๊วบแล้วก็จ๊วบกับโอ๊ะโอ”

ฟังแล้วก็ต้องกุมขมับ เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าจริงๆ เธอว่าเธอบ้าผู้ชายหน้าตาดีระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังแค่ในความคิด ไม่เหมือนคนแถวนี้ที่มันส่อออกมาทางการกระทำด้วย

“อ๊าย! อย่ามายุ่งกับน้องนุ่งฉันนะยะ”

“แหม...น้องนุ่งเจ๊ก็เหมือนน้องนุ่งหนูแหละค่ะ จะเอ็นดูให้ถึงที่สุดเลย แต่ถ้าน้องไม่นุ่งนี่เป็นอีกเรื่องนะคะ ฮี่ๆ”

“ไม่ได้ กลับออกไปเลยนะ” ณัฐมลลากรีบลากแขนอลินมาที่ประตูหลังทันที

ในจังหวะที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากอยู่นั้น คนที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาก็เดินเข้ามาหาเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน

“กลับมาแล้วเหรอครับพี่แป้ง ขอโทษนะครับที่มารบกวน” กันติทัตค้อมศีรษะแล้วส่งยิ้มให้

รอยยิ้มเจิดจ้าของชายหนุ่มทำเอาอลินนิ่งงันเหมือนถูกสะกด ณัฐมลที่พอจะมีภูมิต้านทานรอยยิ้มสะท้านทรวงนี่อยู่บ้าง ก็เลยฉวยโอกาสนี้คว้าแขนชายหนุ่มวิ่งขึ้นไปด้านบน เพื่อที่จอมจุ้นจ้านจะได้ไม่ตามมาวุ่นวาย หญิงสาวปิดล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา อีกฝ่ายก็เลยมาตัดพ้อต่อว่าเธอที่หน้าประตูห้อง

“เจ๊แป้งใจร้าย ขอโอ๊ะโออยู่กับน้องสุดหล่ออีกสักติ๊ดก็ไม่ได้ แค่น้องนุ่งเองไม่ใช่เหรอคะ ทำเป็นหวง”

“ไม่ต้องมาพูดมาก กลับบ้านไปดูละครไป๊”

“ละครหลังข่าวมันจบแล้วนี่คะ”

“ซีรีย์รอบดึกก็มีนี่ยะ ไม่ไปกรี๊ดจางกึนซอกหรือไง วันนี้มีฉากโชว์กล้ามอาบน้ำด้วยนี่”

ณัฐมลพูดไปอย่างนั้นเองแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะนึกได้ว่าต้องไปกรี๊ดหนึ่งในพระเอกขวัญใจคนใดคนหนึ่ง ก็เลยรีบวิ่งโครมครามลงไปชั้นล่าง สักอึดใจหญิงสาวก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถจักรยานยนต์ที่หลังบ้าน ตามมาด้วยเสียงเร่งเครื่องแบบไม่คิดชีวิต

“ไปได้สักที” ณัฐมลปาดเหงื่ออย่างโล่งอกแล้วหันมาทางกันติทัตที่นั่งหัวเราะ

“พวกพี่นี่หยอกกันตลกดีนะครับ” ชายหนุ่มเปรย

“ใครว่าหยอกยะ พี่กำลังปกป้องเราไม่ให้โดนกะเทยหื่นจับกดต่างหาก”

“ฮ่ะๆ ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ พี่โอ๊ะโอเขาแหย่พี่แป้งเล่นเท่านั้นเอง ผมมารออยู่นี่ตั้งสองชั่วโมง พี่เขาไม่เห็นทำอะไรเลย แถมยังใจดีนวดให้อีกต่างหาก”

‘นั่นมันถูกลวนลามชัดๆ เลย!’

ณัฐมลได้แต่กุมขมับ แล้วครุ่นคิดอย่างสงสัยว่าที่ผ่านมาพ่อหนุ่มคนนี้รอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างไรหนอ

“มาหาพี่ถึงนี่มีอะไรหรือเปล่า แล้วไปเอาที่อยู่ร้านมาจากไหน” หญิงสาวเอ่ยอย่างนึกได้

เธอแลกเบอร์โทรศัพท์กับกันติทัตไว้ก็จริงแต่ก็ไม่เคยบอกที่ตั้งร้าน ส่วนเรื่องที่รู้มาจากศศิชานั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะแค่ทักทายธรรมดา พ่อหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ก็เขินจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

“ถามมาจากพี่ฟ้าครับ”

พี่ฟ้าที่เอ่ยถึงคือพี่สาวแท้ๆ ของเขาซึ่งเป็นรุ่นน้องของณัฐมล วงการเภสัชกรค่อนข้างจะแคบ ปีหนึ่งๆ มีคนจบมาไม่เท่าไร ยิ่งจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันก็ยิ่งตามตัวกันง่าย แค่บอกชื่อไปก็รู้แล้วว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน

“พี่แป้งครับ ผมขอโทษที่มารบกวนตอนดึก แต่ผมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ กรุณาช่วยผมด้วยเถอะครับ”

“มีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยเหรอ” ณัฐมลย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย

“คือผม...ผมไม่กล้าส่งข้อความไปหาคุณหมอศศิชาครับ” ชายหนุ่มสารภาพเสียงอ่อย

“แค่เนี้ย!” หญิงสาวขึ้นเสียงสูงแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

กันติทัตอดทนมารอเธอตั้งนานแถมทำท่าเหมือนพร้อมจะคุกเข่าเพื่อขอร้องเธอได้ทุกเมื่อ เธอเลยคิดไปว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่

“แต่มันสำคัญสำหรับผมนะครับพี่”

“อย่าป๊อดน่า ก็แค่พิมพ์ข้อความแล้วกดส่งไปเท่านั้นเอง มันยากตรงไหนกัน ไม่ได้คุยสักหน่อย”

เห็นแล้วอยากจะเขกหัวเตือนสติพ่อหนุ่มคนนี้จริงเชียวว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แถมอายุก็ตั้งยี่สิบสี่แล้ว ไม่ใช่สาวน้อยแรกรุ่นวัยสิบสี่เสียหน่อยจะได้ต้องมานั่งกลัวกับเรื่องเพียงเท่านี้

“ผมก็รู้นะครับว่าแค่พิมพ์คำว่าราตรีสวัสดิ์แล้วส่งไปมันไม่ยาก แต่พอมันเป็นเรื่องของคนที่เราชอบมันก็ยากขึ้นมาทันทีเลย ผมไม่รู้ว่าคุณหมอศศิชาจะรู้หรือเปล่าว่าคำว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ ของผมมันไม่ได้แปลแค่ว่าขอให้นอนหลับฝันดีตามธรรมเนียม แต่ยังหมายถึงว่าผมห่วงใยเธอด้วย ถ้าความรู้สึกมันสื่อถึงกันผ่านตัวอักษรได้ เธอจะรังเกียจความรู้สึกนี้ไหม แล้วเวลาเราเจอกันผมควรจะวางตัวยังไงดี พอคิดแบบนี้มันก็กลัวจนไม่กล้ากดส่งน่ะครับ”

ณัฐมลรู้สึกได้ถึงความรักที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจของชายหนุ่ม มันทำให้เธออยากจะช่วยสนับสนุนเขาแบบจริงจังขึ้นมา ทั้งที่ทีแรกคิดเพียงแค่จะหลอกใช้เท่านั้น

“ฟังพี่นะคราม พี่เข้าใจความกลัวของคราม แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เราเองจะเป็นฝ่ายเสียใจทีหลังนะ ถ้ากลัวว่าเขาจะไม่รู้ก็เพิ่มคำทักทายไปก็ได้นี่ มันจะได้พิเศษต่างจากข้อความทั่วไป เวลาเจอหน้า ถ้าเขินไม่รู้จะทำอย่างไรก็แค่ฉีกยิ้มกว้างๆ ก็พอแล้ว ครามรู้หรือเปล่าว่าครามเป็นผู้ชายที่ยิ้มสวยมาก แค่มองครามยิ้มก็มีความสุขแล้ว พี่ว่าชาเองก็ต้องคิดแบบเดียวกับพี่แน่ๆ”

คำแนะนำกับกำลังใจจากณัฐมลทำให้กันติทัตเหมือนเห็นแสงความหวังสาดส่องลงมา ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่เสียยืดยาว แล้วจึงขอตัวกลับเพื่อไปปรับอารมณ์ทำใจให้กล้าพอ


“คืนนี้ผมต้องส่งข้อความไปให้คุณหมอศศิชาให้ได้เลยครับ ถ้าไม่ได้ผมจะไม่นอนยันเช้าเลย”

“จะไหวไหมเนี่ย?” ณัฐมลพึมพำไล่หลังอย่างเป็นห่วง

หญิงสาวหันมาทุบไหล่ตัวเองด้วยความอ่อนล้าจากการทำงาน ก่อนจะรีบไปอาบน้ำล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้าเพื่อจะได้พักผ่อน

ณัฐมลทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มแล้วปิดเปลือกตาลง สักอึดใจก็ต้องลุกพรวดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องของตัวเองไปเสียสนิท เธอยังคิดหาข้ออ้างดีๆ เพื่อโทรศัพท์ไปหาพัลลภไม่ได้เลย และถึงจะคิดได้ตอนนี้มันก็ดึกเกินกว่าจะโทรไปแล้ว

‘ส่งข้อความไปราตรีสวัสดิ์ดีกว่า’

หญิงสาวพิมพ์ข้อความอย่างเร็วจี๋ แต่แล้วก็ต้องลบทิ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอกับเขาไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย มาส่งข้อความให้กันแบบนี้เขาคงคิดว่าส่งผิด พอนึกได้ว่าร่มของเขาอยู่ที่เธอ หญิงสาวก็มีความหวังอีกครั้งว่าคงพิมพ์ข้อความไปบอกได้ว่าอยากคืนของ พอพิมพ์เสร็จเธอก็นึกได้อีกว่ามันออกจะประหลาดอยู่สักหน่อยที่เธอหาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวเขามาได้ทั้งที่มันไม่ได้มีติดไว้บนร่ม ถ้าความแตกขึ้นมาว่าเธอแอบสืบเรื่องเขา สงสัยเธอจะถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตแน่ๆ

ณัฐมลคิดหาแผนใหม่แต่ก็ไม่ได้ความนัก เธอพิมพ์ข้อความแล้วก็ลบ ทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้อีกหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเป็นสั่งสอนคนอื่นเสียดิบดีแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าส่ง

‘โธ่เอ้ย! ความจริงหล่อนก็ป๊อดเหมือนกันล่ะว้า’




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ส.ค. 2554, 16:33:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2555, 20:12:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 3051





<< บทที่ 3 ตัวช่วย(เหยื่อ)สุดซื่อ   บทที่ 5 คุณหมอคะ…หนูป่วย >>
anOO 24 ส.ค. 2554, 19:26:00 น.
สแนคนอื่น แต่ตัวเองก็ไม่กล้าเหรอยัยแป้ง


Zephyr 24 ส.ค. 2554, 19:54:55 น.
โธ่ ยายแป้งเอ้ย ป๊อดซะแล้วอ่า ดูท่าพี่หมอพันคงรออยู่ป่ะ เพราะน่าจะรู้ทันแล้วล่ะนะ ส่งๆไปเหอะน่า ตอนนี้มันยังไม่มีไรดีไปกว่านี้หรอก เหอๆๆ ครามน่าร้ากอ่ะ อ่านแล้วอยากกินเด็กมั่งจัง


dee_jung 24 ส.ค. 2554, 22:01:14 น.
ป๊อด...555


wane 24 ส.ค. 2554, 22:59:50 น.
ยัยแป้งเหมือนสาววัยทองมากกว่าสาวโก๊ะนะ เวลาทำงาน ดูขี้วีน ไม่น่ารักเลย

ตกลงแป้งไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเดียวกับคนอื่นๆ เหรอ ถึงได้ไม่มีใครรู้จักแป้งเลย อย่างเช่นตอนที่แล้วที่เข้าห้องฉุกเฉิน ....


หมูอ้วน 24 ส.ค. 2554, 23:40:29 น.
หนูแป้งก็ป๊อด ฮาาา


bow 24 ส.ค. 2554, 23:42:25 น.
น่ารักจังค่ะ :)
ชอบฉากบรรยายตอนรัศมีสีทองกลายเป็นสีม่วงนี่ละค่ะ ขำดี ^^


minieminnie 25 ส.ค. 2554, 14:24:42 น.
ว้าย +_+ คุณป้าขาวีน ก้อป๊อดเป็นเหมือนกันหรอค้าาาาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account