เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"

เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์

ตอน: บทที่ 5 คุณหมอคะ…หนูป่วย

บทที่ 5 คุณหมอคะ…หนูป่วย

ณัฐมลนอนกอดเบอร์โทรศัพท์ของพัลลภอยู่หลายคืนแต่ก็ไม่ได้ติดต่อไป เนื่องจากหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลไม่ได้ หญิงสาวยังคงยึดติดว่าไม่อยากเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อน ก็เลยตัดสินใจว่าจะคิดแผนการใหม่

ในระหว่างที่ยังคิดอะไรไม่ออก หญิงสาวก็ใช้เวลาว่างในช่วงไม่มีลูกค้าเข้าร้านโทรศัพท์ไปหากันติทัตเพื่อสร้างกำลังใจ เธอเดาว่ากันติทัตเองก็คงไม่กล้าส่งข้อความไปเช่นกัน จะได้ช่วยปลอบใจตามประสาคนหัวอกเดียวกัน

กันติทัตเพิ่งจะกลับถึงห้องได้ไม่นานตอนที่ณัฐมลโทรศัพท์มา ชายหนุ่มถอดเสื้อกราวน์ตัวนอกโยนลงตะกร้าแล้วรีบวิ่งมารับโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะ

“สวัสดีครับพี่แป้ง เรื่องพี่พันเป็นไงบ้างครับ” กันติทัตถามขึ้นก่อน น้ำเสียงของชายหนุ่มดูสดใสผิดกับที่ณัฐมลคิดไว้มาก

“ยังไม่ได้โทรหรอก พี่งานยุ่ง กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ดึกทุกที” หญิงสาวอ้างให้ฟังดูดีเอาไว้ก่อน

“แย่หน่อยนะครับ ทำงานตั้งสองที่เหนื่อยแย่เลย ของครามส่งข้อความไปแล้วล่ะครับ ตามคำแนะนำพี่แป้งทุกอย่างเลย คุณหมอศศิชาท่าทางจะชอบนะครับ เมื่อเช้าผมยิ้มให้ คุณหมอก็ยิ้มให้ผมด้วย”

น้ำเสียงสดชื่นรื่นเริงของหนุ่มรุ่นน้องบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้โลกกำลังเป็นสีชมพู ณัฐมลรู้สึกยินดีด้วยแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน อารมณ์ของเธอตอนนี้เหมือนกำลังวิ่งนำอยู่ ฉับพลันก็มีเต่าติดสเก็ตวิ่งแซงหน้าไปดื้อๆ

“อย่าเพิ่งดีใจกับเรื่องแค่นี้เชียว นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” หญิงสาวกล่าวเตือนคนที่กำลังได้ใจ พร้อมกับปลอบตัวเองว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถึงกับเรียกว่าถูกนำเสียทีเดียว

“ผมทราบครับ ต้องขอบคุณพี่แป้งมากนะครับที่ช่วยสร้างความกล้าให้กับผม ผมว่าอีกสักสองสามอาทิตย์ผมจะลองชวนคุณหมอศศิชาไปกินข้าวด้วยกันดู”

ณัฐมลถึงกับอึ้งซ้ำสองกับพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของรุ่นน้อง ยิ่งได้รู้แบบนี้เธอยิ่งฮึดมากขึ้น เธอจะไม่มีวันยอมแพ้เต่าแอ๊บแบ๊วอย่างกันติทัตเป็นอันขาด หญิงสาวเค้นสมองสุดชีวิต แล้วในที่สุดก็ได้แผนการทำความรู้จักอย่างแนบเนียนขึ้นมาหนึ่งแผน

ตัวเธอมีอาวุธอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือร่มที่เขาให้มาตอนเจอกันครั้งแรก เธอจะแกล้งทำเป็นบังเอิญไปเจอเขา แล้วเข้าไปทักทายขอบคุณเรื่องร่ม จากนั้นก็นัดพบเขาเพื่อเอาร่มมาคืน จะได้ถือโอกาสแลกเบอร์โทรศัพท์เสียเลย

แผนการนี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเพียงแต่ต้องระวังการกะจังหวะเวลาให้ดี อย่าเข้าไปคุยตอนที่เขายุ่งหรือหงุดหงิด เสียดายที่เธอทำงานคนละที่กับเขาก็เลยไปสืบเองไม่ได้ว่าตารางงานเขาเป็นอย่างไร หญิงสาวนึกถึงตัวช่วยอย่างกันติทัตขึ้นมา ถ้าเธอขอให้ช่วยเขาคงช่วยอย่างไม่ลังเล ทว่าเธอนึกอยากจะคุยอวดบ้างตอนที่เธอได้นัดกินข้าวกับพัลลภ หญิงสาวก็เลยโทรศัพท์ไปขอให้ศศิชาช่วยแทน

“จะเอาตารางเวรไปทำไม” ศศิชาถามสวนมาทันที

“จะได้ไปดักเจอพี่หมอไง นะชานะช่วยหน่อย”

ศศิชาเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงอ้อน หญิงสาวไม่ได้กำลังตัดสินใจ แต่กำลังก้มหน้าลงเขียนชาร์จผู้ป่วยที่เขียนค้างเอาไว้ เธออยากจะเขียนให้เสร็จก่อนเพราะเหลืออีกแค่สองบรรทัด

“ไม่มีการมีงานทำหรือไงถึงได้ทำตัวเป็นโรคจิตแอบตามเขา”

“ก็มีการมีงานทำน่ะสิ ฉันถึงได้ขอตารางเวรไง ที่ขอไม่ใช่เพราะจะตามพี่เขาเสียหน่อย แค่จะทำเป็นบังเอิญไปเจอแล้วทักทาย จะได้หาเรื่องมาเจออีกแล้วคืนร่ม”

ณัฐมลเล่าแผนการที่เธอคิดว่าสมบูรณ์แบบให้เพื่อนฟังอีกยาวเหยียด ทว่าเมื่อฟังจบแทนที่ศศิชาจะชมว่าเธอเข้าใจวางแผน เพื่อนสุดที่รักกลับติเสียอย่างนั้น

“คิดอะไรตื้นๆ บอกแล้วไงว่าผู้ชายคนนี้เกราะหนา จะกี่มารยาก็เจาะไม่ทะลุหรอก จะบอกให้ตาสว่างเอาไว้นะยะว่าพี่หมอแกนะทำดีเรี่ยราดกับเขาไปหมด แต่พอมีใครจะเลี้ยงหรือให้ของตอบแทนเขาก็ปฏิเสธตลอด ถ้าแกโทรไปบอกจะคืนร่มให้ เชื่อสิว่าเขาต้องจำไม่ได้ ไม่ก็บอกให้ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ได้เลย”

ศศิชามีความสามารถในการวิเคราะห์สูง ส่วนใหญ่คาดเดาอะไรก็มักจะไม่ผิดจากที่พูดนัก หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของณัฐมลก็เลยมีอันต้องแห้งเหี่ยวอีกครั้ง

“ฉันจะทำยังไงดีล่ะชา นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ จะอกแตกตายอยู่แล้ว”

“ตัดใจ หาใหม่ง่ายกว่า”

“ไม่เอา! ชาก็รู้นี่ว่าฉันชอบเขามากแค่ไหน เข้าใจไหมชาว่าชอบมากๆ อย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน อารมณ์แบบทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะปล่อยให้ผู้ชายคนนี้หลุดมือโดยไม่ทำอะไรไม่ได้ เห็นแล้วอยากจะพุ่งเข้าขวิดอะไรประมาณนั้นเลยอ่ะชา”

“พูดซะเห็นภาพเลยนะยะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านอนี่ยาวเท่าไร”

คนถูกค่อนว่า ‘แรด’ ทำแก้มป่องใส่โทรศัพท์เสียทีหนึ่ง ก่อนจะโต้กลับ

“เขาเรียกพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีจริตมารยาย่ะ”

“จะเรียกอะไรก็ตามใจ แล้วถ้าฉันบอกว่าหมอพัลลภเป็นเกย์ แกยังจะชอบอยู่ไหม”

ศศิชาเห็นว่าถ้าห้ามแบบธรรมดาคงจะรั้งไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจเอาข่าวนินทาใหม่ล่าสุดมาวัดดวง ถ้าฟังแล้วณัฐมลยังสนใจในตัวเขาอยู่ เธอจะยอมช่วยก็ได้

ข่าวนี้ดังกระหึ่มไปทั่วโรงพยาบาลได้ระยะหนึ่งแล้ว ศศิชาไม่ชอบเรื่องซุบซิบนินทาก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้หูหนวก บางทีนั่งอยู่เฉยๆ เรื่องพวกนี้ก็ลอยเข้าหูเธอเอง พวกพยาบาลในห้องมักจะจับกลุ่มคุยกันเวลาว่าง ยิ่งในแผนกอายุรกรรมมีแฟนพันธุ์แท้ของนายแพทย์พัลลภอยู่ด้วยแล้ว เอ่ยชื่อขึ้นมาหน่อยเดียวก็ได้ข้อมูลกับข่าวล่ามาแรงอย่างละเอียด

“เอามาจากไหน มั่วหรือเปล่า” ณัฐมลมองโลกในแง่ดีเอาไว้ก่อน ถึงจะรู้สึกว่ามันแปลกที่ผู้ชายอย่างเขาเป็นโสดมาจนบัดนี้ก็ตาม

“พยาบาลลือกันให้แซดว่าเป็นคู่เกย์กันกับหมอกันติทัต”

“กันติทัต...ใคร?”

“ทันตะฯ หน้าสวยที่เอาขนมมาฝากวันนั้นไง”

“มั่วหรือเปล่า เห็นกับตาหรือไงว่าเขาเดินจูงมือกัน” ณัฐมลค้านเสียงแข็ง

ไม่มีทางที่กันติทัตจะเป็นเกย์อย่างเด็ดขาด เพราะพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้จีบเพื่อนเธออยู่ หญิงสาวรู้สึกแปลกใจที่ศศิชาคิดไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ก็ได้ข้อความจากกันติทัต นึกดูอีกที เธอก็จำได้ว่าศศิชาเป็นพวกไม่ชอบเปิดดูข้อความในโทรศัพท์มือถือ มักจะดองข้อความเอาไว้เป็นร้อยแล้วค่อยมาเปิดอ่านทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นเบอร์โทรศัพท์ไม่คุ้น หญิงสาวจะลบทิ้งไปเลยเพราะคิดว่าเป็นข้อความขยะ

‘โถ! หนุ่มน้อยที่น่าสงสาร หลงดีใจเก้อหรือนี่’

“ไม่ได้เห็นเอง แต่พยาบาลที่วอร์ดเห็นว่าจับมือถือแขนกันเหมือนจะจีบกันอยู่”

ณัฐมลเกือบจะหัวเราะพรืดออกมา กันติทัตเล่าให้เธอฟังแล้วว่านัดกินข้าวกับพัลลภที่โรงอาหารเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปทำท่าไหนเข้าเรื่องถึงได้กลายเป็นความเข้าใจผิดอย่างนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ครามน้องรัก...ทำได้ดีมาก’ ให้คนเขาเข้าใจผิดไปอย่างนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เธอจะได้ตัดคู่แข่งไปในตัว

“กลับบ้านไปเช็คเมสเสจในมือถือสิ แล้วจะเข้าใจว่ามันเป็นข่าวโคมลอย”

“เมสเสจอะไร”

“เอาน่า...ถ้าเป็นเบอร์แปลกๆ ก็อย่าเพิ่งลบแล้วกัน เชื่อสิว่าฉันมองไม่ผิด ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ ไม่อย่างนั้นฉันคงได้คลั่งตายแน่ แกเคยชอบใครบางคนแล้วความรู้สึกมันล้นทะลักออกมาท่วมใจบ้างไหม เหมือนมันเป็นปั๊ปปี้เลิฟแต่ว่ามากกว่านั้น ถ้าไม่กลัวติดคุก ฉันคงโปะยาสลบเขาแล้วเอาใส่กระสอบกลับบ้านไปแล้ว”

“เป็นเอามากนะแก ไม่ต้องคิดแล้วล่ะแผนทำความรู้จักบ้าบอน่ะ ฉันส่งแกไปเป็นคนไข้หมอพัลลภเลยง่ายกว่า ได้คุยกันสองต่อสองแล้วจะได้รักษาอาการบ้าไปในตัว” ศศิชาตั้งใจประชดแต่ณัฐมลกลับเห็นดีเห็นงามด้วยเสียอย่างนั้น

“ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ ชา...แกนี่เป็นอัจฉริยะจริงๆ เลย”

การไปแผนกจิตเวชไม่ได้หมายถึงว่าเราบ้าเสียหน่อย แค่เป็นโรคเครียดก็ไปพบหมอเพื่อขอคำปรึกษากับขอยาก็ได้ วิธีนี้เธอจะได้ทั้งสร้างความสนิทสนมและได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเขาด้วย

“เอาเป็นแต่งเรื่องว่าฉันเครียดมากเพราะอกหัก มีอาการโรคซึมเศร้าอ่อนๆ ดีไหมแก ฉันจะได้ปรึกษาปัญหาชีวิตกับพี่หมออย่างหนิดหนม อร๊าง! แค่คิดก็มีความสุขแล้ว”

ณัฐมลเป็นพวกคิดจริงทำจริง ถึงไม่ช่วยหญิงสาวก็คงหาทางไปขอรับคำปรึกษาเองจนได้ ศศิชาเลยนึกสงสารเป้าหมายอย่างนายแพทย์พัลลภขึ้นมาตงิดๆ กระนั้นก็ไม่คิดจะห้าม ลองฉุดไม่อยู่แบบนี้ต้องส่งไปให้กินแห้วสักทีจะได้หายบ้า ที่สำคัญเธอคิดมานานแล้วว่าเพื่อนจอมเพี้ยนควรจะได้รับการประเมินสุขภาพจิตอย่างเร่งด่วน

“ก็ได้ แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจิตแพทย์ที่มารักษาจะเป็นหมอพัลลภหรือเปล่า บางทีถึงระบุชื่อไปแต่คิวเต็มเขาก็ส่งเคส ให้คนอื่นก็มี”

“ขอบใจนะชา แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย” หญิงสาวไชโยโห่ร้องอย่างยินดี

ในเมื่อฟ้าลิขิตให้เธอมาเจอกับพัลลภ เธอก็จะลองเชื่อในลิขิตฟ้าดูสักครั้ง ถ้ามันไม่เมตตา เธอจะฝืนลิขิตฟ้าแล้วพึ่งพาตัวเองให้ดู


คราวนี้เห็นทีโชคชะตาจะเป็นใจให้ณัฐมล ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หญิงสาวก็มานั่งยิ้มแป้นเป็นคนไข้รอพบนายแพทย์พัลลภโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรให้เหนื่อย

เนื่องจากมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากมาเข้ารับการรักษา ขั้นแรกก่อนเข้าพบจิตแพทย์จึงต้องนั่งทำแบบทดสอบเพื่อประเมินสุขภาพจิตเสียก่อน

ณัฐมลนั่งมองแบบทดสอบปึกหนาอย่างครุ่นคิด ถ้าตอบไปตามความจริง ที่โกหกมาว่าเครียดคงจะความแตก เพราะตอนนี้เธอสดชื่นรื่นเริงอย่างที่สุด เนื่องจากกำลังจะได้เจอกับสุดหล่อในฝัน หญิงสาวก็เลยต้องพยายามสะกดจิตตัวเองให้มีปัญหาชีวิต แล้วทำแบบทดสอบไปด้วยอารมณ์ของคนพยายามเครียดไปเรื่อยๆ

ทำแบบทดสอบปึกหนาเสร็จ หญิงสาวก็ถูกเรียกให้มานั่งรอที่ด้านนอก ส่วนนี้มีเก้าอี้ติดผนังเรียงกันยาวเอาไว้นั่งรอ หญิงสาวหย่อนก้นลงนั่ง แล้วส่งยิ้มทักทายไปให้ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ก่อน ทว่าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยสนใจเธอนักเพราะมัวแต่เช็ดมืออยู่ตลอดเวลา เช็ดแล้วก็เช็ดอีกจนเป็นรอยแดงช้ำ เยื้องกันไปมีผู้ชายอายุรุ่นพ่อคนหนึ่งนั่งกัดเล็บอยู่ตลอดเวลาท่าทางเครียดจัด เห็นแล้วก็ไม่กล้าทักหรือส่งยิ้มให้

สักพักผู้หญิงสาวที่นั่งข้างกันก็ถูกเรียกเข้าห้องตรวจ ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินออกมาจากห้องทำแบบสอบถามพอดี ชายหนุ่มคนนี้อายุประมาณยี่สิบต้นๆ แต่งเนื้อแต่งตัวดี ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาก็จัดว่าหล่อเหลาทีเดียว หนุ่มแปลกหน้าหันมาส่งยิ้มให้ณัฐมล แล้วเดินเข้ามาหา

“ตรงนี้ว่างไหมครับ”

“ว่างค่ะ เชิญเลย” หญิงสาวผายมือให้อย่างยินดีที่เห็นคนท่าทางปกติมาขอนั่งด้วย

ชายหนุ่มแปลกหน้าแนะนำตัวว่าชื่อแทน เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสาม คุยไปคุยมาเลยเริ่มถูกคอแล้วบทสนทนาก็วนกลับมาที่สาเหตุของการมาพบจิตแพทย์ ณัฐมลแต่งเรื่องเอาไว้พร้อมเลยเล่าว่าเธอเครียดแบบไม่มีสาเหตุแล้วนอนไม่หลับบ่อยๆ เลยตัดสินใจมาขอคำปรึกษา แทนจึงเล่าเรื่องของตัวเองตอบแทนบ้าง

“ผมชอบมีเซ็กส์กับสัตว์ครับ”

ฟังแล้วก็ต้องหันขวับไปมองหน้าแทบจะทันที

“พูดจริงพูดเล่นคะ”

“เรื่องจริงครับ ผมลองมาหมดแล้ว จะเป็นหมา เป็นวัว เป็นหมู เสียดายไม่เคยลองกับลิง” ชายหนุ่มเล่าหน้าตาเฉย พอเห็นสีหน้าตกตะลึงของณัฐมลเขาก็หัวเราะแล้วพูดต่อ “ใส่ถุงยางทุกครั้งก็ไม่เป็นไรหรอกครับ หายห่วง”

ณัฐมลได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วยิ้มกลับแบบแห้งๆ ไปให้ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาสร้างโลกส่วนตัวกับโทรศัพท์มือถือสุดชีวิต เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนฟังวีรกรรมข่มขืนสัตว์ของพ่อหนุ่มรายนี้

ไม่รู้อุปาทานไปเองหรือเปล่า แต่เธอเห็นแทนจ้องมองรูปเจ้าสวยเลิศแมวพันธุ์เปอร์เซียในโทรศัพท์มือถือของเธอตาเยิ้ม หญิงสาวนั่งตัวเกร็งอย่างหวาดระแวงอยู่ราวชั่วโมงเศษ เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้เธอเข้าไปที่ห้องตรวจที่สามซึ่งมีชื่อของนายแพทย์พัลลภแขวนอยู่ด้านหน้า

ความรู้สึกขณะก้าวเข้าไปในห้องเหมือนกับว่าเธอกำลังเดินจากปากทางนรกก้าวไปสู่ประตูสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ในห้อง เทพบุตรในฝันของเธอกำลังอ้าแขนรอรับเธออยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแบบเต็มตา พัลลภดูดียิ่งกว่าที่เธอจำได้และรูปถ่ายที่มีเก็บไว้หลายเท่า เขาดูเจิดจ้าจนเธอแทบจะหยิบแว่นกันแดดออกมาสวมเพราะรัศมีแห่งความหล่อมันเข้ามาทิ่มตา

“เชิญนั่งครับ คุณณัฐมล” พัลลภคลี่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

ห้องนี้มีโต๊ะตัวโตตั้งอยู่ แล้วก็มีเก้าอี้ธรรมดาเรียงกันอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามสามตัว ณัฐมลนึกเสียดายที่มันไม่ใช่โซฟายาวอย่างที่จินตนาการเอาไว้ ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกดีที่ได้อยู่ตามลำพังกับสุดหล่อในฝัน หญิงสาวเดินตาลอยแล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย พลางยิ้มหวานจ้องหน้าสุดหล่อในฝันแบบไม่เกรงอกเกรงใจอีกฝ่าย

“ผมชื่อพัลลภครับ เป็นจิตแพทย์ ขอแจ้งให้ทราบก่อนนะครับจะได้สบายใจ ในกรณีของคุณถูกส่งมาปรึกษาเพราะความเครียดเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาทางจิตขั้นรุนแรงขนาดเรียกว่าเป็นบ้า ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ ถ้ารู้สาเหตุของความเครียดแล้วจัดการมันได้ อาการก็จะดีขึ้นเอง”

การรักษาของนายแพทย์พัลลภจะเน้นการทำให้ผู้ป่วยสบายใจก่อน เพื่อที่จะได้เปิดใจบอกอาการออกมา ในขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ลอบสังเกตลักษณะท่าทางของหญิงสาวไปด้วย

‘หญิงไทยอายุ 31 โสด แต่งตัวดี แต่งหน้าไม่จัดมาก เสื้อผ้าหน้าผมเรียบกริบเป็นระเบียบ ดวงตาดูเหม่อลอย คะแนนทดสอบทางจิตวิทยาค่อนข้างสับสน เหมือนเป็นคนหลายบุคลิก’

ในขณะที่พัลลภกำลังประเมินคนไข้ คนแกล้งป่วยอย่างณัฐมลก็ประเมินสุดหล่อในฝันไปด้วย

‘คนอะไรตาสวยเป็นบ้า จมูกก็โด้งโด่ง อุ้ย! นิ้วมือก็เรียวยาว น่าสัมผัสเป็นที่สุด’

“อาการช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ”

ถามไปครั้งแรกณัฐมลก็ยังเหม่อ ต้องถามซ้ำอีกครั้ง หญิงสาวถึงจะหลุดออกจากภวังค์มาตอบคำถามได้

“คะ...เอ่อ ก็เรื่อยๆ ค่ะ เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงนอนไม่หลับบ่อยๆ ค่ะ”

“แล้วได้พึ่งยานอนหลับบ้างไหมครับ”

“ไม่ค่ะ”

“มีอาการอื่นอีกไหมครับ” ชายหนุ่มถามแล้วเว้นช่วงไป

หลักการของจิตแพทย์คือเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเป็นฝ่ายเล่าปัญหาออกมาเอง แล้วต้องระวังไม่ไปพยายามชี้นำอาการให้อีกฝ่าย เขาจึงไม่ยกตัวอย่างอาการออกมา

“เอ่อ ก็...ปวดหัว แล้วก็ปวดตัวแบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ” ณัฐมลพยายามคิดอาการของคนเป็นโรคเครียดแล้วก็สรุปมาได้เท่านี้

ตอนนี้สติเธอกำลังกระเจิดกระเจิงเพราะโดนหนุ่มหล่อในฝันจ้อง แววตาของเขาทำหัวใจเธอเต้นโครมครามจนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

“แล้วอาการเดิมล่ะครับ ยังเป็นอยู่ไหม”

“อาการเดิม...อาการอะไรเหรอคะ” หญิงสาวถามกันเอาไว้ก่อน จะได้ไม่เดาไปคนละทางกับที่เขียนเอาไว้ในประวัติผู้ป่วย

“ร้อนวูบวาบตามตัว ปัสสาวะลำบาก ประจำเดือนไม่มาติดต่อกันหกเดือน” พัลลภอ่านประวัติจากชาร์จให้หญิงสาวฟัง แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามต่อ “ถูกต้องไหมครับ”

‘พระเจ้าทรงโปรด! นี่มันอาการของผู้หญิงวัยทองชัดๆ เธอเพิ่งจะสามสิบเอ็ดเองนะ มดลูกยังใช้งานได้อยู่ ไม่ได้ปิดอู่ไปแล้วเสียหน่อย’

แม้อยากจะโต้แย้งสักปานใด ณัฐมลก็ไม่สามารถทำได้ หญิงสาวได้แต่ฝืนพยักหน้ารับคำอย่างกล้ำกลืน ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงวัยทองในสายตาเทพบุตรสุดหล่อไปเสียแล้ว

‘ชานะชา ทำกันได้!’




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ส.ค. 2554, 22:01:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.พ. 2555, 00:38:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 3164





<< บทที่ 4 เบอร์โทร...เบอร์เธอ   บทที่ 6 สู้ต่อไปนะแป้งร่ำ >>
น้องแสตมป์ 26 ส.ค. 2554, 22:31:41 น.
โถ อารม์คนกำลังเครียด จิตตก สับสนซะงั้น


dee_jung 26 ส.ค. 2554, 22:36:51 น.
แลกกันนะ เจอหน้าหมอ แต่อาการหนัก 5 5 5


ปรางขวัญ 26 ส.ค. 2554, 23:04:47 น.
555 หมอชาจัดเต็มให้เลย


anOO 26 ส.ค. 2554, 23:16:45 น.
สมน้ำหน้ายัยแป้งจริงเชียว
ว่าแต่ยัยชาเปิดข้อความอ่านยัง


หมูอ้วน 26 ส.ค. 2554, 23:44:13 น.
555+++ วัยทองมาเยือน


bow 28 ส.ค. 2554, 04:42:20 น.
น่ารักมากมายค่ะ


Pat 28 ส.ค. 2554, 08:50:52 น.
หึหึ.....


Zephyr 28 ส.ค. 2554, 21:41:24 น.
เพื่อนรักจัดเต็ม แต่คุณสมบัติมาแบบนี้เดี๋ยวยายแป้งไม่ผ่านดูตัวกะหมอพัลลภหรอกหมอชา อู่ยังไม่ได้ใช้เลย พิธีเปิดยังไม่มี(คนจะเปิดยังไม่รุ้ตัวอีกต่างหาก) จะให้เลิกกิจการแล้วเหรอ


cherryfirm 16 ต.ค. 2554, 21:48:51 น.
มีคำผิดเยอะอ่ะ อ่านไปสะดุดไป กลับไปลองทวนดูสักนิดก็ดีนะคะ เป็นคำเล็กๆๆ แต่ก็ทำให้สะดุดได้เหมือนกันคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account