เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์
ตอน: บทที่ 9 สตอล์กเกอร์
บทที่ 9 สตอล์กเกอร์
เมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาอย่างไร ณัฐมลก็หอบเอาของกลางซึ่งก็คือเสื้อกราวน์กับโทรศัพท์มือถือกลับมาที่บ้านเพื่อตั้งสติ พอใจเย็นลงเธอก็คิดวิธีการแก้ปัญหาออก ตอนนี้เธอมีกันติทัตเป็นพวก ถ้าฝากให้เขาเอาไปคืน ชายหนุ่มต้องทำให้ได้อยู่แล้ว
หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปหารุ่นน้องในทันที กันติทัตรับปากจะช่วยแต่ว่ายังไปเอาของในวันนี้ไม่ได้เพราะเย็นนี้เขามีนัดกับทางบ้าน ชายหนุ่มเลยบอกว่าพรุ่งนี้จะรีบมาหาแต่เช้า
“ผมมีอีกเบอร์ของพี่พันครับ ให้โทรศัพท์ไปบอกให้ดีไหมว่ามีคนเก็บมือถือกับเสื้อกราวน์ได้ พี่พันจะไม่ต้องกังวลว่าของหาย”
“ตามนั้นก็ได้คราม ห้ามหลุดปากเด็ดขาดเลยนะพี่ว่าเป็นคนเก็บได้”
ณัฐมลโกหกกันติทัตไปว่าเก็บได้หน้าแผนก เธอไม่มีวันพูดความจริงให้ถูกตราหน้าว่าเป็นโรคจิตอย่างเด็ดขาด
“ได้ครับ ผมสัญญา พี่แป้งไม่ต้องห่วงครับ”
กันติทัตเป็นคนที่พึ่งพาได้มากกว่ารูปลักษณ์ที่เห็น ณัฐมลจึงคลายใจว่าปัญหาได้คลี่คลายแล้ว หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงโซฟา โดยที่มือยังคงถือเสื้อกราวน์เจ้าปัญหาเอาไว้ เธอไล้มือไปตามเนื้อผ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย แล้วก็พบว่ามันเป็นผ้าแบบเดียวกันกับเสื้อกราวน์ที่ได้รับแจกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ขนาดมันใหญ่เกินกว่าจะใส่เอง หญิงสาวเลยเก็บไว้ให้กันติทัต
ณัฐมลนึกสงสัยว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันกับของที่เธอมีไหม ก็เลยลองแกะเสื้อกราวน์ใหม่เอี่ยมในห่อออกมาดู แล้วก็พบว่าทั้งขนาดและรูปแบบการตัดเย็บเหมือนกับเสื้อกราวน์ของพัลลภทุกประการ
เสื้อของพัลลภยังขาวสะอาด สีไม่ต่างจากตัวที่เพิ่งแกะออกมาจากห่อ แสดงว่าเพิ่งจะเอามาใส่ได้ไม่กี่ครั้ง พอเห็นแบบนั้นความคิดชั่วร้ายก็ผุดเข้ามาในสมอง ณัฐมลนึกอยากสลับเสื้อสองตัวนี้ขึ้นมาในทันที
ความคิดฝ่ายดีฝ่ายชั่วในใจเถียงกันได้ไม่กี่วินาที ความอยากก็เป็นฝ่ายชนะ เสียงกระซิบเล็กๆ ในหัวกระซิบบอกเธอว่าแค่แลกกันเท่านั้น เธอไม่ได้ขโมยของเสียหน่อย
‘เอาของใหม่ไปใช้เถอะนะคะพี่หมอ ตัวเก่ายกให้แป้งเถอะ’
หญิงสาวสำรวจตำหนิบนเสื้อของพัลลภอย่างละเอียด เธอเห็นว่าตรงชายเสื้อด้านขวามีด้ายลุ่ยออกมา ส่วนตรงแขนเสื้อด้านซ้ายมีรอยปากกาน้ำเงินขีดอยู่ หญิงสาวจึงจัดการเอาที่เลาะด้ายมาเลาะชายเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็เอาปากกาขีดให้ลักษณะเป็นรอยแบบเดียวกันกับต้นแบบ
เธอเอาเสื้อไปซักให้กลิ่นเสื้อใหม่เจือจางลงแล้วจึงเอาไปอบแห้ง จากนั้นก็เอามาซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ทำสลับไปมาอย่างนี้อีกสองครั้ง เพื่อที่มันจะได้ดูเหมือนว่าผ่านการใช้งานมาบ้าง
กว่าจะทำเสร็จทุกขั้นตอนก็ดึกทีเดียว หญิงสาวเปิดปากหาวกว้างเพราะเริ่มเหนื่อย เธอจึงรีบไปอาบน้ำแล้วหอบเอาเสื้อที่แอบสลับมานอนกอด
‘ถึงจะไม่ได้ตัว ขอแค่เสื้อเอาไว้แทนใจก็ยังดี’
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจินตนาการว่ากำลังนอนกอดก่ายกับเจ้าของเสื้อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้าไม่คุ้นหูทำให้ต้องกวาดตามองหาต้นเสียงไปการใหญ่ แล้วเธอก็พบว่ามันมาจากโทรศัพท์มือถือของพัลลภ ทีแรกเธอคิดว่าพัลลภโทรเข้าเครื่องตัวเอง เธอเลยไม่กล้าที่จะรับ แต่เมื่อลองหยิบขึ้นมาดูเธอก็เห็นว่าเป็นชื่อคนอื่น และชื่อนี้ก็ถูกตั้งเอาไว้ในหมวดครอบครัว
‘พล…ใครกันนะ’
หญิงสาวนึกข้อมูลในหัวอย่างรวดเร็ว แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าพัลลภมีน้องชายชื่อพลวัต เธอเลยกดรับเพื่อ จะได้บอกเขาว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับเจ้าตัว ครอบครัวเขาจะได้ไม่เป็นห่วงที่ติดต่อไม่ได้ ถ้าพัลลภเกิดสงสัยทีหลังว่าทำไมมีผู้หญิงมารับสายทั้งที่โทรศัพท์อยู่กับกันติทัต เธอก็จะให้กันติทัตบอกไปว่าเป็นพี่สาวคนใดคนหนึ่งของเขาเป็นคนกดรับ
เสียงห้าวๆ ของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาตามสาย อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงรัวเร็ว ณัฐมลก็เลยได้ยินไม่ถนัด รู้แต่ว่ามีคนป่วยเพราะอาหารเป็นพิษหรืออะไรสักอย่าง เธอจึงถามซ้ำไปว่าเขาพูดว่าอะไร อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ แล้วน้ำเสียงค่อนข้างห้วนก็เปลี่ยนมาเป็นสุภาพในทันที
“ขอสายคุณหมอพัลลภครับ”
“คุณหมอยังคุยไม่ได้จนกว่าจะพรุ่งนี้ค่ะ ไม่ทราบมีธุระอะไรจะฝากไว้ไหมคะ”
ณัฐมลควรจะบอกให้ชัดเจนว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่พัลลภ แต่เธอเรียบเรียงประโยคผิดหมดเพราะอาการประหม่า โทนเสียงที่คล้ายกันของสองพี่น้องทำให้ใจเธอเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไร”
พอไม่ได้พูดกับคนที่ต้องการชายหนุ่มก็ปฏิเสธทันที ทว่าน้ำเสียงเขากลับดูร้อนรนจนเธออดรั้งไว้ไม่ได้ ด้วยคิดว่าปัญหาของคนในครอบครัวพัลลภก็เป็นปัญหาของเธอด้วย
“เดี๋ยวค่ะ! ที่คุณถามเรื่องคนแพ้อาหารน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันพอจะอธิบายให้ได้”
พลวัตเงียบไปเพราะความลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมคุยด้วยต่อ
“ครับ ผมอยากทราบว่าคนที่แพ้อาหาร แล้วกินเข้าไปจะเป็นอันตรายแค่ไหน”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าแพ้มากแพ้น้อยแค่ไหนค่ะ แล้วกินเข้าไปในปริมาณมากเท่าไร ถ้าแพ้ไม่มากก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าแพ้มากๆ อาจจะช็อกแล้วถึงแก่ชีวิตได้”
ณัฐมลช่วยอธิบายไปตามที่เธอรู้ ดูเหมือนจะมีญาติหรือคนรู้จักของเขาแพ้อาหาร เธอเลยช่วยพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ ทว่าคุยได้ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปเหมือนกับว่าสัญญาณจะขัดข้อง บทสนทนาระหว่างณัฐมลกับพลวัตเลยจบลงเพียงแค่นั้น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้โทรกลับมา
หญิงสาววางโทรศัพท์เอาไว้ข้างหมอน แล้วกอดเสื้อของพัลลภเอาไว้แนบอก
“เข้าใกล้เขาเข้าไปอีกก้าวแล้วสินะ”
คนกำลังคลั่งรักกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข โดยไม่พิจารณาเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังจะเข้าใกล้ไม่ใช่ชายในฝัน หากแต่เป็นหนทางสู่การเป็นสาวโรคจิตแบบเต็มขั้นต่างหาก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พัลลภกำลังนอนลืมตาอยู่ท่ามกลางความมืดในห้องนอน เรื่องของหายกวนใจเขาจนนอนไม่หลับ แม้ครั้งนี้จะได้ของคืนมา เขาก็ยังรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่
ช่วงสองเดือนมานี้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกตามและถูกแอบถ่ายรูปบ่อยครั้ง เรื่องพวกนี้เขาเจอเป็นระยะจึงพอรับมือกับมันได้ แต่เมื่อข้าวของของเขาเริ่มหายไป พัลลภก็เริ่มอึดอัดที่ความเป็นส่วนตัวถูกรุกล้ำ เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนร้ายคือหนึ่งในบรรดาคนที่หลงใหลได้ปลื้มเขาอยู่ ความคิดนี้ทำให้เขานึกถึงคำพูดของอาจารย์ตอนที่กำลังเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาจิตเวชศาสตร์
‘ผมว่าคุณเหมาะกับงานวิจัยมากกว่าคลินิกนะ’ อาจารย์ซึ่งเป็นนายแพทย์วัยกลางคนเปรยกับเขาขณะที่เอารายงานมาส่ง
‘ทำไมครับ ผมขาดคุณสมบัติข้อไหนหรือครับ’
พัลลภถามอย่างไม่เข้าใจ เขามั่นใจว่าทำคะแนนได้ในระดับสูง เรื่องความอดทนและความใจเย็นก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร
อาจารย์หมอทอดยิ้มอย่างมีเมตตามาให้ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขา
‘คุณมีคุณสมบัติของจิตแพทย์ที่ดีครบถ้วนเชียวล่ะ แต่ปัญหาของคุณมันอยู่ที่ลักษณะทางกายภาพต่างหาก’ แล้วอาจารย์ก็ชี้นิ้วมาที่หน้า ‘ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่คงต้องบอกถึงจะรู้ตัว คุณน่ะหล่อเกินไป ทั้งหน้าตาดีทั้งมีเสน่ห์ ขนาดไม่ได้ทำอะไรสาวๆ ยังมองกันตาปรอย ถ้าเข้าคลินิกเต็มตัวได้เกิดเรื่องวุ่นแน่’
เขาเข้าใจในทันทีว่าอาจารย์หมายถึงเรื่องชู้สาว พัลลภจึงรับปากและสัญญาอย่างแข็งขันว่าจะไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น
‘ผมเชื่อว่าคุณทำได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คุณ มันอยู่ที่ปัจจัยภายนอกอย่างคนไข้ต่างหาก คุณก็รู้นี่นาว่าผู้ป่วยมาหาเราเพราะมีปัญหาทางใจ เจอคุณหมอหนุ่มรูปหล่อมารับฟังแล้วแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจ ใครบ้างจะไม่ตกหลุมรัก’
อาจารย์ยังแนะนำแบบทีเล่นทีจริงให้เขาไปสอบชิงทุนด้านอื่นที่กำลังจะเปิดสอบ แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะเรียนสาขานี้
‘ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ขัด เตรียมใจไว้รับกรรมของคนหน้าตาดีด้วยล่ะ’
ชายหนุ่มนึกขันกับคำพูดของอาจารย์ แล้วก็ต้องขำไม่ออก เมื่อต้องประสบกับปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวหลายครั้ง ตอนยังอ่อนประสบการณ์ เขาต้องส่งต่อคนไข้ที่เป็นผู้หญิงให้จิตแพทย์คนอื่นเป็นว่าเล่น ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ สุดท้ายก็ค้นพบวิธีสร้างระยะห่างและจัดการกับปัญหา
พอมาทำงานที่นี่ เขาไม่ค่อยได้เคสผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงสาวมากนัก ที่มีก็รับมือได้เสมอ จึงเผลอทระนงตน ไม่คิดเลยว่าปัญหาเดิมๆ จะกลับมาทำให้ปวดหัวอีกครั้ง
พัลลภเหยียดนิ้วออกแล้วนับจำนวนผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงในช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะชอบเขามีอยู่สองสามรายแต่ที่แสดงออกชัดมีอยู่รายเดียว พอเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้ต้องสงสัยกับกันติทัต ชายหนุ่มก็จัดอันดับณัฐมลเอาไว้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ถ้าเป็นณัฐมลจริงเธอคงเป็นโจรกลับใจ เพราะยังสู้อุตส่าห์ฝากกันติทัตเอามาคืน
ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเมื่อภาพตัวการลอยเข้ามาในสมอง พอคิดว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอ ความวิตกภายในใจมันก็คลายลงอย่างประหลาด ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ลุกโพลงขึ้นมาในหัวใจ ก่อนจะดับวูบไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลง
วันรุ่งขึ้น กันติทัตออกจากบ้านมาหาณัฐมลแต่เช้าดังที่ให้สัญญาเอาไว้ ชายหนุ่มมากดกริ่งตั้งแต่หกโมง หญิงสาวกำลังเตรียมตัวไปทำงานพอดี ก็เลยมาเปิดประตูให้ได้อย่างรวดเร็ว
“มาตั้งแต่เช้าเลยนะคราม นัดไว้เจ็ดโมงนี่”
“ผมกลัวรถติดน่ะครับ ทางไปบ้านพี่พันถ้าสายหน่อยนี่รถติดยาวเลย”
“ครามรู้จักบ้านพี่หมอด้วยเหรอ” ดวงตาของณัฐมลเปล่งประกายวาววับในทันที
“รู้จักครับ อยู่ห่างจากบ้านผมไปไม่ไกล ไปด้วยกันไหมครับ”
เขาเพิ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อวานนี่เอง ทีแรกพัลลภบอกว่าจะมาเอาเสื้อกับโทรศัพท์เอง ต้องหาข้ออ้างเสียแทบแย่กว่าชายหนุ่มจะยอมให้เอาไปส่งถึงบ้าน
“ไม่ล่ะ พี่ต้องไปทำงาน แล้วถ้าพี่หมอเห็นพี่อยู่ในรถเรา มีหวังสงสัยแย่” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“จริงด้วยครับ ผมลืมคิดไป มัวแต่คิดว่าถ้าได้ไปเห็นบ้านคนที่เราชอบก็ดี”
กันติทัตเปรียบเทียบความรู้สึกของณัฐมลกับของตัวเอง ชายหนุ่มคิดว่าคงดีถ้าเขาได้ไปที่บ้านของศศิชาสักครั้ง ถึงจะเป็นเพียงแค่การขับรถผ่านก็ตาม
คำพูดของกันติทัตจุดประกายบางอย่างให้กับความคิดของณัฐมล เธอได้ที่อยู่ของพัลลภมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยไปเพราะมัวแต่กล้าๆ กลัวๆ อยู่ อีกทั้งยังหาข้ออ้างไปแถวนั้นไม่ได้ด้วย
‘ไม่มีข้ออ้างก็ไม่เป็นไร เราต้องหาโอกาสให้ตัวเอง’
ณัฐมลปราดเข้าไปกุมมือของรุ่นน้องเอาไว้ แล้วจ้องมองสายตาขอร้องแกมบังคับ
“ครามน้องรัก…เขียนแผนที่ให้พี่ด่วน”
“จะเอาไปคืนเองเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างพาซื่อเพราะตามความคิดของหญิงสาวไม่ทัน
“ไม่ใช่ย่ะ เรายังต้องเอาไปคืนให้อยู่ พี่ขอที่อยู่เอาไว้เผื่อผ่านไปแถวนั้นจะได้แวะไปทักทายพี่หมอหน่อยไง เขียนแผนที่สวยๆ นะ เดี๋ยวพี่แถมที่อยู่บ้านชาให้”
พอมีของล่อใจ กันติทัตก็บรรจงเขียนแผนที่ให้ออกมาเสียละเอียดลออ พอเขาเขียนเสร็จ ณัฐมลก็ยื่นที่อยู่บ้านจริงๆ ของศศิชาให้เป็นการตอบแทน
“ขอบคุณครับพี่แป้ง”
ชายหนุ่มรับมาอย่างยินดีแล้วก็ต้องทำตาปริบๆ เมื่อเห็นจังหวัดที่ต่อท้ายที่อยู่
‘เชียงราย...ไกลไปไหมนี่’
นับจากวันที่ได้แผนที่บ้านของพัลลภมา ณัฐมลก็มีกิจกรรมยามว่างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง หญิงสาวใช้เวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดขับรถไปแถวบ้านของชายหนุ่มทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยหวังจะบังเอิญเจอเจ้าของบ้านสักครั้ง
บ้านของพัลลภเป็นบ้านสองชั้นตั้งอยู่ในย่านคนมีฐานะ ตัวบ้านค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ให้จอดรถในร่มไม่ได้ต่ำกว่าสี่คัน นอกนั้นเป็นสวนกว้างปลูกต้นไม้เอาไว้เต็มไปหมดจนดูรกครึ้ม ตรงสนามมีหญ้าขึ้นสูงจนเกินงาม บ่งบอกว่าเจ้าของสถานที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเรื่องการจัดแต่งสวนนัก กระนั้นต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลายก็ยังดูเขียวสด แสดงว่าไม่ได้ละเลยเรื่องการให้น้ำ
กันติทัตบอกว่าพัลลภอยู่บ้านหลังนี้ตามลำพัง เขามีพี่น้องอีกสามคนแต่ทุกคนก็แยกย้ายกันไปหมด ตัวบิดาเองก็เหมือนจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้
‘ไม่เหงาหรือไงนะ ไม่สิ...คงจะเหงาน่าดู’
คนอยู่ตัวคนเดียวอย่างณัฐมลรู้ซึ้งถึงคำว่าความเหงาดี ยิ่งอยู่ในสถานที่กว้างมากเท่าใด มันก็ยิ่งมีพื้นที่ให้ความเหงามากเท่านั้น ความเห็นอกเห็นใจทำให้เธออยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา ทว่าเมื่อตระหนักว่าความปรารถนานั้นช่างเป็นไปได้ยากยิ่ง ใจมันก็ห่อเหี่ยวขึ้นมา
ณัฐมลตัดเลยตัดสินใจเติมความสดชื่นให้ชีวิต ด้วยการจอดรถเอาไว้ที่ริมรั้วบ้านฝั่งตรงข้าม แล้วหยิบเอากล้องส่องทางไกลส่องเข้าไปในตัวบ้านของพัลลภ จากตรงนี้เธอไม่เห็นอะไรมากกว่าที่ดูด้วยตาเปล่าเพราะทัศนียภาพส่วนใหญ่ถูกบังด้วยต้นไม้สูง ที่สังเกตได้ก็มีแต่หลังคาสีฟ้าซึ่งยังดูใหม่เหมือนกับว่าเพิ่งปรับปรุงได้ไม่นาน ไม่เหมือนรั้วบ้านที่ซีดจางบ่งบอกอายุที่แท้จริงของสิ่งปลูกสร้าง
เธอไม่พบอะไรที่น่าสนใจ กระนั้นหัวใจมันก็กระชุ่มกระชวยขึ้นกว่าเมื่อครู่ เธอได้ตระหนักแล้วถึงนิยามของคำว่า ‘ไม่ได้เห็นหน้า เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี’ ถึงจะไม่เคยมีโชคได้เจอเขาเข้าออกบ้าน แต่ความคิดที่ว่าเธอได้อยู่ใกล้เขามากกว่านี้อีกนิดก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกหดหู่ในใจได้
หญิงสาวส่องกล้องดูหลังคาบ้านของชายหนุ่มจนใกล้เวลาเปิดร้าน แล้วจึงขับรถออกไปจากบริเวณนั้น
เสี้ยววินาทีต่อมาบ้านที่เหมือนจะปลอดคนก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ผ้าม่านสีฟ้าถูกแง้มออกมาให้พอมองเห็นภายนอก พัลลภเพ่งมองรถญี่ปุ่นสีดำแล่นออกไปอย่างครุ่นคิด เขาสังเกตพฤติกรรมประหลาดของรถคันนี้อยู่นานแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นรถคันนี้มาจอดอยู่หน้าบ้าน
“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อหาทางจัดการกับปัญหานี้
ณัฐมลมีความสุขกับการแอบมองและแอบถ่ายรูปสุดหล่อในฝัน เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา จนกระทั่งมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น หญิงสาวจึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีปัญหา
ก่อนเกิดเรื่องขึ้นไม่มีสัญญาณเตือนภัยหรือลางบอกเหตุเลยสักนิด วันนี้ท้องฟ้าสดใสไร้ฝน อากาศก็เย็นลงกว่าทุกวัน ดูสมกับเป็นช่วงฤดูหนาวขึ้นมาบ้าง เธอชอบอากาศหนาวก็เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยิ่งพอคิดว่าจะได้เจอหน้าสุดหล่อในฝันหลังจากที่ต้องแอบมองไกลๆ มาเกือบสองอาทิตย์ หัวใจมันก็สูบฉีด โลกรอบตัวมันช่างสดใสเสียเหลือเกิน
ทุกอย่างยังเป็นปกติดีจนกระทั่งเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจ แล้วก็พบว่าที่นั่งของพัลลภถูกจับจองโดยนายแพทย์หน้าตาคมเข้มที่เธอไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ ผมนายแพทย์อนุภัทรจะมาให้คำปรึกษาแทนนายแพทย์พัลลภครับ”
“พี่หมอ...เอ้ย! คุณหมอพัลลภไม่ว่างเหรอคะ ถ้าไม่ว่างฉันรอได้คะ จะนัดวันอื่นก็ได้”
“ขออภัยนะครับที่ไม่ได้แจ้งก่อน คือว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนจิตแพทย์ที่รักษาคุณเพราะว่าคุณหมอพัลลภลาออกไปแล้ว”
คำบอกเล่าของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่กลางศีรษะ ใครเลยจะคิดว่าอยู่ๆ เขาจะลาออกโดยไม่บอกกล่าวเธอเลยแม้แต่คำเดียว หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว อารมณ์เหมือนถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง
ณัฐมลจำแทบไม่ได้เลยว่าพูดอะไรไปกับจิตแพทย์คนที่มารับช่วงต่อบ้าง เธอรู้แต่ตัวเองพูดทำนองว่า ‘ประจำเดือนมาแล้วค่ะ หายแล้ว / ขอยกเลิกการรักษานะคะ / ลาก่อน’ จากนั้นก็เดินโซเซออกมานั่งอยู่หน้าห้องตรวจอย่างอ่อนแรง
หญิงสาวนั่งนิ่งเหมือนคนไม่มีสติ จนกระทั่งได้ยินชื่อของพัลลภเธอถึงได้รู้สึกตัว ชื่อนี้หลุดออกมาจากปากของสามีภรรยาที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอเท่าไร
“หมอใหม่ที่มาแทนหมอพัลลภชื่ออะไรนะ” คนเป็นสามีเอ่ยขึ้น
“หมออนุภัทร ไม่รู้เก่งหรือเปล่า หมอพัลลภไม่น่าลาออกเลย เราสองคนดีขึ้นตั้งเยอะก็เพราะหมอพัลลภช่วยรักษา ถ้าต้องหย่ากันนะ ความผิดไอ้สตอล์กเกอร์นั่นคนเดียว”
“สตอล์กเกอร์คืออะไร”
“พวกโรคจิตแอบตามไง” ฝ่ายภรรยาอธิบายเสร็จก็แช่งชักหักกระดูกโรคจิตรายนี้อย่างดุเดือด
ณัฐมลเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ พลางแช่งตัวต้นเหตุที่ทำให้เทพบุตรในฝันของเธอต้องลาออกไปด้วย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่หมอต้องลาออกล่ะ หมออยู่กับคนไข้โรคจิตทุกวันไม่เห็นเป็นอะไร”
“คุณนี่ไม่รู้จักฟังเวลาฉันคุยเลยนะ ก็เล่าให้ฟังแล้วไงว่าพยาบาลเค้าลือกันให้แซดว่าหมอพัลลภโดนคนไข้ของตัวเองก่อกวน หมอเลยพิจารณาตัวเองว่าคงไม่เหมาะกับคลินิกเพราะรักษาระยะห่างไม่ได้ ก็ลาออกไปทำงานวิจัยแทน”
“ไอ้โรคจิตนี่มันทำอะไรหมอบ้างคะ” ณัฐมลโพล่งออกมาอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
สองสามีภรรยาชะงักไปเมื่อรู้ว่าถูกแอบฟัง ฝ่ายสามีชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ในขณะที่ภรรยายินดีจะแบ่งปันข้อมูลอย่างไม่ถือสา
“เห็นเขาว่าหมอถูกสะกดรอยตามค่ะ”
ฟังแล้วก็เหมือนกับมีอะไรพุ่งมาปัก ‘ฉึก’ ตรงกลางใจ เพราะนั่นมันคล้ายกับพฤติกรรมของเธออย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ยังแอบตามถ่ายรูป แล้วขโมยของของหมอไปด้วย บางทีตามไปเฝ้าถึงหน้าบ้านเลยนะคะ”
‘ฉึก! ฉึก!! ฉึก!!!’
ความจริงที่ว่าโรคจิตคนนั้นคือตัวเองตรงเข้ามาจู่โจมณัฐมลอย่างรุนแรงจนแทบจะล้มลงไปนอนตายอยู่กับพื้น
“ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวร้องลั่น เธอวิ่งออกจากที่นั่นเพื่อหนีความจริง แล้วขับรถออกมาให้ไกลจากโรงพยาบาลให้มากที่สุด
เสียงผู้คนเหยียดหยามกล่าวโทษดังก้องอยู่ในหูจนต้องจอดรถ เพื่อสงบสติอารมณ์
“ฉันเป็นคนปกติ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” ณัฐมลมองหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลังแล้วพูดย้ำอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ
มันต้องเป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเธอไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรให้เขาเดือดร้อนเลยหญิงสาวปลุกปลอบใจตัวเองว่าที่พัลลภลาออกจะต้องมีสาเหตุมากกว่านั้น เธอต้องรีบไปหาศศิชาหรือกันติทัตเพื่อสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง
พอสงบสติอารมณ์ได้ ณัฐมลก็เหลียวมองไปรอบบริเวณเพื่อดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เธอตกใจมากก็เลยขับรถออกมาแบบไม่มีจุดหมาย
แล้วหญิงสาวก็ต้องช็อกอีกครั้งเมื่อสิ่งแรกที่เห็นคือบ้านหลังคาสีฟ้าที่ดูคุ้นตา เธอขยี้ตาตัวเองหลายครั้งเผื่อว่าจะตาฝาด แต่แล้วก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไป เธอกำลังอยู่ที่หน้าบ้านของพัลลภ ส่วนข้างตัวก็มีกระเป๋าใส่อุปกรณ์อย่างกล้องถ่ายรูปกับกล้องส่องทางไกลวางอยู่ ตอกย้ำด้วยอัลบัมรูปแอบถ่ายที่เพิ่งไปอัดมาอีกชุดใหญ่
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกประทับตราคำว่าโรคจิตแรงๆ กลางหน้าผาก มันทำให้เธอทรุดฮวบลงกับเบาะรถ ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อลอยประหนึ่งวิญญาณถูกฉุดกระชากออกมาจากร่าง ในขณะที่จิตใจกำลังกรีดร้องโหยหวน
‘ไม่จริง ฉันไม่ใช่โรคจิต ม่ายยย!’
เมื่อไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาอย่างไร ณัฐมลก็หอบเอาของกลางซึ่งก็คือเสื้อกราวน์กับโทรศัพท์มือถือกลับมาที่บ้านเพื่อตั้งสติ พอใจเย็นลงเธอก็คิดวิธีการแก้ปัญหาออก ตอนนี้เธอมีกันติทัตเป็นพวก ถ้าฝากให้เขาเอาไปคืน ชายหนุ่มต้องทำให้ได้อยู่แล้ว
หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปหารุ่นน้องในทันที กันติทัตรับปากจะช่วยแต่ว่ายังไปเอาของในวันนี้ไม่ได้เพราะเย็นนี้เขามีนัดกับทางบ้าน ชายหนุ่มเลยบอกว่าพรุ่งนี้จะรีบมาหาแต่เช้า
“ผมมีอีกเบอร์ของพี่พันครับ ให้โทรศัพท์ไปบอกให้ดีไหมว่ามีคนเก็บมือถือกับเสื้อกราวน์ได้ พี่พันจะไม่ต้องกังวลว่าของหาย”
“ตามนั้นก็ได้คราม ห้ามหลุดปากเด็ดขาดเลยนะพี่ว่าเป็นคนเก็บได้”
ณัฐมลโกหกกันติทัตไปว่าเก็บได้หน้าแผนก เธอไม่มีวันพูดความจริงให้ถูกตราหน้าว่าเป็นโรคจิตอย่างเด็ดขาด
“ได้ครับ ผมสัญญา พี่แป้งไม่ต้องห่วงครับ”
กันติทัตเป็นคนที่พึ่งพาได้มากกว่ารูปลักษณ์ที่เห็น ณัฐมลจึงคลายใจว่าปัญหาได้คลี่คลายแล้ว หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงโซฟา โดยที่มือยังคงถือเสื้อกราวน์เจ้าปัญหาเอาไว้ เธอไล้มือไปตามเนื้อผ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย แล้วก็พบว่ามันเป็นผ้าแบบเดียวกันกับเสื้อกราวน์ที่ได้รับแจกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ขนาดมันใหญ่เกินกว่าจะใส่เอง หญิงสาวเลยเก็บไว้ให้กันติทัต
ณัฐมลนึกสงสัยว่ามันจะเป็นแบบเดียวกันกับของที่เธอมีไหม ก็เลยลองแกะเสื้อกราวน์ใหม่เอี่ยมในห่อออกมาดู แล้วก็พบว่าทั้งขนาดและรูปแบบการตัดเย็บเหมือนกับเสื้อกราวน์ของพัลลภทุกประการ
เสื้อของพัลลภยังขาวสะอาด สีไม่ต่างจากตัวที่เพิ่งแกะออกมาจากห่อ แสดงว่าเพิ่งจะเอามาใส่ได้ไม่กี่ครั้ง พอเห็นแบบนั้นความคิดชั่วร้ายก็ผุดเข้ามาในสมอง ณัฐมลนึกอยากสลับเสื้อสองตัวนี้ขึ้นมาในทันที
ความคิดฝ่ายดีฝ่ายชั่วในใจเถียงกันได้ไม่กี่วินาที ความอยากก็เป็นฝ่ายชนะ เสียงกระซิบเล็กๆ ในหัวกระซิบบอกเธอว่าแค่แลกกันเท่านั้น เธอไม่ได้ขโมยของเสียหน่อย
‘เอาของใหม่ไปใช้เถอะนะคะพี่หมอ ตัวเก่ายกให้แป้งเถอะ’
หญิงสาวสำรวจตำหนิบนเสื้อของพัลลภอย่างละเอียด เธอเห็นว่าตรงชายเสื้อด้านขวามีด้ายลุ่ยออกมา ส่วนตรงแขนเสื้อด้านซ้ายมีรอยปากกาน้ำเงินขีดอยู่ หญิงสาวจึงจัดการเอาที่เลาะด้ายมาเลาะชายเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็เอาปากกาขีดให้ลักษณะเป็นรอยแบบเดียวกันกับต้นแบบ
เธอเอาเสื้อไปซักให้กลิ่นเสื้อใหม่เจือจางลงแล้วจึงเอาไปอบแห้ง จากนั้นก็เอามาซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ทำสลับไปมาอย่างนี้อีกสองครั้ง เพื่อที่มันจะได้ดูเหมือนว่าผ่านการใช้งานมาบ้าง
กว่าจะทำเสร็จทุกขั้นตอนก็ดึกทีเดียว หญิงสาวเปิดปากหาวกว้างเพราะเริ่มเหนื่อย เธอจึงรีบไปอาบน้ำแล้วหอบเอาเสื้อที่แอบสลับมานอนกอด
‘ถึงจะไม่ได้ตัว ขอแค่เสื้อเอาไว้แทนใจก็ยังดี’
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจินตนาการว่ากำลังนอนกอดก่ายกับเจ้าของเสื้อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงเรียกเข้าไม่คุ้นหูทำให้ต้องกวาดตามองหาต้นเสียงไปการใหญ่ แล้วเธอก็พบว่ามันมาจากโทรศัพท์มือถือของพัลลภ ทีแรกเธอคิดว่าพัลลภโทรเข้าเครื่องตัวเอง เธอเลยไม่กล้าที่จะรับ แต่เมื่อลองหยิบขึ้นมาดูเธอก็เห็นว่าเป็นชื่อคนอื่น และชื่อนี้ก็ถูกตั้งเอาไว้ในหมวดครอบครัว
‘พล…ใครกันนะ’
หญิงสาวนึกข้อมูลในหัวอย่างรวดเร็ว แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าพัลลภมีน้องชายชื่อพลวัต เธอเลยกดรับเพื่อ จะได้บอกเขาว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับเจ้าตัว ครอบครัวเขาจะได้ไม่เป็นห่วงที่ติดต่อไม่ได้ ถ้าพัลลภเกิดสงสัยทีหลังว่าทำไมมีผู้หญิงมารับสายทั้งที่โทรศัพท์อยู่กับกันติทัต เธอก็จะให้กันติทัตบอกไปว่าเป็นพี่สาวคนใดคนหนึ่งของเขาเป็นคนกดรับ
เสียงห้าวๆ ของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาตามสาย อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงรัวเร็ว ณัฐมลก็เลยได้ยินไม่ถนัด รู้แต่ว่ามีคนป่วยเพราะอาหารเป็นพิษหรืออะไรสักอย่าง เธอจึงถามซ้ำไปว่าเขาพูดว่าอะไร อีกฝ่ายเงียบไปอึดใจ แล้วน้ำเสียงค่อนข้างห้วนก็เปลี่ยนมาเป็นสุภาพในทันที
“ขอสายคุณหมอพัลลภครับ”
“คุณหมอยังคุยไม่ได้จนกว่าจะพรุ่งนี้ค่ะ ไม่ทราบมีธุระอะไรจะฝากไว้ไหมคะ”
ณัฐมลควรจะบอกให้ชัดเจนว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่พัลลภ แต่เธอเรียบเรียงประโยคผิดหมดเพราะอาการประหม่า โทนเสียงที่คล้ายกันของสองพี่น้องทำให้ใจเธอเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่เป็นไรครับ ไม่มีอะไร”
พอไม่ได้พูดกับคนที่ต้องการชายหนุ่มก็ปฏิเสธทันที ทว่าน้ำเสียงเขากลับดูร้อนรนจนเธออดรั้งไว้ไม่ได้ ด้วยคิดว่าปัญหาของคนในครอบครัวพัลลภก็เป็นปัญหาของเธอด้วย
“เดี๋ยวค่ะ! ที่คุณถามเรื่องคนแพ้อาหารน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันพอจะอธิบายให้ได้”
พลวัตเงียบไปเพราะความลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมคุยด้วยต่อ
“ครับ ผมอยากทราบว่าคนที่แพ้อาหาร แล้วกินเข้าไปจะเป็นอันตรายแค่ไหน”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าแพ้มากแพ้น้อยแค่ไหนค่ะ แล้วกินเข้าไปในปริมาณมากเท่าไร ถ้าแพ้ไม่มากก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ถ้าแพ้มากๆ อาจจะช็อกแล้วถึงแก่ชีวิตได้”
ณัฐมลช่วยอธิบายไปตามที่เธอรู้ ดูเหมือนจะมีญาติหรือคนรู้จักของเขาแพ้อาหาร เธอเลยช่วยพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ ทว่าคุยได้ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปเหมือนกับว่าสัญญาณจะขัดข้อง บทสนทนาระหว่างณัฐมลกับพลวัตเลยจบลงเพียงแค่นั้น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้โทรกลับมา
หญิงสาววางโทรศัพท์เอาไว้ข้างหมอน แล้วกอดเสื้อของพัลลภเอาไว้แนบอก
“เข้าใกล้เขาเข้าไปอีกก้าวแล้วสินะ”
คนกำลังคลั่งรักกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข โดยไม่พิจารณาเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังจะเข้าใกล้ไม่ใช่ชายในฝัน หากแต่เป็นหนทางสู่การเป็นสาวโรคจิตแบบเต็มขั้นต่างหาก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พัลลภกำลังนอนลืมตาอยู่ท่ามกลางความมืดในห้องนอน เรื่องของหายกวนใจเขาจนนอนไม่หลับ แม้ครั้งนี้จะได้ของคืนมา เขาก็ยังรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่
ช่วงสองเดือนมานี้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกตามและถูกแอบถ่ายรูปบ่อยครั้ง เรื่องพวกนี้เขาเจอเป็นระยะจึงพอรับมือกับมันได้ แต่เมื่อข้าวของของเขาเริ่มหายไป พัลลภก็เริ่มอึดอัดที่ความเป็นส่วนตัวถูกรุกล้ำ เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนร้ายคือหนึ่งในบรรดาคนที่หลงใหลได้ปลื้มเขาอยู่ ความคิดนี้ทำให้เขานึกถึงคำพูดของอาจารย์ตอนที่กำลังเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาจิตเวชศาสตร์
‘ผมว่าคุณเหมาะกับงานวิจัยมากกว่าคลินิกนะ’ อาจารย์ซึ่งเป็นนายแพทย์วัยกลางคนเปรยกับเขาขณะที่เอารายงานมาส่ง
‘ทำไมครับ ผมขาดคุณสมบัติข้อไหนหรือครับ’
พัลลภถามอย่างไม่เข้าใจ เขามั่นใจว่าทำคะแนนได้ในระดับสูง เรื่องความอดทนและความใจเย็นก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร
อาจารย์หมอทอดยิ้มอย่างมีเมตตามาให้ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขา
‘คุณมีคุณสมบัติของจิตแพทย์ที่ดีครบถ้วนเชียวล่ะ แต่ปัญหาของคุณมันอยู่ที่ลักษณะทางกายภาพต่างหาก’ แล้วอาจารย์ก็ชี้นิ้วมาที่หน้า ‘ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่คงต้องบอกถึงจะรู้ตัว คุณน่ะหล่อเกินไป ทั้งหน้าตาดีทั้งมีเสน่ห์ ขนาดไม่ได้ทำอะไรสาวๆ ยังมองกันตาปรอย ถ้าเข้าคลินิกเต็มตัวได้เกิดเรื่องวุ่นแน่’
เขาเข้าใจในทันทีว่าอาจารย์หมายถึงเรื่องชู้สาว พัลลภจึงรับปากและสัญญาอย่างแข็งขันว่าจะไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น
‘ผมเชื่อว่าคุณทำได้ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คุณ มันอยู่ที่ปัจจัยภายนอกอย่างคนไข้ต่างหาก คุณก็รู้นี่นาว่าผู้ป่วยมาหาเราเพราะมีปัญหาทางใจ เจอคุณหมอหนุ่มรูปหล่อมารับฟังแล้วแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจ ใครบ้างจะไม่ตกหลุมรัก’
อาจารย์ยังแนะนำแบบทีเล่นทีจริงให้เขาไปสอบชิงทุนด้านอื่นที่กำลังจะเปิดสอบ แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะเรียนสาขานี้
‘ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ขัด เตรียมใจไว้รับกรรมของคนหน้าตาดีด้วยล่ะ’
ชายหนุ่มนึกขันกับคำพูดของอาจารย์ แล้วก็ต้องขำไม่ออก เมื่อต้องประสบกับปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวหลายครั้ง ตอนยังอ่อนประสบการณ์ เขาต้องส่งต่อคนไข้ที่เป็นผู้หญิงให้จิตแพทย์คนอื่นเป็นว่าเล่น ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ สุดท้ายก็ค้นพบวิธีสร้างระยะห่างและจัดการกับปัญหา
พอมาทำงานที่นี่ เขาไม่ค่อยได้เคสผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงสาวมากนัก ที่มีก็รับมือได้เสมอ จึงเผลอทระนงตน ไม่คิดเลยว่าปัญหาเดิมๆ จะกลับมาทำให้ปวดหัวอีกครั้ง
พัลลภเหยียดนิ้วออกแล้วนับจำนวนผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงในช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะชอบเขามีอยู่สองสามรายแต่ที่แสดงออกชัดมีอยู่รายเดียว พอเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้ต้องสงสัยกับกันติทัต ชายหนุ่มก็จัดอันดับณัฐมลเอาไว้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ถ้าเป็นณัฐมลจริงเธอคงเป็นโจรกลับใจ เพราะยังสู้อุตส่าห์ฝากกันติทัตเอามาคืน
ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเมื่อภาพตัวการลอยเข้ามาในสมอง พอคิดว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอ ความวิตกภายในใจมันก็คลายลงอย่างประหลาด ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ลุกโพลงขึ้นมาในหัวใจ ก่อนจะดับวูบไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลง
วันรุ่งขึ้น กันติทัตออกจากบ้านมาหาณัฐมลแต่เช้าดังที่ให้สัญญาเอาไว้ ชายหนุ่มมากดกริ่งตั้งแต่หกโมง หญิงสาวกำลังเตรียมตัวไปทำงานพอดี ก็เลยมาเปิดประตูให้ได้อย่างรวดเร็ว
“มาตั้งแต่เช้าเลยนะคราม นัดไว้เจ็ดโมงนี่”
“ผมกลัวรถติดน่ะครับ ทางไปบ้านพี่พันถ้าสายหน่อยนี่รถติดยาวเลย”
“ครามรู้จักบ้านพี่หมอด้วยเหรอ” ดวงตาของณัฐมลเปล่งประกายวาววับในทันที
“รู้จักครับ อยู่ห่างจากบ้านผมไปไม่ไกล ไปด้วยกันไหมครับ”
เขาเพิ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อวานนี่เอง ทีแรกพัลลภบอกว่าจะมาเอาเสื้อกับโทรศัพท์เอง ต้องหาข้ออ้างเสียแทบแย่กว่าชายหนุ่มจะยอมให้เอาไปส่งถึงบ้าน
“ไม่ล่ะ พี่ต้องไปทำงาน แล้วถ้าพี่หมอเห็นพี่อยู่ในรถเรา มีหวังสงสัยแย่” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“จริงด้วยครับ ผมลืมคิดไป มัวแต่คิดว่าถ้าได้ไปเห็นบ้านคนที่เราชอบก็ดี”
กันติทัตเปรียบเทียบความรู้สึกของณัฐมลกับของตัวเอง ชายหนุ่มคิดว่าคงดีถ้าเขาได้ไปที่บ้านของศศิชาสักครั้ง ถึงจะเป็นเพียงแค่การขับรถผ่านก็ตาม
คำพูดของกันติทัตจุดประกายบางอย่างให้กับความคิดของณัฐมล เธอได้ที่อยู่ของพัลลภมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยไปเพราะมัวแต่กล้าๆ กลัวๆ อยู่ อีกทั้งยังหาข้ออ้างไปแถวนั้นไม่ได้ด้วย
‘ไม่มีข้ออ้างก็ไม่เป็นไร เราต้องหาโอกาสให้ตัวเอง’
ณัฐมลปราดเข้าไปกุมมือของรุ่นน้องเอาไว้ แล้วจ้องมองสายตาขอร้องแกมบังคับ
“ครามน้องรัก…เขียนแผนที่ให้พี่ด่วน”
“จะเอาไปคืนเองเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างพาซื่อเพราะตามความคิดของหญิงสาวไม่ทัน
“ไม่ใช่ย่ะ เรายังต้องเอาไปคืนให้อยู่ พี่ขอที่อยู่เอาไว้เผื่อผ่านไปแถวนั้นจะได้แวะไปทักทายพี่หมอหน่อยไง เขียนแผนที่สวยๆ นะ เดี๋ยวพี่แถมที่อยู่บ้านชาให้”
พอมีของล่อใจ กันติทัตก็บรรจงเขียนแผนที่ให้ออกมาเสียละเอียดลออ พอเขาเขียนเสร็จ ณัฐมลก็ยื่นที่อยู่บ้านจริงๆ ของศศิชาให้เป็นการตอบแทน
“ขอบคุณครับพี่แป้ง”
ชายหนุ่มรับมาอย่างยินดีแล้วก็ต้องทำตาปริบๆ เมื่อเห็นจังหวัดที่ต่อท้ายที่อยู่
‘เชียงราย...ไกลไปไหมนี่’
นับจากวันที่ได้แผนที่บ้านของพัลลภมา ณัฐมลก็มีกิจกรรมยามว่างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง หญิงสาวใช้เวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดขับรถไปแถวบ้านของชายหนุ่มทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยหวังจะบังเอิญเจอเจ้าของบ้านสักครั้ง
บ้านของพัลลภเป็นบ้านสองชั้นตั้งอยู่ในย่านคนมีฐานะ ตัวบ้านค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ให้จอดรถในร่มไม่ได้ต่ำกว่าสี่คัน นอกนั้นเป็นสวนกว้างปลูกต้นไม้เอาไว้เต็มไปหมดจนดูรกครึ้ม ตรงสนามมีหญ้าขึ้นสูงจนเกินงาม บ่งบอกว่าเจ้าของสถานที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเรื่องการจัดแต่งสวนนัก กระนั้นต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลายก็ยังดูเขียวสด แสดงว่าไม่ได้ละเลยเรื่องการให้น้ำ
กันติทัตบอกว่าพัลลภอยู่บ้านหลังนี้ตามลำพัง เขามีพี่น้องอีกสามคนแต่ทุกคนก็แยกย้ายกันไปหมด ตัวบิดาเองก็เหมือนจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้
‘ไม่เหงาหรือไงนะ ไม่สิ...คงจะเหงาน่าดู’
คนอยู่ตัวคนเดียวอย่างณัฐมลรู้ซึ้งถึงคำว่าความเหงาดี ยิ่งอยู่ในสถานที่กว้างมากเท่าใด มันก็ยิ่งมีพื้นที่ให้ความเหงามากเท่านั้น ความเห็นอกเห็นใจทำให้เธออยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา ทว่าเมื่อตระหนักว่าความปรารถนานั้นช่างเป็นไปได้ยากยิ่ง ใจมันก็ห่อเหี่ยวขึ้นมา
ณัฐมลตัดเลยตัดสินใจเติมความสดชื่นให้ชีวิต ด้วยการจอดรถเอาไว้ที่ริมรั้วบ้านฝั่งตรงข้าม แล้วหยิบเอากล้องส่องทางไกลส่องเข้าไปในตัวบ้านของพัลลภ จากตรงนี้เธอไม่เห็นอะไรมากกว่าที่ดูด้วยตาเปล่าเพราะทัศนียภาพส่วนใหญ่ถูกบังด้วยต้นไม้สูง ที่สังเกตได้ก็มีแต่หลังคาสีฟ้าซึ่งยังดูใหม่เหมือนกับว่าเพิ่งปรับปรุงได้ไม่นาน ไม่เหมือนรั้วบ้านที่ซีดจางบ่งบอกอายุที่แท้จริงของสิ่งปลูกสร้าง
เธอไม่พบอะไรที่น่าสนใจ กระนั้นหัวใจมันก็กระชุ่มกระชวยขึ้นกว่าเมื่อครู่ เธอได้ตระหนักแล้วถึงนิยามของคำว่า ‘ไม่ได้เห็นหน้า เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี’ ถึงจะไม่เคยมีโชคได้เจอเขาเข้าออกบ้าน แต่ความคิดที่ว่าเธอได้อยู่ใกล้เขามากกว่านี้อีกนิดก็ช่วยบรรเทาความรู้สึกหดหู่ในใจได้
หญิงสาวส่องกล้องดูหลังคาบ้านของชายหนุ่มจนใกล้เวลาเปิดร้าน แล้วจึงขับรถออกไปจากบริเวณนั้น
เสี้ยววินาทีต่อมาบ้านที่เหมือนจะปลอดคนก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ผ้าม่านสีฟ้าถูกแง้มออกมาให้พอมองเห็นภายนอก พัลลภเพ่งมองรถญี่ปุ่นสีดำแล่นออกไปอย่างครุ่นคิด เขาสังเกตพฤติกรรมประหลาดของรถคันนี้อยู่นานแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นรถคันนี้มาจอดอยู่หน้าบ้าน
“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อหาทางจัดการกับปัญหานี้
ณัฐมลมีความสุขกับการแอบมองและแอบถ่ายรูปสุดหล่อในฝัน เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา จนกระทั่งมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น หญิงสาวจึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีปัญหา
ก่อนเกิดเรื่องขึ้นไม่มีสัญญาณเตือนภัยหรือลางบอกเหตุเลยสักนิด วันนี้ท้องฟ้าสดใสไร้ฝน อากาศก็เย็นลงกว่าทุกวัน ดูสมกับเป็นช่วงฤดูหนาวขึ้นมาบ้าง เธอชอบอากาศหนาวก็เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยิ่งพอคิดว่าจะได้เจอหน้าสุดหล่อในฝันหลังจากที่ต้องแอบมองไกลๆ มาเกือบสองอาทิตย์ หัวใจมันก็สูบฉีด โลกรอบตัวมันช่างสดใสเสียเหลือเกิน
ทุกอย่างยังเป็นปกติดีจนกระทั่งเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจ แล้วก็พบว่าที่นั่งของพัลลภถูกจับจองโดยนายแพทย์หน้าตาคมเข้มที่เธอไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ ผมนายแพทย์อนุภัทรจะมาให้คำปรึกษาแทนนายแพทย์พัลลภครับ”
“พี่หมอ...เอ้ย! คุณหมอพัลลภไม่ว่างเหรอคะ ถ้าไม่ว่างฉันรอได้คะ จะนัดวันอื่นก็ได้”
“ขออภัยนะครับที่ไม่ได้แจ้งก่อน คือว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนจิตแพทย์ที่รักษาคุณเพราะว่าคุณหมอพัลลภลาออกไปแล้ว”
คำบอกเล่าของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่กลางศีรษะ ใครเลยจะคิดว่าอยู่ๆ เขาจะลาออกโดยไม่บอกกล่าวเธอเลยแม้แต่คำเดียว หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว อารมณ์เหมือนถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง
ณัฐมลจำแทบไม่ได้เลยว่าพูดอะไรไปกับจิตแพทย์คนที่มารับช่วงต่อบ้าง เธอรู้แต่ตัวเองพูดทำนองว่า ‘ประจำเดือนมาแล้วค่ะ หายแล้ว / ขอยกเลิกการรักษานะคะ / ลาก่อน’ จากนั้นก็เดินโซเซออกมานั่งอยู่หน้าห้องตรวจอย่างอ่อนแรง
หญิงสาวนั่งนิ่งเหมือนคนไม่มีสติ จนกระทั่งได้ยินชื่อของพัลลภเธอถึงได้รู้สึกตัว ชื่อนี้หลุดออกมาจากปากของสามีภรรยาที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอเท่าไร
“หมอใหม่ที่มาแทนหมอพัลลภชื่ออะไรนะ” คนเป็นสามีเอ่ยขึ้น
“หมออนุภัทร ไม่รู้เก่งหรือเปล่า หมอพัลลภไม่น่าลาออกเลย เราสองคนดีขึ้นตั้งเยอะก็เพราะหมอพัลลภช่วยรักษา ถ้าต้องหย่ากันนะ ความผิดไอ้สตอล์กเกอร์นั่นคนเดียว”
“สตอล์กเกอร์คืออะไร”
“พวกโรคจิตแอบตามไง” ฝ่ายภรรยาอธิบายเสร็จก็แช่งชักหักกระดูกโรคจิตรายนี้อย่างดุเดือด
ณัฐมลเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ พลางแช่งตัวต้นเหตุที่ทำให้เทพบุตรในฝันของเธอต้องลาออกไปด้วย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่หมอต้องลาออกล่ะ หมออยู่กับคนไข้โรคจิตทุกวันไม่เห็นเป็นอะไร”
“คุณนี่ไม่รู้จักฟังเวลาฉันคุยเลยนะ ก็เล่าให้ฟังแล้วไงว่าพยาบาลเค้าลือกันให้แซดว่าหมอพัลลภโดนคนไข้ของตัวเองก่อกวน หมอเลยพิจารณาตัวเองว่าคงไม่เหมาะกับคลินิกเพราะรักษาระยะห่างไม่ได้ ก็ลาออกไปทำงานวิจัยแทน”
“ไอ้โรคจิตนี่มันทำอะไรหมอบ้างคะ” ณัฐมลโพล่งออกมาอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
สองสามีภรรยาชะงักไปเมื่อรู้ว่าถูกแอบฟัง ฝ่ายสามีชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ในขณะที่ภรรยายินดีจะแบ่งปันข้อมูลอย่างไม่ถือสา
“เห็นเขาว่าหมอถูกสะกดรอยตามค่ะ”
ฟังแล้วก็เหมือนกับมีอะไรพุ่งมาปัก ‘ฉึก’ ตรงกลางใจ เพราะนั่นมันคล้ายกับพฤติกรรมของเธออย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ยังแอบตามถ่ายรูป แล้วขโมยของของหมอไปด้วย บางทีตามไปเฝ้าถึงหน้าบ้านเลยนะคะ”
‘ฉึก! ฉึก!! ฉึก!!!’
ความจริงที่ว่าโรคจิตคนนั้นคือตัวเองตรงเข้ามาจู่โจมณัฐมลอย่างรุนแรงจนแทบจะล้มลงไปนอนตายอยู่กับพื้น
“ฉันไม่ได้ทำนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวร้องลั่น เธอวิ่งออกจากที่นั่นเพื่อหนีความจริง แล้วขับรถออกมาให้ไกลจากโรงพยาบาลให้มากที่สุด
เสียงผู้คนเหยียดหยามกล่าวโทษดังก้องอยู่ในหูจนต้องจอดรถ เพื่อสงบสติอารมณ์
“ฉันเป็นคนปกติ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” ณัฐมลมองหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลังแล้วพูดย้ำอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ
มันต้องเป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเธอไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรให้เขาเดือดร้อนเลยหญิงสาวปลุกปลอบใจตัวเองว่าที่พัลลภลาออกจะต้องมีสาเหตุมากกว่านั้น เธอต้องรีบไปหาศศิชาหรือกันติทัตเพื่อสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง
พอสงบสติอารมณ์ได้ ณัฐมลก็เหลียวมองไปรอบบริเวณเพื่อดูว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เธอตกใจมากก็เลยขับรถออกมาแบบไม่มีจุดหมาย
แล้วหญิงสาวก็ต้องช็อกอีกครั้งเมื่อสิ่งแรกที่เห็นคือบ้านหลังคาสีฟ้าที่ดูคุ้นตา เธอขยี้ตาตัวเองหลายครั้งเผื่อว่าจะตาฝาด แต่แล้วก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไป เธอกำลังอยู่ที่หน้าบ้านของพัลลภ ส่วนข้างตัวก็มีกระเป๋าใส่อุปกรณ์อย่างกล้องถ่ายรูปกับกล้องส่องทางไกลวางอยู่ ตอกย้ำด้วยอัลบัมรูปแอบถ่ายที่เพิ่งไปอัดมาอีกชุดใหญ่
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกประทับตราคำว่าโรคจิตแรงๆ กลางหน้าผาก มันทำให้เธอทรุดฮวบลงกับเบาะรถ ดวงตาสีน้ำตาลเหม่อลอยประหนึ่งวิญญาณถูกฉุดกระชากออกมาจากร่าง ในขณะที่จิตใจกำลังกรีดร้องโหยหวน
‘ไม่จริง ฉันไม่ใช่โรคจิต ม่ายยย!’
นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2554, 21:58:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.พ. 2555, 00:08:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 2741
<< บทที่ 8 ไม่ได้เจตนา (จริงๆ นะ) | บทที่ 10 เริ่มใหม่อีกครั้ง >> |
pookza 12 ก.ย. 2554, 22:42:04 น.
โอ๊ะ โอ๊ะ วันนี้เรามาเร็ว ^^
โอ๊ะ โอ๊ะ วันนี้เรามาเร็ว ^^
ลูกกวาดสีส้ม 12 ก.ย. 2554, 22:47:55 น.
คอนเซปแป้งรั่วค่ะ...อิอิ
คอนเซปแป้งรั่วค่ะ...อิอิ
ปรางขวัญ 12 ก.ย. 2554, 22:49:55 น.
แล้วทีนี้แป้งร่ำจะได้เจอคุณหมออีกมั้ยคะ
แล้วทีนี้แป้งร่ำจะได้เจอคุณหมออีกมั้ยคะ
Pat 12 ก.ย. 2554, 22:49:57 น.
ตัดไฟแต่ต้นลม ยัยแป้งอาการเข้าขั้น สมควรที่คุณหมอจะระแวงระวังแล้วล่ะ ^_^
ตัดไฟแต่ต้นลม ยัยแป้งอาการเข้าขั้น สมควรที่คุณหมอจะระแวงระวังแล้วล่ะ ^_^
หมูอ้วน 12 ก.ย. 2554, 23:22:13 น.
หนูแป้ง ยังไม่ยอมรับผิดอีกแน่ะ
หนูแป้ง ยังไม่ยอมรับผิดอีกแน่ะ
แล่นแต๊ 13 ก.ย. 2554, 02:00:11 น.
นางเอกของคุณนิชาภาไม่ปกติซักคน น้ำผึ้งก็โลกส่วนตัวสูง แป้งร่ำก็โรคจิต 555 แต่ฮาดีค่ะ
นางเอกของคุณนิชาภาไม่ปกติซักคน น้ำผึ้งก็โลกส่วนตัวสูง แป้งร่ำก็โรคจิต 555 แต่ฮาดีค่ะ
bow 13 ก.ย. 2554, 02:19:48 น.
โรคจิตแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ ค่ะ..
หมอชารู้จักเพื่อนมากๆ ส่งไปหาจิตแพทย์ซะเลย :P
โรคจิตแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ ค่ะ..
หมอชารู้จักเพื่อนมากๆ ส่งไปหาจิตแพทย์ซะเลย :P
nunoi 13 ก.ย. 2554, 10:28:11 น.
คิดเหมือนคุณ แล่นแต๊ เลยค่ะ นางเอกแต่ละคน ไม่เหมือนนางเอก แต่น่ารักดีค่ะ ไม่เหมือนใครดี
คิดเหมือนคุณ แล่นแต๊ เลยค่ะ นางเอกแต่ละคน ไม่เหมือนนางเอก แต่น่ารักดีค่ะ ไม่เหมือนใครดี
Zephyr 13 ก.ย. 2554, 12:37:19 น.
ยายแป้งรั่ว = ยายโรคจิต ไปซะแล้ว หาวิธีจีบหมอธรรมดาๆเหอะแป้ง ดูสิ หมอถึงกับลาออก เปลี่ยนงานหนีกันเลยทีเดียว เพราะเธอเลยนะ คนไข้คนอื่นลำบากกันไปด้วย คนอ่านก็ลำบาก เพราะคิดว่าหมอพันคง เฮ้อ ชาจ้ะ ฝากทำให้เพื่อนเธอรู้ตัวหน่อยสิ
ยายแป้งรั่ว = ยายโรคจิต ไปซะแล้ว หาวิธีจีบหมอธรรมดาๆเหอะแป้ง ดูสิ หมอถึงกับลาออก เปลี่ยนงานหนีกันเลยทีเดียว เพราะเธอเลยนะ คนไข้คนอื่นลำบากกันไปด้วย คนอ่านก็ลำบาก เพราะคิดว่าหมอพันคง เฮ้อ ชาจ้ะ ฝากทำให้เพื่อนเธอรู้ตัวหน่อยสิ
pattisa 13 ก.ย. 2554, 16:34:21 น.
โรคจิตชัดๆ
โรคจิตชัดๆ