เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"

เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์

ตอน: บทที่ 12 เทพบุตรหล่นทับ

บทที่ 12 เทพบุตรหล่นทับ

“คุณจำฉันไม่ได้จริงๆ หรือคะ”

ตั้งแต่เข้ามาเยี่ยมพัลลภ ณัฐมลก็ถามประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอด ไม่ว่าจะเพียรถามสักเท่าไรชายหนุ่มก็ยังยืนกรานปฏิเสธว่าจำไม่ได้ แววตาของเขาหม่นลงเรื่อยๆ ประหนึ่งรู้สึกผิดที่หลงลืมเรื่องสำคัญ เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกสงสารและเจ็บปวดไปด้วย

หญิงสาวครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงจำเฉพาะเรื่องของเธอไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเชื่อได้ยากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นเรื่องจริง มีด้วยอย่างนั้นหรือที่จะลืมเรื่องของคนคนหนึ่งไปราวกับได้ลบมันทิ้งไปแล้ว
ทีแรกเธอคิดว่าเขาแกล้งจำไม่ได้เพราะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเธอ แต่ก็ต้องคิดใหม่เมื่อพศวีร์บอกว่าพัลลภอยากจะพบเธอเผื่อจะนึกอะไรได้บ้าง

ทันทีที่ได้พบหน้าเขาก็จ้องเธอตาไม่กะพริบ จ้องอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตาจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง สีหน้าของพัลลภดูเคร่งเครียด จนไม่เหมือนตัวเขาที่เธอเคยเห็นจนชินตาเลย

“ผมขอโทษ ผมจำคุณไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางเอามือกุมศีรษะ

ณัฐมลเพิ่งจะมาสังเกตตอนนี้เองว่าเขาดูทรมานกับอาการปวดศีรษะ

“อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยนะคะ พักผ่อนก่อนดีกว่า”

พัลลภทำท่าจะค้าน แต่เมื่อได้เห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยของณัฐมลเขาก็ยอมเอนหลังลงพิงกับเตียง หญิงสาวเดินเข้ามาหาแล้วช่วยห่มผ้ากับขยับหมอนให้เขาอยู่ในท่าที่สบายขึ้น

ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วหันหน้ามาทางขอบเตียงฝั่งที่ณัฐมลยืนอยู่

“ผมขอโทษที่ต้องถาม บอกผมได้ไหมครับว่าคุณเป็นใคร”

ณัฐมลนิ่งไปเมื่อได้ฟัง ตอนนาวินถามประโยคนี้กับเธอเธอจะแทบร้องไห้ พอพัลลภมาถามแบบเดียวกันอีกหนเธอเลยน้ำตาคลอ แต่ว่าเป็นคนละความรู้สึกกันอย่างสิ้นเชิง ความคิดชั่วร้ายในหัวเธอมันกระซิบบอกว่าให้เธอรีบสวมรอยเป็นแฟนเขาเสีย ถ้าไม่รีบฉวยโอกาสตอนนี้ชาตินี้ทั้งชาติก็คงหาโอกาสดีๆ อย่างนี้ไม่ได้อีก กระนั้นความคิดฝ่ายดีมันก็นึกค้านว่าเธอไม่ควรจะทำอย่างนั้น ถ้าเขาเกิดจำได้ในวันสองวันนี้ขึ้นมาเธอคงไม่มีหน้ามาพบเขาอีกทั้งชีวิต เมื่อตรองดูแล้วหญิงสาวก็เลยเลือกที่จะให้โชคชะตาเป็นคนตอบคำถามนี้

“คุณเป็นอะไรหลายอย่างสำหรับฉัน แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ”

พศวีร์ที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่แทบจะผิวปากออกมาเพราะถูกใจในคำตอบของหญิงสาว ชายหนุ่มนึกชมว่าฉลาดตอบ เขาเกือบจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์อยู่แล้วเชียวถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นแววตาของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยความสับสน เขาก็เลยรู้ว่าเธอพูดความจริง

พศวีร์มองสองหนุ่มสาวสลับไปมาอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นต่างฝ่ายต่างเงียบเขาก็เลยช่วยทำลายความอึดอัดด้วยการหันไปคุยกับพี่ชาย

“ทนหน่อยนะพี่พัน ต้องตรวจแบบละเอียดอีกครั้ง พรุ่งนี้เช้าถึงจะไปอยู่ในห้องพิเศษได้”

พัลลภพยักหน้ารับเมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ณัฐมลไม่วางตา สายตาของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกเก้อจนมือไม้เริ่มไม่อยู่สุข พอไม่มีอะไรจะคุย ณัฐมลก็เลยตัดสินใจว่าน่าจะได้เวลากลับเสียที

“ฉันไม่รบกวนแล้วดีกว่า ขอให้หายเร็วๆ นะคะ”

“ขอบคุณครับ” พัลลภรับคำแล้วเงียบไปอีก ชายหนุ่มทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา

ณัฐมลอ่านแววตาของเขาออกจึงยังไม่ขยับไปไหน พศวีร์เห็นแบบนั้นก็อดแกล้งพี่ชายด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

“จอดรถไว้ที่ไหนครับ ผมจะเดินไปส่ง”

ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ทำท่าผายมือเชิญให้ไปด้วย ณัฐมลเลยจำต้องขยับตัวทั้งที่ยังไม่อยากไป ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวออกจากเตียงผู้ป่วย พัลลภก็เรียกเธอเอาไว้

“พรุ่งนี้คุณจะมาเยี่ยมผมอีกไหมครับ”

แววตาของเขาบอกว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นการขอร้อง เจอแบบนี้เข้ามีหรือหญิงสาวจะปฏิเสธได้ลง

“ค่ะ ฉันจะรีบมาทันทีหลังเลิกงาน”

“ผมจะรอนะครับ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และมันก็เป็นรอยยิ้มแรกที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเขาหลังเกิดอุบัติเหตุ


ณัฐมลมาเยี่ยมพัลลภทุกวันตลอดเวลาเจ็ดวันที่ชายหนุ่มต้องอยู่โรงพยาบาล ความจริงหมออนุญาตให้เขากลับบ้านได้แล้ว แต่ชายหนุ่มไม่อยากจะรบกวนน้องๆ ให้มาดูแล ก็เลยรอจนช่วยตัวเองได้ระดับหนึ่งก่อนแล้วค่อยกลับ

ทีแรกพิมลตราเสนอให้จ้างคนมาดูแลที่บ้าน แต่พัลลภปฏิเสธเพราะแค่มือหักข้างเดียว ไม่ได้เจ็บหนักขนาดที่ว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แค่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดและดูแลเรื่องทั่วไปอาทิตย์ละสองวันเหมือนที่ผ่านมา เขาก็อยู่คนเดียวได้สบายแล้ว

พิมลตรานึกเป็นห่วงพี่ชายแต่กล่อมเท่าไรก็ไม่สำเร็จ หญิงสาวก็เลยขอร้องให้ณัฐมลมาช่วยพูดให้ในวันก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล

“มือเจ็บแบบนี้ไม่มีคนดูแลจะลำบากนะคะ ไหนจะเรื่องอาหารการกิน จานชามก็ล้างเองลำบาก”

ณัฐมลพยายามโน้มน้าวตามที่พิมลตราขอร้องมา ใจเธอนึกอยากจะลางานมาเป็นคนดูแลเขาเองด้วยซ้ำ แต่พัลลภมีจุดยืนของตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ใครต้องมาลำบากเพราะตัวเองเป็นอันขาด เธอก็เลยไม่กล้าเสนอตัว

“ผมดูแลตัวเองได้ครับ ไม่ต้องห่วง” พัลลภตอบกลับมาเสียงเรียบแต่ก็ชัดเจนจนไม่กล้าแย้ง

ชายหนุ่มเป็นคนใจดีแต่ก็มีความรั้นอยู่ในตัว สุดท้ายณัฐมลก็ต้องยอมลงให้เขา

“ก็ได้ค่ะ แต่ขอฉันไปดูแลเป็นระยะนะคะ”

พัลลภหันขวับมาจ้องณัฐมลในทันที แววตาเขาไม่ได้แสดงออกว่าไม่พอใจ แต่มันก็ต่างไปจากทุกทีจนอ่านไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ฉันวุ่นวายเกินไปเหรอคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ณัฐมลรีบพูดเพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ

เธอลืมไปเสียสนิทว่าขนาดเธออาสาจะป้อนข้าวให้ เพราะเห็นว่ามือขวาเจ็บเขายังไม่ยอมเลย แล้วนับประสาอะไรกับตามไปดูแลถึงบ้าน

“ไม่ครับ ไม่เลย ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวน” ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดก็เลยคลายสีหน้าลง ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่นุ่มขึ้นกว่าเดิม “ผมแค่สงสัยน่ะครับว่าทำไมคุณดีกับผมจัง”

“ก็...ก็ คุณเป็นคน...” ณัฐมลอยากจะใช้คำว่า ‘คนพิเศษ’ ทว่าคำพูดที่หลุดรอดออกจากริมฝีปากไปมันกลับเป็น “คุณเป็นคนดีนี่คะ”

สีหน้าของพัลลภหม่นไปคล้ายจะผิดหวัง แต่เจ้าความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นเพียงวูบเดียวเท่านั้น เนื่องจากมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าตัวเองสำคัญกว่านั้น

“คุณชมผมเกินไปแล้วครับ ความจริงผมไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่นะคะ คุณเป็นคนดีมากคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักเลย คุณมีน้ำใจ แล้วก็ใจดีมาก จริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้แกล้งชม” ณัฐมลแย้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง พอเห็นว่าเขายิ้มกับคำพูดเธอ ก็เขินจนพูดต่อไม่ออก

“ผมว่าคนดีน่าจะหมายถึงคุณมากกว่า อุตส่าห์มาช่วยดูแล ขอโทษนะครับที่ผมยังนึกเรื่องของคุณไม่ออกเลย พยายามแล้วแต่ในหัวมันก็ยังว่างเปล่า” เสียงของชายหนุ่มหม่นไปตอนท้ายประโยค

ไม่ว่าจะถามสักกี่ครั้ง พัลลภก็ตอบว่าจำเรื่องของเธอไม่ได้เลยสักนิดเดียว เขาพูดทีเล่นทีจริงว่าความทรงจำมันคงจะหายไปพร้อมกับวิญญาณบางส่วน ตอนเกิดอุบัติเหตุเสียแล้วกระมัง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราค่อยๆ เริ่มสร้างความทรงจำใหม่กันก็ได้” ณัฐมลพูดเสียงหวาน หญิงสาวพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บงำสีหน้าดีใจเอาไว้

‘ลืมอย่างนี้แหละค่ะดีแล้ว มาสร้างความทรงจำใหม่ด้วยกันเถอะนะคะพี่หมอขา’

ในขณะที่หญิงสาวกำลังหัวเราะคิกคักในใจอย่างมีความสุข เธอก็ถูกจู่โจมด้วยคำพูดที่ทำให้อายจนหน้าแดง

“ผมจำไม่ได้ว่าเราเกี่ยวข้องกันยังไง ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าคุณต้องเป็นคนสำคัญแน่” ชายหนุ่มรอให้หญิงสาวหันมาสบตาด้วย แล้วจึงโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ “ตอนเกิดอุบัติเหตุผมจำอะไรไม่ค่อยได้ก็จริง แต่ผมจำได้แม่นว่าคุณกุมมือผมเอาไว้ตลอด แล้วบอกผมว่าจะต้องไม่เป็นอะไร ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ ผม”

“ระ..เรื่องแค่นี้เอง ฉันตกใจเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย น่าอายจะตาย ลืมๆ มันไปซะเถอะนะคะ”
ณัฐมลก้มหน้างุดด้วยความอาย ศศิชาให้คำจำกัดความอาการของเธอช่วงนั้นว่าร้องไห้อย่างกับญาติเสีย คิดถึงทีไรเป็นต้องรู้สึกสมเพชตัวเองทุกที

“ผมลืมไม่ได้หรอกครับ ความรู้สึกตอนนั้นน่ะ น้ำตาของคุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ถึงจะเป็นการทึกทักเอาคนเดียวก็เถอะ” น้ำเสียงท้ายประโยคเบาโหวงเหมือนกำลังประหม่า

คำพูดที่คล้ายว่าจะมีใจให้ทำให้ณัฐมลเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย แล้วหญิงสาวก็นิ่งงันไปราวกับถูกสะกด เมื่อระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอกับพัลลภตอนนี้เหลือเพียงแค่คืบเดียว อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ดึงมือเธอขึ้นมากุมเอาไว้

“บอกความจริงกับผมได้ไหมครับ สำหรับคุณแล้วผมเป็นอะไร”

สิ้นคำถามณัฐมลก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหวูดรถไฟมาดังก้องอยู่ที่ข้างหู เสียงปริศนานี้ทำให้เธอหูอื้อตาลายสุดขีด หัวใจมันเต้นโครมครามเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมานอกอก

‘แม่จ๋า บอกหนูทีว่าไม่ได้ฝันไป’

หญิงสาวรู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังลอยออกจากร่างไปเฉลิมฉลอง ทว่าความสุขของเธอก็มีอันต้องหยุดชะงักลงเมื่อเขาปล่อยมือเธอ แล้วพูดประโยคต่อมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ผมคงถามอะไรที่ไม่ควรถามไป ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”

“ไม่เลยค่ะ ไม่ลำบากอะไรทั้งนั้น คุณเองก็เป็นคนสำคัญ คือฉันชะ...ชอบ”

ณัฐมลเกือบจะหลุดสารภาพรักออกมาอยู่แล้วเชียว แต่ต้องชะงักเมื่อมีใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

พศวีร์เดินเปิดปากหาวหวอดๆ ออกมาจากห้องเล็กที่เอาไว้ให้คนเฝ้าไข้นอน ชายหนุ่มทำงานโต้รุ่งถึงเที่ยง เขาขับรถกลับบ้านไม่ไหวก็เลยแวะมานอนพักที่ห้องนี้

“อรุณสวัสดิ์พี่ชาย สวัสดีครับว่าที่พี่สะใภ้” ใบหน้าของชายหนุ่มยังไม่สร่างง่วง แต่ก็ยังมีอารมณ์หยอกคน

ณัฐมลหน้าแดงแปร๊ดเพราะทั้งเขินทั้งตกใจที่เห็นว่ามีบุคคลที่สามอยู่ในห้องด้วย ในขณะที่พัลลภถลึงตาใส่คนที่โผล่มาแบบไม่ถูกกาลเทศะอย่างตำหนิ

“ไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดคอนะครับ แต่ผมถูกตามตัวแล้ว” ชายหนุ่มยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโบกแสดงหลักฐาน

ณัฐมลเลยหน้าแดงหนักข้อขึ้นไปอีก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาได้ยินที่เธอกับพัลลภคุยกันเต็มสองหู ยิ่งหันไปเห็นสายตากระเซ้า หญิงสาวก็เขินจนไม่กล้าสู้หน้า

“ฉันต้องกลับแล้วเหมือนกันค่ะ พรุ่งนี้เจอกันตอนออกจากโรงพยาบาลนะคะ”

พูดจบหญิงสาวก็วิ่งปรู๊ดออกไปจากห้อง โดยมีเสียงหัวเราะของพศวีร์ลอยตามไล่หลังมา

“ฮ่ะๆ ตลกดีแฮะ นี่เขายังเชื่อใช่ไหมว่าพี่พันความจำเสื่อม เนียนจริงนะพี่ชาย รับออสการ์สักตัวไหมครับ” ชายหนุ่มเปรยโดยไม่สนใจสายตาไม่พอใจที่ตวัดมองมา

“ขอพูดอะไรหน่อยเถอะ พี่รู้ตัวใช่ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าไม่ชอบเขาก็หยุดเล่นเกมบ้าๆ นี่เสียเถอะ หลอกให้มีใจแล้วทำร้ายความรู้สึกทีหลังมันน่าสงสารนะ”

พัลลภย่นหัวคิ้วอย่างแปลกใจที่ได้ยินคำเตือนจากปากของคนที่เปลี่ยนคู่ควงแบบไม่ซ้ำหน้า ชายหนุ่มแค่นยิ้มออกมาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกน้องชายที่อายุน้อยกว่าหกปีสั่งสอน

“ห่วงเรื่องของตัวเองเถอะ ปิดปากให้สนิทเอาไว้เป็นพอ”

พศวีร์พึมพำรับคำก่อนจะยักไหล่ให้แล้วเดินออกไป ชายหนุ่มคิดว่าพี่คงมีเหตุผลของพี่ ถ้าให้เดาก็คงต้องบอกว่าไม่รู้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยเข้าใจความคิดอ่านของพี่ชายคนโตเลยสักที


ในวันที่พัลลภได้ออกจากโรงพยาบาล นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ก็ยังมีเพื่อนฝูงและคนรู้จักมารอส่งชายหนุ่มกลับบ้านอีกหลายคน ณัฐมลเห็นแล้วก็อดปลื้มใจไม่ได้ที่เขาเป็นที่รักของใครต่อใครมากมาย

ที่จริงแล้วพัลลภสั่งให้น้องๆ ปิดข่าวเรื่องที่เขาประสบอุบัติเหตุเพราะไม่อยากให้บิดาเป็นห่วง โชคดีที่พ่อไปเที่ยวต่างประเทศก็เลยสามารถปิดเรื่องเอาไว้ได้ แต่จะให้ปิดคนรู้จักแถวนี้เห็นทีจะยาก เพราะข่าวเรื่องการเกิดอุบัติเหตุของเขาเป็นข่าวออกโทรทัศน์ เนื่องจากคู่กรณีเป็นลูกผู้มีอิทธิพล ตลอดเวลาที่พักรักษาตัวเลยมีของเยี่ยมส่งมาให้แทบจะล้นห้อง

“คนเพียบเลยแฮะ พี่พันนี่ป็อปจัง เป็นแฟนล่ะหนักใจตาย” พิมลตราเปรยออกมา พอเห็นว่าณัฐมลยืนอยู่ข้างตัว หญิงสาวก็รีบพูดให้คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนรักของพี่ชายสบายใจ “พี่แป้งไม่ต้องห่วงนะคะ พี่พันน่ะไม่เจ้าชู้หรอก รายนี้เขารักใครรักจริงจะตาย”

“พี่รู้ค่ะ” ณัฐมลยิ้มรับอย่างไม่คิดมาก

ข้อนี้เธอรู้ซึ้งกว่าใคร เห็นกันอยู่ว่าต่อให้สวยหยาดฟ้ามาดินแค่ไหนเขาก็ไม่ชายตามอง ยิ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น เรื่องหึงหวงจึงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องกังวล

ณัฐมลยืนมองพัลลภแจกยิ้มให้ทุกคนอย่างใจเย็น เธอไม่คิดจะไปเอ่ยปากล่ำลาเขาอย่างคนอื่น เพราะวันนี้ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน

“พี่แป้งรู้ทางไปที่บ้านไหมคะ” พิมลตราถามตอนก่อนจะออกรถ ด้วยนึกห่วงว่าถ้าขับตามกันไม่ทันอีกฝ่ายจะหลงทาง

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่รู้ทาง” ณัฐมลยืนยันเพื่อไม่ให้เป็นกังวล

เธอไม่อยากจะบอกเลยว่าให้หลับตาขับไปเธอยังไปถูก ก็ก่อนหน้านี้เทียวขับรถไปเฝ้าที่บ้านเขาแทบทุกวัน แต่เรื่องความโรคจิตของตัวเองมันไม่น่าอวดเลยสักนิด หญิงสาวก็เลยปิดปากเงียบเอาไว้


ณัฐมลมาถึงที่บ้านของพัลลภช้ากว่าเจ้าของบ้านเกือบครึ่งชั่วโมง สาเหตุเพราะเธอจอดรถเอาไว้ที่อาคารจอดรถของโรงพยาบาลซึ่งอยู่ไกลจากจุดรับส่งผู้ป่วยมาก ตอนออกมาเธอเลยใช้ทางลัดอ้อมไปอีกทาง แต่ว่าโชคร้ายเจอรถติดเพราะอุบัติเหตุ ก็เลยเสียเวลาไปมาก

ตอนเธอมาถึงประตูรั้วเปิดอ้าออกรอให้ขับรถเข้าไปอยู่แล้ว พอเธอขับรถผ่านเข้ามามันก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ มองไปก็เห็นว่าเจ้าของสถานที่ออกมายืนยิ้มรอรับเธออยู่ตรงโรงจอดรถ

ในโรงรถมีรถสีขาวคันเล็กจอดอยู่แต่ว่าไม่มีรถของพิมลตรา เธอเลยเดาว่าหญิงสาวคงจะกลับไปแล้ว ได้ยินพิมลตราเปรยอยู่เหมือนกันว่าวันนี้เธอไม่ได้ลางาน แต่ขอเข้าสายแทน

ณัฐมลเดินตามพัลลภเข้าไปในตัวบ้านอย่างตื่นเต้น เธอได้แต่มองหลังคาแล้วเฝ้าจินตนาการว่าข้างในจะเป็นอย่างไรมานาน ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง

ภายในบ้านของพัลลภแต่งด้วยโทนฟ้าขาวเหมือนที่จินตนาการเอาไว้ การตกแต่งเน้นความโอ่โถง ในห้องรับแขกมีโซฟาขนาดใหญ่ สามารถรับรองคนเป็นสิบคน ติดกันนั้นเป็นเคาน์เตอร์บาร์ทำเป็นตัวกั้นส่วนรับรองเอาไว้จากส่วนที่ใช้งานจริง

พอเดินผ่านส่วนนี้เข้าไปก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง พัลลภพาเธอมานั่งตรงส่วนนี้ แล้วเดินไปหาเครื่องดื่มมารับรอง

“ดื่มอะไรดีครับ มีน้ำแร่ น้ำผลไม้ แล้วก็น้ำอัดลม” ชายหนุ่มถามขณะกวาดตามองเครื่องดื่มในตู้เย็น

“น้ำเปล่าก็พอค่ะ ฉันจัดการเองได้ คุณอย่าเพิ่งฝืนดีกว่า”

ณัฐมลตั้งท่าจะลุกไปทำเอง แต่ชายหนุ่มกลับชิงรินน้ำใส่แก้วมายื่นให้เสียก่อน

“ไม่ฝืนหรอกครับ สบายมาก”

“แต่ว่า...ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยดูแลคุณนี่คะ มาเพิ่มงานให้แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ถ้ามีอะไรให้ฉันทำก็บอกได้นะคะไม่ต้องเกรงใจ”

เธออยากจะคอยดูแลหรือทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขาบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่เปิดโอกาสให้สักที ทีแรกหญิงสาวหลงคิดไปด้วยซ้ำว่าเขารังเกียจ ถ้าพิมลตราไม่มากระซิบบอกว่าพัลลภมีนิสัยไม่ชอบพึ่งพาใคร เธอคงเข้าใจผิดไปแล้ว

พัลลภตั้งใจจะปฏิเสธว่าไม่มีงานให้ทำ แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาวเขาก็เปลี่ยนใจ ท่าทางเธอฟ้องชัดออกว่าอยากจะช่วยดูแลเขาเหลือเกิน

”อืม...ถ้าอย่างนั้นทำอาหารเที่ยงให้ผมได้ไหมครับ อะไรที่ง่ายๆ ก็ได้”

“ได้ค่ะ ด้วยความยินดี อยากกินอะไรบอกมาเลยนะคะ เห็นอย่างนี้ฉันทำกับข้าวเก่ง” ณัฐมลตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ จะเป็นอาหารไทยหรืออาหารจีนเธอทำได้ทั้งนั้นเพราะหัดเข้าครัวมาตั้งแต่เด็ก

“อะไรก็ได้หรือครับ” ชายหนุ่มถามย้ำ

แววตาของพัลลภตอนนี้เปล่งประกายเหมือนดีใจ ชวนให้เข้าใจผิดว่าเขาอยากจะกินอาหารฝีมือหญิงสาวมาก คนที่กำลังจะถูกแกล้งแบบไม่รู้ตัวก็เลยตกปากรับคำเสียดิบดี

“ขอแค่มีของสดกับเครื่องปรุงก็ทำให้ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ฉันออกไปหาซื้อให้ได้”

“ไม่ต้องออกไปซื้อหรอกครับ เอาของในตู้มาทำดีกว่า ผมสั่งแม่บ้านซื้อเอาไว้เยอะเลย”


ชายหนุ่มเดินนำไปที่ห้องครัว ห้องครัวของบ้านหลังนี้เป็นครัวใหญ่ทันสมัย ท่าทางเหมือนเพิ่งปรับปรุงได้ไม่นาน ดูสะอาดสะอ้าน เห็นแล้วก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าขยันทำความสะอาด หรือไม่ค่อยได้เข้าครัวกันแน่
พัลลภตรงไปที่ตู้เย็นขนาดเล็กสีดำ ข้างในมีของสดอัดแน่นเต็มไปหมดทั้งหมู เนื้อ ปลา ผัก มองแล้วก็คิดรายการอาหารได้หลากหลาย ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มอยากให้ทำกลับไม่ได้อยู่ในความคิดของณัฐมลเลย

“ผมอยากกินโรสบีฟซอสครีมไม่ก็อูกราแตง ทำให้ได้ไหมครับ”

ฟังแล้วก็ต้องอึ้งเพราะไอ้ที่พูดมานี่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร เธอไม่แตะอาหารฝรั่งเพราะว่ากลัวอ้วน ก็เลยพลอยไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ไปด้วย

“ทำไม่เป็นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยกันทำดีไหม”

พัลลภเจตนาพูดชื่ออาหารฝรั่งเนื่องจากคิดว่าเธอคงไม่ถนัด แล้วก็จริงเสียด้วย เพราะคำตอบมันออกมาทางสีหน้าหมด เขาไม่คิดจะให้เธอช่วยทำอาหารตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พัลลภชอบดูแลคนอื่นมากกว่าจะให้คนอื่นมาดูแล ยิ่งถูกปฏิบัติเหมือนคนป่วยมากเท่าไร เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น เลยจะแสดงให้เห็นว่าแค่ใส่ถุงมือกันน้ำไม่ให้เข้าเฝือก เขาก็ทำกับข้าวได้สบาย

ชายหนุ่มแอบยิ้มในใจเพราะคิดว่าเธอจะทำเสียงอ่อยแล้วรับคำว่าค่ะ ทว่าณัฐมลกลับดื้อกว่าที่คิด

“ฉันทำได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณรอกินอย่างเดียวก็พอ” หญิงสาวเอ่ยอย่างมุ่งมั่น แล้วรุนหลังพัลลภออกไปจากห้องครัว

ชายหนุ่มยอมออกไปแต่โดยดี พอเธอเผลอก็แอบย่องมาดู แล้วก็เห็นว่าเธอกำลังกดโทรศัพท์มือถือเปิดอินเตอร์เนตหาสูตรอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เกิดมาไม่เคยทำเลย จะรอดไหมเนี่ย” ณัฐมลบ่นกับตัวเองเสียงดังโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมาแอบฟังอยู่

เห็นแล้วพัลลภก็นึกห่วงสวัสดิภาพของตัวเองขึ้นมาตงิดๆ ชายหนุ่มเลยเดินออกจากครัวเพื่อไม่ให้ใจเสีย แล้วไปเปิดตู้ยาหายาแก้ท้องเสียมาเตรียมไว้รับมือกับอาหารที่ไม่มั่นใจว่าจะกินได้หรือไม่


หนึ่งชั่วโมงกับอีกสามสิบนาทีผ่านไป อาหารฝีมือของณัฐมลก็เสร็จ ถึงจะเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก แต่สำหรับคนที่ทำอาหารเป็นขอแค่มีสูตร เรื่องการปรุงก็ไม่ยากอย่างที่คิด พอดูดีๆ แล้วอาหารฝรั่งมันง่ายกว่าอาหารไทยหลายอย่างที่เคยทำเสียอีก ส่วนใหญ่มีสูตรค่อนข้างตายตัวไม่ต้องกะ ถ้าใส่ตามนั้นรับรองว่าไม่มีพลาด

ณัฐมลชิมผลงานตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่ากินได้ รสชาติที่ออกมาไม่ถูกปากเท่าไร แต่ก็ถือว่าใช้ได้ในความคิดของเธอ เท่าที่จำได้อาหารฝรั่งมันก็มีรสชาติของเนย มันๆ เค็มๆ ประมาณนี้แหละ

หญิงสาวจัดอาหารใส่จานแล้วมองผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะจัดอาหารเอาไปวางไว้ที่โต๊ะแล้วไปตามพัลลภมาชิมฝีมือเธอ

“อาหารเสร็จแล้วค่ะ มากิน...” ณัฐมลหยุดปากเอาไว้ไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหลับสนิทอยู่บนโซฟา

ใบหน้าตอนหลับของเขาทำให้เธออดใจแอบเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้ หญิงสาวย่อตัวนั่งกับพื้น แล้วจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว แพขนตาที่หลุบลงกับเครื่องหน้าหล่อเหลาของเขา ชวนให้นึกถึงเจ้าชายนิทราขึ้นมา

“พี่หมอขา ถ้าไม่รีบตื่นแป้งจะแอบจุ๊บนะ” หญิงสาวพึมพำออกมา กว่าจะรู้ตัวนิ้วมันก็ขยับไปจิ้มแก้มเขาอย่างไม่ได้เจตนาเสียแล้ว

พัลลภขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกแตะ คนที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์เลยผงะถอยออกมาจนหัวโขกกับโต๊ะเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ณัฐมลลูบหัวป้อยๆ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เปลือกตาของเขายังไม่เปิดออก เสียงหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท แต่เพื่อความมั่นใจ ณัฐมลเลยลองปลุกอีกครั้ง

“พี่หมอคะตื่นค่ะ อาหารเสร็จแล้วนะคะ”

หญิงสาวเรียกด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังแต่อีกฝ่ายก็ยังหลับสนิท ท่าทางคงเป็นจำพวกขี้เซาตื่นยาก คนไม่รู้จักเข็ดเลยแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วขยับเข้าไปใกล้อีกครั้ง

ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอื้อมมือไปลวนลามเทพบุตรในฝันให้ชื่นใจ คนที่กำลังหลับก็พลิกตัวอย่างรวดเร็ว แล้วกลิ้งลงมาทับจนขยับตัวไม่ได้ ตอนตกลงมาริมฝีปากของเขาเฉี่ยวแก้มเธอไปแค่หน่อยเดียวเท่านั้น ทำเอาใจเต้นโครมจนแทบจะระเบิด

“พี่หมอคะ ปล่อย...” ณัฐมลพูดได้เท่านี้ก็พูดต่อไม่ออก เธอกำลังหัวหมุนตาลายเมื่อถูกรุกแบบไม่ทันตั้งตัว

หญิงสาวหลับตาปี๋อย่างลุ้นระทึก แต่ก็ไม่เกิดอะไรมากกว่าการถูกทับ พอหรี่ตาขึ้นมามองเธอก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับสนิท

“ละเมอกลิ้งตกโซฟาหรอกเหรอ” ณัฐมลบอกตัวเองอย่างผิดหวัง แล้วก็ต้องหน้าแดงเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดอยู่ตรงต้นคอ

“พี่หมอคะตื่นเร็ว พี่หมอกำลังทับแป้งอยู่นะ แป้งหนัก”

ไออุ่นจากร่างเขากำลังซึมผ่านเนื้อผ้ามายังตัวเธอ มันทำให้สมองเบลอจนแทบจะหยุดสั่งการ หญิงสาวรู้สึกว่าใบหน้าร้อนซู่ไปทั้งหน้า หูมันอื้อได้ยินแต่เสียงฉ่าของหยดน้ำเวลาถูกเหล็กร้อน น้ำหนักที่กดทับลงมาทำให้เธออึดอัดทรมาน แต่พอคิดว่าที่กำลังทับอยู่นี่เป็นคนที่รักมันก็มีความสุข สภาพตอนนี้เลยเหมือนติดอยู่กึ่งกลางระหว่างนรกกับสวรรค์

“ตื่นค่ะ แป้งมะ...ไม่ไหวแล้ว” ณัฐมลฝืนเรียก ถ้าอยู่ในท่านี้ต่อไปมีหวังเธอได้ตายคาอกเขาแน่ๆ

ในขณะที่หญิงสาวพยายามปลุกอย่างสุดกำลัง คนที่แกล้งหลับกลับแอบแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

‘คิดจะย่องเข้ามาทำมิดีมิร้ายคนอื่น มันก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะนะ’




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2554, 00:46:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.พ. 2555, 15:54:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2800





<< บทที่ 11 ไม่คาดคิด   บทที่ 13 เรียกพี่สิครับ >>
Auuuu 19 ก.ย. 2554, 01:18:30 น.
งานเข้าแป้งร่ำแล้ว ...


Pat 19 ก.ย. 2554, 02:52:06 น.
หึหึ จะเชื่อดีไหมเนี่ย พี่หมอ


dino 19 ก.ย. 2554, 07:07:07 น.
แกล้งแน่เลย พี่หมอ


konhin 19 ก.ย. 2554, 08:06:12 น.
พี่หมอเป็น(หมาป่าในคราบ)ลูกแกะ มาหลอกหนูแป้ง ฮิๆๆ


ปอกะเจา 19 ก.ย. 2554, 08:56:13 น.
โหย คุณพลลภแรงอะ


หมูอ้วน 19 ก.ย. 2554, 09:26:23 น.
โดนคุณหมอ เอาคืนแล้วมั้ยแหล่ะหนูแป้ง


anOO 19 ก.ย. 2554, 09:45:10 น.
555 ยัยแป้งก็คงรั่วตามเดิม แถมมั่วเสนอตัวเป็นแฟนพี่หมอต่อไป
เอ...รึยัยแป้งจะสติหลุด แล้วหายไปจากชีวิตพี่หมอ อยากรู้ๆๆๆๆ


nunoi 19 ก.ย. 2554, 10:47:57 น.
พี่หมอ จะทำยังไงกับยัยแป้ง น๊า


kraten 19 ก.ย. 2554, 12:59:45 น.
แผนแหงๆ


Zephyr 19 ก.ย. 2554, 13:32:32 น.
พี่หมอ แกล้งลืมยายแป้งรั่วแน่ๆเลย อยู่ที่เธอจะคว้าโอกาสเอาไว้ป่าว กลับตัวไม่เป็นแล้วคนโรคจิต แล้วจีบพี่หมอแบบปกติ หรือเป็นยายโรคจิตต่อไป


ปรางขวัญ 19 ก.ย. 2554, 14:45:00 น.
สงสัยพี่หมอจริงๆ แกล้งจำไม่ได้ใช่ป่าว
แล้วแป้งร่ำจะทำไงต่อไปดี ^^ ลุ้นๆ


pattisa 19 ก.ย. 2554, 20:06:57 น.
เป็นเรา เราก็แกล้งความจำเสื่อมแหละ คนอาไร๊ไปตามคนอื่นแบบนั้น น่ากลัว :S


wane 19 ก.ย. 2554, 23:24:56 น.
เข้าทางยัยแป้งรั่วเลยหล่ะซิเนี่ย


ชอบอ่าน 19 ก.ย. 2554, 23:43:08 น.
รีบมาลงเร็วนะคะ ติดตามทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้น่าสนุกมากกกกกกก และก็สงสัยว่าพระเอกรังเกียจนางเอกเหรอคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account