เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์
ตอน: บทที่ 15 เทพบุตรซาตาน
บทที่ 15 เทพบุตรซาตาน
“ทีนี้ก็หนีไม่ได้แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ “บอกมาสิครับว่าอยากให้พี่เป็นอะไร”
ลมหายใจของเขาเคลื่อนเข้ามาที่พวงแก้ม มันทำให้ณัฐมลรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจมันเต้นรัวจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก
“ถ้าไม่ยอมพูด พี่จะทำอย่างอื่นอีกนะ” ชายหนุ่มไล้มือไปบนพวงแก้มนุ่มแล้วลากผ่านลำคอขาวนวลเนียนมาที่หัวไหล่
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเห็นแววตาของหมาป่าตัวร้ายที่จ้องจะขย้ำลูกเป็ดน้อย เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไป ที่รู้คือเขาเอาจริงแน่ ณัฐมลเลยหลับหูหลับตาพึมพำตอบคำถามไป
“อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ชัด”
จอมเจ้าเล่ห์เอียงหูเข้ามาใกล้แทบจะแนบแก้ม พอหญิงสาวบอกซ้ำให้ได้ยินอีกครั้งเขาก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน ยิ่งเห็นใบหน้าของเธอแดงก่ำมากขึ้นเท่าไรคนขี้แกล้งก็ยิ่งถูกใจมากขึ้นเท่านั้น
ณัฐมลนึกโมโหเขาที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก็เลยสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วตะโกนใส่หูเขาดังสุดเสียง
“แป้งชอบพี่พัน อยากเป็นแฟนพี่พัน ชัดหรือยังคะ!”
เสียงตะโกนทำให้แก้วหูของพัลลภแทบเต้นระบำ แต่ชายหนุ่มก็ยังสู้อุตส่าห์หัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
“ไม่ตลกนะคะ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้ไหม” หญิงสาวแหวใส่ ดวงตาเริ่มจะมีน้ำตาคลอ
ณัฐมลโกรธพัลลภแต่เจ็บใจตัวเองมากกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำเหมือนเธอเป็นของเล่นแต่ก็ยังชอบเขาอยู่ดี
“อ้าว! จะร้องไห้ซะแล้ว อย่าร้องสิครับ ทำหน้าแบบนี้มันยิ่งน่าแกล้งนะเป็ดน้อย”
“ใครเป็นเป็ดไม่ทราบ แป้งไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่นะ”
หญิงสาวเบือนหน้าหนีมือที่กำลังเลื่อนมาจะเช็ดน้ำตาให้ เธอเคืองมากขึ้นเพราะนึกถึงคำค่อนของเพื่อนสมัยที่ยังเรียนมัธยมฯ พวกนั้นไม่มีใครเรียกเธอว่าแป้งสักคนแต่เรียกว่า ‘เป็ด’ ที่มาจากลูกเป็ดขี้เหร่แทน
“เป็ดน้อยน่ารักต่างหาก พี่ไม่ได้พูดสักคำเดียวว่าแป้งขี้เหร่เลยนะ อย่าโกรธพี่เลยนะครับคนดี”
พัลลภกลับเข้าสู่โหมดเทพบุตรอีกครั้ง เขาใช้สองมือประคองใบหน้าของหญิงสาวให้หันมาสบตากัน
“เป็นแฟนพี่นะครับเป็ดน้อย”
ณัฐมลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำขอ หูเธอเหมือนกับได้ยินประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา เหมือนเวลาตะโกนแล้วเสียงมันดังสะท้อนมาจากหน้าผา เธอได้ยินชัดเจนแต่ก็ทำใจให้เชื่อได้ยากว่ามันออกมาจากปากของพัลลภ
ในขณะที่กำลังมึนเพราะคิดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มก็กลับมาแกล้งหญิงสาวอีกครั้งด้วยการเร่งรัดเอาคำตอบ
“นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ตอบอด หนึ่ง สอง...” พัลลภพูดเร็วจี๋จนฟังแทบไม่ทัน
“กรี๊ดดด! เอาค่ะเอา ตกลง”
อารามกลัวอดหญิงสาวก็เลยโพล่งออกมา ส่งผลทำให้คนขี้แกล้งยิ่งหัวเราะใหญ่ ในความเป็นจริงเธอควรจะดีใจแต่ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อชอบกล
“หัวเราะพอหรือยังคะ ปล่อยแป้งได้แล้ว”
“หัวเราะพอแล้วครับ แต่ยังปล่อยไม่ได้ ต้องตกลงเรื่องติดกล้องกันก่อน”
ปากเขาก็พูดว่าตกลงแต่ความหมายของมันก็คือห้ามปฏิเสธเด็ดขาด
‘เผด็จการชัดๆ เลยให้ตายสิ’
“ก็ตามใจสิคะ แป้งขัดได้เสียที่ไหน” หญิงสาวทำปากยื่นใส่ เธอตั้งใจจะทำเสียงให้แข็งกว่านี้แต่ก็แพ้ให้กับแววตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาเหมือนเอ็นดูเธอหนักหนา
“ดีมากครับ อย่างนี้สิถึงจะน่ารัก”
ชายหนุ่มยอมลุกออกมาในที่สุดแล้วช่วยดึงตัวหญิงสาวให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของณัฐมลยังคงบึ้งตึงเตือนให้รู้ว่าหลังจากแกล้งเสร็จแล้วก็ควรจะปลอบขวัญเป็ดน้อยเสียหน่อย
พัลลภประคองมือของหญิงสาวขึ้นมา แล้วจรดริมฝีปากลงบนนั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายตาพราว
“รางวัลของเด็กดี”
“บ้า!” ณัฐมลค้อนขวับแต่ริมฝีปากกลับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ความจริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ชอบหรอกนะ แต่แบบนี้มันเหมือนไม่ใช่พัลลภที่เธอรู้จักเลย
‘ไม่สิ ต้องบอกว่านี่ต่างหากตัวจริง’
ณัฐมลมารู้ตัวว่าเทพบุตรของเธอปีกดำปี๋เอาเมื่อสายไปเสียแล้ว ทว่ายิ่งพิศเทพบุตรปีกสีดำองค์นี้นานเท่าไร กลับยิ่งค้นพบถึงเสน่ห์ที่ทำให้ยากจะถอนตัวมากขึ้นเท่านั้น สงสัยจะจริงที่ว่าผู้หญิงไม่ชอบคนดีเกินไป
พอจูบมือแล้วชายหนุ่มก็ปล่อยมือเธอ จากนั้นก็ไม่ถือโอกาสล่วงเกินอะไรอีก เขากลับมาเป็นคนแสนสุภาพที่มีแววตาอบอุ่นอีกครั้ง ท่าทีของเขาทำให้ณัฐมลหายขัดเขินแล้วสามารถปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด
“ไปหาช่างกันเถอะค่ะ รอนานแย่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้
“ไม่ต้องหรอกครับ ป่านนี้คงกลับไปแล้วล่ะ พี่บอกเขาแล้วว่าถ้าหายไปเกินห้านาทีแสดงว่าตกลง ให้กลับไปได้เลย”
พัลลภบอกช่างไปอย่างนั้นแสดงว่ามั่นใจว่าเธอต้องไม่ปฏิเสธ คนอะไรเจ้าเล่ห์แถมยังน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด
“วางแผนไว้แต่แรกแล้วสินะคะ” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ ด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับเขาดี จะจับกดคืนก็ใจไม่กล้าพอ เลยได้แต่แง่มๆ ฮึ่มๆ ใส่พอเป็นพิธี
ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างมาให้แทนคำตอบ ยิ้มของเทพบุตรที่มีออร่าบาดตาสะกดณัฐมลได้อยู่หมัด และแล้วลูกเป็ดตัวน้อยก็เดินตาลอยเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของเทพบุตรซาตานด้วยประการฉะนี้
ช่างจากบริษัทที่พัลลภจ้างมาจะมาติดกล้องวงจรปิดให้ในวันรุ่งขึ้น ณัฐมลลางานไม่ได้ก็เลยฝากเรื่องไว้กับอลินแทน หญิงสาวคิดว่าร้านเธอเล็กนิดเดียวไม่กี่ชั่วโมงคงติดกล้องเสร็จ ก็เลยไม่ได้กำชับให้หาอะไรมาคลุมตู้ยากับย้ายของมาไว้ด้านหลัง ทว่าพอเลิกงานกลับมาถึง เธอก็ต้องกรีดร้องเมื่อเห็นว่าร้านได้แปรสภาพเป็นเขตก่อสร้างโดยสมบูรณ์
หญิงสาวเดินไปดูในส่วนหน้าร้านก็เห็นว่าตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บยาเต็มไปด้วยฝุ่นจากการเจาะผนัง ที่พื้นมีขยะวางกองเต็มไปหมด เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นว่าประตูด้านหลังร้านถูกถอดออกแล้วติดประตูใหม่เข้าไปแทน ส่วนประตูกลางห้องครัวกับหน้าร้านก็ได้รับการติดกลอนเพิ่มเข้าไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น” ณัฐมลถามอลินที่กำลังยืนมองช่างทำงานอยู่ตรงบริเวณประตู
“ปรับปรุงร้านไงคะเจ๊”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันหมายถึงทำไมมาเปลี่ยนประตู ติดกลอน ฉันสั่งติดแค่กล้องวงจรปิดนะ”
“อ้าว! ก็ช่างเขาบอกว่าเจ๊สั่ง” อลินทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วหนึ่งสาวแท้กับหนึ่งสาวเทียมก็หันหน้าไปมองบรรดาช่างที่กำลังทำงานอย่างเมามันเป็นตาเดียว
เงียบกันอยู่อึดใจ ณัฐมลก็กวาดตาไปทั่วร้านแล้วมองหาคนที่ดูท่าทางว่าน่าจะเป็นหัวหน้าช่าง
“ขอโทษนะคะ มาติดผิดบ้านหรือเปล่า ฉันสั่งแค่กล้องไม่ได้สั่งให้เปลี่ยนประตู”
ช่างวัยกลางคนจึงหยุดมือจากงานชั่วคราว แล้วชะโงกหน้าไปมองป้ายไฟหน้าร้าน จากนั้นก็หยัดตัวลุกขึ้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นมาให้
“ผมมาตามที่อยู่นี้ ร้านณัฐมลเภสัชมีร้านอื่นอีกหรือเปล่าครับ”
กระดาษแผ่นนั้นเขียนชื่อที่อยู่ของร้านเอาไว้ถูกต้องทุกประการ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นใบเสร็จรับเงิน ด้านล่างลงชื่อคนจ่ายเป็นลายเซ็นที่ค่อนข้างคุ้นตา เมื่อเพ่งดูก็จำได้ว่ามันเป็นลายเซ็นของพัลลภ
ณัฐมลรู้สึกฉุนขาดที่เขาทำอะไรกับร้านเธอโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ ถึงจะขยับฐานะมาเป็นคนรักแล้วก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์มาทำอะไรกับชีวิตเธอได้ตามใจชอบ
“ใช่ร้านคุณไหมครับ” หัวหน้าช่างถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบไปนาน
“ใช่ค่ะ”
พอณัฐมลรับคำ บรรดาช่างที่หยุดมือไปก็กลับมาทำงานต่อกันอีกครั้ง ใจจริงหญิงสาวนึกอยากจะตะโกนบอกให้หยุดวุ่นวายกับร้านเธอเสียทีแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจ้างช่างมาจัดการงานที่ช่างชุดนี้ทำค้างไว้อยู่ดี แล้วมันก็อันตรายด้วยถ้าตกกลางคืนแล้วประตูยังไม่เสร็จ
หญิงสาวข่มใจให้คิดอย่างคนที่มีเหตุผล เธอควรเก็บเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่ตัวการอย่างพัลลภแทน ช่างบอกว่าทุกอย่างจะเสร็จไม่เกินหกโมงเย็น แต่ดูจากร่องรอยความสกปรกที่ทิ้งเอาไว้ คงจะต้องทำความสะอาดกันยันเช้า
ด้วยเหตุนี้ณัฐมลจึงโทรศัพท์ไปบอกเภสัชกรที่จ้างไว้ว่าวันนี้ไม่ต้องมาทำงาน จากนั้นก็ฝากร้านให้อลินดูแลต่อ ส่วนเธอตรงดิ่งไปเล่นงานจอมวางแผนที่บ้าน
พัลลภกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ตอนที่เธอมาถึง เขาเตรียมเอาไว้สองที่เหมือนจะรู้ว่าวันนี้เธอต้องมาหา
“หิวหรือยังครับแป้ง วันนี้พี่ทำสเต็กพริกไทยดำนะ ไม่อ้วนด้วยเพราะไม่ใช่น้ำมัน”
พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเป็ดน้อยที่กำลังอารมณ์ไม่ดีด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมไม่บอกแป้งเรื่องสั่งเปลี่ยนประตูร้านคะ” หญิงสาวโวยใส่ แล้วยืนกอดอกปั้นหน้าถมึงทึง
“ของแถมที่มากับกล้องไงครับ เซอร์ไพรส์ไหมเอ่ย”
อาการตลกหน้าตายของเขาไม่ได้ชวนคลายโทสะลงเลย ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้ณัฐมลนึกเคืองมากขึ้น
“เซอร์ไพรส์มากค่ะ แล้วก็โกรธมากด้วย นี่มันร้านแป้งนะคะ พี่พันไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรตามใจชอบ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้พัลลภต้องหุบยิ้ม เขาทำหน้าสลดพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“พี่ขอโทษ”
ชายหนุ่มคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอต้องโกรธ เรื่องนี้เขาคิดได้ปุบปับตอนคุยกับพศวีร์เมื่อเช้า น้องชายแนะนำอะไรให้หลายอย่าง ประจวบเหมาะกับทีมช่างที่บริษัทของพศวีร์ว่างพอดี ก็เลยส่งให้ไปดูสถานที่พร้อมกับทีมติดกล้องว่าประตูกับล็อกแข็งแรงดีหรือไม่ พอช่างบอกว่าควรจะเปลี่ยนประตูหลัง เขาจึงสั่งเปลี่ยนเลย เพราะเห็นว่าจะได้ทำความสะอาดร้านทีเดียวไม่ต้องยุ่งยากปิดร้านหลายวัน
“พี่พันทำเกินไปนะคะหนนี้ ทั้งติดกล้องทั้งเปลี่ยนประตู แป้งว่ามันไม่จำเป็นเลยสักนิด”
ณัฐมลคิดว่าประตูกับล็อกที่มีก็แข็งแรงดีอยู่แล้ว และย่านนี้ก็มีคนผ่านไปมาตลอด หน้าร้านเธอมีแผงขายน้ำปั่นของสองแม่ลูกอัธยาศัยดี เยื้องกันไปก็ที่ประจำของบะหมี่เกี๊ยวเปิดขายกันจนตีสาม จะเก็บร้านก็ตอนคนกวาดขยะมาแล้ว เพื่อนบ้านอาคารติดกันก็มี แค่ปิดล็อกประตูให้ดีก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้ว
“ครั้งนี้พี่ผิดจริง พี่ไม่ขอแก้ตัว แต่พี่ก็อยากให้แป้งรับความหวังดีของพี่เอาไว้”
“ไม่รับก็ต้องรับล่ะค่ะ ก็พี่พันเล่นมัดมือชกส่งช่างไปแบบนั้น แป้งรู้ว่าพี่พันเป็นห่วงนะคะ แต่แป้งไม่ชอบที่พี่พันทำอะไรไม่ปรึกษาแป้ง พี่พันรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังวิตกจริตจนเกินเหตุ”
พัลลภยอมให้หญิงสาวบ่นโดยไม่แก้ต่างให้กับตัวเอง ถ้าเธอรู้ในสิ่งที่เขารู้เธอคงจะเข้าใจในความเป็นห่วงของเขา แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอกังวลหรือวิตกเกินกว่าเหตุ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง เลยขอแบกรับความกังวลใจเอาไว้คนเดียว
“พี่พันกำลังปิดบังอะไรแป้งอยู่หรือเปล่าคะ มีเหตุผลอะไรพี่พันถึงเป็นห่วงแป้งขนาดนั้น”
ณัฐมลคิดว่ามันมีอะไรมากกว่าความเป็นห่วงในฐานะคนรักธรรมดา ท่าทีของเขาไม่ได้มีพิรุธ ที่เธอสงสัยคงต้องบอกว่าเป็นลางสังหรณ์ของผู้หญิงเสียมากกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เรื่องคิดมากไร้สาระน่ะ” ชายหนุ่มบอกปัด แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของหญิงสาว
ณัฐมลไม่มีวันหยุดโมโหหรือเลิกเซ้าซี้จนกว่าจะได้รู้ความจริง พัลลภไม่สามารถบอกเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงเป็นห่วงเธอได้ เขาก็เลยจำเป็นต้องบอกเหตุผลรองไปแทน
“ถ้าแป้งได้ฟังแล้วอาจจะโกรธนะ”
พัลลภไม่คิดว่าหญิงสาวจะโกรธจริงอย่างที่พูด แต่เกริ่นเอาไว้ก่อนเผื่อเธอจะเปลี่ยนใจเพราะมันเป็นเรื่องเล่าที่เขาไม่ค่อยอยากจะเล่าเหมือนกัน
“ไม่มีอะไรทำให้แป้งโกรธมากกว่าการปิดบังแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เธอเกลียดคนชอบบงการก็จริงแต่ว่าเกลียดคนโกหกมากกว่าร้อยเท่า
พัลลภรับคำปากว่าจะบอก เขาเดินตรงเข้ามาหาแล้วโอบตัวหญิงสาวมานั่งที่โซฟาเหมือนจะสื่อว่าเรื่องที่จะเล่านี้ค่อนข้างยาว
“แป้งรู้ไหมทำไมพี่ถึงเรียกแป้งว่าเป็ดน้อย”
หญิงสาวส่ายหน้าแล้วเตรียมอ้าปากจะแย้งว่ามันเกี่ยวอะไรด้วย แต่เขายกมือขึ้นจุปากแล้วทำท่าเหมือนกับว่าให้ฟังให้จบเสียก่อน
“พี่ไม่ได้เรียกแป้งแบบนั้นเพราะคิดว่าแป้งหน้าตาเหมือนเป็ดหรอกนะ เพียงแต่แป้งทำให้พี่เอ็นดูแล้วก็นึกถึงเจ้าดั๊กกี้”
พัลลภเว้นช่วงคำพูดไป ชายหนุ่มเม้มปากพลางเหม่อมองไปผนังเพื่อลำดับเรื่องราวในสมอง แล้วเรื่องราวอันน่าประทับใจของเด็กน้อยกับลูกเป็ดขี้โรคก็พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากได้รูป
“ดั๊กกี้เป็นลูกเป็ดที่พี่เลี้ยงเอาไว้ตอนยังเด็ก มันเป็นเป็ดอ่อนแอเพราะฟักออกมาช้าแล้วก็ตัวเล็กกว่าเพื่อน ก็เลยต้องดูแลเป็นพิเศษ”
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแต่พัลลภก็ยังจำทุกอย่างได้ฝังใจ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พ่อพาเขากับน้องๆ ไปพักอยู่ที่ไร่ของลุงพฤกษ์ ช่วงนั้นลุงกำลังทดลองทำเครื่องฟักไข่อยู่พอดี ก็เลยเอาไข่เป็ดลังหนึ่งมาทดลองฟัก
ช่วงที่เขาไปถึง ลูกเป็ดตัวน้อยกำลังทยอยฟักออกมาจากไข่พอดี เขากับน้องๆ เลยพากันนั่งเฝ้าเครื่องฟักไข่ไม่ไปไหน รอคอยให้ลูกเป็ดสีเหลืองออกมาจากไข่ด้วยความตื่นเต้น
ทีแรกมันตัวเปียกดูไม่ฟูนุ่มน่ารักเหมือนที่เห็นในรูปภาพเลย แต่พอเวลาผ่านไปขนมันแห้งแล้วมันก็เริ่มมีเค้าของความน่ารักให้เห็น ไข่เป็ดทยอยฟักทีละใบจนเหลืออยู่สี่ฟอง รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่ฟักออกมา ลุงพฤกษ์บอกว่ามันเป็นไข่เสียเลยปิดเครื่องแล้วทิ้งไป โดยไม่มีใครรู้ว่ามีลูกเป็ดตัวจิ๋วกำลังจิกเปลือกไข่ออกมาหลังจากถูกทิ้งไม่ได้นาน
คนแรกที่พบว่ามีลูกเป็ดอยู่ในถังขยะคือพัลลภ เขารีบเอาเป็ดน้อยไปวางบนผ้าขนหนูแล้วเปิดไฟให้ความอบอุ่นมัน หลังจากนั้นเจ้าเป็ดน้อยก็ตามติดเขาแจเพราะคิดว่าเป็นแม่ พัลลภตั้งชื่อมันว่า ‘ดั๊กกี้’ แล้วคอยดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี ไม่ให้ถูกตัวอื่นรังแกเพราะมันตัวเล็กกว่าเพื่อน
พอลูกเป็ดเริ่มโตลุงพฤกษ์ก็ย้ายพวกมันไปอยู่นอกบ้าน แต่ดั๊กกี้ยังได้สิทธิ์พิเศษในการอยู่ในบ้านได้ หนึ่งเดือนผ่านไปจากเป็ดน้อยท่าทางขี้โรคมันก็กลายเป็นเป็ดอ้วนกลม พัลลภค่อนข้างจะผูกพันกับเจ้าเป็ดตัวนี้เลยขอเอากลับไปเลี้ยงด้วยแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต พ่อบอกว่าปล่อยให้มันอยู่ที่นี่กับเพื่อนๆ จะมีความสุขกว่า แล้วบ้านที่กรุงเทพฯ ก็เลี้ยงสุนัข มันอาจจะถูกกัดตายได้ถ้าดูแลไม่ดี พัลลภเลยจำต้องปล่อยมันทิ้งไว้ที่ไร่ที่สระบุรี
“แล้วยังไงต่อคะ พี่พันได้เจอกับเจ้าดั๊กกี้อีกไหม”
พัลลภทำตาเศร้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“มันตายหลังจากพี่กลับไปไม่นาน มันถูกหมาจรจัดคาบเอาไปกินเพราะว่าเชื่องผิดกับตัวอื่นก็เลยไม่ค่อยระวังตัว”
“น่าสงสารจัง” ณัฐมลพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วยเมื่อได้รับรู้ชะตากรรมของเจ้าดั๊กกี้
“ตอนนั้นพี่คิดทันทีเลยว่าพี่น่าจะดื้อกับพ่อ ถ้าพี่เอามันมาเลี้ยงมันก็คงไม่ถูกกัดตาย”
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่พันหรอกนะคะ” ณัฐมลรีบพูดแล้วกุมมือเขาไว้
“ไม่หรอก มันเป็นความผิดพี่ พี่สามารถปกป้องได้แต่พี่ก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นให้พี่ได้ดูแลแป้งเถอะนะ”
“พี่พันล่ะก็ แป้งไม่ใช่เป็ดที่จะเดินไปให้หมากัดตายนะคะ”
ฟังแล้วมันก็ทำให้เคลิ้มดีอยู่หรอก แต่เธอก็มั่นใจอยู่ดีว่าสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นคงอยู่คนเดียวมาตั้งนานไม่ได้
“ก็เพราะแป้งไม่ใช่เป็ดน่ะสิครับถึงได้สำคัญกว่า ตอนนี้มีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่าผู้หญิงที่อยู่คนเดียวถูกโจรบุกเข้ามาทำร้าย แล้วจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง พอรวมเข้ากับเรื่องดั๊กกี้พี่ก็เลยเผลอวุ่นวายมากไป เหตุผลของพี่ก็มีแค่นี้ ถึงมันจะบ้าบอ แต่พี่ก็ห่วงจริงๆ นะครับ”
พัลลภบีบมือหญิงสาว แล้วทำหน้าหมองชวนให้เห็นใจ สุดท้ายณัฐมลก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้ในที่สุด
“แป้งไม่โกรธแล้วค่ะ แต่พี่พันต้องสัญญานะคะว่าต่อไปเวลาจะทำอะไรต้องปรึกษาแป้งก่อน แล้วก็ห้ามโกหกด้วย แป้งไม่ชอบคนโกหก”
“สัญญาครับ ขอบคุณที่ยกโทษให้พี่นะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อได้รับการให้อภัย
และแล้วเป็ดน้อยก็ติดกับจอมเจ้าเล่ห์อีกหนึ่งหน สิ่งที่พัลลภเล่านั้นเป็นความจริงทุกอย่าง แต่ก็มีความจริงบางส่วนที่ไม่ได้พูดออกมา
เหตุการณ์ตอนที่ดั๊กกี้ตายมันฝังใจสุดขีด เพราะเขาสู้อุตส่าห์ขุนเป็ดอ้วนตัวนั้นมาตั้งนาน ตั้งใจจะเก็บเอาไว้กินเองแต่กลับถูกคาบไปเสียได้
‘คอยดูเถอะ เป็ดตัวนี้เป็นของเขา จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปเด็ดขาด’
“ทีนี้ก็หนีไม่ได้แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ “บอกมาสิครับว่าอยากให้พี่เป็นอะไร”
ลมหายใจของเขาเคลื่อนเข้ามาที่พวงแก้ม มันทำให้ณัฐมลรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจมันเต้นรัวจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก
“ถ้าไม่ยอมพูด พี่จะทำอย่างอื่นอีกนะ” ชายหนุ่มไล้มือไปบนพวงแก้มนุ่มแล้วลากผ่านลำคอขาวนวลเนียนมาที่หัวไหล่
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเห็นแววตาของหมาป่าตัวร้ายที่จ้องจะขย้ำลูกเป็ดน้อย เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไป ที่รู้คือเขาเอาจริงแน่ ณัฐมลเลยหลับหูหลับตาพึมพำตอบคำถามไป
“อะไรนะครับ พี่ได้ยินไม่ชัด”
จอมเจ้าเล่ห์เอียงหูเข้ามาใกล้แทบจะแนบแก้ม พอหญิงสาวบอกซ้ำให้ได้ยินอีกครั้งเขาก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน ยิ่งเห็นใบหน้าของเธอแดงก่ำมากขึ้นเท่าไรคนขี้แกล้งก็ยิ่งถูกใจมากขึ้นเท่านั้น
ณัฐมลนึกโมโหเขาที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก็เลยสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วตะโกนใส่หูเขาดังสุดเสียง
“แป้งชอบพี่พัน อยากเป็นแฟนพี่พัน ชัดหรือยังคะ!”
เสียงตะโกนทำให้แก้วหูของพัลลภแทบเต้นระบำ แต่ชายหนุ่มก็ยังสู้อุตส่าห์หัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ
“ไม่ตลกนะคะ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้ไหม” หญิงสาวแหวใส่ ดวงตาเริ่มจะมีน้ำตาคลอ
ณัฐมลโกรธพัลลภแต่เจ็บใจตัวเองมากกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำเหมือนเธอเป็นของเล่นแต่ก็ยังชอบเขาอยู่ดี
“อ้าว! จะร้องไห้ซะแล้ว อย่าร้องสิครับ ทำหน้าแบบนี้มันยิ่งน่าแกล้งนะเป็ดน้อย”
“ใครเป็นเป็ดไม่ทราบ แป้งไม่ใช่ลูกเป็ดขี้เหร่นะ”
หญิงสาวเบือนหน้าหนีมือที่กำลังเลื่อนมาจะเช็ดน้ำตาให้ เธอเคืองมากขึ้นเพราะนึกถึงคำค่อนของเพื่อนสมัยที่ยังเรียนมัธยมฯ พวกนั้นไม่มีใครเรียกเธอว่าแป้งสักคนแต่เรียกว่า ‘เป็ด’ ที่มาจากลูกเป็ดขี้เหร่แทน
“เป็ดน้อยน่ารักต่างหาก พี่ไม่ได้พูดสักคำเดียวว่าแป้งขี้เหร่เลยนะ อย่าโกรธพี่เลยนะครับคนดี”
พัลลภกลับเข้าสู่โหมดเทพบุตรอีกครั้ง เขาใช้สองมือประคองใบหน้าของหญิงสาวให้หันมาสบตากัน
“เป็นแฟนพี่นะครับเป็ดน้อย”
ณัฐมลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำขอ หูเธอเหมือนกับได้ยินประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา เหมือนเวลาตะโกนแล้วเสียงมันดังสะท้อนมาจากหน้าผา เธอได้ยินชัดเจนแต่ก็ทำใจให้เชื่อได้ยากว่ามันออกมาจากปากของพัลลภ
ในขณะที่กำลังมึนเพราะคิดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มก็กลับมาแกล้งหญิงสาวอีกครั้งด้วยการเร่งรัดเอาคำตอบ
“นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ตอบอด หนึ่ง สอง...” พัลลภพูดเร็วจี๋จนฟังแทบไม่ทัน
“กรี๊ดดด! เอาค่ะเอา ตกลง”
อารามกลัวอดหญิงสาวก็เลยโพล่งออกมา ส่งผลทำให้คนขี้แกล้งยิ่งหัวเราะใหญ่ ในความเป็นจริงเธอควรจะดีใจแต่ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อชอบกล
“หัวเราะพอหรือยังคะ ปล่อยแป้งได้แล้ว”
“หัวเราะพอแล้วครับ แต่ยังปล่อยไม่ได้ ต้องตกลงเรื่องติดกล้องกันก่อน”
ปากเขาก็พูดว่าตกลงแต่ความหมายของมันก็คือห้ามปฏิเสธเด็ดขาด
‘เผด็จการชัดๆ เลยให้ตายสิ’
“ก็ตามใจสิคะ แป้งขัดได้เสียที่ไหน” หญิงสาวทำปากยื่นใส่ เธอตั้งใจจะทำเสียงให้แข็งกว่านี้แต่ก็แพ้ให้กับแววตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาเหมือนเอ็นดูเธอหนักหนา
“ดีมากครับ อย่างนี้สิถึงจะน่ารัก”
ชายหนุ่มยอมลุกออกมาในที่สุดแล้วช่วยดึงตัวหญิงสาวให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของณัฐมลยังคงบึ้งตึงเตือนให้รู้ว่าหลังจากแกล้งเสร็จแล้วก็ควรจะปลอบขวัญเป็ดน้อยเสียหน่อย
พัลลภประคองมือของหญิงสาวขึ้นมา แล้วจรดริมฝีปากลงบนนั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายตาพราว
“รางวัลของเด็กดี”
“บ้า!” ณัฐมลค้อนขวับแต่ริมฝีปากกลับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ความจริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ชอบหรอกนะ แต่แบบนี้มันเหมือนไม่ใช่พัลลภที่เธอรู้จักเลย
‘ไม่สิ ต้องบอกว่านี่ต่างหากตัวจริง’
ณัฐมลมารู้ตัวว่าเทพบุตรของเธอปีกดำปี๋เอาเมื่อสายไปเสียแล้ว ทว่ายิ่งพิศเทพบุตรปีกสีดำองค์นี้นานเท่าไร กลับยิ่งค้นพบถึงเสน่ห์ที่ทำให้ยากจะถอนตัวมากขึ้นเท่านั้น สงสัยจะจริงที่ว่าผู้หญิงไม่ชอบคนดีเกินไป
พอจูบมือแล้วชายหนุ่มก็ปล่อยมือเธอ จากนั้นก็ไม่ถือโอกาสล่วงเกินอะไรอีก เขากลับมาเป็นคนแสนสุภาพที่มีแววตาอบอุ่นอีกครั้ง ท่าทีของเขาทำให้ณัฐมลหายขัดเขินแล้วสามารถปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้ในที่สุด
“ไปหาช่างกันเถอะค่ะ รอนานแย่แล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้
“ไม่ต้องหรอกครับ ป่านนี้คงกลับไปแล้วล่ะ พี่บอกเขาแล้วว่าถ้าหายไปเกินห้านาทีแสดงว่าตกลง ให้กลับไปได้เลย”
พัลลภบอกช่างไปอย่างนั้นแสดงว่ามั่นใจว่าเธอต้องไม่ปฏิเสธ คนอะไรเจ้าเล่ห์แถมยังน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด
“วางแผนไว้แต่แรกแล้วสินะคะ” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ ด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับเขาดี จะจับกดคืนก็ใจไม่กล้าพอ เลยได้แต่แง่มๆ ฮึ่มๆ ใส่พอเป็นพิธี
ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างมาให้แทนคำตอบ ยิ้มของเทพบุตรที่มีออร่าบาดตาสะกดณัฐมลได้อยู่หมัด และแล้วลูกเป็ดตัวน้อยก็เดินตาลอยเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของเทพบุตรซาตานด้วยประการฉะนี้
ช่างจากบริษัทที่พัลลภจ้างมาจะมาติดกล้องวงจรปิดให้ในวันรุ่งขึ้น ณัฐมลลางานไม่ได้ก็เลยฝากเรื่องไว้กับอลินแทน หญิงสาวคิดว่าร้านเธอเล็กนิดเดียวไม่กี่ชั่วโมงคงติดกล้องเสร็จ ก็เลยไม่ได้กำชับให้หาอะไรมาคลุมตู้ยากับย้ายของมาไว้ด้านหลัง ทว่าพอเลิกงานกลับมาถึง เธอก็ต้องกรีดร้องเมื่อเห็นว่าร้านได้แปรสภาพเป็นเขตก่อสร้างโดยสมบูรณ์
หญิงสาวเดินไปดูในส่วนหน้าร้านก็เห็นว่าตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บยาเต็มไปด้วยฝุ่นจากการเจาะผนัง ที่พื้นมีขยะวางกองเต็มไปหมด เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นว่าประตูด้านหลังร้านถูกถอดออกแล้วติดประตูใหม่เข้าไปแทน ส่วนประตูกลางห้องครัวกับหน้าร้านก็ได้รับการติดกลอนเพิ่มเข้าไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น” ณัฐมลถามอลินที่กำลังยืนมองช่างทำงานอยู่ตรงบริเวณประตู
“ปรับปรุงร้านไงคะเจ๊”
“ไม่ใช่ย่ะ ฉันหมายถึงทำไมมาเปลี่ยนประตู ติดกลอน ฉันสั่งติดแค่กล้องวงจรปิดนะ”
“อ้าว! ก็ช่างเขาบอกว่าเจ๊สั่ง” อลินทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วหนึ่งสาวแท้กับหนึ่งสาวเทียมก็หันหน้าไปมองบรรดาช่างที่กำลังทำงานอย่างเมามันเป็นตาเดียว
เงียบกันอยู่อึดใจ ณัฐมลก็กวาดตาไปทั่วร้านแล้วมองหาคนที่ดูท่าทางว่าน่าจะเป็นหัวหน้าช่าง
“ขอโทษนะคะ มาติดผิดบ้านหรือเปล่า ฉันสั่งแค่กล้องไม่ได้สั่งให้เปลี่ยนประตู”
ช่างวัยกลางคนจึงหยุดมือจากงานชั่วคราว แล้วชะโงกหน้าไปมองป้ายไฟหน้าร้าน จากนั้นก็หยัดตัวลุกขึ้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นมาให้
“ผมมาตามที่อยู่นี้ ร้านณัฐมลเภสัชมีร้านอื่นอีกหรือเปล่าครับ”
กระดาษแผ่นนั้นเขียนชื่อที่อยู่ของร้านเอาไว้ถูกต้องทุกประการ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นว่ามันเป็นใบเสร็จรับเงิน ด้านล่างลงชื่อคนจ่ายเป็นลายเซ็นที่ค่อนข้างคุ้นตา เมื่อเพ่งดูก็จำได้ว่ามันเป็นลายเซ็นของพัลลภ
ณัฐมลรู้สึกฉุนขาดที่เขาทำอะไรกับร้านเธอโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ ถึงจะขยับฐานะมาเป็นคนรักแล้วก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์มาทำอะไรกับชีวิตเธอได้ตามใจชอบ
“ใช่ร้านคุณไหมครับ” หัวหน้าช่างถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบไปนาน
“ใช่ค่ะ”
พอณัฐมลรับคำ บรรดาช่างที่หยุดมือไปก็กลับมาทำงานต่อกันอีกครั้ง ใจจริงหญิงสาวนึกอยากจะตะโกนบอกให้หยุดวุ่นวายกับร้านเธอเสียทีแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจ้างช่างมาจัดการงานที่ช่างชุดนี้ทำค้างไว้อยู่ดี แล้วมันก็อันตรายด้วยถ้าตกกลางคืนแล้วประตูยังไม่เสร็จ
หญิงสาวข่มใจให้คิดอย่างคนที่มีเหตุผล เธอควรเก็บเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่ตัวการอย่างพัลลภแทน ช่างบอกว่าทุกอย่างจะเสร็จไม่เกินหกโมงเย็น แต่ดูจากร่องรอยความสกปรกที่ทิ้งเอาไว้ คงจะต้องทำความสะอาดกันยันเช้า
ด้วยเหตุนี้ณัฐมลจึงโทรศัพท์ไปบอกเภสัชกรที่จ้างไว้ว่าวันนี้ไม่ต้องมาทำงาน จากนั้นก็ฝากร้านให้อลินดูแลต่อ ส่วนเธอตรงดิ่งไปเล่นงานจอมวางแผนที่บ้าน
พัลลภกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ตอนที่เธอมาถึง เขาเตรียมเอาไว้สองที่เหมือนจะรู้ว่าวันนี้เธอต้องมาหา
“หิวหรือยังครับแป้ง วันนี้พี่ทำสเต็กพริกไทยดำนะ ไม่อ้วนด้วยเพราะไม่ใช่น้ำมัน”
พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเป็ดน้อยที่กำลังอารมณ์ไม่ดีด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมไม่บอกแป้งเรื่องสั่งเปลี่ยนประตูร้านคะ” หญิงสาวโวยใส่ แล้วยืนกอดอกปั้นหน้าถมึงทึง
“ของแถมที่มากับกล้องไงครับ เซอร์ไพรส์ไหมเอ่ย”
อาการตลกหน้าตายของเขาไม่ได้ชวนคลายโทสะลงเลย ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้ณัฐมลนึกเคืองมากขึ้น
“เซอร์ไพรส์มากค่ะ แล้วก็โกรธมากด้วย นี่มันร้านแป้งนะคะ พี่พันไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรตามใจชอบ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้พัลลภต้องหุบยิ้ม เขาทำหน้าสลดพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“พี่ขอโทษ”
ชายหนุ่มคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอต้องโกรธ เรื่องนี้เขาคิดได้ปุบปับตอนคุยกับพศวีร์เมื่อเช้า น้องชายแนะนำอะไรให้หลายอย่าง ประจวบเหมาะกับทีมช่างที่บริษัทของพศวีร์ว่างพอดี ก็เลยส่งให้ไปดูสถานที่พร้อมกับทีมติดกล้องว่าประตูกับล็อกแข็งแรงดีหรือไม่ พอช่างบอกว่าควรจะเปลี่ยนประตูหลัง เขาจึงสั่งเปลี่ยนเลย เพราะเห็นว่าจะได้ทำความสะอาดร้านทีเดียวไม่ต้องยุ่งยากปิดร้านหลายวัน
“พี่พันทำเกินไปนะคะหนนี้ ทั้งติดกล้องทั้งเปลี่ยนประตู แป้งว่ามันไม่จำเป็นเลยสักนิด”
ณัฐมลคิดว่าประตูกับล็อกที่มีก็แข็งแรงดีอยู่แล้ว และย่านนี้ก็มีคนผ่านไปมาตลอด หน้าร้านเธอมีแผงขายน้ำปั่นของสองแม่ลูกอัธยาศัยดี เยื้องกันไปก็ที่ประจำของบะหมี่เกี๊ยวเปิดขายกันจนตีสาม จะเก็บร้านก็ตอนคนกวาดขยะมาแล้ว เพื่อนบ้านอาคารติดกันก็มี แค่ปิดล็อกประตูให้ดีก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้ว
“ครั้งนี้พี่ผิดจริง พี่ไม่ขอแก้ตัว แต่พี่ก็อยากให้แป้งรับความหวังดีของพี่เอาไว้”
“ไม่รับก็ต้องรับล่ะค่ะ ก็พี่พันเล่นมัดมือชกส่งช่างไปแบบนั้น แป้งรู้ว่าพี่พันเป็นห่วงนะคะ แต่แป้งไม่ชอบที่พี่พันทำอะไรไม่ปรึกษาแป้ง พี่พันรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังวิตกจริตจนเกินเหตุ”
พัลลภยอมให้หญิงสาวบ่นโดยไม่แก้ต่างให้กับตัวเอง ถ้าเธอรู้ในสิ่งที่เขารู้เธอคงจะเข้าใจในความเป็นห่วงของเขา แต่เขาก็ไม่อยากให้เธอกังวลหรือวิตกเกินกว่าเหตุ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง เลยขอแบกรับความกังวลใจเอาไว้คนเดียว
“พี่พันกำลังปิดบังอะไรแป้งอยู่หรือเปล่าคะ มีเหตุผลอะไรพี่พันถึงเป็นห่วงแป้งขนาดนั้น”
ณัฐมลคิดว่ามันมีอะไรมากกว่าความเป็นห่วงในฐานะคนรักธรรมดา ท่าทีของเขาไม่ได้มีพิรุธ ที่เธอสงสัยคงต้องบอกว่าเป็นลางสังหรณ์ของผู้หญิงเสียมากกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เรื่องคิดมากไร้สาระน่ะ” ชายหนุ่มบอกปัด แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของหญิงสาว
ณัฐมลไม่มีวันหยุดโมโหหรือเลิกเซ้าซี้จนกว่าจะได้รู้ความจริง พัลลภไม่สามารถบอกเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงเป็นห่วงเธอได้ เขาก็เลยจำเป็นต้องบอกเหตุผลรองไปแทน
“ถ้าแป้งได้ฟังแล้วอาจจะโกรธนะ”
พัลลภไม่คิดว่าหญิงสาวจะโกรธจริงอย่างที่พูด แต่เกริ่นเอาไว้ก่อนเผื่อเธอจะเปลี่ยนใจเพราะมันเป็นเรื่องเล่าที่เขาไม่ค่อยอยากจะเล่าเหมือนกัน
“ไม่มีอะไรทำให้แป้งโกรธมากกว่าการปิดบังแล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เธอเกลียดคนชอบบงการก็จริงแต่ว่าเกลียดคนโกหกมากกว่าร้อยเท่า
พัลลภรับคำปากว่าจะบอก เขาเดินตรงเข้ามาหาแล้วโอบตัวหญิงสาวมานั่งที่โซฟาเหมือนจะสื่อว่าเรื่องที่จะเล่านี้ค่อนข้างยาว
“แป้งรู้ไหมทำไมพี่ถึงเรียกแป้งว่าเป็ดน้อย”
หญิงสาวส่ายหน้าแล้วเตรียมอ้าปากจะแย้งว่ามันเกี่ยวอะไรด้วย แต่เขายกมือขึ้นจุปากแล้วทำท่าเหมือนกับว่าให้ฟังให้จบเสียก่อน
“พี่ไม่ได้เรียกแป้งแบบนั้นเพราะคิดว่าแป้งหน้าตาเหมือนเป็ดหรอกนะ เพียงแต่แป้งทำให้พี่เอ็นดูแล้วก็นึกถึงเจ้าดั๊กกี้”
พัลลภเว้นช่วงคำพูดไป ชายหนุ่มเม้มปากพลางเหม่อมองไปผนังเพื่อลำดับเรื่องราวในสมอง แล้วเรื่องราวอันน่าประทับใจของเด็กน้อยกับลูกเป็ดขี้โรคก็พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากได้รูป
“ดั๊กกี้เป็นลูกเป็ดที่พี่เลี้ยงเอาไว้ตอนยังเด็ก มันเป็นเป็ดอ่อนแอเพราะฟักออกมาช้าแล้วก็ตัวเล็กกว่าเพื่อน ก็เลยต้องดูแลเป็นพิเศษ”
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแต่พัลลภก็ยังจำทุกอย่างได้ฝังใจ ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พ่อพาเขากับน้องๆ ไปพักอยู่ที่ไร่ของลุงพฤกษ์ ช่วงนั้นลุงกำลังทดลองทำเครื่องฟักไข่อยู่พอดี ก็เลยเอาไข่เป็ดลังหนึ่งมาทดลองฟัก
ช่วงที่เขาไปถึง ลูกเป็ดตัวน้อยกำลังทยอยฟักออกมาจากไข่พอดี เขากับน้องๆ เลยพากันนั่งเฝ้าเครื่องฟักไข่ไม่ไปไหน รอคอยให้ลูกเป็ดสีเหลืองออกมาจากไข่ด้วยความตื่นเต้น
ทีแรกมันตัวเปียกดูไม่ฟูนุ่มน่ารักเหมือนที่เห็นในรูปภาพเลย แต่พอเวลาผ่านไปขนมันแห้งแล้วมันก็เริ่มมีเค้าของความน่ารักให้เห็น ไข่เป็ดทยอยฟักทีละใบจนเหลืออยู่สี่ฟอง รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่ฟักออกมา ลุงพฤกษ์บอกว่ามันเป็นไข่เสียเลยปิดเครื่องแล้วทิ้งไป โดยไม่มีใครรู้ว่ามีลูกเป็ดตัวจิ๋วกำลังจิกเปลือกไข่ออกมาหลังจากถูกทิ้งไม่ได้นาน
คนแรกที่พบว่ามีลูกเป็ดอยู่ในถังขยะคือพัลลภ เขารีบเอาเป็ดน้อยไปวางบนผ้าขนหนูแล้วเปิดไฟให้ความอบอุ่นมัน หลังจากนั้นเจ้าเป็ดน้อยก็ตามติดเขาแจเพราะคิดว่าเป็นแม่ พัลลภตั้งชื่อมันว่า ‘ดั๊กกี้’ แล้วคอยดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี ไม่ให้ถูกตัวอื่นรังแกเพราะมันตัวเล็กกว่าเพื่อน
พอลูกเป็ดเริ่มโตลุงพฤกษ์ก็ย้ายพวกมันไปอยู่นอกบ้าน แต่ดั๊กกี้ยังได้สิทธิ์พิเศษในการอยู่ในบ้านได้ หนึ่งเดือนผ่านไปจากเป็ดน้อยท่าทางขี้โรคมันก็กลายเป็นเป็ดอ้วนกลม พัลลภค่อนข้างจะผูกพันกับเจ้าเป็ดตัวนี้เลยขอเอากลับไปเลี้ยงด้วยแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต พ่อบอกว่าปล่อยให้มันอยู่ที่นี่กับเพื่อนๆ จะมีความสุขกว่า แล้วบ้านที่กรุงเทพฯ ก็เลี้ยงสุนัข มันอาจจะถูกกัดตายได้ถ้าดูแลไม่ดี พัลลภเลยจำต้องปล่อยมันทิ้งไว้ที่ไร่ที่สระบุรี
“แล้วยังไงต่อคะ พี่พันได้เจอกับเจ้าดั๊กกี้อีกไหม”
พัลลภทำตาเศร้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“มันตายหลังจากพี่กลับไปไม่นาน มันถูกหมาจรจัดคาบเอาไปกินเพราะว่าเชื่องผิดกับตัวอื่นก็เลยไม่ค่อยระวังตัว”
“น่าสงสารจัง” ณัฐมลพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วยเมื่อได้รับรู้ชะตากรรมของเจ้าดั๊กกี้
“ตอนนั้นพี่คิดทันทีเลยว่าพี่น่าจะดื้อกับพ่อ ถ้าพี่เอามันมาเลี้ยงมันก็คงไม่ถูกกัดตาย”
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่พันหรอกนะคะ” ณัฐมลรีบพูดแล้วกุมมือเขาไว้
“ไม่หรอก มันเป็นความผิดพี่ พี่สามารถปกป้องได้แต่พี่ก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นให้พี่ได้ดูแลแป้งเถอะนะ”
“พี่พันล่ะก็ แป้งไม่ใช่เป็ดที่จะเดินไปให้หมากัดตายนะคะ”
ฟังแล้วมันก็ทำให้เคลิ้มดีอยู่หรอก แต่เธอก็มั่นใจอยู่ดีว่าสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นคงอยู่คนเดียวมาตั้งนานไม่ได้
“ก็เพราะแป้งไม่ใช่เป็ดน่ะสิครับถึงได้สำคัญกว่า ตอนนี้มีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่าผู้หญิงที่อยู่คนเดียวถูกโจรบุกเข้ามาทำร้าย แล้วจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง พอรวมเข้ากับเรื่องดั๊กกี้พี่ก็เลยเผลอวุ่นวายมากไป เหตุผลของพี่ก็มีแค่นี้ ถึงมันจะบ้าบอ แต่พี่ก็ห่วงจริงๆ นะครับ”
พัลลภบีบมือหญิงสาว แล้วทำหน้าหมองชวนให้เห็นใจ สุดท้ายณัฐมลก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้ในที่สุด
“แป้งไม่โกรธแล้วค่ะ แต่พี่พันต้องสัญญานะคะว่าต่อไปเวลาจะทำอะไรต้องปรึกษาแป้งก่อน แล้วก็ห้ามโกหกด้วย แป้งไม่ชอบคนโกหก”
“สัญญาครับ ขอบคุณที่ยกโทษให้พี่นะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อได้รับการให้อภัย
และแล้วเป็ดน้อยก็ติดกับจอมเจ้าเล่ห์อีกหนึ่งหน สิ่งที่พัลลภเล่านั้นเป็นความจริงทุกอย่าง แต่ก็มีความจริงบางส่วนที่ไม่ได้พูดออกมา
เหตุการณ์ตอนที่ดั๊กกี้ตายมันฝังใจสุดขีด เพราะเขาสู้อุตส่าห์ขุนเป็ดอ้วนตัวนั้นมาตั้งนาน ตั้งใจจะเก็บเอาไว้กินเองแต่กลับถูกคาบไปเสียได้
‘คอยดูเถอะ เป็ดตัวนี้เป็นของเขา จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปเด็ดขาด’

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2554, 17:25:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2555, 20:47:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 3147
<< บทที่ 14 จับกด | บทที่ 16 Congratulations! >> |

ปูจ้า 28 ก.ย. 2554, 17:44:49 น.
พี่พันจะทำไรแป้งอ่ะกิ๊วๆๆๆ แป้งจะปลื้มดีไหมนี่พี่พันชอบแป้งเพราะแปลกเหมือนเป็ด เฮ้ออ
พี่พันจะทำไรแป้งอ่ะกิ๊วๆๆๆ แป้งจะปลื้มดีไหมนี่พี่พันชอบแป้งเพราะแปลกเหมือนเป็ด เฮ้ออ

Auuuu 28 ก.ย. 2554, 17:46:20 น.
เป็นกำลังใจให้ค่า อิอิ :)
เป็นกำลังใจให้ค่า อิอิ :)

แล่นแต๊ 28 ก.ย. 2554, 17:52:27 น.
พี่พันขี้แกล้ง
พี่พันขี้แกล้ง

nunoi 28 ก.ย. 2554, 17:55:23 น.
ตายแล้ว จากเทพบุตร จะกลายเป็นซาตาน ซะงั้น
แล้ว cd อะไรเหรอ ที่นายเม้ง เอามาให้อ่ะ
ตายแล้ว จากเทพบุตร จะกลายเป็นซาตาน ซะงั้น
แล้ว cd อะไรเหรอ ที่นายเม้ง เอามาให้อ่ะ

คิมหันตุ์ 28 ก.ย. 2554, 18:06:31 น.
ห้าห้า. เทพบุตรในคราบซาตาน. คือจริงๆแล้วผุ้หญิงก็ไม่ชอบเทพบุตรเสมอไปหรอกจริงไม๊ยัยแป้ง ฮิ้วววววว
ห้าห้า. เทพบุตรในคราบซาตาน. คือจริงๆแล้วผุ้หญิงก็ไม่ชอบเทพบุตรเสมอไปหรอกจริงไม๊ยัยแป้ง ฮิ้วววววว

anOO 28 ก.ย. 2554, 18:44:31 น.
พี่พัน เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวตลอดเลยนะ
พี่พัน เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวตลอดเลยนะ

ปรางขวัญ 28 ก.ย. 2554, 20:08:32 น.
ชื่อตอนแล้วรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว อิอิ
พี่หมอเริ่มคิดอะไรกับแป้งร่ำแล้วใช่ป่าว
ชื่อตอนแล้วรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว อิอิ
พี่หมอเริ่มคิดอะไรกับแป้งร่ำแล้วใช่ป่าว

ลิขิตรา 28 ก.ย. 2554, 20:10:35 น.
เอ่อ...เป็ดน้อย
พี่พันขา...หนูแป้งก็แค่เตี้ย แค่โกะไปนิดเดียว เป็นเป็ดเลยเหรอคะ แล้ว...นี่พี่พันจะจับเป็ดกดหรือเปล่าคะ
มานั่งหน้าจอเชียร์ให้พี่พันจับเป็ดกดเสียให้รู้แล้วรู้รอด คริ ๆ
เอ่อ...เป็ดน้อย
พี่พันขา...หนูแป้งก็แค่เตี้ย แค่โกะไปนิดเดียว เป็นเป็ดเลยเหรอคะ แล้ว...นี่พี่พันจะจับเป็ดกดหรือเปล่าคะ
มานั่งหน้าจอเชียร์ให้พี่พันจับเป็ดกดเสียให้รู้แล้วรู้รอด คริ ๆ

Zephyr 28 ก.ย. 2554, 20:10:51 น.
เอ้า ยายแป้งรั่วกลายเป็นเป็ดในกำมือพี่พันไปแล้ว แต่เอ พล็อตบอกว่า นางเอกต้องทุ่มทุนตามล่าชายในฝันไม่ใช่เหรอคะ แต่ว่ามาตอนหลังๆนี่เหมือนชายในฝันจะเป็นคนต้อนให้จนมุมมากกว่านะ หึหึ ไม่รอดแน่ยังแป้ง เหมือนเธอจะเป็นของเล่นไปทุกทีๆ
เอ้า ยายแป้งรั่วกลายเป็นเป็ดในกำมือพี่พันไปแล้ว แต่เอ พล็อตบอกว่า นางเอกต้องทุ่มทุนตามล่าชายในฝันไม่ใช่เหรอคะ แต่ว่ามาตอนหลังๆนี่เหมือนชายในฝันจะเป็นคนต้อนให้จนมุมมากกว่านะ หึหึ ไม่รอดแน่ยังแป้ง เหมือนเธอจะเป็นของเล่นไปทุกทีๆ

เพลา 28 ก.ย. 2554, 20:12:00 น.
คราวนี้น้องแป้งจะได้รู้ว่าพี่พันน่ะโคตรร้าย อิอิ
คราวนี้น้องแป้งจะได้รู้ว่าพี่พันน่ะโคตรร้าย อิอิ


แว่นใส 28 ก.ย. 2554, 20:49:36 น.
เอาเลยเรารออยู่
เอาเลยเรารออยู่

bow 28 ก.ย. 2554, 22:05:00 น.
กรี๊ด.. รอให้พี่หมอออกลายมานานแล้วค่ะ :P
ไม่เชื่อแต่ต้นแล้วละค่า ว่าจะเป็นคุณหมอซื่อๆ แสนดี :D
กรี๊ด.. รอให้พี่หมอออกลายมานานแล้วค่ะ :P
ไม่เชื่อแต่ต้นแล้วละค่า ว่าจะเป็นคุณหมอซื่อๆ แสนดี :D

wane 28 ก.ย. 2554, 22:31:52 น.
อ่านตอนที่เปลี่ยนที่ทำงานแล้วไม่ชอบพี่พันเลย เหมือนพี่พันเห็นแก่ตัวงัยก้อไม่รู้ ผู้อำนวยการเค้าก้อดีแสนดี ให้ลาไปเรียนได้ กลับมาก้อให้ทำงานเหมือนเดิม ทั้งจะให้ทำงานน้อยลง ลาไปสอนได้ ได้เงินเดือนเท่าเดิม แต่สุดท้ายพี่พันก็เปลี่ยนใจไม่ทำกับเค้าซะอย่างงั้น อันนี้ไม่น่าจะใช่ลักษณะของหมอที่ดีเลยนะ
อ่านตอนที่เปลี่ยนที่ทำงานแล้วไม่ชอบพี่พันเลย เหมือนพี่พันเห็นแก่ตัวงัยก้อไม่รู้ ผู้อำนวยการเค้าก้อดีแสนดี ให้ลาไปเรียนได้ กลับมาก้อให้ทำงานเหมือนเดิม ทั้งจะให้ทำงานน้อยลง ลาไปสอนได้ ได้เงินเดือนเท่าเดิม แต่สุดท้ายพี่พันก็เปลี่ยนใจไม่ทำกับเค้าซะอย่างงั้น อันนี้ไม่น่าจะใช่ลักษณะของหมอที่ดีเลยนะ

ชอบอ่าน 28 ก.ย. 2554, 23:07:36 น.
กรี๊ดดดดดดดทำไมต้องมาจบตอนนี้ด้วยยยยยยย
กรี๊ดดดดดดดทำไมต้องมาจบตอนนี้ด้วยยยยยยย

หมูอ้วน 28 ก.ย. 2554, 23:11:04 น.
หนูแป้ง กลายเป็นเป็ดน้อยสำหรับพี่หมอไปซะแล้ว ฮิ...
หนูแป้ง กลายเป็นเป็ดน้อยสำหรับพี่หมอไปซะแล้ว ฮิ...

ปอกะเจา 29 ก.ย. 2554, 10:59:14 น.
อ๊าย พี่พัน ใช้วิธีรุนแรงนะคะ
อ๊าย พี่พัน ใช้วิธีรุนแรงนะคะ

silverraindrop 29 ก.ย. 2554, 11:45:04 น.
ทำไมคุณหมอเปลี่ยนไปคะ
ทำไมคุณหมอเปลี่ยนไปคะ

ameerahTaec 29 ก.ย. 2554, 14:17:38 น.
พี่หมอร้ายแบบนี้น่ารักดี อิอิ
พี่หมอร้ายแบบนี้น่ารักดี อิอิ