เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์
ตอน: บทที่ 16 Congratulations!
บทที่ 16 Congratulations!
บนชั้นสามของบ้านหลังงาม ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกันกับบ้านของพัลลภ ใครคนหนึ่งกำลังแง้มม่านหน้าต่างออก แล้วใช้กล้องส่องทางไกลแอบสำรวจความเคลื่อนไหวของคนในบ้านอย่างเงียบกริบ
จากจุดนี้แม้จะมองเห็นได้แค่โรงรถกับสวน แต่คนที่แอบมองก็พอจะจับความเคลื่อนไหวและเดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ในระหว่างที่กำลังรอคอยให้เจ้าของบ้านเดินออกมากดปุ่มเปิดสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้เช่นทุกวัน ประตูรั้วที่ปิดสนิทก็เริ่มขยับ พอหันกล้องไปมองก็เห็นว่ามีรถญี่ปุ่นสีดำคันหนึ่ง แล่นมาจอดเทียบที่ประตูหน้าบ้าน อึดใจรั้วไฟฟ้าก็ขยับแล้วเปิดออกต้อนรับ คล้ายกับว่าเจ้าของสถานที่รอการมาเยือนของแขกอยู่แล้ว
‘นังผู้หญิงหน้าด้านนั่นมาอีกแล้ว’ คนแอบมองคิดในใจอย่างคลั่งแค้น
เธอคลาดสายตาจากเขาไม่ทันไร ก็มีหนอนแมลงมาไต่ตอมเจ้าชายของเธอเต็มไปหมด แถมหนอนหน้าปลวกตัวนี้ยังสาระแนจนน่าหมั่นไส้ ถ้าแค่มองอยู่ห่างๆ เหมือนคนอื่น เธอคงจะแค่ชังน้ำหน้า แต่นี่มันกลับเข้าออกบ้านของเจ้าชายราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ทั้งยังหัวร่อต่อกระซิกทำตัวตีสนิทกับน้องชายเจ้าของบ้านอย่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
‘นังผู้หญิงร่าน ไร้ยางอาย’
ริมฝีปากแดงสดบนใบหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวเพราะความชิงชัง
หญิงสาวจ้องมองณัฐมลเดินลงมาจากรถอย่างอาฆาต ยิ่งได้เห็นท่าทีสดชื่นรื่นเริงของเจ้าหล่อนมากเท่าไร ความเกลียดชังในใจก็ยิ่งขยายวงกว้างขึ้นมากเท่านั้น
“เห็นทีจะปล่อยนังหนอนสกปรกตัวนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว”
ขาดคำตุ๊กตาอาหมวยมัดจุกที่อยู่ใกล้มือ ก็ถูกคว้ามาทำลายเพื่อระบายโทสะ เล็บยาวจิกลงบนใบหน้าของตุ๊กตา ขยำขยี้ฉีกกระชากมันอย่างไม่ปรานีปราศรัย อึดใจตุ๊กตาตัวจ้อยก็หัวหลุดออกจากตัว ราวกับเป็นการประกาศว่านี่คือชะตากรรมของคนที่บังอาจมาทำให้เจ้าชายของเธอแปดเปื้อน
ณัฐมลเข้าไปในบ้านโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกหมายหัว หญิงสาวเดินยิ้มเข้าไปทักทายพศวีร์ที่กำลังเดินสวนออกข้างนอก
“จะไปไหนเหรอพศ แต่งตัวหล่อเชียว”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยชมเกินจริงเลย สูทหรูสีเทาที่สวมดูเหมาะเจาะกับชายหนุ่มราวกับออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ พศวีร์จงใจติดกระดุมตรงกลางแค่เม็ดเดียว แล้วปล่อยชายเสื้อเอาไว้ไม่ให้ดูเป็นทางการนัก ตัวเชิ้ตด้านในก็ปลดกระดุมคอออกเช่นกัน เข้ากับบุคลิกหนุ่มสังคมอารมณ์ดีได้อย่างเหมาะเจาะ
“ไปงานวันเกิดคุณย่าน่ะแป้ง”
ตอนนี้สองหนุ่มสาวเริ่มสนิทกันมากขึ้น ก็เลยไม่เรียกแทนตัวกันว่าคุณ พศวีร์อ่อนกว่าณัฐมลสองปี แต่เนื่องจากเขาเห็นว่าเธอหน้าเด็กก็เลยไม่เรียกพี่ หญิงสาวเองก็พอใจที่จะได้ลดอายุตัวเอง ก็เลยปล่อยให้เรียกชื่อเฉยๆ โดยไม่ถือสา
“ฝากอวยพรด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ผมก็ฝากกินด้วยเหมือนกัน เห็นพี่พันทำกับข้าวในครัวมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว สงสัยจะเป็นสตูของโปรด”
“พี่พันไม่ไปด้วยหรือ?” ณัฐมลถามด้วยน้ำเสียงฉงน
พัศวีร์ที่ดูขี้เล่นยังแต่งเสียเต็มยศ พัลลภซึ่งเป็นผู้ใหญ่และดูเป็นการเป็นงานกว่าก็น่าจะไปด้วย
“ไม่ไปครับ”
“ทำไมล่ะคะ งานวันเกิดคุณย่าทั้งที”
“ย่าของผม แต่ไม่ใช่ย่าของพี่พันนี่ครับ”
พศวีร์อมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของคู่สนทนา เขาก็เลยอธิบายให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เขาไปอยู่กับครอบครัวน้าสาว ก็เลยพลอยสนิทกับคุณย่าซึ่งเป็นแม่ของน้าเขยไปด้วย
คุยกันอีกนิดหน่อยชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปข้างนอก ณัฐมลจึงอาสาช่วยปิดประตูบ้านให้ พอรถสปอร์ตสีเหลืองบาดตาของพศวีร์แล่นหายไปแล้ว หญิงสาวก็เดินตามกลิ่นอาหารเข้าไปในห้องครัว
พัลลภกำลังสาละวนอยู่กับการเคี่ยวอะไรบางอย่างในหม้อใบใหญ่ เธอเลยคิดจะย่องไปทำให้ตกใจจากทางด้านหลัง แต่ต้องสะดุ้งเสียเองเมื่อเขาหันมากะทันหัน
“ย่องมาแบบนี้จะแกล้งอะไรพี่หรือครับเป็ดน้อย” ชายหนุ่มส่งยิ้มที่บอกว่ารู้ทันมาให้ คนโดนจับได้เลยเปลี่ยนประเด็นเพื่อกลบเกลื่อน
“เปล่าสักหน่อยค่ะ พี่พันทำอะไรอยู่หรือคะ”
“สตูเนื้อครับ”
“หอมน่าทานจังค่ะ” ณัฐมลชะโงกหน้าไปสูดกลิ่นอาหารจากหม้อ แล้วถอยออกมามองเทพบุตรสุดหล่อในชุดผ้ากันเปื้อนให้เต็มตา
ถึงเธอจะเห็นเขาเข้าครัวบ่อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีหวานทำอาหาร แทนที่จะดูขัดตามันกลับชวนมองจนทำให้หัวใจกระตุก
“พี่ให้แม่บ้านคั้นน้ำส้มไว้ให้ในตู้เย็น รีบไปดื่มสิครับ กลับมาเหนื่อยๆ ดื่มแล้วจะได้สดชื่น”
วันนี้พัลลภให้แม่บ้านมาตั้งแต่เช้า เพื่อช่วยเตรียมของสำหรับทำอาหารให้ เขาถนัดซ้ายจึงไม่มีปัญหาเรื่องการหยิบจับสิ่งของ แต่ยังใช้มีดได้ไม่สะดวกก็เลยต้องพึ่งคนอื่น
“ขอบคุณค่ะ”
ความใส่ใจของพัลลภทำให้ณัฐมลยิ้มหน้าบาน ชาตินี้จะหาได้ที่ไหนอีก แฟนที่หล่อสมบูรณ์แบบ แล้วเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนอย่างนี้ หญิงสาวอยากจะดูแลเขาบ้าง ก็เลยรินน้ำเย็นเจี๊ยบยื่นให้คนที่ยืนเหงื่อท่วมดื่ม
ณัฐมลขลุกอยู่ในครัวเป็นผู้ช่วยพัลลภอยู่อีกราวชั่วโมงเศษอาหารเย็นก็เสร็จ มื้อนี้มีทั้งสตูว์เนื้อ ไก่ทอด สปาเกตตี สลัดแฮม แล้วก็ของทอดไขมันสูงอย่างเฟรนฟรายกับไส้กรอกชีส ส่วนของหวานมีเค้ก พุดดิ้งนมสดกับผลไม้จานโต
“ทำไมทำเยอะจังคะ”
อาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะตัวยาวเลี้ยงคนเป็นโหลได้สบายเลยทีเดียว
“ฉลองที่เราคบกันครบเจ็ดวันไงครับ”
“เจ็ดวันนี่นับเป็นวันครบรอบด้วยเหรอคะ พี่พันล่ะก็…ไม่ต้องทำให้ขนาดนี้ก็ได้” หญิงสาวบิดไปมาด้วยความขัดเขิน
“ไม่ชอบหรือครับ พี่น่าจะให้ดอกไม้มากกว่าสินะ” ชายหนุ่มพึมพำด้วยท่าทีผิดหวัง
“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แป้งแค่เกรงใจแล้วก็ไม่มีอะไรตอบแทนพี่พันเลย” ณัฐมลรีบแก้ไขความเข้าใจผิด
พัลลภไม่เคยให้ดอกไม้หรือของขวัญอย่างที่คนอื่นเขาให้กัน แต่ก็ใส่ใจเธอตามแบบฉบับของเขา แล้วแบบนี้จะไม่ปลื้มได้อย่างไร
“ของแค่นี้เอง ไม่หนักหนาหรอกครับ แล้วพี่ก็ไม่อยากได้อะไรตอบแทนเสียหน่อย ขอแค่แป้งชอบพี่ก็ดีใจแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม
“ไม่หนักอะไรกันคะ พศบอกว่าพี่เข้าครัวมาตั้งแต่เที่ยง เหนื่อยแย่เลย”
“สารภาพก็ได้ครับว่าเหนื่อยมากเลยล่ะ ถ้าแป้งอยากให้พี่หายเหนื่อย แป้งก็ต้องกินเยอะๆ นะครับ”
เทพบุตรในฝันทุ่มทุนทำให้ขนาดนี้มีหรือหญิงสาวจะขัด ณัฐมลพยักหน้ารับแล้วจัดการกินบรรดาอาหารแคลอรีสูงที่เขาตักใส่จานมาให้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อรักษาน้ำใจคนทำ
เธอไม่รู้หรอกว่าเทพบุตรจอมวายร้ายกำลังแอบแสยะยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อแผนปฏิบัติการขุนเป็ดน้อยให้อ้วนกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
ตั้งแต่คบกับพัลลภ ณัฐมลก็รู้สึกเหมือนกับว่าโลกของเธอช่างสดใส ถึงไม่ได้เป็นสีชมพูหวานอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่กรุ่นอยู่ในหัวใจ แล้วมันก็ทำให้อารมณ์ดีจนอมยิ้มได้ทั้งวัน ต่อให้การทำงานเคร่งเครียดแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายรอยยิ้มของหญิงสาวลงได้
วริศราเป็นคนหนึ่งที่สังเกตเห็นถึงบรรยากาศแจ่มใสที่ห่อหุ้มตัวเพื่อนร่วมงานเอาไว้อยู่ พอได้จังหวะเหมาะเธอจึงถือโอกาสถามถึงชายหนุ่มที่ทำให้ณัฐมลอารมณ์ดีได้แบบนี้
“คิดถึงแฟนอยู่เหรอคะพี่แป้ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
วันนี้เธอกับณัฐมลอยู่เวรห้องยาผู้ป่วยใน ด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยมีเวลาคุยกันบ้างระหว่างที่ทำงาน ไม่ยุ่งมากเท่ากับตอนอยู่ห้องยาผู้ป่วยนอก
“ว่าเข้านั่น คิดอยู่ต่างหากว่างาน mid night sale อาทิตย์หน้าจะซื้ออะไรดี” ณัฐมลแก้ต่าง
เธอไม่ได้โกหกเรื่องงานลดราคา เพียงแต่คิดถึงเรื่องของพัลลภมากกว่าเท่านั้นเอง วันนี้เขาบอกจะพาออกไปกินข้าวข้างนอก เธอเลยตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ เนื่องจากยังไม่เคยออกไปไหนด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“กิ๊บก็อยากไปบ้างจังแต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย ไปคนเดียวกว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว พ่อคงไม่อนุญาตแน่เลย” หญิงสาวเปรยด้วยความเสียดาย เพราะของห้างสรรพสินค้าที่จัดงานลดราคาอยู่คนละทางกับบ้าน
วริศราเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อกับแม่เลยหวงเป็นพิเศษ ปีนี้ก็อายุ 28 แล้วแต่จะไปไหนก็ยังต้องขออนุญาต ถ้าที่บ้านไม่ตกลงก็เป็นอันว่าอดไป
“ไปกับพี่สิ ขากลับพี่จะขับรถไปส่งเอง” ณัฐมลอาสาเพราะสงสาร เป็นเธอคงอึดอัดตายถ้าที่บ้านคุมเข้มอย่างนี้
“ขอบคุณมากค่ะพี่แป้ง งั้นกิ๊บไปด้วยคน กำลังอยากได้กระเป๋าใบใหม่พอดี”
พอนึกถึงของที่หมายตารอให้ลดราคามานาน ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกาย
“พี่แป้งล่ะคะจะซื้ออะไรคะ ซื้อชุดใหม่เอาไปเดทกับแฟนหรือเปล่า”
ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม การสนทนาก็ถูกขัดเพราะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมจดหมาย
“มีจดหมายมาส่งครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ แล้วเอาจดหมายปึกใหญ่ใส่ไว้ที่ตะกร้า
ปกติไปรษณีย์จะเอาจดหมายมาส่งไว้ที่แผนกธุรการ แล้วก็จะมีคนทำหน้าที่เอามาแจกจ่ายให้แต่ละแผนกอีกที ณัฐมลไม่ได้ให้ความสนใจนัก เพราะเธอไม่เคยให้ที่อยู่ของโรงพยาบาลไป เวลาใครจะมาส่งของก็มักจะส่งไปที่ร้านมากกว่า
วริศราเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน เธอถึงเหลือบไปเห็นว่าฉบับบนสุดจ่าหน้าซองเป็นชื่อของรุ่นพี่
“อ้าว! มีของพี่แป้งด้วย” หญิงสาวหยิบออกมาส่งให้อย่างมีน้ำใจ
ณัฐมลรับซองสีขาวมาพิจารณาอย่างสงสัย เพราะมันไม่ได้ระบุชื่อผู้ส่งเอาไว้ หญิงสาวเลยฉีกซองออกดู แล้วก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อเห็นข้อความตัวโตที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์บนแผ่นกระดาษ
“’ไปตายซะ!’ นี่มันอะไรกัน” หญิงสาวพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
“ใครตายคะพี่แป้ง” วริศราได้ยินไม่ถนัดเลยถามซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องล้อเล่นไร้สาระน่ะ” ณัฐมลบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
หญิงสาวตกใจอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าคงเป็นการส่งผิดตัว หรือเป็นตลกร้ายของใครสักคนมากกว่า เธอขยำกระดาษที่มีข้อความสาปแช่ง ก่อนโยนมันลงถังขยะไปอย่างไม่ไยดี
นับจากวันนั้นก็มีจดหมายที่มีข้อความด่าทอสาปแช่งส่งมาทุกวัน เนื้อหาเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าไม่ควรมองผ่าน ณัฐมลจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น และเริ่มเก็บจดหมายเอาไว้แทนที่จะทิ้ง เผื่อเอาไว้ในกรณีที่ว่าเกิดอะไรรุนแรงกว่านี้ จะได้มีหลักฐานจำพวกลายนิ้วมือเก็บเอาไว้
แม้จะกังวลใจอยู่ลึกๆ หญิงสาวก็เลือกที่จะใช้ชีวิตตามปกติ เธอจะไม่ยอมให้อะไรมาบ่อนทำลายชีวิตแสนสุขกับการชอปปิงเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พัลลภฟัง และยังคงไปงานลดกระหน่ำโดยไม่เปลี่ยนแผน
ทีแรกณัฐมลตั้งใจจะชวนพัลลภไปด้วยกัน แต่มานึกดูแล้วพวกผู้ชายคงไม่ชอบการซื้อของเท่าไร อีกทั้งระยะนี้เธออยู่กับเขาตลอดจนแทบไม่ได้ไปหาศศิชาเลย หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจชวนเพื่อนสนิทแทน
ถ้าโทรศัพท์มาชวนล่วงหน้าศศิชาอาจจะปฏิเสธว่างานยุ่งหรือขี้เกียจได้ ณัฐมลก็เลยถามก่อนว่าวันนั้นว่างไหม พอถึงเวลาค่อยบุกมาที่ห้องแบบไม่ให้ทันตั้งตัว อีกฝ่ายจะได้หมดข้ออ้าง
เมื่อวันลดกระหน่ำมาถึง ณัฐมลก็ให้วริศรานั่งแท็กซี่ไปกับเพื่อนร่วมงานอีกคนก่อน ส่วนตัวเองก็ขับรถไปหาศศิชา
พอมาถึงหอพักแพทย์ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หมายจะโทรเรียกเพื่อนให้ลงมาเปิดประตูให้ แต่มีสายโทรเข้ามาเสียก่อนเธอก็เลยกดรับ
“ถึงร้านหรือยังครับแป้ง” เสียงของพัลลภดังมาตามสาย
วันนี้เธอบอกเขาแล้วว่าจะไม่ไปหา แต่ลืมบอกไปเสียสนิทว่าจะไปซื้อของ
“ยังค่ะพี่พัน ตอนนี้แป้งอยู่ที่ห้องชาว่าจะชวนกันไปชอปปิงงาน mid night sale เสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่กวนแล้ว ขับรถดีๆ แล้วดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“รับทราบค่ะ”
ณัฐมลรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสโดยไม่นึกรำคาญ แม้พัลลภจะเป็นจอมบงการ แต่ก็ไม่เคยโทรตามถี่ๆ หรือบังคับกันจนเกินไป ขอแค่รู้ว่าเธออยู่ไหนจะกลับบ้านเมื่อไรเขาก็เลิกซักแล้ว ชายหนุ่มปล่อยให้คนรักใช้เวลาส่วนตัวเต็มที่ คล้ายจะบอกเธอไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองหรือสละเวลาส่วนตัวเพื่อเขา หญิงสาวก็เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุม
“ดีมากครับเป็ดน้อย กลับถึงบ้านแล้วก็อย่าลืมโทรบอกพี่ด้วยนะ” ชายหนุ่มย้ำก่อนจะวางสาย
ในจังหวะนั้นก็มีคนเปิดประตูออกมาพอดี ณัฐมลเลยรีบเดินสวนเข้าไป พอขึ้นลิฟต์มาถึงที่หมายหญิงสาวก็เคาะประตูห้องรัวๆ แล้วบิดลูกบิดดู พอเห็นว่ามันไม่ได้ล็อก เธอเลยเปิดพรวดเข้าไปตั้งจะทำให้เจ้าของห้องตกใจเล่น
“จ๊ะเอ๋!” ณัฐมลกระโดดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
ทว่าคนที่ตกใจจนตาค้างกลับกลายเป็นตัวเธอเอง ศศิชาไม่ได้อยู่ในห้องตามลำพัง แต่ยังมีกันติทัตยืนอยู่ด้วย ที่ทำให้อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกก็คือทั้งเนื้อทั้งตัวของหนุ่มรุ่นน้องมีผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนเดียว
หญิงสาวมองใบหน้าของศศิชาสลับกับกันติทัตอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงปราดมากุมมือเพื่อนสาวเอาไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติว่า
“Congratulations!”
บนชั้นสามของบ้านหลังงาม ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกันกับบ้านของพัลลภ ใครคนหนึ่งกำลังแง้มม่านหน้าต่างออก แล้วใช้กล้องส่องทางไกลแอบสำรวจความเคลื่อนไหวของคนในบ้านอย่างเงียบกริบ
จากจุดนี้แม้จะมองเห็นได้แค่โรงรถกับสวน แต่คนที่แอบมองก็พอจะจับความเคลื่อนไหวและเดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ในระหว่างที่กำลังรอคอยให้เจ้าของบ้านเดินออกมากดปุ่มเปิดสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้เช่นทุกวัน ประตูรั้วที่ปิดสนิทก็เริ่มขยับ พอหันกล้องไปมองก็เห็นว่ามีรถญี่ปุ่นสีดำคันหนึ่ง แล่นมาจอดเทียบที่ประตูหน้าบ้าน อึดใจรั้วไฟฟ้าก็ขยับแล้วเปิดออกต้อนรับ คล้ายกับว่าเจ้าของสถานที่รอการมาเยือนของแขกอยู่แล้ว
‘นังผู้หญิงหน้าด้านนั่นมาอีกแล้ว’ คนแอบมองคิดในใจอย่างคลั่งแค้น
เธอคลาดสายตาจากเขาไม่ทันไร ก็มีหนอนแมลงมาไต่ตอมเจ้าชายของเธอเต็มไปหมด แถมหนอนหน้าปลวกตัวนี้ยังสาระแนจนน่าหมั่นไส้ ถ้าแค่มองอยู่ห่างๆ เหมือนคนอื่น เธอคงจะแค่ชังน้ำหน้า แต่นี่มันกลับเข้าออกบ้านของเจ้าชายราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ทั้งยังหัวร่อต่อกระซิกทำตัวตีสนิทกับน้องชายเจ้าของบ้านอย่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
‘นังผู้หญิงร่าน ไร้ยางอาย’
ริมฝีปากแดงสดบนใบหน้าขาวซีดบิดเบี้ยวเพราะความชิงชัง
หญิงสาวจ้องมองณัฐมลเดินลงมาจากรถอย่างอาฆาต ยิ่งได้เห็นท่าทีสดชื่นรื่นเริงของเจ้าหล่อนมากเท่าไร ความเกลียดชังในใจก็ยิ่งขยายวงกว้างขึ้นมากเท่านั้น
“เห็นทีจะปล่อยนังหนอนสกปรกตัวนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว”
ขาดคำตุ๊กตาอาหมวยมัดจุกที่อยู่ใกล้มือ ก็ถูกคว้ามาทำลายเพื่อระบายโทสะ เล็บยาวจิกลงบนใบหน้าของตุ๊กตา ขยำขยี้ฉีกกระชากมันอย่างไม่ปรานีปราศรัย อึดใจตุ๊กตาตัวจ้อยก็หัวหลุดออกจากตัว ราวกับเป็นการประกาศว่านี่คือชะตากรรมของคนที่บังอาจมาทำให้เจ้าชายของเธอแปดเปื้อน
ณัฐมลเข้าไปในบ้านโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกหมายหัว หญิงสาวเดินยิ้มเข้าไปทักทายพศวีร์ที่กำลังเดินสวนออกข้างนอก
“จะไปไหนเหรอพศ แต่งตัวหล่อเชียว”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยชมเกินจริงเลย สูทหรูสีเทาที่สวมดูเหมาะเจาะกับชายหนุ่มราวกับออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ พศวีร์จงใจติดกระดุมตรงกลางแค่เม็ดเดียว แล้วปล่อยชายเสื้อเอาไว้ไม่ให้ดูเป็นทางการนัก ตัวเชิ้ตด้านในก็ปลดกระดุมคอออกเช่นกัน เข้ากับบุคลิกหนุ่มสังคมอารมณ์ดีได้อย่างเหมาะเจาะ
“ไปงานวันเกิดคุณย่าน่ะแป้ง”
ตอนนี้สองหนุ่มสาวเริ่มสนิทกันมากขึ้น ก็เลยไม่เรียกแทนตัวกันว่าคุณ พศวีร์อ่อนกว่าณัฐมลสองปี แต่เนื่องจากเขาเห็นว่าเธอหน้าเด็กก็เลยไม่เรียกพี่ หญิงสาวเองก็พอใจที่จะได้ลดอายุตัวเอง ก็เลยปล่อยให้เรียกชื่อเฉยๆ โดยไม่ถือสา
“ฝากอวยพรด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ผมก็ฝากกินด้วยเหมือนกัน เห็นพี่พันทำกับข้าวในครัวมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว สงสัยจะเป็นสตูของโปรด”
“พี่พันไม่ไปด้วยหรือ?” ณัฐมลถามด้วยน้ำเสียงฉงน
พัศวีร์ที่ดูขี้เล่นยังแต่งเสียเต็มยศ พัลลภซึ่งเป็นผู้ใหญ่และดูเป็นการเป็นงานกว่าก็น่าจะไปด้วย
“ไม่ไปครับ”
“ทำไมล่ะคะ งานวันเกิดคุณย่าทั้งที”
“ย่าของผม แต่ไม่ใช่ย่าของพี่พันนี่ครับ”
พศวีร์อมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของคู่สนทนา เขาก็เลยอธิบายให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เขาไปอยู่กับครอบครัวน้าสาว ก็เลยพลอยสนิทกับคุณย่าซึ่งเป็นแม่ของน้าเขยไปด้วย
คุยกันอีกนิดหน่อยชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปข้างนอก ณัฐมลจึงอาสาช่วยปิดประตูบ้านให้ พอรถสปอร์ตสีเหลืองบาดตาของพศวีร์แล่นหายไปแล้ว หญิงสาวก็เดินตามกลิ่นอาหารเข้าไปในห้องครัว
พัลลภกำลังสาละวนอยู่กับการเคี่ยวอะไรบางอย่างในหม้อใบใหญ่ เธอเลยคิดจะย่องไปทำให้ตกใจจากทางด้านหลัง แต่ต้องสะดุ้งเสียเองเมื่อเขาหันมากะทันหัน
“ย่องมาแบบนี้จะแกล้งอะไรพี่หรือครับเป็ดน้อย” ชายหนุ่มส่งยิ้มที่บอกว่ารู้ทันมาให้ คนโดนจับได้เลยเปลี่ยนประเด็นเพื่อกลบเกลื่อน
“เปล่าสักหน่อยค่ะ พี่พันทำอะไรอยู่หรือคะ”
“สตูเนื้อครับ”
“หอมน่าทานจังค่ะ” ณัฐมลชะโงกหน้าไปสูดกลิ่นอาหารจากหม้อ แล้วถอยออกมามองเทพบุตรสุดหล่อในชุดผ้ากันเปื้อนให้เต็มตา
ถึงเธอจะเห็นเขาเข้าครัวบ่อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีหวานทำอาหาร แทนที่จะดูขัดตามันกลับชวนมองจนทำให้หัวใจกระตุก
“พี่ให้แม่บ้านคั้นน้ำส้มไว้ให้ในตู้เย็น รีบไปดื่มสิครับ กลับมาเหนื่อยๆ ดื่มแล้วจะได้สดชื่น”
วันนี้พัลลภให้แม่บ้านมาตั้งแต่เช้า เพื่อช่วยเตรียมของสำหรับทำอาหารให้ เขาถนัดซ้ายจึงไม่มีปัญหาเรื่องการหยิบจับสิ่งของ แต่ยังใช้มีดได้ไม่สะดวกก็เลยต้องพึ่งคนอื่น
“ขอบคุณค่ะ”
ความใส่ใจของพัลลภทำให้ณัฐมลยิ้มหน้าบาน ชาตินี้จะหาได้ที่ไหนอีก แฟนที่หล่อสมบูรณ์แบบ แล้วเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนอย่างนี้ หญิงสาวอยากจะดูแลเขาบ้าง ก็เลยรินน้ำเย็นเจี๊ยบยื่นให้คนที่ยืนเหงื่อท่วมดื่ม
ณัฐมลขลุกอยู่ในครัวเป็นผู้ช่วยพัลลภอยู่อีกราวชั่วโมงเศษอาหารเย็นก็เสร็จ มื้อนี้มีทั้งสตูว์เนื้อ ไก่ทอด สปาเกตตี สลัดแฮม แล้วก็ของทอดไขมันสูงอย่างเฟรนฟรายกับไส้กรอกชีส ส่วนของหวานมีเค้ก พุดดิ้งนมสดกับผลไม้จานโต
“ทำไมทำเยอะจังคะ”
อาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะตัวยาวเลี้ยงคนเป็นโหลได้สบายเลยทีเดียว
“ฉลองที่เราคบกันครบเจ็ดวันไงครับ”
“เจ็ดวันนี่นับเป็นวันครบรอบด้วยเหรอคะ พี่พันล่ะก็…ไม่ต้องทำให้ขนาดนี้ก็ได้” หญิงสาวบิดไปมาด้วยความขัดเขิน
“ไม่ชอบหรือครับ พี่น่าจะให้ดอกไม้มากกว่าสินะ” ชายหนุ่มพึมพำด้วยท่าทีผิดหวัง
“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แป้งแค่เกรงใจแล้วก็ไม่มีอะไรตอบแทนพี่พันเลย” ณัฐมลรีบแก้ไขความเข้าใจผิด
พัลลภไม่เคยให้ดอกไม้หรือของขวัญอย่างที่คนอื่นเขาให้กัน แต่ก็ใส่ใจเธอตามแบบฉบับของเขา แล้วแบบนี้จะไม่ปลื้มได้อย่างไร
“ของแค่นี้เอง ไม่หนักหนาหรอกครับ แล้วพี่ก็ไม่อยากได้อะไรตอบแทนเสียหน่อย ขอแค่แป้งชอบพี่ก็ดีใจแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม
“ไม่หนักอะไรกันคะ พศบอกว่าพี่เข้าครัวมาตั้งแต่เที่ยง เหนื่อยแย่เลย”
“สารภาพก็ได้ครับว่าเหนื่อยมากเลยล่ะ ถ้าแป้งอยากให้พี่หายเหนื่อย แป้งก็ต้องกินเยอะๆ นะครับ”
เทพบุตรในฝันทุ่มทุนทำให้ขนาดนี้มีหรือหญิงสาวจะขัด ณัฐมลพยักหน้ารับแล้วจัดการกินบรรดาอาหารแคลอรีสูงที่เขาตักใส่จานมาให้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อรักษาน้ำใจคนทำ
เธอไม่รู้หรอกว่าเทพบุตรจอมวายร้ายกำลังแอบแสยะยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ เมื่อแผนปฏิบัติการขุนเป็ดน้อยให้อ้วนกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
ตั้งแต่คบกับพัลลภ ณัฐมลก็รู้สึกเหมือนกับว่าโลกของเธอช่างสดใส ถึงไม่ได้เป็นสีชมพูหวานอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่กรุ่นอยู่ในหัวใจ แล้วมันก็ทำให้อารมณ์ดีจนอมยิ้มได้ทั้งวัน ต่อให้การทำงานเคร่งเครียดแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำลายรอยยิ้มของหญิงสาวลงได้
วริศราเป็นคนหนึ่งที่สังเกตเห็นถึงบรรยากาศแจ่มใสที่ห่อหุ้มตัวเพื่อนร่วมงานเอาไว้อยู่ พอได้จังหวะเหมาะเธอจึงถือโอกาสถามถึงชายหนุ่มที่ทำให้ณัฐมลอารมณ์ดีได้แบบนี้
“คิดถึงแฟนอยู่เหรอคะพี่แป้ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
วันนี้เธอกับณัฐมลอยู่เวรห้องยาผู้ป่วยใน ด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยมีเวลาคุยกันบ้างระหว่างที่ทำงาน ไม่ยุ่งมากเท่ากับตอนอยู่ห้องยาผู้ป่วยนอก
“ว่าเข้านั่น คิดอยู่ต่างหากว่างาน mid night sale อาทิตย์หน้าจะซื้ออะไรดี” ณัฐมลแก้ต่าง
เธอไม่ได้โกหกเรื่องงานลดราคา เพียงแต่คิดถึงเรื่องของพัลลภมากกว่าเท่านั้นเอง วันนี้เขาบอกจะพาออกไปกินข้าวข้างนอก เธอเลยตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ เนื่องจากยังไม่เคยออกไปไหนด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“กิ๊บก็อยากไปบ้างจังแต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย ไปคนเดียวกว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว พ่อคงไม่อนุญาตแน่เลย” หญิงสาวเปรยด้วยความเสียดาย เพราะของห้างสรรพสินค้าที่จัดงานลดราคาอยู่คนละทางกับบ้าน
วริศราเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อกับแม่เลยหวงเป็นพิเศษ ปีนี้ก็อายุ 28 แล้วแต่จะไปไหนก็ยังต้องขออนุญาต ถ้าที่บ้านไม่ตกลงก็เป็นอันว่าอดไป
“ไปกับพี่สิ ขากลับพี่จะขับรถไปส่งเอง” ณัฐมลอาสาเพราะสงสาร เป็นเธอคงอึดอัดตายถ้าที่บ้านคุมเข้มอย่างนี้
“ขอบคุณมากค่ะพี่แป้ง งั้นกิ๊บไปด้วยคน กำลังอยากได้กระเป๋าใบใหม่พอดี”
พอนึกถึงของที่หมายตารอให้ลดราคามานาน ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกาย
“พี่แป้งล่ะคะจะซื้ออะไรคะ ซื้อชุดใหม่เอาไปเดทกับแฟนหรือเปล่า”
ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม การสนทนาก็ถูกขัดเพราะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมจดหมาย
“มีจดหมายมาส่งครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ แล้วเอาจดหมายปึกใหญ่ใส่ไว้ที่ตะกร้า
ปกติไปรษณีย์จะเอาจดหมายมาส่งไว้ที่แผนกธุรการ แล้วก็จะมีคนทำหน้าที่เอามาแจกจ่ายให้แต่ละแผนกอีกที ณัฐมลไม่ได้ให้ความสนใจนัก เพราะเธอไม่เคยให้ที่อยู่ของโรงพยาบาลไป เวลาใครจะมาส่งของก็มักจะส่งไปที่ร้านมากกว่า
วริศราเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน เธอถึงเหลือบไปเห็นว่าฉบับบนสุดจ่าหน้าซองเป็นชื่อของรุ่นพี่
“อ้าว! มีของพี่แป้งด้วย” หญิงสาวหยิบออกมาส่งให้อย่างมีน้ำใจ
ณัฐมลรับซองสีขาวมาพิจารณาอย่างสงสัย เพราะมันไม่ได้ระบุชื่อผู้ส่งเอาไว้ หญิงสาวเลยฉีกซองออกดู แล้วก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อเห็นข้อความตัวโตที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์บนแผ่นกระดาษ
“’ไปตายซะ!’ นี่มันอะไรกัน” หญิงสาวพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
“ใครตายคะพี่แป้ง” วริศราได้ยินไม่ถนัดเลยถามซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องล้อเล่นไร้สาระน่ะ” ณัฐมลบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
หญิงสาวตกใจอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าคงเป็นการส่งผิดตัว หรือเป็นตลกร้ายของใครสักคนมากกว่า เธอขยำกระดาษที่มีข้อความสาปแช่ง ก่อนโยนมันลงถังขยะไปอย่างไม่ไยดี
นับจากวันนั้นก็มีจดหมายที่มีข้อความด่าทอสาปแช่งส่งมาทุกวัน เนื้อหาเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าไม่ควรมองผ่าน ณัฐมลจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น และเริ่มเก็บจดหมายเอาไว้แทนที่จะทิ้ง เผื่อเอาไว้ในกรณีที่ว่าเกิดอะไรรุนแรงกว่านี้ จะได้มีหลักฐานจำพวกลายนิ้วมือเก็บเอาไว้
แม้จะกังวลใจอยู่ลึกๆ หญิงสาวก็เลือกที่จะใช้ชีวิตตามปกติ เธอจะไม่ยอมให้อะไรมาบ่อนทำลายชีวิตแสนสุขกับการชอปปิงเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พัลลภฟัง และยังคงไปงานลดกระหน่ำโดยไม่เปลี่ยนแผน
ทีแรกณัฐมลตั้งใจจะชวนพัลลภไปด้วยกัน แต่มานึกดูแล้วพวกผู้ชายคงไม่ชอบการซื้อของเท่าไร อีกทั้งระยะนี้เธออยู่กับเขาตลอดจนแทบไม่ได้ไปหาศศิชาเลย หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจชวนเพื่อนสนิทแทน
ถ้าโทรศัพท์มาชวนล่วงหน้าศศิชาอาจจะปฏิเสธว่างานยุ่งหรือขี้เกียจได้ ณัฐมลก็เลยถามก่อนว่าวันนั้นว่างไหม พอถึงเวลาค่อยบุกมาที่ห้องแบบไม่ให้ทันตั้งตัว อีกฝ่ายจะได้หมดข้ออ้าง
เมื่อวันลดกระหน่ำมาถึง ณัฐมลก็ให้วริศรานั่งแท็กซี่ไปกับเพื่อนร่วมงานอีกคนก่อน ส่วนตัวเองก็ขับรถไปหาศศิชา
พอมาถึงหอพักแพทย์ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หมายจะโทรเรียกเพื่อนให้ลงมาเปิดประตูให้ แต่มีสายโทรเข้ามาเสียก่อนเธอก็เลยกดรับ
“ถึงร้านหรือยังครับแป้ง” เสียงของพัลลภดังมาตามสาย
วันนี้เธอบอกเขาแล้วว่าจะไม่ไปหา แต่ลืมบอกไปเสียสนิทว่าจะไปซื้อของ
“ยังค่ะพี่พัน ตอนนี้แป้งอยู่ที่ห้องชาว่าจะชวนกันไปชอปปิงงาน mid night sale เสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่กวนแล้ว ขับรถดีๆ แล้วดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“รับทราบค่ะ”
ณัฐมลรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสโดยไม่นึกรำคาญ แม้พัลลภจะเป็นจอมบงการ แต่ก็ไม่เคยโทรตามถี่ๆ หรือบังคับกันจนเกินไป ขอแค่รู้ว่าเธออยู่ไหนจะกลับบ้านเมื่อไรเขาก็เลิกซักแล้ว ชายหนุ่มปล่อยให้คนรักใช้เวลาส่วนตัวเต็มที่ คล้ายจะบอกเธอไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองหรือสละเวลาส่วนตัวเพื่อเขา หญิงสาวก็เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุม
“ดีมากครับเป็ดน้อย กลับถึงบ้านแล้วก็อย่าลืมโทรบอกพี่ด้วยนะ” ชายหนุ่มย้ำก่อนจะวางสาย
ในจังหวะนั้นก็มีคนเปิดประตูออกมาพอดี ณัฐมลเลยรีบเดินสวนเข้าไป พอขึ้นลิฟต์มาถึงที่หมายหญิงสาวก็เคาะประตูห้องรัวๆ แล้วบิดลูกบิดดู พอเห็นว่ามันไม่ได้ล็อก เธอเลยเปิดพรวดเข้าไปตั้งจะทำให้เจ้าของห้องตกใจเล่น
“จ๊ะเอ๋!” ณัฐมลกระโดดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
ทว่าคนที่ตกใจจนตาค้างกลับกลายเป็นตัวเธอเอง ศศิชาไม่ได้อยู่ในห้องตามลำพัง แต่ยังมีกันติทัตยืนอยู่ด้วย ที่ทำให้อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกก็คือทั้งเนื้อทั้งตัวของหนุ่มรุ่นน้องมีผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนเดียว
หญิงสาวมองใบหน้าของศศิชาสลับกับกันติทัตอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงปราดมากุมมือเพื่อนสาวเอาไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติว่า
“Congratulations!”
นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2554, 21:24:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2555, 21:01:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 3230
<< บทที่ 15 เทพบุตรซาตาน | บทที่ 17 รังควาน >> |
ธรากร 29 ก.ย. 2554, 21:33:21 น.
ใช่พี่โน้มป่ะนี่ แวะมาอ่านครับ
ใช่พี่โน้มป่ะนี่ แวะมาอ่านครับ
dee_jung 29 ก.ย. 2554, 21:41:46 น.
ขุนจนอ้วนแล้วคะ
ขุนจนอ้วนแล้วคะ
Auuuu 29 ก.ย. 2554, 22:05:55 น.
ไอ๊ย่ะ ขุนเป็ดไว้กินเองซะงั้น
ไอ๊ย่ะ ขุนเป็ดไว้กินเองซะงั้น
wind 29 ก.ย. 2554, 22:13:09 น.
สงสารดั๊กกี้ แอบกลัวพระเอก เง้อออ
สงสารดั๊กกี้ แอบกลัวพระเอก เง้อออ
picky 29 ก.ย. 2554, 22:31:48 น.
คราวที่แล้ว เสียดายที่ไม่ได้กิน คราวนี้ต้องป้องกันให้เต็มที่ ^^ และต้องถอนขนดีๆ นะ เดี๋ยวขนเป็ดติดคอ
คราวที่แล้ว เสียดายที่ไม่ได้กิน คราวนี้ต้องป้องกันให้เต็มที่ ^^ และต้องถอนขนดีๆ นะ เดี๋ยวขนเป็ดติดคอ
Pat 29 ก.ย. 2554, 22:37:39 น.
อื้อฮืม ความจริงในใจพี่พันนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ (กินลงจริงๆอ่ะ)
อื้อฮืม ความจริงในใจพี่พันนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ (กินลงจริงๆอ่ะ)
DearJazz 29 ก.ย. 2554, 22:38:05 น.
ห้าบรรทัดสุดท้ายทำเอากลัวพี่พันเลยค่ะ บรื้ออออ
สรุปว่าห่วงยัยแป้งกลัว มคปด ซะงั้น
ห้าบรรทัดสุดท้ายทำเอากลัวพี่พันเลยค่ะ บรื้ออออ
สรุปว่าห่วงยัยแป้งกลัว มคปด ซะงั้น
หมูอ้วน 29 ก.ย. 2554, 23:05:10 น.
ตำนานของเจ้าเป็ดน้อย น่าสงสารจังเลยค่ะ
ตำนานของเจ้าเป็ดน้อย น่าสงสารจังเลยค่ะ
gypzz 29 ก.ย. 2554, 23:10:59 น.
พระเอกต้องรักษาตัวเองก่อนแล้วมั้งคะเนี่ย จิตขนาดนี้ ^^
พระเอกต้องรักษาตัวเองก่อนแล้วมั้งคะเนี่ย จิตขนาดนี้ ^^
ลูกกวาดสีส้ม 29 ก.ย. 2554, 23:18:17 น.
พระเอกแอบร้ายอะ
พระเอกแอบร้ายอะ
Zephyr 29 ก.ย. 2554, 23:51:16 น.
พี่พันเป็นจิตแพทย์ได้ไงคะ แอบจิตกว่ายายแป้งรั่วอีกนะเนี่ย แต่นะคนนึงรั่วคนนึงจิต เข้ากันได้ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว หึหึ ลูกออกมาคงทั้งรั่วทั้งจิตเลยอ่ะ
พี่พันเป็นจิตแพทย์ได้ไงคะ แอบจิตกว่ายายแป้งรั่วอีกนะเนี่ย แต่นะคนนึงรั่วคนนึงจิต เข้ากันได้ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว หึหึ ลูกออกมาคงทั้งรั่วทั้งจิตเลยอ่ะ
คิมหันตุ์ 30 ก.ย. 2554, 02:17:12 น.
เอ๊ะ.......ตอนแรกๆ..ดูเหมือนว่าพี่หมอพันเนี่ยจะเป็นผู้คุมเกมส์หลังๆทำไมยัยแป้งกลายเป็นคนคุมซะแล้ว...อิอิ
เอ๊ะ.......ตอนแรกๆ..ดูเหมือนว่าพี่หมอพันเนี่ยจะเป็นผู้คุมเกมส์หลังๆทำไมยัยแป้งกลายเป็นคนคุมซะแล้ว...อิอิ
ปรางขวัญ 30 ก.ย. 2554, 02:30:37 น.
เอ่อ อ่านตอนแรกแล้วรู้สึกพี่พันน่ารัก เป็นคนรักสัตว์ บลาๆๆ
พอมาเจอความจริในใจนี่ เอ๋อไปเลย 555 สมฉายาเทพบุตรซาตานจริงๆ
คิดจะกินดั๊กกี้ซะงั้น แล้วอย่างนี้แป้งร่ำจะรอดมั้ยเนี่ย @^-^@
เอ่อ อ่านตอนแรกแล้วรู้สึกพี่พันน่ารัก เป็นคนรักสัตว์ บลาๆๆ
พอมาเจอความจริในใจนี่ เอ๋อไปเลย 555 สมฉายาเทพบุตรซาตานจริงๆ
คิดจะกินดั๊กกี้ซะงั้น แล้วอย่างนี้แป้งร่ำจะรอดมั้ยเนี่ย @^-^@
แว่นใส 30 ก.ย. 2554, 08:24:37 น.
โห ไอ้เราก็นึกว่าเป็นเด็กดีนะ
โห ไอ้เราก็นึกว่าเป็นเด็กดีนะ
ameerahTaec 30 ก.ย. 2554, 08:37:41 น.
สมกับเป็นคุณหมอจิตจริงๆ คิคิ
สมกับเป็นคุณหมอจิตจริงๆ คิคิ
เพลา 30 ก.ย. 2554, 09:03:04 น.
อ่าพี่พันน่ากลัวได้อีก อิอิ
อ่าพี่พันน่ากลัวได้อีก อิอิ
nunoi 30 ก.ย. 2554, 10:39:06 น.
เข้ากับชื่อตอนมากๆ เทพบุตรซาตาน อิอิ
เข้ากับชื่อตอนมากๆ เทพบุตรซาตาน อิอิ
anOO 30 ก.ย. 2554, 11:45:31 น.
555 เข้าใจนะที่พี่พันไม่เล่าความจริงทั้งหมด
แต่ไอ้เรื่องขุนเป็ดไว้กินเนี้ย เกินคาดจริงๆ
555 เข้าใจนะที่พี่พันไม่เล่าความจริงทั้งหมด
แต่ไอ้เรื่องขุนเป็ดไว้กินเนี้ย เกินคาดจริงๆ
silverraindrop 30 ก.ย. 2554, 12:14:42 น.
55555 เทพบุตรปีกดำจอมเจ้าเล่ห์
55555 เทพบุตรปีกดำจอมเจ้าเล่ห์
ลิขิตรา 30 ก.ย. 2554, 16:46:51 น.
กรี๊ด...พี่พันวางแผนอะไรไว้ค้าาาาา
กรี๊ด...พี่พันวางแผนอะไรไว้ค้าาาาา