เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์
ตอน: บทที่ 17 รังควาน
บทที่ 17 รังควาน
“Congratulations อะไรของแก” ศศิชาดุใส่คนที่เขย่ามือเธอด้วยท่าทีเหมือนมีเรื่องให้ฉลอง
“ก็...นั่นน่ะ” ณัฐมลบุ้ยใบ้ไปทางกันติทัต
พอถูกมองคนที่กำลังยืนเปลือยอกโชว์ผิวขาวจั๊วะกับมัดกล้ามแบบพอดีคำก็อายหน้าแดง
“มะ...ไม่ใช่ อย่างที่คิดนะครับ ผมกับคุณหมอ...คือ มันเป็นอุบัติเหตุ” ชายหนุ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือหนึ่งกำปมผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่นเหมือนกับกลัวว่าจะมีคนมากระชากมันออกจากตัว ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นมาปิดหน้าอกเอาไว้
“อุบัติเหตุ!” ณัฐมลก็ขึ้นเสียงสูงปรี๊ดแล้วหันมาจ้องศศิชาด้วยสายตากล่าวหา “ชา...ไม่คิดเลยนะว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ ชิ! อิจฉา”
ณัฐมลสะบัดบ๊อบใส่ ที่โวยวายก็เพราะว่าเห็นเพื่อนแซงหน้าไปก่อน ในขณะที่ตัวเองยังไปไม่ถึงไหน
“ฉันเป็นคนแบบไหน แล้วอิจฉาอะไร” ศศิชาถามเสียงขุ่นบ่งบอกว่าเริ่มจะหงุดหงิดกับความเข้าใจผิดของเพื่อนสาว
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คุณหมอศศิชาไม่ได้ทำอะไร” กันติทัตรีบแก้ต่างให้เพราะไม่อยากให้ฝ่ายหญิงสาวเสียหาย ก็เลยตกเป็นเป้าหมายโจมตีรายถัดไป
ณัฐมลขยับเข้ามาใช้ศอกกระทุ้งหนุ่มรุ่นน้อง แล้วหรี่ตามองอย่างคาดคั้น
“อย่าบอกนะว่าเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ต๊าย! ไม่เจอกันไม่กี่อาทิตย์ พัฒนานะเรา” หญิงสาวกระดิกนิ้วให้ชายหนุ่มให้ก้มลงมา ก่อนจะกระซิบถามเรื่องที่อยากรู้ “เป็นไงครั้งแรก ดีหรือเปล่า”
คราวนี้ไม่เพียงแต่พวงแก้มเท่านั้นที่ขึ้นสี ทั้งหูทั้งคอของกันติทัตแดงไปหมด ฟ้องชัดว่าพ่อหนุ่มคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือสตรีใดมาก่อน
“จะเขินทำไม เรื่องธรรมชาติ ฮี่ๆๆ” ณัฐมลหัวเราะเสียงแหลม
‘ตลกเป็นบ้า คนที่ควรอายกลับไม่อาย ไอ้คนที่ไม่ควรอายกลับมาอายม้วน’
“ไม่ใช่นะครับ ผมกับคุณหมอศศิชาไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่พี่แป้งคิด ผมตกคูตัวเปียกแล้วทำกุญแจห้องหาย คุณหมอศศิชาก็เลยให้มาอาบน้ำที่นี่” กันติทัตตะโกนบอกเสียงดัง พยายามที่จะปกป้องเกียรติของศศิชาอย่างเต็มที่
ณัฐมลรู้อยู่หรอกว่าคู่นี้ไม่น่าจะมีอะไรกัน แต่พอเห็นกันติทัตมันก็อดแกล้งไม่ได้ หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วแซวหนุ่มขี้อายต่อ
“น่าเชื่อตายล่ะ ยอมรับมาเถอะน่า ไม่ต้องอาย”
ได้ฟังกันติทัตก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ศศิชาเห็นแล้วก็ทั้งสมเพชแล้วก็สงสาร เธอเลยหันไปหยุดเพื่อนจอมป่วนด้วยการเขกหัวหนึ่งที
“คนที่สมควรอายน่ะมันหล่อนต่างหาก พรวดพราดเข้ามาในห้องคนอื่น แล้วยังมาวุ่นวายไม่เข้าเรื่องอีก”
“ฮื่อ! เจ็บอ่ะ เค้าล้อเล่นหน่อยเดียว ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลย ใช่ไหมคราม ครามรู้ใช่ไหมว่าพี่ล้อเล่น” ณัฐมลหันไปหาตัวช่วย
“คะ...ครับ” ชายหนุ่มรับคำด้วยรอยยิ้มแหยๆ
กันติทัตไม่คิดสักนิดว่าหญิงสาวล้อเล่น แต่ในเมื่อพี่ที่เคารพบอกมาอย่างนั้นเขาเลยต้องเออออรับคำ
‘ถูกแกล้งแล้วยังจะไปช่วยเขาอีก เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย’ ศศิชาคิดอย่างหงุดหงิดพลางตวัดสายตาคมมองไปทางกัตติทัต
“จะยืนแก้ผ้าตรงนี้อีกนานไหม รีบไปแต่งตัวสิ เสื้อผ้าอยู่ในตู้ อยากใส่ตัวไหนก็หยิบเอาไป”
“ครับผม” ชายหนุ่มรับคำแล้ววิ่งปรู๊ดไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“อุ๊ย! เชื่องเนอะ” ณัฐมลหัวเราะคิกคักอย่างขบขัน
ศศิชาไม่ขำไปด้วย หญิงสาวเปลี่ยนประเด็นเสีย เพราะไม่อยากจะคุยถึงเรื่องของหนุ่มรุ่นน้องให้ถูกกระเซ้าอีก
“ถ่อมาถึงนี่มีอะไร พี่พันของแกทำอะไรอีก”
เธอไม่ได้อยากรู้เรื่องของพัลลภนักหรอก แต่ทางเดียวที่จะทำให้ณัฐมลเลิกสนใจเรื่องของเธอ คือต้องหาเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่ามาพูดแทน
“เปล่า…ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็อยากให้ทำอะไรอยู่หรอกนะ”
ณัฐมลยังไม่เลิกทะลึ่งเลยถูกปรามด้วยสายตา พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาขู่ว่าหากยังไม่เข้าเรื่องได้โดนเขกหัวอีกรอบแน่
“ทำหงุดหงิดไปได้ ที่มานี่เพราะคิดถึงหรอก ไปชอปปิงด้วยกันนะชา ไม่ได้ออกไปไหนด้วยกันนานแล้ว”
ปกติเธอกับศศิชาจะนัดเจอกันเดือนละครั้งสองครั้ง เพื่อออกไปดูภาพยนตร์หรือกินข้าวด้วยกัน ศศิชาเป็นพวกเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน ถ้าไม่ขยันตื๊อชวนออกไปข้างนอกมีหวังได้แห้งตายคาห้องกันพอดี
“ก็ได้ จะไปเลยใช่ไหม”
“ใช่แล้วจ้ะ นัดน้องที่ทำงานเอาไว้ด้วย เดินชอปฯ ด้วยกันเยอะๆ สนุกดี”
เมื่อรับคำแล้วศศิชาก็เดินไปหยิบกระเป๋าถือกับกุญแจห้อง แล้วทำท่าจะเดินออกไป
“อ้าว! แล้วครามล่ะจะทำยังไง”
กันติทัตเข้าห้องตัวเองไม่ได้ ทิ้งเอาไว้ก็น่าสงสารแย่
“เรื่องของเขา โตแล้วก็รับผิดชอบชีวิตตัวเองสิ” ศศิชาตอบอย่างไม่ไยดี ก่อนหน้าที่ณัฐมลจะมา หญิงสาวก็กำลังจะหาเรื่องหนีออกไปข้างนอกอยู่แล้ว
ย้อนไปเมื่อสักครึ่งชั่วโมงก่อนตอนที่ศศิชากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวบังเอิญเหลือบไปเห็นกันติทัตอยู่ในสภาพลูกหมาตกน้ำนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่หน้าห้อง เธอพยายามจะทำเป็นมองผ่าน แต่พ่อตัวดีก็เงยหน้าขึ้นมาทำตาปริบๆ ใส่แล้วบอกว่าเข้าห้องไม่ได้
วันนี้ชายหนุ่มไปทำกิจกรรมปลูกต้นไม้กับทางโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ซุ่มซ่ามท่าไหนถึงทำกุญแจห้องหายได้ หาไปหามาก็กลิ้งตกคูน้ำไปเสียอย่างนั้น พอกลับมาหอพักตั้งใจจะขอกุญแจสำรอง แม่บ้านก็ไม่อยู่เสียอีก ก็เลยมานั่งรอขอความช่วยเหลือจากคนรู้จัก แล้วก็บังเอิญเสียเหลือเกินที่ศศิชาเป็นคนแรกที่ผ่านมา หญิงสาวก็เลยจำใจต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อนข้างห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้
กันติทัตรีบวิ่งออกมาจากห้องเมื่อได้ยินแว่วๆ ว่าจะโดนทิ้ง พอเห็นสภาพของชายหนุ่ม ณัฐมลก็หัวเราะก๊าก เสื้อตัวใหญ่ใส่สบายของศศิชากลายเป็นเสื้อฟิตเปรี๊ยะรัดรูปไปเลยเมื่อมาอยู่บนตัวของชายหนุ่ม ไหนจะกางเกงขาสั้นรัดเป้า ที่คับจนติดกระดุมไม่ได้ต้องเอามือกุมไว้อีก
“นี่ชา…แกมีกางเกงเลไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เอาให้ใส่เล่า” ณัฐมลแนะ
“ก็อยู่ในตู้นั่นแหละ บอกแล้วไงให้หยิบเอง จะไปหรือยัง ถ้าไม่ไปฉันจะได้ไปธุระของฉัน” ศศิชาเร่งเพื่อนโดยไม่สนใจสายตาน่าสงสารของชายหนุ่ม
กันติทัตจ้องหญิงสาวตาเศร้าคล้ายจะถามว่า ‘จะทิ้งผมไปจริงๆ เหรอ ผมอยู่คนเดียว น่าสงสารนะ’
ศศิชาตอบคำถามทางสายตานี้ด้วยการปิดประตูใส่หน้าดังโครม หมาน้อยถูกทิ้งเลยหูลู่หางตก เห็นแล้วก็อดเวทนาไม่ได้
“ชาอารมณ์ไม่ดี อย่าตามไปดีกว่านะ ไว้วันหลังพี่จะหาทางช่วย” ณัฐมลปลอบก่อนจะหายออกไปจากห้องอีกคน
น้องหมากันติทัตเลยถูกทิ้งให้สวมเสื้อคับติ้วกับกางเกงรัดเป้าเฝ้าห้องตามลำพัง
ณัฐมลกับศศิชามาถึงห้างสรรพสินค้าตอนใกล้ค่ำ ทั้งสองมาถึงก่อนวริศรากับเพื่อนเกือบสิบนาที สาเหตุที่คนล่วงหน้ามาก่อนมาถึงช้า เพราะลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่ห้องยาก็เลยต้องกลับไปเอา
“ขอโทษนะคะพี่แป้ง กิ๊บเซ่อซ่าเอง ลืมของสำคัญเสียได้”
หญิงสาวยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด ร้านอาหารญี่ปุ่นที่รุ่นพี่อยากกินมีลูกค้าแน่นมาก ต้องมาจองก่อนหกโมงเย็น ไม่อย่างนั้นจะต้องเข้าคิวรอนานมาก
“ช่างเถอะจ้ะ ไม่เป็นไรหรอก ไปกินอย่างอื่นก็ได้ ศูนย์อาหารก็สะดวกดี” ณัฐมลเอ่ยอย่างไม่ถือสา
สี่สาวเลยเปลี่ยนมากินอะไรที่สะดวกรวดเร็วและราคาประหยัดกว่าแทน พอท้องอิ่มก็ได้เวลาตะลุยซื้อของกัน ปกติผู้หญิงส่วนใหญ่เวลาไปชอปปิงก็มักจะไปกันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม ช่วยกันดูของ ช่วยกันติชมสินค้า แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นคนอยากได้ของชิ้นนั้นก็ตาม กลุ่มของณัฐมลเองก็ไม่มีข้อยกเว้น จะเลือกอะไรสักทีก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด
จุดแรกที่ไปคือส่วนที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องหนังและกระเป๋า ซึ่งรวมเอาไว้สารพัดยี่ห้อทั้งของไทยทำและของนำเข้าจากนานาประเทศ ณัฐมลนึกอยากได้รองเท้าคู่ใหม่เสียมากกว่ากระเป๋า กระนั้นพอหันไปเห็นกระเป๋าแบรนด์ดังก็อดเอามาลองหิ้วไม่ได้
“น่ารักไหมชา สีชมพูซ้วยสวย”
“เด็กไป” ศศิชาให้ความเห็นตามตรง
“เด็กก็ดีสิ เหมาะกับคนหน้าเด็กอย่างฉัน” หญิงสาวเข้าข้างตัวเองเต็มที่เพราะเริ่มจะถูกใจขึ้นมา
กระเป๋าใบนี้เป็นหนังเนื้อนุ่ม ด้านหน้ามีโบขนาดใหญ่ประดับด้วยคริสตัล ตัวกระเป๋ามีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับหิ้วไปทำงานและเอาไว้ออกงานกลางคืน
“ตามใจ เตือนแล้วนะ”
ณัฐมลชอบมาบ่นให้ฟังประจำว่าของที่ซื้อไปไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่เหมาะกับตัวเองอย่างที่คิด สุดท้ายเลยต้องขายต่อไม่ก็ยกให้คนอื่นทุกที ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข็ด
“ราคาเท่ากับรองเท้าดีๆ คู่หนึ่งเลย เอาดีไม่เอาดีน้า” ณัฐมลพึมพำอย่างลังเล
ในขณะที่เริ่มเอนเอียงไปทางอารมณ์อยากได้ เสียงประกาศว่าแบรนด์โปรดของเธอจัดลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงก็ดังขึ้น หญิงสาวเลยรีบวางกระเป๋าในมือแล้วเอาทุกอย่างที่หิ้วอยู่ยัดใส่มือเพื่อน
“ฝากของหน่อยนะชา ขอไปสู้ศึกก่อน” ขาดคำณัฐมลก็วิ่งเร็วจี๋หายไปจากสายตา
จุดที่จัดลดราคาอยู่ถัดขึ้นไป ตอนมาถึงคนก็มาออกันเต็มร้านแล้ว แต่ณัฐมลก็ใช้ความสามารถพิเศษของการเป็นสาวร่างเล็กแทรกตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ถึงจะตัวจิ๋วแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอบอบบางอย่างที่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก อีกอย่างเธอเตรียมรับมือสถานการณ์มาอย่างดี ทั้งใส่ส้นเตี้ยและไม่ถือของให้เกะกะ เลยสามารถเลือกซื้อของได้สะดวกกว่าคนที่ไม่เตรียมตัวมา
สามสิบนาทีผ่านไปหญิงสาวก็ได้ของมูลค่าหลักหมื่นมาในราคาครึ่งเดียว หญิงสาวหอบถุงกระดาษใบใหญ่สามใบออกมาจากร้านอย่างอารมณ์ดี ตั้งใจว่าจะกลับไปสมทบกับเพื่อน ในขณะที่กำลังจะลงบันไดเลื่อนมา หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นว่าตรงร้านรองเท้าเจ้าประจำ มีป้าย ‘Sale’ สีแดงเด่นเด้งติดอยู่ เธอเลยเปลี่ยนใจขึ้นไปอีกชั้นเพื่อดูรองเท้าก่อน เพราะในกลุ่มมีเธอคนเดียวที่อยากได้รองเท้า
ณัฐมลโทรศัพท์ไปบอกศศิชาว่าจะตามไปสมทบทีหลัง แล้วจึงค่อยเข้าไปเลือกซื้อของที่อยากได้ หญิงสาวเลือกเพลินจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็สี่ทุ่มแล้ว ร้านรวงที่ไม่ได้มีมหกรรมลดราคาพากันปิดไปหมด จะเหลือก็แต่รองเท้าที่มีเธอเป็นลูกค้าอยู่หนึ่งเดียว
หญิงสาวเลยตัดสินใจซื้อรองเท้าสีมะนาวที่ลองสวมอยู่กับรองเท้าสีแดงในมือ เนื่องจากรักพี่เสียดายน้องอยากได้ทั้งสองคู่
พอเดินออกมาจากร้านได้ระยะหนึ่ง ณัฐมลก็พบว่ารอบตัวเธอขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับเมืองร้าง ผู้คนที่เคยเดินอยู่ขวักไขว่ต่างก็หายหน้าไปจนหมด บันไดเลื่อนหยุดทำงาน ไฟส่วนใหญ่ปิดสนิท เปิดเอาไว้แค่เพียงบริเวณทางเดินหลักเท่านั้น
บรรยากาศวังเวงชวนให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ลำพังในที่เปลี่ยว ณัฐมลนึกกลัวขึ้นมาแต่ก็ใจชื้นขึ้น เมื่อมองเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมาเหมือนกัน เธอจึงชะลอฝีเท้ารอให้ผู้หญิงสาวคนนั้นเดินตามมาจนทัน
เสียงส้นสูงกระทบพื้นที่ดังไล่หลังมาอย่างกระชั้นทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก ณัฐมลสบายใจที่มีเพื่อนร่วมทาง โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เดินตามกำลังมองมาด้วยแววตาอาฆาต
ริมฝีปากสีแดงสดของเจ้าหล่อนเหยียดออกเป็นรอยยิ้มชวนขนลุก เมื่อสาวเท้าเข้ามาใกล้เป้าหมาย สายตาคมจับจ้องอย่างรอจังหวะให้เหยื่อเผลอตัวแล้วจึงค่อยจัดการ
ไม่นานโอกาสที่ต้องการก็ลอยมาตรงหน้า ในขณะที่ณัฐมลกำลังจะก้าวเท้าลงบันได มือขาวซีดก็ยื่นออกมาหมายจะผลักหญิงสาวให้ตกลงไป ก่อนที่เล็บยาวสีสดจะแตะถูกแผ่นหลังบอบบาง คนร้ายก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงร้องเรียกเหยื่อดังลั่นจากทางด้านหลัง หญิงสาวรีบหดมือกลับ แล้วปัดผมยาวเหยียดมาปิดหน้า ก่อนจะวิ่งแซงหน้าเดินลงบันไดหายไปในความมืด
ณัฐมลหันไปตามเสียงเรียกชื่อของตัวเอง ยังไม่ทันเห็นว่าใครเรียกเธอหญิงสาวก็ถูกดึงความสนใจ โดยผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งที่วิ่งเฉี่ยวตัวเธอไป
“เสียมารยาทจัง ไม่ขอโทษสักคำเลย” หญิงสาวพึมพำ
เธอไม่ทันได้เห็นหน้า แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงตัวสูงรูปร่างผอมบาง ผมยาวจนถึงสะโพก พอถอนสายตาจากคนแปลกหน้า เธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังใกล้ขึ้น
“มาซื้อของหรือครับแป้ง” พศวีร์โผล่หน้ามาจากบันไดเลื่อนชั้นบน แล้วก้าวเร็วๆ เข้ามาหา
“อ้าวพศ! มาได้ยังไง อย่าบอกนะว่ามาชอปปิงเหมือนกัน”
“เปล่าครับมาดูหนังต่างหาก จะกลับหรือยัง ให้ผมหิ้วของไปส่งที่รถให้ไหม” ชายหนุ่มแบมือขอถุงกระดาษ ซึ่งณัฐมลก็ส่งให้ด้วยความยินดี
หญิงสาวรอดจากการตกบันไดมาได้หวุดหวิดเพราะโชคช่วยแท้ๆ แถมยังมีบอดี้การ์ดช่วยหิ้วเดินไปส่งจนเจอกับกลุ่มเพื่อนด้วย
ความโชคดีของหญิงสาวทำให้คนที่แอบสะกดรอยตามกัดเล็บอย่างโกรธเคือง เธอสู้อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่าทั้งวัน เพื่อตามจัดการยายหนอนเน่า แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนหมด เพราะมีคนสอดมือเข้ามายุ่งผิดเวลา
“รอก่อนเถอะ ครั้งหน้าฉันไม่ปล่อยแกไปแน่” หญิงสาวกล่าวอย่างอาฆาต แล้วแง้มกระเป๋าถือออก
ในนั้นมีมีดเล่มหนึ่งนอนนิ่งอยู่ คมมีดสะท้อนกับแสงไฟเป็นประกาย คล้ายกับจิตมุ่งร้ายที่วาววาบอยู่ในใจของของคนที่กำลังจ้องมองมัน
“Congratulations อะไรของแก” ศศิชาดุใส่คนที่เขย่ามือเธอด้วยท่าทีเหมือนมีเรื่องให้ฉลอง
“ก็...นั่นน่ะ” ณัฐมลบุ้ยใบ้ไปทางกันติทัต
พอถูกมองคนที่กำลังยืนเปลือยอกโชว์ผิวขาวจั๊วะกับมัดกล้ามแบบพอดีคำก็อายหน้าแดง
“มะ...ไม่ใช่ อย่างที่คิดนะครับ ผมกับคุณหมอ...คือ มันเป็นอุบัติเหตุ” ชายหนุ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือหนึ่งกำปมผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่นเหมือนกับกลัวว่าจะมีคนมากระชากมันออกจากตัว ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นมาปิดหน้าอกเอาไว้
“อุบัติเหตุ!” ณัฐมลก็ขึ้นเสียงสูงปรี๊ดแล้วหันมาจ้องศศิชาด้วยสายตากล่าวหา “ชา...ไม่คิดเลยนะว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ ชิ! อิจฉา”
ณัฐมลสะบัดบ๊อบใส่ ที่โวยวายก็เพราะว่าเห็นเพื่อนแซงหน้าไปก่อน ในขณะที่ตัวเองยังไปไม่ถึงไหน
“ฉันเป็นคนแบบไหน แล้วอิจฉาอะไร” ศศิชาถามเสียงขุ่นบ่งบอกว่าเริ่มจะหงุดหงิดกับความเข้าใจผิดของเพื่อนสาว
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คุณหมอศศิชาไม่ได้ทำอะไร” กันติทัตรีบแก้ต่างให้เพราะไม่อยากให้ฝ่ายหญิงสาวเสียหาย ก็เลยตกเป็นเป้าหมายโจมตีรายถัดไป
ณัฐมลขยับเข้ามาใช้ศอกกระทุ้งหนุ่มรุ่นน้อง แล้วหรี่ตามองอย่างคาดคั้น
“อย่าบอกนะว่าเราเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ต๊าย! ไม่เจอกันไม่กี่อาทิตย์ พัฒนานะเรา” หญิงสาวกระดิกนิ้วให้ชายหนุ่มให้ก้มลงมา ก่อนจะกระซิบถามเรื่องที่อยากรู้ “เป็นไงครั้งแรก ดีหรือเปล่า”
คราวนี้ไม่เพียงแต่พวงแก้มเท่านั้นที่ขึ้นสี ทั้งหูทั้งคอของกันติทัตแดงไปหมด ฟ้องชัดว่าพ่อหนุ่มคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือสตรีใดมาก่อน
“จะเขินทำไม เรื่องธรรมชาติ ฮี่ๆๆ” ณัฐมลหัวเราะเสียงแหลม
‘ตลกเป็นบ้า คนที่ควรอายกลับไม่อาย ไอ้คนที่ไม่ควรอายกลับมาอายม้วน’
“ไม่ใช่นะครับ ผมกับคุณหมอศศิชาไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่พี่แป้งคิด ผมตกคูตัวเปียกแล้วทำกุญแจห้องหาย คุณหมอศศิชาก็เลยให้มาอาบน้ำที่นี่” กันติทัตตะโกนบอกเสียงดัง พยายามที่จะปกป้องเกียรติของศศิชาอย่างเต็มที่
ณัฐมลรู้อยู่หรอกว่าคู่นี้ไม่น่าจะมีอะไรกัน แต่พอเห็นกันติทัตมันก็อดแกล้งไม่ได้ หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วแซวหนุ่มขี้อายต่อ
“น่าเชื่อตายล่ะ ยอมรับมาเถอะน่า ไม่ต้องอาย”
ได้ฟังกันติทัตก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ศศิชาเห็นแล้วก็ทั้งสมเพชแล้วก็สงสาร เธอเลยหันไปหยุดเพื่อนจอมป่วนด้วยการเขกหัวหนึ่งที
“คนที่สมควรอายน่ะมันหล่อนต่างหาก พรวดพราดเข้ามาในห้องคนอื่น แล้วยังมาวุ่นวายไม่เข้าเรื่องอีก”
“ฮื่อ! เจ็บอ่ะ เค้าล้อเล่นหน่อยเดียว ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลย ใช่ไหมคราม ครามรู้ใช่ไหมว่าพี่ล้อเล่น” ณัฐมลหันไปหาตัวช่วย
“คะ...ครับ” ชายหนุ่มรับคำด้วยรอยยิ้มแหยๆ
กันติทัตไม่คิดสักนิดว่าหญิงสาวล้อเล่น แต่ในเมื่อพี่ที่เคารพบอกมาอย่างนั้นเขาเลยต้องเออออรับคำ
‘ถูกแกล้งแล้วยังจะไปช่วยเขาอีก เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย’ ศศิชาคิดอย่างหงุดหงิดพลางตวัดสายตาคมมองไปทางกัตติทัต
“จะยืนแก้ผ้าตรงนี้อีกนานไหม รีบไปแต่งตัวสิ เสื้อผ้าอยู่ในตู้ อยากใส่ตัวไหนก็หยิบเอาไป”
“ครับผม” ชายหนุ่มรับคำแล้ววิ่งปรู๊ดไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“อุ๊ย! เชื่องเนอะ” ณัฐมลหัวเราะคิกคักอย่างขบขัน
ศศิชาไม่ขำไปด้วย หญิงสาวเปลี่ยนประเด็นเสีย เพราะไม่อยากจะคุยถึงเรื่องของหนุ่มรุ่นน้องให้ถูกกระเซ้าอีก
“ถ่อมาถึงนี่มีอะไร พี่พันของแกทำอะไรอีก”
เธอไม่ได้อยากรู้เรื่องของพัลลภนักหรอก แต่ทางเดียวที่จะทำให้ณัฐมลเลิกสนใจเรื่องของเธอ คือต้องหาเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่ามาพูดแทน
“เปล่า…ไม่ได้ทำอะไร แต่ก็อยากให้ทำอะไรอยู่หรอกนะ”
ณัฐมลยังไม่เลิกทะลึ่งเลยถูกปรามด้วยสายตา พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาขู่ว่าหากยังไม่เข้าเรื่องได้โดนเขกหัวอีกรอบแน่
“ทำหงุดหงิดไปได้ ที่มานี่เพราะคิดถึงหรอก ไปชอปปิงด้วยกันนะชา ไม่ได้ออกไปไหนด้วยกันนานแล้ว”
ปกติเธอกับศศิชาจะนัดเจอกันเดือนละครั้งสองครั้ง เพื่อออกไปดูภาพยนตร์หรือกินข้าวด้วยกัน ศศิชาเป็นพวกเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน ถ้าไม่ขยันตื๊อชวนออกไปข้างนอกมีหวังได้แห้งตายคาห้องกันพอดี
“ก็ได้ จะไปเลยใช่ไหม”
“ใช่แล้วจ้ะ นัดน้องที่ทำงานเอาไว้ด้วย เดินชอปฯ ด้วยกันเยอะๆ สนุกดี”
เมื่อรับคำแล้วศศิชาก็เดินไปหยิบกระเป๋าถือกับกุญแจห้อง แล้วทำท่าจะเดินออกไป
“อ้าว! แล้วครามล่ะจะทำยังไง”
กันติทัตเข้าห้องตัวเองไม่ได้ ทิ้งเอาไว้ก็น่าสงสารแย่
“เรื่องของเขา โตแล้วก็รับผิดชอบชีวิตตัวเองสิ” ศศิชาตอบอย่างไม่ไยดี ก่อนหน้าที่ณัฐมลจะมา หญิงสาวก็กำลังจะหาเรื่องหนีออกไปข้างนอกอยู่แล้ว
ย้อนไปเมื่อสักครึ่งชั่วโมงก่อนตอนที่ศศิชากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวบังเอิญเหลือบไปเห็นกันติทัตอยู่ในสภาพลูกหมาตกน้ำนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่หน้าห้อง เธอพยายามจะทำเป็นมองผ่าน แต่พ่อตัวดีก็เงยหน้าขึ้นมาทำตาปริบๆ ใส่แล้วบอกว่าเข้าห้องไม่ได้
วันนี้ชายหนุ่มไปทำกิจกรรมปลูกต้นไม้กับทางโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ซุ่มซ่ามท่าไหนถึงทำกุญแจห้องหายได้ หาไปหามาก็กลิ้งตกคูน้ำไปเสียอย่างนั้น พอกลับมาหอพักตั้งใจจะขอกุญแจสำรอง แม่บ้านก็ไม่อยู่เสียอีก ก็เลยมานั่งรอขอความช่วยเหลือจากคนรู้จัก แล้วก็บังเอิญเสียเหลือเกินที่ศศิชาเป็นคนแรกที่ผ่านมา หญิงสาวก็เลยจำใจต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อนข้างห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้
กันติทัตรีบวิ่งออกมาจากห้องเมื่อได้ยินแว่วๆ ว่าจะโดนทิ้ง พอเห็นสภาพของชายหนุ่ม ณัฐมลก็หัวเราะก๊าก เสื้อตัวใหญ่ใส่สบายของศศิชากลายเป็นเสื้อฟิตเปรี๊ยะรัดรูปไปเลยเมื่อมาอยู่บนตัวของชายหนุ่ม ไหนจะกางเกงขาสั้นรัดเป้า ที่คับจนติดกระดุมไม่ได้ต้องเอามือกุมไว้อีก
“นี่ชา…แกมีกางเกงเลไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เอาให้ใส่เล่า” ณัฐมลแนะ
“ก็อยู่ในตู้นั่นแหละ บอกแล้วไงให้หยิบเอง จะไปหรือยัง ถ้าไม่ไปฉันจะได้ไปธุระของฉัน” ศศิชาเร่งเพื่อนโดยไม่สนใจสายตาน่าสงสารของชายหนุ่ม
กันติทัตจ้องหญิงสาวตาเศร้าคล้ายจะถามว่า ‘จะทิ้งผมไปจริงๆ เหรอ ผมอยู่คนเดียว น่าสงสารนะ’
ศศิชาตอบคำถามทางสายตานี้ด้วยการปิดประตูใส่หน้าดังโครม หมาน้อยถูกทิ้งเลยหูลู่หางตก เห็นแล้วก็อดเวทนาไม่ได้
“ชาอารมณ์ไม่ดี อย่าตามไปดีกว่านะ ไว้วันหลังพี่จะหาทางช่วย” ณัฐมลปลอบก่อนจะหายออกไปจากห้องอีกคน
น้องหมากันติทัตเลยถูกทิ้งให้สวมเสื้อคับติ้วกับกางเกงรัดเป้าเฝ้าห้องตามลำพัง
ณัฐมลกับศศิชามาถึงห้างสรรพสินค้าตอนใกล้ค่ำ ทั้งสองมาถึงก่อนวริศรากับเพื่อนเกือบสิบนาที สาเหตุที่คนล่วงหน้ามาก่อนมาถึงช้า เพราะลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่ห้องยาก็เลยต้องกลับไปเอา
“ขอโทษนะคะพี่แป้ง กิ๊บเซ่อซ่าเอง ลืมของสำคัญเสียได้”
หญิงสาวยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิด ร้านอาหารญี่ปุ่นที่รุ่นพี่อยากกินมีลูกค้าแน่นมาก ต้องมาจองก่อนหกโมงเย็น ไม่อย่างนั้นจะต้องเข้าคิวรอนานมาก
“ช่างเถอะจ้ะ ไม่เป็นไรหรอก ไปกินอย่างอื่นก็ได้ ศูนย์อาหารก็สะดวกดี” ณัฐมลเอ่ยอย่างไม่ถือสา
สี่สาวเลยเปลี่ยนมากินอะไรที่สะดวกรวดเร็วและราคาประหยัดกว่าแทน พอท้องอิ่มก็ได้เวลาตะลุยซื้อของกัน ปกติผู้หญิงส่วนใหญ่เวลาไปชอปปิงก็มักจะไปกันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม ช่วยกันดูของ ช่วยกันติชมสินค้า แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นคนอยากได้ของชิ้นนั้นก็ตาม กลุ่มของณัฐมลเองก็ไม่มีข้อยกเว้น จะเลือกอะไรสักทีก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด
จุดแรกที่ไปคือส่วนที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องหนังและกระเป๋า ซึ่งรวมเอาไว้สารพัดยี่ห้อทั้งของไทยทำและของนำเข้าจากนานาประเทศ ณัฐมลนึกอยากได้รองเท้าคู่ใหม่เสียมากกว่ากระเป๋า กระนั้นพอหันไปเห็นกระเป๋าแบรนด์ดังก็อดเอามาลองหิ้วไม่ได้
“น่ารักไหมชา สีชมพูซ้วยสวย”
“เด็กไป” ศศิชาให้ความเห็นตามตรง
“เด็กก็ดีสิ เหมาะกับคนหน้าเด็กอย่างฉัน” หญิงสาวเข้าข้างตัวเองเต็มที่เพราะเริ่มจะถูกใจขึ้นมา
กระเป๋าใบนี้เป็นหนังเนื้อนุ่ม ด้านหน้ามีโบขนาดใหญ่ประดับด้วยคริสตัล ตัวกระเป๋ามีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับหิ้วไปทำงานและเอาไว้ออกงานกลางคืน
“ตามใจ เตือนแล้วนะ”
ณัฐมลชอบมาบ่นให้ฟังประจำว่าของที่ซื้อไปไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่เหมาะกับตัวเองอย่างที่คิด สุดท้ายเลยต้องขายต่อไม่ก็ยกให้คนอื่นทุกที ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข็ด
“ราคาเท่ากับรองเท้าดีๆ คู่หนึ่งเลย เอาดีไม่เอาดีน้า” ณัฐมลพึมพำอย่างลังเล
ในขณะที่เริ่มเอนเอียงไปทางอารมณ์อยากได้ เสียงประกาศว่าแบรนด์โปรดของเธอจัดลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงก็ดังขึ้น หญิงสาวเลยรีบวางกระเป๋าในมือแล้วเอาทุกอย่างที่หิ้วอยู่ยัดใส่มือเพื่อน
“ฝากของหน่อยนะชา ขอไปสู้ศึกก่อน” ขาดคำณัฐมลก็วิ่งเร็วจี๋หายไปจากสายตา
จุดที่จัดลดราคาอยู่ถัดขึ้นไป ตอนมาถึงคนก็มาออกันเต็มร้านแล้ว แต่ณัฐมลก็ใช้ความสามารถพิเศษของการเป็นสาวร่างเล็กแทรกตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ถึงจะตัวจิ๋วแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอบอบบางอย่างที่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอก อีกอย่างเธอเตรียมรับมือสถานการณ์มาอย่างดี ทั้งใส่ส้นเตี้ยและไม่ถือของให้เกะกะ เลยสามารถเลือกซื้อของได้สะดวกกว่าคนที่ไม่เตรียมตัวมา
สามสิบนาทีผ่านไปหญิงสาวก็ได้ของมูลค่าหลักหมื่นมาในราคาครึ่งเดียว หญิงสาวหอบถุงกระดาษใบใหญ่สามใบออกมาจากร้านอย่างอารมณ์ดี ตั้งใจว่าจะกลับไปสมทบกับเพื่อน ในขณะที่กำลังจะลงบันไดเลื่อนมา หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นว่าตรงร้านรองเท้าเจ้าประจำ มีป้าย ‘Sale’ สีแดงเด่นเด้งติดอยู่ เธอเลยเปลี่ยนใจขึ้นไปอีกชั้นเพื่อดูรองเท้าก่อน เพราะในกลุ่มมีเธอคนเดียวที่อยากได้รองเท้า
ณัฐมลโทรศัพท์ไปบอกศศิชาว่าจะตามไปสมทบทีหลัง แล้วจึงค่อยเข้าไปเลือกซื้อของที่อยากได้ หญิงสาวเลือกเพลินจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็สี่ทุ่มแล้ว ร้านรวงที่ไม่ได้มีมหกรรมลดราคาพากันปิดไปหมด จะเหลือก็แต่รองเท้าที่มีเธอเป็นลูกค้าอยู่หนึ่งเดียว
หญิงสาวเลยตัดสินใจซื้อรองเท้าสีมะนาวที่ลองสวมอยู่กับรองเท้าสีแดงในมือ เนื่องจากรักพี่เสียดายน้องอยากได้ทั้งสองคู่
พอเดินออกมาจากร้านได้ระยะหนึ่ง ณัฐมลก็พบว่ารอบตัวเธอขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับเมืองร้าง ผู้คนที่เคยเดินอยู่ขวักไขว่ต่างก็หายหน้าไปจนหมด บันไดเลื่อนหยุดทำงาน ไฟส่วนใหญ่ปิดสนิท เปิดเอาไว้แค่เพียงบริเวณทางเดินหลักเท่านั้น
บรรยากาศวังเวงชวนให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ลำพังในที่เปลี่ยว ณัฐมลนึกกลัวขึ้นมาแต่ก็ใจชื้นขึ้น เมื่อมองเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมาเหมือนกัน เธอจึงชะลอฝีเท้ารอให้ผู้หญิงสาวคนนั้นเดินตามมาจนทัน
เสียงส้นสูงกระทบพื้นที่ดังไล่หลังมาอย่างกระชั้นทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก ณัฐมลสบายใจที่มีเพื่อนร่วมทาง โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เดินตามกำลังมองมาด้วยแววตาอาฆาต
ริมฝีปากสีแดงสดของเจ้าหล่อนเหยียดออกเป็นรอยยิ้มชวนขนลุก เมื่อสาวเท้าเข้ามาใกล้เป้าหมาย สายตาคมจับจ้องอย่างรอจังหวะให้เหยื่อเผลอตัวแล้วจึงค่อยจัดการ
ไม่นานโอกาสที่ต้องการก็ลอยมาตรงหน้า ในขณะที่ณัฐมลกำลังจะก้าวเท้าลงบันได มือขาวซีดก็ยื่นออกมาหมายจะผลักหญิงสาวให้ตกลงไป ก่อนที่เล็บยาวสีสดจะแตะถูกแผ่นหลังบอบบาง คนร้ายก็ต้องสะดุ้ง เพราะมีเสียงร้องเรียกเหยื่อดังลั่นจากทางด้านหลัง หญิงสาวรีบหดมือกลับ แล้วปัดผมยาวเหยียดมาปิดหน้า ก่อนจะวิ่งแซงหน้าเดินลงบันไดหายไปในความมืด
ณัฐมลหันไปตามเสียงเรียกชื่อของตัวเอง ยังไม่ทันเห็นว่าใครเรียกเธอหญิงสาวก็ถูกดึงความสนใจ โดยผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งที่วิ่งเฉี่ยวตัวเธอไป
“เสียมารยาทจัง ไม่ขอโทษสักคำเลย” หญิงสาวพึมพำ
เธอไม่ทันได้เห็นหน้า แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงตัวสูงรูปร่างผอมบาง ผมยาวจนถึงสะโพก พอถอนสายตาจากคนแปลกหน้า เธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังใกล้ขึ้น
“มาซื้อของหรือครับแป้ง” พศวีร์โผล่หน้ามาจากบันไดเลื่อนชั้นบน แล้วก้าวเร็วๆ เข้ามาหา
“อ้าวพศ! มาได้ยังไง อย่าบอกนะว่ามาชอปปิงเหมือนกัน”
“เปล่าครับมาดูหนังต่างหาก จะกลับหรือยัง ให้ผมหิ้วของไปส่งที่รถให้ไหม” ชายหนุ่มแบมือขอถุงกระดาษ ซึ่งณัฐมลก็ส่งให้ด้วยความยินดี
หญิงสาวรอดจากการตกบันไดมาได้หวุดหวิดเพราะโชคช่วยแท้ๆ แถมยังมีบอดี้การ์ดช่วยหิ้วเดินไปส่งจนเจอกับกลุ่มเพื่อนด้วย
ความโชคดีของหญิงสาวทำให้คนที่แอบสะกดรอยตามกัดเล็บอย่างโกรธเคือง เธอสู้อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่าทั้งวัน เพื่อตามจัดการยายหนอนเน่า แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนหมด เพราะมีคนสอดมือเข้ามายุ่งผิดเวลา
“รอก่อนเถอะ ครั้งหน้าฉันไม่ปล่อยแกไปแน่” หญิงสาวกล่าวอย่างอาฆาต แล้วแง้มกระเป๋าถือออก
ในนั้นมีมีดเล่มหนึ่งนอนนิ่งอยู่ คมมีดสะท้อนกับแสงไฟเป็นประกาย คล้ายกับจิตมุ่งร้ายที่วาววาบอยู่ในใจของของคนที่กำลังจ้องมองมัน
นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2554, 23:49:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2555, 21:04:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 3037
<< บทที่ 16 Congratulations! | บทที่ 18 ตัวจริงของโรคจิต >> |
Zephyr 30 ก.ย. 2554, 23:57:30 น.
อ้ายยยย มาทำให้อยากแล้วจากไปอ่ะ กำลังจะเมนท์เลยว่าครามกับชาหายไปนานเกินไปแล้ววววว โผล่มานิดนึง แต่เรื่องนี้มีแต่คนโรคจิตอ่ะ คนแต่งเป็นด้วยป่าว เริ่มสงสัย ล้อเล่นค่ะ ^^อย่างอนน้า
อ้ายยยย มาทำให้อยากแล้วจากไปอ่ะ กำลังจะเมนท์เลยว่าครามกับชาหายไปนานเกินไปแล้ววววว โผล่มานิดนึง แต่เรื่องนี้มีแต่คนโรคจิตอ่ะ คนแต่งเป็นด้วยป่าว เริ่มสงสัย ล้อเล่นค่ะ ^^อย่างอนน้า
คิมหันตุ์ 1 ต.ค. 2554, 00:28:27 น.
ขอกรีสสองรอบบบบบบบบบบบ....อยาก ยินดีด้วยแต่..คงไม่ใช่กางเกงเปื้อนโคลนแล้วมาเปลี่ยนในห้องนะคะ...ห้าห้า
ขอกรีสสองรอบบบบบบบบบบบ....อยาก ยินดีด้วยแต่..คงไม่ใช่กางเกงเปื้อนโคลนแล้วมาเปลี่ยนในห้องนะคะ...ห้าห้า
แพม 1 ต.ค. 2554, 02:24:15 น.
อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะ
อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะ
หมูอ้วน 1 ต.ค. 2554, 05:49:03 น.
รอตอนต่อไปค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
pookza 1 ต.ค. 2554, 09:01:20 น.
กำลังคิดถึงน้องครามพอดีเลย^^
กำลังคิดถึงน้องครามพอดีเลย^^
ปูจ้า 1 ต.ค. 2554, 12:24:59 น.
ลุ้นๆๆๆว่ามันจะเหมือนที่แป้งร่ำคิดหรือเปล่า
ลุ้นๆๆๆว่ามันจะเหมือนที่แป้งร่ำคิดหรือเปล่า
ลูกกวาดสีส้ม 1 ต.ค. 2554, 12:52:30 น.
คำผิดค่ะ ตรงชอบคุณ น่าจะเป็น ขอบคุณ
ไม่รู้บอก น่าจะเป็น ไม่รู้หรอก
คำผิดค่ะ ตรงชอบคุณ น่าจะเป็น ขอบคุณ
ไม่รู้บอก น่าจะเป็น ไม่รู้หรอก
anOO 1 ต.ค. 2554, 15:21:55 น.
555 ยัยชาจะหายชาแล้วเหรอ ไม่มั้ง
555 ยัยชาจะหายชาแล้วเหรอ ไม่มั้ง
ชอบอ่าน 1 ต.ค. 2554, 23:15:36 น.
อะไรเนี้ยยยยยยยยยย
อะไรเนี้ยยยยยยยยยย
pattisa 2 ต.ค. 2554, 01:16:29 น.
ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้หักมุม พระเอกเปนโรคจิตหั่นศพแป้งนะ 555555555555
ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้หักมุม พระเอกเปนโรคจิตหั่นศพแป้งนะ 555555555555
sirynth 2 ต.ค. 2554, 03:20:00 น.
who's the evil girl? Got to be P' Pun's stalker..
who's the evil girl? Got to be P' Pun's stalker..
Pat 2 ต.ค. 2554, 08:19:02 น.
อ่านๆไปไหงมีแต่จิตเภทอ่ะ คนข้างบ้านนี่น่ากลัวแฮะ ชักอยากรู้แล้วว่าเรื่องที่พี่พันให้ไปสืบมาคือเรื่องอะไรO.O
อ่านๆไปไหงมีแต่จิตเภทอ่ะ คนข้างบ้านนี่น่ากลัวแฮะ ชักอยากรู้แล้วว่าเรื่องที่พี่พันให้ไปสืบมาคือเรื่องอะไรO.O