เพียงใจเสน่าหา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อเทพบุตรในฝันมายืนอยู่ตรงหน้ามีหรือคนอย่างแป้งร่ำจะปล่อยให้หลุดมือ ปฏิบัติการล่ารักฉบับพลีชีพจึงเกิดขึ้น แต่เอ๊ะยังไง นานๆไปเทพบุตรในฝันกลับกลายร่าง รู้ตัวอีกทีเธอก็เป็น "เป็ดน้อยในมือซาตานไปแล้ว"
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ออฟเลิฟค่ะ เป็นภาคต่อของมธุรัตน์เสน่หา สามารถสั่งซื้อได้ในราคาลด 15% ได้ที่เว็บนี้นะคะ
http://www.lightoflovebooks.com/
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ
Tags: โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกรั่วๆ นางเป็นเภสัชกร พระเอกเป็นจิตแพทย์
ตอน: บทที่ 18 ตัวจริงของโรคจิต
บทที่ 18 ตัวจริงของโรคจิต
ณัฐมลอาจจะรอดพ้นการถูกทำร้ายไปได้ แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะรอดพ้นการรังควานที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่มีเศษแก้วมาโรยเต็มหน้าร้าน ณัฐมลเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดว่าผู้ชายสวมหมวกกันน็อกไม่เปิดเผยใบหน้า เธอคิดว่าเป็นพวกแก๊งกวนเมืองก็เลยไม่ได้ทำอะไรเพราะไม่มีทรัพย์สินเสียหาย จนกระทั่งถูกปาไข่เน่าใส่กระจกหน้าร้านตอนกลางวันแสกๆ หญิงสาวถึงได้ตัดสินใจว่าควรจะแจ้งความ
เธอรวบรวมจดหมายขู่ที่ส่งมาใส่ซองเอาไว้ แล้วเซฟไฟล์ภาพของคนที่มาโปรยเศษกระจกกับปาไข่ใส่แผ่นซีดี ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปไหนก็มีเหตุชวนให้ตระหนกเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมีซองขนาดใหญ่ส่งมาให้เธอ มันบอกว่ามาจากสภาเภสัชกรรม แต่พอเปิดดูปรากฏว่ามีรูปเธออยู่ปึกใหญ่ มันเป็นรูปแอบถ่ายตามสถานที่ต่างๆ ที่ชวนให้สยองคือหน้าของเธอโดนกรีดยับทุกใบ
“ฉันถูกโรคจิตตามเหรอเนี่ย” หญิงสาวกุมขมับอย่างประสาทเสีย
เธอรู้สึกเหมือนโดนบาปกรรมตามสนอง เพราะเคยแอบตามถ่ายรูปพัลลภ แต่เห็นทีที่เจอกับตัวจะเป็นกรรมบวกดอกเบี้ย เพราะดูแล้วโรคจิตรายนี้เกลียดชังเธอเข้ากระดูกดำ
ณัฐมลกลั้นใจสำรวจด้านหลังรูปว่ามีข้อความหรือไม่ พอเห็นว่าไม่มีข้อความอะไร เธอจึงเก็บรูปเข้าไปในซองแล้วเอามันมาเป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่ากำลังถูกรังควาน หญิงสาวไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนคนนี้เจ็บแค้น จดหมายที่ได้รับนั้นมีแต่คำด่าทอ ไล่ให้ไปตายตลอดเวลา แต่ไม่มีข้อความที่บ่งบอกเหตุจูงใจที่ทำแม้แต่น้อย
เมื่อเก็บรวบรวมของที่คิดว่าจะใช้เป็นหลักฐานได้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตรงดิ่งไปที่สถานีตำรวจ ในฐานะประชาชนตาดำๆ ที่เสียภาษีปีละหลายหมื่น ณัฐมลหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องช่วยเธอได้ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังสุดประมาณ เมื่อเธอไปแจ้งความแล้วมีเพียงการลงบันทึกประจำวันและสอบปากคำว่าสงสัยใครบ้างเอาไว้เท่านั้น
หญิงสาวนึกโกรธตำรวจที่ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้เลย แต่ก็ตำหนิได้ไม่นานนัก เธอพยายามปลงและทำความเข้าใจว่าตำรวจเองก็คน มีสองแขนสองขาไม่ใช่ผู้วิเศษ ต่อให้สนใจอยากช่วยก็คงทำอะไรให้ได้ไม่มาก เพราะติดขัดหลายประการ
ประการแรกเธอไม่มีตัวผู้ต้องสงสัย เพราะไม่เคยสร้างศัตรูเอาไว้สักที อย่างมากก็มีแค่คนไม่ชอบหน้านิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะเกลียดกันขนาดนี้ ประการที่สองเธอยังอยู่ดีมีสุขไม่ได้บาดเจ็บหรือมีทรัพย์สินเสียหาย มันเลยไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ที่ตำรวจต้องเร่งแก้ไขให้ ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือหาทางช่วยตัวเองเท่านั้น
ณัฐมลกลับมาที่ร้านด้วยความรู้สึกกึ่งวิตกกึ่งปลง หญิงสาวเดินเข้ามาทักทายอลินที่เฝ้าร้านอยู่อย่างเนือยๆ ผู้ช่วยเภสัชกรไม่ได้ใส่ใจเธอเลย เพราะกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ พอชะโงกหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นพัลลภ
“มาได้ยังไงคะพี่พัน ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย”
พัลลภหันมาสบตาด้วยใบหน้าเครียด ในขณะที่อลินนั้นหน้าซีด ทั้งที่ปกติควรจะกระดี๊กระด๊าเพราะได้เจอกับหนุ่มหล่อ
“เป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่าครับ” พัลลภปฏิเสธในขณะที่อลินทำท่ามีพิรุธ
เจ้าหล่อนขยับไปที่โต๊ะข้างโซฟา แล้วย่อตัวลงเพื่อบังอะไรบางอย่างให้พ้นจากสายตาของณัฐมล แต่กลายเป็นว่าตัวบางๆ ของอลินบังได้ไม่มิด แถมยังดึงความสนใจให้หันไปอีกต่างหาก
“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังใช่ไหมโอ๊ะโอ” ณัฐมลถามเสียงเข้ม
“เปล่านะคะเจ๊ แค่ดีวีดีชาวสีม่วงฉบับส่วนตัวของโอ๊ะโอแค่นั้นแหละค่ะ อย่าสนใจเลยนะคะ มันขวยเขินเกินกว่าจะเอามาโชว์” อลินกลบเกลื่อนแต่สีหน้าก็ดูไม่แนบเนียนสักเท่าไร
พอปราดเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเจ้าหล่อนพยายามที่จะซ่อนซองสีน้ำตาลเอาไว้ในเสื้อ ความที่กำลังรีบร้อนอลินเลยเผลอพลิกซองคว่ำลงโดยไม่รู้ตัว ของที่บรรจุอยู่ภายในนั้นเลยร่วงกราวลงมาเต็มพื้นไปหมด
“อีกแล้วเหรอ!” ณัฐมลอุทานทันทีที่เห็นว่าอลินพยายามซ่อนอะไร
สิ่งที่หล่นลงมาคือภาพของเธอโดนกรีดหน้ายับ คราวนี้มีมีดโกนแถมมาพร้อมกับข้อความด้วย เธอก้มลงหยิบมาอ่านด้วยความอยากรู้ แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างสยอง เพราะมันเป็นข้อความให้เอามีดโกนกรีดหน้าตัวเองซะ ก่อนที่คนร้ายจะเป็นฝ่ายลงมือเสียเอง
“หมายความว่ายังไงครับแป้ง แป้งเคยถูกขู่แบบนี้มาก่อนแล้วใช่ไหม” พัลลภถามเสียงตื่น
ณัฐมลพยักหน้ารับเพราะไม่อยากจะโกหก ก็เลยถูกมองกลับมาด้วยสายตาตำหนิ
“ทำไมถึงปิดพี่”
“ก็...ทีแรกแป้งคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นไร้สาระนี่คะ ไม่คิดว่ามันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย
“อย่างนี้เขาไม่เรียกล้อเล่นแล้วนะคะเจ๊ มันกะเอาให้ตายเลยแหละถ้าเผลอ” อลินเอ่ยแทรก
ความปากพล่อยของอลินเพิ่มความเครียดให้กับพัลลภยิ่งขึ้น ชายหนุ่มนึกเคืองณัฐมลที่ไม่บอกกล่าวอะไรกันเลย เป็นเหตุให้ใบหน้าหล่อเหลาของเทพบุตรบึ้งตึงมากขึ้น
“เกิดขึ้นนานหรือยัง” พัลลภพยายามคุมโทนเสียงเอาไว้ กระนั้นก็ยังดูออกว่าเขากำลังไม่สบอารมณ์
“สองสามอาทิตย์ได้แล้วค่ะ แต่ว่าแป้งไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ นะคะ แป้งเก็บหลักฐานทั้งหมดเอาไว้ แล้วไปแจ้งตำรวจมาแล้วด้วย”
“เรื่องแบบนี้ตำรวจช่วยอะไรไม่ได้หรอก” พัลลภเอ็ดเสียงดัง จนคนถูกดุทำหน้าจ๋อยเป็นเป็ดหงอยเลยทีเดียว
“หลักฐานอยู่ที่ตำรวจใช่ไหม ไปเอากลับมา พี่จะจัดการเอง” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม
“จัดการเอง หมายความว่ายังไงคะ” ณัฐมลนึกค้านในใจ ขนาดตำรวจยังจัดการไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับจิตแพทย์อย่างเขา
“พี่พอจะรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เราต้องจับตัวให้ได้ ถ้ามัวแต่หวังพึ่งตำรวจแป้งอาจจะโดนมันทำร้ายก็ได้”
“ใครเหรอคะ อ๊าย! ตื่นเต้นอย่างกับหนังสืบสวน” อลินถามแทรกขึ้นมา
“อดีตคนไข้ของผม”
ณัฐมลรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาปักฉึกตรงกลางใจเมื่อได้ยินคำเฉลย ตัวเธอเองก็เป็นอดีตคนไข้ของเขาเหมือนกัน แถมยังเพิ่งจะหยุดการรักษากับคุณหมอคนใหม่ไปเมื่อไม่นานนี้
“มันชอบคุณหมอใช่ไหมคะ ก็เลยมารังควานเจ๊แป้ง” อลินเดา แล้วก็ได้รับการตอบรับด้วยการพยักหน้า
“อย่างนี้ก็ง่ายเลยค่ะ พวกเราไปลากคอมันจับส่งตำรวจกัน”
ผู้ช่วยเภสัชกรถลกแขนเสื้อขึ้นแล้ววางท่าฮึดฮัด ใครบังอาจมารังแกณัฐมลก็เท่ากับว่ารังแกเธอด้วย
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกโอ๊ะโอ ถ้ารู้ว่าเป็นใครเราก็ไปหาญาติให้พาไปรักษาก็พอแล้ว” ณัฐมลไม่อยากจะทำอะไรรุนแรง เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายทำไปโดยไม่รู้สึกตัว
“เจ๊ขา ไม่ใช่เวลามาแอ๊บนางฟ้านะคะตอนนี้ นังนั่นมันโรคจิตนะคะไม่ใช่คนปกติ”
“แต่ว่า...หลักฐานเท่านี้ตำรวจจะทำอะไรได้ล่ะ”
พอแย้งณัฐมลก็เริ่มสงสัยว่าพัลลภรู้ได้อย่างไรว่าอดีตคนไข้ของเขาตามรังควานเธออยู่ เธอเลยถามออกไป
พัลลภเม้มปากอย่างไตร่ตรอง เนื่องจากความเป็นมาของคนไข้โรคจิตรายนี้ออกจะยาวสักหน่อย จึงต้องอาศัยเวลาเรียบเรียงข้อมูล
“พี่มั่นใจว่าเป็นคนคนนี้ก็เพราะว่าก่อนจะไปอเมริกาพี่ได้รับจดหมายจากเขา”
ก่อนไปอเมริกาประมาณสามเดือนชายหนุ่มได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ใจความโดยรวมบอกว่าขณะนี้ผู้เขียนได้กลายเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมมากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะยังไม่คู่ควรกับเขาแต่ก็ได้กลับมาอยู่เคียงข้างคอยปกป้องดูแลแล้ว พออ่านทวนอีกครั้งชายหนุ่มก็สะดุดใจกับคำแทนตัวที่เรียกเขาว่า ‘เจ้าชาย’ เพราะมันคล้ายกับที่ผู้ป่วยรายหนึ่งเคยเรียกเขา
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนพัลลภได้ทำการรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เขาคนนี้มีชื่อว่า ‘เมธา’ เมธาถูกส่งมารักษาตัวเพราะมีความต้องการอยากจะผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิง ทางครอบครัวไม่ได้คัดค้านมาก แต่พามาหาจิตแพทย์ก่อนเพื่อให้มั่นใจในเพศที่อยากเป็น
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามปกติ จนกระทั่งเมธาสูญเสียคนรักไปจากอุบัติเหตุ จึงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาและช่วงนั้นเองที่ผู้ป่วยเริ่มหลงรักเขา
เมธาหาเรื่องมาเจอกับเขาบ่อยๆ ทีแรกก็แค่บังเอิญเจอในโรงพยาบาล ต่อมาก็เป็นนอกสถานที่ พัลลภเห็นท่าไม่ดีก็เลยตัดสินใจคุยอย่างตรงไปตรงมา ท่าทีของผู้ป่วยในตอนแรกเหมือนจะเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เลิกนิสัยสะกดรอยตามเขา ชายหนุ่มจึงเรียกมาคุยอีกครั้งและแนะนำให้เปลี่ยนจิตแพทย์ เมธาแสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ยอมเปลี่ยนคนให้คำปรึกษาในที่สุด
พัลลภจึงส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิง เมธายอมไปรักษาแค่สามครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็หายไปเลย ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวอีก จนกระทั่งรุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นถูกทำร้ายโดยการผลักตกบันได เธอไม่รู้ตัวคนทำแต่บังเอิญมีคนเห็นเหตุการณ์และจำได้ว่าเป็นเมธา
รุ่นพี่จึงเล่าเรื่องถูกรังควาน เพราะเข้าใจผิดว่าคบหากับพัลลภให้ฟัง ทั้งยังพูดถึงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดรุนแรงเข้าขั้นอันตรายให้รู้ด้วย ชายหนุ่มตระหนกกับเรื่องที่ได้ยินมาก เพราะต่อหน้าเขาเมธาจะดูเรียบร้อยไม่ค่อยพูด มักจะยิ้มและทำตัวดีเสมอ
เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น พัลลภจึงนัดพบกับเมธาและญาติ ชายหนุ่มบอกไปตามตรงว่ารุ่นพี่คนนั้นได้แจ้งความแล้ว พร้อมกับขู่ว่าเมธาอาจจะติดคุกและต้องอยู่ในสถานบำบัด หากยังไม่เลิกพฤติกรรมอย่างนี้
ครอบครัวของชายหนุ่มมีหน้ามีตาทางสังคมพอควร ก็เลยตัดสินใจส่งลูกชายไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เมธายอมไปแต่แลกกับการเปลี่ยนชื่อและแปลงเพศ หลังจากนั้นก็มีจดหมายส่งมาถึงพัลลภบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยตอบกลับไป
จนกระทั่งสองปีผ่านไป ในขณะที่เขาเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมเกิดขึ้นมาอีก พัลลภรู้สึกเหมือนตัวเองถูกสะกดรอยตาม ข้าวของเริ่มหายไปทีละอย่างสองอย่าง อีกทั้งบรรดาผู้หญิงใกล้ตัวยังมีเรื่องเจ็บตัวกันบ่อยๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นฝีมือเมธาเลย จนได้รับจดหมายปริศนาที่เรียกเขาว่าเจ้าชาย
พัลลภรู้สึกเป็นกังวลก็เลยจ้างนักสืบให้ช่วยสืบเรื่องนี้ให้ระหว่างที่เขาไปที่อเมริกา จึงได้รู้เพิ่มเติมมาว่าเมธากลับมาเมืองไทยในช่วงที่เกิดเรื่องแปลกๆ กับเขาพอดี พอสืบลึกลงไปจึงรู้ว่าเมธาเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ทั้งยังใช้ชื่อใหม่ว่าเมธาวี เมธาวีไม่ได้ทำงานและไม่ได้อยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่บอกว่าโทรศัพท์มาขอเงินเป็นระยะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน
พอกลับมาเขาเลยลองไปไหนมาไหนคนเดียว และให้นักสืบตามดูคนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย แล้วก็บังเอิญได้รูปของเมธาวีมา สาวประเภทสองคนนี้มักจะสวมแว่นดำขนาดใหญ่ แล้วปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ พัลลภเสมอ ทว่ายังไม่ทันได้ที่อยู่ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วหายไปอีก
“นักสืบที่พี่จ้างตามไปถึงเชียงใหม่แต่ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม รู้แต่ว่าครั้งสุดท้ายที่นักสืบเห็นเมธาก็คือช่วงที่พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เมธาคงเห็นว่าพี่อยู่กับแป้งก็เลยตามรังควาน”
ณัฐมลฟังแล้วก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมพัลลภถึงได้ติดกล้องวงจรปิดกับเปลี่ยนกลอนประตูให้
“อีเลว! ทำแบบนี้เสียชื่อกะเทยไทยหมด เราต้องจับมันเข้าโรงพยาบาลโรคจิตให้ได้เลยนะคะคุณหมอ” อลินแค่นเสียงอย่างมีอารมณ์
“ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ตอนนี้เรื่องที่เราต้องห่วงคือความปลอดภัยของแป้ง”
ทั้งพัลลภและอลินต่างก็หันมามองณัฐมลเป็นตาเดียว หญิงสาวทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะเพิ่งตระหนักว่าตัวเองกำลังถูกหมายหัว และอาจจะตกเป็นเหยื่อคนโรคจิตได้ถ้าไม่ระวังตัว ใบหน้าหน้าที่เคยสดใสเริ่มซีดเผือด
“โอ๊ะโอจะปกป้องเจ๊เองนะคะ ไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจนะโอ๊ะโอ”
ถึงอลินจะเอวบางร่างน้อยจนแทบจะปลิวไปตามลม แต่ก็ได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นเพศชาย ทั้งยังไว้ใจได้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีทางวิ่งหนีไปแน่ๆ หญิงสาวจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
“ช่วงนี้ให้พี่ไปรับไปส่งแป้งที่โรงพยาบาลดีไหมครับ ถ้าจะออกไปไหนก็ไปด้วยกัน” พัลลภอาสา เขายังมีเวลาว่างอีกระยะหนึ่งกว่าจะเริ่มทำงาน ช่วงนี้เลยดูแลเธอได้เต็มที่
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่ามือพี่พันยังเจ็บอยู่จะขับรถยังไงคะ แป้งห้ามเด็ดขาดเลยนะคะว่าไม่ให้ไปนั่งเฝ้า แป้งไม่อยากรบกวนพี่พันขนาดนั้น”
มือของพัลลภต้องเข้าเฝือกอย่างน้อยหกสัปดาห์ นี่ก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงสี่สัปดาห์เท่านั้น
“พี่ขับได้ครับ วันนี้พี่ก็ขับมาเอง”
“อะไรนะคะ! พี่พันรู้หรือเปล่าว่ามันอันตรายมาก ถ้าเกิดเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกจะทำยังไง” ณัฐมลร้องเสียงหลง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่ขับได้”
พัลลภไม่ใช่คนประมาท เขามั่นใจแล้วว่าออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัยก็เลยมา ทว่าณัฐมลกลับไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด
“พี่พันห้ามขับรถจนกว่าจะทำกายภาพบำบัดแล้วใช้มือได้คล่อง ไม่อย่างนั้นแป้งโกรธจริงๆ ด้วย” หญิงสาวเท้าเอวสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
แทนที่จะโต้กลับชายหนุ่มกลับหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีขึงขังเกินพอดี
‘เป็นแค่เป็ดน้อยริอาจจะมาวางมาดดุ น่ากลัวตายล่ะ’
“ยังจะมายิ้มอีก แป้งจริงจังนะคะ”
“พี่รู้ครับ ที่ยิ้มเพราะดีใจที่แป้งเป็นห่วงต่างหาก” จอมเจ้าเล่ห์ส่งสายตาลึกซึ้งมาให้ หมายจะเปลี่ยนประเด็นอย่างมีชั้นเชิง
“ถ้ารู้ก็ห้ามขับรถค่ะ” ณัฐมลสะบัดหน้าหนีแล้วทำเสียงแข็ง
‘ชิชะ! ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ หนนี้เธอไม่เคลิ้มไปด้วยหรอก’
พัลลภกลอกตาไปมาแล้วไม่โต้ตอบ ท่าทีของเขาบ่งว่าไม่คิดจะฟังคำห้ามปรามของเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวก็เลยทำปากยื่นใส่คนดื้อเงียบ
“ไม่ยุติธรรมเลย ทีพี่พันห่วงแป้งให้ทำอะไรแป้งก็ทำตาม แล้วทำไมทีแป้งห่วงพี่พันจะห้ามบ้าง พี่พันถึงไม่ฟังกันเลย ไม่รู้ไม่ชี้แล้ว ถ้าพี่พันยังดื้อขับรถ แป้งก็จะดื้อไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง”
พัลลภมองเป็ดน้อยที่กำลังหัดพยศอย่างอ่อนใจ นี่ถ้าอยู่ด้วยกันตามลำพังเห็นทีจะได้จับกดสั่งสอนสักทีสองทีให้รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เมื่อมีบุคคลที่สามอยู่ด้วยพัลลภจึงเลือกประนีประนอมแทน
“อย่างดื้อสิครับคนดี ขับรถก็เรื่องหนึ่ง เรื่องถูกรังควานก็เรื่องหนึ่ง อย่าเอามาปนกันเลยนะ พักให้ใจเย็นก่อนดีไหมครับแล้วค่อยคุยกัน”
“ไม่ค่ะ ต้องคุยและเคลียร์เดี๋ยวนี้” ณัฐมลยื่นคำขาด เธอรู้ดีว่ายิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไป ก็จะยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบจอมเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชน
“ก็ได้ครับแต่ดื่มน้ำก่อนนะ แป้งดูเหนื่อยๆ เดี๋ยวพี่รินให้ หรืออยากได้อย่างอื่นครับ พี่จะออกไปซื้อให้เอง” ชายหนุ่มพยายามจะซื้อเวลา
“ไม่ค่ะ คุยเลย” ณัฐมลทิ้งตัวโครมลงบนโซฟา แล้วใช้สายตาให้เขารีบมาตรงนี้
พัลลภจึงนั่งลงอย่างขัดเสียไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากอลิน แค่สบตาด้วย ผู้ช่วยของณัฐมลก็แปรพรรคมาเข้ากับเทพบุตรสุดหล่อแล้ว
“อย่าเหวี่ยงนักสิคะเจ๊ขา เอาอย่างนี้ดีกว่า เจ๊ก็นั่งรถไปกับพี่หมอก่อน ดูว่าขับรถเป็นยังไงแล้วค่อยตัดสิน ไปกันหมดนี่แหละ โอ๊ะโอจะช่วยดูด้วยอีกคน สาบานว่าไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น”
พัลลภตอบรับอย่างไม่อิดออด ณัฐมลก็เลยถูกบีบให้ทำตามไปด้วย แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดของอลินมีเหตุผล แต่หญิงสาวก็ยังอดหมั่นไส้คนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนตัวเองกำลังเป็นต่อไม่ได้
หมดประเด็นเรื่องรถก็ได้เวลามาคุยกับเรื่องความปลอดภัยของณัฐมล ยังไม่ทันพูดอะไรมากพัลลภก็หาเรื่องมาให้ทะเลาะกันอีกแล้ว ชายหนุ่มขอร้องให้อลินมานอนค้างด้วยจนกว่าเขาจะหาคนมาอยู่กับณัฐมลได้ อลินมาอยู่ด้วยเธอไม่ว่าแต่คนอื่นนี่สิปัญหาใหญ่
“ไม่เอาค่ะ แป้งไม่ยอมหรอก จะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยได้ยังไง”
“ไม่ใช่คนไม่รู้จักหรอกครับ รับรองว่าไว้ใจได้ พี่ว่าจะจ้างหลานแม่บ้านที่ทำงานให้พี่มานอนเป็นเพื่อนแป้ง เด็กคนนี้ไว้ใจได้เข้าออกบ้านพี่ประจำมาห้าหกปีแล้ว”
“ถึงจะไว้ใจได้แต่แป้งคิดว่าไม่จำเป็น ประตูก็เปลี่ยนแล้วนี่คะ จะกลัวอะไร”
เรื่องเป็นห่วงเธอเข้าใจ แต่ถึงขั้นต้องเสียเงินจ้างคนมาอยู่เป็นเพื่อน เธอคิดว่ามันเกินไป อีกอย่างถ้าต้องประสาทเสียแล้วเล่นตามเกมของโรคจิตรายนี้ มิเท่ากับเป็นผู้แพ้หรอกหรือ
“จะประมาทไม่ได้นะครับ มีสารพัดวิธีที่จะหลอกให้คนเปิดประตู ถ้าเกิดคนร้ายตะโกนว่าไฟไหม้ล่ะ แล้วถ้าเกิดไม่ใช่คนร้ายแต่เป็นไฟไหม้จริงๆ จะทำยังไง”
“แป้งไม่ได้โง่นะคะ” ณัฐมลชักเริ่มหงุดหงิดที่เขาเห็นเธอเป็นเด็กอมมือ
“ไม่โง่แต่งกค่ะ เจ๊น่ะชอบเปิดประตูประจำเวลามีคนมาเคาะร้านขอซื้อของ เวลามีรถหวอหรือเกิดเรื่องอะไรตีสองตีสามเจ๊ก็หลั่นล้าลงมาดูก่อนเขาเลยไม่ใช่เหรอคะ” อลินแฉในทันที
ณัฐมลพูดเป็นประจำว่าดูแลตัวเองได้ แต่ในสายตาคนอื่นนั้นนิสัยทำอะไรไม่คิดของเจ้าหล่อนนั้นน่าเป็นห่วงอย่างที่สุด
“ก็...ก็ตอนนั้นมันยังไม่มีใครตามนี่” หญิงสาวเถียงพลางหลบสายตาตำหนิจากอลินและพัลลภเป็นพัลวัน
“จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นครับ” พัลลภเอ็ด
เทพบุตรคนดีเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว แววตาของเขาบอกว่าถ้ายังจะรั้นไม่เข้าเรื่องอีก จะกลายร่างเป็นปีศาจให้ดู
“ก็ได้ๆ ยอมแล้ว พี่พันอยากทำอะไรก็ทำ อยากจ้างใครก็จ้าง ถ้าห่วงนักจะขนข้าวขนของมาอยู่กับแป้งเลยก็ได้”
“พี่ไม่ขัดข้องเรื่องมาอยู่กับแป้งหรอกนะ ยังไงมีผู้ชายอยู่ด้วยมันก็ปลอดภัยกว่า แต่กลัวว่าแป้งจะเสียหายนี่สิ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างลังเล เขาคิดเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ณัฐมลอยากจะบอกว่าเธอประชดต่างหาก แต่อลินเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“อู๊ยยย! 31 แล้ว ไม่มีอะไรจะเสียหายแล้วล่ะค่ะ มีแต่เขาจะครหาว่าไม่มีปัญหาหาผัว”
“โอ๊ะโอ!” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่แล้วมองอีกฝ่ายตาเขียว เธอยังขึ้นคานอยู่นี่ไม่ใช่เพราะหาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้สักหน่อย แต่เป็นเพราะว่าเธอเลือกอยู่ต่างหาก
‘เลือกน่ะเลือก เข้าใจไหมว่าฉันช่างเลือก!’
“ให้พี่หมอมาอยู่ด้วยเถอะค่ะ ไม่แน่ว่ากะเทยโรคจิตอาจจะถอดใจแล้วหายไปเลยก็ได้ เจ๊เองก็หัดระลึกเอาไว้ด้วยว่านะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนเจ็บคนตายคือเจ๊ ไม่ใช่โอ๊ะโอหรือพี่หมอ”
พูดจบอลินก็ขยับมาแล้วกระซิบบอกบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคนให้รู้
“เจ๊ขา...หมดเวลาเล่นตัว โอกาสมาถึงแล้ว หล่อน่างาบขนาดนี้มาอยู่ร่วมชายคาด้วยนี่มันยิ่งกว่าถูกหวยอีกนะคะ รีบรวบหัวรวบหางเลยค่ะ โอ๊ะโอสนับสนุนเต็มที่”
เหตุผลแรกฟังเข้าท่าอยู่เหมือนกัน ส่วนเจตนาแอบแฝงนั้นก็น่าสนใจ ณัฐมลก็เลยหวั่นไหว หญิงสาวนิ่งคิดไปอึดใจ แล้วหันไปมองหน้าคนที่อาสามาอยู่ด้วยเพื่อดูท่าที
“ถ้าแป้งไม่ขัดข้องพี่ก็อยากจะอยู่ที่นี่ครับ ขอให้พี่ได้ดูแลแป้งนะ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือมากุมเอาไว้ด้วย
ณัฐมลรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกขอแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น แล้วปากที่มันไปไวกว่าสมองเสมอก็รับคำในทันที
“พี่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล ขอย้ายมาคืนนี้เลยได้ไหมครับ”
จะย้ายมาคืนนี้หรือวันไหนมันก็ไม่ต่างกันนัก หญิงสาวก็เลยตอบตกลงไป แต่ก็เตือนเขาไว้ก่อนว่าห้องที่ชั้นสี่ยังนอนไม่ได้ ส่วนห้องเก่าของอลินที่ชั้นล่างค่อนข้างอับ
พัลลภไม่เรื่องมากจึงไม่เกี่ยงเรื่องที่นอน เมื่อตกลงว่าจะย้ายมาแล้ว ชายหนุ่มก็ชวนณัฐมลกับอลินนั่งรถไปที่บ้านเขาเพื่อเก็บของเลย อลินจะได้กลับบ้านไม่ดึกมาก และทั้งสองคนจะได้ให้คะแนนเรื่องการขับรถของเขาด้วย
เมื่อตกลงกันแล้วทั้งสามคนก็พากันปิดล็อกประตูร้าน แล้วเข้ามานั่งในรถที่พัลลภเป็นสารถี รถคันเก่าของชายหนุ่มขายทิ้งไปแล้ว ส่วนคันใหม่ก็ต้องรออีกเดือนหนึ่งกว่าจะได้ของ เขาเลยต้องเอารถของน้องชายที่ฝากไว้มาใช้ก่อน
ณัฐมลจำรถเก๋งสีขาวคันจิ๋วนี่ได้เพราะเห็นว่าจอดอยู่ที่บ้านพัลลภ มันเป็นเกียร์อัตโนมัติขับง่ายก็จริง แต่ก็ไม่น่าไว้ใจนักเมื่อมาอยู่กับคนมือเจ็บ บริเวณที่พัลลภจอดรถเอาไว้ระยะห่างในการตีโค้งค่อนข้างแคบ ออกมาก็เจอซอยเล็กๆ ที่สองข้างทางมีรถจอดระเกะระกะต้องเลี้ยวหลบเป็นระยะ หญิงสาวเลยนั่งลุ้นตัวเกร็ง
พัลลภสามารถขับออกมาได้อย่างง่ายดาย เขาขับรถได้คล่องมากจนต้องนึกชม ณัฐมลเลยทดสอบด้วยการสั่งให้ถอยหลังเข้าซองบ้าง จอดรถริมฟุตบาทหรือที่แคบบ้าง แล้วชายหนุ่มก็ผ่านการทดสอบมาได้ เขาทำให้เธอเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หญิงสาวก็เลยคลายใจลง
ในขณะที่กำลังจะปล่อยวางณัฐมลก็นึกอะไรบางอย่างออก
“ตายแล้ว!” หญิงสาวร้องเสียงดังลั่นรถ
อลินเลยสบถออกมาเพราะตกใจ ส่วนพัลลภนั้นยังมีสมาธิ เขาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สายตายังคงมองไปที่ถนน
“ปะ...เปล่าคะ” ณัฐมลปฏิเสธ
“อ๋อ! จะทดสอบล่ะสินะคะเจ๊ ตกใจหมดเลย” อลินพูดขึ้น
หญิงสาวปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าใจผิดไปอย่างนั้น แล้วนั่งเงียบไปตลอดทาง ตอนนี้สมาธิของเธอไม่ได้อยู่ที่การขับรถของพัลลภแล้ว ใจมันลอยออกไปจดจ่อกับเรื่องที่เพิ่งนึกออกหมาดๆ
พัลลภจะมานอนค้างคืนนี้ แต่เธอยังไม่ได้จัดการกำจัดหลักฐานความเป็นโรคจิตของตัวเองเลย พอนึกถึงสภาพห้องนอน มือเล็กขาวเนียนก็ชื้นเหงื่อขึ้นมา ในนั้นเต็มไปด้วยของสะสมที่เกี่ยวกับเขาเต็มไปหมด เธอแปะรูปแอบถ่ายไว้เต็มฝาผนัง แม้แต่เนื้อที่บนเพดานก็ยังมีภาพขยายขนาดใหญ่ติดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีปลอกหมอนกับตุ๊กตาที่เป็นหน้าเขาอีก ถึงจะเป็นของที่ทำไว้นานแล้ว แต่มั่นใจได้เลยล่ะว่าคอลเลกชันของเธอไม่น้อยหน้ายายโรคจิตนั่นแน่ๆ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขามาเห็นมันเข้า
‘งานเข้าแล้วแป้งเอ๋ย ซวยแน่...ซวยสุดๆ’
ณัฐมลอาจจะรอดพ้นการถูกทำร้ายไปได้ แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะรอดพ้นการรังควานที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่มีเศษแก้วมาโรยเต็มหน้าร้าน ณัฐมลเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดว่าผู้ชายสวมหมวกกันน็อกไม่เปิดเผยใบหน้า เธอคิดว่าเป็นพวกแก๊งกวนเมืองก็เลยไม่ได้ทำอะไรเพราะไม่มีทรัพย์สินเสียหาย จนกระทั่งถูกปาไข่เน่าใส่กระจกหน้าร้านตอนกลางวันแสกๆ หญิงสาวถึงได้ตัดสินใจว่าควรจะแจ้งความ
เธอรวบรวมจดหมายขู่ที่ส่งมาใส่ซองเอาไว้ แล้วเซฟไฟล์ภาพของคนที่มาโปรยเศษกระจกกับปาไข่ใส่แผ่นซีดี ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปไหนก็มีเหตุชวนให้ตระหนกเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมีซองขนาดใหญ่ส่งมาให้เธอ มันบอกว่ามาจากสภาเภสัชกรรม แต่พอเปิดดูปรากฏว่ามีรูปเธออยู่ปึกใหญ่ มันเป็นรูปแอบถ่ายตามสถานที่ต่างๆ ที่ชวนให้สยองคือหน้าของเธอโดนกรีดยับทุกใบ
“ฉันถูกโรคจิตตามเหรอเนี่ย” หญิงสาวกุมขมับอย่างประสาทเสีย
เธอรู้สึกเหมือนโดนบาปกรรมตามสนอง เพราะเคยแอบตามถ่ายรูปพัลลภ แต่เห็นทีที่เจอกับตัวจะเป็นกรรมบวกดอกเบี้ย เพราะดูแล้วโรคจิตรายนี้เกลียดชังเธอเข้ากระดูกดำ
ณัฐมลกลั้นใจสำรวจด้านหลังรูปว่ามีข้อความหรือไม่ พอเห็นว่าไม่มีข้อความอะไร เธอจึงเก็บรูปเข้าไปในซองแล้วเอามันมาเป็นอีกหนึ่งหลักฐานว่ากำลังถูกรังควาน หญิงสาวไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนคนนี้เจ็บแค้น จดหมายที่ได้รับนั้นมีแต่คำด่าทอ ไล่ให้ไปตายตลอดเวลา แต่ไม่มีข้อความที่บ่งบอกเหตุจูงใจที่ทำแม้แต่น้อย
เมื่อเก็บรวบรวมของที่คิดว่าจะใช้เป็นหลักฐานได้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตรงดิ่งไปที่สถานีตำรวจ ในฐานะประชาชนตาดำๆ ที่เสียภาษีปีละหลายหมื่น ณัฐมลหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องช่วยเธอได้ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังสุดประมาณ เมื่อเธอไปแจ้งความแล้วมีเพียงการลงบันทึกประจำวันและสอบปากคำว่าสงสัยใครบ้างเอาไว้เท่านั้น
หญิงสาวนึกโกรธตำรวจที่ช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้เลย แต่ก็ตำหนิได้ไม่นานนัก เธอพยายามปลงและทำความเข้าใจว่าตำรวจเองก็คน มีสองแขนสองขาไม่ใช่ผู้วิเศษ ต่อให้สนใจอยากช่วยก็คงทำอะไรให้ได้ไม่มาก เพราะติดขัดหลายประการ
ประการแรกเธอไม่มีตัวผู้ต้องสงสัย เพราะไม่เคยสร้างศัตรูเอาไว้สักที อย่างมากก็มีแค่คนไม่ชอบหน้านิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะเกลียดกันขนาดนี้ ประการที่สองเธอยังอยู่ดีมีสุขไม่ได้บาดเจ็บหรือมีทรัพย์สินเสียหาย มันเลยไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ที่ตำรวจต้องเร่งแก้ไขให้ ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือหาทางช่วยตัวเองเท่านั้น
ณัฐมลกลับมาที่ร้านด้วยความรู้สึกกึ่งวิตกกึ่งปลง หญิงสาวเดินเข้ามาทักทายอลินที่เฝ้าร้านอยู่อย่างเนือยๆ ผู้ช่วยเภสัชกรไม่ได้ใส่ใจเธอเลย เพราะกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ พอชะโงกหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นพัลลภ
“มาได้ยังไงคะพี่พัน ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย”
พัลลภหันมาสบตาด้วยใบหน้าเครียด ในขณะที่อลินนั้นหน้าซีด ทั้งที่ปกติควรจะกระดี๊กระด๊าเพราะได้เจอกับหนุ่มหล่อ
“เป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่าครับ” พัลลภปฏิเสธในขณะที่อลินทำท่ามีพิรุธ
เจ้าหล่อนขยับไปที่โต๊ะข้างโซฟา แล้วย่อตัวลงเพื่อบังอะไรบางอย่างให้พ้นจากสายตาของณัฐมล แต่กลายเป็นว่าตัวบางๆ ของอลินบังได้ไม่มิด แถมยังดึงความสนใจให้หันไปอีกต่างหาก
“ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังใช่ไหมโอ๊ะโอ” ณัฐมลถามเสียงเข้ม
“เปล่านะคะเจ๊ แค่ดีวีดีชาวสีม่วงฉบับส่วนตัวของโอ๊ะโอแค่นั้นแหละค่ะ อย่าสนใจเลยนะคะ มันขวยเขินเกินกว่าจะเอามาโชว์” อลินกลบเกลื่อนแต่สีหน้าก็ดูไม่แนบเนียนสักเท่าไร
พอปราดเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเจ้าหล่อนพยายามที่จะซ่อนซองสีน้ำตาลเอาไว้ในเสื้อ ความที่กำลังรีบร้อนอลินเลยเผลอพลิกซองคว่ำลงโดยไม่รู้ตัว ของที่บรรจุอยู่ภายในนั้นเลยร่วงกราวลงมาเต็มพื้นไปหมด
“อีกแล้วเหรอ!” ณัฐมลอุทานทันทีที่เห็นว่าอลินพยายามซ่อนอะไร
สิ่งที่หล่นลงมาคือภาพของเธอโดนกรีดหน้ายับ คราวนี้มีมีดโกนแถมมาพร้อมกับข้อความด้วย เธอก้มลงหยิบมาอ่านด้วยความอยากรู้ แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างสยอง เพราะมันเป็นข้อความให้เอามีดโกนกรีดหน้าตัวเองซะ ก่อนที่คนร้ายจะเป็นฝ่ายลงมือเสียเอง
“หมายความว่ายังไงครับแป้ง แป้งเคยถูกขู่แบบนี้มาก่อนแล้วใช่ไหม” พัลลภถามเสียงตื่น
ณัฐมลพยักหน้ารับเพราะไม่อยากจะโกหก ก็เลยถูกมองกลับมาด้วยสายตาตำหนิ
“ทำไมถึงปิดพี่”
“ก็...ทีแรกแป้งคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นไร้สาระนี่คะ ไม่คิดว่ามันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย
“อย่างนี้เขาไม่เรียกล้อเล่นแล้วนะคะเจ๊ มันกะเอาให้ตายเลยแหละถ้าเผลอ” อลินเอ่ยแทรก
ความปากพล่อยของอลินเพิ่มความเครียดให้กับพัลลภยิ่งขึ้น ชายหนุ่มนึกเคืองณัฐมลที่ไม่บอกกล่าวอะไรกันเลย เป็นเหตุให้ใบหน้าหล่อเหลาของเทพบุตรบึ้งตึงมากขึ้น
“เกิดขึ้นนานหรือยัง” พัลลภพยายามคุมโทนเสียงเอาไว้ กระนั้นก็ยังดูออกว่าเขากำลังไม่สบอารมณ์
“สองสามอาทิตย์ได้แล้วค่ะ แต่ว่าแป้งไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ นะคะ แป้งเก็บหลักฐานทั้งหมดเอาไว้ แล้วไปแจ้งตำรวจมาแล้วด้วย”
“เรื่องแบบนี้ตำรวจช่วยอะไรไม่ได้หรอก” พัลลภเอ็ดเสียงดัง จนคนถูกดุทำหน้าจ๋อยเป็นเป็ดหงอยเลยทีเดียว
“หลักฐานอยู่ที่ตำรวจใช่ไหม ไปเอากลับมา พี่จะจัดการเอง” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม
“จัดการเอง หมายความว่ายังไงคะ” ณัฐมลนึกค้านในใจ ขนาดตำรวจยังจัดการไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับจิตแพทย์อย่างเขา
“พี่พอจะรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เราต้องจับตัวให้ได้ ถ้ามัวแต่หวังพึ่งตำรวจแป้งอาจจะโดนมันทำร้ายก็ได้”
“ใครเหรอคะ อ๊าย! ตื่นเต้นอย่างกับหนังสืบสวน” อลินถามแทรกขึ้นมา
“อดีตคนไข้ของผม”
ณัฐมลรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาปักฉึกตรงกลางใจเมื่อได้ยินคำเฉลย ตัวเธอเองก็เป็นอดีตคนไข้ของเขาเหมือนกัน แถมยังเพิ่งจะหยุดการรักษากับคุณหมอคนใหม่ไปเมื่อไม่นานนี้
“มันชอบคุณหมอใช่ไหมคะ ก็เลยมารังควานเจ๊แป้ง” อลินเดา แล้วก็ได้รับการตอบรับด้วยการพยักหน้า
“อย่างนี้ก็ง่ายเลยค่ะ พวกเราไปลากคอมันจับส่งตำรวจกัน”
ผู้ช่วยเภสัชกรถลกแขนเสื้อขึ้นแล้ววางท่าฮึดฮัด ใครบังอาจมารังแกณัฐมลก็เท่ากับว่ารังแกเธอด้วย
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกโอ๊ะโอ ถ้ารู้ว่าเป็นใครเราก็ไปหาญาติให้พาไปรักษาก็พอแล้ว” ณัฐมลไม่อยากจะทำอะไรรุนแรง เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายทำไปโดยไม่รู้สึกตัว
“เจ๊ขา ไม่ใช่เวลามาแอ๊บนางฟ้านะคะตอนนี้ นังนั่นมันโรคจิตนะคะไม่ใช่คนปกติ”
“แต่ว่า...หลักฐานเท่านี้ตำรวจจะทำอะไรได้ล่ะ”
พอแย้งณัฐมลก็เริ่มสงสัยว่าพัลลภรู้ได้อย่างไรว่าอดีตคนไข้ของเขาตามรังควานเธออยู่ เธอเลยถามออกไป
พัลลภเม้มปากอย่างไตร่ตรอง เนื่องจากความเป็นมาของคนไข้โรคจิตรายนี้ออกจะยาวสักหน่อย จึงต้องอาศัยเวลาเรียบเรียงข้อมูล
“พี่มั่นใจว่าเป็นคนคนนี้ก็เพราะว่าก่อนจะไปอเมริกาพี่ได้รับจดหมายจากเขา”
ก่อนไปอเมริกาประมาณสามเดือนชายหนุ่มได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ใจความโดยรวมบอกว่าขณะนี้ผู้เขียนได้กลายเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมมากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะยังไม่คู่ควรกับเขาแต่ก็ได้กลับมาอยู่เคียงข้างคอยปกป้องดูแลแล้ว พออ่านทวนอีกครั้งชายหนุ่มก็สะดุดใจกับคำแทนตัวที่เรียกเขาว่า ‘เจ้าชาย’ เพราะมันคล้ายกับที่ผู้ป่วยรายหนึ่งเคยเรียกเขา
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนพัลลภได้ทำการรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เขาคนนี้มีชื่อว่า ‘เมธา’ เมธาถูกส่งมารักษาตัวเพราะมีความต้องการอยากจะผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิง ทางครอบครัวไม่ได้คัดค้านมาก แต่พามาหาจิตแพทย์ก่อนเพื่อให้มั่นใจในเพศที่อยากเป็น
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามปกติ จนกระทั่งเมธาสูญเสียคนรักไปจากอุบัติเหตุ จึงป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาและช่วงนั้นเองที่ผู้ป่วยเริ่มหลงรักเขา
เมธาหาเรื่องมาเจอกับเขาบ่อยๆ ทีแรกก็แค่บังเอิญเจอในโรงพยาบาล ต่อมาก็เป็นนอกสถานที่ พัลลภเห็นท่าไม่ดีก็เลยตัดสินใจคุยอย่างตรงไปตรงมา ท่าทีของผู้ป่วยในตอนแรกเหมือนจะเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เลิกนิสัยสะกดรอยตามเขา ชายหนุ่มจึงเรียกมาคุยอีกครั้งและแนะนำให้เปลี่ยนจิตแพทย์ เมธาแสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ยอมเปลี่ยนคนให้คำปรึกษาในที่สุด
พัลลภจึงส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิง เมธายอมไปรักษาแค่สามครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็หายไปเลย ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวอีก จนกระทั่งรุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นถูกทำร้ายโดยการผลักตกบันได เธอไม่รู้ตัวคนทำแต่บังเอิญมีคนเห็นเหตุการณ์และจำได้ว่าเป็นเมธา
รุ่นพี่จึงเล่าเรื่องถูกรังควาน เพราะเข้าใจผิดว่าคบหากับพัลลภให้ฟัง ทั้งยังพูดถึงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดรุนแรงเข้าขั้นอันตรายให้รู้ด้วย ชายหนุ่มตระหนกกับเรื่องที่ได้ยินมาก เพราะต่อหน้าเขาเมธาจะดูเรียบร้อยไม่ค่อยพูด มักจะยิ้มและทำตัวดีเสมอ
เพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น พัลลภจึงนัดพบกับเมธาและญาติ ชายหนุ่มบอกไปตามตรงว่ารุ่นพี่คนนั้นได้แจ้งความแล้ว พร้อมกับขู่ว่าเมธาอาจจะติดคุกและต้องอยู่ในสถานบำบัด หากยังไม่เลิกพฤติกรรมอย่างนี้
ครอบครัวของชายหนุ่มมีหน้ามีตาทางสังคมพอควร ก็เลยตัดสินใจส่งลูกชายไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เมธายอมไปแต่แลกกับการเปลี่ยนชื่อและแปลงเพศ หลังจากนั้นก็มีจดหมายส่งมาถึงพัลลภบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยตอบกลับไป
จนกระทั่งสองปีผ่านไป ในขณะที่เขาเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ก็มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมเกิดขึ้นมาอีก พัลลภรู้สึกเหมือนตัวเองถูกสะกดรอยตาม ข้าวของเริ่มหายไปทีละอย่างสองอย่าง อีกทั้งบรรดาผู้หญิงใกล้ตัวยังมีเรื่องเจ็บตัวกันบ่อยๆ ทว่าเขาก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นฝีมือเมธาเลย จนได้รับจดหมายปริศนาที่เรียกเขาว่าเจ้าชาย
พัลลภรู้สึกเป็นกังวลก็เลยจ้างนักสืบให้ช่วยสืบเรื่องนี้ให้ระหว่างที่เขาไปที่อเมริกา จึงได้รู้เพิ่มเติมมาว่าเมธากลับมาเมืองไทยในช่วงที่เกิดเรื่องแปลกๆ กับเขาพอดี พอสืบลึกลงไปจึงรู้ว่าเมธาเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ทั้งยังใช้ชื่อใหม่ว่าเมธาวี เมธาวีไม่ได้ทำงานและไม่ได้อยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่บอกว่าโทรศัพท์มาขอเงินเป็นระยะ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน
พอกลับมาเขาเลยลองไปไหนมาไหนคนเดียว และให้นักสืบตามดูคนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย แล้วก็บังเอิญได้รูปของเมธาวีมา สาวประเภทสองคนนี้มักจะสวมแว่นดำขนาดใหญ่ แล้วปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ พัลลภเสมอ ทว่ายังไม่ทันได้ที่อยู่ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วหายไปอีก
“นักสืบที่พี่จ้างตามไปถึงเชียงใหม่แต่ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม รู้แต่ว่าครั้งสุดท้ายที่นักสืบเห็นเมธาก็คือช่วงที่พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เมธาคงเห็นว่าพี่อยู่กับแป้งก็เลยตามรังควาน”
ณัฐมลฟังแล้วก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมพัลลภถึงได้ติดกล้องวงจรปิดกับเปลี่ยนกลอนประตูให้
“อีเลว! ทำแบบนี้เสียชื่อกะเทยไทยหมด เราต้องจับมันเข้าโรงพยาบาลโรคจิตให้ได้เลยนะคะคุณหมอ” อลินแค่นเสียงอย่างมีอารมณ์
“ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ตอนนี้เรื่องที่เราต้องห่วงคือความปลอดภัยของแป้ง”
ทั้งพัลลภและอลินต่างก็หันมามองณัฐมลเป็นตาเดียว หญิงสาวทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะเพิ่งตระหนักว่าตัวเองกำลังถูกหมายหัว และอาจจะตกเป็นเหยื่อคนโรคจิตได้ถ้าไม่ระวังตัว ใบหน้าหน้าที่เคยสดใสเริ่มซีดเผือด
“โอ๊ะโอจะปกป้องเจ๊เองนะคะ ไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจนะโอ๊ะโอ”
ถึงอลินจะเอวบางร่างน้อยจนแทบจะปลิวไปตามลม แต่ก็ได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นเพศชาย ทั้งยังไว้ใจได้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีทางวิ่งหนีไปแน่ๆ หญิงสาวจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
“ช่วงนี้ให้พี่ไปรับไปส่งแป้งที่โรงพยาบาลดีไหมครับ ถ้าจะออกไปไหนก็ไปด้วยกัน” พัลลภอาสา เขายังมีเวลาว่างอีกระยะหนึ่งกว่าจะเริ่มทำงาน ช่วงนี้เลยดูแลเธอได้เต็มที่
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่ามือพี่พันยังเจ็บอยู่จะขับรถยังไงคะ แป้งห้ามเด็ดขาดเลยนะคะว่าไม่ให้ไปนั่งเฝ้า แป้งไม่อยากรบกวนพี่พันขนาดนั้น”
มือของพัลลภต้องเข้าเฝือกอย่างน้อยหกสัปดาห์ นี่ก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงสี่สัปดาห์เท่านั้น
“พี่ขับได้ครับ วันนี้พี่ก็ขับมาเอง”
“อะไรนะคะ! พี่พันรู้หรือเปล่าว่ามันอันตรายมาก ถ้าเกิดเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีกจะทำยังไง” ณัฐมลร้องเสียงหลง
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่ขับได้”
พัลลภไม่ใช่คนประมาท เขามั่นใจแล้วว่าออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัยก็เลยมา ทว่าณัฐมลกลับไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด
“พี่พันห้ามขับรถจนกว่าจะทำกายภาพบำบัดแล้วใช้มือได้คล่อง ไม่อย่างนั้นแป้งโกรธจริงๆ ด้วย” หญิงสาวเท้าเอวสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
แทนที่จะโต้กลับชายหนุ่มกลับหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีขึงขังเกินพอดี
‘เป็นแค่เป็ดน้อยริอาจจะมาวางมาดดุ น่ากลัวตายล่ะ’
“ยังจะมายิ้มอีก แป้งจริงจังนะคะ”
“พี่รู้ครับ ที่ยิ้มเพราะดีใจที่แป้งเป็นห่วงต่างหาก” จอมเจ้าเล่ห์ส่งสายตาลึกซึ้งมาให้ หมายจะเปลี่ยนประเด็นอย่างมีชั้นเชิง
“ถ้ารู้ก็ห้ามขับรถค่ะ” ณัฐมลสะบัดหน้าหนีแล้วทำเสียงแข็ง
‘ชิชะ! ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ หนนี้เธอไม่เคลิ้มไปด้วยหรอก’
พัลลภกลอกตาไปมาแล้วไม่โต้ตอบ ท่าทีของเขาบ่งว่าไม่คิดจะฟังคำห้ามปรามของเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวก็เลยทำปากยื่นใส่คนดื้อเงียบ
“ไม่ยุติธรรมเลย ทีพี่พันห่วงแป้งให้ทำอะไรแป้งก็ทำตาม แล้วทำไมทีแป้งห่วงพี่พันจะห้ามบ้าง พี่พันถึงไม่ฟังกันเลย ไม่รู้ไม่ชี้แล้ว ถ้าพี่พันยังดื้อขับรถ แป้งก็จะดื้อไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง”
พัลลภมองเป็ดน้อยที่กำลังหัดพยศอย่างอ่อนใจ นี่ถ้าอยู่ด้วยกันตามลำพังเห็นทีจะได้จับกดสั่งสอนสักทีสองทีให้รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เมื่อมีบุคคลที่สามอยู่ด้วยพัลลภจึงเลือกประนีประนอมแทน
“อย่างดื้อสิครับคนดี ขับรถก็เรื่องหนึ่ง เรื่องถูกรังควานก็เรื่องหนึ่ง อย่าเอามาปนกันเลยนะ พักให้ใจเย็นก่อนดีไหมครับแล้วค่อยคุยกัน”
“ไม่ค่ะ ต้องคุยและเคลียร์เดี๋ยวนี้” ณัฐมลยื่นคำขาด เธอรู้ดีว่ายิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไป ก็จะยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบจอมเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชน
“ก็ได้ครับแต่ดื่มน้ำก่อนนะ แป้งดูเหนื่อยๆ เดี๋ยวพี่รินให้ หรืออยากได้อย่างอื่นครับ พี่จะออกไปซื้อให้เอง” ชายหนุ่มพยายามจะซื้อเวลา
“ไม่ค่ะ คุยเลย” ณัฐมลทิ้งตัวโครมลงบนโซฟา แล้วใช้สายตาให้เขารีบมาตรงนี้
พัลลภจึงนั่งลงอย่างขัดเสียไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากอลิน แค่สบตาด้วย ผู้ช่วยของณัฐมลก็แปรพรรคมาเข้ากับเทพบุตรสุดหล่อแล้ว
“อย่าเหวี่ยงนักสิคะเจ๊ขา เอาอย่างนี้ดีกว่า เจ๊ก็นั่งรถไปกับพี่หมอก่อน ดูว่าขับรถเป็นยังไงแล้วค่อยตัดสิน ไปกันหมดนี่แหละ โอ๊ะโอจะช่วยดูด้วยอีกคน สาบานว่าไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น”
พัลลภตอบรับอย่างไม่อิดออด ณัฐมลก็เลยถูกบีบให้ทำตามไปด้วย แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคำพูดของอลินมีเหตุผล แต่หญิงสาวก็ยังอดหมั่นไส้คนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนตัวเองกำลังเป็นต่อไม่ได้
หมดประเด็นเรื่องรถก็ได้เวลามาคุยกับเรื่องความปลอดภัยของณัฐมล ยังไม่ทันพูดอะไรมากพัลลภก็หาเรื่องมาให้ทะเลาะกันอีกแล้ว ชายหนุ่มขอร้องให้อลินมานอนค้างด้วยจนกว่าเขาจะหาคนมาอยู่กับณัฐมลได้ อลินมาอยู่ด้วยเธอไม่ว่าแต่คนอื่นนี่สิปัญหาใหญ่
“ไม่เอาค่ะ แป้งไม่ยอมหรอก จะให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยได้ยังไง”
“ไม่ใช่คนไม่รู้จักหรอกครับ รับรองว่าไว้ใจได้ พี่ว่าจะจ้างหลานแม่บ้านที่ทำงานให้พี่มานอนเป็นเพื่อนแป้ง เด็กคนนี้ไว้ใจได้เข้าออกบ้านพี่ประจำมาห้าหกปีแล้ว”
“ถึงจะไว้ใจได้แต่แป้งคิดว่าไม่จำเป็น ประตูก็เปลี่ยนแล้วนี่คะ จะกลัวอะไร”
เรื่องเป็นห่วงเธอเข้าใจ แต่ถึงขั้นต้องเสียเงินจ้างคนมาอยู่เป็นเพื่อน เธอคิดว่ามันเกินไป อีกอย่างถ้าต้องประสาทเสียแล้วเล่นตามเกมของโรคจิตรายนี้ มิเท่ากับเป็นผู้แพ้หรอกหรือ
“จะประมาทไม่ได้นะครับ มีสารพัดวิธีที่จะหลอกให้คนเปิดประตู ถ้าเกิดคนร้ายตะโกนว่าไฟไหม้ล่ะ แล้วถ้าเกิดไม่ใช่คนร้ายแต่เป็นไฟไหม้จริงๆ จะทำยังไง”
“แป้งไม่ได้โง่นะคะ” ณัฐมลชักเริ่มหงุดหงิดที่เขาเห็นเธอเป็นเด็กอมมือ
“ไม่โง่แต่งกค่ะ เจ๊น่ะชอบเปิดประตูประจำเวลามีคนมาเคาะร้านขอซื้อของ เวลามีรถหวอหรือเกิดเรื่องอะไรตีสองตีสามเจ๊ก็หลั่นล้าลงมาดูก่อนเขาเลยไม่ใช่เหรอคะ” อลินแฉในทันที
ณัฐมลพูดเป็นประจำว่าดูแลตัวเองได้ แต่ในสายตาคนอื่นนั้นนิสัยทำอะไรไม่คิดของเจ้าหล่อนนั้นน่าเป็นห่วงอย่างที่สุด
“ก็...ก็ตอนนั้นมันยังไม่มีใครตามนี่” หญิงสาวเถียงพลางหลบสายตาตำหนิจากอลินและพัลลภเป็นพัลวัน
“จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นครับ” พัลลภเอ็ด
เทพบุตรคนดีเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว แววตาของเขาบอกว่าถ้ายังจะรั้นไม่เข้าเรื่องอีก จะกลายร่างเป็นปีศาจให้ดู
“ก็ได้ๆ ยอมแล้ว พี่พันอยากทำอะไรก็ทำ อยากจ้างใครก็จ้าง ถ้าห่วงนักจะขนข้าวขนของมาอยู่กับแป้งเลยก็ได้”
“พี่ไม่ขัดข้องเรื่องมาอยู่กับแป้งหรอกนะ ยังไงมีผู้ชายอยู่ด้วยมันก็ปลอดภัยกว่า แต่กลัวว่าแป้งจะเสียหายนี่สิ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างลังเล เขาคิดเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ณัฐมลอยากจะบอกว่าเธอประชดต่างหาก แต่อลินเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“อู๊ยยย! 31 แล้ว ไม่มีอะไรจะเสียหายแล้วล่ะค่ะ มีแต่เขาจะครหาว่าไม่มีปัญหาหาผัว”
“โอ๊ะโอ!” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่แล้วมองอีกฝ่ายตาเขียว เธอยังขึ้นคานอยู่นี่ไม่ใช่เพราะหาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้สักหน่อย แต่เป็นเพราะว่าเธอเลือกอยู่ต่างหาก
‘เลือกน่ะเลือก เข้าใจไหมว่าฉันช่างเลือก!’
“ให้พี่หมอมาอยู่ด้วยเถอะค่ะ ไม่แน่ว่ากะเทยโรคจิตอาจจะถอดใจแล้วหายไปเลยก็ได้ เจ๊เองก็หัดระลึกเอาไว้ด้วยว่านะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนเจ็บคนตายคือเจ๊ ไม่ใช่โอ๊ะโอหรือพี่หมอ”
พูดจบอลินก็ขยับมาแล้วกระซิบบอกบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคนให้รู้
“เจ๊ขา...หมดเวลาเล่นตัว โอกาสมาถึงแล้ว หล่อน่างาบขนาดนี้มาอยู่ร่วมชายคาด้วยนี่มันยิ่งกว่าถูกหวยอีกนะคะ รีบรวบหัวรวบหางเลยค่ะ โอ๊ะโอสนับสนุนเต็มที่”
เหตุผลแรกฟังเข้าท่าอยู่เหมือนกัน ส่วนเจตนาแอบแฝงนั้นก็น่าสนใจ ณัฐมลก็เลยหวั่นไหว หญิงสาวนิ่งคิดไปอึดใจ แล้วหันไปมองหน้าคนที่อาสามาอยู่ด้วยเพื่อดูท่าที
“ถ้าแป้งไม่ขัดข้องพี่ก็อยากจะอยู่ที่นี่ครับ ขอให้พี่ได้ดูแลแป้งนะ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ดึงมือมากุมเอาไว้ด้วย
ณัฐมลรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกขอแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น แล้วปากที่มันไปไวกว่าสมองเสมอก็รับคำในทันที
“พี่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล ขอย้ายมาคืนนี้เลยได้ไหมครับ”
จะย้ายมาคืนนี้หรือวันไหนมันก็ไม่ต่างกันนัก หญิงสาวก็เลยตอบตกลงไป แต่ก็เตือนเขาไว้ก่อนว่าห้องที่ชั้นสี่ยังนอนไม่ได้ ส่วนห้องเก่าของอลินที่ชั้นล่างค่อนข้างอับ
พัลลภไม่เรื่องมากจึงไม่เกี่ยงเรื่องที่นอน เมื่อตกลงว่าจะย้ายมาแล้ว ชายหนุ่มก็ชวนณัฐมลกับอลินนั่งรถไปที่บ้านเขาเพื่อเก็บของเลย อลินจะได้กลับบ้านไม่ดึกมาก และทั้งสองคนจะได้ให้คะแนนเรื่องการขับรถของเขาด้วย
เมื่อตกลงกันแล้วทั้งสามคนก็พากันปิดล็อกประตูร้าน แล้วเข้ามานั่งในรถที่พัลลภเป็นสารถี รถคันเก่าของชายหนุ่มขายทิ้งไปแล้ว ส่วนคันใหม่ก็ต้องรออีกเดือนหนึ่งกว่าจะได้ของ เขาเลยต้องเอารถของน้องชายที่ฝากไว้มาใช้ก่อน
ณัฐมลจำรถเก๋งสีขาวคันจิ๋วนี่ได้เพราะเห็นว่าจอดอยู่ที่บ้านพัลลภ มันเป็นเกียร์อัตโนมัติขับง่ายก็จริง แต่ก็ไม่น่าไว้ใจนักเมื่อมาอยู่กับคนมือเจ็บ บริเวณที่พัลลภจอดรถเอาไว้ระยะห่างในการตีโค้งค่อนข้างแคบ ออกมาก็เจอซอยเล็กๆ ที่สองข้างทางมีรถจอดระเกะระกะต้องเลี้ยวหลบเป็นระยะ หญิงสาวเลยนั่งลุ้นตัวเกร็ง
พัลลภสามารถขับออกมาได้อย่างง่ายดาย เขาขับรถได้คล่องมากจนต้องนึกชม ณัฐมลเลยทดสอบด้วยการสั่งให้ถอยหลังเข้าซองบ้าง จอดรถริมฟุตบาทหรือที่แคบบ้าง แล้วชายหนุ่มก็ผ่านการทดสอบมาได้ เขาทำให้เธอเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หญิงสาวก็เลยคลายใจลง
ในขณะที่กำลังจะปล่อยวางณัฐมลก็นึกอะไรบางอย่างออก
“ตายแล้ว!” หญิงสาวร้องเสียงดังลั่นรถ
อลินเลยสบถออกมาเพราะตกใจ ส่วนพัลลภนั้นยังมีสมาธิ เขาถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สายตายังคงมองไปที่ถนน
“ปะ...เปล่าคะ” ณัฐมลปฏิเสธ
“อ๋อ! จะทดสอบล่ะสินะคะเจ๊ ตกใจหมดเลย” อลินพูดขึ้น
หญิงสาวปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าใจผิดไปอย่างนั้น แล้วนั่งเงียบไปตลอดทาง ตอนนี้สมาธิของเธอไม่ได้อยู่ที่การขับรถของพัลลภแล้ว ใจมันลอยออกไปจดจ่อกับเรื่องที่เพิ่งนึกออกหมาดๆ
พัลลภจะมานอนค้างคืนนี้ แต่เธอยังไม่ได้จัดการกำจัดหลักฐานความเป็นโรคจิตของตัวเองเลย พอนึกถึงสภาพห้องนอน มือเล็กขาวเนียนก็ชื้นเหงื่อขึ้นมา ในนั้นเต็มไปด้วยของสะสมที่เกี่ยวกับเขาเต็มไปหมด เธอแปะรูปแอบถ่ายไว้เต็มฝาผนัง แม้แต่เนื้อที่บนเพดานก็ยังมีภาพขยายขนาดใหญ่ติดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีปลอกหมอนกับตุ๊กตาที่เป็นหน้าเขาอีก ถึงจะเป็นของที่ทำไว้นานแล้ว แต่มั่นใจได้เลยล่ะว่าคอลเลกชันของเธอไม่น้อยหน้ายายโรคจิตนั่นแน่ๆ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขามาเห็นมันเข้า
‘งานเข้าแล้วแป้งเอ๋ย ซวยแน่...ซวยสุดๆ’
นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2554, 15:15:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มี.ค. 2555, 02:14:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 2931
<< บทที่ 17 รังควาน | บทที่ 19 ความลับแตก >> |
ลิขิตรา 2 ต.ค. 2554, 16:21:25 น.
แย่แล้ว ลูกเป็ด
แย่แล้ว ลูกเป็ด
Auuuu 2 ต.ค. 2554, 16:43:55 น.
ไอ๊ย่ะ ตื่นเต้นมากมาย
ไอ๊ย่ะ ตื่นเต้นมากมาย
anOO 2 ต.ค. 2554, 16:56:35 น.
พี่หมอจ๋า...มีคนจะมาทำร้ายลูกเป็ด
ก่อนพี่หมอจะขุนให้อ้วยซะแล้ว โปรดรู้ตัวด่วน!!!
พี่หมอจ๋า...มีคนจะมาทำร้ายลูกเป็ด
ก่อนพี่หมอจะขุนให้อ้วยซะแล้ว โปรดรู้ตัวด่วน!!!
ปรางขวัญ 2 ต.ค. 2554, 17:02:24 น.
ครามน่าสงสารอ่ะ โดนทิ้งให้เฝ้าห้อง @^-^@
ครามน่าสงสารอ่ะ โดนทิ้งให้เฝ้าห้อง @^-^@
nickelodon 2 ต.ค. 2554, 18:53:02 น.
o..o ของจริง
o..o ของจริง
pattisa 2 ต.ค. 2554, 20:16:28 น.
โหห ผู้หญิงคนนั้นหลอนจัง O:
โหห ผู้หญิงคนนั้นหลอนจัง O:
คิมหันตุ์ 2 ต.ค. 2554, 21:08:41 น.
เกือบได้เปนเป็ดหมุนบนบันไดแล้วไหมหล่ะ. อิอิ
เกือบได้เปนเป็ดหมุนบนบันไดแล้วไหมหล่ะ. อิอิ
wind 2 ต.ค. 2554, 22:58:01 น.
เจอโรคจิตของจริงเข้าแล้ว
เจอโรคจิตของจริงเข้าแล้ว
bow 3 ต.ค. 2554, 00:59:14 น.
อยากรู้ว่าใครจะโรคจิตกว่ากัน :P
อยากรู้ว่าใครจะโรคจิตกว่ากัน :P
Pat 3 ต.ค. 2554, 06:18:38 น.
ช๊อปจนห้างปิดนี่ มันวังเวงจริงๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบไม่ได้เป็นเป็ดขุนของพี่พันแล้ว หึหึ
ช๊อปจนห้างปิดนี่ มันวังเวงจริงๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบไม่ได้เป็นเป็ดขุนของพี่พันแล้ว หึหึ
เพลา 3 ต.ค. 2554, 08:49:31 น.
โรคจิตตัวจริงกำลังจะเผยตัวแระ
โรคจิตตัวจริงกำลังจะเผยตัวแระ
Zephyr 3 ต.ค. 2554, 08:58:19 น.
ยังมีจิตกว่าแป้งอีกอ่ะ แต่อันนี้จิตอันตราย ไม่ใช่จิตตกอย่างแป้งรั่ว พี่พันเป็ดน้อยพี่จะไม่อ้วนแล้วนะ เกือบเป็นเป็ดเดี้ยงแล้ว เอ้อ มีตรงผอมยาวน่าจะผมยาวนะคะ
ยังมีจิตกว่าแป้งอีกอ่ะ แต่อันนี้จิตอันตราย ไม่ใช่จิตตกอย่างแป้งรั่ว พี่พันเป็ดน้อยพี่จะไม่อ้วนแล้วนะ เกือบเป็นเป็ดเดี้ยงแล้ว เอ้อ มีตรงผอมยาวน่าจะผมยาวนะคะ
แพม 3 ต.ค. 2554, 09:38:16 น.
น่าสงสารกันติทัต เป็นลูกหมาก็พึ่งได้นะเออ พรีเซ็นต์ตัวเองหน่อย
น่าสงสารกันติทัต เป็นลูกหมาก็พึ่งได้นะเออ พรีเซ็นต์ตัวเองหน่อย
ปูจ้า 3 ต.ค. 2554, 09:57:12 น.
แป้งร่ำเธอจะรอดไปได้กี่ครั้งนะ
แป้งร่ำเธอจะรอดไปได้กี่ครั้งนะ