มายาไฟในดวงตา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
เมื่อพี่สาวคนโตอย่างมัชฌิตาตั้งใจจะเก็บมรดกทั้งของตนเองและน้องสาวเอาไว้
อันตรายบางอย่างกลับคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงทำได้เพียงหนี !
ก่อนที่ “เขา” เจ้าของพลอยที่แท้จริงผู้น่าสะพรึงจะมาทวงมันคืนไปจากเธอ
Tags: อสิตา มนตรามุกจันทรา ม่านธาราเร้นดาว พลอยตาเสือ มัชฌิตา ชามัล อัคนิวรา

ตอน: บทที่ 4 รอยเล็บแห่งรัตติกาล (ต่อ...)

@ คุณ ameerahTaec
มิ้งค์ไม่รอดแน่ !!!

@ คุณหมูอ้วน
ชามัลน่ากลัวแต่ก็น่ารักนะคะ (รึเปล่า...นิสัยเสียขึ้นทุกวันๆ)

@ คุณ Neferretti
ชามัลขี้โกง ถ้าเจ้าตัวได้ยินคำนี้น่าจะชอบนะ
ถูกแล้วค่ะ อัคนิวรายังเมาขี้ตาอยู่ น่าเอ็นดูเปล่า...
คนนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหาแฟนให้แน่นอน
สมิงไม่น้อยน้า สูงเกือบสองเมตร ร่างเสือยาวสามเมตรไม่รวมหางงงงง
แล้วก็ไม่กลัวเจ้านายสักนิด แค่ต้องทำตามแบบเสียไม่ได้ -*-

@ คุณเบญจามินทร์
ก็คล้ายๆเสือสมิงละนะ แต่เป็นสมิงในพลอย

@ คุณAuuuu
ลุ้นแล้ว ลุ้นอีก ลุ้นกันต่อไป.........

@ คุณ silverraindrop
อ๊ายยยยย คนที่ออกมาใหม่ก็อาจจะแย่ไม่แพ้กัน



กึงงงง ! ...

รถจี๊ปทหารผุๆ สะเทือนโยกไปทั้งคันเมื่ออะไรบางอย่างทิ้งน้ำหนักลงมาเต็มแรง
บนโครงเหล็กช่วงหลัง มัชฌิตาสัมผัสได้ถึงไอร้อนของสิ่งมีชีวิตทรงพลังแลบเลีย
ต้นคอของเธอ รู้สึกราวลมวูบหวิวรอบตัวคล้ายจะหยุดนิ่งลงทั้งที่ความจริงมัน
ยังพัดต่อไปตามครรลอง ที่ใกล้จะหยุดจริงๆ น่าจะเป็นหัวใจของเธอมากกว่า

หญิงสาวกึ่งเงยแหงนกึ่งเอี้ยวตัวกลับไปดู แล้วก็ต้องชาวาบจรดปลายเท้า
เสือตัวนั้นผงาดเงื้อมอยู่บนโครงเหล็ก นัยน์ตาวาวโรจน์ดุจถ่านไฟร้อนจากนรกานต์
เสียงครามต่ำๆ ทำให้เธอแทบไม่กล้าขยับตัว ลมหายใจของมันร้อนราวเพลิงเป่ารดลงมา
แปลกที่แม้จะอยู่ใกล้ขนาดนี้กลับไม่มีกลิ่นสาบสัตว์ แต่กับเสือที่มีดวงตาลุกไหม้
ราวไฟเช่นนี้ มันคงจะไม่ใช่เสือธรรมดาเป็นแน่ !!!


มัชฌิตาโจนวูบลงจากรถโดยไม่สนใจหยุดคิดต่อ ยังดีที่เมื่อมาออกป่าเธอก็
เลือกบู๊ทหนังซึ่งเหมาะจะสมบุกสมบัน แถมวันนี้ก็ใส่กางเกงยีนส์เสียด้วย

แต่ความดีใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คงไม่อาจเทียบได้กับว่าเธอจะมีชีวิตต่อ
ให้ได้วิ่งไปอีกไกลสักกี่ก้าว หญิงสาวกระโจนเข้าไปในดงไม้ซึ่งขึ้นเบียดชิดกัน
หวังจะใช้ที่รกและแคบเพื่อไม่ให้เสือตัวนั้นบุกถึงตัวได้ไวนัก
ไม่สนใจกับกิ่งไม้ที่แทบจะทิ่มหน้าทิ่มตาทั้งบาดเอาตามแขนอันป่ายเปะไปข้างหน้า
นี่หรืออันตรายที่ตามติดมา แต่ที่เธอเตรียมจะรับมืออย่างน้อยก็ควรเป็นในรูปของมนุษย์
ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกระหายเลือดพูดจากันไม่เข้าใจอย่างพรายสมิง

และเมื่อกี้มันก็เพิ่งจะเอาชีวิตของลุงไผ่ไปคนหนึ่งแล้ว

ลมพัดแรงเขย่าป่ารอบกายเอนลู่ มัชฌิตาไม่ได้ยินเสียงของเจ้าสิ่งที่เธอทิ้งไว้
เบื้องหลัง แต่รู้ดีว่ามันต้องตามมาแน่ บริเวณนี้เป็นป่ารกสลับกับหมู่หิน
พอดีพอร้ายบุกเข้าไปอาจจะมีจงอางสักตัวโผล่มาฉก อาจจะเรียกว่าโชคดีก็ได้
อย่างน้อยเธอคงไม่ต้องตายทรมานเท่าถูกเสือฉีกเนื้อ มัชฌิตาตะกายจากหมู่ไม้
ที่เบียดชิดกันขึ้นไปยังเนินหิน เธอกระโดดข้ามไปอีกก้อน เท้าไถลลื่นวืด
ดีว่ายังใช้อีกมือคว้าแง่หินทรงตัวก่อนถีบร่างไปยังเนินถัดไปได้โดยไม่เสียหลักล้มลง

มัชฌิตาตะเกียกตะกายไปบนแง่หินเชิงเขา สัมผัสได้อีกครั้งถึงจังหวะเต้นตุ้บๆ
คล้ายสูบฉีดเลือดของพลอยตาเสือที่อยู่ตรงทรวงอก เสือคงวนเวียนอยู่ไม่ไกลนี้
อาจกำลังรอดูว่าเธอจะตะกายหนีไปได้ถึงไหน ก็แค่รอเวลากระโจนเข้าขย้ำเหยื่อ
ยามนี้เธอไม่รู้จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร มัชฌิตากลับคิดไปถึงย่าอมินตา

ถ้าย่าดูหนูอยู่ตอนนี้ ย่าจะช่วยไหม หลานที่ไม่น่ารัก ไม่เคยเป็นเด็กดี และไม่เชื่อฟัง
ย่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเธออีกสักครั้งรึเปล่า



หญิงสาวไม่รู้ว่าคืนนี้เป็นข้างขึ้นหรือข้างแรม เพราะลมพัดพาเอาเมฆมา
คลี่กระจายคลุมเต็มฟ้า ป่ายิ่งมืดมิดราวกับหลุมดำ ทว่าในเวลานี้ตาในของเธอ
สว่างโล่งมองเห็นทะลุทะลวงไปแทบทุกสิ่ง เป็นเพราะย่าช่วยเธอหรือเพราะ
พลังจากพลอยตาเสือ แต่จะหนีจากเจ้าสัตว์ร้ายนั้นพ้นได้อย่างไร

พลันสายตาหญิงสาวก็เหลือบไปเห็นซอกหินขนาดน่าจะพอดีตัวอยู่สูงขึ้นไป
ไม่ไกลนัก เธอถีบตัวโดยแรง ตะกายไขว่คว้า ในที่สุดก็ถึงปากทางแคบเล็ก
จนแทบเบียดแทรกตัวเข้าไปไม่ได้ แต่มัชฌิตาก็ดันตัวเองหลุดเข้าไป
ซอกนั้นตื้นกว่าที่คิด นี่เธอจะหลบพ้นกรงเล็บมันหากเจ้าเสือร้ายนั้นไขว่คว้า
เข้ามาละหรือ... ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดย้อนกลับ จังหวะเต้นของหัวใจที่
มองไม่เห็นก็ยิ่งคืบใกล้ เธอยินเสียงหินกลิ้งและก้อนกรวดกระจายอยู่
ทางเบื้องหลัง ไม่มีทางเลือก หญิงสาวเบียดตัวเองเข้าไปให้ลึกที่สุด
ในหลุมหลบภัยหินที่เธอเพิ่งค้นพบ หันหลังชนติดผนังเย็นชื้น พยายาม
มองลอดออกไปทางช่องซึ่งตนผ่านเข้ามา
หัวใจเต้นโครมครามคล้ายจะหลุดออกมานอกอก

ความเหนื่อยหอบทำให้วิงเวียนหน้ามืดตาลาย เหงื่อซึมอยู่ข้างขมับและไรผม
แต่อากาศก็เย็นเกินกว่าที่มันจะหยดไหล หญิงสาวมองออกไปทางช่องนั้น
เห็นต้นลานชูช่อสูงตระหง่านขึ้นมา ลมพายุโยกคลอนให้ก้านลานสั่นไหว
ดอกของมันเป็นละอองขาวพรั่งพรูร่วงหล่นลงเหมือนเกล็ดของดวงดาว
ภาพก่อนตายมันสวยงามขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งที่ตอนขามา พรตยังบอกกับเธอ

‘แถวทับลานมีต้นลานที่จะออกดอกครั้งเดียวในช่วงชีวิต ก่อนต้นมันจะตายไป
น่าเสียดายนะครับที่ดอกลานคงไม่บานตั้งแต่เดือนมีนา’

ทำไมลานต้นนี้กลับบานสะพรั่งและกำลังโรยดอกราลงกับสายลม คงจะเป็น
ต้นที่หลงมาจริงๆ ...และก็คงเหมือนกับตัวเธอผู้หลงมายังที่แห่งนี้ ทั้งชีวิต
ซึ่งกำลังจะถูกปลิดปลงด้วยน้ำมือของเสือตัวนั้น

จนแล้วจนรอดทุกอย่างกลับเงียบเชียบ สายลมค่อยๆ ทุเลาแรง แต่มัชฌิตา
ก็ยังรอนิ่งอยู่ จนมุม หลังชนฝายังดีกว่าออกไปตาย อากาศเย็นลงและเย็นลง
เรื่อยๆ แต่ความคิดเธอกลับวนเวียนไม่ไปไหน

“ย่า... ช่วยด้วย ช่วยบอกทีว่าจะทำยังไง ถ้าคืนพลอยนี้ให้ เขาจะปล่อยหนูไปไหม
นั่นน่ะเหรอเจ้าของที่แท้จริง” หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งในพื้นที่แคบๆ กระซิบกับ
อุ้งมือที่กุมประสานกันอยู่ตรงหน้า “เขาต้องการแค่พลอยตาเสือเม็ดนี้ หรือว่า
ต้องการชีวิตด้วย”
มัชฌิตาพยายามเป่าลมหายใจรินรดลงไปในมือเพื่อบรรเทาความหนาว
ม่านฟ้าที่มองเห็นไกลออกไปยังเต็มไปด้วยเมฆเคลื่อนคล้อยไปตามลมราตรี
ต้นลานไหวเอนโบยโบก พลอยตาเสือที่อกสงบลงแล้ว
แต่เธอยังไม่ใคร่แน่ใจว่าเจ้าสิ่งนั้นจะละทิ้งไปจากที่เฝ้า มันคงไม่ได้มาเพื่อแค่
เอาชีวิตของลุงไผ่หรอก ลุงช่างน่าสงสารนัก ต้องมารับเคราะห์แบบนี้ก็เพราะเธอ
แต่มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ น้ำตาปริ่มขอบตาของมัชฌิตา น้องๆ
ชอบว่าเธอเป็นคนใจแข็ง ไม่เลย...จริงๆ แล้วเธอแทบไม่เคยเปิดโอกาสให้คนอื่น
ได้เห็นความเศร้าโศกของเธอมากกว่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครจะมาเห็นแน่แล้ว
ไม่มีคนเห็นแม้กระทั่งว่าเธอตายอย่างไร หายไปอย่างไร

ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบได้ มัชฌิตาซึ่งรอคอยดูลาดเลาอยู่รู้สึกคล้าย
นานกว่าเวลาที่ผ่านไปจริงๆ เป็นหลายเท่า หญิงสาวเคลื่อนเข้าไปใกล้
รอยแยกของหินที่ตนผ่านเข้ามา ไม่มีร่องรอยหรือสุ้มเสียงอันใด ทุกสิ่ง
เงียบสงัดงันอยู่ในความสลัวอันแทบจะไร้ที่มาแห่งแสงของป่าใหญ่

เธอชะโงกตัวออกมาจากซอกหิน มองลงไปยังสุมทุมพุ่มไม้เบื้องล่าง
ใจหายวาบ ตัวชาจากหัวจรดเท้า เมื่อเห็นร่างที่หันหลังตะคุ่มเป็นเงา
แม้จะไม่ชัดเจนนักด้วยไอหมอกยะเยือกเย็นและพรายน้ำค้างลงจัด
หญิงสาวหรี่ตา เพ่งไปด้วยพลังของเนตรที่สาม ค่อยๆ พิจารณาลักษณะของมัน

ไม่ใช่เสือ แต่กลายเป็นชายร่างสูง ผมดำยาวรุ่ยร่าย ลายที่หลังไหล่
พาดกลอนราวสักลายเสือโคร่งจำลองมาไว้ เมื่อเธอมองไป คลับคล้าย
ดั่งมีพลังมวลสารแห่งชีวิตในไพรดิบโชยมาแตะประสาทรับรู้
ร่างนั้นคงรู้สึกตัวเช่นกัน... หญิงสาวสะดุ้งเมื่อเจ้าสิ่งนั้นค่อยๆ หันมา
เงยแหงนมองขึ้นมายังเธอ เนตรคู่วาววามเบิกกว้างฉายฉานเลื่อมพรายอัคคี

คล้ายกับว่าเธอเคยเห็นภาพนี้มาก่อน นานแสนนานมาแล้ว
แต่มันเป็นที่ไหน เมื่อไหร่กันล่ะ !!

ไฟในดวงตาอันแลดูน่าสะพรึง ทรงอำนาจแรงร้อนยิ่งกว่าคล้ายกำลังดึงดูด
เอาแสงทั้งหมดวูบหายไปจากตาที่สามของมัชฌิตาจนสิ้น หญิงสาวตัวสั่น
ไม่อาจเปล่งเสียงจากปาก หายใจเอาลมเข้าไปก็บาดลึกในทรวง
สติพร่าเลือนจนเหมือนบอดใบ้

เงานั้นหายวับไปจากที่ รวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน มัชฌิตาผวาเฮือก
ถอยหลังเข้าสู่ซอกหินซึ่งเธอเพียงแค่โผล่ออกมาครึ่งๆ แต่ช้าไปเสียแล้ว
หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบในวินาทีที่เงื้อมมือราวคีมเหล็กเอื้อมมาขยุ้มคว้า
ถึงลำคอ กระชากเธอพรวดเดียวพ้นจากหลืบหิน แม้จะใส่เสื้อแขนยาว
แต่หญิงสาวยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบตรงแขนซ้าย ตรงลำคอนั้น
อึดอัดยิ่งกว่า ข้อนิ้วแข็งแรงราวคีม กับเล็บแหลมๆ ที่ปลายนิ้วนั้น
แม้มันยังไม่ถูกกดลึกลงในเนื้อ แต่สัมผัสรับรู้บอกกับเธอว่าคงจะเป็น
กรงเล็บคมกริบน่าสะพรึงอย่างแน่นอน

“คน... หรือว่าอะไร” เสียงมัชฌิตาหลุดลอดระโหยออกมาจากในคอ

“จะอะไร..ก็ ช่างเถอะ... ...” มัชฌิตาได้ยินอีกฝ่ายพูดตอบมาเป็นภาษา
ที่เธอฟังรู้เรื่อง อย่างน้อยเขาก็คงเข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่เสียงต่ำพร่าคำราม
ตอบติดขัด คล้ายห่างเหินจากการเจรจามาช้านาน

อัคนิวราเขม้นมองเหยื่อในกำมือ ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ที่จะไม่ลงกรงเล็บ
แรงจนเลือดของอีกฝ่ายต้องหลั่งรินตามคำกำชับของผู้เป็นเจ้านาย

นายงั้นหรือ เขาจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใครด้วยซ้ำ นั่นสินะ อดีตที่ผ่านมา
เคยเป็นเช่นใด มาเช่นไร ยามนี้สำนึกรู้ก็เพียงนาม กำกับด้วยเงื่อนไขผูกพัน...

อัคนิวรา คือทาสรับใช้ ภายใต้อำนาจผู้ถือดวงเนตรพญา
ตราบจนกว่าราชันแห่ง “เมห์ฮรา” ได้หวนคืน

นอกนั้นมโนสำนึกของเขาว่างเปล่า นามของใครบางคน เรื่องราวบางอย่างที่
คล้ายว่าเกือบจะระลึกขึ้นได้ในจิต แต่ก็กลับลืมไป วนเวียนอยู่อย่างนั้น
โหยหิว แต่เป็นความหิวในจิตวิญญาณ ทุกข์ทน ทรมาน ทำได้เพียง
เคลื่อนไหวไปตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น

“มอบมันให้ข้า...”

“พะ พูดถึงอะไร” มัชฌิตาคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้ดีทีเดียวละ ว่าตัวเธอเอง
ครอบครองอะไรอยู่ แต่คล้ายว่าเธอปิดบังเรื่องพลอยจนติดเป็นนิสัย แม้ใน
ยามหวาดกลัวเช่นนี้สัญชาตญาณปกป้องพลอยก็ยังทำงานเองโดยไม่ได้ตั้งใจ

เจ้าสิ่งคุกคามซึ่งกุมชะตาของเธออยู่ยกมือข้างว่างขึ้นมา หญิงสาวเห็น
เล็บมันยืดยาวออกต่อหน้า ก่อนที่ปลายเล็บจากดัชนีเบื้องซ้ายจะยื่นมา
กรีดเสื้อยืดตัวในของเธอ ตัดเนื้อผ้าไล่ช้าๆ ลงต่ำจนใกล้หัวใจซึ่งกำลังเต้น
ระทึกส่ำสั่นไม่เป็นจังหวะ ก่อนตวัดเกี่ยวระสร้อยออกมานอกเสื้อ

“ข้า อัคนิวรา ...คือผู้ที่มาเพื่อเอาพลอยตาเสือเม็ดนี้ติดกรงเล็บกลับไป !!! ”
ไม่พูดเปล่า สิ่งมีชีวิตทรงอำนาจนั้นยังใช้มือซ้ายกระชากสร้อยที่คอของหญิงสาวโดยแรง

“โอ๊ย !! ” มัชฌิตาร้องด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นี้คือ
อะไรกัน ไม่ได้อยู่ในรูปสัตว์ร้ายอย่างในวูบแรกที่ได้ยล แต่ถึงจะกลายเป็น
มนุษย์แล้วความดุดันเหี้ยมเกรียมก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย เสียงคำรามจาก
ในคอเหมือนสัตว์โกรธเกรี้ยวอยู่เป็นนิจ เงื้อมมือที่บีบเค้นจนแทบจะ
ทำให้ชีวิตแหลกดับลงคาที่ และตอนนี้แม้สร้อยเงินซึ่งเธอหามาใส่
กับจี้พลอยตาเสือจะเส้นหนา แต่กับความแรงที่ถูกกระชากขนาดนั้น
มันควรขาดติดมือชายผู้นี้ไปแล้ว แต่ทำไม

อัคนิวราเคืองโกรธเป็นอันมากขณะมองสร้อยเงินเรืองแสงอ่อนๆ ขึ้นต่อหน้า
กระชากซ้ำอีกหลายครั้งจนเหยื่อของตนสำลักครวญครางน่าสมเพช ถึงจะ
ไม่รู้สึกระคายผิวกับพลังความร้อนที่เปล่งออกมาจากพลอยแม้แต่น้อย
แต่กับสายใยอันผูกพันหญิงสาวผู้นี้กับตัวพลอยกลับชวนให้กังขายิ่งนัก
เขากระชากมันครั้งแล้วครั้งอีก แต่ละครั้งสุดแรงทั้งกดกระแทกร่างบาง
กับหินไม่ปรานีปราศรัย ซึ่งจะว่าไปคอของเหยื่อสามารถหักคามือ
ตามไปด้วยแล้วแม้ว่านั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมาย ติดแค่ว่ามีพลังอะไรบางอย่าง
เคลือบคลุมร่างนี้บางเบา ทว่าแข็งแกร่งยิ่ง

“ไม่ อย่าเอามันไป ได้โปรด...”

เสียงคำรามในคอคล้ายเดือดดาลกึ่งเยาะ “จะยอมถอดให้ดีๆ
หรือว่าเลือกทางตาย” เขากระซิบกับเหยื่อด้วยเสียงเครียดขึง

สำหรับมัชฌิตาคำถามนั้นเหมือนไม่ใช่คำถาม คล้ายกับพญาเสือผู้กำลัง
เล่นกับชีวิตของลูกกวางสักตัวซึ่งตะครุบติดคาอยู่ในกรงเล็บมากกว่า
หญิงสาวรู้สึกอึดอัดและจุกลำคอจนน้ำตาไหล รู้ว่าไม่อาจร้องขอ
ความเมตตาใดได้เลย

“ย่า ย่า ช่วย ช่วยด้วย...” สุ้มเสียงที่เปล่งออกไปเฮือกสุดท้ายนั้นคล้ายจะ
ไม่มีความหมายมากไปกว่าคำพร่ำพูดเรียกหาเมื่อยามใกล้ตาย
แต่มัชฌิตาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่อกซึ่งกำลังทวีขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอจึง
กลั้นใจส่งเสียงออกมา “ย่าอมินตา ช่วยหนูด้วย !! ”

ความทรงจำบางอย่างแล่นปราดเข้าสู่ส่วนเร้นลับที่สุดในสมองของ
พญาพราย อมินตา นามนี้มีความหมายอะไรบางอย่าง นางคือใคร
รู้เพียงว่าสำคัญ แต่สำคัญอย่างไร...

ใบหน้าหนึ่งผุดขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง ครานี้กระจ่างชัดยิ่งกว่าที่เคย
หญิงสาวผู้มีดวงหน้างามคล้ายนางผู้อยู่ในกรงเล็บยิ่งนัก ผิดแต่ว่า
ผมเป็นสีน้ำตาล ไม่ดำสนิทเหมือนอย่างนี้ แต่ดวงตาคมกล้าที่จ้องมองมา
แม้ในยามทุรนทุรายทรมานแฝงแววไม่ยอมแพ้มิต่างกัน

“ใครคืออมินตา” อัคนิวรากระแทกร่างของมัชฌิตาเข้ากับผาหินข้างหลัง
ตัวเธอโดยไม่คิดจะปล่อยมือจากลำคอของเหยื่อ

“ปะ ปล่อย...” มัชฌิตาที่ยามนี้กำลังหูอื้อตาลายเพราะถูกบีบคอแน่น
ไม่ยอมคลายแทบไม่มีสติพอที่จะยินเสียงกระซิบคำรามเป็นคำถามนั้น

“ข้าถามว่า...ใครคืออมินตา !! ” พรายพญาตะคอกกราดเกรี้ยว
เสียงทรงอำนาจส่งพลังสั่นสะเทือนเข้าไปถึงสมองของมัชฌิตา
เค้นคั้นอุ้งมือที่ขยุ้มลำคอขาวของเหยื่อแรงขึ้นทั้งเขย่าจนแทบจะ
แหลกคามือ หญิงสาวยิ่งกระอักกระไอสำลักเลือดขึ้นหน้า
ในที่สุดก็ถึงจุดที่ไม่อาจทานทน สติเลือนดับวูบ คอพับลงคามือในทันที

อัคนิวราหอบถี่กระชั้น ตาเบิกโพลงมองร่างซึ่งสลบคากรงเล็บราว
เพิ่งเคยเห็นเธอเป็นครั้งแรก ก่อนปล่อยมือ ทิ้งร่างมัชฌิตาทรุดลง
กองแทบเท้าอย่างไม่ไยดี เจ้าของร่างแกร่งเกร็งอันประจุเปี่ยมไปด้วย
พลังยกกรงเล็บทั้งสองขึ้นมาตรงหน้า
จ้องมองมือตนคล้ายเพิ่งเคยเห็นมันอีกเช่นกัน

“ข้า คือใครกัน...”



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2555, 15:55:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2555, 16:57:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2383





<< บทที่ 4 รอยเล็บแห่งรัตติกาล(ตอนแรก)   บทที่ 4 รอยเล็บแห่งรัตติกาล (จบบท) >>
Auuuu 21 ม.ค. 2555, 16:19:56 น.
ไอ๊ย่ะะะะะ อัคนิวรา รู้จักย่าอมินตาด้วยยยย


อสิตา 21 ม.ค. 2555, 19:15:17 น.
เสาร์อาทิตย์คนอ่านไม่เฝ้าหน้าคอมกันหรือคะ*-*' ท่าทางจะมีสาวออฟฟิศเยอะนะเนี่ย


Auuuu 21 ม.ค. 2555, 22:25:48 น.
คนไม่ว่าง เพราะเตรียมตัวไหว้เจ้าหรือเปล่าคะ??


อสิตา 21 ม.ค. 2555, 22:36:12 น.
^OvO^ !!! จริงด้วยค่ะ คนเขียนเชื้อจีนอ่อนแรงมาก แถมทำงาน+นอนแบบลืมวันลืมคืนเลยลืมไป


Auuuu 21 ม.ค. 2555, 23:11:11 น.
^^


Zephyr 22 ม.ค. 2555, 01:06:45 น.
อ๊ะ สลบไปแล่ว พี่มิ้งค์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตื่น ตื้น ตื่นก่อน
หรือว่า อัคนิวราจะเป็นแฟนย่าอมินตา เย้ย แต่นะน่าจะแก่พอๆกันเลย แถมลึกลับแปลกๆเหมือนกันอีก ฮ่าๆๆๆ เริ่มเพ้อเจ้อ แล้วค่ะ แต่ขอเดาเถอะนะ มีความสุขจริง ที่ได้เดามั่วไปเรื่อยเปื่อย
อัคนิวรา นายไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสมิงน้อย(เรียกให้น่ารักไปงั้นแหละ ทั้งๆที่ ตัวก็ไม่น้อย เท่าไร - -") เขย่าพี่มิ้งค์ซะ ยิ่งกว่าปั่นมูนิเน็กซ์อีกอ๊ะ ทำสลบคามืออีก ใจร้ายจริงๆเลย เดี๋ยวเครื่องในพี่มิ้งค์ก็ย้ายมารวมกันหรอก เกิดตื่นมาสมองกระเทือน จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครทำไงล่ะ ฮะ สมิงตัว(ไม่)น้อยเอ้ย นายจะไปรายงานตาชามัลจอมโกงลำบากนะ


SunSeed 22 ม.ค. 2555, 16:54:26 น.
ชื่อเพราะจัง อัคนิวรา จะมีใครมาช่วยนางเอกได้มั๊ยคะ หรือว่าอัคนิวราเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายแล้วตั้งแต่คุ้นชื่อย่านางเอก


SunSeed 22 ม.ค. 2555, 17:09:48 น.
ยิ่งอ่านยิ่งออกแนวผจญภัยแล้วก็ลึกลับขึ้นเรื่อยๆเลยอ่ะ


หมูอ้วน 22 ม.ค. 2555, 17:56:49 น.
อ่านตอนนี้แล้วตื่นเต้น ลุ้นตามมาก ๆ เลยค่ะ


บุลินทร 23 ม.ค. 2555, 01:21:37 น.
ไม่ได้ปิดตรุษจีนอะ แต่ทำงาน ฮ่าๆ ตามอ่านอยู่ๆ จริงๆอ่านจบละ มาอ่านอีกรอบ อิอิ


silverraindrop 23 ม.ค. 2555, 11:44:19 น.
อ๊าย...อยากรู้ว่าอสูรเกี่ยวข้องยังไงกับคุณย่ากันแน่


ameerahTaec 23 ม.ค. 2555, 16:52:35 น.
โว๊ะ ลุ้นๆๆๆๆน่าตื่นเต้นมากกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account