มายาไฟในดวงตา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
เมื่อพี่สาวคนโตอย่างมัชฌิตาตั้งใจจะเก็บมรดกทั้งของตนเองและน้องสาวเอาไว้
อันตรายบางอย่างกลับคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงทำได้เพียงหนี !
ก่อนที่ “เขา” เจ้าของพลอยที่แท้จริงผู้น่าสะพรึงจะมาทวงมันคืนไปจากเธอ
Tags: อสิตา มนตรามุกจันทรา ม่านธาราเร้นดาว พลอยตาเสือ มัชฌิตา ชามัล อัคนิวรา

ตอน: บทที่ 5 ห้องที่ปิดไม่สนิท (ต่อ...)

ป.ล. ถึงนักอ่านเงาทั้งหลาย ตอนแจกนิยายพวกเราตั้งใจจะแจกชุดสามเล่ม
โดยการจับสลากจากรายชื่อคนที่ตามอ่านทั้งสามเรื่องด้วยนะคะ...
ยังไงก็อย่าลืมปรากฏตัวออกมาล่ะ หุหุ รางวัลใหญ่น้า
(ล่อลวงๆๆ)

@ คุณ อสิตา
อย่าสปอยล์คนอ่านน้า ห้ามใจเอาไว้ (คุยกับตัวเองก็ได้วุ้ย)

@ คุณ ameerahTaec
เชิญปู้ยี่ปู้ยำชามัลได้ทุกอย่างเลยค่ะ เยอะกว่านี้ก็ได้ อยากเห็นตานี่โดนทำร้ายอยู่เหมือนกัน ลอยหน้าลอยตาดีนัก

@ คุณ Neferretti
(เห็นคุณเนเฟอเลิกกลัวแล้ว คราวนี้เลยมาตอนกลางคืนอ่ะค่ะ ^^)
ชามัลเป็นทั้งซาดิสม์ และมาโซคิสม์ แบบที่เรียกว่า... S&M^^’
จัดฉากไว้สมจริงมากเพื่อให้หนูมิ้งค์เห็นใจ แต่พรตนี่เป็นตัวหมากที่น่าสงสารไปหน่อย ถูกชู้ตลอยออกนอกหน้าต่างไปแล้ววว
สมิงหนุ่มก็อยากฉวยโอกาสเข้าฉากนี้ กัดชามัลให้จมเขี้ยวเหมือนกันนะ
ส่วนยายมิ้งค์ อีกไม่นานคาดว่าเธอจะป่วยเป็นมาโซคิสม์อีกคน เพราะเจอความรุนแรงบ่อยเกินจนเริ่มชอบ

@ คุณAuuuu
เป็นผู้ชายที่ดัดตริตทำทุกรูปแบบได้โล่จริงๆ TwT ทำไมถึงนิสัยแบบนี้...
แต่ว่าน่ารักนะ ให้อภัยเถอะ
/ชามัลทำหน้าอ้อน(แบบมีแผน)

@ คุณ XaWard
ยินดีต้อนรับค่ะ *-* อย่าลืมติดตามกันต่อไปน้า ชามัลต้องได้รับบทเรียนสาสมแน่

@ คุณ หมูอ้วน
ชามัลเคยได้รางวัลตุ๊กตาทองสาขาคิวบู๊ดีเด่น กับนักแสดงชั่วร้ายดีเด่น รางวัลออสการ์สาขาสตรอว์เบอรี่ดีเด่น -*-‘ อะไรนะ ไม่มีเหรอ...

คุณ Canopus - silverraindrop – SunSeed – เบญจามินทร์ อย่าลืมตามมาให้ทันนะจ๊ะ หุหุหุ



“ชามัล ! ”
มัชฌิตาที่แทบจะหูอื้อตาลายไปแล้วก็ยังรับรู้ได้ว่าผู้มาปรากฏตัวในห้อง
ซึ่งเกือบจะกลายเป็นที่ตายของเธอยามนี้คือชามัลเ มห์ฮรา ไฟโหมไหม้
ลุกติดอยู่บนตัวของเขาเป็นภาพเหลือเชื่อ แต่เมื่อเทียบกับชีวิตปริศนา
ที่ชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้าก็นับว่าเหมาะสมจะฟาดฟันกันเป็นที่สุด


เสือร้ายหรี่ตาถอยกรูด หมอบรอหาจังหวะจะโจนเข้าใส่ร่างที่ปักหลักแน่วนิ่ง
ของชามัล ชายหนุ่มจ้องมันไม่ลดละ สะบัดแส้ในมือเป็นเชิงขู่ พยัคฆ์ซึ่งจดจ้องอยู่
หาได้มีทีท่าว่ากลัวแม้แต่น้อย มันโจนโถมเข้าใส่เป้าหมายเร็วยิ่งกว่ากะพริบตา

ชายหนุ่มเบี่ยงหลบพร้อมสะบัดแส้ แต่เสือเอาแรงที่เหนือกว่าพุ่งชนปะทะ
กรงเล็บของมันแว้งตะปบใส่ไหล่ซ้ายของชามัลจนแขนเสื้อขาดเป็นริ้วติดเล็บ
เลือดไหลอาบเป็นทางย้อมต้นแขนจนชุ่มโชกทันที

ชามัลสบถ ถอยเซไปตั้งหลัก ชายหนุ่มหลับตาลงแต่มัชฌิตาเชื่อว่าเขายังรู้สึก
ถึงศัตรูได้ ริมฝีปากของเจ้าตัวขมุบขมิบพึมพำภาษาประหลาดเรียกแส้ไฟนั้น
เลื้อยไหลกลับไปพันอยู่รอบข้อมือ หญิงสาวมองเห็นคล้ายแส้กลายเป็นงูจงอางไฟ
มหึมากำลังแผ่แม่เบี้ย และในจังหวะซึ่งเสือร้ายกลับตัวกระโจนเข้าหาอีกครั้ง
เส้นสายไฟที่ข้อมือของชามัลก็โจนสวนใส่ สัตว์ร้ายสองตนพบกันที่กลางอากาศ
ก่อนรัดพันล้มกลิ้ง เกิดแสงมหาศาลที่มัชฌิตาแทบไม่กล้ามอง
จนจงอางไฟถูกเรียกกลับไปหาชามัล ในขณะที่เสือมีท่าทีหอบคำรามคล้ายบาดเจ็บ
พยัคฆ์ตนนั้นหันหลัง ก่อนโผนออกทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งค้างไว้อย่างรวดเร็ว
ม่านกระพือไหวตามถูกแลบเลียด้วยไอร้อนจนกลิ่นเหม็นไหม้โชยฉุน
กระนั้นก็ไม่ได้ลุกติดไฟขึ้นมา

ทุกอย่างสงบราบคาบลง มีเพียงชามัลที่ยืนอยู่ในสภาพธรรมดาเหมือนกับว่า
เขามิได้กลายเป็นมนุษย์เพลิงผู้ประจันหน้ากับสมิงพรายเมื่อครู่นี้ ชายหนุ่มหันมา
มองมัชฌิตาด้วยสายตาหนักใจ แต่หญิงสาวเวลานี้ก็ลืมสิ้นกับรอยจูบอุกอาจ
ที่เขาฝากไว้เมื่อหลายวันก่อนและเรื่องที่เธอพยายามถอยห่างจากเขา

ตอนนี้มัชฌิตากำลังต้องการใครสักคนที่จะนำทางเธอไปจากเรื่องลึกลับอันตราย
อันไม่รู้ที่มา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ไม่ว่าที่ผ่านมาเธอสงสัยเขาอย่างไร แต่ต่อหน้าเธอ
ก็มีเพียงชามัลที่มาช่วย

ชามัลคนเดียวเท่านั้น...

มัชฌิตาไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของบุรุษซึ่งตนโผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น
ชายหนุ่มกอดตอบเธอก่อนจะลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างอ่อนโยนทั้งกระซิบแผ่วๆ
กับเรือนผมนุ่มสลวยเป็นคลื่นอ่อนที่เคลียอยู่กับดวงหน้าของเขาเอง

“คุณมิ้งค์ ไม่เป็นไรแล้วนะ มันไปแล้ว ผมอยู่นี่...ไม่ต้องกลัวนะครับ”
ชามัลทอดเสียงอ่อนโยน

มัชฌิตาอยากร้องไห้เมื่อมองแผลที่ไหล่ของชามัล แต่เธอร้องไม่ออก
รู้สึกเหมือนจุกอยู่ในคอ “ต้องห้ามเลือดก่อนค่ะ”

ร่างบางพยายามขยับตัวยุกยิกในอ้อมแขน แต่ชามัลหัวเราะเบาๆ ในคอ
ทั้งยังไม่ยอมปล่อยเธอ หญิงสาวเงยหน้าสบตาคนที่เธอยังสับสนและไม่รู้จักเขาดี
แต่เวลานี้เธอต้องการเขาอย่างเหลือเกิน “คุณ มาได้ยังไงคะ...แล้วเจ้าสิ่งนั้น
มันคืออะไร ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม”

“มิ้งค์ จำที่ผมบอกได้รึเปล่า ว่าผมมองเห็นอันตรายอยู่รอบตัวคุณ ผมคอยเฝ้ามอง
เป็นห่วงคุณอยู่ตลอด ผมมีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้จึงรู้ว่าสิ่งที่ตามคุณอยู่น่ะ
ไม่ใช่ธรรมดา แต่จะว่าไป...เมตตาธรรมคงไม่ใช่คำตอบของการที่ผมถึงกับเสนอหน้า
เอาชีวิตตัวเองเข้ามาปกป้องคุณ ผมทำเพราะอะไร ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
ชามัลพูดเบาๆ สายตาของเขาส่งประกายลึกซึ้งอย่างไม่พยายามปิดบังในขณะที่
มัชฌิตามองอย่างค้นหา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรกับคนคนนี้กันแน่

“ฉันขอบคุณที่คุณมาช่วย ไม่รู้ว่าคุณทำได้ยังไง แต่เจ้าเสือนั่นกับผู้ชายที่ชื่อพรต
ดูเหมือนจะต้องการอะไรบางอย่างจากฉัน”

“ต้องการอะไรล่ะครับ”

มัชฌิตาสูดจมูก ก่อนตอบชายหนุ่มเสียงเบา “ฉันกำลังถูกไล่ล่า”

“บอกผม ให้ผมช่วยคุณ ไว้ใจผมนะครับคุณมิ้งค์...”

ท่ามกลางความสับสนและหวั่นไหวในใจมัชฌิตา ชามัลใช้โอกาสนั้นขอร้อง
กับหญิงสาวอย่างที่เขาเองอยากพูดมาตลอด

“ผมจะปกป้องคุณ ไม่ว่าจากอะไรที่มันต้องการจะมาทำร้าย ย้ายไปอยู่ที่ไพรมายา
นะครับ อย่างน้อยคุณจะได้ไม่ต้องอยู่ไกลหูไกลตาผม วันนี้ตอนผมเพิ่งรู้สึกถึงอันตราย
กลัวแทบแย่ว่าจะมาไม่ทัน”

มัชฌิตาอ่อนใจ ทั้งน้องชายของพรต ทั้งครึ่งคนครึ่งเสือตนนั้น ทั้งชามัล รอบตัวเธอ
ตอนนี้มีแต่คนไม่ธรรมดาที่ถูกดึงดูดเข้ามา แล้วเธอจะทำอะไรได้ มีอยู่ทางเดียวคือ
ต้องเร่งเพิ่มพลังสมาธิให้มากกว่านี้ แต่จะมีทางไหนในเมื่ออันตรายมาจ่อติดคอหอย
ต้องหวาดระแวงอยู่แทบทุกลมหายใจ

ในที่สุดหญิงสาวก็กลับมายังไพรมายาพร้อมชามัล ทั้งยังอยู่ด้วยตลอดในขณะที่หมอ
ทำความสะอาดแผล เย็บแผล รวมถึงฉีดยากันบาดทะยักให้เขา แม้ว่ามัชฌิตาจะ
ไม่ใช่คนกลัวเลือดแต่รอยเล็บคมกริบสามรอยที่แขนของชายหนุ่มก็น่ากลัวจนทำเอา
เธอเสียวไส้ นี่ขนาดว่าเขาหลบ ถ้าโดนจังๆ ไม่อยากคิดเลยว่าจะต้องเจ็บหนักขนาดไหน

หมอไม่ได้ซักถามอะไรมากมายเพราะดูเหมือนว่าจะถูกวางตัวไว้ประจำที่ไพรมายารีสอร์ท
อยู่แล้วจึงเพียงแต่ทำแผลให้ชามัลจนเรียบร้อยดีก่อนขอตัวกลับออกไป

“ไปพักผ่อนเถอะครับคุณมิ้งค์ ที่นี่มีอำนาจคุ้มกันกล้าแข็งพอ ถึงตัวผมจะเดี้ยง
แต่จงอางไฟของผมยังใช้การได้ดีอยู่” ชามัลพูดแหย่ด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ถ้ามันคิดบุกเข้ามาทำอะไรคุณก็ไม่ง่ายนักหรอก” ชายหนุ่มว่าแล้วก็หันมายิ้มขอบคุณ
ที่หญิงสาวแสดงความห่วงใยในอาการบาดเจ็บของเขามากมาย

“ถ้าเป็นไปได้ฉันขอห้องธรรมดาๆ หน่อยได้ไหมคะ ไม่ต้องหรูหราอลังการมากเหมือน
คราวที่แล้ว เกรงใจแย่เลย”

มัชฌิตาบอกไปแบบนั้นด้วยความเกรงใจชามัลอย่างหนึ่ง
และอีกประการ...เธอไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในห้องมหารานีอีก เพราะกลัวเหลือเกิน
กับการติดอยู่อีกฝั่งของกระจกอันเสมือนเป็นภาพติดตาเป็นประสบการณ์ติดค้าง
อยู่ในใจ แม้ว่ามันจะให้บทเรียนกับเธอบางอย่าง แต่มัชฌิตาก็ยังเข็ดกับความรู้สึก
ที่ถูกพันธนาการอยู่เดียวดายในนั้นไม่คลาย



เมื่อมัชฌิตาคล้อยหลังไปจากห้องของชามัล ชายหนุ่มจึงหยิบพลอยตาเสือ
เม็ดราชันออกมาถือไว้ในมือ กลุ่มไฟกลุ่มหนึ่งค่อยๆ เรืองรองขึ้นตรงหน้า
ปรากฏเป็นร่างของอัคนิวราที่หมอบคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ข้างหนึ่งชันขึ้น
ถึงจะอยู่ในสภาวะที่ถูกกดไว้ก็ยังเชิดหน้าทรนงขึ้นสบตา

“วันนี้คงต้องขอชม ว่าทำงานได้ดีพอใช้ พรตก็อาการไม่มากไม่น้อย กำลังดี
แค่กระดูกคอเคลื่อนคงยังไม่ถึงตาย เพราะข้ายังอยากเก็บมันไว้ใช้งานอีกสักพักถ้าเป็นไปได้”

“ข้าหิว เหนื่อย...” สมิงพรายคำราม

ชามัลสบถ ก่อนจะถ่มน้ำลายลงรดหน้าอีกฝ่ายอย่างเยาะหยัน
อัคนิวราไม่กล่าวสิ่งใด ยังคงมองผู้ที่ควบคุมตนแน่วนิ่งด้วยสายตาลุกเรืองดุจเดิม

“จำไว้ว่าอย่าเผยอมาร้องขออะไรจากข้า ถ้าข้าไม่คิดจะให้เอง อีกอย่าง...
ยังไม่อยากให้เจ้าอิ่มสบายนักในเวลานี้”

อัคนิวราขบกราม นึกอยู่แล้วว่าคนอย่างชามัลผู้นี้คงไม่มีวันรักษาสัจจะ
แต่เขาไม่คิดจะพูดซ้ำเหมือนเป็นการร้องขอให้มันต้องสมเพช หิวก็หิวไป
ชาติพยัคฆ์ความหิวเพียงเท่านี้ไม่ทำให้เขาต้องก้มหัวให้ใคร ติดเพียงที่ว่า
ด้วยอำนาจผูกพันธนาการจากพลอยราชันทำให้ต้องหมอบคลานคุกเข่า
ต่อหน้าชามัล ยิ่งอีกฝ่ายอยู่ใกล้เท่าไหร่ ยิ่งถูกควบคุมด้วยสายตาและพลัง
ของฝ่ายนั้นยิ่งกว่าหลีกลี้หนีไปให้ไกล แต่ถึงอยู่ห่างชามัลแล้วสบายตัวสบายใจมากขึ้น
เมื่ออีกฝ่ายเรียกร้องด้วยพลังของพลอยตาเสือเขาก็ร้อนรนจนต้องกลับมาปรากฏกาย
ณ ที่แห่งนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับวงจรอันไม่มีวันสิ้นสุดลงได้หากอัคนิวราไม่คิด
หาหนทางด้วยตนเอง

“หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรต้องรีบแล้ว เพราะความไว้วางใจคงต้องใช้เวลา ถูกไหม...
ข้าไม่มีอันตรายอะไรจะต้องกลัว เพราะข้าคืออันตรายที่สุดของที่สุด เพราะงั้น
ตอนนี้เจ้าจะไสหัวไปหาเหยื่อที่ไหนก็ได้ตามใจ ใครสักคนที่ดีกว่าตาแก่นั่น
บางทีอาจจะทำให้เจ้าอิ่มขึ้นมาได้บ้าง แต่จำไว้ ทุกครั้งที่ข้าเรียก จงรีบมาในทันที...”

อัคนิวราเลือนหายจากห้องนั้นก่อนชามัลจะทันพูดจบดีเสียด้วยซ้ำ ลูกไฟประลัยกัลป์
พุ่งวาบจากเหนือไพรมายาสู่พงไพรดำมืดด้วยความเจ็บแค้นโกรธเกรี้ยว
ที่ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นวาจาได้เช่นใด



มัชฌิตาตื่นขึ้นในตอนเช้า คนของรีสอร์ทบอกกับเธอว่าชามัลจับไข้หนัก
ตั้งแต่เมื่อคืนและตอนนี้ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

“งั้นฉันไปเยี่ยมได้ตอนไหนคะ”

“ท่านสั่งไว้ ว่าถ้าเป็นคุณมัชฌิตาจะเข้าพบตอนไหนก็ได้ค่ะ”

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ประดับตกแต่งอย่างดงามราวกับห้องของราชัน
มัชฌิตามองไปยังเตียงขนาดใหญ่ หมอซึ่งดูแลชามัลขอตัวออกจากห้องไป
เมื่อเห็นหน้าเธอ และคนป่วยก็ไม่ได้หลับหรือดูน่าเป็นห่วงอะไรมากมายอย่างที่คิด

ดวงตาสีน้ำตาลทองออกจะพร่างรอยแห่งชีวิตชีวาด้วยซ้ำ เขาไม่ได้สวมเสื้อ
นอนอวดแผงอกตึงแน่นด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ
ต้นแขนซ้ายเฉียดหัวไหล่มีผ้าพันแผลที่หมอเพิ่งเปลี่ยนให้พันไว้อย่างดี
มัชฌิตานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงก่อนถามเสียงเบาอย่างรู้สึกผิดที่เขาต้องมาเจ็บเพราะช่วยเธอ

“กี่วันถึงจะหายคะเนี่ย”

“สองสามวันก็สบาย เดินปร๋อแล้วครับ”

พิษไข้ทำให้ใบหน้าคร้ามอย่างลูกครึ่งผิวสองสีนั่นออกเรื่อกว่ายามปกติแต่ชามัลก็ยัง
มองมัชฌิตาตาปรือ สายตาของเขามีแววหยอกเย้าเธออยู่เกือบตลอดเวลา

“คุณมิ้งค์ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้ามันบุกเข้ามาได้ตอนนี้ผมก็ยังพอมีแรงลุกไปช่วยคุณไหว
สัญญาแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็ต้องปกป้องคุณให้ได้” ชามัลยิ้มในสีหน้า
ก็ไอ้อันตรายที่ว่าทุกอย่างก็ล้วนมาจากตัวเขาเอง เขาไม่สั่งอันตรายไหนเลยจะ
กล้ำกรายเข้ามาใกล้ตัวเธอ ถ้าเขายังเอาแต่นอนสบายอยู่อย่างนี้มัชฌิตาก็คง
สามารถนอนหลับแบบสบายๆ ได้โดยไม่ต้องหวั่นกลัวอะไรเหมือนกัน

วันทั้งวันเธอมัวเฝ้าไข้ชามัล เมื่อกลับมาถึงห้องมัชฌิตาใช้เวลาของค่ำคืนนั้น
ทำสิ่งที่เธอร้างราไปนานคือการเข้าสมาธิ จิตค่อนข้างสงบเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงจุดซึ่งสภาวะจิตลอยได้ หญิงสาวค่อยขยับเปลี่ยนท่า
จากที่นั่งอยู่เป็นนอนหนุนหมอน มือประสานไว้บนอกคล้ายพยายามดิ่งเข้าสู่นิทรา
เพียงแต่ว่าในช่วงกำลังสะลึมสะลือเธอเลือกใช้ความตั้งใจอย่างที่เรียกว่าไม่มาก
และไม่น้อยเกินไปสำรวมจิตเปิดดวงตาที่สามขึ้นมา

รอบกายเป็นบรรยากาศสลัวรางของห้อง ตาในยังมองเห็นไม่ชัดนักในเวลานี้
ตาที่สามของเธออ่อนแรงเหลือเกิน น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้มัวแต่ทำอย่างอื่น
ไม่มีเวลาฝึกฝนจริงจัง และคนใจร้อนจะให้สงบนิ่งอยู่ในสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
หญิงสาวพยายามมองผ่านกำแพงห้องออกไปในความเคลิบเคลิ้มอย่างคนใกล้หลับ

ทิศหนึ่งเธอเห็นความมืดมิดมหึมากำลังหมุนวนดุจห้วงหลุมดำซึ่งดูดกลืนสรรพสิ่ง
ครั้นหันไปยังทิศตรงกันข้ามกลับเป็นไฟฉายฉานราวกับพิโรธโกรธเคืองพร้อมจะ
ผลาญสิ่งใดก็ตามที่เข้าใกล้ให้มอดเป็นภัสม์ธุลี

ระหว่างสองทางนั้น ทางไหนจะเป็นอันตรายมากกว่า มัชฌิตาก็ไม่สามารถตอบตนเองได้เช่นกัน...



รุ่งเช้านั้นมีจดหมายสีขาวซองหอมกรุ่นถูกสอดเข้ามาทางใต้ประตูห้องของมัชฌิตา
หญิงสาวยิ้มเขินๆ ก่อนจะเปิดมันออกอ่าน

“อะไรเนี่ย... คุณมิ้งค์ครับ ผมเจ็บแขน กินข้าวเองไม่ได้ช่วยมาป้อนหน่อย
บ้า...ตัวเองเจ็บแขนซ้ายไม่ใช่เหรอไง เห็นชัดๆ ว่าปกติก็ถนัดขวา ยังจะมาลูกไม้”

หญิงสาวบอกตนเองว่าวิธีของชามัลไม่ควรจะเรียกว่าโรแมนติก หรืออีกทีก็ควรเป็น
หวานจนเลี่ยน แต่ถึงอย่างไรแก้มก็อดร้อนซู่ขึ้นมาไม่ได้ เธอมองนาฬิกา นี่ก็เก้าโมง
จวนครึ่งแล้ว แม้ว่าจะนับเป็นการตื่นค่อนข้างเช้าของเธอแต่สำหรับเขาอาจไม่ใช่
ยิ่งคนป่วยที่ต้องกินอาหารกินยาตามเวลา ไม่รู้ว่านี่ชามัลยังมัวนั่งหิ้วท้องรอเจ้าหญิง
ที่นิทราไม่ยอมลุกอย่างเธออยู่หรือเปล่า

พอไปถึงห้องของชามัลเห็นอีกฝ่ายนั่งยิ้มหน้าแฉล้มอยู่บนเตียงหญิงสาวก็กอดอกบ่น
“ยังไม่ยอมทานข้าวจริงๆ ด้วย แล้วแบบนี้จะทานยาได้ยังไง”

“ครับ แต่ไม่เห็นหน้าคุณมิ้งค์แล้วคนป่วยกินข้าวไม่ลง ก็เลยรอ”

“แล้วถ้าฉันตื่นบ่ายจะทำยังไงละคะ” มัชฌิตาว่าก่อนนั่งลงข้างเตียง

เพียงไม่นานก็มีหญิงสาวในชุดผ้าคลุมหน้าแบบแขกเหมือนสาวๆ
ที่เคยทำสปาให้มัชฌิตาทยอยยกโถใส่อาหารเข้ามา

“สร้างบรรยากาศแต่เช้าเลยเหรอคะ”

“ผิดแล้ว ผมสร้างบรรยากาศตลอดเวลา”

“ค่ะ ท่านเจ้าชายแห่งแดนภารตะ”

ชามัลอยู่ในท่านั่งเอนอิงหมอน เขายกแขนข้างที่ไม่เป็นไรขึ้นหนุนหลังศีรษะ
อย่างสบายอกสบายใจ มองมัชฌิตาเหยาะพริกไทยใส่ข้าวต้มไก่และปรุงนั่นนิด
นี่หน่อยก่อนจะเตรียมป้อนให้ตนที่เป็นคนป่วย

“ทานไปพร้อมกันสิครับ ตักชามของตัวเองคำ แล้วก็ป้อนชามของผมคำ
หรือว่าจะให้ผมทานชามเดียวกับคุณก็ไม่ว่านะ”

มัชฌิตาหรี่ตา แม้ชามัลทำสุ้มเสียงคล้ายพูดเล่น แต่แววตาของเขาบอกว่า
ยินดีหากเธอจะทำเช่นที่ว่าจริงๆ รอยยิ้มน่ารักชวนหมั่นไส้จนอยากจะเอา
ข้าวต้มร้อนๆ ไปหกใส่อกให้หายซ่าสักช้อนสองช้อน มัชฌิตาคิดอย่างปรานี
เพราะเธอเห็นว่าถ้าเทใส่ทั้งชามออกจะดูโหดร้ายเกินไป

หญิงสาวปรุงข้าวต้มของตนเองจากนั้นจึงทานไปพร้อมกับที่ป้อนชามัล
รู้สึกสนุกเหมือนตอนได้ดูแลน้องสาวยามเป็นไข้ ถ้าเป็นยายมูนน้องคนรอง
มัชฌิตาก็จะป้อนให้แบบทะนุถนอม ส่วนคราวไหนมีโอกาสป้อนน้องสาวคนเล็ก
เธอจะแกล้งป้อนแล้วชักช้อนหลบบ้าง แกล้งคนป่วยอย่างสนุกสนานเหมือนกับ
ที่กำลังทำในเวลานี้
“ไหนว่าอีกสองสามวันก็หายไงคะ แบบนี้ฉันว่าแกล้งอาการหนักนะเนี่ย
ไม่รู้จะเห็นใจดีหรือเปล่า” หญิงสาวว่าก่อนจะตักข้าวต้มเป็นคำเล็กๆ ป้อนเขา
ใช้วิธีคนเอาให้คลายร้อนแทนการเป่า

“ทำไมไม่เป่าให้ด้วย” ชามัลอุบอิบ

“แบบนั้นเดี๋ยวจะได้ใจมากเกินไปน่ะสิ” มัชฌิตาหัวเราะ

“ดูคุณอารมณ์ดีนะครับคุณมิ้งค์ เป็นเพราะว่าได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าชายจากแดนภารตะหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ อารมณ์ดีเพราะกำลังจะได้ถามถึงอะไรที่มันคาใจ”

“อ่อ... เอาสิครับ ถามมาได้เต็มที่เลย เพราะผมก็กำลังอารมณ์ดีเหมือนกัน”

“ดูๆ ไปคุณก็เหมือนคนธรรมดา ทำไมถึงทำได้ขนาดนั้น ฉันหมายถึง
สู้กับไอ้ตัวพรรค์อย่างเมื่อวันก่อน”

“คุณเองมีตาที่สามใช่ไหมคุณมิ้งค์ นั่นใครหลายคนก็มี เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้
จะดีมากถ้ามีของเก่ามาอยู่แล้ว ผมหมายถึงอะไรบางอย่างที่สวรรค์ให้มา
หรือตัวคุณเองสั่งสมมันมาตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้านี้ที่เราหลงลืมมันไป
แต่ที่มากกว่านั้น บ้านผมเป็นตระกูลของผู้ใช้ไฟ...ตระกูลเก่าแก่ของอินเดียน่ะครับ
ถึงแม่จะเป็นคนอังกฤษแต่ผมโตมากับทางข้างพ่อ แล้วก็ได้สืบทอดวิชาทางนี้มาเต็มตัว
ไปๆ มาๆ ผมเกิดอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติมากกว่า ก็เลยหนีมาอยู่ไทย
แต่บางทีก็ยังอดสัมผัสรับรู้เรื่องที่คนอื่นเรียกว่าเรื่องเหนือจริงพวกนี้ไม่ได้
เพราะสำหรับผมมันคือความจริงที่จับต้องได้ และก็คงจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไปตลอดชีวิต”

“แต่คุณเก่งมากเลย ฉันนี่สิไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากดู”

“ถ้าคุณมองดูเห็นได้ตลอด หรือว่ามากพอ ก็คงจะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกเยอะ...
ที่ผมเป็นได้แบบนี้เพราะบังเอิญว่าคุณปู่ผมมากกว่าที่เก่ง ปู่เป็นผู้นำของตระกูล”

ชามัลหรี่ตาลง ใช่สิ และนอกจากนั้นปู่เองก็หวังให้เขาได้เป็นผู้นำรุ่นต่อจากปู่
แต่เขายังเป็นไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่มีสิ่งที่หญิงสาวคนตรงหน้าครอบครองอยู่...

มัชฌิตานิ่งลงเมื่อคิดถึงใครคนหนึ่งที่จากเธอไปแล้ว ย่าของเธอไม่เป็นรองใคร
หญิงสาวเองไม่เคยได้เข้าถึงตัวตนจริงๆ ของย่า ถ้าเกิดว่าย่ายังอยู่แล้วมีเสือสมิง
ที่สามารถจำแลงกายเป็นอมนุษย์น่าสะพรึงบุกเข้ามาแบบนั้นย่าจะสามารถ
ยืนสู้กับมันได้เหมือนภาพปาฏิหาริย์อย่างชามัลทำหรือเปล่า

มัชฌิตาเป็นฝ่ายชวนชามัลเปลี่ยนเรื่อง ตลอดทั้งวันนั้นทั้งคู่คุยกันสนุก
เรื่องที่ว่าชอบกินอะไร ดูหนังแบบไหน ชามัลถึงกับโอ่ว่าเขามีโรงหนังขนาดย่อมๆ
อยู่ยังห้องใต้ดินของไพรมายา

“ปกติโรงหนังของผมไม่เปิดรับแขก แต่ถ้าคุณมิ้งค์สนใจ ผมยอมเปิดให้เป็นกรณีพิเศษ”

“ไว้วันหลังแล้วกันค่ะ วันนี้คุณต้องนอนพักอยู่บนเตียงนี่แหละ”

ชามัลแอบทำหน้าเซ็งๆ เมื่อมัชฌิตาหันไปมองทางอื่น แน่ละ เขาเล่นบทคนป่วย
ผู้น่าสงสาร แต่เพราะเล่นมากไปหน่อยก็เลยไม่ได้ทำอะไรอย่างที่อยากจะทำ
อย่างเช่นสร้างบรรยากาศกันตามลำพังสองต่อสองบนโซฟานุ่ม ในห้องมืดๆ
มีไวน์ให้จิบ อาจจะได้สร้างเรื่องราวของกันและกันโดยไม่ต้องสนใจภาพยนตร์
ซึ่งดำเนินเรื่องไปบนจอขนาดใหญ่เท่าผนังนั่นเลยก็เป็นได้

มัชฌิตายังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นแม้แต่น้อย เธอคิดแค่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะไปจากที่นี่แล้ว
และจะบอกเขายังไงเรื่องที่เธอคิดจะออกเดินทางไปตามแผนที่ ครั้นจะขอให้
ไปเป็นเพื่อนมันก็คงเป็นคำขอที่มากเกินไปของคนที่เพิ่งมารู้จัก เธอคงต้องบอกลาเขา

...นี่ถ้าน้องสาวคนเล็กมารู้ว่ามัชฌิตากำลังคิดอะไรเป็นได้ต้องออกความเห็นอย่างที่ได้ยินจนเบื่อ
‘เพราะแบบนี้ไงพี่มิ้งค์ถึงได้เกาะเหนียวแน่นอยู่บนคาน ขืนมีนกับพี่มูนต้องรอแต่งหลังพี่มิ้งค์
พวกเราคงจะเฉาตายไปเองก่อนแน่ๆ ’

ไม่น่าเชื่อว่ามัชฌิตาจะขลุกอยู่กับคนป่วยแสนน่ารักของเธอได้ตั้งแต่สายจรดเย็น
คืนนั้นหญิงสาวกลับถึงห้องพัก ฮัมเพลงไปพลางระหว่างทาครีมบำรุงผิวอย่างที่
ไม่ได้อารมณ์ดีแบบนี้มานานแล้ว

มัชฌิตานั้นแม้จะดูภายนอกเป็นสาวมาดมั่น ดุ ห้าว แต่เอาเข้าจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่
ติดความรักสวยรักงามค่อนข้างจะมาก ถึงเดินทางมาแบบนี้ก็ยังมีครีมทาผิวหน้า
ทาใต้ตา และอะไรต่อมิอะไรครบ เธอจะไม่ยอมให้ความสาวสดถูกพรากไปก่อนวัยอันควร
เป็นอันขาด และถึงแม้ต้องเกาะเหนียวเป็นตุ๊กแกอยู่บนคานก็จะอยู่แบบสวยๆ
รอดูเจ้าน้องสาวตัวร้ายที่เอาแต่เยาะเย้ยเธอเหี่ยวเฉาแซงหน้าไปก่อนเสียเลย



มัชฌิตารู้สึกว่าขณะที่เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงนั้นหมอกประหลาดได้หลั่งไหลเข้ามา
ทางรอยแยกของหน้าต่างอันปิดสนิท หมอกลักษณะคล้ายควันไฟ แต่เป็นควันที่ไม่มีกลิ่น
มันค่อยๆ ไหลมาถึงปลายเตียง ก่อนจะก่อตัวเป็นรูปของสัตว์ร้ายซึ่งเธอกำลังหวาดกลัว
อยู่ภายใต้จิตสำนึกมากที่สุด เสือตัวนั้น !!

เสือค่อยๆ ย่างเหยียบขึ้นมาบนฟูก แค่ดวงหน้าที่ดุร้ายของมันก็มีขนาดเกินฟุตแล้ว
ถ้าเทียบกันร่างกายมัชฌิตาคงกลายเป็นแค่ของเล่นที่จะถูกขย้ำทึ้งเป็นชิ้นๆ
ได้อย่างไม่ต้องออกแรงอะไรเลย หญิงสาวตกใจที่ตนไม่อาจกรีดร้องหรือเคลื่อนไหว
เธอร่ำร้องเรียกชื่อของชามัลอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่มา

ชามัล ชามัล ช่วยฉันด้วย...

“ชามัล !!! ” หญิงสาวตะโกนพร้อมกับลุกพรวดขึ้นบนเตียง

เป็นแค่ฝัน ภาพเสือที่เห็นนั่นคือฝันร้ายของเธอหรือนี่ แม้จะโล่งอก
แต่ทุกอย่างแม้กระทั่งลมหายใจนั้นช่างสมจริงเสียเหลือเกิน

จำได้ว่าเธอพยายามเข้าสมาธิก่อนนอน แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เพราะภาพที่
ลอยมาในห้วงความคิดมีแต่ดวงหน้าชวนฝันของชามัล เขารบกวนจิตใจของ
มัชฌิตาทั้งยามหลับและยามตื่น ทั้งที่ก่อนนอนอารมณ์ดี แต่ทำไมถึงได้กลับฝันร้ายอย่างนี้

หญิงสาวเอนกายลงนอนอีกครั้ง พยายามนึกภาพแกะกระโดดข้ามรั้ว แต่แกะขาวปุกปุย
นั้นกลับค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นเสือโคร่งมหึมาไปได้อย่างไม่น่าพิสมัย เคลิ้มหลับไปเมื่อไหร่
มิทราบได้ เมื่อมัชฌิตาลืมตางัวเงียขึ้นอีกทีก็ล่วงเข้าบ่ายแล้ว เธอรู้สึกนอนไม่เต็มตา
ทั้งที่ก็หลับไปนานโข ทว่าเป็นการหลับที่เหนื่อยล้าราวกับอดนอนมาทั้งคืน

มัชฌิตาไปถึงห้องของชามัล วันนี้เขาไม่ได้มีท่าทีว่ากำลังรอเธออยู่เหมือนวันก่อน
เลยแม้แต่น้อย คล้ายยังกับรู้ล่วงหน้าว่าหญิงสาวจะตื่นสาย

เธอตัดสินใจคุยกับเขาเรื่องแผนที่ ไม่ได้เอ่ยชื่อชนะทัศน์ออกมา เพียงแต่พูดว่าหาเพื่อน
มาช่วยตีความแผนที่นี้ให้ เนื่องจากคิดๆ ดูแล้วชามัลทำได้ขนาดนี้เขาอยากได้อะไรก็ย่อมได้
อยากทำอะไรกับเธอก็คงทำได้ แต่มัชฌิตาปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขา
เธอควรยอมรับกับตนเองว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้เขามากมายตั้งแต่แรกเจอ
และเมื่อคิดแบบนั้นแล้วจะมัวมาปิดบังในเรื่องนี้อยู่ทำไม เธออยากมีใครสักคน
ช่วยแบ่งเบาปัญหาหนักอกออกไปบ้าง ก็เท่านั้น

ชามัลมองแผนที่ซึ่งถูกกางออกต่อหน้าอย่างปลาบปลื้ม เวลาที่ต้องการมาถึงแล้ว
เขาก็แค่รอให้มัชฌิตาบอกออกมาด้วยตนเอง แม้เธอจะยังบอกไม่หมดเรื่องที่ว่า
คนช่วยตีความทุกอย่างคือชนะทัศน์น้องชายของพรต ไอ้เด็กมีปัญหานั่นเกลียดเขา
ไม่ชอบใจมาตลอดที่พี่ชายของมันเองยอมรับใช้ชามัล เขาไม่สนใจ เพราะยังไง
ก็หาทางใช้ประโยชน์จากมันได้อยู่ดี เมื่อแรกที่เขาตีความแผนที่ไม่ออกใจก็นึกไปถึง
ชนะทัศน์ แต่ยังไม่ต้องลงมือด้วยตนเองก็มีมัชฌิตาทำให้แทน แน่นอนว่าทุกอย่าง
อยู่ในกำมือเขาเสมอหากเขาหมายมั่นต้องการและรอคอยจะได้มันมา
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ใช้เวลามากหรือน้อย สุดท้ายแล้วย่อมสำเร็จสมดังใจ



อัคนิวราล่องลอยไปเหนือป่าตลอดวันและคืน ความโกรธเกรี้ยวไม่เบาบางลง
สักกี่มากน้อย สมิงพรายมุ่งลงสู่ป่า ผ่านต้นไม้ใบหญ้ายังแทบลุกติดเป็นไฟ
ด้วยแรงเดือดดาลแห่งพยัคฆ์ร้าย

พลอยเนตรราชัน เขารู้จักนามนี้ คุ้นเคยกับมันดี รู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพลอยที่ว่า
กลมกลืนอย่างชนิดที่ว่าไม่อาจแยกจากกัน

แต่เพราะอะไรล่ะ ทำไมถึงมาอยู่เช่นนี้ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก สับสนงุนงง
ว่าเป็นเช่นไรมาเช่นไรจึงต้องมาอยู่เป็นทาสรับใช้ในพลอย รู้เพียงว่าไม่ชิน
และไม่คุ้นเคยกับการรับคำสั่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของใครแม้นสักคน
อย่างชามัลหากมิได้พลอยเนตรราชันช่วยไว้ พลังเพียงนั้นแม้ยิ่งใหญ่สักเพียงใด
ก็ยังนับว่าห่างชั้นกับอัคนิวรา

เขาเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งพระเพลิง ใช้มันได้ราวอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
ที่มีสมองสั่งบงการ กรงเล็บดุจไฟ ลมหายใจแผดเผา ไร้สิ่งใดจะหาญมาต้านทาน

แต่เขากลับต้องยอมสยบต่อพลอยเม็ดนั้น ด้วยเหตุผลผูกพันที่ประหนึ่งตรวน
ผูกสัญญาไว้ ซึ่งมันคืออะไรอัคนิวราก็สุดจะมองย้อนไปในอดีตอันดำมืด
ใครจะบอกเขาได้ หากมิใช่ชามัล เมห์ฮรา ผู้ควบคุมเขาประหนึ่งนักโทษ มีอีกเพียง
หนึ่งเดียวก็คือเป้าหมายของมันซึ่งอาจสืบโยงเกี่ยวข้องกับต้นแหล่งที่มาของตัวเขาเอง

ทั้งหิวแสนหิว อึดอัดทรมาน แต่เหยื่อที่เขาต้องการอาจไม่ใช่อื่นไกล พลังดึงดูด
บางอย่างเรียกร้อง บางทีอาจเป็นเพราะพลอยอีกเม็ดที่อยู่กับนางหรืออื่นใด
เขาก็มิรู้ได้ แม้ว่าชามัลไม่ได้สั่ง
เป้าหมายที่เขากำลังจะมุ่งไปหาก็คือผู้หญิงคนนั้น มัชฌิตา...


หลังขอตัวจากห้องของชามัลมาเมื่อเวลาล่วงเข้าดึกดื่นมัชฌิตาก็เพลียเต็มที
เพราะเหนื่อยจากการฝันร้ายเมื่อคืนก่อนจนรู้สึกเหมือนคนไม่ได้นอน
ดังนั้นเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็อยากผวาลงไปหาเตียงแล้ว หญิงสาวเอนยวบ
ลงบนหมอนทั้งที่ยังพันผ้าเช็ดตัวหนานุ่มหลวมๆ ไว้กับกายตามนิสัยส่วนตัว
ที่ไม่ค่อยจะระวังอะไรกับเรื่องพวกนี้นักเมื่ออยู่ลำพัง

มัชฌิตาไม่รู้ได้เลย
หลังม่านอันอ่อนพลิ้วเพราะสายลมกับแสงจันทร์
มีเงาของมฤตยูเงาหนึ่งซ่อนอยู่...




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ม.ค. 2555, 21:44:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2555, 08:05:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2441





<< บทที่ 5 ห้องที่ปิดไม่สนิท (ตอนแรก)   บทที่ 5 ห้องที่ปิดไม่สนิท (ต่อ-จบบท) >>
อสิตา 29 ม.ค. 2555, 21:52:47 น.
*///* สถานการณ์ค่อนข้างจะล่อแหลมพอควรเลย


Auuuu 29 ม.ค. 2555, 22:05:35 น.
ไอ๊หยาาาาาา !! จะเป็นยังไงต่อไปละนี่ ลุ้นมากกกก


teaw 29 ม.ค. 2555, 23:13:37 น.
อัตรายมาแล้ว


หมูอ้วน 29 ม.ค. 2555, 23:29:19 น.
บางทีก็สงสารอัคนิวราเหมือนกันนะค่ะ อยากให้อัคนิวรามาอยู่ฝ่ายหนูมิ้งค์จังเลย


บุลินทร 29 ม.ค. 2555, 23:44:01 น.
มาแหย่พี่มิ้งค์กลับบ้าง ฮ่าๆ พี่มูนหายไปไหนนะ ป่านนี้พระเอกจะมาช่วยพี่มูนยัง


Zephyr 29 ม.ค. 2555, 23:55:59 น.
เมนท์แบบนี้จะสปอยล์ชาวบ้านมั้ยอ่า แต่แบบอ่านๆไปแล้ว มันคิดตอบแบบนี้ในหัวอ่ะค่ะ
ใครไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องอย่าเพิ่งอ่านเมนท์เราเลยนะคะ
v
v
v
ผมมองเห็นอันตรายอยู่รอบตัวคุณ...แน่ล่ะ นายส่องกระจกก็เห็นแล้ว อันตรายอ่ะ
ผมคอยเฝ้ามอง(พลอยตาเสือของ)คุณ เป็นห่วง(พลอยตาเสือ)คุณ...อยากพูดงี้ใช่ป่ะ ชามัล
ผมทำเพราะอะไร... ก็เพราะนายอยากแสดงละครไง ฮึ ท่านผู้กำกับ
ผมจะปกป้องคุณ ไม่ว่าจากอะไร...ปกป้องจากตัวนายให้ได้ก่อนเหอะนะ ท่านชามารรรรรร
กลัวแทบแย่ว่าจะมาไม่ทัน...ชริ ไม่มีทางอ่ะ อันตรายมันติดตัวนายมานั่นแหละ ถ้านายไม่มา พี่มิ้งค์ก็ไม่เป็นไรหรอกน่า เฮอะ
สงสารพรตจังค่ะ ภักดีมากมายแต่แบบนายพูดแบบนี้ได้อย่างไร เหมือนพอหมดประโยชน์ก็จะถูกฆ่าทิ้งยังงั้น
อ้าย มารยาททรามเยี่ยงนี้ อ้ายยยย มาถ่มน้ำลายรดอัคน้อยของเค้าได้อย่างไร เอาคืนเลยลูก แม่เชียร์จัดเต็มๆๆๆๆ ถูกคุมด้วยสายตา งั้นจิ้มให้บอดเลยลูก เดี๋ยวแม่บอกให้พี่มิ้งค์ช่วย เอาเปล่า
ข้าคืออันตรายที่สุดของที่สุด...ก็รู้ตัวดีนี่นา แต่ทำไม้ ไม่รู้นะว่าตัวเองนิสัยเสียแค่ไหน ฮะ

โอ๊ะ พี่มิ้งค์จะมี NC กะอัคน้อยเหรอคะ ฮ่าๆๆๆๆ แอบล่อแหลมนะเนี่ย ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว อิอิ ///OwO///
เค้าเลิกกลัวแล้วนะ อัคน้อยออกจะน่ารัก ฟึดฟัดนิดหน่อยเอง ไม่อารมณ์วัยทองเหมือนใครบางคน แถวๆไพรมายาอ่ะ


ริญจน์ธร 30 ม.ค. 2555, 00:20:41 น.
แวะมาทักทายพี่มิ้งค์ ตอนต่อไปนี่... 55 ตามอ่านกันเองนะคะ
ส่วนน้องมีน ใจเย็นน้า คุณริทของหนูมูนจะมาต่อวันอังคารจ้า ตอนนี้ขอคนเขียนไปเที่ยวก่อนเน้อ


goldensun 30 ม.ค. 2555, 09:51:17 น.
ไม่ชอบชามัลเลย เจ้าเล่ห์ เห็นแก่ตัว มัชฌิตาจะรู้ความจริงเมื่อไหร่น้อ
ตอนหน้าชักน่าลุ้น อะไรจะเกิดขึ้น


silverraindrop 30 ม.ค. 2555, 10:04:38 น.
ชามัลร้ายกาจที่สุดเลย ... เมื่อไร่นางเอกจะได้เอาคืนบ้างคะ...


SunSeed 30 ม.ค. 2555, 11:14:22 น.
ตามมาอ่านแล้ว ดีจังโพสท์บ่อยๆน๊า ชอบๆๆๆ หมั่นไส้อีตาชามาร สุดๆ แต่ก็นะ พระเอก พระเอก ท่องไว้ เหอะๆๆๆ


XaWarZd 30 ม.ค. 2555, 12:25:17 น.
อยากให้ความลับแตก หมั่นไส้ชามัล


Canopus 30 ม.ค. 2555, 16:06:14 น.
ตามมาทันแล้ว ชามัลนี่มารยาเยอะมาก


อสิตา 30 ม.ค. 2555, 20:37:34 น.
>.< อร๊ายชอบ ชามัลกลายเป็นชายที่สังคมรังเกียจ (คนเขียนก็รังเกียจค่ะ ปนรักนิดๆ)


wane 31 ม.ค. 2555, 05:37:57 น.
สนุกมากค่ะ อ่านไปลุ้นไป ขอเข้าชมรมเกลียดตาชามัลอีกคนค๊า


ameerahTaec 31 ม.ค. 2555, 08:44:37 น.
ตื่นเต้นดีจังเลย อยากรู้ว่าจะเป็นไงหนอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account