กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"



เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ

ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)

แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)

บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่

ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป

หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^

Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ

ตอน: ตอนที่ 1 พลังที่ซ่อนเร้น : บทที่ 6 สำแดงเดช

บทที่ 6 สำแดงเดช

ไตรภพแง้มหน้าต่างมองออกไปด้านนอกแล้วปิดบานพับลงอย่างหงุดหงิด ฝนตกลงมาไม่ขาดสายเกือบทั้งวันจนกระทั่งหัวค่ำมันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก เขาเกลียดฝน ยิ่งเป็นสายฟ้าแล้วเขายิ่งเกลียดใหญ่ ได้เห็นเป็นต้องรู้สึกเศร้าราวกับเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไป ความหดหู่ที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้ไตรภพพยายามหลีกเลี่ยงไม่ออกไปไหนในวันฝนตก

ชายหนุ่มเปิดเพลงกลบเสียงพายุดังลั่น เสียงเพลงดังกลบทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ดังอยู่ระยะหนึ่งไตรภพก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนดังชัดเจน ราวกับมีคนมากระซิบข้างหูว่าให้รีบรับโทรศัพท์

พอหันไปมองบนโต๊ะที่เขาวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ ชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ามีคนกำลังโทรเข้ามา พอกดรับเขาก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาตามสาย

“พี่ไตรคะฟ้ากำลังแย่ค่ะ พี่ต้องรีบไปช่วยฟ้านะคะ”

“นิใช่ไหม เกิดอะไรขึ้น”

ไตรภพจำเสียงของนิศารัตน์ได้แม่น เพราะในบรรดาเพื่อนสนิทของวิชชุตา นิศารัตน์เป็นคนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกถูกชะตา บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลยทีเดียว

“ฟ้ากำลังจะจมน้ำค่ะ ในบ้านที่สอนพิเศษ พี่ไตรอย่าเพิ่งถามนะคะว่านิรู้ได้ยังไง ขอให้เชื่อเถอะค่ะ รีบไปช่วยฟ้าที ขอร้องล่ะค่ะพี่” เสียงขอร้องของหญิงสาวแทบจะกลายมาเป็นเสียงสะอื้นเมื่อพูดจบประโยค

“บอกมาเร็วบ้านหลังนั้นไปทางไหน” ชายหนุ่มตอบรับในทันที

เขาคิดว่ารู้จักนิศารัตน์ดีพอ เธอไม่ใช่คนโกหกและจะไม่มีวันสร้างเรื่องมาหลอกใคร โดยเพราะเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้

พอทราบเส้นทางคร่าวๆ ชายหนุ่มก็คว้ากุญแจรถจี๊ปบึ่งออกมาจากบ้าน เนื่องจากฝนตกหนัก ทัศนวิสัยจึงย่ำแย่ ทำให้ไม่สามารถเร่งความเร็วได้อย่างที่ต้องการ ทนฝ่าพายุฝนมาได้หน่อย ไฟฟ้าบริเวณนั้นก็พร้อมใจกันดับลง บังคับให้ชายหนุ่มต้องชะลอความเร็วลงอีก

“บ้าชิบ! ไอ้บ้านหลังนั้นมันอยู่ตรงไหนวะ” ชายหนุ่มทุบพวงมาลัยอย่างขัดใจ

หากมองเห็นป้ายบอกทางหรือมีแสงไฟสักหน่อยเขาคงจะไปถูก แต่นี่มันมืดไปหมดมองแทบไม่เห็นอะไรเลย แล้วเขาจะทำอย่างไรดี

ในขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง นิศารัตน์โทรมาได้จังหวะเหมาะตอนที่เขากำลังต้องการทราบเส้นทางพอดี ยังไม่ทันถามถึงจุดสังเกต หญิงสาวก็เอ่ยสวนขึ้นมาก่อน

“พี่ไตรคะผิดทางแล้วค่ะ พี่ขับเลยซอย ถอยหลังมาอีกหน่อย บ้านที่มีฟ้าผ่าลงมาเป็นสายเส้นใหญ่ๆ น่ะค่ะ”

ไม่ทันขาดคำ ฟ้าก็ร้องดังเปรี้ยง! แสงสีขาวสว่างจากฟากฟ้าแล่นลงมายังพื้นเบื้องล่างพร้อมความสว่างไสว แม้มีแสงเพียงแวบเดียวแต่มันก็ทำให้รู้ว่าจุดหมายที่ต้องการจะไปอยู่ที่ใด ไตรภพกลับรถแล้วมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ในทันที


สิ้นเสียงกรีดร้องของวิชชุตาที่ข้อมือของหญิงสาวก็มีรัศมีสีฟ้าก่อตัวขึ้น ลำแสงจากมือพวยพุ่งเป็นเส้นตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า อึดใจต่อมามันก็เปลี่ยนสภาพเป็นสายฟ้าผ่าลงมาตรงเจ้ากลุ่มหมอก วิญญาณร้ายกรีดร้องดังลั่นก่อนสลายกลายเป็นเมือกสีขาวขุ่น แล้วถูกสายฝนชะล้างไปจนไม่เหลือซาก

สายฟ้าเส้นใหญ่นี้ไม่ได้ทำอันตรายคนที่อยู่รอบๆ แม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเสียงฟ้าผ่ากลับทำให้วินได้สติคืนมา เด็กชายเหลียวมองไปรอบตัว เขาวิ่งขึ้นมาจากท่าน้ำแล้วร้องหาแม่ดังลั่น

“แม่ครับ แม่ แม่อยู่ไหน”

เมื่อไม่เห็นคนที่เรียกหาเด็กชายก็ทรุดตัวลงร้องไห้ ความทรงจำของเขาก่อนหน้านี้คือเขากำลังคุยอยู่กับเพื่อน จากนั้นเขาก็เห็นแม่ แม่มาบอกให้เขารีบตื่น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะไปในที่ที่แม่อยู่ แม่บอกให้เขาเข้มแข็งแล้วก็หายไป รู้สึกตัวอีกทีเขาก็มายืนตากฝนอยู่แถวท่าน้ำแล้ว

วิชชุตาเห็นแววตาของวินกลับมาเป็นปกติได้ก็โล่งใจ หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงขั้นบันใดอย่างหมดเรี่ยวแรง

คราวนี้หญิงสาวสังเกตเห็นแสงสีฟ้าจากตัวกำไลชัดเจน พอมองรอยต่อรูปสายฟ้าที่ตัวกำไล เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าสายฟ้าที่ช่วยเธอกับวินเมื่อครู่เกิดจากกำไลอันนี้

หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งของ หากเป็นยามปกติเธอคงกลัวแล้วรีบถอดออก แต่ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด ราวกับได้สหายคู่คิดกลับมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง

“ขอบใจมากนะ” หญิงสาวเอ่ยกับวารัคคนี

ขณะนั้นเองใต้พื้นน้ำสีขุ่น เมือกเหนียวๆ ที่เป็นเศษซากของวิญญาณร้ายกำลังรวมตัวกันอย่างช้าๆ สายฟ้าเมื่อครู่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา เพราะมันมีพลังขับไล่และทำลายสิ่งชั่วร้ายอยู่ด้วย เจ้ากลุ่มหมอกรู้ตัวดีว่าอีกไม่นานจะต้องสลายไป มันจึงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายจนสามารถรวมตัวเป็นรูปมือขึ้นมาได้ เพื่อแก้แค้นคนที่ทำร้ายมัน

มือสีขาวขุ่นโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำแล้วยึดขาของวิชชุตาไว้แน่นก่อนจะฉุดกระชากร่างระหงลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว

“ว้าย!...ช่วยดะ…” วิชชุตาหวีดร้องด้วยความตกใจจึงกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่

มือของเจ้ากลุ่มหมอกลากวิชชุตาไปที่เขตน้ำลึกแล้วดึงตัวเธอลงไปใต้น้ำ หญิงสาวพยายามตะเกียกตะกายว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ ทว่าดิ้นรนเท่าไรก็ไม่เป็นผล ตัวเธอยังคงจมดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่อากาศในปอดกำลังใกล้หมดลงทุกขณะ

ในวินาทีที่หญิงสาวคิดว่าตัวเองอาจจะไม่รอด ใจเธอนึกถึงแต่แม่ เธออยากกลับบ้านไปกอดท่าน ไม่อยากจะจมน้ำตายอยู่ตรงนี้

‘ใครก็ได้ช่วยด้วย ฉันยังไม่อยากตาย’ หญิงสาวร่ำร้องกับตัวเองในขณะที่สติกำลังจะดับลง


ไตรภพจอดรถไปที่หน้าคฤหาสน์สีขาว แล้วตัดสินใจปีนกำแพงบ้านเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของสถานที่มาเปิด ชายหนุ่มตรงดิ่งไปที่บริเวณท่าน้ำแล้วก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังยืนตากฝนอยู่

“ช่วยด้วยครับพี่ฟ้าตกน้ำ พี่ฟ้าตกน้ำ” วินตะโกนบอก

“ตรงไหน” ไตรภพรีบปราดเข้าไปหาเด็กชายในทันที

“ตรงนั้นครับ” วินชี้ไปตรงทุ่นที่หญิงสาวถูกลากลงไป

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วกระโจนลงน้ำไป ในน้ำมีแต่ความมืด มือเขาควานหาไปทั่วพื้นน้ำรอบตัว สิ่งที่คว้าได้คือวัชพืชและความว่างเปล่า ชายหนุ่มกดตัวเองให้ดำลึกลงไปอีก แล้วเขาก็เป็นแสงสีฟ้าของอะไรบางอย่างอยู่ห่างไปราวสามสี่เมตร พอว่ายเข้าไปใกล้เขาก็เห็นว่าสิ่งอยู่ตรงกลางรัศมีสีฟ้าคือข้อมือคน ชายหนุ่มตรงเข้าคว้ามือหญิงสาวไว้แน่น แล้วพาลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

“อดทนไว้นะฟ้า” ชายหนุ่มพูดเมื่อขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ เขาใช้มือหนึ่งยึดตัวเธอไว้ ส่วนอีกมือใช้ช่วยพยุงตัวเองเข้าฝั่ง

พอเจ้ากลุ่มหมอกสิ้นฤทธิ์อติรัฐกับน้อยก็ออกจากบ้านมาช่วยวินกับวิชชุตาได้ อติรัฐช่วยดึงวิชชุตากับไตรภพขึ้นมาจากน้ำ ส่วนน้อยก็รีบวิ่งไปเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่จากในบ้านมาให้

“น้อยพาวินเข้าบ้าน” อติรัฐรับผ้ามาจากน้อยแล้วค่อยไปช่วยดูอาการของวิชชุตา “ยังหายใจครับ ผมว่ารีบพาเข้าบ้านดีกว่า”

“ฟ้ายังไม่ได้สติ แถมชีพจรก็เต้นเร็ว พาไปส่งโรงพยาบาลดีกว่า ช่วยเปิดประตูรั้วให้ผมที”

ไตรภพช้อนร่างหญิงสาวขึ้นมาแล้วตรงดิ่งไปที่รถ วิชชุตามีอาการหายใจติดขัดจนน่าเป็นห่วง ชายหนุ่มจับหญิงสาวนอนตะแคงข้างอยู่ที่เบาะหลังรถ จัดศีรษะหงายไปข้างหลังเพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก เอาผ้าห่มที่ติดรถไว้คลุมตัวไว้ให้ความอบอุ่นอีกชั้น แล้วบึ่งรถไปที่โรงพยาบาลทันที

ขับรถออกมาได้สักพักวิชชุตาก็ฟื้น เธอแสบจมูก รู้สึกเจ็บระบมตามตัว โดยเฉพาะข้อเท้าที่ปวดหนึบมากกว่าส่วนอื่น พอมีสติครบถ้วนหญิงสาวก็หยัดตัวลุกขึ้นมาถามไตรภพทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอมาอยู่บนรถเขาได้อย่างไร

“เธอจมน้ำ ฉันกำลังจะพาไปโรงพยาบาล” ไตรภพหันมาตอบ เห็นเธอลุกขึ้นมาได้เขาก็โล่งใจขึ้น

“ไม่เอา ไม่ไปโรงพยาบาล ฉันหายแล้ว จะกลับบ้าน” วิชชุตาโวยวายลั่น

ถ้าไปตรวจร่างกายหมอคงให้นอนค้างเพื่อดูอาการ เธอกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง ดังนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ไป

“ต้องไป ถ้าเกิดมีอาการแทรกซ้อนจะทำยังไง ต้องเจาะเลือดไปตรวจ เอกซเรย์ปอด นอนค้างโรงพยาบาลอย่างน้อยคืนหนึ่งก่อนถึงกลับบ้านได้” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม

ท่าทางเขาดูจริงจังอย่างที่วิชชุตาไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวเลยเลิกโวยวาย เปลี่ยนมาพูดดีๆ แทน

“นายไตร ไม่ไปไม่ได้เหรอ นะ…ขอร้องล่ะ กลัวแม่เป็นห่วง”

“ไม่ได้ เลือกเอาจะยอมให้แม่เป็นห่วงหรือติดเชื้อในปอดตาย น้ำขุ่นคลั่กแบบนั้นอาจจะมีพวกปรสิตอยู่ด้วยก็ได้ ดีไม่ดีมันอาจจะเข้าไปไชสมองเอา สำลักน้ำเข้าไปตั้งเยอะไม่ใช่รึไง”

ดูเหมือนว่าคำขู่ของชายหนุ่มจะได้ผลเพราะมันทำให้จอมโวยวายเงียบเสียงไปได้พักใหญ่ทีเดียว

“นายอย่าเวอร์สิ” วิชชุตาพูดเสียงอ่อย เนื่องจากเริ่มกลัวว่าจะมีตัวอะไรไชเข้าไปในสมองของเธอจริงๆ

“ไม่ได้เวอร์สักหน่อย เป็นเด็กดีว่าง่ายๆ เดี๋ยวจะพาไปส่งโรงพยาบาลแล้วจะกลับบ้านไปพาแม่มาหา” ชายหนุ่มพูดเสียงขรึมแล้วแอบซ่อนยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นเด็กอวดเก่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

“ขอบใจนะนายไตร ถ้านายไม่มาช่วยฉันคงตายไปแล้ว”

พอใจเย็นลงหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าต้องขอบคุณเขา แล้วก็พานสงสัยว่าเขาโผล่ไปช่วยเธอได้อย่างไร ยังไม่ทันได้ถามนายไตรก็เล่าให้ฟังเสียก่อนว่าให้ไปขอบคุณนิศารัตน์ เพราะเธอเป็นคนโทรมาบอกให้เขาฝ่าพายุออกไปช่วยเด็กเซ่อซ่าที่กำลังจมน้ำ

“ไม่ได้เซ่อสักหน่อย ผีมันลากฉันลงไปต่างหาก”

“เอาไว้คุยรายละเอียดกันทีหลังก็แล้วกัน เอ้า! รีบโทรไปหาแม่กับนิซะ ป่านนี้เป็นห่วงกันแย่แล้ว” ไตรส่งมือถือไปให้

วิชชุตาเลยหยิบขึ้นมาโทรหาแม่ ต้องย้ำกับแม่อยู่นานว่าไม่เป็นไร แม่ถึงจะวางใจยอมวางสายไปได้ คุยกับแม่เสร็จแบตเตอรี่เจ้ากรรมก็หมดทันที เธอเลยอดโทรหาเพื่อน ก็ได้แต่หวังว่ายัยนิจะมีพลังจิตรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงรู้สึกผิดแย่ที่ทำให้เพื่อนเป็นห่วง


ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลพิทักษ์เทวา สายฝนกำลังซาเม็ดลงจนเกือบหยุดตก เช่นเดียวกับความกดดันในใจของนิศารัตน์ที่เริ่มบรรเทาเบาบางลง หญิงสาวลากเก้าอี้มานั่งที่ระเบียงบ้าน มองดูละอองฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ความเย็นของสายลมช่วยลดความรุ่มร้อนที่มีในจิตใจลงได้อย่างประหลาด

หญิงสาวมองมือถือในมือแล้ววางมันเอาไว้กับโต๊ะราวกับจะรู้ว่าอีกนานกว่าจะมีคนติดต่อมา

ไตรภพขาดการติดต่อไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอโทรไปอีกหลายครั้งแต่เขาก็ไม่รับสาย สงสัยว่าป่านนี้คงกำลังยุ่งพาเพื่อนรักของเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอยู่แน่ เพราะเธอย้ำกับเขาไปแล้วว่าคนจมน้ำไม่ว่ากรณีใดๆ ต้องพาไปตรวจและรอดูอาการที่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคืน

มันก็แปลกดีที่เธอรู้สึกอุ่นใจเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะไปช่วยเพื่อน เธอเชื่อว่าหากเป็นเขาแล้วจะต้องปกป้องวิชชุตาได้แน่

หลังจากเห็นภาพกลุ่มหมอกสีขาวนิศารัตน์ก็กังวลใจเรื่อยมา เธอรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดไม่เป็นอันทำอะไรทั้งวัน เธอลองโทรไปหาเพื่อนที่บ้าน คนที่บ้านวิชชุตารับสายบอกว่าออกไปสอนพิเศษยังไม่กลับมาเลย พอจะโทรเข้ามือถือเธอก็เริ่มเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ มันมาอย่างรวดเร็วเป็นฉากๆ สมจริงสมจังเสียจนเธอเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น

หญิงสาวรวบรวมสติ ลำดับเรื่องราวที่ได้เห็นจึงได้รู้ว่าวิชชุตากำลังต้องการความช่วยเหลือ เธอคิดแทบตายว่าช่วยเพื่อนอย่างไรดี ตอนนี้ในบ้านไม่มีคนขับรถได้เลยสักคน จะให้ขับรถยนต์ฝ่าสายฝนออกไปเองก็คงได้ตายกลายเป็นผีเฝ้าปากซอยก่อน สิ่งที่พอจะทำได้คือโทรไปหาไตรภพ พูดหว่านล้อมให้เขาเชื่อสิ่งที่เธอพูด

ไตรภพไม่ซักไซ้เธอแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มยอมทำตามที่เธอบอกอย่างง่ายดาย นี่กระมังที่ทำให้เธอคิดว่าสามารถฝากชีวิตเพื่อนไว้กับเขาได้

หญิงสาวทอดสายตามองมือถืออีกครั้ง แล้วภาพภาพหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ทำให้ต้องระบายยิ้มออกมา เพราะมันเป็นภาพของเพื่อนสาวที่กำลังประกาศก้องว่าตัวเองสบายดีอยู่บนเตียงโรงพยาบาล โดยมีมารดาและไตรภพคอยมองอยู่ข้างเตียงด้วยสายตาเป็นห่วง

“เห็นแบบนี้ค่อยหายห่วงหน่อย” หญิงสาวงึมงำกับตัวเองแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอย่างสบายใจ


ทิพย์อาภาเตรียมเสื้อผ้าและของที่คิดว่าลูกใช้ทันทีที่วิชชุตาโทรมาบอก ไปถึงลูกก็ตรวจเลือดกับเอ็กซ์เรย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เห็นว่าลูกปลอดภัยไม่เป็นอันตราย คนเป็นแม่ก็เข้าไปสวมกอดอย่างโล่งใจ

ทางโรงพยาบาลบอกว่าผลตรวจคร่าวๆ ดูแล้วไม่มีอาการผิดปกติ แต่เพื่อความมั่นใจต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งในตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น

“กลับตอนนี้เลยได้ไหมคะคุณหมอ” วิชชุตาโพล่งออกมา

“จะกลับก็ได้ครับแต่หมอว่ารอดูอาการซักคืนดีกว่า”

“แสดงว่าถ้าอยากกลับก็กลับได้ใช่ไหมคะ งั้นหนูขอกลับนะคะหมอ ไม่เป็นอะไรแล้วนี่คะทำไมต้องนอนที่นี่ด้วย” วิชชุตาเริ่มต่อรองกับคุณหมอวัยกลางคน

ยังไม่ทันที่คุณหมอจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธทิพย์อาภาก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“เชื่อหมอเถอะนะลูก นอนที่นี่ซักคืนจะเป็นไร” คนเป็นแม่กล่อมแต่ลูกสาวจอมดื้อก็ยังส่ายหน้าดิก

“ฟ้าไม่อยากนอนที่นี่นี่คะแม่”

หญิงสาวปั้นหน้าน่าสงสารแบบเต็มพิกัด เธอเจอผีมาทั้งวันแล้ว เลยกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาอีกตอนดึกๆ

“กลัวโรงพยาบาลล่ะสิ” ไตรภพเอ่ยอย่างรู้ทัน

เห็นท่าทางของแม่ตัวดีแล้วก็อดมันเขี้ยวไม่ได้ ทำให้เป็นห่วงแทบตาย ตอนนี้กลับมาทำงอแงไม่เข้าเรื่อง มันน่าจับมาตีก้นนัก

“ไม่ได้กลัวสักหน่อย”

“ไม่กลัวก็นอนที่นี่ซักคืนสิ ดื้อแบบนี้แม่เธอจะเป็นห่วงเอานะ อย่าทำเป็นเด็กไม่รู้จักโตน่า อ๊ะ!…ลืมไปว่าภาวะอารมณ์ยังเป็นเด็กสามขวบ”

“เงียบไปเลยนายไตร! นายนั่นแหละที่สามขวบ” วิชชุตาแหวกลับเสียงดัง

“ฟ้า…เบาๆ หน่อยลูกที่นี่โรงพยาบาลนะ” ทิพย์อาภาติง ถึงจะเป็นห้องพิเศษแต่หญิงสาวก็ยังเกรงว่าจะไปรบกวนคนไข้คนอื่นเข้า

“ฮ่ะๆๆ แข็งแรงอย่างนี้ผมว่าไม่นอนที่โรงพยาบาลก็ได้ครับ นอนค้างที่บ้านแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาตรวจอีกรอบก็ได้ ถ้าตัดสินใจยังไงก็บอกพยาบาลได้เลยนะครับ ผมขอตัวไปตรวจห้องอื่นก่อน” นายแพทย์เจ้าของไข้หัวเราะร่วนก่อนจะออกไปจากห้อง

พอไม่มีคนนอกอยู่ด้วยวิชชุตากับไตรภพเลยเถียงกันได้อย่างสนุกปาก ไม่ทันไรหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปทั้งๆ ที่ยังปะทะฝีปากกันอยู่

“ยาคงออกฤทธิ์แล้วล่ะครับ คุณหมอเขากลัวว่ายัยฟ้าจะยังไม่หายตกใจกลัวเรื่องที่จมน้ำเลยให้ยาระงับประสาทไปด้วย ปรากฏว่าลูกสาวคุณทิพย์ไม่กลัวเรื่องตกน้ำเลยสักนิด กลัวอย่างเดียวคือกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง”

ได้ยินแล้วคนเป็นแม่ถึงกับน้ำตาซึม ทิพย์อาภานั่งลงตรงขอบเตียง เอามือลูบผมลูกเบาๆ ด้วยความรัก

ไตรภพจึงหลบฉากถอยออกมาจากห้องเงียบๆ ปล่อยให้แม่ลูกเขาแสดงความรักกันไป เขารู้สึกดีใจที่เชื่อความรู้สึกของตัวเอง ตามไปช่วยวิชชุตาได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่

ค่ำคืนนั้นในขณะที่ทุกคนกำลังหลับใหล ภายใต้ผ้าห่มของโรงพยาบาล วารัคคนีกำลังตื่นเต็มที่ หลังจากที่รอคอยมานานมันก็ได้มาอยู่ข้างกายนายหญิงสมใจ สายฟ้าเมื่อตอนหัวค่ำเป็นแค่พลังส่วนกระจ้อยร่อยเท่านั้น ตอนนี้นายหญิงยังไม่รู้วิธีการใช้มันได้เต็มที่ แต่อีกไม่นานหรอกนายจะเรียนรู้และใช้บ่าวผู้ซื่อสัตย์อย่างมันได้คล่องแคล่วดั่งใจ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ท่าน้ำทำให้เภตรานอนไม่หลับ ไหนจะเรื่องหลาน ไหนจะเรื่องยัยเด็กสอนพิเศษที่จมน้ำอีก ฝนตกหนักแบบนั้นไม่รู้ว่าพาหลานชายเธอออกไปเพ่นพ่านที่ท่าน้ำทำไม ยังดีหน่อยที่ตาวินไม่เป็นอะไรแล้วก็ไม่มีใครตาย ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องเป็นราวไม่จบไม่สิ้น

เภตราพลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เลยเวลานอนปกติมามากแล้ว หญิงสาวจึงต้องพยายามบอกตัวเองให้ข่มตาลงให้ได้ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก เธอจะเรียกทนายมาพบแล้ววางแผนพาหลานชายกลับมาอยู่ด้วยให้จงได้

ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะผล็อยหลับไปก็มีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะการพักผ่อน เภตราจึงผุดลุกขึ้นจากเตียงแล้วปาหมอนใส่ประตูด้วยความโกรธ

“อะไรกันนักกันหนานังน้อย นี่มันกี่โมงแล้วแกรู้ไหม มีอะไรเอาไว้พูดกันวันพรุ่งนี้”

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่งนอกจากเสียงเคาะประตูดังรัว เภตราจึงจำต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องด้วยความรำคาญ

“มันอะไรของแก นัง...” พอเห็นใบหน้าของคนมาเคาะประตูห้อง หญิงสาวก็ผงะถอยหลังออกมาแทบไม่ทัน ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก

“ระรำ...ไพ ไม่…ไม่จริง”

คนที่ควรจะตายไปแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชุดสีดำที่ใส่อยู่เปียกชุ่มด้วยน้ำ มันเป็นชุดเดียวกับชุดที่สวมในวันที่เสียชีวิต ใบหน้าของรำไพขาวซีด ดวงตาที่จ้องมองมามีแต่ความอาฆาตแค้นอยู่เต็มเปี่ยม

“ตกใจมากรึไงเภตรา แกคงจำได้ดีสินะว่าทำอะไรกับฉันไว้บ้าง คราวนี้ถึงทีฉันเอาแกคืนบ้าง”

สายฟ้าทำให้ยันต์ที่สะกดวิญญาณของรำไพเสื่อมฤทธิ์ วิญญาณอาฆาตจึงถูกปลดปล่อยออกมา สิบแปดปีกับการถูกกักขังในน้ำเย็นมันช่างทรมานเหลือเกิน ถึงเวลาแล้วที่จะแก้แค้น

“อย่าเข้ามานะ ออกไปให้พ้น” เภตราลนลานถอยหนีอย่างหวาดกลัว

“แกจะต้องตายตามฉันไปด้วย” รำไพประกาศแล้วตรงรี่เข้าไปบีบคออีกฝ่าย

“กรี๊ดดด! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

เภตรากรีดร้องขอความช่วยเหลือ เสียงของเธอดังไปจนถึงชั้นล่าง ปลุกน้อยให้ตื่นขึ้นมาดู แต่กว่าน้อยจะมาถึงเภตราก็ถูกบีบคอจนทุรุนทุรายลงไปชักตาเหลือกอยู่กับพื้นแล้ว

“คุณผู้หญิงเป็นอะไรไปคะ เกิดอะไรขึ้น” น้อยปราดเข้าไปหาอย่างตกใจ

“รำไพ ฉันขอโทษ ปล่อยฉันไปเถอะ” เภตรายกมือไว้น้อยด้วยความหวาดกลัว

“นี่น้อยเองค่ะคุณผู้หญิง ใจเย็นๆ ค่ะ” หญิงสาวเขย่าร่างที่ดิ้นไปมาอย่างทรมาน ต้องเรียกอยู่นานกว่าคุณผู้หญิงจะคืนสติ

เภตราลุกขึ้นมาบีบแขนน้อยเอาไว้แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลนลานว่า

“ผีหลอก ช่วยฉันด้วย แกไปเอาพระที่ห้องพระมาเร็วๆ เอามาเร็ว”

น้อยทำตามคำสั่งทันที เธอไม่เคยเห็นคุณผู้หญิงเป็นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต คุณผู้หญิงกลัวคนชื่อรำไพจะมาทำร้ายอย่างนั้นหรือ ชื่อนี้ทำน้อยขนลุกไปทั้งตัวเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นชื่อของคุณย่าน้อยที่จมน้ำตายตรงท่าน้ำ

“คืนนี้แกนอนเป็นเพื่อนฉัน” เภตราสั่ง

น้อยจึงรีบกลับไปเอาเครื่องนอนมาอย่างยินดี บอกตามตรงว่าเธอเริ่มรู้สึกกลัวจนไม่กล้ากลับไปนอนคนเดียวเช่นกัน

ปูที่นอนเสร็จหญิงสาวก็ก้มลงกราบพระพุทธรูปที่ถูกตั้งไว้กลางห้อง มีเพื่อนนอนกับมีพระอย่างนี้น้อยค่อยอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ทว่ายังสวดมนต์ไม่ทันจบบท คุณเภตราก็กรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง

“นังรำไพ แกอย่าเข้ามานะ ฉันมีพระนะ” หญิงสาววิ่งไปคว้าพระพุทธรูปมากอดไว้

รำไพเดินเข้ามาใกล้อย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวยิ้มหยันให้กับอีกฝ่ายก่อนหัวเราะก้อง

“พระน่ะเขาเอาไว้ปกป้องคนดี คนเลวอย่างแกพระท่านไม่คุ้มครองหรอก” รำไพเดินเข้าไปหาเพื่อทำร้ายอีกครั้ง คราวนี้เภตราถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย

“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงคะ” น้อยรีบไปประคอง

เธอมองไม่เห็นอะไรอย่างที่นายจ้างบอกเลยสักอย่าง จึงได้แต่ยกมือไหว้ท่วมหัว

“คุณรำไพขา น้อยไม่เคยทำอะไรให้คุณนะคะ น้อยไม่รู้เรื่องอย่ามาหลอกมาหลอนน้อยเลย”

น้อยตัวสั่นด้วยความกลัว โดยหารู้ไม่ว่าวิญญาณที่เธอกลัวหนักหนาอยู่ห่างตัวเองไปไม่กี่ก้าว และถึงไม่ขอร้องรำไพก็ไม่คิดจะทำร้ายคนนอกอย่างน้อยอยู่แล้ว

รำไพมองใบหน้าซูบซีดของเภตราด้วยความสะใจ เธอไม่คิดจะเอาชีวิตของเภตราหรอก เธอจะคอยตามหลอกหลอนให้มันมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุขไปจนวันตาย ให้มันทรมานให้สาสมกับสิ่งที่มันทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานมาเกือบยี่สิบปี


วันรุ่งขึ้นไตรภพก็จัดการไปเอารถจักรยานยนต์ที่วิชชุตาจอดทิ้งไว้มาให้ คนที่บ้านหลังนั้นบอกว่าวินไปอยู่กับอาที่เชียงใหม่แล้ว การสอนจึงต้องยกเลิกไปโดยปริยาย

อติรัฐโทรมาขอบคุณวิชชุตาที่ช่วยวินไว้และคอยติดต่อสอบถามอาการของหญิงสาวเป็นระยะ ชายหนุ่มส่งเงินค่าสอนพิเศษกับของขอบคุณมาให้กล่องใหญ่ หลังจากนั้นวิชชุตาก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับสองอาหลานและบ้านหลังนั้นอีกเลย จนกระทั่งหลายสัปดาห์ผ่านไป เธอได้พบกับอติรัฐเข้าโดยบังเอิญ ชายหนุ่มเข้ามาทักทายแล้วเล่าเรื่องของวินให้ฟัง

“ผมจะให้วินย้ายโรงเรียนครับ ไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้านผมแทน ผมจะได้ดูแลหลานได้มากขึ้น ตอนนี้วินดูสดชื่นขึ้นมากเลยครับ เห็นหลานมีความสุขผมก็สบายใจ”

“ยินดีด้วยนะคะ แล้วคุณเภตราล่ะคะ มีปัญหากันรึเปล่า” วิชชุตาอดเป็นห่วงไม่ได้

“เป็นโชคดีของผมน่ะครับ พี่เภตราเธอป่วย คงไม่มีเวลามาวุ่นวายเรื่องหลานจนกว่าจะหาย”

ตอนนี้เภตราอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช อยู่ๆ หญิงสาวก็ได้มีอาการทางประสาท เป็นโรคหวาดระแวงเห็นภาพว่ามีผีคุณยายเล็กของวินมาทำร้าย วันๆ ไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากกรีดร้อง สุดท้ายญาติก็ลงความเห็นว่าควรจะนำส่งโรงพยาบาล

“คุณเภตราเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”

วิชชุตาถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง ถึงจะไม่ชอบหน้าแต่เธอก็ไม่เคยหวังให้อีกฝ่ายเจ็บป่วยหรือมีอันเป็นไป

“โรคทางจิตใจน่ะครับ หมอบอกว่าอาจจะเป็นแค่เดือนเดียวหรือรักษาไม่หายเลยตลอดชีวิต”

“น่าสงสารเธอนะคะ”

“ครับน่าสงสาร” ชายหนุ่มตอบรับเสียงเบา

ที่จริงเขาก็มีส่วนผิดที่ไปกระตุ้นให้หญิงสาวนึกถึงรำไพขึ้นมา แต่เรื่องมันผ่านมาแล้วกลุ้มใจไปก็เท่านั้น หน้าที่ของเขาตอนนี้คือเลี้ยงดูหลานชายคนเดียวให้ดีที่สุด

คุยกับอติรัฐเสร็จหญิงสาวก็กลับมาที่รถ วันนี้เธอชวนไตรภพออกมาซื้อของด้วยกัน ถึงจะสอนไม่ครบตามกำหนดแต่ก็ได้เงินค่าเหนื่อยมาหลายพัน เธอตั้งใจจะเอาเงินที่ได้ไปซื้อของให้แม่ ไตรภพช่วยเดินเลือกซื้อของเป็นเพื่อนได้สักพักก็บ่นว่าเหนื่อย ยกมือยอมแพ้ขอนั่งรอที่รถแทน ปล่อยให้เธอเดินเลือกซื้อของคนเดียว

“ขอโทษทีนะนายไตร รอนานไหม”

“ไม่นานหรอก รากแค่งอกเองยังไม่ถึงกับออกดอกออกผล” ชายหนุ่มประชดเข้าให้

เขาไม่น่าหลวมตัวออกมากับแม่หนูฟ้าเลย ออกจากบ้านมากันตั้งแต่ไก่โห่กว่าแม่คุณจะได้ของถูกใจก็เกือบมืด

“ทำเป็นบ่นไปได้ มีของมาฝากด้วย อ่ะนี่” วิชชุตาส่งไอศกรีมให้ “มัวคุยเพลินไปนิดมันเลยเละไม่น่ากิน ไม่ว่ากันนะ”

“ขอบใจ กินได้ก็พอแล้ว”

ชายหนุ่มรับไอศกรีมมากัดคำโต ตอนนั้นเองที่สังเกตเห็นว่าหญิงสาวยังใส่กำไลอยู่ วิชชุตาเป็นคนเบื่อง่าย ใช้อะไรซ้ำอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยน ถ้าไม่ชอบจริงๆ คงเก็บใส่ลิ้นชักไปนานแล้ว

“ยังใส่ของโบราณเหมือนของคนแก่อยู่อีกเหรอ หรือว่ามันเทรนด์ช่วงนี้” ไตรภพเอ่ยถามอย่างสงสัย เรื่องการแต่งกายของวัยรุ่นสมัยนี้เขาเองก็ไม่ค่อยจะมีความรู้ด้วยสิ

“ไม่ใช่เทรนด์หรอก ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าเวลาใส่แล้วมันสบายใจดีน่ะก็เลยชอบ” วิชชุตาตอบเขาไปตามตรง

หลังจากเกิดเรื่องเธอก็ไม่เคยถอดมันออกเลย สำหรับเธอแล้ววารัคคนีไม่ใช่แค่เครื่องประดับหรือเครื่องรางของขลัง มันมีความสำคัญกว่านั้นมากนัก ความรู้สึกส่วนลึกในใจเธอบอกว่าไม่ควรจะอยู่ห่างมัน เพราะในอนาคตเธอจะได้พึ่งพามันอีกมากทีเดียว





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2555, 15:46:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2555, 15:46:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1882





<< ตอนที่ 1 พลังที่ซ่อนเร้น : บทที่ 5 พลังที่ซ่อนเร้น   ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 1 ก้าวใหม่ >>
Zephyr 15 ก.พ. 2555, 16:01:30 น.
และแล้วป้าเภก็รับกรรมไปนะ จิตซะให้พอเลย ในโรงพยาบาลเนี่ย ^^
นายไตรไม่ตกใจที่นิพูดเหรอคะ เอ หรือ นายนี่จะมีความหลัง กะใครดีน้าาาาา แล้วเราก็ไปจิ้นต่อ หึหึ


Auuuu 15 ก.พ. 2555, 16:03:33 น.
วารัคคนีแสดงตัวแล้วววว ^_____^


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 16:19:34 น.
คุณ Nefferretti นายไตรเค้าเป็นพวกเข้าใจอะไรง่ายอ่ะค่ะ 5555 จริงๆ มีบทนายไตรคุยกับนินะคะ แต่ว่าตัดไปแล้ว จำไม่ได้ด้วยว่าคุณอะไรกัน กร๊ากกกกกก มันนานแล้วอ่า เค้าลืม

คุณ Auuuu ส่วนตัวแล้วชอบวารัคคนีมากๆ เลยค่ะ เค้าจะมีแก๊งอาวุธเทพเค้าอ่ะค่ะ แต่ว่าตัดทิ้งไปเช่นกัน ดิน ชื่อ ธริษธาตรี น้ำ ชื่อ ชลัมพุวารา ลม ชื่อ มรุตวาโย ไฟ ชื่อ ฑาหะอัคนี ไม่เหลือที่ให้เขียนถึงเศร้า อุตส่าห์ตั้งชื่้อซะดิบดี


Zephyr 15 ก.พ. 2555, 16:32:58 น.
หูย ชื่อแก๊งอาวุธเทพนี่อลังการดีแท้นะคะ
อืม วารัคคนีคือฑาหะอัคนีป่ะคะ แล้วของอีกสอง ว นี่ลมกะน้ำเหรอ ส่วนธริษธาตรี นี่ของใคร มีบทป่ะคะ เห้ย ชั้นจะเมนท์ยังไงให้มันไม่สปอยฟระเนี่ย อึดอัด จริงๆ ไปอ่านรังสีม่วงวายมาแล้วค่ะ หึหึ แต่เสียดายบุคลากรชะมัด ถ้าจะให้เป็นงั้นอ่ะ


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 16:37:58 น.
คุณ neferretii ฑาหะอัคนีเป็นของ อัคนีเทพค่ะ พ่อของวิชชุตา มีบทนิดหน่อย มรุตวาโย ของ วายุเทพค่ะ ชลัมพุวารา ของนทีเทพค่ะ คนนี้ไม่มีบท ธริษธาตรี ของ พสุธาเทพค่ะ เอ่ยถึงชื่อพสุธาเทพหน่อยเดียว ไม่โผล่เช่นกัน T^T


Zephyr 15 ก.พ. 2555, 17:11:46 น.
อ่าว เซ็งเลย อืม ยังงี้วายุก็แก่สิคะ แหม รุ่นพ่อเลยเนอะ หึหึ คิดว่านทีเทพจะเป็นผู้หญิงซะอีก แมนหรอกเหรอคะ ว้า คิดว่าเป็นมะม๊านะเนี่ย เดามั่วซั่วอีกแล้ว เค้าไปเปิดไอดีเวบนู้นใหม่เพื่อนเมนท์เฉพาะเลยนะคะ เพื่อนเรื่องนี้ทีเดียว แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าเมนท์เพื่อใครดี นิ ฟ้า วว หรือ ภ หึหึ เราหลายใจอ่าาาา แต่เวบนู้นเราคงคุยกันยังงี้มะได้มั้ง อิอิ ^^
แล้วรุ่นลูกนี่ ไม่มีแก๊งค์บ้างเหรอคะ อย่างน้อยวารัคคนีจะได้ไม่โดดเดี่ยวเปล่าเอกา หรือเอ๊ จะวายกะใครอีกมะ กะนายไตรก็ได้นะคะ เหลือหัวเดียวนี่นา - -"


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 17:16:13 น.
คุณ Neferretti เห็นเมนต์ที่เว็บนู้นแล้วค่า มามะมาจุ๊๋บทีนึงกรี๊ดกร๊าด น่ารักขาดใจเลยค่า กร๊ากกก อย่าหลอกล้อเค้าให้จิ้นวายสิคะ วารัคคนีไม่ได้คิดแก๊งรุ่นลูกไว้ค่ะ แบบว่าแค่นี้ก็ต้องตัดแล้วตัดอีกแล้ว หมดสัญญาเมื่อไรเอามารีไรท์ให้หนาอวบถ้าจะดี สนองนี๊ดตัวเอง หุๆๆ


เพลา 15 ก.พ. 2555, 19:35:01 น.
อ้าว เรื่องนี้มีแค่ฟ้าคนเดียวหรือคะที่มีอาวุธเทพคู่กาย คิดว่า นิ กับ ไตร จะมีด้วยเห็นแต่ละคนก็มีความพิเศษอยู่ในตัว กำลังลุ้นเลยว่าจะมีอาวุธเทพอื่นปรากฏอีกหรือเปล่าแล้วใครจะเป็นเจ้าของ ปล.อ่านเม้นของคุณ Neferretti ชักคล้อยตามแล้วนะเนี่ยว่าตกลง หนูฟ้ากะหนูนิเนี่ยเค้าเป็นพระนางของเรื่อง อิอิ


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 22:01:42 น.
คุณเพลา คันปากอยากสปอยสุดจิตเลยค่ะ แต่เค้าพูดมากไม่ได้ เดี๋ยวไม่สนุก ปล่อยให้เข้าใจผิดๆ ถูกๆ และจิ้นกันไปดีกว่า หุๆๆๆ เหยียบ และเงียบกริ๊บ มิให้ข้อมูลเพิ่ม


หนอนฮับ 15 ก.พ. 2555, 22:11:58 น.
กรี๊ดดดดดดด...เพิ่งเปิดเจอ ทำเอาต้องตามอ่านแทบไม่ทัน อิอิ ตอนนี้กำลังมัน ขอแว๊บไปอ่านที่เดผ้กดีซะแว้ววว อิอิ ปล. ดวงใจจ้าวรัตติกาลปกสวยมากกกกกก อิอิ


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 22:46:13 น.
คุณหนอนฮับ ที่เด็กดีไปไกลกว่าที่นี่ค่อยข้างเยอะค่ะ แต่กำลังจบตอนที่สามพอดีค่ะ แบบว่ากำลังน่าสนใจเลยหุๆๆ เรื่องปกดวงใจจ้าวยกความดีให้พี่นักวาดเลยค่ะ เค้าทำเก่งจริงๆ หุๆๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กอดดดดดดดแน่นค่า


Auuuu 15 ก.พ. 2555, 22:51:38 น.
อยากอ่านต่ออีกกกกกกกกก ^_________^
อ้อนคนเขียนสุดฤทธิ์ ... (>3<)


นิชาภา 15 ก.พ. 2555, 22:54:24 น.
คุณ Auuuu เอิ๊ก อย่าอ้อนเค้าสิตัวเอง พยายามจะทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ เดี๋ยวเที่ยงคืนมาลงให้ก็ได้ค่ะ ไปอาบน้ำก่อน จ๋อมแจ๋ม


Auuuu 15 ก.พ. 2555, 22:56:48 น.
น่ารักที่สุด จ๊วบบบบบบบบ ^3^
ขอบคุณนะคะ ^^


นิชาภา 16 ก.พ. 2555, 00:17:34 น.
คุณ Auuuu ลงให้แล้วนะคะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่า ^O^


Auuuu 16 ก.พ. 2555, 00:18:25 น.
ราตรีสวัสดิ์ค่า ขอบคุณนะคะ ^3^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account