มายาไฟในดวงตา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
เมื่อพี่สาวคนโตอย่างมัชฌิตาตั้งใจจะเก็บมรดกทั้งของตนเองและน้องสาวเอาไว้
อันตรายบางอย่างกลับคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงทำได้เพียงหนี !
ก่อนที่ “เขา” เจ้าของพลอยที่แท้จริงผู้น่าสะพรึงจะมาทวงมันคืนไปจากเธอ
Tags: อสิตา มนตรามุกจันทรา ม่านธาราเร้นดาว พลอยตาเสือ มัชฌิตา ชามัล อัคนิวรา

ตอน: บทที่ 7 สัญญาแลกชีวิต (ต่อ-จบบท)

@ คุณ Sai
ยินดีต้อนรับค่า อย่าลืมแวะมาคุยกันอีกนะคะ เดี๋ยวจะเปิดทริปนั่งเสือเก็บเงินแล้ว

@ คุณ SunSeed
นั่นสิ ยายมิ้งค์จะหวั่นไหวกับพ่อเสือหนุ่มไหมนะ ตาชามัลเค้าไม่เหงาหรอกค่ะ
ระดับเค้าคงหาสาวมาแก้เหงาได้เยอะอยู่

@ คุณ silverraindrop
อันนี้ก็หวานแล้วนา
เอ้า เดี๋ยวหวานอีกก็ได้ ลุ้นๆๆ+รอๆๆๆ หน่อยนะคะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน...

@ คุณ ปรางขวัญ
ตอนนี้คนเขียนล่ามอัคนิไว้ กำลังปลอบให้ยอมรับงานแบบถูกๆคืนละ1000
(นี่ถูกมากนะ เพราะแค่นอนเฉยๆ) คิวเรียงยาวเหยียดแล้ว อัคนิยังไม่ยอมออกไปทำงานอีก
เอาแต่ขู่แฟ่ๆ แบบนี้ต้องใช้แส้รัดคอ

@ คุณ sunrise
ชามัลไล่ตามไปในทันที แต่ทันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้สิคะ^^ ชามัลก็ไม่ช้าหรอกนะ
ตอนตามไปไฟแทบจะไหม้ป่าแน่ะ แบบว่าหัวเสียมากมาย

@ คุณ Neferretti
พี่มิ้งค์ฝากมาว่า “ตุ๊กตาเสือนี่ติดกลิ่นเราแล้ว ซักล้างยังไงก็ไม่หมดหรอก” (มิ้งค์หรือสกั๊งค์)
ตอนนี้หล่อนจะโชว์ลีลาขี่เสือผาดโผนด้วยน้า แหมๆๆ พี่มิ้งค์เป็นโรคแพ้ตัวมีขน จะทำอะไรบ้างก็ไม่รู้นะเนี่ย^^
ถ้าเช่าอัคนิคืนนี้ อัคนิจะไปนอนเฉยๆ(หยิ่ง) แต่ถ้าเช่าชามัล เค้ามีแส้แล้วก็เทียน โซ่ ฯลฯ แถมให้นะคะ จองชามัลจะคุ้มกว่านะ
จริงๆจะเอาพร้อมกันสองนายก็ได้ เดี๋ยวคนเขียนไปหยิบเครื่องคิดเลข สมุดบัญชีเงินฝากมาก่อนนะคะ
จะได้บวกลบคูณหารแล้วฝากเลขบัญชีไว้ตรงนี้เลย....... -_,-

@ คุณ Auuuu
คุณอุ๊ไม่ได้ปันใจมาให้อัคนิตั้งนานแล้วเหรอคะ แต่รักทั้งสองคนก็ได้นะ ไม่ว่าหรอก
วาเลนไทน์ที่ผ่านมาคนเขียนก็สวีทอยู่กับตัวละครในหัวนี่แหละค่ะ นั่นน้ำลายยืดเคลิ้มอยู่คนเดียว

@ คุณ Pat
อัคนิฝากถามว่าทำไมคนชอบเรียกเราอัคนิน้อยจัง เดี๋ยวจะไล่งับให้หมดเลย หุหุหุ

@ คุณ konhin
เช่าอัคนิสามวันเหรอคะคุณก้อนหิน งั้นวันแรกฟรี วันที่สองฟรี วันสุดท้าย...สามหมื่น(จะเขี้ยวลากดินไปไหนนนนน)

@ คุณ ริญจน์ธร
น้องมูนสนใจเช่าอัคนิกับเขาด้วยไหม หุหุ ส่วนคุณวาริทก็ส่งมาทางนี้แทน

@ คุณ wane
พี่มิ้งค์ยังต้องมีความคิดน่ารักๆ เชิงหมั่นไส้อัคนิไปอีกสักพัก เพราะฮีเป็นพ่อเสือหนุ่มที่เชิ่ดเหลือเกินค่ะ

@ คุณ หมูอ้วน
อัคนิมาโกยคะแนนแล้วจ้า สนใจจะเช่าอัคนิด้วยไหมคะคุณหมูอ้วน^^ แหม สงสารชามัลจริงๆ

@ คุณ เรือใบ
^^ ยินดีต้อนรับค่า คุณเรือใบ โผล่มาอีกได้นะคะจะได้คุยกัน... แหม ถ้าไม่ตามอ่านต่อแล้วเพราะตัวละครที่เห็นตัวแรก เราก็ต้องจากกันไปก่อนเวลาอันควร คนเขียนคงเสียดายแย่ สัญญาค่ะว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่ว่าเรื่องไหน ถ้ายังติดตามกันต่อไป
ในทุกๆเรื่องที่เขียน ไม่เคยมีอะไรตามสูตร ชอบเรื่องหักมุม
แต่ตัวละครของเราไม่มีใครที่เลวแล้วชิล เลวแล้วมีความสุข ได้ทุกอย่าง ความรัก+โชคดีโดยไม่ต้องเจ็บปวด แบบนั้นโลกก็คงง่ายเกินไป มีแต่เลวแล้วต้องจ่ายคืนด้วยราคาที่สาสมเท่านั้น

@ คุณ ameerahTaec
กี๊สสสสส ต้องเอาใจคนอ่านเรื่อยๆ ระวังเลือดกำเดาไหลนะคะ เพราะมีฉากอะจึ๋ยมากๆ แต่ยังต้องรอไปก่อน
หลงรักอัคนิแล้วสิๆๆ ก่อนจะจบยังต้องหักมุมหลายทีนะ เป็นโรคชอบเซอไพร์สคนอ่านน่ะค่ะ

@ คุณ บุลินทร
หนุ่มคนเดียวที่แวะเวียนมาสินะคะ อยากได้อัคนิด้วยไหมล่ะ

@ คุณ Canopus
เสือนอนกอด เสือนอนกิน น่าเอ็นดูเนอะ แล้วตอนเป็นคนกล้ากอดไหมคะ ดุนะ

@ คุณ XaWard
หมอนข้างที่มีชีวิตและดุร้าย ตื่นมาอาจพบว่าถูกอมหัวหรือแทะแขนอยู่ได้ โปรดระวัง...

@ คุณ goldensun
นั่นสิคะ พี่มิ้งค์หวาดเสียวตกหลังเสืออยู่เลยนะคะตอนนี้ คอมเมนต์เหมือนเห็นเลยว่าอะไรจะตามมา หุหุ
อัคนินิสัยเหมือนคนขึ้นทุกที ส่วนความจำก็ ระหว่างนี้ละ.........

.............@ คุณ นางสาวกระป๋อง อย่าลืมตามมาอ่านให้ทันนะคะ *-*


“หมายถึงข้าจะอยู่ในร่างเสือ” อัคนิวราตอบเสียงระอา

หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ คนท่าทางหยิ่งผยองอย่างเขาคงไม่อยากใช้คำว่าให้ขี่หลัง
แต่ยังไงเธอก็คงจะได้ขี่เสือโคร่งท่องป่าก็คราวนี้ คงเป็นความทรงจำที่น่าตื่นเต้นไม่เบา
และจะได้เก็บกลับไปเล่าให้ยายมูนกับยายมีนน้องสาวทั้งสองฟัง ถ้าบังเอิญว่า
ยังมีโอกาสเอาชีวิตรอดกลับไปพบกันละก็

อัคนิวราพยายามทำเป็นมองไม่เห็นกับสีหน้าพึงพอใจของหญิงสาว
ชายหนุ่มค่อยๆ กลายร่างเป็นเสือโคร่งตัวยักษ์ ในบัดดลนั้นเอง

พญาเสือยืนรออย่างสงบ สง่า ไม่คิดจะยอบตัวลงเพื่อให้หญิงสาวปีนขึ้นหลัง
ได้โดยสะดวกเลยแม้แต่น้อย คล้ายไม่อยากลดตัวลงมามากกว่าที่ทำอยู่
กว่ามัชฌิตาจะเหยียบหินปีนขึ้นไปหมอบบนตัวเขาได้ก็ต้องพยายามอยู่หลายครั้ง

เสือตัวมหึมาโผนว่องไวไปในราวป่าเร็วดุจสายลม โดยมีจุดหมายว่าจะต้องตระเวนหา
ถ้ำที่ต้องการให้พบ มัชฌิตาซึ่งเกาะติดอยู่บนหลังรู้สึกว่าตนน่าจะใกล้พลัดตกลงไป
คอหักตายได้ง่ายๆ แม้จะเคยขี่ม้ามาหลายครั้ง แต่นั่นเธอเพียงแค่ขึ้นไปวางท่าสวยๆ
สง่าๆ อยู่บนหลังม้าให้น้องๆ อิจฉาเล่น
เพราะฝ่ายยายมูนก็กลัวที่จะลองขึ้นหลังม้า ส่วนยายมีนน้องเล็กจอมยุ่ง
ก็อยากลองดูสักตั้ง ได้แต่เก้ๆ กังๆ ไม่เอาไหน มีเธอเองที่พอจะขี่ได้นิดหน่อย
ก็เลยได้ทีขี่ยั่วน้องสาวเป็นการใหญ่

หญิงสาวเอื้อมกอดคอกำยำไว้เต็มอ้อมแขน รู้สึกได้ถึงแรงกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวอยู่ข้างใต้
หน้าซุกลงในขนของเสือใหญ่อยู่เป็นครู่ด้วยความเสียวกลัวจะตกลงไป แต่พอเริ่มชิน
มัชฌิตาก็ค่อยๆ เงยมองทิวทัศน์ที่ผ่านไปได้บ้าง ถึงกระนั้นก็ยังคิดว่าควรสะกิดบอกอัคนิวรา

“อะไรอีกล่ะ เจ้านี่มันช่างวุ่นวาย” เสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มดังมาจากตัวเสือ
ที่ไม่ได้ขยับปากเลยแม้แต่น้อย เป็นเสียงซึ่งส่งตรงมาถึงจิต คล้ายดังอยู่ข้างหูนี่เอง

“คือ คุณเสือคะ... ปกติฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวอะไรทำนองนั้นหรอก แต่เผอิญว่า
ยังไม่อยากตกหลังเสือตาย ช่วยช้าๆ ลงอีกนิดชามัลก็ตามมาไม่ทันหรอกมั้ง”

“เจ้าอย่าลืมว่าชามัลยังมีสิ่งที่เรียกว่ารถ ไอ้เจ้าเศษเหล็กเคลื่อนที่พรรค์นั้น
ถ้าเขาไปดักทางได้ถูก แล้วเข้าป่ามาก็คงเจอเราไม่ยาก ชามัลเดินทางในป่า
ได้เร็วมากอย่างที่เจ้าคาดไม่ถึง

“ไหนคุณว่าเขาต้องเดินทางแบบมนุษย์”

“เดินแบบคนปกติซึ่งถูกเสริมด้วยความสามารถอันไม่ปกติของชามัลเข้าไปย่อมเร็วขึ้น”

“เข้าใจแล้วๆ เฮ้อ นี่พวกเราจะหาดูจากถ้ำทุกแห่งที่เจอเลยได้ไหม จนกว่าจะพบถ้ำนั้น”

“รู้หรือเปล่าว่าในป่าแบบนี้มีถ้ำกี่สิบกี่ร้อยแห่ง”

มัชฌิตาถอนหายใจ ตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียว ทิศที่ตั้งของถ้ำ การเดินทางของเธอ
จะต้องผ่านดงพญาไฟ ไปสู่จุดหมายสุดท้ายที่รู้ คือตาพระยา...

“งั้น มุ่งไปทางตะวันออกก่อนก็แล้วกัน ให้พ้นแนวเทือกเขาใหญ่
จากนั้นก็จะเป็นตาพระยา ค่อยเริ่มค้นหาจากแถวนั้น”


เสือโจนทะยานเร็วขึ้นไปอีก ลมพัดอู้มาจนมัชฌิตาต้องหลับตา แต่คราวนี้หญิงสาวกลับ
รู้สึกได้นิดๆ ว่าเขาระวังให้กระทบกระแทกตัวเธอผู้อยู่บนหลังน้อยลง ร่างบางจึงทรงตัว
ติดอยู่บนหลังเสือได้ไม่ยาก ค่อยๆ เริ่มแอบรู้สึกสนุกอยู่ในใจทีละน้อย

ป่าลึกมีต้นไม้ใหญ่อยู่มากมาย กิ่งมหึมาของลำต้นตระหง่านบ้างมีตะไคร่จับหนา
แต่เสือยักษ์ของเธอก็โจนเหยียบและผ่านมันไปได้อย่างมั่นคงนุ่มนวลราวกับว่า
ร่างมหึมานี้ไร้ซึ่งน้ำหนัก บางคราก็กระโจนข้ามลำห้วยซึ่งเหมือนน้ำตกไปได้
อย่างสวยงามโดยมีมัชฌิตาแอบลุ้นอยู่ในใจ

“ข้าจะพยายามหาจากจุดอับสัญญาณ” อัคนิวรากล่าว

“ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม ไอ้เรื่องจุดอับสัญญาณอะไรนี่ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก”

“มันคือจุดที่มีพลังธรรมชาติบางอย่างซึ่งสามารถปกป้องคนหรืออะไรก็ตามที่อยู่ในบริเวณนั้น
จากบุคคลภายนอกผู้พยายามมองเข้าไปค้นหา พลังธรรมชาติอันนี้คนบางคนก็เกิดมา
พร้อมกับมันเหมือนกัน ทำให้เราใช้ตาที่สามกับคนคนนั้นไม่ค่อยได้ เรียกว่ายากจะมองเห็น
อนาคตในภายภาคหน้าว่าชีวิตเขาจะเป็นเช่นไร ก้าวไปในทิศทางใด นอกจากนั้นถ้าเขายัง
รู้จักนำพลังอำพรางที่ว่าออกมาใช้ด้วยแล้วละก็ อาจสามารถถึงขั้นปิดบังการรับรู้ของศัตรู
พรางการมีตัวตนของตนเองจากผู้มีตาที่สามด้วยกันได้ หากต้องการก็สามารถลอบเข้าไป
ใกล้ๆ ศัตรูโดยอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว”

“แล้วทำไมเราถึงต้องหาถ้ำในจุดอับสัญญาณ”

“เพราะว่าถ้ามันอยู่ในตำแหน่งที่คนนอกสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งพิเศษได้ไม่ยาก
ก็คงไม่ใช่ที่ลับ ใครพอจะมีอำนาจหยั่งรู้ก็ไปถึงได้ทุกคน หรือมิใช่ นี่แปลว่าตัวถ้ำเองจะต้อง
มีพลังในการซ่อนเร้นตัวตนของมันจากสายตาของใครก็ตามผู้ต้องการจะค้นหา”

“จะหาเจอไหมนะ”

“แต่พื้นที่อับสัญญาณก็มิได้แปลว่าเราจะไม่มีโอกาสรู้เสียเลยว่ามีอะไรอยู่ สำหรับคนที่
มีพลังกล้าแข็ง เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้น บางทีก็รับอาจความรู้สึกได้ชัดขึ้น หรือถ้าสิ่งซึ่งซุกซ่อน
อยู่ภายในนั้นยอมรับเรา ส่งพลังเรียกหาออกมาอีกแรง หนทางก็จะเปิดให้เข้าถึงได้เช่นกัน”

มัชฌิตาคิดว่าที่อัคนิวราพูดมาก็มีเหตุผล เริ่มทำให้เธอรู้สึกดีที่มีเขามาด้วย
หญิงสาวแอบจิ้มขนสีขาวเป็นวงกลางพื้นที่สีดำตรงหลังหูของเสือใหญ่เล่นเบาๆ
ไม่ให้เจ้าตัวรู้สึก ก็สัมผัสฟูฟ่องนี่มันช่างโดนใจเสียเหลือเกินนี่นา
บางทีถ้าได้กลับไปอยู่ที่บ้านเธออาจขอน้องๆ เลี้ยงเจ้าแมวเบงกอลคล้ายๆ เสือ
เอาไว้อุ้มเล่นสักตัว ต้องขอก็เพราะว่าหน้าที่เลี้ยงดูแมวที่ว่าคงจะต้องตกไปเป็นของ
น้องสาวหากมัชฌิตายังทำตัวเรื่อยเปื่อยกลับบ้านนานๆ ครั้ง แต่ไปค้างออฟฟิศ
ของเพื่อนแทบทุกวันอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ ขนของเสือใต้ร่างของเธอนี้ไม่เชิงว่า
นุ่มมากมายอะไรนัก แต่ก็ไม่ได้สากระคาย เรียกว่านิ่มสลวยกำลังดี แต่ในขณะที่
มัชฌิตากำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นเองเสียงคำรามอย่างไม่พอใจก็ดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้ง

“อย่าแตะ...”

“ก็เกาะอยู่บนหลังทั้งตัวแบบนี้จะไม่ให้แตะได้ยังไง” หญิงสาวพึมพำข้างๆ คูๆ

“มันไม่เหมือนกับเจ้ามาจับเล่นแบบนี้ ข้าไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวโดยไม่จำเป็น”
เสียงฉุนเฉียวอย่างไม่พอใจคำรามตอบมา

“ฮึ” มัชฌิตาส่งเสียงขึ้นจมูก เลิกยุ่งกับขนของเขาในทันที เธอก็หยิ่งเหมือนกันหรอก
ทำเป็นพูด ตัวเองโดนตัวคนอื่นแค่ไหนยังไงก็ได้ว่างั้น ดูอย่างเวลาหิวนั่นปะไร...
แนวคิดเอาตนเป็นใหญ่แบบนี้มันเหมือนผู้ชายหัวโบราณคร่ำครึไม่มีผิด ก็สมแล้ว
กับสภาพตอนเป็นคน แต่งตัว ผ้าผ่อน อย่างกับหลุดมาจากหนังย้อนยุคก็ไม่ปาน

เมื่อไปถึง ณ จุดหนึ่งซึ่งอัคนิวราคงดูออกว่าอะไรเป็นอะไร แม้ว่าหญิงสาวบนหลังเสือ
จะดูไม่เห็นรู้ว่าภูมิประเทศมันเปลี่ยนไปจากเดิมตรงไหน แต่เธอรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนจาก
การมุ่งไปข้างหน้าแต่เพียงอย่างเดียวเป็นลัดเลาะวนเวียนเข้าสู่ใต้โตรกผา ชะง่อนหิน
บุกตะลุยเข้าพุ่มไม้หนาทึบ บางทีก็มุดลอดที่แคบๆ จนมัชฌิตาต้องทำตัวลีบ
อยู่แบบนี้เธอยิ่งรู้สึกได้ว่าเขาไม่มีกลิ่นตัวเลยจริงๆ จนน่าแปลก มีเพียงความอบอุ่น
ซึ่งสัมผัสได้ แต่ยามนี้หญิงสาวกลับไม่ได้คิดว่าเขาไม่มีตัวตนจริงอีกต่อไปแล้ว ก็ออกจะ
ทั้งเห็นและสัมผัสได้ชัดเจนขนาดนี้ ยังไงเขาก็คงมีชีวิตและเลือดเนื้ออย่างแน่นอน

ทั้งคู่ได้พบถ้ำที่ซุกซ่อนอยู่ตามทำเลต่างๆ เยี่ยมหน้าเข้าไปดูบ้าง ไปได้ไม่ไกลสักเท่าไหร่
ก็วกกลับออกมาเมื่ออัคนิวราส่ายหน้าว่าไม่ใช่ ส่วนบางแห่งเพียงเห็นแค่ปากถ้ำ
และหยุดยืนดูอย่างสงบสักครู่พญาเสือก็จะหันจากไปในทันที

“เราเจอถ้ำหลายสิบถ้ำแล้ว ไอ้ที่ผ่านๆ มาแล้วยังไม่ได้ดูให้ดีนั่น
แน่ใจนะว่ามันไม่ใช่ถ้ำที่กำลังตามหากันอยู่จริงๆ ”

“ข้าคงไม่ไปยืนอยู่หน้าถ้ำอันเป็นที่สุดของดวงตาแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยหรอกนะ”
อัคนิวราเปรยอย่างหยิ่งผยอง

มัชฌิตานึกอยากหยิกขนอีกฝ่ายให้หลุดติดมือมาสักกระจุกด้วยความหมั่นไส้ แต่กลัวว่า
เขาจะลากเธอลงไปฟัดจมเขี้ยวแล้วตะปบเล่นเสียก่อนหญิงสาวจึงยั้งมือไว้ได้ทันท่วงที

เวลาผ่านไป จากสายจนบ่ายคล้อย มัชฌิตาซึ่งสนใจจดจ่อกับการหาถ้ำในตอนแรกก็เริ่มหิว
อันที่จริงเธอควรหิวนานแล้วแต่เพราะมัวเพลินจึงไม่รู้สึกตัว แล้วพ่อคนครึ่งเสือร้ายที่กำลัง
มุ่งมั่นตนนี้ก็ไม่ได้นึกหิวไปด้วยเลย ใช่สิ เขาคงอิ่มจากอะไรบ้าๆ บอๆ ที่ต้องมาดูดเอา
สูบเอาๆ จากตัวเธอนั่นแหละ

“นี่คุณเสือ ฉันหิวแล้ว...” แต่หลังจากที่บ่นไปสองสามครั้งอัคนิวราก็ยังเฉยเหมือน
ไม่ได้ยินเสียงของเธอ ยังคงสนใจแต่กับการเดินทางค้นหาถ้ำต่อไป ในที่สุด
มัชฌิตาก็เลยดึงขนเขาแรงๆ ไปหนึ่งที

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ”

“ก็บอกว่าหิว ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง หรือต้องให้ตะโกนกรอกหู”
หญิงสาวผู้โมโหหิวเอ่ยอย่างเริ่มจะหมดความยำเกรง

“ได้ยินนานแล้ว แต่ข้าไม่ได้ชื่อเสือ หากอยากจะเรียกแบบนั้นก็ทนหิวต่อไป”
อัคนิวราพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“เอาเถอะค่ะ คุณอัคนิวรา ฉันหิวจนจะแทะหูคุณได้อยู่แล้ว”

“ถ้าทำแบบนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”

“คำก็ฆ่า สองคำก็ฆ่า” หญิงสาวพูดอย่างเพลียๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ
เสือใหญ่ก็ทรุดขาหลังลง สะบัดหลังไหล่แรงๆ ทีหนึ่งเธอก็หลุดลงมานั่งจ้ำเบ้า
ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าสู่พุ่มไม้ลับตาไป มัชฌิตาทำตาปริบๆ อยู่ไม่กี่ทีก็พบอีกฝ่าย
แหวกพุ่มไม้กลับมาพร้อมซากตัวอะไรบางอย่างที่คาบไว้ในปากแต่หญิงสาวไม่อยากมอง

หลังจากเบือนหน้าไปทางอื่นเธอก็ได้ยินเสียงฉีกเหยื่อดังแคว่กควาก ก่อนที่จะมีเสียงย่างไฟ
ดังฉ่าๆ หันกลับไปมองอีกทีก็พบชายหนุ่มร่างสูงสง่าถือเนื้อย่างสุกหอมฉุยมายื่นตรงหน้า
ด้วยท่าทีราวกับกำลังให้อาหารแมวสักตัว

“นี่คุณ อย่าบอกนะว่าถลกหนังเหยื่ออย่างรวดเร็วแล้วก็ใช้ไฟที่เสกขึ้นมาย่างมันพรึ่บเดียวก็สุก”

“ข้าถลกหนังเหยื่อแล้วใช้ไฟย่างมันพรึ่บเดียวก็สุก... จะกินหรือไม่กิน” อัคนิวราเอ่ยเรียบๆ

“แล้วแถวนี้ไม่มีผลไม้อะไรที่พอกินได้เหรอ” หญิงสาวถามเบาๆ ไม่ใช่ว่าเกรงใจ
แต่รู้ว่าหากออกคำสั่งเขาก็คงไม่ทำให้อยู่ดี

“ไม่ได้มอง ข้าเป็นเสือ...มิใช่โยคี”

มัชฌิตาถอนใจ จริงๆ กลิ่นมันน่าอร่อยอยู่หรอก แต่พอนึกถึงภาพเสือตัวใหญ่ยักษ์
คาบเหยื่อคอพับคออ่อนมาเมื่อครู่แล้วใจมันหวิวชอบกล แต่เวลาแบบนี้ไม่สมควรเลือกมาก
หญิงสาวยื่นมือไปแตะเนื้อย่างชิ้นโตแล้วก็สะบัดมือ สูดปากเสียงดัง

“ร้อน ! ”

อัคนิวราโคลงศีรษะ หันไปกระชากเอาใบกาฝากบางชนิดที่มัชฌิตาไม่รู้จักว่าคือใบอะไร
มาห่อเนื้อ ก่อนจะยื่นมันยัดใส่มือเธอแล้วนั่งลงรอให้มัชฌิตากินให้เสร็จๆ

“คุณไม่กินเหรอ” หญิงสาวถามแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขาคงจะกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ ไม่น่า
ไปถามให้เข้าตัวเลย ถ้าอัคนิวราเกิดตอบว่ากินขึ้นมา ทีนี้เรื่องลำบากก็จะมาตกอยู่กับเธออีก

“ข้ากินเนื้อได้ แต่ไม่อิ่ม และตอนนี้ก็ยังไม่หิว” ชายหนุ่มพูดก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง

มัชฌิตากินอาหารของเธอจนเสร็จ โชคดีที่มีบ่อน้ำซึมตื้นๆ ผุดอยู่แถวนั้นพอให้ใช้ล้างมือไม้
ให้สะอาด ไม่งั้นหากไปถูกขนของเขาเข้าทั้งที่มือเลอะอาหารเจ้าตัวก็อาจจะเกิดเคืองเธอ
ขึ้นมาได้อีก ค่าที่ไปทำให้ขนสวยๆ ที่แสนหวงแหนมีราคี

ทั้งคู่ตามหาถ้ำต่อไปอีกไม่นาน เมื่อพลบค่ำจึงได้หยุด คืนนั้นมัชฌิตาได้ทำเลที่พักใต้เชิงผา
เป็นเพราะขอให้อัคนิวราพาไปทำธุระส่วนตัวยังที่ซึ่งมีธารน้ำไหลผ่านล่วงหน้าแล้วมัชฌิตา
จึงค่อยสบายตัวขึ้น

“นี่ถ้าหลายวันเห็นทีจะต้องให้คุณเสือพาเข้าเมืองไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้มาไว้ติดตัวบ้าง
ไม่งั้นคงรู้สึกสกปรกแย่เลย”

อัคนิวราทำหูทวนลมเสียกับคำกล่าวของอีกฝ่ายซึ่งเรียกเขาด้วยชื่ออันไม่น่าพิสมัย
ในใจคิดว่าจะปล่อยให้หญิงสาวอวดดีนางนี้อยู่ในสภาพสกปรกสมใจจนแมลงวันตอมหึ่ง
เลยทีเดียว จะไม่พาไปหาแหล่งน้ำ ถึงเวลานั้นเรื่องขึ้นมาบนหลังของเขาก็อย่าได้หวัง
ปล่อยให้โดนชามัลมาเอาตัวไปเสียให้เข็ด

ข้างฝ่ายหญิงสาวผู้ซึ่งกำลังถูกคนตาดุเหมือนเสือคิดคาดโทษอยู่ในใจนั้นก็จัดแจง
หาที่เหมาะเอนลงนอนสบายใจเฉิบ วันนี้มัชฌิตายังไม่รู้สึกว่าหนาวเพราะอัคนิวรา
ได้เลือกทำเลซึ่งน่าจะอุ่นกว่าคืนก่อนสำหรับให้เธอพัก อีกทั้งโชคดีที่อากาศไม่เย็นเท่าไหร่
หญิงสาวผู้อบอุ่นกายด้วยละอองไอจากกองไฟที่ลุกอยู่ไม่ห่างจึงค่อยๆ หลับลง
อย่างรวดเร็วด้วยเหนื่อยล้ามาตลอดวัน

อัคนิวราสำเหนียกสุ้มเสียงในไพร นกกลางคืนร้องวิเวกแว่วมาในสายลมที่ค่อยๆ
เย็นขึ้นทีละน้อย เขาไม่จำเป็นต้องนอน แต่จะนอนสักพักก็ได้ ร่างแข็งแกร่งเอนกายลง
ทอดตามองหญิงสาวซึ่งกำลังหลับใหลจากอีกข้างหนึ่งของกองไฟที่แตกปะทุอยู่บางเบา

ผู้หญิงบ้าๆ เวลาขู่เข้าให้ก็ทำท่ากลัวอยู่หรอก แต่พอเผลอก็แอบเล่นขนของข้า
อย่างตอนอยู่บนหลังนั่นปะไร อย่าคิดว่าไม่รู้

ที่ต้องมามีเพียงกันและกันแบบนี้ต่างคนก็คงรู้ดี เป็นเพราะไม่มีทางเลือก
ถ้าตัวเขาไม่เคยถูกพันธนาการไว้ในพลอยก็คงเอาชนะชามัลได้แม้ว่าอีกฝ่าย
จะถือทั้งพลอยราชันและพลอยราชินีอยู่ในมือ เพราะพลอยนั้นเป็นเพียงสื่อ
ของการมองเห็นไม่ได้มีไว้ฆ่าใคร แต่บังเอิญว่าอัคนิวรามีเงื่อนไขผูกพันกับ
พลอยราชันที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอันใด จึงจำเป็นต้องรับใช้และ
ทำตามคำสั่งของผู้ถือมัน
อีกประการชามัลได้ให้เลือดกับพลอยแล้ว ยากนักที่จะหาทางทำลายพันธะ
อันเชื่อมโยงถึงสองทอดหากยังไม่รู้ว่าตัวเขาเองผูกพันกับพลอยด้วยวิธีใด
เพราะเป็นอย่างนั้น...แม้จะฆ่าผู้หญิงคนนี้ แล้วเอาพลอยราชินีมาถือไว้เอง
ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะที่ควบคุมเขาอยู่คือพลอยอีกเม็ดหนึ่งต่างหาก
มัชฌิตาและสิ่งที่เธอตามหาจะเป็นหนทางไปสู่การแก้ไขปัญหาของเขาเอง
ด้วยหรือเปล่า แสงแห่งความหวังจะรอดซึ่งเห็นริบหรี่อยู่นั้นมีความหมายเช่นใด
ไปให้ถึงก็คงจะรู้กัน

เลยครึ่งราตรีไปแล้ว เดือนเลื่อนลอยผ่านม่านเมฆที่กลางเวหา อัคนิวรายังคง
ลืมตาอยู่อย่างนั้น เขารู้สึกทรมาน เดือดพล่านจากภายในตามแรงร่ำร้องเรียกหา
จากผู้ถือพลอยอย่างชามัล แม้ว่าจะพยายามข่มความเจ็บปวดร้อนรุ่มจากพลัง
ซึ่งดึงรั้งให้กลับไปนั้นอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้ผู้หญิงอ่อนแออย่างมัชฌิตาต้องมา
ร่วมรับรู้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอึดอัด ทรมาน อยากจะระบายออกกับอะไรสักอย่าง
จนทนไม่ไหว กาลเวลาเนิ่นช้าเคลื่อนไปไม่ทันใจ
ร่างสูงสง่าลุกขึ้น เหยียบก้าวเข้าสู่พงไพรหมายจะอาละวาดให้สาสมใจ
โดยละทิ้งนางผู้กำลังหลับใหลไว้เบื้องหลังแต่เพียงผู้เดียว


“มัชฌิตา”
เสียงเย็นเยือกที่ลอยมาตามลมนั้นดังซ้ำๆ กันหลายครั้ง
เมื่อครั้งแรกเธอไม่ใคร่แน่ใจ คิดว่ามันคือเสียงลม หญิงสาวสะท้านกายหนาวเยือก
หรี่ลืมตาขึ้นมาพบว่ากองไฟเริ่มมอดริบหรี่ลงบ้างแล้ว เธอชันตัวขึ้น มองไม่เห็น
อัคนิวราแต่คิดให้อุ่นใจเข้าว่าเขาคงอยู่ไม่ไกลออกไปนี้เอง หญิงสาวปิดปากหาว
ตั้งใจจะเอนลงนอนต่อ แต่แล้วเธอกลับได้ยินเสียงซึ่งคุ้นหูอีกครั้ง

“มัชฌิตา...”

เสียงแผ่วเบาราวกระซิบผสานแทรกมาในลม เป็นเสียงย่าอมินตาของเธอเองไม่ผิดแน่
ปกติยังเพียงฝัน แต่นี่ย่ามาในขณะที่เธอตื่นอยู่ หญิงสาวรู้สึกตาสว่างความง่วงบอกลาไป
เป็นปลิดทิ้ง เธอลุกขึ้นยืน จ้องมองแน่วนิ่งไปในความมืด ยังทิศซึ่งต้นลมพัดมา
และเธอก็เห็นเงาของย่า แสงสว่างน้อยนิดจากไฟที่สาดแสงไปถึงได้ก่อเกิดพรายพลิ้วสีทอง
เมื่อกระทบกับเครื่องประดับบนชุดยิปซี ก่อนที่เงาจะวูบไหว เร้นหลบลี้หายเข้าไปในป่า
ให้เธอก้าวตามเหมือนอย่างเคย

“ย่า ! รอหนูด้วย อย่าเพิ่งไป” มัชฌิตาเรียกร้อนรน ทว่าไม่ดังนัก เพราะเธอรู้ว่าย่าจะ
ไม่หยุดตามคำเรียกนั้น หญิงสาวเร่งก้าวเท้า แหวกพุ่มไม้ใบหนา ติดตามเงาที่เธอเห็นไปในทันที

แม้รู้ว่าในป่ามันอันตรายเพียงไหนแต่ความอยากเจอย่ามีมากกว่า มัชฌิตาจึงมิได้หยุด
คิดอะไร มุ่งมั่นแต่จะตามไปด้วยความใจร้อน ลืมคิดไปว่านั่นเองที่ทำให้เธอห่างไกลจาก
“การมองเห็น” ที่แท้จริงออกไปทุกขณะ
หญิงสาวบุกเข้าไปในดงลึกซึ่งเต็มแน่นไปด้วยพุ่มไม้ใบหนา เสียงกระพรวนข้อเท้าของย่า
ดังไหวๆ อยู่ไม่ไกลนี้เอง เธอติดตามเสียงนั้นไป จวบกระทั่งมาบรรลุถึงพื้นที่โล่งซึ่งไม่กว้างนัก
เห็นย่ายืนหันหลังให้เฉยอยู่อย่างนั้น

แสงเรืองรองบางอย่างเรื่อขึ้นมาจากกลางอก มัชฌิตาชะงัก ก้มลงดู
พลอยหลุดออกมาอยู่นอกเสื้อ อาจเพราะตอนเธอนอนแล้วมันไหลออกมาทางคอเสื้อ
หญิงสาวลองแตะแล้วก็ต้องสะดุ้ง พลอยตาเสือในเวลานี้ร้อนจนแทบลุกไหม้
ที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าพลอยกำลังส่งสัญญาณเตือนคงเพราะติดกระดุมเสื้อหนังตัวนอก
ไว้แน่นหนาเพื่อป้องกันความเย็นของป่ายามค่ำคืน

ครู่หนึ่งที่ลมพัดมาแรง
เธอกลับได้กลิ่นสาบสัตว์โชยฉุนมาจากทิศซึ่งร่างของย่ายืนอยู่เมื่อครู่ !!!

มัชฌิตาเงยหน้าขึ้น เสือขนาดมหึมาตัวหนึ่งยืนทะมึนภายใต้เงาจันทร์อันหม่นหมอง
ตาของมันวาวด้วยแสงสีแดงหม่น แดงราวสีเลือด

ไม่ใช่อัคนิแน่ เพราะว่าตัวของเขาไม่มีกลิ่น...

มัชฌิตาก้าวถอยหลัง นี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเสือสมิง ก็เธอไม่คิดว่าจะเจอมัน
โดยที่อยู่กับพญาเสือ แถมทั้งที่มีความสามารถในการมองเห็นเหนือกว่าคนปกติธรรมดา
แต่เธอกลับไม่ทันยั้งคิด ไม่เคยหยุดคิดอะไรอย่างใจเย็นได้เลยสักที พอเห็นเป็นย่า
ก็ออกตามมา เสือตัวนี้คงจะแก่และมีอำนาจมาก ถึงได้มองเห็นภาพของย่าที่อยู่ในใจเธอ
จนนำมาสร้างภาพเลียนแบบขึ้นได้

ไม่เหมือนคราววนาลีเพราะรายนั้นเข้าหาเธออย่างมีเจตนาดีและคิดจะช่วย แต่ว่านี่...

มัชฌิตาก้าวถอยหลังอีกก้าว เหยียบกิ่งไม้แห้งดังกรอบ เสือคำรามฮื่อในคอ
ค่อยๆย่างสามขุมเข้าหาในขณะที่หญิงสาวถอยหลังอย่างร้อนรนจนสะดุดล้ม

...ถ้าอัคนิวราไม่มาจะทำยังไง

มัชฌิตานึกไปถึงมีดอาคมของชามัลซึ่งเธอพกติดตัวไว้ตลอด หญิงสาวคว้ามันออกมา
ถือไว้ในมือ มีดไม่มีแสงอะไรเลยที่จะคล้ายอย่างตอนมันตรึงติดหลังอัคนิวรา
หญิงสาวพยายามยกมีดนั้นขึ้นขู่ เสือสมิงที่กำลังจ้องเธอตาวาวหรี่ตาวูบ
แต่ก็ไม่ได้ดูคลายความดุร้ายลง เหมือนมันรู้ว่าเห็นอะไร ก็แค่เด็กเล่นมีด
แม้จะถือของร้ายกาจอยู่ในมือแต่ด้วยลีลาที่อ่อนด้อยย่อมไม่อาจใช้ให้เป็นประโยชน์

“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย !! ” หญิงสาวตัดสินใจตะโกนสุดเสียง
แต่มันก็คล้ายสะท้อนลับหายไปในไพรกว้างอันมีเพียงเสียงลมวู่หวิวพัดมา
และการร้องขอความช่วยเหลือของเธอกลับเป็นตัวเรียกให้เสือสมิงย่อตัววูบ
ก่อนคำรามโฮกและกระโจนเข้าใส่มัชฌิตา

หญิงสาวไถลตัวหลบ พร้อมๆ กับที่เสืออีกตัวโผนเข้ามาชนสมิงร้ายจนลอยกลิ้ง
คลุกฝุ่นไปด้วยกัน เธอลุกขึ้นยืนตัวสั่น สูดหายใจเข้าปอด เห็นการต่อสู้พัลวันตรงหน้า
แทบแยกไม่ออกว่าเสือตัวไหนคืออัคนิวรา มีเพียงสีของตาเท่านั้นที่แตกต่าง
เสือสมิงนั้นมีตาแดงหม่นเหมือนเลือด แต่อัคนิวราแววตาฉานฉายด้วยแสงแห่งเพลิงกาฬ
เธอเอาใจช่วยเมื่อเห็นการต่อสู้ก้ำกึ่งสูสี
จนในที่สุดอัคนิวราเป็นฝ่ายขย้ำคอหอยสมิงร้ายลงได้ กัดกระชากจนเลือดสาดกระจาย
และที่สุด ร่างนั้นก็ค่อยๆ แน่นิ่งลง

พญาเสือเหยียดร่างกลับเป็นคนอย่างช้าๆ ก้าวตรงมายังมัชฌิตาด้วยสายตาเย็นเยียบ
จนเธอเสียวสันหลัง เลือดแดงฉานยังเปื้อนเปรอะปากของเขาจนดูน่ากลัวยิ่งนัก
เธอรู้สึกว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายอยู่ในขั้นเกรี้ยวกราด นี่มันเหมือนกับหนีเสือก็มาเจอ
เอาเข้ากับเสืออีกตัวก็ไม่ปาน

“ทำไมถึงทำเรื่องโง่เง่าอย่างนี้”

“ก็ แล้วคุณล่ะ คุณหายไปไหน ปล่อยให้ฉันนอนอยู่คนเดียว” มัชฌิตาอุบอิบ

“ข้าไม่ใช่ทาสรับใช้ที่จะต้องคอยเฝ้าดูเวลาเจ้าหลับ เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน
มากมายถึงเพียงนั้น แต่ข้าก็มิได้ละเลยข้อตกลงจึงยังดูแลให้เจ้ามีชีวิตต่อไปตามสมควร
เพราะหากเจ้ายังอยู่ในเขตไฟมนต์ของข้า เสือสมิงตนนี้คงไม่กล้าเข้ามาทำอะไร
ข้าโกรธ...ไม่ใช่เพราะห่วงใยเจ้าเลย สำนึกไว้ แต่โกรธที่ต้องฆ่าผู้เฒ่าแห่งป่าตนนี้ลง
เพราะหากทำให้แพ้ เราสมิงนั้นย่อมรู้แก่ใจดีว่ายอมตายคาเขี้ยวคู่ต่อสู้เสียดีกว่า ! ”

“อันที่จริง ฉันยังสงสัยว่าทำไมถึงได้สู้กันดุเดือดขนาดนั้น
ก็...ชามัลน่าจะอันตรายกว่านี้ไม่ใช่หรือ” มัชฌิตาเอ่ยเบาๆ กึ่งสงสัยกึ่งเบี่ยงประเด็น

“มันคือการให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม ข้าไม่ได้สู้กับเขาในสภาพเหนือกว่าแล้วแกล้งอ่อนให้
แต่ข้าจำกัดอำนาจของตนเองออกไปชั่วขณะหนึ่ง ให้อยู่ในสภาพที่เสมอกัน
และสู้เต็มกำลังจนสมศักดิ์ศรี”

“ฉัน...” มัชฌิตารู้สึกผิดกึ่งน้อยใจอยู่ครามครัน เขาไม่ห่วงชีวิตเธอเลย
ทั้งที่อีกฝ่ายคือเสือสมิงซึ่งหมายชีวิตมัชฌิตา แต่ยังไงหญิงสาวก็ไม่อยากให้อัคนิวรา
ลงมือจนฝ่ายนั้นถึงตาย แค่ทำให้หนีไปก็ได้ แต่ถ้าเกิดพูดไปเขาก็คงว่าเธอไม่เข้าใจ
เรื่องศักดิ์ศรีอะไรนั่นอีก

“กลับไปนอนได้แล้ว และรู้ไว้ว่าตาที่สามของเจ้าไม่เอาไหนเลย นี่หรือคนที่เคยพรางตัว
อยู่ในจุดอับสัญญาณได้นานสองนาน พอมีอะไรมากระตุ้นเร้านิดหน่อยก็เริ่ม
ถอยหลังลงคลองไปอีก เป็นเช่นนี้คงจะได้ตายตอนคราวหน้าที่เจอชามัลอย่างไม่ต้องสงสัย”



รุ่งเช้าทั้งเสือและคนโลดแล่นไปด้วยกันในไพรกว้าง มัชฌิตาสงบ สำรวมจิตให้นิ่ง
และพูดน้อยลง เธอเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ยังอ่อนหัดแล้วก็ไม่คิดจะแก้ไข มาวันนี้
หญิงสาวจึงพยายามเต็มที่เพื่อเปิดตาในด้วยการทรงทั้งสมาธิและสติไปพร้อมๆ กัน

แปลกที่เหมือนเธอค่อยๆสามารถประสานรวมความรู้สึกกับเขาได้ ทุกครั้งที่หันตาม
มัชฌิตาเริ่มเข้าใจการรับรู้และความคิดของอัคนิวรา ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไรอยู่
ยามจ้องมองไปยังถ้ำสักคูหา จะเลือกไปต่อ หรือว่าถอยกลับ

กับความเร็วดุจสายลมของพญาเสือ มัชฌิตาไม่ได้นับว่าผ่านถ้ำมาแล้วกี่แห่ง
เธอรู้สึกคล้ายจะเวียนหัวกับความเร็วขนาดนี้ แต่ในใจยังลุกเรืองด้วยความหวัง
อันมุ่งทะยานไปพร้อมกับเขา หญิงสาวเริ่มเข้าใจจังหวะการมองเห็นของอีกฝ่าย
รู้สึกมีส่วนร่วมกับชั่วขณะนั้น ราวกับว่าอัคนิวรากำลังสอนเธอโดยที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ

เช่นนั้นมัชฌิตาจึงไม่รู้สึกเหนื่อยแม้ว่าจะตระเวนมาด้วยกันจากเช้าจรดเย็น
คนที่อยากจะทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองแต่ไม่เคยมีโอกาสเอื้อมมือคว้าไปถึงสิ่งนั้นได้
เมื่อวันหนึ่งโอกาสที่คาดไม่ถึงผ่านเข้ามาย่อมรู้สึกยินดี กระตือรือร้นอยากจะทำไป
ไม่สิ้นสุดจนไม่น่าเชื่อว่าเอาพลังล้นเหลือมาจากไหน อันที่จริงมันก็คงสั่งสมมา
จากในเวลาที่เคยอยากทำแล้วไม่สามารถทำได้นั่นเอง

หลายครั้ง มัชฌิตายังไม่เลิกรู้สึกอยากแกล้งเสือใหญ่ขนสวยที่เธออาศัยนั่งมาด้วย
หญิงสาวก็จะทำทีเป็นเกาะแกะกับขนนุ่มฟูข้างหูของเขาเป็นพิเศษ พอรู้ตัวว่าอีกนิด
คงใกล้จะเกิดการฮึ่มฮั่มขึ้นมาหญิงสาวก็ละมือเสีย ให้ดูเป็นว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ
แม้จะรู้ว่าคนอย่างเขาไม่ควรแหย่ แต่โรคแพ้ตัวมีขนนี่รักษายังไงก็ไม่หายขาดแน่นอน

แสงอาทิตย์เริ่มราลงแล้วขณะที่ทั้งคู่ปีนลงไปในระหว่างเชิงหินซึ่งแลดูคล้ายกับ
เหวขนาดย่อมๆ มัชฌิตาลองมองขึ้นไปยังเบื้องบน เห็นแต่ความรกครึ้ม ด้วยร่มไม้
ที่พาดขวางบดบังสายตาของคนภายนอกเอาไว้จนสิ้น อัคนิวราพาเธอมายืนอยู่
หน้าถ้ำใหญ่ซึ่งมองเข้าไปแล้วรู้สึกว่าแลดูเป็นเงาทะมึนมืดดำกว่าถ้ำอื่นๆ
กระแสพลังงานประหลาดคล้ายโชยแผ่วมาจากที่ไหนสักแห่ง
อัคนิวรายืนจังงังอยู่นานคล้ายแมวถูกสะกด

“รู้สึกอะไรใช่ไหม” มัชฌิตากระซิบถาม

“เจ้าก็รู้สึกเหมือนกันหรือ กระแสมันเบาบางมาก ข้าว่า ไม่ใช่จากถ้ำนี้ แต่ว่าอาจจะเป็น...”

อัคนิวราพูดแล้วก็เงียบไป เขาวนเวียนไปรอบๆ ทำท่าคล้ายสัมผัสกลิ่นอยู่ในบรรยากาศ
แต่ก็ไม่อาจค้นพบต้นตอแห่งที่มา มัชฌิตาจึงพยายามมองไปรอบๆ บ้าง และเมื่อเธอ
หันไปทางทิศหนึ่งซึ่งหนาทึบไปด้วยหมู่ไม้หญิงสาวกลับรู้สึกเลือนรางว่าพลอยตาเสือ
ที่ตรงกลางอกอุ่นวาบขึ้นมาชั่วขณะ

“เดี๋ยวก่อน ฉันว่าตรงนั้นน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่” หญิงสาวพูดพลางชี้นิ้วไปยังที่ซึ่งตนหมายตา

“ข้าไม่เห็นรู้สึกเลย ไม่มีกระแสพลังไหลออกมาจากที่นั่น มีเพียงอะไรบางอย่าง
ซึ่งไหลมารวมกันตรงจุดที่พวกเราอยู่นี่ แต่หาไม่พบว่ามันมาจากไหน”

มัชฌิตารู้สึกว่าร่างมหึมาข้างใต้ตัวเธอกำลังทุ่มเทพลังรับรู้ให้ทวีขึ้นอีก ตายละวา
ขืนใช้พลังงานมากๆ แบบนี้ไม่นานคงจะต้องหิวอีกแน่ๆ อีกอย่างที่สำคัญกว่า
กลายเป็นว่าหญิงสาวกลับคิดอีกแบบกับที่เขากำลังพยายามทำ

“เพราะคุณมีพลังมากเกินไป ตั้งใจมากเกินไปจนลืมปล่อยให้จิตว่างบ้าง
ทำให้สังเกตไม่พบอย่างที่ฉันรู้สึกละมัง”

“ก็อาจเป็นอย่างที่เจ้าว่า เพราะข้าเองก็จดจำไม่ค่อยได้แล้วว่าแต่ก่อนข้าเคยใช้พลังเช่นไร
เหมือนหลับไม่ตื่นมานาน และที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คล้ายละเมอขึ้นมายังไม่เต็มตาตื่น”
อัคนิวราพูดขณะที่ค่อยๆ เหยาะย่างเข้าไปสู่เส้นทางที่มัชฌิตาชี้ชวน

เมื่อแหวกพุ่มไม้หนาทึบเข้าไปจนเกือบสุดทาง ณ ที่แห่งนั้น มีช่องหินเล็กๆ ซุกซ่อนอยู่จริงๆ
ทั้งคู่กลั้นหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนที่อัคนิวราจะเดินผ่านปากทางแคบเข้าไปอย่างช้าๆ

ภาพอันปรากฏแก่สายตาคือคูหาซึ่งขยายออกกว้างเป็นกระเปาะ ก่อนจะสอบลงสู่
หนทางซึ่งเล็กลงอีก ไม่ผิดแน่ เพราะผนังที่เห็นเป็นผลึกหินทะมึนสะท้อนประกาย
ราวกับกระจกเงาสีดำ ภายในนั้นมีทั้งแรงผลักรวมถึงแรงดึงดูดบางอย่างหมุนวน
ออกมาและถูกดูดกลับเข้าไปในขณะเดียวกันมิได้ขาด

“ข้ารู้สึกถึงมันแล้วในขณะนี้” พญาเสือพึมพำ มัชฌิตาค่อยๆ ปีนลงจากหลังเขา
เพราะเห็นว่าช่องทางเบื้องหน้านั้นแคบมากจนไม่แน่ใจว่าอัคนิวราในร่างเสือ
จะสามารถลอดผ่านเข้าไปได้ หญิงสาวเดินนำไปยังช่องหินก่อนเสือซึ่งแปรสภาพ
เป็นมนุษย์จะก้าวตาม แต่แล้วเท้าของมัชฌิตาก็พลันสะดุด ร่างบางโงนเงน
ด้วยความเร็วอันเหนือกว่ามนุษย์อัคนิวราปราดเข้าไปคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน
พลันต้องขมวดคิ้ว นิ่วหน้าด้วยความรู้สึกผิดปกติ
ร่างแข็งแกร่งค่อยๆ ทรุดเซลงตามอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนที่ทั้งสองจะฟุบลง
กองแน่นิ่งกับพื้นอยู่ด้วยกันเช่นนั้น โดยไม่มีเหลือแม้กระทั่งลมหายใจ !


---โปรดติดตาม... บทที่ 8 เปลวไฟในเงาฝัน---



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2555, 16:14:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2555, 04:03:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 3207





<< บทที่ 7 สัญญาแลกชีวิต (ต่อ...)+ภาพมุกฮาของตัวละครรับวาเลนไทน์   บทที่ 8 เปลวไฟในเงาฝัน (ตอนแรก) >>
อสิตา 17 ก.พ. 2555, 16:25:28 น.
สมิงก็หมดลมได้นะ เพราะพลังของถ้ำทำให้เป็นไปในรูปนั้น... ตอนหน้า อดีตของอัคนิวราจะค่อยๆ เปิดเผยตัวเองออกมาละ


Auuuu 17 ก.พ. 2555, 16:27:41 น.
เฮ่ยยยยยยยยยยยยยย อ๊ากกกก อย่าเป็นอะไรไปน้าาาาาาาาาา


goldensun 17 ก.พ. 2555, 16:40:03 น.
เจออาถรรพ์ถ้ำที หมดลมทั้งคู่เลยหรือคะ นึกว่าจะแค่สลบ
อ่านตอนนี้แล้ว ขำอัคนิกับมิงค์ ฝ่ายหนึ่งถือตัว อีกฝ่ายอย่านึกว่ากลัว ขี้แกล้งขนาดนััน โชคดีของมิงค์ที่พลอยตาเสือยังช่วยเตือนได้อยู่
ตอนหน้าย้อนอดีตหรือคะ


SunSeed 17 ก.พ. 2555, 16:46:51 น.
รู้สึกว่าบทสนทนาของยัยหนูมิ๊งค์กับพ่อหนุ่มอัคนิวรา มันจะออกแนวกระหนุงกระหนิง จุ๋งจิ๋ง หวานแหววเกินไปละ กัดกัน หยอกกัน แบบนี้ อีตาชามารจะตีตื้นมาทำคะแนนได้ป่ะเนี่ย -*-


อสิตา 17 ก.พ. 2555, 17:25:08 น.
ตอนหน้าศานติมันจะออกมา ในความฝันของอัคนิ หุหุหุ.......


sai 17 ก.พ. 2555, 17:34:27 น.
O_O หมดลมเลยหรือเนี่ยยย จะเป็นยังไงต่อไปล่ะหว่า


ปรางขวัญ 17 ก.พ. 2555, 19:24:04 น.
รอตอนหน้าอย่างรอคอย
อยากซบขนนุ่มๆของอัคนิจริงจริง หลงรักแมวตัวใหญ่เสียแล้ว อิอิ เอ้ยย!!ไม่ใช่ๆเสือตัวใหญ่


Canopus 17 ก.พ. 2555, 20:31:41 น.
ตื่นเต้น ลุ้นๆๆ


sunrise 17 ก.พ. 2555, 20:34:05 น.
มันถ้ำหรือหลุมดำเนี่ย ดูดพลังได้ปานนั้น


konhin 17 ก.พ. 2555, 22:42:21 น.
เปลี่ยนเป็นถ้ำดูดวิญญาณดีกว่ามั้ย เข้าไปแล้วตายคู่เลย เอิ๊กๆ

ปล ค่าเช่าที่ว่า หารสามวันแล้วคุ้ม ว่าแต่ ทำไรก็ได้ป่ะ อยากเล่นขนแมว(ยักษ์)มั่งอ่ะ


Zephyr 18 ก.พ. 2555, 00:37:20 น.
เสือยักษ์ของเธอ ...OoO อัคน้อยไปเป็นของพี่มิ้งค์เมื่อไร กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้อัคน้อยเป็นของสาธารณะ ผลัดกัน เชย ชม !!!!! ว๊ากกกกกกก เค้าพิมพ์ไรออกไป
ชอบตอนอัคน้อยกวนพี่มิ้งค์กลับจัง ดูหาเรื่องดี ฮ่าๆๆๆๆ ข้าถลกหนังเหยื่อแล้วใช้ไฟย่างมันพรึ่บเดียวก็สุก กร๊ากกกกกกกกกกกก ข้าเป็นเสือ มิใช่โยคี กรั๊กๆๆๆๆๆ กร๊ากกกกกกกกก ไง พี่มิ้งค์ พอใจป่ะ หึหึ สะใจ ฮ่าๆๆ (แอบหมั่นไส้พี่มิ้งค์มาหลายตอนแระ เธอได้ลูบคลำ ลูบไล้ เล้าโลม หง่ะ ไม่ใช่แระ- -")
ตอนโผล่ออกมาช่วยอย่างเท่ๆๆๆๆๆๆ มากกกกกกกกกก
จุดอ่อนอัคน้อยอยู่หลังหูเหรอคะ พี่มิ้งค์ลูบบ่อยจังนะ ฮึ่มมมมมม ร่างเสือไม่รุู้สึกอะไร ถ้าลูบตอนเป็นร่างคนจะเป็นไงนะ อ๊าาาาาาา เพ้อ (แต่แหม จะโดนงับก่อนมั้ย จะเข้าใกล้ได้เกินเมตรนึงป่ะเนี่ย ดุซะ)
...นี่คือ การเดตกะอัคน้อยเหรอคะ กัดกันไป ลูบ(ขนหลังหู)กันไป จีบแบบสมบุกสมบันมาก อ่านแล้วคิดถึงหนังอินเดียอ่ะ ที่แบบกว่าจะจีบกันจบ วิ่งร้องเพลงข้ามเขาเป็นลูกๆเลย ^^
อ้าว เว้ย หมดลม ทั้งคู่ !!!! ยังกะถ้ำดูดวิญญาณ แหม เดี๋ยวไปผายปอดให้เอาป่ะ
ปล. อ่านแล้วอยากเลี้ยงมั่งจัง แมวเบงกอล ชื่อ อัคนิวรา
อั๊ยยะ ปู่ศานติมันโผล่แล้วอ้ะ แต่น แต่น แต๊นนนนนนน ชริ


Zephyr 18 ก.พ. 2555, 00:40:47 น.
อ่อ ลืมค่ะ ชามัลน่ะเช่าพอวันเดียว เลิก ส่วนอัคน้อย เค้าซื้อขาดเลย เท่าไรคะ จบเรื่องนี้จ่ายค่าตัวเสร็จ แพ็คมาเลยนะคะ ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะในร่างเสือหนุ่มขนนุ่มฟู หรือท่านอัคนิ เมห์ฮรา.....


อสิตา 18 ก.พ. 2555, 00:59:04 น.
^-"-^ /อัคนิหาวหวอด เจ๊เนเฟอร์นอนดึกจัง ไปหาดีไหมน้าาา... .. .


wane 18 ก.พ. 2555, 01:05:09 น.
แล้วใครจะช่วยทำให้ทั้งสองฟื้นได้หล่ะเนี่ย


Zephyr 18 ก.พ. 2555, 01:09:13 น.
ดี!!!!!! มาเลย มาเร็ว อย่างด่วน แว้บมาเร้ว รออยู่ เค้านอนไม่หลับนะ มากล่อมแม่หน่อยสิอัคน้อย ตุ๊กตาเสือมากอดดดดดดด แม่คงหลับฝันดีนะจ้ะ (เดี๋ยวอาบน้ำ ถูสบู่ ชโลมครีม แปรงขน ลงแว็กซ์ ลบกลิ่นสกั๊งค์มิ้งค์ให้ด้วยเลย)นะ อัคน้อย มามะ มามะ มาหาแม่มา


หมูอ้วน 18 ก.พ. 2555, 07:31:04 น.
แย่แล้ว สลบหมดเลย คุณย่าจะมาช่วยอ่ะป่าวค่ะ


เรือใบ 18 ก.พ. 2555, 17:27:18 น.
อัคนิน่ารัก เป็นเจ้าเสือขนฟูจอมสลึมสลือได้เลย ^____^ ตอนนี้แอบโกรธมิ้งค์จังเลย ทำให้อัคนิต้องฆ่าสมิงเลย >< แต่ก็คงสุดวิสัยล่ะนะ เพราะไม่ตั้งใจ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ


อสิตา 18 ก.พ. 2555, 22:04:57 น.
ทำไมอัคนิเสน่ห์แรงแบบนี้ล่ะ คนเขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนใจเหมือนกัน
รู้แต่ว่าตอนตั้งใจจะเขียนถึงตัวละครนี้ คิดขึ้นมาว่าฮีจะต้องเป็นสุดยอดปรารถนาของสาวๆ ท่ามกลางชายชาตรีนับร้อย แล้วฮีก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
(ลูกเป็นความภูมิใจของแม่มากจ้ะ...)
ฉลองด้วยการเอานิยายมาลงอีกเรื่องดีกว่า -_,- เกี่ยวไหมนะ เอร๊ะ เกี่ยวสิ
อารมณ์ดี ทำให้สุขภาพจิตคนเขียนดีนะ แล้วก็อยากจะทำตัวน่ารักๆ หุหุ


Auuuu 19 ก.พ. 2555, 19:17:39 น.
เอาตอนใหม่มาโลดค่า อยากอ่านๆๆๆ ^0^


อสิตา 19 ก.พ. 2555, 21:28:14 น.
*0*อดทนหน่อยนะคะคุณอุ๊ ตอนนี้พวกเราจัดตารางการลงกันใหม่แล้ว เพราะกลัวจบไม่พอดีกับตอนหนังสือออกค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านแทนก่อน รับรองว่าสนุก อย่าลืมติดตามล่ะ หุหุ


Auuuu 19 ก.พ. 2555, 22:48:21 น.
โอเชค่า ^^


ameerahTaec 20 ก.พ. 2555, 09:52:30 น.
กี้สสสสสสสสส มิ้งค์กะอัคนิจะเป็นอะไรมั้ย // อย่าหักมุมเลยนะคะ สงสารคนอ่าน คริคริ


XaWarZd 20 ก.พ. 2555, 13:04:16 น.
why? มาเฉลยเร็วๆ


maplezaa 20 ก.พ. 2555, 13:33:31 น.
แอร๊ยยยยยยยย สลบทั้งคู่เลยยยยยยย

อยากลูบไล้ เจ้ยยย ไม่ใช่แระ ลูบขนอัคนิ บ้างจัง อ่านแล้วรู้สึกว่ามันคงนุ่มมากกกกก


silverraindrop 21 ก.พ. 2555, 16:09:21 น.
เกิดไรขึ้น ....


Chii 21 ก.พ. 2555, 22:26:03 น.
อ่านแล้ว หันไปลูบขนแมวอ้วนที่เลี้ยงไว้

...เอาสีขาวย้อมขนมันซะดีมั้ยนะ จะได้เปลี่ยนชื่อเป็น อัคนิ
//ไปซื้อสีย้อมผ้าสีขาวดีฝ่าาาาาา


อสิตา 9 มิ.ย. 2555, 07:02:19 น.
ลบเนื้อเรื่องตรงกลาง-หางแล้วนะคะ ติดตามข่าวสารเรื่องรวมเล่มได้ที่
https://www.facebook.com/foreverSATURN
เพจอสิตา


ใบบัวน่ารัก 18 มิ.ย. 2555, 00:49:13 น.
ใครเป็นพระเอกเนี่ย
เข้าป่ามานานแย้วนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account