กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"



เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ

ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)

แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)

บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่

ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป

หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^

Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ

ตอน: ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 5 นิมิตรา

บทที่ 5 นิมิตรา

นิศารัตน์กลับถึงหอพักในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นพร้อมหนังสือเรียนครบชุด หญิงสาวไม่ได้หนังสือจากพวกพี่รหัสเหมือนกับเพื่อนๆ เพราะด่วนกลับบ้านไปก่อนจึงไม่ได้ไปตามนัดเฉลยสายรหัสเมื่อวานนี้

จัดหนังสือที่ซื้อมาเข้าที่เข้าทางเสร็จหญิงสาวก็ฉวยโอกาสตอนที่พัชราวดีกำลังคุยโทรศัพท์ดึงแขนวิชชุตาเข้ามาในห้องของตัวเอง เพื่อบอกข้อมูลที่วารัคคนีท้าให้ไปหามา หญิงสาวสาธยายเกี่ยวกับตำนานต่างๆ ของวิชชุตาเทวีกับเรื่องเกี่ยวกับวารัคคนีออกมายาวเหยียด

พอได้ฟังวารัคคนีก็นึกนับถือความสามารถในการเสาะหาข้อมูลของมนุษย์น้อยนางนี้อยู่ในใจ แต่อาวุธเทพก็ยังคงสงวนท่าทีเอาไว้ ด้วยคำพูดดูแคลน

“เรื่องผิวเผินเยี่ยงนี้ มนุษย์หน้าไหนก็หามาคุยได้”

“แล้วไอ้ที่ว่าไม่ผิวเผินน่ะอะไร รู้จริงก็พูดมาสิจะได้รู้แพ้รู้ชนะไปเลย” นิศารัตน์ร้องท้าอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะพูด” วารัคคนีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาจองหองตามแบบฉบับของมัน

“มันนานจนลืมไปแล้วล่ะสิ คนแก่ก็อย่างนี้แหละ หลงๆ ลืมๆ” นิศารัตน์ยั่วกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ใครว่าข้าลืม ข้าคืออาวุธเทพ มีความเป็นนิรันดร์ มนุษย์กระจอกงอกง่อยอย่างเจ้าเสียอีก ที่หลงลืมง่ายกว่าข้า”

พอเห็นว่าการโต้คารมเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง วิชชุตาจึงถอดวารัคคนีวางไว้ตรงหน้าเพื่อนสาวปล่อยให้เถียงกันตามชอบใจแล้วออกมานั่งดูโทรทัศน์ด้านนอกกับพัชราวดี

“นิบ่นอะไรเหรอฟ้า” พัชราวดีหันมาถามอย่างใคร่รู้

“ยัยนิก็อย่างนี้แหละ เจ้าหล่อนเป็นคนประหลาดชอบพูดกับข้าวของน่ะ บางทีก็ทะเลาะกันก็ยังมี” วิชชุตาพูดปดไปเพราะต่อให้บอกความจริงก็คงเชื่อได้ยาก

“คิกๆ น่ารักดีเนอะ เหมือนพี่สาวเค้าเลยชอบพูดกับหมาไม่ก็ตุ๊กตาหมี”

สองสาวนั่งนินทาคนในห้องได้สักพักนิศารัตน์ก็ออกมาจากห้อง เจ้าหล่อนเอาวารัคคนีมาคืน แล้วบอกให้วิชชุตาสั่งให้ข้ารับใช้ของตัวเองปิดปากให้สนิท ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะขโมยไปโยนทิ้งให้ดู

“พูดมากก็ชักหิวแฮะ ออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ” นิศารัตน์ชวน

“เค้าขอผ่านนะกำลังไดเอท” พัชราวดีว่า

สองสาวจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมากันสองคน ทั้งสองขับรถออกมาทางประตูด้านหลังของมหาวิทยาลัย แถวนี้ผู้คนพลุกพล่าน มีทั้งร้านอาหารและหอพักเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง

“แวะร้านพี่น้องแล้วกันนะ อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลย” วิชชุตาชวน

ตอนนิศารัตน์กลับบ้านวิชชุตาได้คำแนะนำเกี่ยวกับร้านอาหารเจ้าอร่อยจากพี่รหัสมาเยอะแยะ และร้านนี้ก็เป็นร้านแรกที่หญิงสาวเลือกไปชิม ก็เลยอยากจะแนะนำเพื่อนบ้าง

“ร้านไหนก็ได้ ตามสบายเลย” นิศารัตน์ตกลงทันที

เธอเป็นพวกกินง่ายอยู่ง่าย ไม่เกี่ยงเรื่องความลำบากเพราะคุณตาพร่ำสอนเอาไว้ว่าให้หัดเรียนรู้ความลำบากเอาไว้บ้าง ชีวิตที่สุขสบายเกินไปจะทำให้เราทำอะไรไม่เป็นและไม่เข้มแข็งพอหากต้องเจอกับอุปสรรค ดังนั้นพอแม่จะซื้อรถยนต์ให้ขับหญิงสาวก็ปฏิเสธทันที เธออ้างเรื่องขับรถไม่คล่องและอายุไม่ถึงเกณฑ์สอบใบขับขี่ แม่ก็เลยยอมตามใจแต่ก็ยังส่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ใช้

ระหว่างรออาหารวิชชุตาจึงได้ฤกษ์เล่าเรื่องพี่หมอสุดหล่อของพัชราวดีให้นิศารัตน์ฟังเล่นฆ่าเวลา

“หล่อมากเลยล่ะ แถมยังใจดีอีกด้วย”

“ขนาดนั้นเชียว แล้วเค้ามาจีบใครล่ะ เธอหรือเร”

เพื่อนเธอเป็นสาวสวยทั้งคู่ ไม่แปลกที่จะมีชายหนุ่มมาติดพัน ก่อนหน้านี้มีคนมาจีบวิชชุตาหลายคนอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เจอฤทธิ์ไม้กันหมาอย่างเธอจนกระเจิงไม่เป็นทาง

นิศารัตน์เป็นคนรักเพื่อน ก็เลยไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับบรรดาเพื่อนสนิทถ้าเจ้าตัวไม่สมัครใจ แต่ถึงจะสมัครใจอย่างไรก็ยังต้องได้รับการตรวจสอบจากเธออยู่ดี ถ้าเจอคนดีก็แล้วไป ส่วนถ้าเป็นคนไม่ดีก็ตักเตือนกันไปตามประสามิตรแท้ แต่จะเชื่อกันหรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่เพื่อนจะตัดสินใจ

“เขามาจีบเรน่ะ รู้ไหมว่าเมื่อคืนพี่เขาโทรมาหาเรด้วย เห็นบอกว่าโทรมาถามอาการแต่คุยกันนานสองนานเชียว” วิชชุตาว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก

“งั้นเหรอ ดีเลยกลับไปจะเช็กดวงให้เสียหน่อย”

คำพูดของเพื่อนทำวิชชุตาหุบยิ้มเพราะกว่าจะกลับถึงหอพักก็มืดพอดี แม่เพื่อนสาวเปิดสำรับไพ่กลางคืนทีไรวันนั้นกลายเป็นวันป่าช้าแตกสำหรับเธอทุกที เพราะจะมีภูตผีวิญญาณที่สิงสู่อยู่ในไพ่ออกมากันเต็มไปหมด ถึงนิศารัตน์จะยืนยันว่าพวกนี้ไม่ใช่ผีแต่เป็นภูต ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายหรือเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างพวกวิญญาณคนตาย เธอก็ยังไม่ชอบอยู่ดี

“อย่าเล่นเลย เรเป็นพวกขี้กลัวจะตาย เดี๋ยวได้ไพ่ไม่ดีจะเป็นกังวลเปล่าๆ” วิชชุตายกเพื่อนมาอ้าง

“เอาน่าขำๆ เล่นนิดหน่อยจะเป็นไร เราก็แอบดูดวงให้เรสิ ไม่ต้องบอกเจ้าตัวก็ได้”

ไม่มีเสียล่ะที่นิศารัตน์จะฟัง ลองหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วอย่างไรก็ต้องทำให้ได้ กลับไปหญิงสาวก็คว้าไพ่ยิปซีคู่ใจออกมาวางทันที ตั้งใจว่าจะแอบดูกันเงียบๆ แต่พัชราวดีก็โผล่เข้ามาเห็นจนได้ หญิงสาวร้องกรี๊ดกร๊าดดังลั่นเพราะตื่นเต้นที่รูมเมทดูดวงเป็น

“ดูให้เค้าบ้างสิ”

“จะดีเหรอ ไหนฟ้าว่าเรกลัวผีไง”

“ไพ่ยิปซีมีผีด้วยเหรอ เอ่อ…เค้าก็เคยได้ยินเรื่องอาถรรพ์ไพ่ยิปซีมาเหมือนกันนะ ชักกลัวแล้วสิ”

พัชราวดีกระเถิบเข้ามาชิดตัววิชชุตาแล้วมองสำรับไพ่ด้วยท่าทีหวาดๆ

“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องดูก็ได้” นิศารัตน์ว่า ถึงเจ้าตัวจะไม่มาหยิบไพ่เองเธอก็แอบทำนายให้ได้อยู่ดี

“เค้ากลัวแต่อยากดูอ่ะ ดูให้หน่อยนะคะแม่หมอ”

ได้ยินคำตอบคนตั้งตัวเป็นแม่หมอก็แสยะยิ้มด้วยความพอใจ ส่วนวิชชุตาก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือแสร้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทันทีที่นิศารัตน์หยิบไพ่ขึ้นมาตั้งสมาธิอธิษฐาน เงาสีดำก็พวงพุ่งออกมาจากไพ่มากมายราวกับได้รับการปลดปล่อย เงาพวกนี้มีลักษณะเป็นคนรูปร่างแตกต่างกันไป มองดีๆ ก็พอจะเดาออกว่าเป็นเงาคนหนุ่มสาวหรือเงาเด็ก พวกมันกรูกันเข้ามารายล้อมรอบตัวของนิศารัตน์กับพัชราวดีเอาไว้ แล้วเริ่มตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ

หลังจากตั้งขบวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหญิงคู่หนึ่งก็จะออกมา สองคนนี้เป็นร่างโปร่งแสงดูมีสีสันกว่าเงาดำทั้งหลาย ผู้หญิงไว้ผมสั้นประมาณคาง ใบหน้าดูพร่ามัวมองไม่ออกว่ามีลักษณะอย่างไร วิชชุตารู้แค่ว่าเธอคนนี้มีดวงตาทีฟ้าอมเทาที่ดูทรงอำนาจ ส่วนผู้ชายเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปลายๆ รูปสูงโปร่ง ท่าทางอารมณ์ดีเพราะมักจะอมยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา

นิศารัตน์เรียกชายหญิงคู่นี้ว่าพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชาย ส่วนบรรดาเงาสีดำทั้งหลายเธอเรียกแบบเหมารวมว่าพวกพี่ไพ่

บรรดาเงาดำหรืออีกนัยคือพี่ไพ่จะคอยมาจับมือคนเลือกไพ่แล้วกำหนดว่าจะให้หยิบจับใบไหน หากเป็นคำถามเฉพาะเจาะจงพี่ผู้ชายจะช่วยมาจับมือเลือกให้ ส่วนพี่ผู้หญิงนั้นจะลงมือก็ต่อเมื่อนิศารัตน์เป็นผู้ถามเท่านั้น ถ้าจะบอกว่าเธอคนนี้เป็นหัวหน้าของบรรดาเงาทั้งหลายก็คงไม่ผิดนัก

หลังจากเลือกไพ่แล้วเงาสีดำจะได้ไอชีวิตไปจากคนที่มาดูดวงชะตาเป็นสิ่งตอบแทน ไอสีทองที่ลอยจากร่างเป็นหลักฐานอย่างดีว่าไอชีวิตถูกสูบไป นิศารัตน์บอกว่าการถูกสูบไอชีวิตถ้าไม่มากเกินไปก็ไม่เป็นอันตราย อย่างมากก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยเท่านั้น ได้นอนเต็มอิ่มก็หายเหนื่อยแล้ว

หลังจากเปิดหน้าไพ่ขึ้นมาจนครบสิบใบ นิศารัตน์ก็ต้องนั่งขมวดคิ้วเป็นปมยุ่ง

“พายุอันตราย” หญิงสาวพึมพำคำนี้ออกมาเบาๆ จนสองสาวจับใจความไม่ได้

พอพัชราวดีสะกิดให้บอกคำทำนาย นิศารัตน์ก็เริ่มพูดเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นฐานดวง เรื่องในอดีต ซึ่งแม่นยำราวกับตาเห็นและสุดท้ายก็วกมาเรื่องเนื้อคู่

“เรยังต้องรออีกนานเลยกว่าจะเจอเนื้อคู่ คนในตอนนี้ไม่จริงใจกับเราหรอกนะ ให้ระวังให้ดี โดยเฉพาะผู้ชายผิวขาวสูงทำงานสายการแพทย์ ผู้ชายคนนี้มากับลมและจะหายไปเหมือนสายลม”

“โหย! หายไปกับสายลมเลยเหรอ แย่จัง…งั้นขอถามอีกนิดได้ไหม ว่าคนที่เราคิดถึงอยู่ตอนนี้เค้าคิดยังไง”

คนที่หญิงสาวนึกถึงก็คือคุณหมอสุดหล่ออย่างไม่ต้องสงสัย

“หยิบมาอีกสองใบสิ” นิศารัตน์สั่ง

คราวนี้พี่ผู้ชายในไพ่เป็นคนตรงไปจับมือของพัชราวดีให้หยิบไพ่ใบหนึ่งขึ้นมา วิชชุตาเห็นแล้วก็อดขนลุกซู่แทนเพื่อนไม่ได้ที่ถูกวิญญาณจับไม้จับมือ

“คนคนนี้ไม่ได้คิดอะไรกับเรหรอก เขาต้องการอย่างอื่น ผู้ชายแบบนี้อันตราย ทางที่ดีอย่าเข้าใกล้ดีกว่า” นิศารัตน์พูดไปตรงๆ

ความที่ปากคอตรงกับความหมายของไพ่แบบไม่มีเซ็นเซอร์ คนฟังก็หน้าสลดหมดเรื่องจะถามต่อ ได้แต่ทำหน้าเศร้าเดินออกไปจากห้อง

“แรงไปรึเปล่านิ” วิชชุตาติง

เห็นสีหน้าของเรแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ยัยนินี่ก็เหลือเกินบอกแค่ว่าไม่รู้สึกอะไรหรือไม่รู้ก็ได้ไม่เห็นต้องบอกออกมาหมดเปลือกอย่างนี้เลย

“ถ้าไม่พูดแบบนี้เรจะเดือดร้อน ฟ้าฟังคำฉันไว้นะ เธอกับเรต้องพยายามอย่าเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เด็ดขาด”

สีหน้าของนิศารัตน์จริงจังจนวิชชุตาต้องยอมรับปาก เธอเกลียดสีหน้ากับน้ำเสียงแบบนี้ของเพื่อนสาวเหลือเกิน เพราะมันหมายถึงโชคร้ายที่กำลังจะต้องเจอในไม่ช้า อย่างคราวก่อนนั่นปะไรห้ามเข้าใกล้น้ำเธอก็เกือบจมน้ำตาย คราวนี้เธอเลยอดกลัวไม่ได้ว่าพี่หมอมารุตจะเป็นหมอโรคจิตชอบฆ่าหั่นศพ

“อีกอย่าง ฉันอยากลองเจอผู้ชายคนนั้นสักครั้ง ถ้ามีโอกาสช่วยพาไปเจอหน่อยนะ”

“อ้าว! ไหนว่าเขาไม่ดีให้ห่างๆ ไว้ไง แล้วจะไปหาเขาอีกทำไม” วิชชุตาแย้ง

“เอาน่า ตอนนี้ยังไม่มั่นใจไว้เจอหน้าเขาก่อนฉันจะตอบคำถาม”

นิศารัตน์ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วขอตัวนอน วิชชุตาเองก็ไม่เซ้าซี้ด้วยเคยชินกับนิสัยการพูดแบบมีลับลมคมในของเพื่อนดี คนอื่นอาจมองว่านิศารัตน์รู้แล้วทำเป็นเก็บเงียบ แต่ความจริงแล้วเจ้าหล่อนยังไม่มั่นใจต่างหาก นิศารัตน์ไม่ใช่พวกชอบเดาสุ่มหรือพูดอะไรอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคำพูดจากปากหญิงสาวเป็นเรื่องจริงแน่นอน

วิชชุตาเอ่ยราตรีสวัสดิ์เพื่อนแล้วช่วยปิดไฟให้ก่อนเดินออกมา พอบานประตูปิดลงวารัคคนีที่ข้อมือขวาก็เริ่มเปล่งประกายสีฟ้าจางๆ เหมือนต้องการสื่อสารกับเธอ

จากการสังเกตวารัคคนีมักจะหลีกเลี่ยงการพูดกับเธอก่อนโดยไม่จำเป็น เขาบอกว่ามันเป็นการบังอาจ วิชชุตาเลยต้องสังเกตเวลาที่กำไลเปล่งแสง ความรู้สึกเหมือนมีคนมายืนใกล้ๆ ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้วิชชุตารู้ว่าวารัคคนีต้องการสื่อสารด้วย

“มีอะไรเหรอคะ”

“เชื่อนังเด็กปากเสียงนั่นไว้บ้างก็ดีนะขอรับ ข้าเองก็รู้สึกถึงอำนาจบางอย่างจากชายผู้นั้น”

“คุณหมายถึงวิญญาณชั่วร้ายอย่างที่เราเจอคราวก่อนเหรอคะ”

วิชชุตาได้เจอกับมารุตเพียงสองครั้งจึงไม่ทันสังเกตอะไรเขา แต่ก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้มีบางอย่างต่างจากคนธรรมดา

“ไม่มั่นใจขอรับ ข้าสัมผัสได้แต่กระแสลมที่บดบังตัวจริงของเขาไว้เท่านั้น”

“ค่ะ ฉันจะระวังตัวให้มาก” หญิงสาวรับคำแล้วเตรียมตัวเข้านอน

ในค่ำคืนนั้นในขณะที่จิตของผู้เป็นนายสงบนิ่งและเข้าสู่ห้วงนิทรา จิตของผู้เป็นบ่าวอย่างวารัคคนีกลับยังเคลื่อนไหว มันกำลังครุ่นคิดถึงพลังประหลาดที่สัมผัสได้จากเด็กสาวที่เป็นสหายสนิทของนายหญิง

มนุษย์น้อยนางนี้ไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ที่มีสัมผัสพิเศษอย่างที่มันเข้าใจ เหล่าเงาดำที่เห็นขณะทำนายชะตาคือภูตพยากรณ์ พลังของมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตบะจะไม่สามารถควบคุมเหล่าภูตพยากรณ์ได้ หากฝืนนำมาใช้งานภูตจะกัดกินพลังวิญญาณของผู้ครอบครองจนตาย

ภูตพยากรณ์แบ่งเป็นสองสายหลักคือสายเทพและสายปีศาจ แบ่งย่อยเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ปกติคนๆ หนึ่งสามารถใช้ภูตพยากรณ์ได้สายเดียวเท่านั้น ส่วนจะเป็นชนิดใดก็แล้วแต่จะเลือกใช้ แต่ภูตที่เด็กนั่นใช้กลับมีหลากชนิดทั้งเทพและปีศาจ ทั้งหมดถูกควบคุมโดยภูตตัวหลักอีกทีหนึ่ง ที่น่าตกใจคือภูตหลักที่เห็นเป็นภูตพยากรณ์ชั้นสูงที่มีชื่อเรียกว่านิมิตรา ต่อให้เป็นเหล่าเทพเองก็ยังมีน้อยคนนักที่จะสร้างมันได้

นิมิตราจะเป็นของผู้สร้างตลอดกาล ไม่ว่าชาติภพใดก็จะติดตามไปคอยรับใช้เสมอ ชั่วชีวิตของวารัคคนีเคยเห็นนิมิตรามาไม่มาก เมื่อไล่เรียงรายชื่อเจ้าของแล้วมองอย่างไรก็ไม่มีทางใช่มนุษย์น้อยนางนี้เลย

มันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นนิมิตราตนนี้จากที่ไหนมาก่อน เพียงแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่เอาสักทีว่าเคยเห็นที่ใด อาวุธเทพพยายามนึกย้อนถึงอดีตเมื่อสามพันปีก่อนอย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความทรงจำใดที่จะระบุที่มาของนิมิตราตนนี้ได้

“หรือข้าจะแก่จริงอย่างที่นังเด็กนั่นว่า” วารัคคนีพึมพำออกมา





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.พ. 2555, 23:16:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2555, 23:21:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1584





<< ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 4 เทวตำนาน   ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 6 เล่ห์วายุ >>
Auuuu 20 ก.พ. 2555, 23:26:07 น.
ฮา วารัคคนี เอิ๊กๆๆๆ


นิชาภา 20 ก.พ. 2555, 23:34:20 น.
คุณ Auuu สวัสดีตอนดึกค่า เดี๋ยวเที่ยงคืนเค้าเอาลงให้อีกตอนน้า ขอเคาะจัดหน้าแป๊บ ^O^


Zephyr 20 ก.พ. 2555, 23:37:49 น.
แหม อายุก็แค่ตัวเลขน่า วารัคคนี อย่าเสียเซลฟ์เลย
สาวนิมิตราไว้ผมสั้นแค่ต้นคอ เธอตัดบ็อบเทป่าวคะ ฮ่าๆๆๆ
วายุเทพมาแล้ว แหม ชักอยากเห็นอิมเมจแต่ละคนจังหรือให้จิ้นเองคะ จะได้แบบผู้ชายก็อย่างหล่อ ผู้ผญิงก็อย่างสวย ^^


Auuuu 20 ก.พ. 2555, 23:39:48 น.
ขอบคุณมากๆค่าไรเตอร์ >3<


นิชาภา 20 ก.พ. 2555, 23:51:02 น.
คุณ neferreti จริงๆ ทรงผมนิมิตรานี่เกือบบอกว่าบ็อบเทแล้วค่ะ กร๊ากกกกก แต่แบบมันดูทันสมัยไป เราก็เลยเลี่ยงหน่อย 555 อิมเมจแต่ละคนจิ้นตามสบายค่ะ สารภาพว่าไม่เคยหารูปอิจเมจตัวละครเรื่องนี้สักทีเลย อ่า ในหัวคนเขียนก็เลยเลือนลางค่ะแหะๆ

คุณ Auuuu ไม่เป็นไรค่า วันนี้เบลอ แบบว่าทำนั่นทำนี่เพลิน เกือบลืมลงแล้วค่ะ โชคดีนึกได้ก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นวันที่เรียงกันไม่สวย กร๊ากกกกกกก (แค่นี้แหละที่ต้องการ วันที่เรียงกันสวยๆ)


Auuuu 20 ก.พ. 2555, 23:59:59 น.
ฮ่าๆๆ แต่วันที่เรียงสวยจริงๆค่ะ บางทียังนั่งมองเลยค่า ^^


นิชาภา 21 ก.พ. 2555, 00:08:46 น.
คุณ Auuuu ความจิตส่วนตัวค่ะ 5555 แบบว่ามันสวยดีเนอะ เรียงกันเป็นพรืด เพิ่มเติม เค้าลงอีกตอนที่เด็กดีแล้วน้า ^O^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account