กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"



เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ

ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)

แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)

บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่

ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป

หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^

Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ

ตอน: ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 7 การทักทายของวายุเทพ

บทที่ 7 การทักทายของวายุเทพ

“เรอยู่นั่น!” นิศารัตน์กระตุกแขนวิชชุตาแล้วชี้ไปทางผนังด้านหนึ่งของโกดัง

สองสาววิ่งเข้าไปหาเพื่อช่วยแก้มัดแต่กลับถูกขุมพลังที่มองไม่เห็นดีดกลับมาจนล้มไม่เป็นท่า

“อย่ารีบร้อนเอารางวัลสิวิชชุตาเทวี โปรดอย่าลืมว่าท่านต้องเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน” วายุเทพประกาศก้อง

ชายหนุ่มยืนกอดอกอยู่ห่างวิชชุตาไปราวสิบเมตร นัยน์ตาพญาเหยี่ยวของวายุเทพมีแววกระเหี้ยนกระหือรือกระหายการต่อสู้เป็นอันมาก

“คุณกับฉันไม่ใช่ศัตรูกัน ทำไมจะต้องมาสู้กันด้วย ขอร้องเถอะค่ะได้โปรดปล่อยเรไปเถอะ อย่าให้คนไม่เกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนเลย” หญิงสาวอ้อนวอน

“หึๆ ท่านยังเหมือนกาลก่อนไม่ผิดนะวิชชุตา ยังใจดีกับพวกมนุษย์ไม่เปลี่ยน”

ในชาติที่แล้วเขาอยากจะปะมือกับวิชชุตาเทวีมาตลอด แต่นางก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับคำท้า พอนางเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ภูเตศวร โอกาสที่จะได้ประลองกันจึงแทบไม่หลงเหลือ ต้องรอคอยกว่าสามพันปีจึงจะได้โอกาสนี้มา มีหรือวายุเทพจะยอมใจอ่อนเพียงเพราะคำวิงวอนไม่กี่คำ

ดาบเล่มยาวโผล่ออกมาจากฝ่ามือของวายุเทพ พลิกข้อมือตวัดมันทีเดียวพื้นปูนก็แตกเป็นแนวยาว ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งไปทั่วห้อง

“เปลี่ยนข้าเป็นอาวุธขอรับนายหญิง” วารัคคนีบอกเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี

พอมีอันตรายมาถึงตัวสัญชาติญาณจากจิตใต้สำนึกของหญิงสาวก็เริ่มทำงาน เธอถอดวารัคคนีออกมาแล้วรวบรวมสมาธิ ฉับพลันมันก็เปลี่ยนสภาพเป็นดาบขนาดพอดีมือที่มีน้ำหนักเบา

“นิไปช่วยเรเร็ว ฉันจะต้านไว้เอง” หญิงสาวสั่ง

“จะไปช่วยก็ตามใจแต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าเชือกที่ใช้มัดลงมนตร์เอาไว้ ให้สหายมนุษย์ของท่านหลบไปอยู่ห่างๆ ก่อนจะได้รับอันตรายดีกว่า”

แม้จะได้ยินอย่างนั้นแต่นิศารัตน์ก็ยังวิ่งไปหาพัชราวดีอย่างไม่กลัว

“ท่านนี่มีแต่สหายน้ำใจงามแต่ขาดสติรายล้อมอยู่รอบตัวประจำเลยนะ” วายุเทพยักไหล่แล้วโหมคมดาบใส่วิชชุตา

ก่อนจะรู้ตัวร่างกายของหญิงสาวก็ขยับเข้าหาชายหนุ่มอย่างไม่กลัว วิชชุตาเสือกดาบเข้าหาวายุเทพแล้วเริ่มโจมตีกลับ หญิงสาวใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นคนละคน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เหมือนกับว่าเธอคุ้นเคยกับการต่อสู้มานาน

“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!” เสียงดาบปะทะกันดังมาไม่ขาดระยะ

ฝีมือดาบของวายุเทพรุนแรงหนักหน่วงซ้ำยังแคล่วคล่องว่องไวสมกับเป็นเทพแห่งสายลม ไม่ว่าจะเป็นด้านพละกำลังหรือฝีมือวิชชุตาอ่อนเชิงกว่าอยู่หลายขุม หนำซ้ำทุกครั้งที่การตวัดดาบของวายุเทพพลาดเป้า อานุภาพจากดาบจะทำให้เกิดแรงลมมหาศาลจนร่างบางแทบจะหยัดกายไว้ไม่อยู่ หญิงจึงต้องเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาจากรัศมีโจมตี

“สู้สิวิชชุตาเทวี ออมมือไว้ทำไม” วายุเทพแผดเสียงสั่งพร้อมทั้งเหวี่ยงดาบเข้าใส่เต็มแรง

วิชชุตารับดาบไว้ได้อย่างฉิวเฉียดหญิงสาวรวบรวมกำลังทั้งหมดยันอีกฝ่ายไว้ พร้อมกันนั้นก็โต้กลับอย่างรวดเร็ว ปลายดาบเฉี่ยวแขนเสื้อของวายุเทพไปแต่ก็ไม่สร้างบาดแผลให้

“ต้องอย่างนี้สิถึงจะสนุก” ชายหนุ่มแสดงสีหน้าพึงพอใจอยู่ในที แล้วดีดตัวหนีคมดาบออกมาไกลหลายเมตร “ข้าดีใจเหลือเกินที่พบท่านเป็นคนแรก ไม่เสียแรงจริงๆ ที่ได้กลับมาเกิดในภพนี้”

ฉับพลันดาบในมือชายหนุ่มกลับกลายเป็นกงจักร มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศจนกลายเป็นศูนย์กลางพายุลูกใหญ่

“ถอยออกมาขอรับ นั่นคือมรุตวาโย พลังอำนาจมันมากกว่าดาบพลังจิตเมื่อครู่มาก”

มรุตวาโยเป็นอาวุธเทพคู่บารมีของวายุเทพ แม้วารัคคนีจะไม่เคยปะมือด้วยแต่ก็เคยเห็นพลังการทำลายล้างของมรุตวาโยมาแล้ว

วิชชุตารีบถอยห่างพายุออกมาอย่างเชื่อฟัง ขนาดอาวุธพลังจิตธรรมดาเธอยังสู้แทบไม่ไหว แล้วนี่เป็นอาวุธเทพยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“นายหญิงต้องพยายามหลบหลีกพายุให้ได้นะขอรับ ระหว่างนั้นต้องโจมตีมันกลับด้วย อย่าให้ถูกดูดเข้าไปใจกลางพายุเด็ดขาด กงจักรนั่นจะตัดร่างท่านเป็นชิ้นๆ”

เตือนยังไม่ทันขาดคำพายุที่เกิดจากมรุตวาโยก็ตัดเสาที่ค้ำเพดานเอาไว้ขาดเป็นสามท่อน ทั้งยังพัดหลังคาโกดังบางส่วนปลิวหายไปในอากาศ

วิชชุตาวิ่งหนีพายุขนาดย่อมอย่างไม่รอช้า เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเศษขยะที่กำลังถูกเครื่องดูดฝุ่นตามล่าตามล้างอยู่ หญิงสาววิ่งจนหอบแต่ก็ยังไม่สามารถหาทางโจมตีกลับไปได้ สุดท้ายก็ถูกพายุต้อนไปจนมุมที่ท้ายโกดัง ครั้งนี้เธอจะถอยอีกไม่ได้แล้วเพราะด้านหลังคือเพื่อนทั้งสองคน

“ไม่ทันแล้ว ทำยังไงดี” หญิงสาวขอความช่วยเหลือจากวารัคคนี เมื่อเห็นว่าไม่กี่อึดใจพายุร้ายจะเข้ามาประชิดตัว

“ต้องเสี่ยงแล้วขอรับนายหญิง ไปที่ใจกลางพายุแล้วเรียกสายฟ้ามาทำลายกงจักรขอรับ ตั้งสมาธิให้ดีโอกาสมีเพียงหนเดียวเท่านั้น”

ยังไม่ทันได้ตอบรับร่างของวิชชุตาก็ถูกกลืนหายเข้าไปในพายุ ร่างบางถูกดูดเข้าไปที่กงจักรสังหารอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่มีเวลาตั้งสติ

หญิงสาวตัดสินใจชูวารัคคนีขึ้นแล้วปลดปล่อยพลังในกายออกมา ผลที่ได้คือคลื่นพลังมหาศาลไหลเข้ามาที่แขนของหญิงสาวจนรู้สึกชาหนึบ มันเอ่อล้นออกจากร่างกายของเธอราวกับน้ำป่าที่ไร้ทางควบคุม

“พอแล้วขอรับนายหญิง ปล่อยไปได้แล้ว” วารัคคนีเตือน

ถ้าไม่รีบปล่อยพลังออกไปไม่ช้ากายเนื้อของนายหญิงจะต้องแหลกสลายลงเพราะรองรับพลังตัวเองไม่ไหว

“ฉันควบคุมไม่ได้” แขนขวาเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ ทำให้ไม่สามารถเล็งไปที่เป้าหมายได้

ร่างของวิชชุตาหมุนไปตามแรงลมแล้วลอยขึ้นสู่จุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว อีกไม่ถึงวินาทีร่างของหญิงสาวก็จะสัมผัสถูกกงจักรสังหาร เธอจึงใช้แขนซ้ายช่วยเหนี่ยวแขนขวาให้ต่ำลงมาอย่างสุดกำลัง ก่อนตัดสินใจปล่อยพลังออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าถูกเป้าหมายหรือไม่

“ระวังขอรับ!” เสียงวารัคคนีดังก้องอยู่ในโสตประสาทพร้อมกับเสียงระเบิดตูมใหญ่ดังกึกก้อง

แรงระเบิดผลักร่างของวิชชุตากระเด็นไปติดกับผนัง หญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะมีรัศมีสีฟ้าจากวารัคคนีช่วยห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ทว่าผลจากการใช้พลังเกินขีดความสามารถกับแรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้วิชชุตาปวดหนึบไปทั้งร่าง แขนขาไร้เรี่ยวแรงจนขยับตัวแทบไม่ไหว

สายฟ้ากำลังมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมาเฉี่ยวตัวมรุตวาโยไปก่อนจะเกิดการระเบิด กรงจักรสังหารจึงหยุดทำงานในฉับพลัน พลังส่วนหนึ่งของวิชชุตาสะท้อนพุ่งเข้าหาตัววายุเทพ ชายหนุ่มต้านพลังสายฟ้าไว้ไม่ไหวจึงถูกกระแทกกระเด็นไปไกล

พอฝุ่นควันจางลงวายุเทพก็หยัดตัวลุกขึ้นจากซากปรักหักพังของโกดัง ร่างกายเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน เสื้อผ้าบางส่วนไหม้ไฟ ที่แปลกคือสายตาคมปลาบของชายหนุ่มมีแววพึงพอใจมากกว่าจะเคียดแค้น

“ยอดเยี่ยมมากวิชชุตาเทวี ไม่นึกเลยว่าท่านจะมีพลังมากขนาดนี้” ชายหนุ่มปรบมือให้

เขานึกชื่นชมความสามารถของเทวีแห่งสายฟ้าจากใจจริง สมแล้วที่เป็นคู่มือที่รอคอยมาแสนนาน

“เมื่อครู่ข้าประมาทไปหน่อย ถือว่าเสมอกัน ที่นี้ก็ตามรุตวาโยกับวารัคคนีบ้าง ข้าอยากรู้นักว่าอาวุธใครจะมีอำนาจมากกว่ากัน”

“ไม่จำเป็นต้องให้อาวุธสู้กันหรอกวายุเทพ ท่านกับข้ายังประลองกันต่อไปได้” น้ำเสียงที่ผิดไปจากทุกทีดังก้อง ร่างกายอ่อนปวกเปียกของวิชชุตาค่อยๆ โงนเงนขึ้นมาจากพื้น

ความทรงจำในอดีตชาติที่หวนกลับมาชั่วขณะปลุกสัญชาตญาณของเทวีแห่งสงครามให้ตื่นขึ้น ทว่ามันคงอยู่ได้เพียงครู่เดียวความทรงจำนั้นก็มลายหายไป พูดจบประโยควิชชุตาก็หมดสติล้มพับลงกับพื้น

นิศารัตน์รีบปราดไปประคองเพื่อนไว้ พร้อมกันนั้นวารัคคนีก็แผ่รัศมีจ้าเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันให้นายสาว

วายุเทพกับมรุตวาโยคงได้ประจักษ์แล้วว่าอำนาจของสายฟ้าเป็นเช่นไร ตอนนี้นายหญิงต้องการพัก ศึกครั้งต่อไปจะเป็นหน้าที่ของมันเอง

ทว่าก่อนที่การปะทะกันระลอกสองจะปะทุขึ้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิด เมื่อนิศารัตน์ปราดเข้าไปตบหน้าวายุเทพฉาดใหญ่

ชายหนุ่มนิ่งงันไปเนื่องจากตกตะลึงในการกระทำของหญิงสาว ผู้หญิงคนนี้เห็นอำนาจวิเศษเขาไปตั้งมากมายแต่กลับไม่กลัวเกรงทั้งยังกล้าที่จะเข้ามาทำร้ายอีก

“นายจะเป็นเทพหรือเป็นอะไรก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายใครได้ตามชอบใจ ขอบอกไว้เลยตรงนี้ว่าถ้ากล้ามาแตะเพื่อนฉันแม้แต่ปลายก้อย นายจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”

ดวงตาสีดำสนิทของหญิงสาวเต็มไปด้วยความโทสะ ก่อให้เกิดกระแสความกดดันรุนแรงหนักหน่วง แม้กระทั่งคนที่เคยชินกับการข่มคนอื่นอย่างวายุเทพยังต้องผงะ

“ข้าก็แค่สร้างเงื่อนไขการประลองให้วิชชุตาเทวีเอาจริงก็เท่านั้น ไม่ได้รังแกใครสักหน่อย ดังนั้นถอนคำพูดซะแล้วข้าจะยอมคลายมนตร์แก้เชือกให้เพื่อนเจ้า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ไม่จำเป็น เชือกลงมนตรากระจอกแบบนั้นฉันแก้เองได้”

พอเหลือบไปมองเชลยที่ใช้เป็นเหยื่อล่อ วายุเทพก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเชือกที่มัดไว้คลายออกแล้วจริงๆ หนำซ้ำมือของหญิงสาวยังไม่มีรอยพุพองจากฤทธิ์ของมนตราที่ร่ายเอาไว้เลย

‘ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะแกะเชือกมนตราและปล่อยกระแสพลังที่เต็มไปด้วยความกดดันแบบนี้ได้’

วายุเทพสบลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลภายใต้กรอบแว่น แล้วชายหนุ่มก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่คุ้นเคย แววตาแข็งกล้าเย็นเยือกเช่นนี้จะเป็นของใครได้อีกถ้าไม่ใช่นาง

“ฮ่ะๆๆ” ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะดังก้องเมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาว

อาการหัวเราะราวกับคนเสียสติทำให้นิศารัตน์ยิ่งไม่ไว้วางใจชายหนุ่ม แม้จะสัมผัสจิตของเขาได้ว่าไม่คิดจะต่อสู้แล้ว แต่หญิงสาวก็ยังยืนคั่นกลางระหว่างเขากับวิชชุตาเอาไว้เพื่อความปลอดภัย

“หัวเราะอะไรของนาย” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงขุ่น

“ที่แท้ก็เป็นท่าน รูปโฉมท่านผิดไปมากจนข้านึกไม่ถึง” พูดแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะร่วนอีกครั้ง “วันนี้ข้าสนุกมากจริงๆ ภพนี้คงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดเสียแล้ว”

“หมายความว่ายังไง นายรู้จักฉันเหรอ ชาติก่อนฉันเป็นใคร”

นิศารัตน์รู้ตัวดีว่าตนเองมีพลังพิเศษกว่าคนอื่น เธอรู้สึกได้ว่าการที่เธอมาอยู่ตรงนี้ คอยอยู่เคียงข้างวิชชุตาจะต้องมีเหตุผล และบางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับอดีตชาติก็เป็นได้

“หึๆ บอกไปมันก็ไม่น่าสนุกน่ะสิ พวกท่านทั้งสองรีบหาทางระลึกชาติได้เร็วๆ จะดีกว่า คนที่หมายตาศิวะตรีศูลจากวิชชุตาเทวีมีอยู่อีกมาก ข้าจะคอยชมฝีมือพวกท่านรับมือกับเหล่าเทพและปีศาจก็แล้วกัน”

สิ้นเสียงชายหนุ่มพายุรุนแรงก็ก่อตัวขึ้น ฝุ่นทรายถูกพัดเป็นม่านหมอกหนาทึบจนยากแก่การมองเห็น นิศารัตน์สำลักฝุ่นเข้าไปเต็มปอด หญิงสาวปิดจมูกแล้วมองหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

ไม่ถึงนาทีฝุ่นควันเหล่านี้ก็จางลง จากโกดังร้างที่เธอกับเพื่อนอยู่ก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นห้องนอนที่หอพักได้อย่างน่าอัศจรรย์

“อย่าหนีนะมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” นิศารัตน์ตะโกนเรียกแต่วายุเทพก็ไม่ตอบกลับมา

หญิงสาวจึงหันไปดูแลเพื่อนแทน พัชราวดีครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียงพอปลุกขึ้นมาคุยเจ้าหล่อนกลับจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ส่วนวิชชุตาหลับสนิทไปเพราะความเพลีย เธอจึงปล่อยให้เพื่อนพักผ่อนเต็มที่ แล้วหันมาไล่เลียงถามความจริงจากวารัคคนีแทน

“บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าทำไมเทพกับปีศาจถึงต้องการศิวะตรีศูลจากฟ้า มันเป็นอาวุธของภูเตศวรไม่ใช่ของวิชชุตาเทวีเสียหน่อย”

ตามตำนานกล่าวไว้ว่าศิวะตรีศูลคืออาวุธที่ทรงพลานุภาพที่สุดในสามโลก เทพและปีศาจได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาแต่พวกเทพกลับยึดครองไปเป็นของตนแต่ฝ่ายเดียว เป็นฉนวนเหตุก่อให้เกิดมหาสงครามขึ้น เนื่องจากเหล่าเทพมีศิวะตรีศูลจึงเป็นฝ่ายชนะ ส่วนปีศาจซึ่งเป็นฝ่ายปราชัยก็สั่งสมความเคียดแค้นเอาไว้แล้วรอคอยโอกาสที่จะทวงตรีศูลคืน

จนหลายพันปีผ่านไปเหล่าปีศาจก็สบโอกาสได้แก้แค้น ในบทหนึ่งของมหาสงครามได้กล่าวไว้ว่า จอมปีศาจรวบรวมไพร่พลเหลือคณานับมาบุกแดนสวรรค์ ครานั้นภูเตศวรซึ่งเป็นผู้ถือครองศิวะตรีศูลได้ตัดสินใจผนึกจอมปีศาจไปพร้อมกับตนเอง เหล่าทวยเทพจึงพากันหลับใหลตามไปด้วย ดังนั้นอาวุธสำคัญชิ้นนี้จึงน่าจะอยู่กับภูเตศวรไม่ใช่วิชชุตาเทวี

“เจ้าคงไปอ่านบันทึกโบราณมาล่ะสิ ข้าจะบอกให้เอาบุญว่าพวกบันทึกฝีมือมนุษย์มันเชื่อถือไม่ได้ จริงอยู่ที่ศิวะตรีศูลควรจะอยู่กับจอมเทพ แต่ในสงครามครั้งนั้นจอมเทพไม่ได้พกศิวะตรีศูลไปทำสงครามด้วย พระองค์ฝากมันไว้กับนายหญิงของข้า องค์วิชชุตาเทวีจึงเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าศิวะตรีศูลอยู่ที่ใด”

วารัคคนียอมอธิบายให้ฟังแต่โดยดีเพราะนับถือในความกล้าหาญที่หญิงสาวลุกขึ้นมาปกป้องนายหญิงของมัน

“อ้าว! แล้วนายไม่รู้รึไงว่ามันอยู่ไหน นายต้องอยู่กับเจ้านายตลอดนี่”

“กาลนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทำให้ข้ากับองค์เทวีต้องแยกจากกัน ข้าจึงไม่รู้ว่าศิวะตรีศูลถูกเก็บรักษาอยู่ที่ใด”

เมื่อเอ่ยถึงการพรากจากอันยาวนาน น้ำเสียงของวารัคคนีก็ดูสลดลง

“ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็คงมีเทพกับปีศาจอีกมากเข้ามาทำร้ายฟ้าน่ะสิ” นิศารัตน์เอ่ยอย่างเป็นกังวล พอหมดปัญหาเรื่องหนึ่งอีกเรื่องหนึ่งก็ตามมาจนได้

“มันไม่ย่ำแย่อย่างที่เจ้าคิดหรอก เหล่าเทพที่จงรักภักดีต่อนายหญิงและจอมเทพยังมีอีกมาก ที่สำคัญนายหญิงของข้าไม่ใช่พวกกระจอกที่ปกป้องดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย ขอเพียงได้ความทรงจำคืนมา ต่อให้เป็นจอมปีศาจก็ยังต้องกริ่งเกรง”

“แล้วถ้าความทรงจำของฟ้าไม่กลับมาล่ะ” นิศารัตน์ย้อนถาม

“ข้ามั่นใจว่ามันต้องกลับมาแน่ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือกางพลังพรางตัวนายหญิงเอาไว้ ไม่ให้เหล่าเทพกับปีศาจรู้ที่อยู่ของนายหญิง” วารัคคนีเอ่ยตอบ ท้ายประโยคเจือความกังวลเอาไว้ไม่น้อย

มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยปิดซ่อนพลังในกายนายหญิงที่กำลังค่อยๆ ปะทุขึ้นมาได้นานสักเท่าไร เห็นทีมันจะต้องเร่งฝึกฝนนายหญิงให้รู้จักควบคุมพลังตัวเอง และสอนวิธีการต่อสู้ให้โดยด่วนที่สุดเสียแล้ว

“ถึงเวลาที่ต้องสู้ขึ้นมาฉันคงช่วยอะไรได้ไม่มากนัก ยังไงก็ฝากเพื่อนคนสำคัญของฉันด้วยนะ”

นิศารัตน์ยอมพูดดีด้วย เธอกับมันคงหันมาญาติดีกันได้บ้างเพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนคนสำคัญคนเดียวกัน แต่แล้วหญิงสาวก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์ วารัคคนียังคงดูถูกมนุษย์ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ทันไรมันก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งสุดแสนจะน่าหมั่นไส้ว่า

“การปกป้องนายหญิงเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว มนุษย์กระจอกงอกง่อยอย่างเจ้าแค่หลบไปให้ไกลอย่ามาเป็นตัวเกะกะก็พอ”

ด้วยเหตุนี้สงครามฝีปากระหว่างหนึ่งคนกับหนึ่งอันก็เลยปะทุขึ้นมาอีกครา


เกือบหกชั่วโมงเต็มที่วิชชุตาหลับสนิท หญิงสาวตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงแว่วๆ ของวารัคคนีและนิศารัตน์

“เรล่ะ!”

วิชชุตาผุดลุกขึ้นด้วยอาการตกใจ เพราะความความทรงจำสุดท้ายของเธอคือภาพพร่าเบลอของวายุเทพเท่านั้น

“ปลอดภัยดี เมื่อกี้มีรุ่นพี่มารับไป หล่อสุดขีดเลยล่ะ” นิศารัตน์ชะโงกหน้ามาบอก

“เรนี่ยังไม่เข็ดเรื่องผู้ชายเลยรึไงนะ” วิชชุตาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ไม่เป็นไรหรอกน่าคนนี้หายห่วง ท่าทางจริงใจดีด้วย แล้วเรคงไม่เข็ดหรอกเพราะจำอะไรไม่ได้เลย พูดชื่อหมอมารุตขึ้นมายังทำหน้างง สงสัยจะเป็นฝีมืออีตาวายุเทพประสาทกลับนั่น”

คุยได้ไม่ทันไรเสียงเรียกขอความช่วยเหลือของวารัคคนีก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของสองสาว

“นายหญิงขอรับช่วยเอาข้าออกไปที” เสียงโวยวายของวารัคคนีดังแว่วมาจากตู้เย็น

วิชชุตามองหน้านิศารัตน์เป็นเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น จำเลยฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วบอกว่าอากาศมันร้อนเลยพาวารัคคนีไปเที่ยวเมืองหิมะ

“นังเด็กมนุษย์นี่กลั่นแกล้งข้าขอรับ นางเถียงสู้ข้าไม่ได้ก็เลยนำข้าไปขังไว้ในคุกเย็น ตั้งใจจะไม่ให้ข้าพบกับนายหญิงอีกชั่วชีวิต” ออกมาได้วารัคคนีก็ฟ้องใหญ่

“โธ่เอ๊ย! มันใช่คุกเย็นเสียที่ไหน ไหนว่ารอบรู้สารพัดไง ตู้เย็นแค่นี้ก็ยังไม่รู้จัก”

เมื่อคืนเธอโดนกำไลปากเสียกวนประสาทอย่างหนัก เลยต้องหาทางสั่งสอน จะโยนลงโถส้วมก็กลัวเพื่อนจะว่าเอา ก็เลยเอามันแช่เย็นแทน

“...” เงียบกริบ วารัคคนีออกอาการอึ้งจนเถียงไม่ออก

ความจริงแล้วจะออกมาเองมันก็ทำได้ แต่อยู่มาสามพันกว่าปียังไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนอาจหาญเอามันไปแช่ตู้เย็นมาก่อน มันจึงคิดว่าช่องแช่แข็งเป็นกำดักเวทชนิดหนึ่งเลยเผลอตัวโวยวายออกมา

“ฮ่ะๆๆ กำไลโง่ติงต๊อง” นิศารัตน์ระเบิดเสียงหัวเราะเยาะแบบไม่เก็บอาการ เมื่อได้ยินความคิดของวารัคคนีเข้า

ตั้งแต่คลายเชือกมนตราของวายุเทพได้โดยบังเอิญ พลังในตัวเธอก็กล้าแข็งขึ้นเยอะจนสามารถได้ยินความคิดของอาวุธเทพได้

“ก็ยังดีกว่านังเด็กอัปลักษณ์ ปากท่อน้ำทิ้งเช่นเจ้า”

ไม่ทันขาดคำสงครามฝีปากก็รายวันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง วิชชุตาได้แต่นั่งปลง เธอหมดแรงจะห้ามคู่กัดคู่นี้เสียแล้ว

หญิงสาวเริ่มกังวลกับอดีตชาติของตัวเอง การที่เธอรำลึกอดีตได้ชั่วขณะหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าจะต้องเข้าไปพัวพันกับศัตรูที่ไม่เคยรู้จักอีกมาก

ถึงแม้หญิงสาวจะหวาดกลัวและกังวลใจสักแค่ไหน แต่เมื่อหันไปมองนิศารัตน์กับวารัคคนีแล้ว ความรู้สึกกลัวก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความอุ่นใจ เธอมีเพื่อนแท้ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างถึงสองคน แล้วจะมามัวหวั่นวิตกกับภัยที่ยังมาไม่ถึงให้เสียสุขภาพจิตไปทำไม



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2555, 15:19:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2555, 15:19:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1856





<< ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 6 เล่ห์วายุ   ตอนที่ 3 ผนึกความทรงจำ : บทที่ 1 บทกวี >>
Zephyr 22 ก.พ. 2555, 15:39:49 น.
เฮ้อ และแล้วเทพเพี้ยนก็ออกมาอย่างเต็มตัว หึหึ ช่างขัดกะตัวตนมนุษย์ของท่านอย่างมาก ฮ่าๆๆๆ
ใจนึงก็สงสารเรนะ มาตกอยู่ในวงล้อมของคนไม่ปกตอทั้งหลาย อิอิ ^^


Zephyr 22 ก.พ. 2555, 15:50:52 น.
สงสัยติ๊ดนึงค่ะ ทำไมให้หมอชื่อจริงมารุตละคะ ทั้งๆที่ท่านเป็นวายุเทพมาก่อน ไมไม่ชื่อวายุล่ะ เพราะวิชชุตาเทวียังชื่อวิชชุตาเลยนี่(ส่วนอีกคนก็คล้ายทำนองนี้ สำหรับ นิ ไม่นับ เพราะเธอยังลึกลับเกินไป) เราแปลกใจเฉยๆนะคะ มีที่มาที่ไปป่ะคะ หรือว่าไม่มีไรหรอก


นิชาภา 22 ก.พ. 2555, 15:59:54 น.
คุณ Neferretti มาเฉลยชื่อค่ะ มารุต แปลว่าลมคค่ะ วาโย ก็แปลว่าลม ส่วนวิชชุตา แปลว่าสายฟ้าค่ะ ชื่อในเรื่องมีความหมายตรงกับตัวละครหมดค่ะ ชื่อนิ ก็เหมือนกัน อุ๊บ! สปอยปะนี่?


Auuuu 22 ก.พ. 2555, 19:35:14 น.
อ๋อออ เข้าใจละ แอบสงสัยเหมือนคุณ Neferretti เหมือนกัน
เอ ชื่อของนิ...


เพลา 22 ก.พ. 2555, 20:41:14 น.
วายุเทพรู้แล้วเหรอว่านิเป็นใคร ทำเป็นอุบเงียบไม่บอกเค้านะตัวเอง แอบขำวารัคคนี ฮ่าๆๆๆ คุกเย็น คิดไปได้


นิชาภา 22 ก.พ. 2555, 22:42:52 น.
คุณ Auuuu ใบ้ให้อีกนิดนึง นิศา = กลางคืนค่ะ หุๆๆๆ หัวเราะแล้วก็ไป

คุณเพลา แบบว่าสามพันปีก่อนยังไม่มีตู้เย็นไงคะ เลยให้วารัคคนีปล่อยไก่แบบจัดเต็ม 5555


Zephyr 22 ก.พ. 2555, 22:49:46 น.
อ๊ายยยยยย นิศา กลางคืน งั้นเธอก็ เป็น..... ว๊ากกกกกกกกก สยองอ่า 0w0 หวังว่า นิ จะ ไม่ องค์ ลง เร็ว นัก นะคะ


นิชาภา 22 ก.พ. 2555, 23:37:24 น.
คุณ Neferreti หลอกให้เดาเอาเองค่า หุๆๆ อย่าลืมว่ามีคำว่า รัตน์ อยู่ในชื่อด้วยนะคะ รัตน์ = ดวงแก้ว ในอีกเว็บบทหน้าก็เฉลยแล้วค่ะ เดี๋ยวเที่ยงคืนเอาลงให้นะตัวเอง ^O^


Zephyr 22 ก.พ. 2555, 23:39:23 น.
กรี๊ดดดดด น่ารักที่สุดเลย
ขอบคุณนะคะ ไปจิ้มรอนะตะเอง


Auuuu 22 ก.พ. 2555, 23:46:05 น.
ไม่กล้าเดา (= =) (เอามือปิดตา)
รอตอนเที่ยงคืนเลยทีเดียวดีกว่าาาาาาา ^________^


นิชาภา 23 ก.พ. 2555, 00:23:41 น.
คุณ Neferretti & คุณ Auuuu เอาลงให้แล้วนะคะ หุๆๆ


Zephyr 23 ก.พ. 2555, 00:25:01 น.
ขอบคุณค่าาาา เค้าไปอ่านมาแล้น ^^
จุ๊บบบ รักคนเขียนจังเลยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account