กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"
เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ
ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)
แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)
บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่
ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป
หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^
เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ
ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)
แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)
บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่
ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป
หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^
Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ
ตอน: ตอนที่ 4 คำสาปแห่งความมืด : บทที่ 1 สอดแนม
ตอนที่ 4 คำสาปแห่งความมืด
บทที่ 1 สอดแนม
ในเขตวังต้องห้ามของเจ้าชายปีศาจ ห้องโถงถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างงดงามราวกับจำลองแดนสวรรค์มาเพื่อต้อนรับวิชชุตาเทวีโดยเฉพาะ ถึงจะมาแบบไม่เต็มใจแต่สถานที่สวยๆ ก็ช่วยให้สตรีส่วนใหญ่ลดความหวาดกลัวและอาการต่อต้านไปได้
“เพิ่มแสงสว่างอีกหน่อย ข้าไม่อยากให้ที่นี่มันดูทึบนัก” อันธการสั่ง
ปีศาจจิ๋วมีปีกขนาดเท่าสุนัขพุดเดิ้ลกลุ่มใหญ่จึงบินไปขนเอาโคมไฟระย้ามาประดับเพิ่ม
เจ้าชายปีศาจเดินตรวจงานตกแต่งจากห้องโถงแล้วขึ้นบันไดเวียนซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้มายังห้องนอน ที่จัดเตรียมไว้สำหรับเป็นห้องหอ
“ไม่…ไม่ ไม่เอาผ้าปูสีดำ ไร้รสนิยมสิ้นดี” เจ้าชายปีศาจร้องห้ามเมื่อเห็นปีศาจรับใช้ตัวจิ๋วกำลังขนชุดเครื่องนอนเข้ามา “เปลี่ยนผ้าไหมซาตินสีขาวปักลายหวานๆ ได้อารมณ์กว่า”
ในขณะที่กำลังสั่งการปีศาจจิ๋วสีแดงก็บินโฉบหลบหลีกบรรดาปีศาจจิ๋วสีดำที่เป็นข้ารับใช้เข้ามาในห้องเพื่อแจ้งข่าว
“ฝ่าบาท ท่านอาเพศมาแล้วพระเจ้าค่ะ”
นามของเจ้าตัวสีแดงตาโปนคล้ายนกฮูกตัวนี้คือ ‘โลหิต’ มันรับหน้าที่เป็นมหาดเล็กคนสนิทของเจ้าชายปีศาจและเป็นสัตว์เลี้ยงไปด้วยในตัว
“มากันเร็วจริง ข้ายังเตรียมตัวไม่เสร็จเลย เจ้าว่าสูทขาวหรือสูทดำดี”
ขาดคำอาภรณ์สีดำแบบโบราณที่สวมใส่ก็เปลี่ยนไปตามคำพูด ตอนนี้อันธการกับกำลังเห่อความเป็นมนุษย์ ก็เลยอยากจะลองทำอะไรที่คล้ายกับพิธีแต่งงานในโบสถ์ดู
“อ่า…เลือกยากจริงๆ ฝ่าบาท เหมาะเจาะทั้งคู่ ข้าพระองค์ว่าทักซิโด้ก็ไม่เลว” พอถูกถามโลหิตก็ตอบไปตามเรื่องเลยลืมไปเสียสนิทว่าจะมารายงานเรื่องอาเพศทำงานพลาด
“ฮึ ทักซิโด้งั้นรึ ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากดูเหมือนนกเพนกวิน ข้าว่าสูทขาวดีกว่า วันนี้มิติแห่งความมืดจะสว่างไสวเพราะเจ้าสาวคนงาม ข้าไม่อยากเห็นอะไรสีดำ” อันธการอมยิ้มแล้วหัวเราะร่วน
เสียงหัวเราะนี้ดังก้องไปด้านนอก บอกให้อาเพศรู้ว่าเจ้านกอสูรยังไม่ได้รายงานเรื่องที่ตนทำงานพลาด ปีศาจหนุ่มจึงกลั้นใจเดินไปหาผู้เป็นนายด้วยตนเอง
คำสารภาพของลูกน้องทำให้อันธการหุบยิ้มในบัดดล เมื่อวิชชุตาเทวีผู้เลอโฉมหลุดมือไปอีกหน
“โปรดให้อภัยข้าพระองค์ด้วย” อาเพศคุกเข่าแล้วก้มหน้านิ่ง ด้วยไม่กล้าสบสายตาของผู้ที่นายที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือด
“ข้าไม่ชอบความผิดหวัง!”
เจ้าชายปีศาจตะโกนก้องจนปราสาททั้งหลังสั่นสะเทือน ดอกไม้ที่ประดับไว้พากันเหี่ยวเฉา หลอดไฟที่ส่องแสงสว่างแตกกระจายจนห้องกลับมาอยู่ในความสลัวอีกครั้งเพราะอำนาจแห่งความมืด
เขาสู้อุตส่าห์วางแผนอย่างสมบูรณ์แบบแต่ไอ้ปีศาจไม่ได้ความนี่กลับทำงานพลาด
ขุมพลังที่มองไม่เห็นยกร่างของอาเพศลอยขึ้นสูง แล้วพุ่งไปกระแทกกำแพงจนผนังเป็นรอยแตกร้าว
“ขะ…ข้าพระองค์ทำตามแผนที่ฝ่าบาทสั่งทุกอย่าง หากวายุเทพกับนางผู้นั้นไม่โผล่มาขัดขวาง ข้าพระองค์คงเอาตัวองค์เทวีมาถวายให้ท่านได้แล้ว” อาเพศละล่ำละลักบอกอย่างหวาดกลัว
เหตุผลที่กล่าวมาทำให้เจ้าชายปีศาจยอมปล่อยร่างของอาเพศลงสู่พื้น ตัวแปรอื่นที่ไม่คาดคิดทำให้เจ้าชายปีศาจรู้สึกสนใจขึ้นมา
“นางผู้นั้นคือใคร”
“ข้าพระองค์ก็ไม่รู้แต่นางมีพลังที่ทำให้หอกของข้าสลายกลายเป็นไอได้”
เจ้าชายปีศาจนิ่งคิดไปชั่วขณะ แล้วหันไปควักนัยน์ตาโปนๆ ของโลหิตออกมาข้างหนึ่ง ก่อนจะโยนไปให้อาเพศ
“ไปสืบมาว่ามนุษย์นางนั้นอยู่ที่ไหน ทำให้นางแสดงพลังแล้วส่งภาพผ่านห้องกระจกมาให้ข้า”
“พระเจ้าค่ะ”
อาเพศลนลานทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าหากทำอะไรไม่ทันใจ จะเจอโทสะของเจ้าชายเข้าอีกระลอกหนึ่ง
“เจ้าว่า นางผู้นั้นจะใช่พี่หญิงคนงามของข้าไหม” อันธการงึมงำถามนกอสูร
“เป็นไปได้พระเจ้าค่ะ…เป็นไปได้ ในกาลก่อนมีเพียงพระนางคนเดียวเท่านั้นที่ทั้งเทพและอสูรก็ไม่อาจแตะต้อง เจ้าหญิงกลับมาแล้ว ฮี่ๆ เจ้าหญิงของข้า” โลหิตหัวเราะด้วยเสียงแหลมบาดหู
มันมีสัญชาติญาณบางอย่างที่ทำให้มั่นใจว่านางผู้นั้นที่อาเพศเอ่ยถึง เป็นคนเดียวกับเจ้าหญิงโฉมงามของมัน
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบตรงที่ผนึกความทรงจำถูกผนึกอย่างแน่นหนา ชีวิตของวิชชุตาก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง เธอโทรหาแม่กับไตรภพบ่อยเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันก็ไปมาหาสู่วชิระอย่างเหมาะสม ไม่ได้เอาแต่เกาะติดเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร
นิศารัตน์เองก็ดูเหมือนจะยอมอ่อนให้มาก เพราะเธออนุญาตให้เขาเข้ามาติวหนังสือให้พัชราวดีกับวิชชุตาในห้อง โดยที่ตัวเองก็ยังอยู่ในห้องด้วย ถึงจะอ้างว่าเพื่อจะได้อยู่ในสายตาแต่ท่าทีของหญิงสาวที่มีต่อวชิรเทพก็ดูเปลี่ยนไป
เนื่องจากที่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเรียนในครึ่งเทอมแรกหายไปหมด วิชชุตาจึงต้องอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกวัน ถ้าเป็นวิชาท่องจำที่จำแล้วสอบไม่ได้เอามาใช้ในชั้นปีสูงๆ ขึ้นไปหญิงสาวก็ยอมปล่อยทิ้งไป แต่บางวิชาต้องเก็บเอาไว้ใช้ในปีสี่อย่างชีวสถิติ หรือบางอย่างที่ต้องมีพื้นฐานให้แน่นถึงจะเข้าใจบทต่อไปอย่างเคมีก็ต้องทบทวนความรู้กันหนักหน่อย
โชคดีที่ได้วชิรเทพกับนิศารัตน์คอยติวให้ หญิงสาวจึงออกจากห้องสอบมาได้อย่างมั่นใจ วิชชุตาไม่ได้หวังสูงถึงขั้นเกียรตินิยม เธอหวังแค่ให้มีเกรดสวยๆ ไปอวดแม่แล้วเกรดสูงพอจะเรียนต่อปริญญาโทได้ก็พอใจแล้ว แม่อยากให้เธอเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเธอต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
พอสอบเสร็จหญิงสาวก็โทรหาแม่ไปรายงานผลทันที
“ทำได้ไหมลูก ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องเครียดนะ แม่รู้ว่าหนูทำดีที่สุดแล้ว” ทิพย์อาภาเอ่ยปลอบเผื่อเอาไว้ในกรณีที่ลูกสาวทำข้อสอบไม่ค่อยได้
“ฟ้าว่าฟ้าพอทำได้นะคะ ถ้าคราวนี้เกรดออกมาไม่ต่ำกว่าสองจุดแปดแม่ต้องให้รางวัลฟ้านะคะ”
วิชชุตามั่นใจว่าน่าจะได้ไม่ต่ำกว่านี้ก็เลยขอรางวัลเอาไว้เลย
“ได้จ้ะ แล้วจะกลับบ้านเมื่อไรล่ะลูก”
“อีกสองสามวันค่ะแม่ ฟ้าว่าจะเลี้ยงขอบคุณพี่ไฟก่อน พี่เขาอุตส่าห์มาช่วยติวหนังสือให้ทั้งที่ก็ยุ่ง แม่ส่งสูตรแกงอ่อมมาให้ฟ้าทางเมลได้รึเปล่าคะ ฟ้าจะทำให้พี่เขาชิม พี่เขาไม่เคยกินอาหารเหนือเลยสักอย่าง”
ระยะนี้ลูกสาวของเธอเอ่ยชื่อคนชื่อไฟบ่อยๆ ทิพย์อาภาก็เลยเดาว่าทั้งสองคนคบหาดูใจกันอยู่ วิชชุตาเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถ้าอยากคบหาดูใจกับใครเธอก็ไม่ว่า เนื่องจากเชื่อใจว่าลูกจะไม่ทำอะไรเสียหาย
“คืนนี้แม่จะส่งสูตรไปให้นะลูก ปิดเทอมนี้ลองชวนเรมาเที่ยวบ้านเราสิจ๊ะ จะชวนพี่ไฟหรือเพื่อนผู้ชายแม่ก็ไม่ว่านะ แม่จะได้เตรียมเรือนเล็กไว้ให้พักกัน”
เรือนเล็กที่ว่าคือบ้านชั้นเดียวหลังกำลังพอเหมาะ สร้างแยกออกมาจากบ้านใหญ่ราวสิบเมตร มีห้องนอนสองห้องกับห้องน้ำในตัว เวลาแขกไปใครมาก็มักจะจัดให้พักกันที่นั่น
“ได้ค่ะแม่ ฟ้าจะลองชวนดู แค่นี้ก่อนนะคะ ฟ้าออกไปหาอะไรกินก่อน หิวจะแย่”
เมื่อเช้าก่อนมาสอบเธอตื่นสายก็เลยได้กินนมรองท้องไปแค่กล่องเดียวเท่านั้น
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะลูก”
“แม่ก็ดูแลตัวเองนะคะ ฟ้ารักแม่ค่ะ” วิชชุตาวางสายแล้วยิ้มอย่างสบายใจที่การสอบเสร็จสิ้นไปเสียที
วันนี้นิศารัตน์กับวิชชุตาเอารถมาคนละคันเพราะว่านิศารัตน์ต้องเอาของไปให้ญาติหลังสอบ แม่ของเจ้าหล่อนเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศสก็เลยฝากน้ำหอมกับของแบรนด์เนมมาให้คุณอาเจ้าของหอพักที่พวกเธออยู่
ในขณะที่หญิงสาวกำลังสาวเท้าเดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์ เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ เหมือนกับถูกใครบางคนจ้องมอง แต่พอหันไปกลับไม่เห็นว่าอะไรอยู่ด้านหลัง เธอจึงไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่านอนน้อยเลยอุปมาไปเอง
คล้อยหลังหญิงสาวดวงตาข้างหนึ่งของปีศาจนกก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากที่ซ่อน ตอนที่วิชชุตาเทวีหันมามันแอบไปหลบอยู่ด้านหลังถังขยะได้อย่างฉิวเฉียด จึงไม่ถูกพบเห็นเข้า แม้มันจะล่องหนได้ แต่หากถูกพวกเทพเพ่งนานๆ ก็อาจจะทำให้เวทล่องหนเสื่อมฤทธิ์ได้เช่นกัน
อาเพศที่เฝ้ามองจากระยะไกลรีบเรียกดวงตาของนกอสูรมาเก็บไว้ที่มือดังเดิม แล้วแอบตามวิชชุตาเทวีไป เผื่อว่าจะได้เจอหญิงสาวที่มีพลังแปลกประหลาดคนนั้น
ทีแรกชายหนุ่มใช้วิธีสร้างภาพใบหน้านิศารัตน์ขึ้นมาจากความทรงจำ แล้วให้ปีศาจที่มีญาณกล้าแข็งช่วยหาที่อยู่ให้ มันเสียเวลาไปสิบกว่าวันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ใด มันจึงตัดสินใจลองส่งสมุนตัวเล็กตัวน้อยออกไปตามหาดู ทว่าทุกตัวกลับตายเรียบไม่เหลือรอดกลับมารายงานเลย
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะปีศาจชั้นต่ำพวกนี้กลบกลิ่นอายของตัวเองไม่เป็น พวกมันจึงถูกวายุเทพกำจัดจนหมด
วายุเทพถือว่าเขตมหาวิทยาลัยคืออาณาเขตของตน เขาปรารถนาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้อย่างสงบ ดังนั้นเหตุผิดปกติหรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติจึงต้องถูกปิดบังเอาไว้ไม่ให้เป็นข่าว
ผ่านไปเดือนเศษอาเพศก็ยังตามหาตัวนิศารัตน์ไม่พบ โชคดีที่ตอนนี้เจ้าชายปีศาจกำลังหมกมุ่นเกี่ยวกับละครผีดูดเลือดที่สร้างโดยมนุษย์ มันก็เลยรอดตัวไปได้ระยะใหญ่ อาเพศรู้ดีว่าหากไม่เร่งทำอะไรสัก ซีรีส์อภิมหายาวนี้จบลงเมื่อไรมันต้องแย่แน่
ปีศาจหนุ่มตัดสินใจไปเยี่ยมเทพดาราเพื่อเค้นคอหาเบาะแสเกี่ยวกับสตรีปริศนาคนนี้ เทพดาราไม่รู้จักนางแต่ก็แนะนำให้ลองติดตามวิชชุตาเทวีดู นางมาช่วยวิชชุตาเทวีได้แสดงว่านางจะต้องเป็นคนใกล้ตัววิชชุตาเทวี
อาเพศจึงตัดสินใจสะกดรอยตามวิชชุตาเทวีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องพยายามกลบกลิ่นอายของพลังตัวเองตลอด
การลอบติดตามทำให้รู้ว่าวิชชุตาอาศัยอยู่กับมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง ดวงตานกอสูรจึงสบโอกาสใช้กลิ่นมนุษย์อำพรางกายตัวเองไว้ไม่ให้วิชชุตารู้ตัว
ภาพที่มองผ่านลูกตานกอสูรจะถูกบันทึกเก็บไว้ในความทรงจำของเจ้าโลหิต เวลาอันธการต้องการจะดูภาพเหล่านั้นก็จะใช้เวทมนตราเปิดความทรงจำของนกอสูรออกมาดูผ่านทางกระจกมนตรา
ในขณะที่ดวงตานกอสูรทำหน้าที่เป็นกล้องสอดแนมอยู่นั้น ด้านนอกอาเพศกลับได้พบกับคนที่มันกำลังตามหาอย่างไม่คาดฝัน
หญิงสาวตวัดตาขึ้นมามองมัน แล้วคลื่นพลังบางอย่างก็เข้ามาคุกคามจนทำให้ปีศาจหนุ่มต้องร่นถอยไปไกลลิบ
นิศารัตน์สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าอึดใจเดียวมันก็ลอยห่างออกไป ภาพใบหน้าปีศาจที่เจอกันคราวก่อนผุดเข้ามาในสมอง ทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลางอันตราย จึงรีบสาวเท้าเข้าไปในห้อง
หญิงสาวทำจมูกฟุตฟิตเหมือนกำลังดมหาต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปทั่วห้อง วิชชุตาที่กำลังเก็บกวาดห้องจึงหันไปถามว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
“เหมือนได้กลิ่นอะไรตุๆ น่ะ” นิศารัตน์ตอบแล้วพยายามเพ่งสมาธิจับสัมผัสไปทั่วห้อง
ดวงตานกอสูรจึงรีบลอยมาหลบอยู่ข้างตัวพัชราวดี ถ้าคนหาคือวิชชุตามันคงรอดตัวได้สบายแต่นี่คือนิศารัตน์ นักเล่นซ่อนหาที่เก่งที่สุดในโลก มันเลยไม่อาจหนีพ้น
หญิงสาวคว้าหมับไปที่ผู้บุกรุกอย่างแม่นยำ แล้วออกแรงบีบลูกตาที่ไม่มีใครมองเห็นเต็มแรง อึดใจลูกตาลูกนั้นก็หายไปจากฝ่ามือเธอ แล้วบรรยากาศในห้องก็กลับมาปกติดังเดิม
“มีอะไรเหรอนิ” พัชราวดีเอียงคอมาถาม เมื่ออยู่ๆ เพื่อนสาวก็กระโจนเข้าใส่แล้วจับอะไรบางอย่างไว้ในมือ
“ยุงน่ะ จัดการเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวแสร้งทำเป็นเช็ดฝ่ามือแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สัมผัสพิเศษทำให้นิศารัตน์รู้สึกกังวลใจเหมือนกับทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ทีแรกหญิงสาวตั้งใจจะบอกกับวิชชุตาแต่แล้วก็ต้องเงียบไป เมื่อสำนึกได้ว่าพวกเธอไม่มีวันหลีกหนีเรื่องเหล่านี้พ้น มันเป็นเรื่องยากเสียแล้วที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาทั่วไป เธอจึงปล่อยให้เพื่อนมีความสุขกับช่วงเวลาแสนสงบนี้ให้เต็มที่ ก่อนจะต้องรับศึกหนักอีกครั้ง
เมื่อดวงตาถูกทำร้ายเจ้าของดวงตาอย่างโลหิตก็ต้องได้รับความเจ็บปวดตามไปด้วย นกอสูรหงายหลังลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
อาการผิดปกติของสัตว์เลี้ยงทำให้อันธการละสายตาจากกระจกมนตราซึ่งใช้ต่างจอโทรทัศน์ ปีศาจหนุ่มชี้นิ้วไปที่เบ้าตาข้างที่ว่างเปล่าเพื่อเรียกดวงตานกอสูรกลับมา
ดวงตาส่วนที่เป็นตาขาวแดงก่ำแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายหนัก อันธการจึงร่ายเวทคืนสภาพให้ดวงตานั้นแล้วดึงภาพที่มันบันทึกได้ถ่ายโอนไปยังกระจกมนตรา
ภาพแรกที่ชายหนุ่มเห็นคือดวงหน้าแสนงดงามของวิชชุตาเทวี นางอยู่ในชุดแปลกตาเหมือนกับที่เคยเห็นมนุษย์ที่เรียกว่านักศึกษาในยุคนี้ใส่กัน เสื้อแขนสั้นสีขาว กระโปรงคลุมเข่า มองแล้วดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
อันธการมองภาพของวิชชุตาเทวีอย่างเพลิดเพลิน หญิงมนุษย์ที่อยู่กับนางก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่ทำให้เจริญตาเจริญใจ แล้วก็มีหญิงหน้าตาธรรมดานางหนึ่งโผล่เข้ามาในกรอบภาพ อันธการมองผ่านนางไปเพราะคิดว่าไม่ใช่คนที่กำลังนึกถึง แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่านางคือคนที่ทำร้ายดวงตาอสูร
“ไม่ใช่เจ้าหญิง…เจ้าหญิงของข้าไม่ขี้ริ้วแบบนี้” โลหิตเอ่ยอย่างผิดหวัง
ทว่าอันธการกลับยังติดใจเรื่องของมนุษย์นางนี้อยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจเรียกเสนาธิการปีศาจเข้าพบเพื่อสั่งการให้รักษาการณ์แทนขณะที่ตนออกไปนอกมิติแห่งความมืด
“ข้าจะขอใช้สิทธิ์หนึ่งก้านธูปไปยังโลกมนุษย์”
“ฝ่าบาทจะขึ้นไปทำไมพระเจ้าค่ะ”
รากษสไม่อยากอนุญาตแต่ก็ไม่อาจค้าน เพราะนี่คืออภิสิทธิ์ที่จอมปีศาจมอบไว้ให้บุตรชาย
ตราบใดที่จอมปีศาจยังไม่ฟื้นคืนก็ห้ามปีศาจที่มีฤทธิ์สูงออกไปข้างนอกเป็นอันขาด ทว่ากฎก็ย่อมมีข้อยกเว้นเอาไว้สำหรับอภิสิทธิ์ชนอย่างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของจอมปีศาจ ในหนึ่งปีจอมปีศาจอนุญาตให้อันธการออกไปยังแดนมนุษย์ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งก้านธูป
เทียบกับเวลาของมนุษย์แล้วหนึ่งก้านธูปก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่สำหรับปีศาจทรงอิทธิฤทธิ์อย่างอันธการ ครึ่งชั่วโมงนี้นานพอให้ก่อความวุ่นวายได้สารพัดอย่าง
“ข้าจะนำของขวัญไปมอบให้ว่าที่ชายาข้า”
กล่องกระดาษสีทองดูหรูหราปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของอันธการ เจ้าชายปีศาจทอดมองมันด้วยสายตาที่แฝงกลอุบายชั่วร้ายเอาไว้
วิชชุตาเทวีในชาตินี้ดูเหมือนเด็กสาวอ่อนต่อโลก ผิดกับชาติก่อนเป็นอย่างมาก เจ้าชายปีศาจจึงอยากจะทดสอบว่ากลอุบายที่เคยพลาดเมื่อหลายพันปีก่อนจะใช้ได้หรือไม่
“ถ้าเพียงแค่ส่งของขวัญ ให้ปีศาจตนอื่นทำเองก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ ไม่เห็นต้องทรงลำบากไปเองเลย” รากษสแย้ง
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการด้วย รีบไปเตรียมการเสียก่อนที่ข้าจะอารมณ์เสีย”
เจ้าชายปีศาจเอ่ยเสียงเข้มใส่พี่เลี้ยงจอมจู้จี้ แล้วหันไปเปิดในนิตยสารเลือกดูว่าเขาควรจะใช้ร่างแบบไหนเพื่อไปยังแดนมนุษย์ดี
หลังจากได้สูตรแกงอ่อมมาแล้ว วิชชุตากับพัชราวดีก็ไปจ่ายตลาดเตรียมทำอาหารเย็นเลี้ยงตอบแทนวชิรเทพ
วิชชุตาทำอาหารเก่งเพราะสนใจทางด้านนี้ เธอคิดว่ามันเหมือนกันการได้เล่นสนุก ยิ่งคนกินบอกว่าอร่อยเธอก็ยิ่งปลื้มใจ ส่วนพัชราวดีพอทำอะไรง่ายๆ ได้ งานในครัวจึงไม่ขลุกขลักนัก ไม่นานแกงอ่อมกลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งออกมาด้านนอกห้องนั่งเล่น
“นิช่วยชิมหน่อยสิว่ารสชาติใช้ได้รึยัง” พัชราวดีตักน้ำแกงใส่ช้อนไปให้เพื่อนชิมถึงห้องนั่งเล่น
“จืดไปหน่อยนะ เติมพริกแกงอีกนิดแล้วใส่น้ำปลาอีกครึ่งช้อนจะพอดีมากเลย”
นิศารัตน์ไม่ชอบทำกับข้าวแต่มีความสามารถในการแยกแยะรสชาติเป็นเลิศ พัชราวดีกับวิชชุตาจึงใส่เครื่องแกงเพิ่มลงไปตามที่หญิงสาวบอก
ในขณะที่เพื่อนทั้งสองกำลังสาละวนอยู่กับการทำอาหาร นิศารัตน์กลับเอกเขนกนั่งอ่านหนังสือโดยไม่คิดที่จะช่วย เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อขอบคุณคนที่เธอไม่ชอบหน้า หญิงสาวจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง พัชราวดีกับวิชชุตาก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่นิศารัตน์ยอมมาร่วมโต๊ะด้วยเท่านั้นก็พอแล้ว
สองสาววางแผนจัดงานนี้ขึ้นก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างนิศารัตน์กับวชิรเทพไปในตัว วชิรเทพไม่เคยถือสาเวลาที่นิศารัตน์พูดไม่ดีหรือทำเย็นชาใส่ นิศารัตน์เองก็ยอมลงให้ในหลายเรื่อง ได้มานั่งคุยกันในบรรยากาศสนุกๆ อาจจะทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น
เมนูอาหารในวันนี้เรียกว่ารวมมิตรสารพัดอย่าง ชุดแรกคือข้าวสวยกับแกงอ่อมพร้อมแคบหมูให้วชิรเทพลองกิน จานหลักก็คือสุกี้ เผื่อเอาไว้ว่าแกงอ่อมจะไม่ถูกปาก ทั้งยังมีของทานเล่นจำพวกของทอดเอาไว้กินก่อนสุกี้สุก ปิดท้ายด้วยไอศกรีมกับผลไม้จานโต
สถานที่ที่ใช้ตั้งหม้อสุกี้คือห้องนั่งเล่นเพราะในครัวดูอึดอัดและคับแคบเกินไป นิศารัตน์เห็นแม่ครัวหัวป่าทั้งสองยังเตรียมของไม่เสร็จทั้งที่ใกล้เวลานัด เธอก็เลยจัดการลากโซฟามาชิดผนังจัดการเตรียมสถานที่ให้ พร้อมตะโกนบอกเสร็จสรรพว่าที่ทำไปนั้นเพราะเริ่มหิว ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยแต่อย่างใด
ยี่สิบนาทีต่อมาวชิรเทพก็มาถึง ชายหนุ่มหิ้วน้ำอัดลมกับขนมเค้กหน้าตาน่าทานมาด้วยกล่องโต
“พี่ไฟละก็ บอกแล้วว่าอย่าเอาอะไรมา พวกเราจะเลี้ยงของคุณพี่นะคะ” วิชชุตาติง
ส่วนพัชราวดีนั้นโผเข้าหาของหวานแทบจะทันที ระยะหลังมานี้หญิงสาวหมดความพยายามในการลดน้ำหนักก็เลยเลิกไดเอท แต่น้ำหนักกลับลดลงเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่เป็นแบบนั้นเพราะเธออ่านหนังสือจนลืมกินลืมนอน สอบเสร็จเลยเปรี้ยวปากกินพวกของหวานเป็นพิเศษ
“เค้กน่ารักทั้งนั้นเลย มีเค้กสตรอว์เบอร์รีที่นิชอบด้วยนะ” พัชราวดีกวักมือเรียกเพื่อนอย่างตื่นเต้น
ชายหนุ่มได้ยินก็ปรายทางมาทางนิศารัตน์แล้วส่งยิ้มให้เหมือนกับจะเอ่ยทักทาย
นิศารัตน์ทำเป็นไม่สนใจแล้วหย่อนก้นลงนั่งหน้าหม้อสุกี้เป็นคนแรก หญิงสาวกดหม้อไฟฟ้าเร่งให้น้ำเดือด แล้วกอดอกรอเวลา
“พี่ไฟนั่งเลยค่ะ เดี๋ยวฟ้าตักแกงอ่อมมาให้ ไม่ถูกปากก็ไม่ต้องฝืนนะคะพี่ ของกินยังมีอีกเยอะ”
หญิงสาวก้าวยาวๆ ไปตักข้าวกับแกงมาจัดวางไว้ตรงหน้าวชิรเทพแล้วนั่งรอลุ้นผลว่าจะถูกปากพี่ชายรึเปล่าอย่างใจจดใจจ่อ
วชิระตักแกงอ่อมฝีมือน้องสาวกับหลานรหัสเข้าปากคำโต ชายหนุ่มเอ่ยชมว่าอร่อยไม่ขาดปาก ทั้งยังกินจนหมดถ้วย แม่ครัวทั้งสองเลยยิ้มแก้มปริ
จากนั้นก็ได้เวลาทำสุกี้กัน วิชชุตากับพัชราวดีเป็นคนจัดแจงทยอยใส่ของต่างๆ ลงในหม้อ ส่วนนิศารัตน์ก็รับหน้าที่กินแบบไม่พูดไม่จา
บรรยากาศโดยรวมก็เหมือนจะดี ถ้าไม่นับสงครามสายตาที่เกิดขึ้นระหว่างวชิรเทพกับนิศารัตน์ สองคนนี้ไม่พูดกันสักคำ แต่สื่อสารกันด้วยท่าทางและสายตาเอา
นิศารัตน์ตวัดตามองเนื้อที่วชิระจะเอาเข้าปากนั่นหมายถึง ‘นายกล้าดียังไงมาแย่งเนื้อของฉันไป’
วชิระเลยตอบกลับด้วยการปรายตามองเต้าหู้ปลาในถ้วยของนิศารัตน์บ้าง ‘ทีเธอเอาเต้าหูฉันไปฉันยังไม่ว่าสักคำ’
แล้วทั้งสองคนก็โยนเนื้อกับเต้าหู้ใส่ในถ้วยของอีกฝ่ายเหมือนกับจะบอกว่า ‘ไม่เอาก็ได้’
สถานการณ์เป็นอย่างนี้อยู่นานจนจอมวางแผนทั้งสองต้องแวบเข้าครัวเพื่อไปปรึกษากัน
“มีเราอยู่ด้วย นิเลยยังหยิ่งไม่กล้าคุยมั้ง ฉันว่าพวกเราหาปล่อยเขาอยู่ด้วยกันสักพักดีกว่า”
“ได้เลย คิกๆ เหมือนเรากำลังเล่นบทคิวปิดเลยเนอะ” พัชราวดีตบมือเบาๆ อย่างถูกใจ
อึดใจต่อมาสองสาวก็กลับไปนั่งที่ วิชชุตาแกล้งทำน้ำจิ้มหกแล้วผุดลุกเข้าครัวไปทำใหม่ ส่วนพัชราวดีก็อ้างว่าน้ำแข็งหมดจะเดินลงไปซื้อก่อน
เมื่อทิ้งสองหนุ่มสาวเอาไว้ด้วยกัน ความเงียบจึงปกคลุมไปทั่วห้อง ทั้งสองคนยังคงไม่พูดอะไรกันแต่สื่อสารด้วยภาษาใบ้กันต่อไป
อยู่ๆ วชิรเทพก็คีบเนื้อหมูให้ นิศารัตน์จึงจ้องกลับเหมือนจะถามว่าทำไม
“คีบให้ก็กินไปเถอะน่า” วชิรเทพเอ่ยขึ้นมาก่อน เนื่องจากเริ่มเหนื่อยกับการใช้ภาษาท่าทางกับเจ้าหล่อนแล้ว
“ไม่!” หญิงสาวปฏิเสธแล้วโยนหมูใส่ถ้วยของชายหนุ่มแทน
“ให้แล้วไม่รับคืน” ชายหนุ่มโยนคืนมาบ้าง
“บอกว่าไม่เอาไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ” นิศารัตน์แหวกลับ
สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียได้ วิชชุตาเลยรีบเข้ามาห้ามทัพ ทว่าสายไปเสียแล้ว นิศารัตน์หงุดหงิดจนต้องขอไปสงบสติอารมณ์ในห้อง
ส่วนพัชราวดีนั้นหญิงสาวลงไปซื้อน้ำแข็งจริงอย่างที่พูดแต่หาเรื่องอ้อยอิ่งอยู่ด้านล่างพักใหญ่ พอคิดว่านานพอแล้วจึงค่อยหิ้วถุงน้ำแข็งกลับขึ้นไปบนห้อง
ระหว่างทางหญิงสาวเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง กำลังเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
“สวัสดีค่ะคนสวย จะไปไหนจ๊ะ” หญิงสาวเข้าไปทักทายเพราะรู้สึกเอ็นดู
“หนูมาส่งของให้ห้องสองศูนย์ศูนย์ค่ะ มีพี่ชายหล่อๆ ฝากมาให้พี่สาวที่ชื่อฟ้า” สาวน้อยกระโปรงแดงหันมาบอกแล้วยิ้มให้อย่างน่ารัก
“บังเอิญจังเลย ห้องนั้นเป็นห้องพี่กับเพื่อนพอดีเลยจ้ะ”
“ถ้าพี่อยู่ห้องนั้น หนูขอฝากของไปให้พี่ฟ้าหน่อยนะคะ”
พูดจบเด็กหญิงก็ยัดกล่องสีทองใบเล็กใส่มือของพัชราวดี
ก่อนที่หญิงสาวจะได้ถามที่มาที่ไปของของขวัญกล่องนี้ เด็กน้อยก็วิ่งลงบันไดไปแล้ว เผลออึดใจเดียวก็หายลับไปจากสายตา
“ฟ้านี่เสน่ห์แรงจริงๆ น้า” พัชราวดีงึมงำอย่างไม่เอะใจสงสัยอะไร
พอหญิงสาวกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่านิศารัตน์หายไปจากโต๊ะ เธอจึงบุ้ยใบ้ถามเพื่อนว่านิศารัตน์ไปไหน วิชชุตาจึงชี้ไปที่ห้องแล้วยกหัวแม่โป้งชี้ลงเป็นเชิงบอกว่าแผนการนี้ล้มเหลว พัชราวดีเลยลอบถอนใจอย่างผิดหวัง ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนแล้วยื่นกล่องของขวัญให้
“มีเด็กผู้หญิงบอกว่าพี่ชายที่หล่อๆ ฝากมาให้ล่ะ แกะดูเลยไหม”
วชิรเทพปรายตามองแล้วหันกลับมาทำเป็นไม่สนใจ ทว่าก็แอบอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าบรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบน้องสาวส่งของกำนัลอะไรมาให้
“มือฉันเลอะ ยังทำน้ำจิ้มไม่เสร็จเลย เรแกะให้หน่อยสิ”
วิชชุตาได้ของจากคนที่มาจีบบ่อยๆ แต่เธอก็ไม่รับหรือคืนไปทุกครั้ง ระยะหลังเลยมีของไม่ระบุนามผู้ส่งส่งมาให้ ไม่ก็วางไว้หน้าห้องประจำ ดังนั้นเธอก็เลยคิดว่าคนส่งเป็นหนุ่มเจ้าเดิม
เมื่อได้รับคำอนุญาต คนอยากรู้อยากเห็นจึงดึงโบออกแล้วเปิดกล่องทันที
“อย่าเปิดนะ!” อยู่ๆ นิศารัตน์ก็วิ่งพรวดเข้ามาห้าม
ทว่าสายไปเสียแล้ว ทันทีที่ที่คลายโบออกคำสาปที่อยู่ในกล่องปริศนาก็เริ่มทำงาน คำสาปร้ายนี้ทำให้พัชราวดีหมดสติล้มลงไปในทันที
บทที่ 1 สอดแนม
ในเขตวังต้องห้ามของเจ้าชายปีศาจ ห้องโถงถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างงดงามราวกับจำลองแดนสวรรค์มาเพื่อต้อนรับวิชชุตาเทวีโดยเฉพาะ ถึงจะมาแบบไม่เต็มใจแต่สถานที่สวยๆ ก็ช่วยให้สตรีส่วนใหญ่ลดความหวาดกลัวและอาการต่อต้านไปได้
“เพิ่มแสงสว่างอีกหน่อย ข้าไม่อยากให้ที่นี่มันดูทึบนัก” อันธการสั่ง
ปีศาจจิ๋วมีปีกขนาดเท่าสุนัขพุดเดิ้ลกลุ่มใหญ่จึงบินไปขนเอาโคมไฟระย้ามาประดับเพิ่ม
เจ้าชายปีศาจเดินตรวจงานตกแต่งจากห้องโถงแล้วขึ้นบันไดเวียนซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้มายังห้องนอน ที่จัดเตรียมไว้สำหรับเป็นห้องหอ
“ไม่…ไม่ ไม่เอาผ้าปูสีดำ ไร้รสนิยมสิ้นดี” เจ้าชายปีศาจร้องห้ามเมื่อเห็นปีศาจรับใช้ตัวจิ๋วกำลังขนชุดเครื่องนอนเข้ามา “เปลี่ยนผ้าไหมซาตินสีขาวปักลายหวานๆ ได้อารมณ์กว่า”
ในขณะที่กำลังสั่งการปีศาจจิ๋วสีแดงก็บินโฉบหลบหลีกบรรดาปีศาจจิ๋วสีดำที่เป็นข้ารับใช้เข้ามาในห้องเพื่อแจ้งข่าว
“ฝ่าบาท ท่านอาเพศมาแล้วพระเจ้าค่ะ”
นามของเจ้าตัวสีแดงตาโปนคล้ายนกฮูกตัวนี้คือ ‘โลหิต’ มันรับหน้าที่เป็นมหาดเล็กคนสนิทของเจ้าชายปีศาจและเป็นสัตว์เลี้ยงไปด้วยในตัว
“มากันเร็วจริง ข้ายังเตรียมตัวไม่เสร็จเลย เจ้าว่าสูทขาวหรือสูทดำดี”
ขาดคำอาภรณ์สีดำแบบโบราณที่สวมใส่ก็เปลี่ยนไปตามคำพูด ตอนนี้อันธการกับกำลังเห่อความเป็นมนุษย์ ก็เลยอยากจะลองทำอะไรที่คล้ายกับพิธีแต่งงานในโบสถ์ดู
“อ่า…เลือกยากจริงๆ ฝ่าบาท เหมาะเจาะทั้งคู่ ข้าพระองค์ว่าทักซิโด้ก็ไม่เลว” พอถูกถามโลหิตก็ตอบไปตามเรื่องเลยลืมไปเสียสนิทว่าจะมารายงานเรื่องอาเพศทำงานพลาด
“ฮึ ทักซิโด้งั้นรึ ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากดูเหมือนนกเพนกวิน ข้าว่าสูทขาวดีกว่า วันนี้มิติแห่งความมืดจะสว่างไสวเพราะเจ้าสาวคนงาม ข้าไม่อยากเห็นอะไรสีดำ” อันธการอมยิ้มแล้วหัวเราะร่วน
เสียงหัวเราะนี้ดังก้องไปด้านนอก บอกให้อาเพศรู้ว่าเจ้านกอสูรยังไม่ได้รายงานเรื่องที่ตนทำงานพลาด ปีศาจหนุ่มจึงกลั้นใจเดินไปหาผู้เป็นนายด้วยตนเอง
คำสารภาพของลูกน้องทำให้อันธการหุบยิ้มในบัดดล เมื่อวิชชุตาเทวีผู้เลอโฉมหลุดมือไปอีกหน
“โปรดให้อภัยข้าพระองค์ด้วย” อาเพศคุกเข่าแล้วก้มหน้านิ่ง ด้วยไม่กล้าสบสายตาของผู้ที่นายที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือด
“ข้าไม่ชอบความผิดหวัง!”
เจ้าชายปีศาจตะโกนก้องจนปราสาททั้งหลังสั่นสะเทือน ดอกไม้ที่ประดับไว้พากันเหี่ยวเฉา หลอดไฟที่ส่องแสงสว่างแตกกระจายจนห้องกลับมาอยู่ในความสลัวอีกครั้งเพราะอำนาจแห่งความมืด
เขาสู้อุตส่าห์วางแผนอย่างสมบูรณ์แบบแต่ไอ้ปีศาจไม่ได้ความนี่กลับทำงานพลาด
ขุมพลังที่มองไม่เห็นยกร่างของอาเพศลอยขึ้นสูง แล้วพุ่งไปกระแทกกำแพงจนผนังเป็นรอยแตกร้าว
“ขะ…ข้าพระองค์ทำตามแผนที่ฝ่าบาทสั่งทุกอย่าง หากวายุเทพกับนางผู้นั้นไม่โผล่มาขัดขวาง ข้าพระองค์คงเอาตัวองค์เทวีมาถวายให้ท่านได้แล้ว” อาเพศละล่ำละลักบอกอย่างหวาดกลัว
เหตุผลที่กล่าวมาทำให้เจ้าชายปีศาจยอมปล่อยร่างของอาเพศลงสู่พื้น ตัวแปรอื่นที่ไม่คาดคิดทำให้เจ้าชายปีศาจรู้สึกสนใจขึ้นมา
“นางผู้นั้นคือใคร”
“ข้าพระองค์ก็ไม่รู้แต่นางมีพลังที่ทำให้หอกของข้าสลายกลายเป็นไอได้”
เจ้าชายปีศาจนิ่งคิดไปชั่วขณะ แล้วหันไปควักนัยน์ตาโปนๆ ของโลหิตออกมาข้างหนึ่ง ก่อนจะโยนไปให้อาเพศ
“ไปสืบมาว่ามนุษย์นางนั้นอยู่ที่ไหน ทำให้นางแสดงพลังแล้วส่งภาพผ่านห้องกระจกมาให้ข้า”
“พระเจ้าค่ะ”
อาเพศลนลานทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าหากทำอะไรไม่ทันใจ จะเจอโทสะของเจ้าชายเข้าอีกระลอกหนึ่ง
“เจ้าว่า นางผู้นั้นจะใช่พี่หญิงคนงามของข้าไหม” อันธการงึมงำถามนกอสูร
“เป็นไปได้พระเจ้าค่ะ…เป็นไปได้ ในกาลก่อนมีเพียงพระนางคนเดียวเท่านั้นที่ทั้งเทพและอสูรก็ไม่อาจแตะต้อง เจ้าหญิงกลับมาแล้ว ฮี่ๆ เจ้าหญิงของข้า” โลหิตหัวเราะด้วยเสียงแหลมบาดหู
มันมีสัญชาติญาณบางอย่างที่ทำให้มั่นใจว่านางผู้นั้นที่อาเพศเอ่ยถึง เป็นคนเดียวกับเจ้าหญิงโฉมงามของมัน
หลังจากเรื่องวุ่นวายจบตรงที่ผนึกความทรงจำถูกผนึกอย่างแน่นหนา ชีวิตของวิชชุตาก็กลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง เธอโทรหาแม่กับไตรภพบ่อยเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันก็ไปมาหาสู่วชิระอย่างเหมาะสม ไม่ได้เอาแต่เกาะติดเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร
นิศารัตน์เองก็ดูเหมือนจะยอมอ่อนให้มาก เพราะเธออนุญาตให้เขาเข้ามาติวหนังสือให้พัชราวดีกับวิชชุตาในห้อง โดยที่ตัวเองก็ยังอยู่ในห้องด้วย ถึงจะอ้างว่าเพื่อจะได้อยู่ในสายตาแต่ท่าทีของหญิงสาวที่มีต่อวชิรเทพก็ดูเปลี่ยนไป
เนื่องจากที่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเรียนในครึ่งเทอมแรกหายไปหมด วิชชุตาจึงต้องอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนทุกวัน ถ้าเป็นวิชาท่องจำที่จำแล้วสอบไม่ได้เอามาใช้ในชั้นปีสูงๆ ขึ้นไปหญิงสาวก็ยอมปล่อยทิ้งไป แต่บางวิชาต้องเก็บเอาไว้ใช้ในปีสี่อย่างชีวสถิติ หรือบางอย่างที่ต้องมีพื้นฐานให้แน่นถึงจะเข้าใจบทต่อไปอย่างเคมีก็ต้องทบทวนความรู้กันหนักหน่อย
โชคดีที่ได้วชิรเทพกับนิศารัตน์คอยติวให้ หญิงสาวจึงออกจากห้องสอบมาได้อย่างมั่นใจ วิชชุตาไม่ได้หวังสูงถึงขั้นเกียรตินิยม เธอหวังแค่ให้มีเกรดสวยๆ ไปอวดแม่แล้วเกรดสูงพอจะเรียนต่อปริญญาโทได้ก็พอใจแล้ว แม่อยากให้เธอเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเธอต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
พอสอบเสร็จหญิงสาวก็โทรหาแม่ไปรายงานผลทันที
“ทำได้ไหมลูก ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องเครียดนะ แม่รู้ว่าหนูทำดีที่สุดแล้ว” ทิพย์อาภาเอ่ยปลอบเผื่อเอาไว้ในกรณีที่ลูกสาวทำข้อสอบไม่ค่อยได้
“ฟ้าว่าฟ้าพอทำได้นะคะ ถ้าคราวนี้เกรดออกมาไม่ต่ำกว่าสองจุดแปดแม่ต้องให้รางวัลฟ้านะคะ”
วิชชุตามั่นใจว่าน่าจะได้ไม่ต่ำกว่านี้ก็เลยขอรางวัลเอาไว้เลย
“ได้จ้ะ แล้วจะกลับบ้านเมื่อไรล่ะลูก”
“อีกสองสามวันค่ะแม่ ฟ้าว่าจะเลี้ยงขอบคุณพี่ไฟก่อน พี่เขาอุตส่าห์มาช่วยติวหนังสือให้ทั้งที่ก็ยุ่ง แม่ส่งสูตรแกงอ่อมมาให้ฟ้าทางเมลได้รึเปล่าคะ ฟ้าจะทำให้พี่เขาชิม พี่เขาไม่เคยกินอาหารเหนือเลยสักอย่าง”
ระยะนี้ลูกสาวของเธอเอ่ยชื่อคนชื่อไฟบ่อยๆ ทิพย์อาภาก็เลยเดาว่าทั้งสองคนคบหาดูใจกันอยู่ วิชชุตาเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถ้าอยากคบหาดูใจกับใครเธอก็ไม่ว่า เนื่องจากเชื่อใจว่าลูกจะไม่ทำอะไรเสียหาย
“คืนนี้แม่จะส่งสูตรไปให้นะลูก ปิดเทอมนี้ลองชวนเรมาเที่ยวบ้านเราสิจ๊ะ จะชวนพี่ไฟหรือเพื่อนผู้ชายแม่ก็ไม่ว่านะ แม่จะได้เตรียมเรือนเล็กไว้ให้พักกัน”
เรือนเล็กที่ว่าคือบ้านชั้นเดียวหลังกำลังพอเหมาะ สร้างแยกออกมาจากบ้านใหญ่ราวสิบเมตร มีห้องนอนสองห้องกับห้องน้ำในตัว เวลาแขกไปใครมาก็มักจะจัดให้พักกันที่นั่น
“ได้ค่ะแม่ ฟ้าจะลองชวนดู แค่นี้ก่อนนะคะ ฟ้าออกไปหาอะไรกินก่อน หิวจะแย่”
เมื่อเช้าก่อนมาสอบเธอตื่นสายก็เลยได้กินนมรองท้องไปแค่กล่องเดียวเท่านั้น
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะลูก”
“แม่ก็ดูแลตัวเองนะคะ ฟ้ารักแม่ค่ะ” วิชชุตาวางสายแล้วยิ้มอย่างสบายใจที่การสอบเสร็จสิ้นไปเสียที
วันนี้นิศารัตน์กับวิชชุตาเอารถมาคนละคันเพราะว่านิศารัตน์ต้องเอาของไปให้ญาติหลังสอบ แม่ของเจ้าหล่อนเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศสก็เลยฝากน้ำหอมกับของแบรนด์เนมมาให้คุณอาเจ้าของหอพักที่พวกเธออยู่
ในขณะที่หญิงสาวกำลังสาวเท้าเดินกลับไปที่รถจักรยานยนต์ เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ เหมือนกับถูกใครบางคนจ้องมอง แต่พอหันไปกลับไม่เห็นว่าอะไรอยู่ด้านหลัง เธอจึงไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่านอนน้อยเลยอุปมาไปเอง
คล้อยหลังหญิงสาวดวงตาข้างหนึ่งของปีศาจนกก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากที่ซ่อน ตอนที่วิชชุตาเทวีหันมามันแอบไปหลบอยู่ด้านหลังถังขยะได้อย่างฉิวเฉียด จึงไม่ถูกพบเห็นเข้า แม้มันจะล่องหนได้ แต่หากถูกพวกเทพเพ่งนานๆ ก็อาจจะทำให้เวทล่องหนเสื่อมฤทธิ์ได้เช่นกัน
อาเพศที่เฝ้ามองจากระยะไกลรีบเรียกดวงตาของนกอสูรมาเก็บไว้ที่มือดังเดิม แล้วแอบตามวิชชุตาเทวีไป เผื่อว่าจะได้เจอหญิงสาวที่มีพลังแปลกประหลาดคนนั้น
ทีแรกชายหนุ่มใช้วิธีสร้างภาพใบหน้านิศารัตน์ขึ้นมาจากความทรงจำ แล้วให้ปีศาจที่มีญาณกล้าแข็งช่วยหาที่อยู่ให้ มันเสียเวลาไปสิบกว่าวันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ใด มันจึงตัดสินใจลองส่งสมุนตัวเล็กตัวน้อยออกไปตามหาดู ทว่าทุกตัวกลับตายเรียบไม่เหลือรอดกลับมารายงานเลย
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะปีศาจชั้นต่ำพวกนี้กลบกลิ่นอายของตัวเองไม่เป็น พวกมันจึงถูกวายุเทพกำจัดจนหมด
วายุเทพถือว่าเขตมหาวิทยาลัยคืออาณาเขตของตน เขาปรารถนาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้อย่างสงบ ดังนั้นเหตุผิดปกติหรือเรื่องราวเหนือธรรมชาติจึงต้องถูกปิดบังเอาไว้ไม่ให้เป็นข่าว
ผ่านไปเดือนเศษอาเพศก็ยังตามหาตัวนิศารัตน์ไม่พบ โชคดีที่ตอนนี้เจ้าชายปีศาจกำลังหมกมุ่นเกี่ยวกับละครผีดูดเลือดที่สร้างโดยมนุษย์ มันก็เลยรอดตัวไปได้ระยะใหญ่ อาเพศรู้ดีว่าหากไม่เร่งทำอะไรสัก ซีรีส์อภิมหายาวนี้จบลงเมื่อไรมันต้องแย่แน่
ปีศาจหนุ่มตัดสินใจไปเยี่ยมเทพดาราเพื่อเค้นคอหาเบาะแสเกี่ยวกับสตรีปริศนาคนนี้ เทพดาราไม่รู้จักนางแต่ก็แนะนำให้ลองติดตามวิชชุตาเทวีดู นางมาช่วยวิชชุตาเทวีได้แสดงว่านางจะต้องเป็นคนใกล้ตัววิชชุตาเทวี
อาเพศจึงตัดสินใจสะกดรอยตามวิชชุตาเทวีแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องพยายามกลบกลิ่นอายของพลังตัวเองตลอด
การลอบติดตามทำให้รู้ว่าวิชชุตาอาศัยอยู่กับมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง ดวงตานกอสูรจึงสบโอกาสใช้กลิ่นมนุษย์อำพรางกายตัวเองไว้ไม่ให้วิชชุตารู้ตัว
ภาพที่มองผ่านลูกตานกอสูรจะถูกบันทึกเก็บไว้ในความทรงจำของเจ้าโลหิต เวลาอันธการต้องการจะดูภาพเหล่านั้นก็จะใช้เวทมนตราเปิดความทรงจำของนกอสูรออกมาดูผ่านทางกระจกมนตรา
ในขณะที่ดวงตานกอสูรทำหน้าที่เป็นกล้องสอดแนมอยู่นั้น ด้านนอกอาเพศกลับได้พบกับคนที่มันกำลังตามหาอย่างไม่คาดฝัน
หญิงสาวตวัดตาขึ้นมามองมัน แล้วคลื่นพลังบางอย่างก็เข้ามาคุกคามจนทำให้ปีศาจหนุ่มต้องร่นถอยไปไกลลิบ
นิศารัตน์สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า ทว่าอึดใจเดียวมันก็ลอยห่างออกไป ภาพใบหน้าปีศาจที่เจอกันคราวก่อนผุดเข้ามาในสมอง ทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลางอันตราย จึงรีบสาวเท้าเข้าไปในห้อง
หญิงสาวทำจมูกฟุตฟิตเหมือนกำลังดมหาต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปทั่วห้อง วิชชุตาที่กำลังเก็บกวาดห้องจึงหันไปถามว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
“เหมือนได้กลิ่นอะไรตุๆ น่ะ” นิศารัตน์ตอบแล้วพยายามเพ่งสมาธิจับสัมผัสไปทั่วห้อง
ดวงตานกอสูรจึงรีบลอยมาหลบอยู่ข้างตัวพัชราวดี ถ้าคนหาคือวิชชุตามันคงรอดตัวได้สบายแต่นี่คือนิศารัตน์ นักเล่นซ่อนหาที่เก่งที่สุดในโลก มันเลยไม่อาจหนีพ้น
หญิงสาวคว้าหมับไปที่ผู้บุกรุกอย่างแม่นยำ แล้วออกแรงบีบลูกตาที่ไม่มีใครมองเห็นเต็มแรง อึดใจลูกตาลูกนั้นก็หายไปจากฝ่ามือเธอ แล้วบรรยากาศในห้องก็กลับมาปกติดังเดิม
“มีอะไรเหรอนิ” พัชราวดีเอียงคอมาถาม เมื่ออยู่ๆ เพื่อนสาวก็กระโจนเข้าใส่แล้วจับอะไรบางอย่างไว้ในมือ
“ยุงน่ะ จัดการเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวแสร้งทำเป็นเช็ดฝ่ามือแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สัมผัสพิเศษทำให้นิศารัตน์รู้สึกกังวลใจเหมือนกับทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ทีแรกหญิงสาวตั้งใจจะบอกกับวิชชุตาแต่แล้วก็ต้องเงียบไป เมื่อสำนึกได้ว่าพวกเธอไม่มีวันหลีกหนีเรื่องเหล่านี้พ้น มันเป็นเรื่องยากเสียแล้วที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาทั่วไป เธอจึงปล่อยให้เพื่อนมีความสุขกับช่วงเวลาแสนสงบนี้ให้เต็มที่ ก่อนจะต้องรับศึกหนักอีกครั้ง
เมื่อดวงตาถูกทำร้ายเจ้าของดวงตาอย่างโลหิตก็ต้องได้รับความเจ็บปวดตามไปด้วย นกอสูรหงายหลังลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
อาการผิดปกติของสัตว์เลี้ยงทำให้อันธการละสายตาจากกระจกมนตราซึ่งใช้ต่างจอโทรทัศน์ ปีศาจหนุ่มชี้นิ้วไปที่เบ้าตาข้างที่ว่างเปล่าเพื่อเรียกดวงตานกอสูรกลับมา
ดวงตาส่วนที่เป็นตาขาวแดงก่ำแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหายหนัก อันธการจึงร่ายเวทคืนสภาพให้ดวงตานั้นแล้วดึงภาพที่มันบันทึกได้ถ่ายโอนไปยังกระจกมนตรา
ภาพแรกที่ชายหนุ่มเห็นคือดวงหน้าแสนงดงามของวิชชุตาเทวี นางอยู่ในชุดแปลกตาเหมือนกับที่เคยเห็นมนุษย์ที่เรียกว่านักศึกษาในยุคนี้ใส่กัน เสื้อแขนสั้นสีขาว กระโปรงคลุมเข่า มองแล้วดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด
อันธการมองภาพของวิชชุตาเทวีอย่างเพลิดเพลิน หญิงมนุษย์ที่อยู่กับนางก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่ทำให้เจริญตาเจริญใจ แล้วก็มีหญิงหน้าตาธรรมดานางหนึ่งโผล่เข้ามาในกรอบภาพ อันธการมองผ่านนางไปเพราะคิดว่าไม่ใช่คนที่กำลังนึกถึง แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่านางคือคนที่ทำร้ายดวงตาอสูร
“ไม่ใช่เจ้าหญิง…เจ้าหญิงของข้าไม่ขี้ริ้วแบบนี้” โลหิตเอ่ยอย่างผิดหวัง
ทว่าอันธการกลับยังติดใจเรื่องของมนุษย์นางนี้อยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจเรียกเสนาธิการปีศาจเข้าพบเพื่อสั่งการให้รักษาการณ์แทนขณะที่ตนออกไปนอกมิติแห่งความมืด
“ข้าจะขอใช้สิทธิ์หนึ่งก้านธูปไปยังโลกมนุษย์”
“ฝ่าบาทจะขึ้นไปทำไมพระเจ้าค่ะ”
รากษสไม่อยากอนุญาตแต่ก็ไม่อาจค้าน เพราะนี่คืออภิสิทธิ์ที่จอมปีศาจมอบไว้ให้บุตรชาย
ตราบใดที่จอมปีศาจยังไม่ฟื้นคืนก็ห้ามปีศาจที่มีฤทธิ์สูงออกไปข้างนอกเป็นอันขาด ทว่ากฎก็ย่อมมีข้อยกเว้นเอาไว้สำหรับอภิสิทธิ์ชนอย่างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของจอมปีศาจ ในหนึ่งปีจอมปีศาจอนุญาตให้อันธการออกไปยังแดนมนุษย์ได้เป็นระยะเวลาหนึ่งก้านธูป
เทียบกับเวลาของมนุษย์แล้วหนึ่งก้านธูปก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่สำหรับปีศาจทรงอิทธิฤทธิ์อย่างอันธการ ครึ่งชั่วโมงนี้นานพอให้ก่อความวุ่นวายได้สารพัดอย่าง
“ข้าจะนำของขวัญไปมอบให้ว่าที่ชายาข้า”
กล่องกระดาษสีทองดูหรูหราปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของอันธการ เจ้าชายปีศาจทอดมองมันด้วยสายตาที่แฝงกลอุบายชั่วร้ายเอาไว้
วิชชุตาเทวีในชาตินี้ดูเหมือนเด็กสาวอ่อนต่อโลก ผิดกับชาติก่อนเป็นอย่างมาก เจ้าชายปีศาจจึงอยากจะทดสอบว่ากลอุบายที่เคยพลาดเมื่อหลายพันปีก่อนจะใช้ได้หรือไม่
“ถ้าเพียงแค่ส่งของขวัญ ให้ปีศาจตนอื่นทำเองก็ได้นี่พระเจ้าค่ะ ไม่เห็นต้องทรงลำบากไปเองเลย” รากษสแย้ง
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการด้วย รีบไปเตรียมการเสียก่อนที่ข้าจะอารมณ์เสีย”
เจ้าชายปีศาจเอ่ยเสียงเข้มใส่พี่เลี้ยงจอมจู้จี้ แล้วหันไปเปิดในนิตยสารเลือกดูว่าเขาควรจะใช้ร่างแบบไหนเพื่อไปยังแดนมนุษย์ดี
หลังจากได้สูตรแกงอ่อมมาแล้ว วิชชุตากับพัชราวดีก็ไปจ่ายตลาดเตรียมทำอาหารเย็นเลี้ยงตอบแทนวชิรเทพ
วิชชุตาทำอาหารเก่งเพราะสนใจทางด้านนี้ เธอคิดว่ามันเหมือนกันการได้เล่นสนุก ยิ่งคนกินบอกว่าอร่อยเธอก็ยิ่งปลื้มใจ ส่วนพัชราวดีพอทำอะไรง่ายๆ ได้ งานในครัวจึงไม่ขลุกขลักนัก ไม่นานแกงอ่อมกลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งออกมาด้านนอกห้องนั่งเล่น
“นิช่วยชิมหน่อยสิว่ารสชาติใช้ได้รึยัง” พัชราวดีตักน้ำแกงใส่ช้อนไปให้เพื่อนชิมถึงห้องนั่งเล่น
“จืดไปหน่อยนะ เติมพริกแกงอีกนิดแล้วใส่น้ำปลาอีกครึ่งช้อนจะพอดีมากเลย”
นิศารัตน์ไม่ชอบทำกับข้าวแต่มีความสามารถในการแยกแยะรสชาติเป็นเลิศ พัชราวดีกับวิชชุตาจึงใส่เครื่องแกงเพิ่มลงไปตามที่หญิงสาวบอก
ในขณะที่เพื่อนทั้งสองกำลังสาละวนอยู่กับการทำอาหาร นิศารัตน์กลับเอกเขนกนั่งอ่านหนังสือโดยไม่คิดที่จะช่วย เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อขอบคุณคนที่เธอไม่ชอบหน้า หญิงสาวจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง พัชราวดีกับวิชชุตาก็ไม่ว่าอะไร ขอแค่นิศารัตน์ยอมมาร่วมโต๊ะด้วยเท่านั้นก็พอแล้ว
สองสาววางแผนจัดงานนี้ขึ้นก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างนิศารัตน์กับวชิรเทพไปในตัว วชิรเทพไม่เคยถือสาเวลาที่นิศารัตน์พูดไม่ดีหรือทำเย็นชาใส่ นิศารัตน์เองก็ยอมลงให้ในหลายเรื่อง ได้มานั่งคุยกันในบรรยากาศสนุกๆ อาจจะทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น
เมนูอาหารในวันนี้เรียกว่ารวมมิตรสารพัดอย่าง ชุดแรกคือข้าวสวยกับแกงอ่อมพร้อมแคบหมูให้วชิรเทพลองกิน จานหลักก็คือสุกี้ เผื่อเอาไว้ว่าแกงอ่อมจะไม่ถูกปาก ทั้งยังมีของทานเล่นจำพวกของทอดเอาไว้กินก่อนสุกี้สุก ปิดท้ายด้วยไอศกรีมกับผลไม้จานโต
สถานที่ที่ใช้ตั้งหม้อสุกี้คือห้องนั่งเล่นเพราะในครัวดูอึดอัดและคับแคบเกินไป นิศารัตน์เห็นแม่ครัวหัวป่าทั้งสองยังเตรียมของไม่เสร็จทั้งที่ใกล้เวลานัด เธอก็เลยจัดการลากโซฟามาชิดผนังจัดการเตรียมสถานที่ให้ พร้อมตะโกนบอกเสร็จสรรพว่าที่ทำไปนั้นเพราะเริ่มหิว ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยแต่อย่างใด
ยี่สิบนาทีต่อมาวชิรเทพก็มาถึง ชายหนุ่มหิ้วน้ำอัดลมกับขนมเค้กหน้าตาน่าทานมาด้วยกล่องโต
“พี่ไฟละก็ บอกแล้วว่าอย่าเอาอะไรมา พวกเราจะเลี้ยงของคุณพี่นะคะ” วิชชุตาติง
ส่วนพัชราวดีนั้นโผเข้าหาของหวานแทบจะทันที ระยะหลังมานี้หญิงสาวหมดความพยายามในการลดน้ำหนักก็เลยเลิกไดเอท แต่น้ำหนักกลับลดลงเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่เป็นแบบนั้นเพราะเธออ่านหนังสือจนลืมกินลืมนอน สอบเสร็จเลยเปรี้ยวปากกินพวกของหวานเป็นพิเศษ
“เค้กน่ารักทั้งนั้นเลย มีเค้กสตรอว์เบอร์รีที่นิชอบด้วยนะ” พัชราวดีกวักมือเรียกเพื่อนอย่างตื่นเต้น
ชายหนุ่มได้ยินก็ปรายทางมาทางนิศารัตน์แล้วส่งยิ้มให้เหมือนกับจะเอ่ยทักทาย
นิศารัตน์ทำเป็นไม่สนใจแล้วหย่อนก้นลงนั่งหน้าหม้อสุกี้เป็นคนแรก หญิงสาวกดหม้อไฟฟ้าเร่งให้น้ำเดือด แล้วกอดอกรอเวลา
“พี่ไฟนั่งเลยค่ะ เดี๋ยวฟ้าตักแกงอ่อมมาให้ ไม่ถูกปากก็ไม่ต้องฝืนนะคะพี่ ของกินยังมีอีกเยอะ”
หญิงสาวก้าวยาวๆ ไปตักข้าวกับแกงมาจัดวางไว้ตรงหน้าวชิรเทพแล้วนั่งรอลุ้นผลว่าจะถูกปากพี่ชายรึเปล่าอย่างใจจดใจจ่อ
วชิระตักแกงอ่อมฝีมือน้องสาวกับหลานรหัสเข้าปากคำโต ชายหนุ่มเอ่ยชมว่าอร่อยไม่ขาดปาก ทั้งยังกินจนหมดถ้วย แม่ครัวทั้งสองเลยยิ้มแก้มปริ
จากนั้นก็ได้เวลาทำสุกี้กัน วิชชุตากับพัชราวดีเป็นคนจัดแจงทยอยใส่ของต่างๆ ลงในหม้อ ส่วนนิศารัตน์ก็รับหน้าที่กินแบบไม่พูดไม่จา
บรรยากาศโดยรวมก็เหมือนจะดี ถ้าไม่นับสงครามสายตาที่เกิดขึ้นระหว่างวชิรเทพกับนิศารัตน์ สองคนนี้ไม่พูดกันสักคำ แต่สื่อสารกันด้วยท่าทางและสายตาเอา
นิศารัตน์ตวัดตามองเนื้อที่วชิระจะเอาเข้าปากนั่นหมายถึง ‘นายกล้าดียังไงมาแย่งเนื้อของฉันไป’
วชิระเลยตอบกลับด้วยการปรายตามองเต้าหู้ปลาในถ้วยของนิศารัตน์บ้าง ‘ทีเธอเอาเต้าหูฉันไปฉันยังไม่ว่าสักคำ’
แล้วทั้งสองคนก็โยนเนื้อกับเต้าหู้ใส่ในถ้วยของอีกฝ่ายเหมือนกับจะบอกว่า ‘ไม่เอาก็ได้’
สถานการณ์เป็นอย่างนี้อยู่นานจนจอมวางแผนทั้งสองต้องแวบเข้าครัวเพื่อไปปรึกษากัน
“มีเราอยู่ด้วย นิเลยยังหยิ่งไม่กล้าคุยมั้ง ฉันว่าพวกเราหาปล่อยเขาอยู่ด้วยกันสักพักดีกว่า”
“ได้เลย คิกๆ เหมือนเรากำลังเล่นบทคิวปิดเลยเนอะ” พัชราวดีตบมือเบาๆ อย่างถูกใจ
อึดใจต่อมาสองสาวก็กลับไปนั่งที่ วิชชุตาแกล้งทำน้ำจิ้มหกแล้วผุดลุกเข้าครัวไปทำใหม่ ส่วนพัชราวดีก็อ้างว่าน้ำแข็งหมดจะเดินลงไปซื้อก่อน
เมื่อทิ้งสองหนุ่มสาวเอาไว้ด้วยกัน ความเงียบจึงปกคลุมไปทั่วห้อง ทั้งสองคนยังคงไม่พูดอะไรกันแต่สื่อสารด้วยภาษาใบ้กันต่อไป
อยู่ๆ วชิรเทพก็คีบเนื้อหมูให้ นิศารัตน์จึงจ้องกลับเหมือนจะถามว่าทำไม
“คีบให้ก็กินไปเถอะน่า” วชิรเทพเอ่ยขึ้นมาก่อน เนื่องจากเริ่มเหนื่อยกับการใช้ภาษาท่าทางกับเจ้าหล่อนแล้ว
“ไม่!” หญิงสาวปฏิเสธแล้วโยนหมูใส่ถ้วยของชายหนุ่มแทน
“ให้แล้วไม่รับคืน” ชายหนุ่มโยนคืนมาบ้าง
“บอกว่าไม่เอาไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ” นิศารัตน์แหวกลับ
สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียได้ วิชชุตาเลยรีบเข้ามาห้ามทัพ ทว่าสายไปเสียแล้ว นิศารัตน์หงุดหงิดจนต้องขอไปสงบสติอารมณ์ในห้อง
ส่วนพัชราวดีนั้นหญิงสาวลงไปซื้อน้ำแข็งจริงอย่างที่พูดแต่หาเรื่องอ้อยอิ่งอยู่ด้านล่างพักใหญ่ พอคิดว่านานพอแล้วจึงค่อยหิ้วถุงน้ำแข็งกลับขึ้นไปบนห้อง
ระหว่างทางหญิงสาวเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง กำลังเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
“สวัสดีค่ะคนสวย จะไปไหนจ๊ะ” หญิงสาวเข้าไปทักทายเพราะรู้สึกเอ็นดู
“หนูมาส่งของให้ห้องสองศูนย์ศูนย์ค่ะ มีพี่ชายหล่อๆ ฝากมาให้พี่สาวที่ชื่อฟ้า” สาวน้อยกระโปรงแดงหันมาบอกแล้วยิ้มให้อย่างน่ารัก
“บังเอิญจังเลย ห้องนั้นเป็นห้องพี่กับเพื่อนพอดีเลยจ้ะ”
“ถ้าพี่อยู่ห้องนั้น หนูขอฝากของไปให้พี่ฟ้าหน่อยนะคะ”
พูดจบเด็กหญิงก็ยัดกล่องสีทองใบเล็กใส่มือของพัชราวดี
ก่อนที่หญิงสาวจะได้ถามที่มาที่ไปของของขวัญกล่องนี้ เด็กน้อยก็วิ่งลงบันไดไปแล้ว เผลออึดใจเดียวก็หายลับไปจากสายตา
“ฟ้านี่เสน่ห์แรงจริงๆ น้า” พัชราวดีงึมงำอย่างไม่เอะใจสงสัยอะไร
พอหญิงสาวกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่านิศารัตน์หายไปจากโต๊ะ เธอจึงบุ้ยใบ้ถามเพื่อนว่านิศารัตน์ไปไหน วิชชุตาจึงชี้ไปที่ห้องแล้วยกหัวแม่โป้งชี้ลงเป็นเชิงบอกว่าแผนการนี้ล้มเหลว พัชราวดีเลยลอบถอนใจอย่างผิดหวัง ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนแล้วยื่นกล่องของขวัญให้
“มีเด็กผู้หญิงบอกว่าพี่ชายที่หล่อๆ ฝากมาให้ล่ะ แกะดูเลยไหม”
วชิรเทพปรายตามองแล้วหันกลับมาทำเป็นไม่สนใจ ทว่าก็แอบอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าบรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบน้องสาวส่งของกำนัลอะไรมาให้
“มือฉันเลอะ ยังทำน้ำจิ้มไม่เสร็จเลย เรแกะให้หน่อยสิ”
วิชชุตาได้ของจากคนที่มาจีบบ่อยๆ แต่เธอก็ไม่รับหรือคืนไปทุกครั้ง ระยะหลังเลยมีของไม่ระบุนามผู้ส่งส่งมาให้ ไม่ก็วางไว้หน้าห้องประจำ ดังนั้นเธอก็เลยคิดว่าคนส่งเป็นหนุ่มเจ้าเดิม
เมื่อได้รับคำอนุญาต คนอยากรู้อยากเห็นจึงดึงโบออกแล้วเปิดกล่องทันที
“อย่าเปิดนะ!” อยู่ๆ นิศารัตน์ก็วิ่งพรวดเข้ามาห้าม
ทว่าสายไปเสียแล้ว ทันทีที่ที่คลายโบออกคำสาปที่อยู่ในกล่องปริศนาก็เริ่มทำงาน คำสาปร้ายนี้ทำให้พัชราวดีหมดสติล้มลงไปในทันที

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.พ. 2555, 23:17:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.พ. 2555, 23:17:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 2360
<< ตอนที่ 3 ผนึกความทรงจำ : บทที่ 5 ปีศาจนรก |

Auuuu 28 ก.พ. 2555, 23:22:30 น.
วชิระกับนิ คิกๆๆๆ
วชิระกับนิ คิกๆๆๆ

Zephyr 29 ก.พ. 2555, 00:52:40 น.
พี่ไฟกะนิสวีทกันกลางวงสุกี้ ^^
พี่ไฟกะนิสวีทกันกลางวงสุกี้ ^^

อสิตา 1 มี.ค. 2555, 17:54:40 น.
อันธกาลแลดูเพี้ยนดีค่ะ ตรงที่ชอบอะไรแบบเทรนด์มนุษย์เนี่ย ฮาจริงๆ
อันธกาลแลดูเพี้ยนดีค่ะ ตรงที่ชอบอะไรแบบเทรนด์มนุษย์เนี่ย ฮาจริงๆ