เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม
..........
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 9 : เมื่อใดที่ผู้หญิงคนหนึ่งปักใจจะไขว่คว้าผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อนั้นจะไม่มีใครในโลกนี้สามารถประเมินศักยภาพของเธอ


รถยนต์ที่มีฉันนั่งอยู่บนเบาะหลังแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งฉันไม่ทันได้อ่านป้ายว่าเป็นโรงแรมอะไรเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาและฉันก็ก้มหน้าก้มตาคุ้ยหามันในกระเป๋าก่อนจะหยิบมันขึ้นมาและไม่เข้าใจว่า ‘เขา’ โทร.หาฉันทำไม

เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ดังเป็นเพลง Kill me with your love อยู่นานจนคนขับรถต้องถาม

“คุณเพชรลดาไม่รับโทรศัพท์หรือครับ”

“ไม่”

“ทำไมล่ะครับ”

“ไม่ใช่คุณเมธวัชร์โทร.มาตามนี่นา”

คนขับรถเงียบไป เสียงเพลงก็เงียบตาม จากชื่อของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นข้อความหนึ่งสายไม่ได้รับ ฉันปล่อยโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าถือ ก้าวออกไปจากรถยนต์สีดำ เดินไปยังห้องน้ำตามที่พนักงานบอกทาง หยุดที่หน้ากระจก หยิบกล่องเครื่องสำอางออกมาและหยิบกระดาษซับมันขึ้นมาซับหน้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ฉันหลับตา ความกลัวของผู้หญิงจะทำให้ผู้ชายคิดเข้าข้างตัวเองและสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนเพศผู้ไม่ค่อยคิดเข้าข้างใครเสียด้วย ฉันจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์

“สวัสดีค่ะ เพชรลดาพูดสายค่ะ ในที่สุดดิฉันก็รับแล้ว มีอะไรจะพูดต่อจากวันนั้นก็พูดมาค่ะ ดิฉันรับฟัง”

“เขาไม่ได้ท้อง”

ยอมรับแล้วว่าฉันเป็นปีศาจมาเกิดแท้ๆที่หัวเราะในใจหลังจากได้ยินคำพูดประโยคนั้น






ฉันก้าวออกมาจากห้องน้ำหลังจากเติมแป้ง เติมคิ้ว ปัดขนตา แต้มลิปสติกวาดรูปปากให้อิ่มเต็มเหมือนกลีบกุหลาบ พรมน้ำหอมเพียงครั้งเดียวลงบนฝ่ามือแล้วลูบเบาๆบนซอกคอ ไหปลาร้าและผิวเนื้อเหนือเนินอก เป็นวิธีใช้น้ำหอมแบบโอ เดอ ทอยเล็ตต์ที่สาวๆยุคใหม่ไม่ค่อยนิยมใช้นักเพราะกลิ่นหอมจะไม่หอมกระจายชนิดสามารถกระตุ้นฆานประสาทหรือดึงดูดความสนใจของใครได้ มีเพียงตัวฉันและคนที่แตะจมูกลงบนซอกคอและผิวเนื้อเหนือเนินอกของฉันเท่านั้นที่จะได้กลิ่น

เวลาแนบกายใกล้ชิดกัน เมธวัชร์ชอบทำอย่างนั้น ชอบจูบบนผิวซอกคอและหน้าอกของฉันมากกว่าจูบที่แก้มหรือริมฝีปาก

ชายชุดดำสองคนรอคอยฉันอยู่ คนหนึ่งเดินนำทางไปหาเจ้านายของพวกเขา อีกคนเดินตามหลัง ฉันตามพวกเขามาถึงห้องห้องหนึ่ง ห้องที่มีประตูสองบานและมีคนเฝ้าเป็นชายชุดดำสองคน พวกเขาเจรจากันเพียงคำสองคำอย่างเงียบเชียบก่อนจะเปิดประตูให้ฉันเข้าไป

ภายในห้องส่องสว่างด้วยแสงไฟจากแชงกาเลียร์ขนาดมหึมาบนเพดาน เฟอร์นิเจอร์กับงานศิลปะชั้นสูงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นการตกแต่งประหนึ่งห้องรับรองในเวียงวังของเชื้อพระวงศ์ยุโรป ด้วยความหรูหราเลอค่าจนแทบทำให้ฉันจินตนาการออกเลยว่าตระกูลเมดิชีแห่งเมืองฟอว์เรนส์นั้นร่ำรวยขนาดไหน

เสียงไวโอลินแว่วมาจากที่ใด ฉันไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่ามีนักร้องสาวคนหนึ่งกำลังยืนครวญเพลงอยู่บนพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ ตรงกลางระหว่างผู้ชายสองคนที่นั่งตรงข้ามกันและห่างกันราวหกเจ็ดเมตร เธอเป็นนักร้องสาวสวยหน้าหวานชนิดงามซึ้งตรึงใจ สวมหมวกคลุมผมที่สานสร้างขึ้นมาด้วยสร้อยไข่มุกสีขาว สวมชุดราตรีสีชมพูและห่มเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวบริสุทธิ์ปานหิมะค้างฟ้า เสื้อคลุมขนสัตว์ที่..ไม่ใช่ตัวเล็กๆและไม่ใช่ขนาดเสื้อโค้ท แต่เป็นเสื้อคลุมขนสัตว์ขนาดมหึมายาวลากพื้น ชนิดที่สมาชิกขององค์กร PETA เห็นคงลมจับตายกันตรงนี้ เสื้อคลุมขนสัตว์ที่ฉันไม่เคยเห็นเศรษฐินีในยุคปัจจุบันสวมใส่กันเพราะมันหรูหรา อลังการและราคาแพงมากจนไร้สาระเกินจะจ่าย และฉันเคยเห็นก่อนหน้าแค่ครั้งเดียวในหนังสือประวัติศาสตร์แฟชั่นซึ่งอธิบายว่ามันถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในยุคสมัยที่คนกลุ่มหนึ่งร่ำรวยจนไม่รู้จะผลาญเงินที่มีอยู่อย่างไร ยุคสมัยที่ผู้คนในชนชั้นสูงทุ่มเทกับเสื้อผ้าหน้าผมอย่างสุดแรงเกิดในขณะที่ชนชั้นกลางเห็นว่ามันคือความไร้สาระที่แสนแพงซึ่งบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเลือดเย็น

ฉันอดตกตะลึงไม่ได้เพราะไม่นึกว่ามันจะก้าวออกมาจากประวัติศาสตร์มาอวดโฉมในยุคสมัยที่ผู้คนแต่งกายเรียบง่าย เศรษฐีมีจำนวนมากแต่มีเงินไม่มากเท่าเศรษฐีในสมัยก่อนและไม่มีใครใจถึงพอที่จะลงทุนกับเสื้อผ้าพอๆกับลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์หากเสื้อผ้าไม่ใช่ธุรกิจของเขา

กลิ่นน้ำหอมฝรั่งเศสราคาแพงลอยมาแตะจมูก กลิ่นน้ำหอมที่ผสมด้วยกลิ่นของดอกกระดังงา อำพัน อัลดีไฮด์ มัสก์และกลิ่นพื้นฐานที่นุ่มละมุนอย่างวานิลลา ซึ่งกลิ่นเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอมผู้หญิงที่คลาสสิก เซ็กซี่และสามารถยั่วยวนใจชายให้หลงเคลิ้มในยามค่ำคืนหรือยามที่อยู่แนบชิดกันในที่ลับลม มันลอยมาจากผู้หญิงสวยจัดสามคนที่จับกลุ่มถือแก้วไวน์อยู่ด้านหนึ่ง ความกระตือรือร้นที่ซ่อนเร้นไว้ในแววตาสงบนิ่งและริมฝีปากที่อ้าเผยอน้อยๆราวกับตั้งใจจะพูดอะไรออกมาสักคำแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มลึกลับเงียบงัน

เมธวัชร์นั่งอยู่เก้าอี้หรูหราตัวยาวทางซ้ายมือของฉัน เขากำลังตั้งใจฟังน้ำเสียงอันไพเราะออดอ้อนที่นักร้องสาวกำลังขับขาน การมาถึงของฉันไม่ได้รับความสนใจและต่อให้โคมไฟระย้าบนเพดานหล่นลงมา เขาก็คงไม่สนใจเช่นเดียวกัน

เพราะเพลงที่เธอกำลังร้องคือ La vie en rose

ฉันยืนอยู่จนเพลงจบ นักร้องคนนั้นก้าวเข้าไปหาเขา ดวงตาของเธออ่อนหวานซาบซึ้งยามใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าของเขาอย่างนุ่มนวลก่อนจะจรดริมฝีปากที่สวยงามอวบอิ่มลงบนริมฝีปากของเขา..แล้ว..จูบอย่างดูดดื่ม

ฉันยังคง..ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

“เธอเป็นใคร เข้ามาทำไม”

คำถามเรียบเรื่อยดังมาจากปากของผู้ชายอีกคนที่ไม่ได้ถูกจูบ เขาถือแก้วเหล้ามายืนต่อหน้าฉันและมองฉันด้วยแววตาชนิดเดียวกับเมธวัชร์ในวันที่เขาเจอฉันครั้งแรก

ฉันยืนตัวตรง ใช้สองมือจับหูกระเป๋าถือไว้ด้านหน้า ไม่รู้จะตอบคำถามของผู้ชายแปลกหน้าว่าอย่างไร

ฉันเป็นใคร..

..และฉันมาที่นี่ทำไม

“เธอเป็นผู้หญิงของผม”

คำตอบจากเมธวัชร์ทำให้ผู้หญิงทุกคนในห้องหันมามองฉันตาแทบถลนออกจากเบ้า รวมทั้งแม่นักร้องสาวสวมเสื้อขนสัตว์ที่แทบจะตะกายขึ้นไปอยู่บนตักเขา เธอถอยร่นลงมาทันควันพร้อมทั้งคำถามในแววตาอีกหลายคำถาม

“มานี่สิ เพชรลดา”

ผู้ชายที่ยืนขวางหน้าหลีกไปทางขวา เปิดทางให้ฉันเดินเข้าไป ส่วนนักร้องสาวในเสื้อคลุมขนสัตว์ยังไม่ขยับไปไหนไกล เธอยืนอยู่ใกล้ๆเมธวัชร์ โน้มตัวลงมาจนเห็นนวลอกขาวผ่องและเอ่ยภาษาไทยแปร่งๆด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ว่า

“ขอบคุณสำหรับชุดนี้ค่ะ ฉันอยากจะตอบแทนคุณที่ซื้อให้ ทุกอย่างที่คุณต้องการ”

ฉันนั่งลงบนเบาะนุ่มจัดๆ นุ่มแบบพิลึก เขาเอื้อมมือมาโอบเอวฉันรั้งเข้าไปชิดตัว ก้มหน้าลงมาพูดเสียงต่ำเบาเหมือนกระซิบ

“รู้จักกับอองรี มากาเร็ตเต้สิ เธอเป็นนักร้องระดับโลกเลยนะ”

ฉันก้มหน้าให้เธอครั้งหนึ่ง กล่าวคำ “สวัสดีค่ะ” เธอยืดกายขึ้น ยิ้มหวาน สง่างามแม้นัยน์ตาจะไม่ยิ้ม

“ที่มหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ดีค่ะ”

“พลชัยคงบอกคุณแล้วว่าผมจะพาคุณไปทานอาหารเย็น”

“ทราบแล้วค่ะ”

“แต่วันนี้ผมคงต้องขอผิดนัดกับคุณ”

ฉันช้อนสายตามองเขา ตั้งใจฟังคำพูดประโยคต่อไปของเขา

“ผมมีนัดกับมากาเร็ตเต้”

ฉันหันไปมองนักร้องสาวสวยแล้วหันกลับมามองเขา

“คืนนี้คุณนอนคนเดียวได้ไหม”

ฉันว่าฉันไม่ได้คิดอะไรตอนที่คำพูดมันหลุดปากออกไป

“อย่ากังวลเลยค่ะ ฉันไม่เคยชินกับการมีคุณนอนร่วมเตียง”

เขาจ้องหน้าฉัน ฉันก็จ้องหน้าเขา แต่ก็แค่จ้อง ไม่ยอมคิด ไม่ยอมอ่านอะไรในแววตาและไม่ยอมเข้าใจหรือรับรู้ความรู้สึกของใครหรือแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง

เมธวัชร์โน้มใบหน้าลงมาจูบบนหน้าผากของฉันเบาๆ

“กลับบ้านนะ เพชรลดา อย่าไปไหนตามลำพัง”

เขาสั่งฉันก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วโอบอองรี มากาเร็ตเต้นักร้องสาวที่มีทั้งน้ำเสียงและความสวยในระดับโลกก้าวออกไปจากห้อง คนที่เหลือก้าวตามเขาออกไป เว้นก็แต่ผู้ชายอีกคนที่ไม่ได้รับรอยจูบจากนักร้องสาว เขาเดินมาหยุดยืนข้างหน้าและกล่าวกับฉันราวกับจะเห็นใจ

“คุณต้องเข้าใจ คุณเป็นแค่นางบำเรอของเขา”

“ฉันเข้าใจ”

เขายิ้ม แต่ฉันไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเลย

“คุณชื่อเพชรลดาใช่ไหม”

“ค่ะ”

“ถ้าวันไหน เมธวัชร์เบื่อคุณ อย่าลืมโทร.หาผม สาบานได้ว่าผมจะทำให้คุณหายเหงา หายเศร้าและเร่าร้อนยิ่งกว่าคู่ขาคนเก่าของคุณอีก”

ผู้ชายคนนั้นยื่นนามบัตรไว้ให้ฉัน ฉันรับมาอ่านรอบเดียวแล้วขยุ้มทิ้ง เขาหัวเราะ

“ผมชอบผู้หญิงใจกล้าอย่างคุณ อยากรู้จริงๆว่าถ้าผมกำลัง‘เอา’คุณอยู่ คุณจะร้อนได้ขนาดไหน”

แล้วเขาก็ไป

หลังจากไม่เหลือใครอยู่ในห้อง ฉันนั่งหลับตาอยู่ในห้องรับรองของวังออสเตรียอยู่ชั่วอึดใจ คนขับรถที่ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อพลชัยก็มาตามฉันกลับบ้าน

ฉันถาม “แวะทานข้าวเย็นข้างนอกได้ไหม”

คำตอบ “กลับไปทานที่บ้านเถอะครับ คุณเพชรลดา”

“ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านทาโกะ”

“ผมจะสั่งให้คันหลังซื้อให้”

ฉันเงียบแล้วก็ถอนหายใจ รู้ว่าน้ำเสียงของตนเองมันหดหู่จนเกินไปแต่ก็ทำเสียงไม่ได้ดีไปกว่านี้แล้ว

“โอเค ไม่ว่าเขาสั่งอะไร ฉันก็ต้องฟังใช่ไหม เขาสั่งไม่ให้ฉันไปไหน ฉันก็ต้องไม่ไปใช่ไหม ช่างเถอะ กลับบ้านก็ได้ ฉันไม่อยากทำให้พวกคุณเดือดร้อนเหมือนกัน”

รถยนต์ยังแล่นต่อไปและไม่แวะหยุดที่ใด แต่ฉันก็ได้ยินเสียงพลชัยสั่งให้คนของเขาไปซื้ออาหารญี่ปุ่นที่ร้านทาโกะมาให้ฉัน ฉันหลับตา ฟังเสียงเปียโนในรถ ความเงียบและอารมณ์ในตอนนี้ทำให้เสียงปลายนิ้วของนักดนตรีเคาะคีย์สีงาช้างยิ่งกังวานลึกเข้าไปในใจ

อยู่ดีๆน้ำตาก็อยากจะไหล

ฉันบอกตัวเองมาตลอดว่าอย่าผูกพันทางใจกับผู้ชายที่ขึ้นเตียงด้วยหลังจากรู้จักเพียงสามวัน เพราะในความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยแบบนี้ มันไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากความสุขทางกาย และมันไม่ใช่ความผิดของใครเพราะในโลกนี้ไม่มีใครสามารถบังคับฉันได้ ฉันหลงใหลในตัวของผู้ชายคนนั้นตั้งแต่แรกพบ เขาเป็นผู้ชายที่แตกต่างจากผู้ชายที่ฉันเคยรัก ผู้ชายพวกนั้นสว่างไสวงดงามแต่เขากลับคล้ายความมืดที่ลึกลับ และอันตราย ฉันรับรู้ถึงแรงดึงดูดระหว่างฉันกับเมธวัชร์ตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน และมันยิ่งชัดเจนในวันที่เขามาปรากฏตัวต่อหน้า

แต่ความจริงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนเช่นกัน เขานอนกับผู้หญิงเกลื่อนกลาดไปหมด เขาไล่ล่าฉันเพียงเพราะอยากได้ไปกกบนเตียง

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายดี

เขาไม่มีวันรักผู้หญิง

หากเขาหลงฉันได้ เขาก็หลงผู้หญิงคนอื่นได้เช่นกัน ความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่มีวันจีรัง ฉัน..ไม่ควรจะดีใจที่เขาพูดว่าเขาอิจฉาผู้ชายในอดีตของฉันหรือเขาอุตส่าห์บินกลับมากลางดึกเพื่อมานอนกับฉัน ฉันไม่ควรลืมว่าฉันขึ้นเตียงกับเขาหลังจากที่ได้พบเขาเพียงสามวัน สรวงสวรรค์หันหลังให้กับเรื่องโสมมแบบนี้ และคนที่อยู่ในโคลนตมก็ไม่ควรคาดหวัง ‘อะไร’ ที่มันมากไปกว่าที่เป็นอยู่

“คุณเพชรลดาอย่าคิดมากเลยครับ ช่วงนี้กฤติกาลักษณ์กำลังมีแต่เรื่อง คุณเมธวัชร์จึงมีงานต้องสะสางมาก อาจต้องห่างคุณไปบ้าง”

“ฉันไม่ได้คิดมากอะไร”

“แล้วคุณเพชรลดาหลับตาคิดเรื่องอะไรอยู่หรือครับ”

“คิดเรื่องที่ควรคิด”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

“การเมือง เศรษฐกิจและสังคม”

นายพลชัยหลุดเสียงหัวเราะพรืดออกมา ฉันไม่เข้าใจและไม่อยากจะเข้าใจ ฉันอยากหลับ ไม่อยากรับรู้อะไร

“เดี๋ยวถึงบ้าน รบกวนบอกสาวใช้ให้หายานอนหลับให้ฉันด้วยนะคะ”

“คุณเพชรลดาไม่สบายหรือเปล่าครับ”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากพักผ่อน”

ในรถเหลือแต่เสียงเพลงจนกระทั่งกลับมาถึงบ้านของเมธวัชร์ ฉันถือกระเป๋าด้วยมือขวาและกุมดอกปีบมาในมือซ้าย ก่อนจะขึ้นมาโปรยปรายลงบนเตียงในห้องนอนห้องใดห้องหนึ่งของเมธวัชร์แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงคอยสาวใช้ตามขึ้นมาหาพร้อมยานอนหลับสองเม็ด เธอนำขบวนสาวใช้ขนอาหารญี่ปุ่นที่คนของเมธวัชร์ซื้อมาให้ฉันมาด้วย เยอะมากและหลากหลายแทบจะเหมามาทุกรายการในเมนูของร้านทาโกะ ยกเว้นเหล้าสาเก ฉันบอกให้เธอนำกลับไปแบ่งกันกินให้หมด เธอกลับไปและกลับมาพร้อมกับนมหนึ่งแก้ว เธอบอกให้ฉันควรจะดื่มนมก่อนกินยานอน ฉันไม่สนใจ ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า กินยา ดื่มน้ำแล้วคลานขึ้นเตียงนอน ฟุบหน้าลงกับหมอน

แม่เคยบอกฉันว่าความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามีประโยชน์อยู่อย่างหนึ่งคือมันสามารถลดความหยิ่งทะนงและการให้สำคัญกับหัวใจของตัวเองลดลง และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะเจ็บปวดได้ยากขึ้น จิตใจของเราจะด้านชากับการถูกทำร้ายทั้งปวง และเมื่อนั้นเราก็จะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่ใจปรารถนา

พ่อเคยพูดว่าทำไมมนุษย์บางคนถึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตโลดแล่นไปตามความปรารถนา เพราะถ้าโลกใบนี้เป็นนรกสำหรับเขาแล้ว ความปรารถนาคือยาสะกดจิตให้มนุษย์คนนั้นสามารถนอนเล่นอยู่ในนรกได้อย่างมีความสุข

จางอ้ายหลิง นักเขียนที่ฉันชื่นชมว่าถ้อยอักษรของเธอเข้าถึงจิตวิญญาณของความเป็นหญิงได้อย่างลึกซึ้งที่สุด..เคยเขียนไว้ในนวนิยายของเธอว่า ‘ผู้หญิงที่กล้ายอมรับว่าตัวเองไร้ค่าเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด’ และก็เคยเขียนเอาไว้เช่นกันว่า ‘เมื่อใดที่ผู้หญิงคนหนึ่งปักใจจะไขว่คว้าผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อนั้นจะไม่มีใครในโลกนี้สามารถประเมินศักยภาพของเธอ’

อาจารย์มหาวิทยาลัยโทร.มาคร่ำครวญกับฉันว่าเขาถูกหลอก ผู้หญิงคนนั้นหลอกว่าท้องกับเขาเพื่อจับเขาแต่งงาน และเขาก็ตกหลุมพรางแต่งงานกับเธอ เธอไม่ได้ท้องกับเขา เขาอยากจะหย่ากับเธอใจแทบขาดแต่เธอไม่ยอมหย่า ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ปรารถนาเธออีกต่อไปแล้ว เขาไม่มีวันรักผู้หญิงที่หลอกลวงเขาเรื่องใหญ่ขนาดนี้

ฉันถามเขาว่าเขาเคยมีเพศสัมพันธ์กับเธอหรือเปล่า เขาตอบว่า “มันก็แค่อารมณ์เท่านั้น เพชรลดา คุณก็รู้ไม่ใช่หรือว่าผู้ชายแยกความรักกับเซ็กส์ออกจากกันได้”

ฉันก็พูดออกไปว่า

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันขอเป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณในความเอื้อเฟื้อกรุณาของพวกผู้ชายอย่างคุณที่ทำให้อาชีพโสเภณีของผู้หญิงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ส่วนเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมหย่าให้คุณ ช่างหัวคุณปะไร’”

“ผมรู้ว่าคุณโกรธผม แต่มันไม่มีเหตุผลเลย ผมไม่ได้รักเขา คุณก็รู้ว่าผมรักคุณคนเดียวเท่านั้น”

เขาถอนหายใจ

“เอาเถอะ ผมยอมรับผิด ผมจะแก้ไขทุกอย่าง ขอเพียงคุณกลับมาหาผม..”

ฉันหายใจยาวและพลิกตัวนอนหงาย หลังจากนั้นความฟุ้งซ่านทั้งปวงก็หายไปและโลกทั้งโลก..เงียบงัน









ฉันรู้ว่าตัวเองหลับเป็นตายก็ตอนที่ต้องสะลึมสะลือขึ้นมาเพราะมีคนมาเขย่าตัวเรียก

ทั้งห้องสว่างด้วยแสงโคมไฟสีเหลืองจากมุมเหลี่ยมกำแพง ฉันพยายามลืมตาแต่เปลือกตาและเนื้อตัวกลับหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงไว้ด้วยหิน ฉันจึงลากตัวขึ้นไปบนหมอนเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นซึ่งก็ใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะรู้สึกว่าเปลือกตาเบาลง

ยานอนหลับบ้านนี้ดีชะมัด กินแค่สองเม็ดแต่ออกฤทธิ์ปานฉันฟาดไปทั้งกระปุก

“ตื่นได้หรือยัง”

“กี่โมงแล้วคะ”

“เที่ยงคืน”

ฉันพยายามปรับโฟกัสสายตาเพื่อมองนาฬิกา เวลาเที่ยงคืนแล้วจริงๆ

“เด็กของผมบอกว่าคุณไม่ได้ทานอาหารเย็น ดื่มนมสักหน่อยไหม”

ฉันส่ายหน้าเท่าที่จะทำได้

“ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่า”

“ทำไมรีบเข้านอน”

“ง่วง”


“ถ้าง่วงทำไมกินยานอนหลับ”

“ก็กินให้มันง่วง”

เขาเงียบ ฉันพลิกตัวนอนคว่ำเอาหน้าไปซุกกับหมอน ผมกระจุยกระเจิงไปทางไหนก็ช่างมัน เหมือนจะหลับไป
ชั่วอึดใจก็ต้องสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะมีคนมาปัดผมออกจากหน้าและจูบที่ซอกคอ

“เป็นอะไรไป”

“ไม่ได้เป็นอะไร”

มือแปลกปลอมเข้ามาปลดสายชุดนอนเบาบางที่ฉันใส่นอนตั้งแต่บ่ายเพราะอายที่จะนอนเปลือยกายก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน จากนั้นเลื้อยลงมาเคล้นคลึงทรวงอกข้างซ้ายของฉันใต้ร่มผ้า ริมฝีปากของเขาจูบที่หลังคอและบ่า ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอของฉัน ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจากตัวเขา น้ำหอมบ้าอะไรก็ไม่รู้ ฉันไม่ชอบแต่มันก็หอมยั่วใจเหลือเกิน

ปกติเมธวัชร์ก็ใส่น้ำหอมเหมือนกัน แต่ถึงขั้นน้ำหอมผู้หญิงติดตัวมาและสามารถกลบกลิ่นของเขาได้หมดจดเช่นนี้ เขาคงไม่ได้หยุดแค่หน้าบันไดหรือหน้าประตูห้องของหล่อนและคงเกินเลยไปมากกว่านั้น

แต่ฉันมีสิทธิอะไรจะไปคิด

“คุณโกรธที่ผมไปกับมากาเร็ตเต้”

“ฉันไม่เคยสนใจว่าคุณจะนอนกับผู้หญิงกี่คน”

มือที่บีบหน้าอกของฉันเคล้นแรงขึ้นอย่างปุบปับ ฉันจับมือของเขาพยายามดึงออกแต่ไม่เป็นผล..ยิ่งนานก็ยิ่งไม่เป็นผล ฉันจึงรวบรวมพลังที่มีอยู่ทั้งหมดผลักเขาออกห่างแต่ฤทธิ์ยานอนหลับทำให้มึนงงและอ่อนแรง พยายามจะลุกแต่ทุกสิ่งรอบตัวก็โงนเงนเหมือนแผ่นดินไหว ฉันถูกดึงกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง อารมณ์ที่ทำให้อัดอั้นตันใจเพิ่มท้นทวีคูณเมื่อเขากดริมฝีปากแนบสนิทกับริมฝีปากของฉัน ริมฝีปากที่ไม่ได้จูบฉันแค่คนเดียว

ฉันรู้มานานแล้วว่ามนุษย์ทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือกและนั่นคือความหมายที่แท้จริงของคำว่าอิสรภาพ อิสระเป็นสิ่งที่เสรีชนต้องมีแต่มันไม่ใช่ของดีแค่ด้านเดียว มันก็เหมือนความสำคัญของลมหายใจของสิ่งมีชีวิต ทำไมพวกเราต้องหายใจทั้งที่อากาศในโลกใบนี้เต็มไปด้วยมลพิษ และมันก็อาจจะเหมือนความรัก ทำไมเราถึงยังต้องการความรักทั้งที่มันทำให้เราเจ็บช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าและมันฆ่าเราได้ง่ายกว่าสงคราม มลพิษหรือภัยธรรมชาติ

“ผมไม่ได้นอนกับมากาเร็ตเต้”

เขากระซิบบอกฉัน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอันใดและไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เขาพูดอย่างนั้น

“คุณรู้อะไรไหม ผู้ชายมักทำอะไรแบบนี้เพื่อให้ผู้หญิงอีกคนยอมนอนกับเขา”

“ถ้า ‘ทำอะไรแบบนี้’ หมายถึงโกหก นั่นไม่ใช่ผม”

เขาหอมแก้มฉัน “ผมเอาแต่คิดถึงคุณจนไม่มีอารมณ์กับมากาเร็ตเต้”

“มีผู้หญิงหลายคนต้องการเป็นคนพิเศษของใครสักคน แต่ฉันรู้จักตัวเองดีและรู้ว่าตัวเองควรจะได้รับอะไรแค่ไหน”

“คุณน้อยใจ”

“คนที่น้อยใจก็คือคนที่ฝันว่าจะได้รับมากกว่าสิ่งที่ได้รับมาจริงๆ มันก็แค่คนอ่อนแอ ช่างคร่ำครวญและไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี มันเป็นเรื่องโง่ที่สุดที่แขวนความรู้สึกของตัวเองไว้กับ ‘การให้’ ของคนอื่นและฉันไม่มีวันเป็นอย่างนั้น”

มือของเขาทาบลงบนมือของฉัน หัวใจของเขาเต้นแนบกับแผ่นหลังของฉัน สัมผัสแบบนั้นทำให้ฉันรู้ว่าคำพูดที่ฉันพูดไปก่อนหน้า ฉันอาจจะโกหกตัวเอง

“เพชรลดา คุณเคยคิดจะแต่งงานไหม”

คำถามของเขาทำให้ขอบตาของฉันร้อนผ่าว แต่ก็แค่ชั่วอึดใจเท่านั้น ฉันกลับมาเป็นปกติ

“นาน..นานมากแล้วค่ะ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเคยคิดไว้ว่าอย่างไร”

“นานมากแค่ไหน”

“อาจจะ..ตั้งแต่ตอนอายุสิบห้าสิบหก”

“ตอนอายุสิบห้าสิบหกคุณเป็นอย่างไร”

“คุณเมธวัชร์คะ ฉันง่วง”

“ถ้าตอนที่คุณอายุเท่านั้น มีคนมาขอคุณแต่งงาน คุณคงจะตอบตกลง”

ฉันนิ่ง พยายามนึกถึงตัวเองในตอนนั้นแล้วส่ายหน้าเท่าที่สามารถจะทำได้

“ไม่รู้สิคะ”

“ทำไม”

“เพราะนิสัยเสียของฉันคือฉันไม่สามารถทนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รักไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด”

ฉันทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นและไม่พูดอะไรต่ออีก เขาก็ไม่ถามอะไรต่ออีกเช่นกัน ฉันจึงผล็อยหลับอย่างรวดเร็วเพราะฤทธิ์ยาที่ยังตกค้างอยู่

แต่แปลกที่การหลับครั้งนี้ทำให้ฉันฝันถึงงานแต่งงานของฉันซึ่งฉันเคยได้ ‘ฝันกลางวัน’เอาไว้ในครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนที่โลกแห่งความเป็นจริงจะบีบบังคับให้ฉันลืม ฉันได้เห็นมันอีกครั้งก่อนที่มันจะถูกดูดลงไปในน้ำวนสีดำขนาดยักษ์แล้วหลังจากนั้น ฉันก็ลืมมันไปอย่างไม่เหลือซากเดนใดๆอยู่อีก










ตอนเช้า มีคนโทร.เข้ามา แต่ปรากฎว่าเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือไม่ใช่ของฉัน ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันลุกไปรับ

“เมธวัชร์”

ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็หลับตาลงพร้อมกับสบถในใจด้วยความเซ็งสุดขีด มันเหนียวเหนอะหนะอย่างน่าขยะแขยงที่สุดอีกแล้ว ต่อให้มีความหวังว่ามันอาจจะเป็นความเข้าใจผิดเพราะบริเวณนั้นของฉันมักจะเปียกชื้นอยู่เสมอแต่แวบเดียวก็หมดหวังหลังจากที่ใช้นิ้วชี้ลูบดู อิ๊บอ๋าย..แดงเถือกเลย

“ฉันไม่สนใจผลตอบแทนอะไร เราไม่เคยผูกพันอะไรอย่างจริงจังและนายคนเก่าก็ยอมรับแล้วว่าฉันเป็นอิสระจากครอบครัว เรามีข้อตกลงแค่เกื้อกูลกันเท่านั้น!”

ฉันคุ้นเคยกับเมธวัชร์ที่แทนตัวเองว่า ‘ผม’ และพูดจาอย่างสุภาพอย่างคนมีการศึกษา เคยได้ยินบ้างเหมือนกันว่าเขาแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ กับลูกน้องและคนขับรถ ถึงกระนั้น น้ำเสียงที่ใช้ก็เปี่ยมไปด้วยการให้เกียรติและความเมตตา จนฉันสรุปว่ามันเป็นลักษณะของคนที่ได้รับวุฒิภาวะจากความยากแค้นแสนสาหัสที่มักจะมีความเห็นอกเห็นใจในความยากลำบากของคนอื่นแต่ก็ไม่ได้มากเหมือนคนอ่อนไหว

ดังนั้น ฉันจึงไม่เคยได้ยินเสียงของเขาในแบบดุกร้าวและตึงเครียดแบบนี้

สีหน้าของเมธวัชร์บอกเลยว่า..โคตรจะหงุดหงิด

“ก็ได้ ฉันจะลงไป!”

เขาโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะโดยไม่ปรานีต่อราคาของมันแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆฉัน นานชั่วอึดใจกว่าที่เขาจะปรับอารมณ์ได้และหันหน้ามามองฉัน

“เป็นอะไรไป”

คำถามของเขาทำให้ฉันจินตนาการออกเลยว่าตอนนี้ฉันทำหน้าแบบไหน

ใต้ก้นของฉันมันเปียกนิดๆ และฉันก็..แน่ใจว่าใช่ มันเปื้อนไปแล้วแน่ๆ

“ฉันคิดว่าฉันทำเตียงของคุณเปื้อน”

“คุณฉี่รดที่นอน?”

ทุเรศที่สุด ฉันอยากเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นขว้างหัวเขาจัง

“เปล่า”

ราวกับความซวยครั้งแรกคุกคามฉันไม่พอ ทัพที่สองกำลังจะตามมา ข้างในท้องของฉันเริ่มบิดเกร็งตัวอย่างรุนแรงเพื่อที่จะขับเอาซากเนื้อเยื่อที่ไม่มีประโยชน์แล้วออกจากร่างกาย

“คุณเมธวัชร์ ..เรียกสาวใช้ให้ฉัน”

“คุณปวดท้องหรือ”

ฉันพยักหน้ารับ

“คุณเป็นอะไรไป”

“ฉันคิดว่าคุณไม่อยากรู้หรอก”

“พูด เพชรลดา”

มันอาจจะเป็นเวลาที่จำเป็นต้องมองข้ามความรู้สึก เอาล่ะ..อายเป็นอาย ตายเป็นตาย

“ฉัน..เป็น..เมนส์”

เขาทำหน้าเหมือนฉันเพิ่งพูดภาษาของชนเผ่าลึกลับในป่าอะเมซอนออกไป

“อะไรนะ”

ฉันล้มลงไปนอนขดเหมือนแมวกลืนยาพิษ ในหัวเหลือแต่เสียงครวญครางของตัวเอง โอย..

“เพชรลดา นี่คุณเป็นอะไรกันแน่”

“มดลูกของฉันมันกำลังงอแง”

“อะไรคือมดลูก”

“คุณไม่มีก็ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก!”

ฉันทนอยู่อย่างนั้นอยู่เป็นชาติกว่าสาวใช้จะแตกตื่นกรูกันเข้ามาในห้องนอน มากันมากเกินกว่าความจำเป็น

“ฉัน..เก็บ..ผ้าอนามัยไว้ในกระเป๋าเดินทาง เอาห่อสีฟ้ามานะ”

ที่ต้องพูดอย่างนั้นเพราะฉันมีผ้าอนามัยอยู่สามชนิด นั่นคือห่อสีฟ้า ชนิดอย่างหนาและยาวพิเศษสำหรับใช้กลางคืน แต่สำหรับฉันต้องใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะวันมามากของฉันเสมือนวันเขื่อนแตกของแท้ ชนิดที่สองคือปกติสำหรับวันมาน้อย และชนิดสุดท้ายคือแบบบางสำหรับใช้ในวันธรรมดา..วันที่ฉันรู้สึกอับชื้น
สาวใช้พยักหน้ารับ เธอเข้าใจที่ฉันพูดอย่างทะลุปรุโปร่งผิดกับผู้ชายคนเดียวในห้องที่ยังงงเป็นไก่ตาแตก

“คุณเพชรลดาเข้าห้องน้ำไหวไหมคะ”

“ไหว ไม่เป็นไรมากหรอก แต่..ถ้าฉันลุก..”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอหยิบกล่องกระดาษทิชชูมาแล้วดึงผ้าห่มออกไปจนพ้นจากตัวฉัน เท่านั้นฉันก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนเดียวในห้องแหกปากอุทาน

“เฮ้ย!”

กระโปรงชุดนอนสีชมพูถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน นี่ถ้าใครไม่รู้ก่อนว่าฉันเป็นเมนส์มากจนน่ากลัวแบบนี้ ถ้าไม่เข้าใจว่าฉันแท้งลูกก็ต้องเข้าใจว่าฉันเพิ่งถูกรุมโทรมมาแน่ๆ

“คุณเพชรลดาอายคุณเมธวัชร์ไหมคะ”

“ถ้าเขาอยากดูหนังสยองขวัญก็ช่างเขาเถอะ”

เธอดึงกระดาษทิชชูซับเลือดตามซอกขาและอวัยวะเพศของฉันอย่างไร้ความรังเกียจจนฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัย

“เธอไม่กลัวเลยหรือ”

“ดิฉันเรียนพยาบาลมาค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานเป็นพยาบาลอาชีพ แต่ตอนเรียนก็เจอมาเยอะจนชินแล้ว”

นางพยาบาลในคราบสาวใช้ซับเลือดของฉันออกจนเกือบหมดก่อนที่สาวใช้อีกคนจะช่วยพยุงฉันลุกขึ้นและช่วยประคองจนฉันเข้าไปในห้องน้ำและทำท่าจะตามเข้ามาช่วย แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ฉันช่วยเหลือตัวเองได้ ถึงกระนั้น มันก็ยังมีใครบางคนดื้อรั้นเข้ามาอยู่ในห้องน้ำกับฉัน

เหล่าสาวใช้หลุดเสียงหัวเราะคิกคักก่อนที่พวกเธอจะรีบจับกลุ่มวิ่งลงไป พวกนั้นคงอายหรือไม่ก็ไม่มีใครใจกล้าพอที่จะอธิบายให้นายผู้ชายของตนฟัง หรือไม่ก็..ความขำมันจุกอกเสียจนพวกเธอพูดอะไรไม่ได้ จะแสร้งตีหน้าตายกลั้นหัวเราะกันอยู่ก็ทำไม่ได้แล้ว พวกเธอจึงต้องรีบวิ่งไปปล่อยก๊ากกันข้างล่างและคงเริ่มตั้งวงเผาคนจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองด้วยประโยคที่ว่า ‘เห็นหน้าคุณเมธวัชร์ไหม! เห็นหน้าคุณเมธวัชร์ไหม! ซีดอย่างกับไก่ต้มแน่ะ!’

ฉันเองก็จะสุดขีดแล้วเหมือนกัน

“คุณเมธวัชร์ คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าฉันก็ได้นะคะ”

“คุณเสียเลือดมากขนาดนั้น คุณไม่อ่อนเพลียบ้างเลยหรือ”

ฉันพยายามจะไม่หัวเราะออกมาตั้งแต่สีหน้าตกใจของเขาเมื่อครู่แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้แล้ว

เขาตามมาอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำ

“คุณหัวเราะอะไร แล้วเลือดหยุดหรือยังครับ”

“ยังค่ะ มันจะไหลอยู่อย่างนี้ประมาณห้าวัน”

“ห้าวัน! คุณพูดบ้าอะไร ไปหาหมอกับผมเดี๋ยวนี้เลย!”

ให้ตาย วันนี้ฉันจะหัวเราะจนจมน้ำตายเลยหรือเปล่าเนี่ย

“เพชรลดา คุณเจ็บท้องมากไม่ใช่หรือ”

ฉันเกือบจะลืมอยู่แล้วว่าฉันปวดท้อง

“คุณหัวเราะทำไม คุณเลือดไหลและปวดท้อง คุณอาจจะเป็นโรค”

“เวลาที่เลือดไม่ไหลน่ะสิคะ ผู้หญิงถึงจะกังวลว่าอาจจะเป็นโรค” ฉันสูดลมหายใจ ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้ใครหัวเราะใส่ความไร้เดียงสาของเขาอีก “คืออย่างนี้ค่ะ ฉันเป็นอย่างนี้ทุกเดือน เดือนละสี่หรือไม่ก็ห้าวัน มดลูกของฉันจะชะล้างเอาผนังเนื้อเยื่อเก่าออกมาเพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับสร้างผนังมดลูกใหม่ และถ้าหากมันไม่มีตัวอ่อนของมนุษย์เข้าไปฝังอยู่หรือหมายความว่าฉันไม่ได้ท้อง มันก็จะชะล้างออกมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ”

เขาเงียบไป คิ้วขมวดมุ่นราวกับครุ่นคิดแล้วถาม

“คุณแน่ใจนะว่าเรื่องน่ากลัวแบบนี้เป็นเรื่องปกติ”

ฉันยิ้ม ยิ้มทั้งปาก เบิกบานไปถึงหัวใจ ทำไมไม่รู้ ตอนนี้ฉันเอ็นดูผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ใครจะรู้ล่ะว่าเขานอนกับผู้หญิงมามากแต่กลับรู้เรื่องของผู้หญิงน้อยขนาดนี้

“คุณคงเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงมาหาคุณโดยที่หน้าก็ไม่มันเยิ้มและเส้นผมก็ลื่นสลวยหอมกรุ่น คุณคงเป็นผู้ชายที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงในวันที่ใบหน้าและร่างกายของเธอถูกพอกโคลน ถูกย่างทั้งเป็นด้วยเตาราคาแพงเพราะเธอเชื่อว่ามันจะช่วยทำให้เธอผอมลงและสวยขึ้น คุณคงไม่เคยเห็นผู้หญิงที่นอนลงให้หมอเอามีดกรีดหนังตาเพื่อให้เธอมีตาสองชั้นหรือกรีดเปิดหน้าอกเพื่อเอาซิลิโคนยัดเข้าไป ทำให้หน้าอกใหญ่ๆ”

“ของคุณไม่ใช่ซิลิโคนใช่ไหม”

เป็นคำพูดปล่อยมุกตลกที่ทำเอาฉันหัวเราะแทบจมน้ำตายไปเลย มันไม่ใช่ไม่เคยมีใครสงสัยว่ามันอาจไม่ใช่ของที่ฉันได้มาจากธรรมชาติเพราะมันอวบใหญ่เกินไป วิรงรองยังเคยถาม ‘แกทำที่ไหนเนี่ย ใหญ่ นุ่ม อย่างกับของจริง!’

“ผู้หญิงส่วนใหญ่ใฝ่ฝันที่จะมีหน้าอกแบบฉันเพราะพวกเธอคิดว่ามันจะทำให้พวกเธอดูมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามมากขึ้น แต่พวกเธอไม่รู้ว่าฉันมีปัญหาเรื่องปวดหลังและปวดบ่าอยู่เสมอ และฉันต้องใส่เสื้อไซส์ใหญ่กว่าตัว แล้วคิดดูสิคะ ฉันใส่เสื้อไซส์ใหญ่ในขณะที่ต้องใส่กระโปรงไซส์เล็กตามขนาดตัว มันน่าเกลียดมากขนาดไหน ภาพที่ฉันต้องใส่ชุดนักเรียนและชุดนักศึกษาและเวลาที่ฉันพยายามจะแต่งตัวมิดชิดเรียบร้อยหรือแต่งตัวน่ารัก และต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะปกปิดหน้าอกของตัวเอง ฉันจะดูปูมปามเทอะทะเป็นตัวตลกเพราะรูปร่างไม่สมส่วน ฉันต้องทนอยู่กับการถูกมองถูกล้อเลียนอยู่บ่อยๆ เวลาที่ฉันใส่เสื้อเชิ้ตใหญ่ๆ แต่มันก็ดีกว่าการที่ฉันใส่เสื้อตามไซส์ตัวเองและแนวสาบกระดุมปริ เพราะฉันจะโดนสายตาสาปแช่งเลยทีเดียว”

เขาเงียบ ฉันหยุดและนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เพื่อนสาว

“ขอโทษที่พูดมากไปค่ะ”

“ผมชอบร่างกายของคุณ”

เขาพูดขึ้นมาลอยๆ

ฉันหัวเราะ

“คุณเคยบอกว่าคุณชอบหน้าอกของฉัน ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่คุณไม่จำเป็นต้องเหมารวมว่าคุณชอบร่างกายของฉันทั้งหมด ฉันสูงหนึ่งร้อยหกสิบหนักห้าสิบห้ากิโลกรัม ใครเห็นฉันก็จะบอกว่าฉันอ้วน หน้าท้องของฉันไม่แบนราบ ฉันมีรอยแตกลายอยู่ตรงหน้าอกและต้นขา ใบหน้าของฉันมีรอยแดงจากแผลสิวและการเผาไหม้จากแสงแดด ฉันมีถุงใต้ตาเพราะตาฉันใหญ่เกินไป มีรอยคล้ำสีน้ำตาลเพราะฉันนอนดึกเป็นอาจิณและระบบน้ำเหลืองไม่ค่อยดี ก้นของฉันก็ด้านเพราะฉันนั่งทำงานมากกว่าห้าชั่วโมงต่อวัน”

“ผมชอบร่างกายของคุณ” เขาย้ำอย่างหนักแน่น “คุณเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์มาก”

ฉันไม่เคยชื่นชอบคำชมหรือคำยกยอเพราะมันช่างทำให้ฉันเจ็บปวดใจตราบใดที่ฉันยังคงจดจำความล้มเหลวในชีวิตของตัวเองได้

“ฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นอย่างไรและฉันก็เชื่อว่าโชคชะตาให้สิ่งที่ดีที่สุดกับฉันเสมอ ฉันพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นเพราะฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องปลอบใจฉันหรอกค่ะ”

เขายื่นมือมาเชยคางฉัน บังคับให้ฉันเงยหน้ามองเขา

“เชื่อผมสิ เพชรลดา คุณเป็นผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อทำให้ผู้ชายหลงใหล ผู้ชายที่เคยได้พบและเคยพูดจากับคุณ ไม่มีวันจะลืมคุณได้ง่ายๆ คุณจะอยู่ในความทรงจำของผู้ชายคนนั้นตลอดเวลาแม้ในเวลาที่เขาอยู่กับผู้หญิงอื่น”

ฉันยิ้มแล้วนิ่ง ผู้ชายสองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตฉัน พูดถึงฉันคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์ หรือมันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันเป็นผู้หญิงที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชาย อยู่ในอดีต และจะไม่มีวันได้อยู่ในปัจจุบันหรืออนาคตของใครทั้งสิ้น

ฉันเป็นแค่ทางผ่าน แต่นั่น..ถ้าไม่โหยหาความรักมากเกินไปก็ใช่ว่าจะเลวร้าย อย่างน้อยฉันก็ยังมีปัจจุบันและมีอนาคตเป็นของตัวเอง ฉันควรจะมีความสุขด้วยตัวเองและไม่ควรจะรู้สึกตกต่ำไม่ว่าจะถูกผู้ชายหันหลังให้กี่สิบครั้งหรือกี่ร้อยครั้ง

ฉันไม่ควรจะรู้สึกแย่กับคำพูดของเขา แต่ความจริงก็คือความจริง โลกคงจะเมตตาและไม่ว่าอะไร หากมนุษย์คนหนึ่งจะรู้สึกแย่เพราะยอมรับความจริง

“คุณเมธวัชร์”

“ครับ”

“เราเลิกกันเถอะค่ะ”


***แก้ไขใหม่ค่ะ



สร้อยดอกหมาก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2554, 20:54:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2554, 10:25:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 4759





<< ตอนที่ 8 : เมื่อความบ้าคลั่งที่ถูกขนานนามว่าความรักถือกำเนิดขึ้น   ตอนที่ 10 : แววตาที่คุณมองผมและเซ็กส์ของเรามีความหมายกับผมมากกว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดและกำลังทำ (เต็มตอนแล้วค่า) >>
Gingfara 29 เม.ย. 2554, 20:57:50 น.
ว้าว วันนี้มายาวพิเศษรึเปล่าคะ
ชอบค่ะ


มะดัน 29 เม.ย. 2554, 21:51:23 น.
คิดถึงคุณสร้อยค่ะ


MYsister 29 เม.ย. 2554, 21:52:01 น.
ชีวิตมีอะไรให้คิดอีกเยอะตั้งแต่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้


Auuuu 29 เม.ย. 2554, 21:55:33 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ :)


ก้อนอิฐ 29 เม.ย. 2554, 22:07:12 น.
โอ๊ย........อ่านแบบต้องตั้งใจให้เข้าใจพระเอกของเราที่สุด...บางทีก็คิดว่า ไม่น่าถามเล้ย..ยัยเพชรลดา แต่ถ้าไม่ถาม..ก็ไม่เข้มใช่ไหมคะ...สู้ๆ ค่ะ...รอตลอดเลย


DearJazz 29 เม.ย. 2554, 22:22:54 น.
รอคุณเมธวัชร์เปิดอกค่ะ


sai 29 เม.ย. 2554, 22:52:57 น.
อ่านเรื่องคุณสร้อยทีไร ได้แง่คิดทุกที เข้าใจโลกและทำให้ตัวเองมองอะไรในมุมอื่นๆบ้าง สรุปว่าชอบมากค่ะ^_____^


Bigbee 29 เม.ย. 2554, 22:59:08 น.
อ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างนางเอกกับพระเอก


Pat 30 เม.ย. 2554, 00:14:41 น.
รู้สึกเศร้าใจจังเลยตอนนี้ รออ่านมุมคุณเมธวัชร์ค่ะ


waoiiw 30 เม.ย. 2554, 03:53:36 น.
ตอนแรกอ่านแล้วเคืองพระเอก
ไปมาๆเศร้าสะงั้น


chat 30 เม.ย. 2554, 08:06:49 น.
อ่านเรื่องของคุณสร้อย แล้วคิดถึงนักเขียนหญิงคนหนึ่ง ..คำผกา ไม่รู้ทำไม สไตล์ ไอเดีย ความคิด เฟมินิสต ไม่รู้สิค่ะ มันครือๆกัน
ยังไงก็แล้วแต่ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ..:). Natee


หมูบิน 30 เม.ย. 2554, 08:14:20 น.
หึงแทนนางเอกค่ะ ตอนนี้สั้นแต่กินใจค่ะ


mw 30 เม.ย. 2554, 08:18:42 น.
ตอนแรกก็เจ็บปวดแทนนางเอก
ตอนท้ายๆเจ็บปวดแทนพระเอก
ติดตามอย่างตามติดนะคะ


sunntee 30 เม.ย. 2554, 08:34:36 น.
ชอบ...มาก
...รอตอนต่อไปนะคะ...


Pakkad 30 เม.ย. 2554, 09:35:09 น.
ชอบมากๆค่ะอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้ว ^ ^ จะใจจดใจจ่อรอตอนหน้าเพราะอยากรู้ว่าคุณเมธวัชร์คิดอะไร...


ณิณ 30 เม.ย. 2554, 10:10:37 น.
อืมมม อยากมองจากมุมของเมธวัชร์บ้างแล้วสิ น่าติดตามมากค่ะ


pandepam 30 เม.ย. 2554, 11:11:39 น.
กด like ล้านครั้งได้คะ อิอิ รอตอนต่อไปนะคะ ^^


แว่นใส 30 เม.ย. 2554, 21:49:44 น.
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จังเลยค่ะ
นางเอกเรารักพระเอกของเราแล้ว


anOO 30 เม.ย. 2554, 23:06:51 น.
เฮ้อ ชีวิตมันยุ่งยากจัง
อยากรู้เรื่องของพระเอกเราบ้างแล้วสิ
คงจะคิดอะไรแหวกแนวไปจากเพชรลดาแน่เลย


roseolar 1 พ.ค. 2554, 09:32:28 น.
เฮ้อ!!!!!
สงสารสามีที่สวมเข็มขัดหนังเก่าๆจัง


amppika 1 พ.ค. 2554, 21:01:08 น.
ชอบเรื่องน้มากเลยค่ะ ตามมาอ่านตั้งแต่เว็บตัวเก่า อ่านแล้วรู้สึกว่ามีอะไรให้คิดตามเยอะดี ค่ะ น่าติดตามมาก ^ ^


yayee62 2 พ.ค. 2554, 18:17:54 น.
รู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก”°_°”


ชูมาน 2 พ.ค. 2554, 20:47:52 น.
ชอบตอนนี้จังค่ะ
เท่าที่อ่านๆมา รู้สึกเหมือนพระ-นางมีปฏิสัมพันธ์กันเยอะสุดก็ตอนนี้แหละ^^
ตอนที่ผ่านๆมาก็ชอบนะคะ ชอบที่นางเอกวิเคราะห์ตีความพระเอก
ความคิดเฉียบๆ ชอบคำพูดคมๆ
ต่อไป จะได้อ่านมุมมองพระเอกบ้างล่ะ
อยากรู้จริงเชียวว่าความคิดของพ่อคนนี้จะเฉียบขาด หรือหยันโลกขนาดไหนกัน ๕๕๕

ปล.ดีใจจังค่ะคุณสร้อย ที่ได้รู้ว่ามีคนคิดเหมือนกันอีกเยอะ ^^


omelate 3 พ.ค. 2554, 00:07:14 น.
พระเอกเป็นคนน่าสงสารนะ


Auuuu 17 พ.ค. 2554, 22:03:09 น.
อันนี้ก็เครียดอ่ะ :( แต่ชอบอ่าน


Chii 19 พ.ค. 2554, 16:32:51 น.
ตรงท้าย ๆ นี่เป็นผลจากฮอร์โมนช่วงเป็นเมนส์ป่ะคะเนี่ย -*-


คิมหันตุ์ 20 พ.ค. 2554, 14:23:55 น.
เฮ้....เลิกกันเลยหรอ...เจ้ อารมณ์แปลปรวนป่ะจ๊ะ...เด๊วคุณเมธวัชร์ งอนนะ


yayee62 20 พ.ค. 2554, 21:38:23 น.
ม่ายยยยยยยยยยยยยยย นะ Y_Y


ณิณ 21 พ.ค. 2554, 23:26:53 น.
เฮ้ย!!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account