แรกรักแต่ปางบรรพ์
เรื่องราวยุคก่อนสุโขทัย เป้เนนิยายจินตนาการทั้งสิ้น มิอาจนำไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆได้
Tags: จงรัก ภักดี

ตอน: ก่อนการประสูติ (จบภาค เจ้านางอมรา)


เจ้านางขวัญหล้า นั่งร้อยดอกไม้เล่นกับนางสนมกำนัล ซึ่งพากันเด็ดดอกไม้มาถวายกันเป็นอันมาก ท่วงทีกิริยาของเจ้านางนุ่มนวลยั่วยวนต่างจากเจ้าอมราที่เร่าร้อนดุร้าย
ทีฆายุพ่อเจ้าทอดพระเนตรเห็นท่านสิงห์ ไปช่วยกาสา พ่อเจ้าจึงมีพระราชกระแสไปว่า
“ดูเจ้ามีความห่วงใย กาสาไม่น้อย เลยนะ เจ้าไม่ลองเกี้ยวพาดูรึสิงห์ อายุมันก็เลยสาวมาแล้ว”
“หากข้าน้อยพราก กาสามาอยู่ในปกครองเสีย พระแม่เจ้าเล่าจะมีใครถวายการดูแล”
“เหตุ ที่เกิดไม่ควรที่”
“เหตุใดพ่อเจ้าจึงไม่รับกลับเจ้าพ่อเจ้า”
“ข้าคืนคำไม่ได้สิงห์ ทั้งเจ้าทั้งข้าต่างก็รู้ ข้ามีอยู่แค่ร่าง แต่หัวใจของข้าขาดไปนับแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว”
เจ้าใหญ่นายโตมีเมียมากเป็นของธรรมดาในแต่ละยุคสมัย หากเจ้าอมรามีความคิดล้ำเกินยุคไป พระนางโปรดเพียงผัวเดียว เมียเดียว พ่อเจ้าจะว่าพลาดว่าผิดก็มิได้ ทรงเป็นจอมกษัตริย์แค่เสน่หาเจ้านางที่โมโหร้าย ชื่อเสียงของพระองค์ก็ถดถอยลง ไม่ลงโทษไม่ได้ จักให้ผู้คนเย้ยไยไพว่าเจ้าคนกลัวเมียได้หรือ!
ราตรีกาลมาเยี่ยมเยือน
กาสาหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียเพราะต้องทำงานแต่เช้าจรดเย็น แม้เจ้าอมราจะช่วยแบ่งเบาบ้างแต่กาสาไม่ยอมให้เจ้านางได้แตะต้องงานใด
เจ้านางอมราเทวีทอดพระเพลา และพระปฤษฎางค์พิงฝาห้อง..ทอดพระเนตรชมแสงจันทร์นวลซึ่งสาดส่อง พระนางผุดลุกขึ้นเปิดพระวิสูตรรับแสงจันทร์นวล.
..พระนางมิเคยเห็นเดือนเห็นตะวันเข้ามาถึงสัตมาศ(เจ็ดเดือน)
นับแต่ต้องโทษขังมีรับสั่งห้ามมิให้พระบาทของพระนางมิเคยย่างเหยียบลงมาจากพระตำหนัก พระนางทำตามพระราชโองการนั้นด้วยความทิฐิ
หากราตรีนี้พระนางได้สัมผัสยอดตฤณชาติชุ่มน้ำค้างให้เหน็บหนาวลึกในพระทัย เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมานานปี ในอุทยานนี้เป็นที่ประทับ และเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา ด้วยทรงมีพระเกษมสำราญตามลำพังกับพ่อเจ้าทีฆายุ
อ้อมกอดพระกรแกร่งโอบอุ้มมิให้พระบาทถูกปลายใบหญ้า ทรงเกษมสำราญใต้ร่มโศก อันห้ามมิให้ ผู้ใดล่วงล้ำในยามวิกาล
วันนี้พ่อเจ้าเสด็จผ่าน แม้ไม่เห็นพระพักตร์ หากพระนางอยากสัมผัสสิ่งที่พ่อเจ้าประทับ พระนางเดาว่าคงประทับนั่งบนแท่นศิลาแม้จะประทับอยู่กับนางที่ครองเมืองแทนพระนางอยู่ อมราเทวีมิได้รังเกียจอีกแล้ว พระนางทรงคิดถึงพ่อเจ้าอย่างจับใจ ดังนั้นเจ้านางอมราแตะพระหัตถ์ที่แท่นศิลาเย็นเยียบด้วยความรู้สึกหวั่นไหว
ความหนาวเย็นของอากาศ และจากแท่นหิน ได้แผ่ซ่านเข้าสู่พระวรกายทรงครรภ์ พระนางหวนคิดถึงพระทัยของพ่อเจ้าว่าคงมีแต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความเอ็นดูให้กับพระนางที่ถูกฉุดคร่ามาจากต่างเมือง ความน้อยพระทัยทำให้ลุกจากแท่นที่ประทับ หากแล้วมิอาจตัดพระทัยได้ จึงขยับพระวรกายทรุดนั่งลงไปใหม่ พลางเอนพระวรกายพิงกับต้นโศกใหญ่ ทอดพระทัยเหม่อลอย คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิต
กองไฟมหึมาที่ได้คร่าชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ ไม่เว้นแต่มนุษย์ชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นพระนางไม่เห็นค่าของความเป็นคนของภีมเสน และน้ำทอง
“ความรักของพวกเจ้า ได้ถูกข้าพรากด้วยความตาย เจ้าคงสาปแช่งข้าให้ตายตกตามเจ้าไปใช่หรือไม่ หากมิใช่เช่นที่ข้าคิด แต่ข้าอยากบอกเจ้าทั้งสองว่า เวลานี้ข้าได้รับรู้ความร้อนแห่งไฟชีวิตที่ผลาญในอกข้าทุกเมื่อข้ารู้แล้ว เข้าใจแล้วว่า ค่าของความมีชีวิตของคน ควรได้มีความรักอยู่คู่กันไม่ว่าทาสไพร่หรือชนชั้นใด ข้าขอโทษพวกเจ้าด้วยที่ได้ห่าพวกเจ้าไปเสียแล้ว”
ทีฆายุพ่อเจ้าชะงักพระบาทเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างตะคุ่มใต้ร่มเงาโศก
“นั่นใคร” สุรเสียงพ่อเจ้าตรัสห้าวกังวาน แม้ไม่ดังมาก แต่ทำให้เจ้านางอมราสะดุ้งสุดตัว
“พี่เจ้า” เจ้านางครางเรียก ก่อนผุดลุกจากที่ประทับนั่งโดยเร็ว
“เจ้า อมรา” เร็วเท่าความคิด พ่อเจ้าทีฆายุปราดเข้าไปประชิด เจ้านางผละหนี หากพ่อเจ้าฉวยพระกรฉุดรั้งเข้ามาโอบกอดแนบอุระแน่น
“อย่าไป อย่าจากพี่ไปอีกเลยอมรา”
เจ้านางอมราดิ้นรนเต็มที่ก็ไม่อาจพ้น พ่อเจ้าตะโลมโลมไล้ พระทัยร้อนเร่าดังราชสีห์หนุ่มได้นางกวางสาวไว้เป็นเหยื่อ เจ้านางอมราทุบตีด้วยความแค้น และน้อยพระทัยยิ่ง
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ทีฆายุ ปล่อยหญิงต่างเมืองบัดเดี๋ยวนี้”
“หากเจ้ามีความโกรธดังปากเจ้า แล้วคืนนี้เจ้ามานั่งที่นี่ทำไมเจ้าอมรา หรือเจ้ามีคนอื่นนอกจากข้า” สิ้นดำรัสนั้นทำให้พ่อเจ้าพิโรธหนัก ทรงเขย่าพระวรกายเจ้าอมราโดยแรง
แต่แล้วสายพระเนตรคมได้สังเกตเห็นร่างกายที่เปลี่ยนแปลงของเจ้านางอมราเต็มสายพระเนตร
ครรภ์เจ้าอมราใหญ่มาก เมื่อพ่อเจ้าคลายกำลังลง เจ้านางจึงสะบัดหลุดผละหนี พ่อเจ้าคืนพระสติที่ตกตะลึงตามไปฉุดรั้ง เจ้าอมรากลับมาอีกครั้ง รับสั่งห้วนดุดัน
“เจ้ามีครรภ์กับใครเจ้าอมรา”
“อย่าดูถูกน้ำใจข้าน้อยเช่นนี้นะพ่อเจ้า ถึงไม่ต้องนับเวลาประสูติ พ่อเจ้าก็ไม่อาจเหยียดหยามน้ำใจข้าน้อย”
“เจ้าอมรา”
“เมื่อระแวงว่าข้าน้อยแพศยา เชิญเอาหัวข้าน้อยไปเดี๋ยวนี้”
ตรัสจบพระนางฉวยมีดเหน็บของพ่อเจ้าออกมาคิดเชือดพระศอของพระองค์เอง
นาทีนั้นเองที่พ่อจึงเข้าพระทัยได้ว่าเหตุใดเจ้าอมราจึงไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดเห็น เป็นเพราะ พระนางไม่ต้องการนำราชบุตรในครรภ์เป็นบันไดขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง
“โอ้ อมรา” พ่อเจ้ารั้งพระนางเข้ามาดอบรัดโดยแน่น กระซิบผ่านด้วยเสียงสั่นเครือ
“อภัยให้พี่เถิดอมรา พี่ขอโทษเจ้าได้ยินมั้ย พี่ขอโทษเจ้าแล้ว”
“พี่เจ้า” พระนางทรุดลงแทบบาท กรรแสงโฮ โฮราวเด็กทารกต้องการความปกป้องคุมครองจากอ้อมอกผู้ให้กำเนิดกระนั้น
ทีฆายุเจ้าทรุดวรกายโอบกอดเจ้าอมราเทวีแนบแน่น ทรงคิด
พระเทวีทนทุกข์ทรมานพระทัยมากถึงเพียงนี้โดยไม่วิงวอนร้องขอต่อผู้ใด เพราะคนอย่างเจ้าอมราเทวีหากไม่มีห่วงในพระหน่อเจ้า มีหรือที่ตำหนักเล็กๆ ที่กักขังพระนางจะต้านฤทธิ์ดื้อรั้นดุร้ายได้ .
พ่อเจ้าสั่นสะท้านจนเจ้านางรู้สึกได้ พระองค์ตรัสเสียงพร่า
“เจ้าทนทุกข์เพราะสายเลือดของพี่ แล้วทำไม เจ้าไม่กลับไปหาพี่ เจ้าเกลียดพี่มากนักหรืออมราเทวี”
“อมราหรือจะเกลียดพี่เจ้าได้”
“แล้วทำไมเล่า ทำไมจึงต้องทนทุกข์เพียงนี้ ไม่คิดถึงพี่เลยหรือ ไม่มีสักวันเลยหรือที่เจ้าจะคิดถึงพี่”
เจ้านางอมรา พาร่างทรงครรภ์สอดพระกรโอบรัดบั้นพระองค์พระสวามีแน่น ทรงสารภาพทั้งน้ำพระเนตรเอ่อคลอ
“ไม่มีสักวันที่จะลืมพระองค์ได้ แต่น้องจะทำอย่างไรได้ ความภักดีจึงรับโองการนั่นใส่เกศา น้องจะทำอย่างไรได้พี่เจ้า อมราเทวีได้ถอดดาบต่อหน้าธารกำนัล โทษนั้นต้องถึงตาย แต่พี่เจ้าเมตตาไว้ชีวิตให้เหลือเพียงกักขังเท่านั้น แค่นี้ทำให้อมราเทวีจึงต้องเจียมตัวว่าได้ลดโทษตายแล้ว”
“หากไม่มีลูก เจ้าคงไม่อยู่ให้พี่ได้กอดเจ้าอย่างนี้ใช่มั้ย”
“ความดื้อรั้นของน้องได้หมดสิ้นลงแล้วพี่เจ้า”
“อมราน้องพี่ เราอย่าทุกข์กันอีกเลย เราเปลื้องทุกข์แห่งทิฐิลงเดี๋ยวนี้เถิด”
“พี่เจ้า ความอบอุ่นของอ้อมอุระพระองค์ ทำให้อมรารู้ว่านี่มิใช่เป็นแต่เพียงความฝัน สิ่งที่ดียิ่งได้เกิดกับอมราอีกครั้งแล้ว” ตรัสพลางเจ้านางอมราซุกพระวรกายในอ้อมพระอุระกว้าง
ความเหน็บหนาวของอากาศมิอาจชำแรกเข้าไปทำให้พระนางได้ทุกข์อีกเลยในเวลานั้น พระวรกายสูงของพ่อเจ้าค่อยค้อมองค์ลงโอบอุ้มเจ้านางอมรา พาไปยังแท่นที่ประทับใต้ร่มโศก ทรงให้เจ้านางนั่งซ้อนพระเพลา พลางกอดแนบเชยชมให้สมกับการรอคอยอันยาวนาน!!
กาสา ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเจ้านางอมราเทวีอยู่บนพระตำหนัก นางตกใจจนเสียขวัญ เที่ยววิ่งตามไปทุกที่ แต่มิอาจจะร้องกระโตกกระตากไปได้ นางค้นหาจนสิ้นแรงจึงเดินร้องไห้กลับตำหนักท้ายวัง นั่งโขกศีรษะกับขั้นบันได
“เอะอะ อะไร กาสา” ทีฆายุเจ้าตรัสถามเสียงกังวานทรงอำนาจ
“แม่เจ้าหายไปแล้ว”นางตอบไม่หันมามอง แล้วให้นึกขึ้นได้ จึงเหลียวหน้ากลับมา จากนั้นเข้ามายอบกายต่อเบื้องพระบาท กาบทูลด้วยความอาดูร และสิ้นหวัง
“ แม่เจ้าของข้าน้อย ประหาร กาสาเถิดพ่อเจ้า กาสาไม่อาจดูแลแม่เจ้า”
“กาสา ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
เจ้าอมราเทวีเดินจากเบื้องปฤษฎางค์ พ่อเจ้าเข้าไปประคองอย่าทะนุถนอม กาสาผวาจับวรกายเจ้านางอมราเทวี
“เสด็จไปที่ใดเพคะแม่เจ้า ข้าน้อยหาจนทั่ว”
“หาทั่วก็ต้องเจอข้าสิกาสา เอาเถอะข้าได้กลับมาพร้อมกับพี่เจ้าของข้า”
ทีฆายุพ่อเจ้าสังเกตเห็นความอ่อนโยนของเจ้านางอมราเทวี
ห้องบรรทมคับแคบ แท่นที่ประทับเป็นไม้กระดานแข็งพ่อเจ้าประคองเจ้านางลงบรรทม ในพระทัยได้รับรู้ เทวีของพระองค์ต้องทุกข์ทรมานทั้งที่มีครรภ์
“เจ้าเปลี่ยนไปมากนะอมราเทวี” ทรงบรรทมแนบข้างมิได้ทรงรังเกียจพระทัย ในความแข้งของแผ่นไม้ของแท่นพระที่ประทับ
“ความทุกข์ยากทำให้รู้ถึงน้ำใจคน น้องเคยอยู่บนความสุขสบายจึงไม่เคยเห็นว่าผู้ที่มีฐานะต่ำต้อยกว่ามีความลำบากเพียงใด จนน้องต้องอดอยากจึงรู้ชีวิตคนมีค่าทัดเทียมกัน”
“เทวีแห่งพี่ เจ้าผู้เป็นยอดรัก”
พระองค์กอดประทับรับขวัญ เพียงได้บรรทมเคียงข้าง ให้ชื่นพระทัยนัก
ความสุขของมนุษย์สั้นนัก หากทุกคนกลับเสาะแสวงหาช่วงเวลาสั้นๆนั้นเองมาบำเรอตนเพื่อความทุกข์อันยาวนานต่อไป!! ..
ทีฆายุพ่อเจ้าออกว่าราชการแต่เช้าเช่นเคย ท่านสิงห์นั่งใกล้พระที่นั่ง เมื่อราตรีที่ผ่านมิได้ตามเสด็จจึงไม่ทราบถึงเรื่องน่ายินดี
“ข้ามีข่าวอันเป็นมลคงแก่ชาวเมืองเรามาบอกให้รู้โดยทั่ว ยามเมื่อข้าตัดรักอมราเทวีเทวี ข้าหารู้ไม่ว่านางได้ทรงครรภ์”
“แม่เจ้า ”
“บัดเดี๋ยวนี้ความจริงได้ปรากฏเทวีแห่งข้าจะมีประสูติกาล ข้าจะคืนตำแหน่งแม่เมืองให้แก่อมราเทวีเทวี”
ข้าราชบริพารมีความจงรักภักดีในองค์ทีฆายุเจ้าจึงแซ่ซ้องสรรเสริญพระบารมีโดยทั่วถ้วน
กาสาเข้ามากราบทูลว่า เจ้านางอมราเทวีเจ็บพระครรภ์ พ่อเจ้ารีบตรัสให้หมอหลวงเข้าถวายพระสูติกาล
เพียงราตรีเดียวที่สองพระองค์ได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน บัดนี้คล้ายดั่งเป็นลางบอกเหตุ ความสุขแสนสั้นกำลังบังเกิดขึ้นแล้ว
“พระแม่เจ้า แข็งพระทัยเบ่งอีกนิดเถิด พระหน่อกลับพระองค์แล้วเพคะ”
เจ้านางอมราเทวีเทวีมีพระวรกายอ่อนล้ายิ่ง เพราะมิได้แข็งแรงดังก่อนตั้งพระครรภ์ พระนางรู้พระองค์ดีว่า หากมิทรงเลือก พระหน่อเจ้าจักติดตามพระองค์ไปโดยมิได้ลืมตามาดูโลก
“กาสาไปเชิญเสด็จพ่อเจ้าเข้ามาเถิด หาไม่พ่อเจ้าคงไม่มีโอกาสเช่นเดียวกับข้า”ข้าคงไม่มีโอกาสเห็นหน้าลูกข้าแล้วละหมอหลวง”
“แม่เจ้า อย่าตรัสเช่นนี้เลย”
“ไปเชิญเสด็จมาเถิดกาสา อย่าช้าอยู่ ข้ารู้ตัวเองดีแล้ว”
กาสาฝืนใจที่พานหมดเรี่ยวแรงให้ไปเชิญเสด็จทีฆายุพ่อเจ้ามาตามรับสั่ง
นางยอบกายเบื้องยุคลบาท
“กาสาลูกข้ามีประสูติกาลแล้วหรือไม่”
“แม่เจ้ามีพระโลหิตไหลไม่หยุด อีกทั้งพระหน่อไม่ประสูติ บัดเดี๋ยวนี้ให้มาเชิญเสด็จสู่ห้องประสูติเจ้าพ่อเจ้า”
ขาดคำนางกำนัลทีฆายุพ่อเจ้าเสด็จไปโดยเร็ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจาย ทั่วห้อง แม้คนที่เคยชินต่อการทำคลอดมามาก ยังรู้สึกวิงเวียนเป็นอันมาก หมอหลวงนวดเฟ้นเจ้านางอมราเทวีอีกทั้งหาโอสถมาถวาย ผืนรองประสูติแดงฉานไปด้วยพระโลหิต
เจ้านางอมราเทวีมีพระพักตร์อ่อนล้าเต็มที..ไม่มีแม้แรงยกพระหัตถ์จับผ้าผืนโยง
“อมราเทวี” ทรงประทับเคียงข้างประคองวรกายพระเทวีผู้เป็นที่รัก วรกายพระนางสั่นสะท้าน พ่อเจ้าทราบแก่พระทัย เป็นอาการของคนใกล้ตายด้วยเสียเลือดมาก
“ลมหายใจสุดท้ายข้าน้อยมีไว้เพื่อลูก กรีดทางกำเนิดนำลูกออกมาเถิดพ่อเจ้าหาไม่ลูกต้องมาตายไปกับข้าน้อยแน่แล้ว”
“อมรา กล่าวอะไรเป็นลางร้ายเช่นนั้น เจ้าต้องไม่จากข้าเป็นครั้งที่สองอมราเทวีเจ้าต้องอยู่”
“หากไม่ทรงทำ ก็ส่งมีดมาเถิด..น้องจะทำเอง” พระนางไขว้คว้าอ่อนแรง
“อมราเทวีเทวี แม่ยั่วหัวแห่งข้า..เจ้าเป็นสตรีเดียวที่ได้เห็นน้ำตาพี่ ยอดรัก ”
“น้อง มีชีวิตด้วยความภักดี แต่น้องก็เป็นคนใจแคบนักแม้ความตายจวนมาพลัดพรากให้จากกันกับพี่เจ้า น้องยังคิดบังอาจทูล อย่าให้นางคนเมืองแทง แตะ กายลูกของน้องแม้เพียงปลายเล็บ ให้กาสาได้เป็นพระอภิบาล”
“พี่ให้ได้ทุกอย่างอมราเทวีเทวี”พ่อเจ้ารับคำด้วยน้ำพระเนตรอาบพระพักตร์
“พี่เจ้า ลมหายใจสุดท้ายแห่งน้อง ขอได้ให้แก่ลูกน้อยของน้องเถิด”
“เทวี”
พ่อเจ้าเพิ่งทราบความปวดร้าวแห่งการสูญเสียใดๆ ในแผ่นดินนี้ ไม่อาจมีใครเทียบเท่ากับพระองค์ในเวลานี้เลย สตรีผู้เป็นที่รักได้ทรงอำนาจในการให้กำเนิดสายเลือดแห่งพระองค์ โดยแลกกับความตาย ซึ่งหาใครจะรักและภักดีต่อพระองค์ได้เสมอเหมือนเจ้านางอมรา ผู้ซึ่งเป็นนางต่างแคว้น แต่เป้นหญฺงเดียวในดวงพระหฤทัยพ่อเจ้า แห่งธารปุระนี้
พระหัตถ์ใหญ่กุมพระขรรค์แน่น ทอดอาลัยต่อการที่ต้องลงพระหัตถ์ในครานี้
‘ทีฆายุเจ้าเอยเจ้าประหารผู้เป็นยอดชีวิตของผู้อื่น มามากมายนับไม่ถ้วน บัดเดี๋ยวนี้เล่าเจ้าได้ใช้พระขรรค์ของเจ้าประหารเจ้านางผู้เป็นดวงใจแห่งตน’
ลมหายใจเฮือกสุดท้าย คือความเจ็บปวดสุดทนส่ง พระโอรสพ้นผ่านหมอหลวงรีบทำการประสูติให้เป็นโดยสมบูรณ์ พระเนตรคมดุทรงอำนาจเหลือกค้างไร้แววแห่งการมีชีวิต ทีฆายุเจ้าทรุดพระชานุกับพื้น ปิดพระเนตรค้างให้หลับสนิท กาสายอบกายติดพื้นเปล่งเสียงร่ำไห้อาลัยรักแทบชีวิตจะปลิดตาม
“อุ แว้ ”
“ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”
ข้าราชบริพารถวายคำแซ่ซ้อง
“เป็นพระราชกุมาร เพคะ พ่อเจ้า” หมอหลวงทำความสะอาดพระวรกายส่งพระโอรสให้กับทีฆายุเจ้า” เฟ้นหาพระนมโดยเร็วเถิดเพคะ เพื่อพระชันษาของพระราชกุมาร หมอหลวงทูลถวายด้วยความภักดี
“ภีมเจ้า เจ้าเกิดจากความตายขอให้เจ้ามีพระชนม์ยิ่งยืนนาน” พ่อเจ้าประทานพร
กลองชัยบนหอสูงลั่นคำรน ประชาชนหยุดฟังต่างถามไถ่เรื่องน่ายินดี ครานั้นทหารขึ้นหลังม้า ร้องป่าวประกาศทั่วพระนคร
“ภีมเจ้าโอรสแห่งทีฆายุพ่อเจ้าประสูติแล้ว ให้ชาวนครเราลั่นกลองทุกครัวเรือนในราตรีนี้
ราตรีนั้นทุกครัวเรือนต่างแสดงความยินดีถ้วนทั่ว
หากแต่พ่อเจ้ากอดพระศพเย็นเยียบของพระเทวีมิได้ห่าง
“พ่อเจ้าโปรดวางพระเทวีเถิด” ท่านสิงห์ทูลแผ่วเบา
ทีฆายุพ่อเจ้ากรรแสง อย่างไม่อายต่อแม่ทัพผู้รู้พระทัย
“ข้าได้ฆ่าเมียด้วยสองมือนี้ ข้าจะมีสุขได้อย่างไร”
“แต่เพื่อพระหน่อเจ้า”
“ไม่ใช่ดอกสิงห์ ข้าตัดรักจากนาง ปล่อยให้เทวีของข้าทุกข์ทรมานในตำหนักเล็กแห่งนั้น หากนางยังเป็นแม่ยั่วหัว เจ้าย่อมรู้ดี นางเข้มแข็งเพียงใด นางจะไม่อ่อนแรงต่อการคลอดลูกเยี่ยงที่เกิดดังนี้ ข้าจึงได้ชื่อว่าฆ่านางทั้งทางตรงและทางอ้อมแล้ว”
“พ่อเจ้า องค์ภีม คือ ดวงเนตรแห่งแม่เจ้าที่ถวายพระองค์ไว้ เมตตาพระหน่อเจ้าด้วยเถิด”
พระบรมศพตกแต่งเครื่องประดับครบถ้วนนางกษัตริย์ พระเนตรพริ้มสนิทดังกำลังบรรทมนิ่ง ฝาหีบพระศพเลื่อนปิด ก่อนจะถูกหย่อนลงในหลุมลึกและกว้าง ข้าวของเครื่องใช้จัดไว้โดยรอบ
พ่อเจ้าทีฆายุกอบธุลีดินลงฝังนางผู้เป็นที่รัก จากไปแล้วชั่วชีวิต อิสตรีที่ถูกฉุดคร่ามาจากเมืองคราม
ชาติกำเนิดสูงศักดิ์หากอาภัพมารดาเพียงแรกประสูติก็มิได้สัมผัสไออุ่น แห่งอ้อมกอดมารดา




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2555, 10:13:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2555, 10:13:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2544





<< กษัตริย์ไม่อาจคืนคำ   ชีวิตใหม่กาสา (ภาค เจ้านางศิขริน) >>
tookta 1 มิ.ย. 2555, 11:31:28 น.
ไรเตอร์ใจร้ายมาก อ่านไปก็น้ำตาล่วงไป ไรเตอร์ทำเอาบรรดาแม่ยกเจ็บปวดไปด้วย


คิมหันตุ์ 1 มิ.ย. 2555, 11:33:17 น.
อ่านแล้วบีบใจมากเลยค่ะ น่าสงสารเทวี กับพ่อเจ้าจังเลย


zilvermoon 1 มิ.ย. 2555, 11:50:13 น.
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่างน้อยเทวีก็คิดได้ถึงสิ่งที่ทำมา บีบคั้นจนไม่กล้าเม้นท์เลยค่ะ TT____TT


Pampam 1 มิ.ย. 2555, 12:07:31 น.
จุดจบของพระนางอมราเศร้าค่ะ


PiNVE 1 มิ.ย. 2555, 13:50:56 น.
อ่านไปน้ำตาก็ไหลไป น่าสงสารสุดๆ เลยค่ะ


นางแก้ว 1 มิ.ย. 2555, 15:46:12 น.
ขอบคุณที่เข้าใจ เพราะคนเขียนก็อ่านไปร้องไห้ไปทุกทีเลยค่ะ ภาคภีมเจ้า ไม่มีบทโศกแล้วค่ะ คนละเรื่องกันและคนละความรู้สึกค่า


สร้อยดอกหมาก 1 มิ.ย. 2555, 18:10:02 น.
มาลงชื่อว่าแอบอ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ ^ ^ แต่ต่อไปจะไม่แอบล่ะ 555


นางแก้ว 1 มิ.ย. 2555, 21:57:06 น.
ขอบคุณค่ะ คอมเม้นได้เลยค่ะ ยิ่งคำผิดหรือภาษาผิด ช่วยแนะนำด้วยนะคะ นักเขียนคนนี้ไม่อีโก้เลยค่ะ นเอมรับทุกข้อเลยค่ะ


อริสา 2 มิ.ย. 2555, 07:04:50 น.
อ่านไปร้อองไห้มาหลายตอนแล้วค่ะ สงสารอมรากับพ่อเจ้าจังเลย


นางแก้ว 2 มิ.ย. 2555, 10:49:03 น.
อ่านภาคใหม่นะคะ เป้นเรื่องรัก และเวรกรรมค่ะ


Zephyr 2 มิ.ย. 2555, 14:34:29 น.
อ๊ะ ไม่ว่าแล้ว ฮือ แม่เจ้าน่าสงสารจริงๆ เหมือนตอนอยู่ตำหนักนั่นเป็นช่วงชดใช้ ยังไงไม่รู้ แต่พระนางก็ดูจะคิดได้ก่อน
เฮ้อ แหม กว่าจะลดทิฐิกันได้ ช่างสั้นนัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account