ธารปรารถนา
เพราะที่ดินฮวงจุ้ยเยี่ยม (หลังติดเขา หน้ามีน้ำ) ของยายแท้ๆ ที่พาปราณมาพบกับตอง หรือจะจริงอย่างที่ยายบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นมงคล จะนำโชคลาภมาสู่เจ้าของ จึงทำให้ตองได้พบคนดีๆ อย่างปราณ

แต่ทำไมการได้พบและคบหาคนดีๆ สักคนหนึ่งจึงได้ลากพาตองลงไปในกระแสธารแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกรากของใครต่อใครอีกหลายคน เรื่องชุลมุนวุ่นวายที่ไม่เคยประสบพบเจอก็ต้องมาเกิดขึ้นกับตัว

ตกลงที่ดินของยายเป็นมงคลหรืออัปมงคลกันแน่เนี่ย

แล้วตองจะป่ายปีนขึ้นจากธารปรารถนาร้อนร้ายสายนี้ได้ไหม ต้องไปติดตามพร้อมๆ กันค่ะ
Tags: รักอารมณ์ดี

ตอน: ตอนที่ ๑ (ต่อจนจบ)

สวัสดีค่ะทุกๆ คนที่แวะเข้ามาให้กำลังใจกันนะคะ ขอบคุณทุกไลค์ และทุกคอมเม้นท์ค่ะ และขอบคุณทุกคนที่แวะผ่านเข้ามาหยุดอ่านธารปรารถนานะคะ ชอบหรือไม่ชอบอะไร อย่างไร ติชมกันได้นะคะ ผู้เขียนยินดีต้อนรับทุกคน ทุกคอมเม้นท์ค่ะ

คุณหมูอ้วน ตอนที่ลงวันนี้จะทำให้ได้รู้จักน้องแว่นโตที่มาซื้อยาบำรุงมากขึ้นค่ะ

คุณ Sweetbutter มาซึมซับบรรยากาศดีๆ กันต่อเลยค่ะ มามะ ตามมา

คุณ Barby ยินดีให้ติดตามและตามติดได้ทุกตอนเลย มาเร็ว มาเร็ว

คุณเทียนจันทร์ ยังมีบรรยากาศดีๆ รออยู่นะคะ ทั้งดอกไม้ ทิวเขา ลมหนาวรออยู่ข้างหน้าเต็มไปหมดเลยค่ะ

คุณอสิตา ถ้าอยากรู้ว่าปัญหายาเสพติดกับการตั้งครรภ์ก่อนวัยที่ไม่พึงประสงค์เชื่อมโยงกันยังไงก็อ่านต่อได้เลย และอย่าพยายามหลอกล่อให้คนเขียนสปอยล์ เดี๋ยวคนเขียนหลงกลจะไม่มีอะไรให้ลุ้น

คุณปาป้า มาอัพแล้วค่ะ หวังว่าไม่ช้าเกินไปนะคะ

คุณ nunoi มาแล้วค่ะ มาอัพที่เหลือต่อแล้วค่ะ ^_^

คุณวิกนิกานต์ หวังว่าครึ่งหลังของตอนที่ ๑ นี้ จะทำให้สนุก อ่านเพลิน และอยากอ่านตอนต่อๆ ไปจนกว่าจะจบเรื่องนะคะ


ตอนที่ ๑ (ต่อจนจบ)

“ตอง ตอง” เสียงหญิงชราที่ดังตามหลังเสียงเคาะประตูเบาๆ ปลุกร่างบางที่คุดคู้อยู่ใต้โปงผ้าห่มนวมสีส้มสดใสรู้สึกตัวตื่น

“ตองตื่นหรือยังลูก ลุกได้แล้ว เดี๋ยวสาย”

คนถูกปลุกงัวเงียลุกขึ้นนั่งห้อยเท้าตรงขอบเตียง ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถักเปียอยู่เป็นประจำยามคลายออกกลายเป็นลอนหยักยาวถึงสะโพก นิ้วเรียวเสยส่วนที่รุ่ยร่ายออกพ้นหน้า ก่อนจะค่อยๆ ลุกเดินลากขาไปเปิดประตู ครั้นชะโงกหน้าออกไปปะทะลมหนาว หญิงสาวก็หดคอเข้ามาในห้องซึ่งปิดหน้าต่างมิดชิดและอบอุ่น

เนื่องจากตอนลุกขึ้นมาไม่ได้หยิบแว่นตาซึ่งถอดวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมาสวม ภาพคนเป็นยายที่มองเห็นยามนี้จึงพร่าเบลอ หากดูรู้ว่ายายใส่ชุดขาว แปลว่าวันนี้วันพระ เธอต้อง ‘ขี่มอไซคล์’ ไปส่งยายที่วัดตามเคย

“เมื่อคืนกลับกี่ทุ่มกี่ยาม ยายไม่เห็นได้ยินเสียง” พวงแสดถามหลานสาวคนเดียวอย่างห่วงใย

“ตองเป่าคาถาใส่ให้ยายหลับไม่รู้เรื่อง จะได้ไม่ต้องฟังยายบ่น” เธอกล้าล้อเล่นด้วยอย่างสนิทสนม เพราะนอกจากยายจะเป็นพ่อและแม่ให้เด็กกำพร้าอย่างตองแล้ว ยายยังเป็นเพื่อนเล่นของตองมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ อีกด้วย

แม้จะสนิทกันมากเพียงใดตองก็ยังมีเรื่องปิดบัง เธอเก็บซ่อนความทุกข์ร้อนกังวลใจไว้ภายใต้ท่าทียียวนได้อย่างแนบเนียน ครั้นพวงแสดเงื้อมมะเหงกจะเขกศีรษะได้รูปที่ปกคลุมด้วยคลื่นผมสีน้ำตาลอ่อนนั้น เธอก็ยกมือบังศีรษะ ย่นคอ รีบเล่าโดยเร็ว

“ยายนอนข้างบน ตองนอนข้างล่าง ตองแอบย่องกลับมาเงียบๆ ไม่อยากให้ยายได้ยินเสียง กลัวทำยายตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับจะเสียสุขภาพ” พอยายหดมะเหงกตองก็แกล้งค้อน “ล้อเล่นแค่นี้ต้องทำมีน้ำโหด้วย” ร่างบางอิงกายกับขอบประตู ท่าทางเกียจคร้านยิ่งนัก

“แก่แล้วหูตาฝ้าฟางแบบนี้ไม่ไหวเลย” หญิงชราวัยเจ็ดสิบบ่น “ใครไปใครมาไม่รู้ เกิดวันไหนมีคนร้ายมันย่องขึ้นบ้านคงแย่”

“โอ้ย ยาย คนร้ายมันจะย่องขึ้นไปทำไมให้เสียเวลา สาวๆ ขาวๆ ตึงๆ นอนอยู่ข้างล่างนี่” คนพูดไหวไหล่ทำท่าเซ็กซี่ประกอบ แต่ชุดนอนสีน้ำฟ้าน้ำทะเลที่แขนขายาวหลวมโพรกของเธอกลับทำให้มันดูตลกมากกว่า หญิงสาวหัวเราะคิกคักที่ทำให้ยายค้อนได้

“เดี๋ยวยายจะเอาตองขึ้นไปนอนเป็นเพื่อน คอยดู” ยายพูดด้วยความมันเขี้ยวกับท่าทางกวนลูกตาของตอง

“ไม่อาว-ว-ว-ว” ตองลากเสียง หน้าตายับยุ่ง “เดี๋ยวหนุ่มๆ ไม่กล้าปีนเข้าหา”

ตองไม่เลิกยั่วง่ายๆ หญิงชราเลยค้อนให้อีกวง แต่ไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้เสียเวลา นางรู้ตัวว่ากำลังถูกหลานสาวตัวแสบทดสอบอีคิวแต่เช้า และนางรู้ดีอยู่แล้วว่าที่ตองจับจองห้องนอนชั้นล่างของบ้านปีกไม้เก่าแก่หลังนี้ ก็ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือเธอขี้เกียจเดินขึ้นเดินลงทุกวัน

“ถ้าจะเอาตองขึ้นไปนอนกับยายน่ะนะ ยายลงมานอนกับตองดีกว่า ยายน่ะชราภาพมากแล้วรู้ไหม ดูสิ เนื้อก็ฟีบ หนังก็เหี่ยว” ตองดึงจับมือพวงแสดขึ้นมา หยิบหนังเหี่ยวๆ บนหลังมือขึ้นมาประกอบคำพูด “กระดูกกระเดี้ยวมันก็คงไม่แข็งแรงเหมือนสมัยสาวๆ แล้ว จะมาเดินขึ้นๆ ลงๆ เหมือนสมัยแต่งงานกับคุณตาใหม่ๆ ไม่ได้หรอกนะยาย พลาดพลั้งหล่นตุ้บตั้บลงมาจะทำยังไง”

แม้คำพูดจะติดตลก แต่ทุกคำล้วนแฝงด้วยความห่วงใยและพวงแสดก็รับรู้ได้ หากนางยังคงยึดติดกับห้องนอนชั้นบน...ห้องที่นางเคยหนุนหมอนนอนเคียงกับสามีคู่ทุกข์คู่ยากที่ด่วนจากนางไปในวัยใกล้เกษียณ นางรักห้องนอนห้องนั้นพอๆ กับบ้านปีกไม้หลังนี้ซึ่งสามีปลูกไว้เป็นเรือนหอ

“ไปอาบน้ำถูฟันได้แล้ว เหม็นขี้ฟันจะแย่” พวงแสดเปลี่ยนเรื่องเพราะการคิดถึงสามีคู่ทุกข์คู่ยากขึ้นมาในยามนี้ ทำให้จิตใจนางซึมเศร้าลงถนัดตา

“ตองขี้เกียจน่ะยาย ขอนอนต่ออีกหน่อยได้ไหม”
พวงแสดรู้ อากาศหนาวๆ แบบนี้ ‘นอนต่ออีกหน่อย’ ของตองนั้นลากยาวได้ถึงบ่ายแน่นอน

“ไม่ได้” หญิงชราปฏิเสธเสียงแข็ง ถือวิสาสะรุนหลังหลานสาวเข้าห้อง และหยิบผ้าขนหนูจากราวไม้ใกล้ประตูห้องน้ำยัดใส่อ้อมแขน ดูเหมือนยายจะอารมณ์ขึ้นทุกทีที่ได้ยินคำว่าขี้เกียจหลุดจากปากตองมากกว่าหนึ่งครั้ง และถ้าอารมณ์ขึ้นยายจะบ่นแบบนี้แหละ

“ขี้เกียจอะไรขนาดนี้ งานการก็ไม่รู้จักทำ นี่ถ้าไม่มีบำนาญยายให้กินให้ใช้ จะทำอะไรกิน”

“ก็ขายที่ยายกินสิจ๊ะ ที่แปลงนั้นน่ะ” คนพูดทำเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่หน้าทะเล้นพยักเพยิดไปทางที่ดินผืนงามแปลงที่อยู่ถัดไป ปากก็พูดเจื้อยแจ้วยั่วยายสนุกสนาน “หลังพิงเขา หน้ามีน้ำ ฮวงซุ้ย...เอ้ย ฮวงจุ้ยดี ใครๆ ก็อยากได้ ถ้าขาย...สามร้อยห้าสิบไร่นี่คงได้หลาย...” เธอลากเสียงยาว ทำตาเคลิ้มฝัน “นอนกินทั้งชาติยังเหลือนะยาย”

แม้จะรู้ว่าตองพูดเล่น แต่พวงแสดก็ยังขมวดคิ้วและปรามเสียงหนัก จริงจัง

“อย่าขายนะตอง...”

“ที่ดินผืนนั้นทำเลดี อุดมสมบูรณ์ จะนำโชคลาภมาให้” ตองเอ่ยกลั้วหัวเราะ นี่เป็นประโยคที่ยายมักพูดเสมอจนเธอจำได้ขึ้นใจ
“สงสัยจะจริงอย่างที่ยายพูด ใครๆ ถึงได้เล็งที่เราตาเป็นมัน” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ แล้วลอยหน้ายั่วต่อ “เพราะมันนำโชคลาภมาให้ไงยาย ถ้าเราขายปุ๊บก็รวยปั๊บเลย”

“มายั่วให้ยายขุ่นมัวแต่เช้า บาปรู้หรือเปล่า...ไปอาบน้ำได้แล้ว” พวงแสดจับหลานสาวยัดเข้าไปในห้องน้ำ แล้วปิดประตูตามหลังพร้อมกำชับเสียงหนัก “อย่ามัวพิรี้พิไรนะตอง เดี๋ยวไปไม่ทันพระ ยายจะออกไปรอข้างนอก”



ร่างผอมบางเจ้าของผมมวยสีดอกเลาในอาภรณ์สีขาวนวลออกมาเดินรับลมหนาวบนสนามหญ้าหน้าบ้าน บ้านปีกไม้หลังนี้ปลูกอยู่บนเนินเขา มีรั้วไม้แข็งแรงสูงเคียงเอวกั้นล้อมส่วนที่เป็นขอบผา นางเดินไปหยุดตรงแนวรั้วนั่น มือเหี่ยวย่นวางบนขอบรั้วไม้ระคายมือ ดวงตาที่ล้อมรอบด้วยริ้วรอยแห่งวัยทอดมองลงไปยังที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่บัดนี้เต็มไปด้วยดอกบัวตองซึ่งเริ่มสยายกลีบสีเหลืองลออรับสายลมต้นฤดูหนาว

นี่แหละ...ที่ดินสามร้อยห้าสิบไร่ที่ถูกเล็งตาเป็นมัน ด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้าติดลำธารสายเล็กที่เลาะเลียบไปกับถนนลาดยางของหมู่บ้าน...แม้จะรู้ว่าตนเกิดมาเพื่อครอบครองสมบัติล้ำค่านี้เพียงชั่วคราว แต่พวงแสดก็อดรู้สึกหวงแหนไม่ได้ ยิ่งหวง ก็ยิ่งห่วง ยิ่งห่วงก็ยิ่งทุกข์...หญิงชราทอดถอนลมหายใจ

“ไหนตะกร้าใส่ของที่จะเอาไปวัดล่ะยาย” เสียงแจ๋วๆ เอ่ยถามอยู่เบื้องหลัง พวงแสดเหลียวกลับไปพบตองที่สลัดความงัวเงียออกไปสิ้น เหลือแต่ความสดใสร่าเริงบนใบหน้าที่ล้อมรอบด้วยลูกผมเล็กๆ ที่หลงเหลือจากการถักเปียเดี่ยวด้านหลัง วันนี้เธอสวมกางเกงทรงโจงกระเบนสีเขียวเข้มมีลายกราฟฟิคสีดำฉวัดเฉวียนทั่วไปหมด กับเสื้อคอกระเช้าสีม่วงดอกรัก ชายเสื้อสอดไว้ในขอบกางเกงอวดเอวเล็กคอดกิ่ว แล้วสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนอีกชั้น พวงแสดจำได้ว่านั่นเป็นเสื้อที่นางถักให้พุดซ้อนแม่ของตองเมื่อยี่สิบปีก่อน นางยิ้มภูมิใจเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตนตั้งใจถักทอด้วยความรักถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี

“อยู่ในครัว เดี๋ยวยายเข้าไปหยิบให้” พวงแสดบอกพร้อมกับขยับเท้าก้าวเดิน แต่หลานสาวไวกว่า

“ยายไม่ต้อง ตองไปเอง” พูดจบเจ้าตัวก็ผลุบหายเข้าไปในบ้านอย่างว่องไว

หญิงชรามองตามด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดู
เนื้อแท้ใจจริงแล้วพวงแสดรักตองเหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่ง เพราะนางเลี้ยงดูหลานสาวคนนี้มาตั้งแต่ยังเล็กๆ เนื่องจากภวิศพ่อของตองที่เป็นตำรวจถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตตั้งแต่ตองอายุสองขวบ แล้วหนึ่งปีหลังจากนั้นพุดซ้อนแม่ของตองก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ พวงแสดจึงเลี้ยงตองมาเพียงลำพังตั้งแต่บัดนั้น เงินชดเชยที่ได้จากการตายของลูกเขยรวมทั้งเงินเดือนข้าราชการครูในแต่ละเดือนของนางก็เก็บหอมรอบริบไว้สำหรับการศึกษาและอนาคตของหลานสาวคนนี้

และตองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอเรียนจบปริญญาตรีจากคณะศิลปศาสตร์พร้อมเกียรตินิยมอันดับสอง และได้เข้าทำงานที่ฝ่ายศิลป์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ทว่าทำงานได้แค่สามปี เจ้าตัวก็ลาออกและหอบกระเป๋ากลับมาอยู่กับยายหน้าตาเฉย ด้วยเหตุผลง่ายๆ

‘ตองเบื่อแล้วก็ขี้เกียจจังเลยยาย ขอพักชาร์ตแบตสักพัก เผื่อจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง’

อะไรๆ ที่ตองทำ...หรือไม่ทำ ดูเหมือนจะมีอยู่เหตุผลเดียว คือ...ขี้เกียจ

ในวัยเรียน เธอตั้งอกตั้งใจจนได้ผลการเรียนเป็นที่น่าพอใจ เพราะเธอขี้เกียจตามไปสอบซ่อม หรือลงเรียนวิชาเดิมๆ ที่เคยเรียนมาแล้ว

ครั้นทำงาน เธอลาออกเพราะเบื่อและขี้เกียจทำงานจำเจซ้ำซาก

แต่ลองเยี่ยมหน้าเข้าไปมองห้องของคนขี้เกียจเถอะ สะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้ ข้าวของจัดวางเป็นระเบียบ เจ้าตัวมักบอกว่า

‘ต้องรักษาความสะอาดเพราะขี้เกียจกวาดถู หยิบอะไรต้องเก็บเข้าที่ ขี้เกียจมาตามเก็บตามจัดอีกรอบ’

เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ก็เหมือนกัน ตองมักรื้อเสื้อผ้าเก่าเก็บของยายบ้าง ของแม่บ้างออกมาจากตู้ นำมาดัดแปลงสวมใส่จนกลายเป็นเอกลักษณ์ เจ้าตัวก็บอกอีกนั่นแหละ

‘ของเก่ามีเยอะแยะ เนื้อผ้าดีๆ ทั้งนั้น เอามาใส่ได้ ขี้เกียจซื้อใหม่’

คนขี้เกียจซื้อใหม่เลยขยันดัดแปลง ตั้งแต่ตองกลับมาอยู่บ้านครั้งนี้ จักรเย็บผ้าเครื่องมือทำมาหากินของพุดซ้อนที่ถูกย้ายเข้าไปไว้ในห้องใต้บันไดตั้งแต่เจ้าของเสียชีวิตถูกรื้อออกมาทำความสะอาด ซ่อมแซม และหลังจากนั้นก็ไม่เคยว่างเว้นจากการใช้งาน เพราะตองตัดนั่น เย็บนี่ ติดๆ ปะๆ ตกแต่งเสื้อผ้าเก่าของแม่และยายอยู่เป็นประจำ แล้วใส่ร่อนไปทั่วอำเภอ ไม่อายใคร

หากตองจะขี้เกียจอะไรพวงแสดก็พอรับได้ แต่ขี้เกียจทำงานนี่พวงแสดหนักใจที่สุด นี่ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าตองจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงสักที ทุกวันนี้ตองมีรายได้จากงานวาดภาพประกอบให้กับสำนักพิมพ์ที่เพื่อนทำงานอยู่ แต่งานฟรีแลนซ์แบบนั้นรายได้ไม่แน่นอน และตองก็ไม่ได้รับทุกงานที่เพื่อนหยิบยื่นมาให้ เธอทำงานตามใจและสนุกกับการเที่ยวตะลอนอยู่ในอำเภอเล็กๆ นี้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหน่าย คล้ายนกน้อยที่เริงร่ากับอิสระ ไม่อนาทรต่ออนาคตข้างหน้า

พวงแสดซะอีกที่เดือดเนื้อร้อนใจด้วยความเป็นห่วง อยากให้ตองหางานการที่เป็นหลักฐานมั่นคงพอที่จะเลี้ยงตัวให้สุขสบายได้ในอนาคต แต่พอพูด พอเตือนเข้า เจ้าตัวก็ชอบยอกย้อนกลับมาให้หงุดหงิดใจอยู่เสมอว่า

‘ก็ยายบอกว่าที่ดินผืนนั้นอุดมสมบูรณ์ เป็นมงคล จะนำโชคลาภมาให้ ตองก็มารอโชคลาภอยู่นี่ไง’

จากที่พวงแสดห่วงตอง ตอนนี้นางกลับห่วงที่ดินผืนนั้นด้วย เพราะความเจริญด้านการท่องเที่ยวที่รุกคืบเข้ามาอย่างรวดเร็ว นำพาทั้งมหาวิทยาลัย หอพัก อพาร์ตเม้นท์ โรงแรม รีสอร์ต เข้ามาในอำเภอแห่งนี้ ในความคิดเห็นของพวงแสด ความเจริญเหล่านั้นสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่นก็จริง แต่ได้พรากเอาความสงบงามไปด้วยทีละน้อย...สักวันก็คงหมดไปพร้อมกับผู้คนและสิ่งก่อสร้างที่ผุดขึ้นมาแทนที่จนเต็มเมือง

พวงแสดชอบความเงียบสงบและรักธรรมชาติสวยงามมากกว่าความเจริญ จึงไม่ยอมปล่อยให้สมบัติล้ำค่าตกไปอยู่ในมือนายทุนคนไหน แต่พอหลานสาวตัวแสบพูดทีเล่นทีจริงบ่อยเข้า นางก็ชักหวั่นใจ นางอยากให้ตองรักษาสมบัติทุกชิ้นที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเพื่อส่งต่อไปยังลูกหลาน เหมือนที่นางรักและดูแลรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่อตอง

ความคิดของหญิงชราหยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อคนที่ตนกำลังคิดถึงเปิดประตูออกมาพร้อมกับตะกร้าหวายใบใหญ่ ภายในบรรจุปิ่นโตอาหารและขันเงินใส่ข้าวสวยร้อนๆ มืออีกข้างหิ้วหมวกกันน็อกมาสองใบ

“ไปกันได้แล้วจ้ะยาย”

เธอชวนพร้อมกับส่งหมวกกันน็อกให้ยายหนึ่งใบ แล้วเดินนำไปยังมอเตอร์ไซคล์คันเก่งที่จอดอยู่ใต้ต้นปีบ ใกล้รั้วเหล็กที่ถูกเถาพวงแสดเลื้อยปกคลุมมิดชิด ดอกที่พร้อมใจกันเบ่งบานสะพรั่งเบียดแน่นระย้อยระย้าทุกกิ่งก้าน ทำให้รั้วทั้งแถบกลายเป็นสีส้มจัดจ้าตัดกับใบเขียวสดใสน่ามอง

ตองสวมหมวกกันน็อกและขยับรถออกไปนอกรั้วแล้วปิดประตูล็อกแน่นหนา ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์โดยมียายนั่งไขว้ข้างซ้อนท้ายไปตามทางลาดชันอย่างชำนาญ ละไอหมอกบางๆ ยามเช้าย้อมธรรมชาติสองข้างทางให้เลือนรางดุจภาพฝัน แต่ก็เป็นภาพฝันที่สวยงามไม่น้อย โดยเฉพาะทุ่งดอกบัวตองบนผืนดินแปลงที่ยายหวงแหนหนักหนา หญิงสาวหันไปชื่นชม จุดรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นบนดวงหน้าสะอาดใส

หญิงสาวพารถแล่นฉิวเลี้ยวลงสู่ทางราบตามความเคยชิน แต่ที่ไม่ชินคือเสียงร้องเตือนด้วยความตื่นตระหนกของพวงแสดที่ดังอยู่ข้างหู

“ตอง ตอง ระวัง”

“เฮ้ย!”

ตองร้องลั่นทันทีที่หันขวับกลับมามองถนน ข้างหน้านั่น เด็กน้อยตัวจ้อยโผมาจากริมทางยืนขวางอยู่ไม่ไกล ใจหายวาบเป็นอย่างไรตองรู้ซึ้งตอนนี้เอง เธอส่งสัญญาณเตือนโดยการบีบแตรยาวเหยียด แทนที่เจ้าตัวน้อยจะขยับหนีอันตราย กลับยืนตะลึงมองค้างคล้ายเท้าทั้งคู่ถูกมือที่มองไม่เห็นยึดตรึงไว้

ถ้าเธอไม่หลบต้องชนเด็กแน่ แต่จะหลบไปทางไหนล่ะ ในเมื่ออีกเลนส์ก็มีแลนด์โรเวอร์สีบรอนซ์เงินคันหรูแล่นทะยานมาด้วยความเร็ว

ตองตัดสินใจนาทีสุดท้าย พร้อมภาวนาลั่นในใจ

คุณพระคุณเจ้าช่วยตองกับยายให้รอดปลอดภัยด้วยเถิด

เอี๊ยด - ด - ด - ด...

โครม!


********

โปรดติดตามตอนต่อไป ที่นี่ เร็วๆ นี้




ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2555, 22:57:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 19:06:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1534





<< ตอนที่ ๑   ตอนที่ ๒ >>
ริญจน์ธร 16 ก.ค. 2555, 23:47:43 น.
แวะมาเยี่ยม+ทักทายค่า ^^


บุลินทร 17 ก.ค. 2555, 00:46:53 น.
มากดไลค์แล้วนะครับ ^^


อสิตา 17 ก.ค. 2555, 01:56:06 น.
แหม นิสัยตัดจบตอนกำลังลุ้นนี่...คุ้นๆ แฮะ
ชีวิตคล้ายอสิตาเลยค่ะ ตรงที่ยายเป็นครูเกษียณ แถมอาชีพที่นางเอกทำก่อนลาออกและหลังลาออกอีก
ขี้เกียจเหมือนกันด้วย แต่ห้องเรารก... ขอติงนิดนึง ตรงที่ยายนอนข้างบนเนี่ย
ตอนนี้ปล่อยผ่านได้ แต่เอาเป็นบอกหลานว่าจะสลับที่นอนกันสักวันดีไหม กลัวคนบุกมาหาอย่างนึง
ยายแก่แล้วขึ้นๆลงๆไม่สะดวกอีกอย่าง เพราะยายเราก็ต้องทำแบบนั้นค่ะช่วง70+นี่แหละ


nunoi 17 ก.ค. 2555, 10:44:30 น.
ตองน่ารักดีจัง


ภาวิน 18 ก.ค. 2555, 18:18:15 น.
คุณริญจน์ธร / คุณบุลินทร ดีใจที่แวะมาทักทายเยี่ยมเยียน แถมกดกดไลค์ให้กำลังใจกันนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ ^_^

คุณอสิตา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ (จุ๊บแก้มสองที) ส่วนเรื่องชีวิตนางเอกคล้ายกับอสิตานี่ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ค่ะ (ยิ้มเจ้าเล่ห์)

คุณ nunoi คนขี้เกียจมัน่ารักแบบนี้แหละค่ะ (คนเขียนก็ขี้เกียจขั้นเทพเหมือนกัน อิ อิ)


Barby 19 ก.ค. 2555, 18:38:39 น.
มาแล้วๆแต่นิดเดียวเอง ตอน2มาไวไวนะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account