ธารปรารถนา
เพราะที่ดินฮวงจุ้ยเยี่ยม (หลังติดเขา หน้ามีน้ำ) ของยายแท้ๆ ที่พาปราณมาพบกับตอง หรือจะจริงอย่างที่ยายบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นมงคล จะนำโชคลาภมาสู่เจ้าของ จึงทำให้ตองได้พบคนดีๆ อย่างปราณ

แต่ทำไมการได้พบและคบหาคนดีๆ สักคนหนึ่งจึงได้ลากพาตองลงไปในกระแสธารแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกรากของใครต่อใครอีกหลายคน เรื่องชุลมุนวุ่นวายที่ไม่เคยประสบพบเจอก็ต้องมาเกิดขึ้นกับตัว

ตกลงที่ดินของยายเป็นมงคลหรืออัปมงคลกันแน่เนี่ย

แล้วตองจะป่ายปีนขึ้นจากธารปรารถนาร้อนร้ายสายนี้ได้ไหม ต้องไปติดตามพร้อมๆ กันค่ะ
Tags: รักอารมณ์ดี

ตอน: ตอนที่ ๒

เอี๊ยด - ด - ด - ด...

โครม !

สิ้นเสียงเบรคดังลั่นบาดจิต รถมอเตอร์ไซคล์ก็เสียหลักพุ่งลงข้างทาง ปราณซึ่งขับรถสวนมาและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดโดยตลอดตัดสินใจกลับรถกลางถนนซึ่งว่างโล่งไปจอดเทียบตรงจุดเกิดเหตุทันที ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกไปดูโดยไม่ลังเล คนขับที่เป็นผู้หญิงไถลลื่นไปจนเกือบตกลำธารที่ทอดยาวกั้นอาณาเขตระหว่างถนนลาดยางกับทุ่งบัวตองกว้างขวางติดเชิงเขาแห่งนี้ ส่วนคนซ้อนที่เป็นหญิงชราล้มตะแคงอยู่ข้างตะกร้าอาหารซึ่งกระจายเกลื่อน

ปราณเดินลุยกอหญ้าแฝกสวบๆ ลงไปตามทางลาดชัน เพราะเห็นว่าหญิงสาวที่เป็นคนขับรถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว และกำลังถอดหมวกกันน็อคออกจากศีรษะ เขาจึงตรงเข้าช่วยเหลือหญิงชราก่อน

“ช้าๆ ครับ” ปราณบอกพร้อมกับค่อยๆ ประคองหญิงชราให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วถอดหมวกกันน็อคให้อย่างระมัดระวัง จากหางตาเขาเห็นหญิงสาวที่ถอดหมวกกันน็อคได้แล้วมาทรุดนั่งอยู่ใกล้ๆ

“ยาย ยาย” เสียงใสๆ เรียกละล่ำละลัก พร้อมเข้าช่วยประคองหญิงชราอีกด้าน
ทันทีที่ปราณเงยหน้าสบตาเจ้าของเสียง คิ้วเข้มหนาของเขาก็ขมวดฉับเข้าหากัน

นี่มันแม่สาวแว้นแว่นโตที่แบกหน้าเครียดๆ ไปซื้อแผ่นตรวจครรภ์เมื่อค่ำวานนี่นา...แล้ว...แล้วนี่แรงกระแทกจะทำให้เด็กในท้องจะเป็นอะไรไหม

พลันที่คิด สายตาปราณปราดไปยังช่วงล่างของสาวหางเปียยาว ไล่ตั้งแต่เอวคอดกิ่วถึงข้อเท้า...แม้ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้น่าเป็นห่วงอยู่ดี

“ยายเจ็บตรงไหนบ้าง” ตองถามร้อนรน กวาดสายตาหาร่องรอยบาดเจ็บทั่วกายหญิงชรา โดยไม่สนใจดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เอาแต่มองเธอไม่วางตา เธอเกือบจะคิดว่าเขาตกตะลึงในความงามของเธออยู่แล้วเชียว ถ้าไม่สังเกตเห็นความกังวลบางอย่างเจืออยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเสียก่อน

“ยายเจ็บแขน” พวงแสดตอบเสียงสั่นพลิ้ว ดวงตาหลุบมองแขนซ้ายที่ตกห้อย คิ้วจางๆ ของนางขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด

“คุณคะ รบกวนช่วยฉันพยุงยายขึ้นไปหน่อยเถอะค่ะ” ตองจำเป็นต้องออกปากขอความช่วยเหลือ เพราะเธอเองก็ยังเคล็ดขัดยอกอยู่ เกรงว่าหากทำเก่งพยุงคนเดียวจะพากันกลิ้งลงมาอีกรอบ

คำขอร้องของตองเหมือนระฆังเรียกสติ เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนพยักหน้าและพยุงพวงแสดลุกยืน ประคับประคองพาขึ้นไปบนถนนโดยไม่ต้องพึ่งแรงตอง แต่กระนั้น เขาก็ยังเหลียวกลับมามองตองเป็นระยะ แถมทำท่าอย่างกับอยากประคองเธออีกคนอย่างนั้นแหละ แต่เธอไม่พึ่งพาแขนแข็งแรงคู่นั้นหรอก เพราะพอเอาตัวรอดได้

“ตอง ตอง เป็นไงบ้าง”
เมื่อขึ้นมายืนบนขอบทาง เสียงตะโกนถามดังมาจากอีกฟากถนน ส่วนแม่หนูน้อยที่ถลามาขวางทางตองจนต้องตัดสินใจหักหลบ ตอนนี้ร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่ที่ไม่รู้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหน

“ไม่เป็นไรหรอกพี่กร” หญิงสาวตอบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนที่เพิ่งวิ่งข้ามถนนมาถึงตัวเธอ ความห่วงใยเจิดจ้าอยู่ในดวงตาสีนิลของเขา
ทว่าตองไม่ได้สนใจ เพราะพอเห็นหน้าตัวต้นเหตุ ความโกรธก็พุ่งจี๊ดจนลืมความเจ็บความจุกไปเสียสนิทใจ ดวงตาหลังแว่นกรอบโตที่เคยเป็นสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋วบัดนี้ขุ่นขวางเมื่อตวัดมองหญิงสาวอีกคนที่ยืนอุ้มลูกเขย่าปลอบอยู่ใกล้ๆ

“พี่ก้อยดูลูกยังไง ทำไมปล่อยให้เดินข้ามถนนมาเล่นตามใจชอบแบบนี้ มันอันตรายรู้หรือเปล่า” เธอตวาดเสียงดังอย่างที่ไม่มีใครในที่นั้นเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน

ปกติตอนเช้าๆ ถนนสายนี้ไม่ค่อนข้างโล่ง ไม่มีรถแล่นขวักไขว่เหมือนในตัวอำเภอ แต่เพราะถนนโล่งนี่แหละ จึงทำให้รถที่มาแต่ละคันเร่งความเร็วกันได้เต็มที่ อะไรมาขวางหน้าดักทางก็พุ่งชนเข้าได้ง่ายๆ

“ขอโทษนะตอง พี่ซักผ้าอยู่น่ะ หันมาอีกทีเกี้ยวมันก็หายไปแล้ว นึกว่าไปเล่นอยู่ที่กองอิฐหลังบ้าน พี่ไม่คิดว่าเกี้ยวมันจะกล้าวิ่งข้ามมาเล่นฝั่งนี้” ก้อยบอกเสียงอ่อย หน้ายังซีดเผือดด้วยความตกใจ

“พี่ก้อย ลูกหายไปทั้งคนทำไมคิดอะไรง่ายๆ แบบนั้น” ตองยังต่อว่าไม่ลดละ ก้อยยิ่งหน้าเจื่อนจ๋อย

“ตองพอเถอะ ก้อยเขาเป็นพี่เรานะ” พอคนเป็นยายปรามนั่นละ ตองจึงยอมเงียบได้ แต่สายตาขุ่นเคืองเหลือบมองก้อยอย่างคาดโทษ

“ผมว่าพาคุณยายไปหาหมอก่อนดีกว่าครับ” ตองหันไปมองแขนพวงแสดที่ดูรู้ว่าบาดเจ็บซึ่งตอนนี้เริ่มบวมและแดงเรื่อจนน่ากลัว เธอจึงรีบพยักหน้าเห็นด้วย

“เดี๋ยวพี่โทร.เรียกรถพยาบาลให้” กรพี่ชายของก้อยพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ยังไม่ทันกดหมายเลขก็ต้องชะงักไปเพราะ

“ไปรถผมก็ได้ครับ แขนคุณยายบาดเจ็บคงต้องรีบพบหมอ และน้องผู้หญิง...” คราวนี้เขาหันมามองตองตรงๆ เอ่ยอย่างระมัดระวัง
“และน้องผู้หญิงก็อาจจะต้องตรวจอย่างละเอียดด้วยเหมือนกัน”

“ฉันไม่เป็นอะไร” หญิงสาวยืนยันหลังจากลองกดบริเวณหน้าอกที่ถูกกระแทกหนักกว่าเพื่อน เมื่ออาการจุกแน่นคลายลง ก็เหลือเพียงเคล็ดขัดยอกและรอยถลอกปอกเปิกตามแขนขาเท่านั้น เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่พวงแสดสิดูจะเป็นหนักกว่า คงต้องรีบพบหมอจริงๆ อย่างที่คุณพลเมืองดีเขาว่า

“พี่กร เดี๋ยวตองไปกับคุณคนนี้ก็ได้ ฝากพี่กรยกมอเตอร์ไซคล์ขึ้นมาและเก็บของที่กระจัดกระจายให้ตองด้วยนะ”

สั่งเสร็จตองก็ส่งพวงแสดขึ้นนั่งหน้าคู่คนขับ ส่วนตองไปนั่งอยู่เบาะหลังตำแหน่งตรงกับยาย แล้วแลนด์โรเวอร์สีบรอนซ์เงินก็แล่นฉิวไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ...ถ้าตองจำไม่ผิด เจ้ารถราคามหาเศรษฐีคันนี้ก็เป็นคันเดียวกับที่แล่นสวนมาอย่างเร็วจนตองไม่มีทางหลบ ต้องปล่อยให้รถพุ่งลงข้างทางอย่างที่ผ่านมาหยกๆ นั่นแหละ



ปราณเหลือบตามองร่างบอบบางที่นั่งเยื้องอยู่เบาะหลังหลายครั้ง เธอยังคงดูเป็นปกติดี มีแต่ดวงตากลมโตคู่นั้นที่เฝ้าเวียนมองยายด้วยความห่วงใย แต่ถึงเธอจะดูสบายดี แต่เรื่องแบบนี้วางใจง่ายๆ ได้เสียที่ไหนกัน

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปราณจึงได้ทราบว่าหญิงชราที่ได้รับบาดเจ็บชื่อพวงแสด
พวงแสดหรือ...ชื่อนี้เขาคุ้นๆ แต่คิดไม่ออกและยังไม่มีเวลาครุ่นคิด ร่างบอบบางของนางถูกพาขึ้นเตียงและส่งเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว

เมื่อคนเจ็บถึงมือหมอแล้ว หลานสาวแว่นโตก็นั่งรออยู่ตรงม้านั่งที่เรียงเป็นแถวยาวด้านนอก สีหน้าค่อยคลายกังวลลงไปได้บ้าง ปราณซึ่งยังรีรอไม่ยอมกลับได้หย่อนก้นลงบนม้านั่งตัวติดๆ กัน แม้ร่างบางนั้นจะเปื้อนเปรอะเลอะดิน แต่เขาก็ยังได้กลิ่นส้มอ่อนจางจากเนื้อตัวของเธอ

สงสัยจะจริงอย่างที่เคยได้ยินมา...ว่ากลิ่นส้มทำให้รู้สึกสดชื่น

“ขอบคุณค่ะที่ช่วยเหลือ” เธอหันมาบอกและยิ้มให้ รอยยิ้มของเธอทำให้รู้สึกสดชื่นยิ่งกว่ากลิ่นส้มเสียอีก ดูดีกว่าตอนที่โกรธแม่ลูกคู่นั้นเป็นไหนๆ ปราณยังจำเสียงตวาดกราดเกี้ยวนั่นได้ มันช่างขัดกับหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก

“ยินดีครับ” เขาบอกง่ายๆ ไม่วายกำชับด้วยความเป็นห่วงว่า “แต่ผมว่าคุณก็ควรจะต้องให้หมอตรวจให้ละเอียดด้วยเหมือนกันนะ”
ตรวจให้ละเอียด...ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผู้ชายคนนี้พูดคำนี้สองครั้งแล้วนะ แต่ครั้งนี้ตองไม่นิ่งเฉย กลับร้องเสียงดัง

“โอ้ย ไม่ดีกว่า ฉันไม่ถูกกับหมอเท่าไหร่ แผลแค่นี้” ตองพลิกข้อศอกขึ้นดู รอยถลอกยาวมีเลือดซิบเริ่มเจ็บแสบ แต่ไม่ได้หนักนาเกินจะทน “ฉันดูแลเองได้ ไม่ต้องถึงมือหมอหรอก มือตองก็เอาอยู่”
ปราณไม่สนท่าทีคุยโอ่ และยังไม่ละความพยายาม

“รถคุณพุ่งลงข้างทางแบบนั้น แรงกระแทกคงไม่เบา บางทีอะไรๆ ในตัว” ชายหนุ่มทำมือวนแถวๆ หน้าท้อง “มันอาจแตกหักเสียหายโดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าให้หมอตรวจ เราจะได้รู้ ถ้าไม่เป็นไรก็ดีไป แต่ถ้าเป็น จะได้รักษาทัน”

“คุณนี่คิดรอบคอบจัง ขอบคุณค่ะที่เตือน แต่ฉันคิดว่า...” หญิงสาวทดสอบด้วยการขยับเนื้อตัวแขนขา ลองลุกนั่งจนแน่ใจ จึงกล้ายืนยัน “ฉันคงไม่มีอะไรแตกหักเสียหายอย่างที่คุณกังวลหรอกค่ะ”

ปราณยังห่วงแต่ก็นึกระอาใจไปพร้อมๆ กัน ดูเหมือนคุณแม่วัยแว้นแว่นโตจะไม่เข้าใจอะไรๆ ที่เขาพยายามสื่อเอาเสียเลย หากปราณยังไม่ทันพูดอะไรต่อ คนที่เธอเรียกว่าพี่กรก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ตอง คนละด้านกับปราณ

“ตอง ยายเป็นยังไงบ้าง” คำถามร้อนรนเต็มไปด้วยความกังวล แววตาก็ห่วงใยชัดแจ้ง

“อยู่ในห้องกับหมอ แขนหัก นอกนั้นก็ไม่เป็นอะไร”

“แค่นั้นก็มากแล้ว” กรมีสีหน้าหนักใจ แต่ไม่ลืมใส่ใจคนข้างตัว “แล้วตองล่ะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ดวงตาสีดำสนิทกวาดสำรวจไปทั่วร่างเล็กบอบบาง หญิงสาวยังคงยืนยันแข็งขันเหมือนเดิม

“ตองไม่เป็นไรหรอกพี่กร แค่เคล็ดขัดยอกกับถลอกนิดหน่อยเท่านั้น พรุ่งนี้ก็หาย...แต่ไม่หายโกรธพี่ก้อยง่ายๆ หรอกนะ พี่กรก็เตือนๆ น้องบ้างสิ อยากเห็นหลานโตหรือเห็นหลานตายถึงปล่อยให้พี่ก้อยละเลยลูกแบบนี้” สาวแว่นโตผมเปียยาวบ่นพึมราวกับก้อยเป็นน้องเธอ ทั้งที่ความจริงก้อยอายุเข้าเบญจเพสแล้ว โตกว่าเธอตั้งสองปี

ผู้หญิงคนนี้โกรธทนโกรธนานจริงๆ ปราณคิดในใจ หรือเป็นผลพวงจากความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนของคนตั้งครรภ์ก็ไม่รู้สิ แล้วผู้ชายตัวโตอย่างพี่กรก็ไม่กล้าอ้าปากปลอบให้เธอใจเย็นสักแอะ ไม่รู้พี่กรคนนี้จะใช่พ่อของเด็กในท้องเธอหรือเปล่า แต่ฟังจากคำพูดคำจาของฝ่ายหญิงก็ไม่น่าใช่ เพราะดูไม่เหมือนหญิงสาวพูดกับคนรักหรือสามีเลย เหมือนน้องสาวเจ้าอารมณ์พูดกับพี่ชายมากกว่า แต่พอมองแววตาฝ่ายชายที่แสดงความรักความห่วงใยเปิดเผย ก็ชวนให้สงสัย

เอาเถอะ เขาจะเป็นอะไรกันก็ช่าง เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย ส่วนแม่สาวแว่นโตคนนี้ถ้ามีอะไรผิดปกติเธอคงรีบให้หมอตรวจเองนั่นแหละ

คิดดังนั้น ปราณจึงลุกขึ้นเพราะรู้ตัวว่าหมดหน้าที่ และเอ่ยเรียบๆ ว่า

“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”

ตองรีบยืนขึ้นบ้าง พลอยให้กรต้องลุกตาม

“ฉันขอบคุณอีกครั้งนะคะที่สละเวลามาช่วยฉันกับยาย”

ชายหนุ่มเปิดยิ้มจริงใจเผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงเรียบ เขายิ้มสวยจนตองเห็นแล้วต้องยิ้มตาม

“บอกแล้วไงว่าผมยินดี ผมไปก่อนนะครับ” ขายาวๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคง ตองมองตามหลังไหล่ผึ่งผายที่สวมทับด้วยแจ๊คเก็ตยีน แล้วความอยากรู้ก็ผลักดันให้เธอรีบตามเขาไป พร้อมเรียกเสียงดัง

“เดี๋ยวๆ คุณ อย่าเพิ่งไปสิ”

เท้ายาวๆ ชะงัก ใบหน้าคมคายหันกลับมา

“คือ...ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”

“ปราณครับ”

เขาตอบสั้นๆ ยิ้มอีกนิด แล้วเดินจากไป ตองที่อ้าปากจะแนะนำตัวเองเลยได้หุบปากลงเก้อๆ


****************************************************

ยังไม่จบตอนนะคะ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะมาอัพเพิ่มจ้า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน แวะมาทักทาย และคอมเม้นท์ค่ะ

คุณริญจน์ธร ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายค่ะ ยินดีต้อนรับเสมอนะคะ แวะมาอีกได้ตลอดเวลา

คุณบุลินทร ขอบคุณสำหรับหนึ่งไลค์ จะรอไลค์ต่อไปค่ะ อิ อิ ^_^

คุณอสิตา ตั้งใจคอมเม้นท์ให้แบบนี้ต้องขอกอดแรงๆ สักทีหนึ่ง แต่อยากได้อีกเรื่อยๆ อย่าเพิ่งหายไปไหนนะ

คุณ nunoi มาติดตามความน่ารักของตองได้อีกค่ะ

คุณ Barby มาอัพแล้วค่ะ มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังความสามารถ ไม่ว่ากันนะ





ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2555, 11:38:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2555, 10:33:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1429





<< ตอนที่ ๑ (ต่อจนจบ)   ตอนที่ ๒ (ต่อจนจบ) >>
kaija 24 ก.ค. 2555, 12:16:24 น.
มาอัพไวๆนะจ้า
รออยู่


Darkplanet 24 ก.ค. 2555, 13:58:36 น.
นางเอกคงไม่ได้ท้องเองแหงเลย


nunoi 24 ก.ค. 2555, 14:24:25 น.
ตองซื้อแผ่นตรวจครรภ์ไปให้ใครน่ะ


Barby 24 ก.ค. 2555, 15:59:49 น.
รอตอนต่อไปค่า


อสิตา 25 ก.ค. 2555, 14:09:27 น.
ชะช่า ไม่ระวังตัวแบบนี้ต้องมิได้ท้องแน่นอนแม่นางตอง พระเอกก็นะไม่รอฟังชื่อเล้ยย
สงสารยาย คนแก่แขนหักก็ไม่เบานะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account