ปมรักภูตเสน่หา โดย ตารกา (วางแผงแล้ว)
56 ปีที่ก่อน ณ คฤหาสน์ผาทราย พลช ชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ได้ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคู่หมั้น แม้เวลาจะผ่านมากหลายทศวรรษแล้ว แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มก็ยังไม่ไปไหน เขาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนที่รักหมดหัวใจ

นิยายเรื่องนี้วางแผงแล้วนะคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

http://www.thebooklovers.co.th/index.php/product/detail/778


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานนะคะ
Tags: ซึ้งกินใจ ลึกลับ ย้อนอดีต ผี โรแมนติก จิตกรหนุ่มผู้เจ้าอารมณ์ วิญญาณอาลัยที่แสนอ่อนโยน สืบสวน นางเอกเป็นนักกายภาพบำบัด คฤหาสน์กลางเกาะ

ตอน: บทที่ 1 คนในสายหมอก

บทที่ 1 คนในสายหมอก

บนเรือเร็วสีขาว สามสาวกับหนึ่งหนุ่มไม่แท้ พร้อมด้วยคนขับกับลูกเรือ กำลังมุ่งตรงสู่เกาะผาทราย เกาะส่วนตัวซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักตากอากาศของตระกูลอัศวเทพศิรัน

หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด ใกล้คนขับคือวิรัลพัชร หลานสาวคนโตของตระกูล ตามพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า หากนายพิทักษ์สิ้นลมลงวันใด เงินมรดกหลักพันล้านจะตกเป็นของเธอ ทว่าหญิงสาวหน้าตาสวยจัดคนนี้ กลับไม่เคยใส่ใจมรดกก้อนโตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ให้ เธอยืมเงินบิดามาเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ถึงห้าปีก็ใช้หนี้คืนบิดาได้หมด ตอนนี้หญิงสาวเป็นเจ้าของสปาหลายสาขา ทั้งยังมีรีสอร์ทและร้านอาหารอีกหลายแห่งที่ร่วมหุ้นกันเปิดกับเพื่อน

ชีวิตของหญิงสาวจัดว่าประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียว สำหรับคนที่เพิ่งจะอายุขึ้นเลขสาม สายเลือดอัศวเทพศิรันเป็นเช่นนี้เสมอ มักมีแรงขับให้ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง แม้จะเกิดมาบนทางเดินซึ่งปูด้วยอำนาจและเงินตราก็ตาม

“ยังไม่ถึงอีกเหรอคะเจ๊พลอย ออกมาจากเกาะช้างตั้งไกลแล้ว ทำไมยังไม่ถึงสักทีล่ะคะ หน้าหนูโดนลมทะเลเซาะจนจะพังหมดแล้วเนี่ย” นภัตธร ชายหนุ่มหัวใจหญิงบ่นกระปอดกระแปด

“อีกเดี๋ยวก็ถึงน่านีน่า หัดหุบปากบ้างได้ไหม น่ารำคาญ” กัลยากรหันมาตอบแทนเพื่อนสนิท

เภสัชกรสาวคนนี้ เป็นคู่หูคู่กัดกับนภัตธรมาตั้งแต่จำความได้ ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องที่โตมาด้วยกัน นภัตธรจึงพลอยสนิทกับวิรัลพัชรไปด้วย สุดท้ายก็จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน

“ทีแก้มยังไม่บ่นสักคำเลย หล่อนน่ะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะยะ มีแต่คนแก่เท่านั้นแหละที่ขี้บ่น” วิรัลพัชรหันมาช่วยรุม แต่ก็เหน็บทั้งที่ยังยิ้มอยู่

ได้หาเรื่องตะโกนแข่งเสียงลมฆ่าเวลาเล่นก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็เริ่มเบื่อการนั่งเรือแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงที่หมายเสียที แม้จะบอกใครๆ ว่าเดี๋ยวก็ถึง แต่ความจริงแล้วหญิงสาวไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่เลยสักครั้ง เคยได้ยินก็แต่ชื่อเกาะจากบิดาก็เท่านั้น และที่เธอต้องมาที่นี่ก็ไม่ใช่เพราะอยากมาเอง แต่ถูกสั่งให้มาต่างหาก

“แก้มจะบ่นได้ยังไงยะ ในเมื่อเจ้าหล่อนหลับสนิทออกอย่างนี้” นิภัตธรเถียง แล้วปรายตาไปยังน้องเล็กของทุกคน

จริงอย่างที่นภัตธรพูดไม่มีผิด ปรางรัตน์กำลังหลับสนิท หญิงสาวมักเผลอหลับทุกครั้งที่นั่งรถลงเรือ นิสัยนี้เป็นมาตั้งแต่เด็ก จนปัจจุบันก็ยังแก้ไม่หาย

วันนี้พอเรือเริ่มออกจากท่า เธอก็ผล็อยหลับไปอีกเช่นเคย ทว่ายิ่งเข้าใกล้อาณาเขตของตระกูลอัศวเทพศิรันเท่าไร ความฝันเรื่อยเปื่อยของปรางรัตน์ก็แปรเปลี่ยนเป็นความฝันประหลาด

หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วมาตามสายลม ฉับพลันร่างของเธอก็ถูกลมหอบลอยขึ้นไปกลางอากาศ แล้วพามาร่อนลงที่ป่าทึบซึ่งปกคลุมด้วยหมอกหนา ไอหมอกควรจะให้ความรู้สึกว่าอากาศชื้น แต่ปรางรัตน์กลับรู้สึกว่าอากาศมันแห้งมา ทำให้หายใจลำบากจนรู้สึกแน่นหน้าอก

ในฝัน เสียงเรียกแผ่วเบาที่ชักนำเธอมาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนต้นเสียงกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้

“มานี่สิครับ มาทางนี้ มาหาผม”

“ใครน่ะ ใครกำลังเรียกฉัน” หญิงสาวร้องถาม พลางเพ่งสายตามองไปรอบบริเวณ

รอบกายเธอขณะนี้รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกหนา ทัศนวิสัยย่ำแย่ขนาดที่ว่าแม้แต่ปลายเท้าตัวเองก็ยังมองเห็นได้ลำบาก หญิงสาวจึงหยุดอยู่กับที่ พยายามเงี่ยหูฟังว่าต้นเสียงมาจากทิศใด

“มาทางนี้สิแก้มแก้ว ผมเองครับ แก้มแก้วคนดีจำผมไม่ได้หรือ” เจ้าของเสียงหลังม่านหมอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “หรือว่ายังโกรธ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปหาแก้มแก้วเอง”

จากนั้นอึดใจ เสียงย่ำเท้าสวบสาบก็ดังขึ้น ปรางรัตน์เหลียวมองรอบกายอย่างระวังระไว แล้วเธอก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า ในลักษณะของเงาสีดำขนาดเท่าตัว

หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวราวกับกลอง แต่เธอกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งร่างนี้เข้ามาใกล้มากเท่าไร บรรยากาศรอบกายกลับยิ่งอบอุ่นมากขึ้น อาการหายใจขัดที่เคยมีก็เริ่มทุเลาลงด้วย

ปรางรัตน์ไม่รู้สึกหวาดกลัวเงาดำตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องมองตาไม่กระพริบในขณะที่มันค่อยๆ แปรสภาพจากรูปทรงรีกลายร่างเป็นมนุษย์ เงาดำเริ่มมีแขนขา มีสีสันขึ้นทีละน้อย แม้ว่าส่วนของใบหน้ายังดูพร่าเบลอมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่กลับก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

“มากับผมสิครับแก้มแก้ว” ชายหนุ่มปริศนายื่นมือมาตรงหน้าปรางรัตน์

หญิงสาวส่งมือให้เขาอย่างไม่ลังเล ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัสกับตัวเขา เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อนเพราะแรงเขย่า

“ตื่นได้แล้วแก้ม ถึงที่แล้ว” วิรัลพัชรปลุกเมื่อถึงที่หมาย เธอเรียกคนขี้เซาแล้วหลายครั้ง แต่หญิงสาวไม่ยอมตื่นก็เลยต้องเขย่าปลุก

“เมื่อกี้พี่นีน่าเรียกแก้มเหรอคะ ทำไมเสียงแมนจัง” ปรางรัตน์ถามเสียงงัวเงีย เธอเผลอเอาความจริงกับความฝันมาปนกันโดยไม่ตั้งใจ

“จะบ้ารึไง! เจ๊เองต่างหาก เสียงเจ๊มันแมนตรงไหน เช็ดขี้ตากับน้ำลายซะด้วย” สาวรุ่นพี่ส่งกระดาษเช็ดหน้าไปให้

พอเห็นว่าอีกฝ่ายรับไปสั่งน้ำมูก แล้วค่อยเอามาเช็ดหน้าอย่างมึนๆ เจ้าหล่อนก็อดบ่นอีกไม่ได้

“เอาเข้าไป น้ำมูกน้ำลายกระจายทั่วหน้ากันพอดี อีกไม่อีกปีก็แก่เป็นป้าแล้วนะยัยแก้ม ทำตัวอย่างกับเด็ก”

วิรัลพัชรออกจะอิดหนาระอาใจกับนิสัยของปรางรัตน์อยู่ไม่น้อย อายุก็เบญจเพสแล้ว แต่กลับแทบไม่เคยแต่งหน้าหรือดูแลผิวพรรณอย่างที่ผู้หญิงวัยนี้ควรจะทำเลย เห็นแล้วก็เสียดายความสวยที่ถูกบั่นทอนลงเพราะหน้ามันเยิ้มกับผมไม่เป็นทรง

ปรางรัตน์ยิ้มให้เมื่อถูกบ่น แล้วกลับมาเหม่ออีกครั้งในห้วงความคิดของเธอยังมีภาพในความฝันปรากฏอยู่อย่างแจ่มชัด มันสมจริงเสียจนเธอเริ่มลังเลว่าขณะนี้กำลังตื่นหรือฝันกันแน่

“เร็วเข้า ใกล้มืดแล้ว เราต้องเดินเข้าไปอีกนะ” วิรัลพัชรบอกทุกคน แล้วหยิบกระเป๋าเดินนำลงจากเรือ

“ต้องเดินอีกเหรอคะเจ๊ Oh no!” นภัตธรกรีดร้อง

แล้วแทบทรุดลงกับพื้น เมื่อเห็นคฤหาสน์ผาทรายของตระกูลอัศวเทพศิรันตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา

หากจอดเรือไว้ด้านหลังเกาะจะใกล้ตัวคฤหาสน์มากกว่า แต่ด้านนั้นเป็นหน้าผาสูง ต่อให้เป็นยอดนักไต่เขาก็ยากที่จะปีนขึ้นมาได้ ดังนั้นทางขึ้นที่สะดวกปลอดภัยที่สุดจึงเป็นการเดินอ้อมขึ้นไปจากทางด้านหน้าเกาะ

“อย่าบ่นน่า รีบช่วยกันขนของดีกว่า” กัลยากรเร่ง

นภัตธรกับวิรัลพัชรชอบแต่งตัวกันทั้งคู่จึงมีสัมภาระค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเตรียมลูกเรือมาช่วยขนของด้วย สองสาวจึงเดินตัวปลิวนำหน้าทุกคนไป

ชาวคณะต้องเดินลัดเลาะไปตามทางเท้าซึ่งค่อนข้างแคบและชัน นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยป่ารกชัฏ ชวนให้สงสัยว่าบรรพบุรุษของวิรัลพัชรนึกเช่นไร จึงได้มาสร้างคฤหาสน์หลังงามเอาไว้ในสถานที่กันดารอย่างนี้

เมื่อมาถึงยอดเขา วิรัลพัชรซึ่งเดินนำหน้าทุกคนมาก็หยุดรออยู่ตรงสะพานแขวน หญิงสาวออกคำสั่งให้ลูกเรือสำรวจดูให้มั่นใจว่าสะพานแข็งแรงมั่นคงดีหรือไม่ แล้วจึงค่อยข้ามไป

ตัวสะพานนี้สูงจากพื้นน้ำด้านล่างกว่าสิบเมตร เวลาที่สะพานแกว่งไปมาตามแรงลม ชาวคณะจึงพากันส่งเสียงร้องวี้ดว้ายกันทั่วหน้า

มีเพียงปรางรัตน์เป็นคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่แสดงอาการตื่นตกใจ หญิงสาวมัวแต่เหม่อมองคฤหาสน์สีฟ้าขาวหลังงาม อย่างไม่อาจละสายตาจากมันได้

โครงสร้างของมันเป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ตัวหลังคาบริเวณปีกซ้ายขวาสร้างเป็นโดมโค้ง ผนังเล่นลายปูนและแต่งด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม ด้านหน้าเป็นลานกว้าง โอบล้อมด้วยสวนสไตล์อังกฤษ เมื่อสังเกตดีๆ จะพบว่าพุ่มไม้ที่อยู่โดยรอบ ถูกตัดแต่งให้เป็นรูปสัตว์ตามปีนักษัตร ปรางรัตน์รู้สึกเหมือนเคยเห็นภาพทิวทัศน์แบบนี้จากที่ไหนสักแห่ง แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

ไม่ทันรู้ตัว สองขาก็พามาหยุดอยู่ตรงหน้าตัวคฤหาสน์แล้ว ที่ประตูทางเข้ามีชายหญิงสูงวัยคู่หนึ่งออกมายืนต้อนรับ

วิรัลพัชรแนะนำว่านี่คือลุงแก่นกับป้าเลื่อม สองสามีภรรยาผู้ทำหน้าที่ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้

ลุงแก่นช่วยหิ้วของจากมือกัลยากรแล้วเดินนำไปด้านใน ระหว่างเดินตามไปนั้นป้าเลื่อมก็ถามทุกคนว่าอยากกินอะไรเป็นอาหารเย็น

ยังไม่ทันได้ตอบคำถามชาวคณะก็พร้อมใจกันเงียบไปเสียก่อน เพราะมันแต่ตะลึงกับห้องโถงกว้าง ที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ด้านบนมีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ ด้านล่างปูพรมหนาสีน้ำเงินสด รอบบริเวณต่างก็ประดับไปด้วยภาพวาดและโบราณวัตถุล้ำค่า ชวนให้รู้สึกเหมือนกับได้เข้ามาเยี่ยมชมคฤหาสน์ของขุนนางอังกฤษผู้มั่งคั่ง

“เป็นไงจ๊ะสาวๆ ข้างในนี้สวยจนตะลึงเลยใช่ไหมล่ะ” วิรัลพัชรเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

บ้านพักหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับเครื่องแสดงความมั่งคั่งของตระกูลเธอ อดีตเป็นเช่นไร ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น

ความจริงแล้วต้นตระกูลเธอเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญเท่านั้น แต่อาศัยความเพียร สร้างฐานะขึ้นมาจนร่ำรวยได้

‘เงินทองไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่คนที่ไม่ทำงานคือคนไร้ค่า’

คำสอนนี้ถูกถ่ายทอดมายังลูกหลานทุกรุ่นอย่างเข้มงวด สายเลือดอัศวเทพศิรันทุกคนจึงรักการทำงาน ไม่มีใครนั่งกินนอนกิน ผลาญสมบัติที่ต้นตระกูลสร้างไว้ไปวันๆ นานวันเข้าทรัพย์สินเหล่านี้จึงยิ่งเพิ่มพูนดังที่เห็น

“ไม่น่าเชื่อว่าสร้างมาเกือบหกสิบปีแล้ว ยังใหม่อยู่เลย” กัลยากรกวาดตามองอย่างสนใจ

ปรางรัตน์เองก็เห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นพี่ ผนังห้องนี้ดูใหม่เอี่ยมเหมือนกับเพิ่งทาสี เครื่องเรือนก็สะอาดหมดจรดไร้ฝุ่น ใครกันหนอที่เป็นคนทำความสะอาดที่นี่ แล้วทำกันอย่างไรมันถึงได้เงาวับไปหมด ลำพังกำลังของป้าเลื่อมกับลุงแก่นคงทำไม่ไหวแน่

“เพิ่งซ่อมแซมกับทำความสะอาดครั้งใหญ่ไปน่ะ” วิรัรลพัชรเฉลย

หญิงสาวปล่อยให้ทุกคนชื่นชมห้องโถงอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงค่อยชวนให้ขึ้นไปดูห้องพัก

“ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน จะได้ลงมากินข้าวพร้อมกัน”

ทุกคนทำตามคำสั่งขอวิรัลพัชรอย่างไม่อิดออด เนื่องจากต่างก็เหนียวตัวจากคราบเหงื่อไคลและลมทะเลกันมาเกือบทั้งวัน

ลุงแก่นเดินนำคนทั้งสี่ไปยังห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ สามสาวกับหนึ่งหนุ่มได้ห้องริมทางฝั่งตะวันออกไปคนละห้อง ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นห้องชุดหรูหราราวกับยกเอาห้องในโรงแรมห้าดาวมาไว้ก็ไม่ปาน

ปรางรัตน์เป็นคนสุดท้ายที่ถูกพามาที่ห้อง ก่อนที่ลุงแก่นจะสาวเท้าออกไป ลุงแกก็หันมาเตือนหญิงสาวเหมือนกับที่เตือนทุกคน

“อย่าเผลอไปเดินเล่นทางฝั่งตะวันตกเชียวนะครับ คุณเล็กไม่ชอบให้มีคนเข้าไปรบกวนเวลาทำงาน”

ปรางรัตน์งงไปอึดใจใหญ่ว่าคุณเล็กคนนี้คือใคร ในที่สุดก็นึกออกว่าเขาคือลูกชายคนเล็กของนายพิทักษ์ มีนามว่า ‘ศิวกร’

ชายหนุ่มเป็นจิตรกรหนุ่มชื่อดัง มีคนบอกว่าเขารูปงามราวเทพบุตร แต่ก็มีเสียงล่ำลืออีกเช่นกันว่ารักสันโดษจนเข้าขั้นเก็บตัว ขึ้นชื่อว่าเป็นคนแปลกคนหนึ่งทีเดียว

ความอ่อนเพลียทำให้ปรางรัตน์เลิกสนใจคนที่ไม่เคยพบ หญิงสาวเดินไปสำรวจห้องน้ำเป็นอย่างแรก แล้วก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อเห็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ กับชั้นวางของที่มีสบู่กับเครื่องหอมหลากหลายให้เลือกใช้

เมื่ออาบน้ำสระผมจนสบายตัวแล้ว หญิงสาวก็หยิบเอากางเกงขาสั้นเหนือเข่ากับเสื้ดยืดขนาดพอดีตัวมาสวม เช็ดผมให้แห้งกับทาแป้งอีกหน่อย ก็พร้อมลงไปรวมตัวกับทุกคนที่ด้านล่าง แต่ปรางรัตน์ยังอ้อยอิ่งจัดของต่อ เพราะรู้ดีว่าพวกรุ่นพี่อาบน้ำกันนาน

ปรางรัตน์รู้จักกับรุ่นพี่กลุ่มนี้เพราะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แรกรู้จักเธอเพิ่งจะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งเท่านั้น ในขณะที่ทุกคนเรียนจบไม่ก็กำลังศึกษาต่อปริญญาโทกันแล้ว ถึงช่วงวัยจะต่าง แต่เธอกับวิรัลพัชรก็ถูกชะตากันมาก จึงยังติดต่อกันอยู่เสมอ

หลังเรียนจบปรางรัตน์ก็เข้าทำงานในโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง จนเมื่อสองปีก่อนคุณปู่ของวิรัลพัชรเส้นเลือดในสมองแตกทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก วิรัลพัชรจึงตัดสินใจจ้างปรางรัตน์มาดูแลคอยทำกายภาพบำบัดให้ท่าน

ตอนนี้นายพิทักษ์อาการดีขึ้นมาก สามารถเดินเหินโดยใช้ไม้เท้าได้คล่อง ท่านจึงให้รางวัลปรางรัตน์ด้วยการให้หยุดพักยาวหนึ่งเดือนเต็ม ซ้ำยังเป็นฝ่ายเสนอให้มาเที่ยวเกาะช้างและเลยมาพักที่บ้านพักของตระกูลด้วย ถึงการมาเที่ยวพักผ่อนครั้งนี้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่ แต่หญิงสาวก็ยังคิดว่าตัวเองได้รับรางวัลอยู่ดี

ปรางรัตน์แง้มประตูห้องเอาไว้ขณะที่จัดของ พอเห็นนภัตธรเดินผ่านเธอก็ลุกตามไป ทว่ายังไม่ทันก้าวประตูก็นึกได้เสียก่อนว่าลืมปิดไฟในห้องน้ำ พอออกมาอีกทีจึงคลาดกัน

หญิงสาวเดินไปตามทางเดินยาวเหยียดเพียงลำพัง ความวังเวงของสถานที่ทำให้นึกกลัวจนต้องเร่งฝีเท้า แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเพลงบรรเลงคุ้นหู ดังมาจากทางฝั่งตะวันตก

ทางเดินฝั่งนั้นค่อนข้างสลัวเพราะไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ปรางรัตน์จึงชะเง้อมองฝ่าความมืดไป

ใครกันหนอเป็นผู้บรรเลงเพลงแสนไพเราะนี้

ตามปกติปรางรัตน์ไม่ใช่คนที่อยากรู้อยากเห็นจนไม่คำนึงถึงมารยาท หากแต่ครั้งนี้เธอกลับกระหายใคร่รู้จนเผลอเดินเข้าไปในความมืด

ทันใดนั้นเองโคมไฟที่ผนังตามทางเดิน ก็ค่อยๆ สว่างขึ้นทีละดวง ราวกับจะเชื้อเชิญให้ก้าวเดินต่อ เสียงเพลงทำนองหวานเจือเศร้าสะกดให้สองขาของหญิงสาวขยับไปโดยไม่รู้ตัว ในใจเธอลืมทุกอย่างไปจนสิ้น คิดเพียงว่าจะต้องไปดูให้ได้ว่าใครคือผู้บรรเลงเพลงนี้



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2555, 14:02:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2555, 14:02:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2132





<< บทนำ   บทที่ 2 ภาพเหมือน >>
ameerahTaec 23 ก.ค. 2555, 17:10:41 น.
น่าติดตามมากค่า รอลุ้นๆๆ


Zephyr 23 ก.ค. 2555, 18:24:45 น.
ปลายทางนั่นจะเจอ คุณเล็กหรือเจ้าของเงานั่นกันนะ
เปิดมาสองแล้วนะ โน้มจัง คุณเล็กไรนี่เป็นพระรองป่าวน้า เงานั่นพระเอกชิมิ
เดากันต่อปายยยย มาลุ้นกันว่าโน้มจังจะเหยียบใครจมดินเหมือนลอยด์ ฮ่ะๆๆๆ อิอิ
ลุ้นอ่ะๆๆ ต่อๆๆๆ


nunoi 23 ก.ค. 2555, 18:27:34 น.
คิดเหมือนคุณ Zaphyr เลยค่ะ คุณเล็กเป็นพระรองหรือเปล่า แต่คิดว่าเงานั่นเป็นพระเอกแน่ๆ ลุ้นๆๆ


goldensun 23 ก.ค. 2555, 19:55:11 น.
ภูตเสน่หา พระเอกเป็นผีหรือคะ แล้วแก้มจะได้เจอเต็มๆเมื่อไหร่ แต่คงได้เจอคุณเล็กก่อน


หนอนฮับ 23 ก.ค. 2555, 20:01:16 น.
พระเอกแน่แล้ววววววววววววววววววว


นิชาภา 23 ก.ค. 2555, 21:42:46 น.
คุณ ameerahTaec สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ

เฟอร์จัง แหมรู้ใจจริงว่าโน้มจะทรมานคนอ่าน แต่งานนี้ไม่มีใครเหยียบใครจมดินค่ะ บทพลิกไม่ได้แล้วค่ะ คือหลงให้ตายยังไงก็เอาฮีมาเป็นพระเอกไม่ได้จริงๆ T^T ไม่เหมือนลอยด์ จริงๆ ลอยด์เป็นพระรอง แต่เค้ารักเกินกว่าจะทิ้งได้เลยเปลี่ยนบทให้ ด้วยการเหยียบคามินให้จมดิน 5555

คุณ nunoi ไม่ใบ้นะคะ เดี๋ยวเผลอหลุดเยอะ ยิ่งคันปากยิบๆ อยู่ด้วย สปอยให้นิดหน่อยว่าหนึ่งผีหนึ่งคนในเรื่องทำให้คนเขียนน้ำลายไหลทั้งคู่ (สปอยอะไรของหล่อนเนี่ย?)

คุณ Goldensun ถูกต้องแล้วคร้าบตรองที่แก้มได้เจอคุณเล็กก่อน แต่ใครเป็นพระเอกพระรองเค้าไม่บอกน้า โฮะๆๆ

คุณหนอนฮับ พระเอกแน่แล้วหมายถึงคิดว่าคุณอาเล็กเป็นพระเอกใช่ไหมคะ? มาลุ้นกันเนอะ ไม่รู้ผีหรือคนได้เป็นพระเอก ^O^


ร้อยวจี 23 ก.ค. 2555, 23:25:07 น.
น่าติดตามมากค่ะ มาอัพทุกวันหรือเปล่าค่ะ จะได้ตั้งหน้าตั้งตารอ


คิมหันตุ์ 24 ก.ค. 2555, 01:00:46 น.
อ่าว...อ่านข้างล่าง ตรง Tag เห็นจิตกรหนุ่มเจ้าอารมณ์ บร๊ะๆ


นิชาภา 24 ก.ค. 2555, 15:14:42 น.
คุณร้อยวจี เรื่องนี้มีตุนไว้ 7 บทค่ะ คงอัพทุกวันได้จนสิ้นเดือน แต่เดือนหน้าอาจจะวันเว้นวันหรือสองวันค่ะ

คุณคิมหันตุ์ 5555 ขอสักนิดค่ะ ไม่เคยเขียนพวกจิตรกรอะไรมาก่อน อยากลองสักครั้งมานานแล้วเลยเอาสักหน่อย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account