ปมรักภูตเสน่หา โดย ตารกา (วางแผงแล้ว)
56 ปีที่ก่อน ณ คฤหาสน์ผาทราย พลช ชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ได้ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคู่หมั้น แม้เวลาจะผ่านมากหลายทศวรรษแล้ว แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มก็ยังไม่ไปไหน เขาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนที่รักหมดหัวใจ

นิยายเรื่องนี้วางแผงแล้วนะคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

http://www.thebooklovers.co.th/index.php/product/detail/778


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานนะคะ
Tags: ซึ้งกินใจ ลึกลับ ย้อนอดีต ผี โรแมนติก จิตกรหนุ่มผู้เจ้าอารมณ์ วิญญาณอาลัยที่แสนอ่อนโยน สืบสวน นางเอกเป็นนักกายภาพบำบัด คฤหาสน์กลางเกาะ

ตอน: บทที่ 2 ภาพเหมือน

บทที่ 2 ภาพเหมือน

ปรางรัตน์เดินตาลอยตามเสียงเพลงไปจนเกือบถึงบันไดปีกตะวันออก แล้วก็พบว่าที่มาของเสียงดังมาจากห้องที่มีบานประตูสีขาวดูแตกต่างจากห้องอื่น หญิงสาวบิดลูกบิดประตูแล้วเข้าไปในห้องโดยไม่เสียเวลาคิด ทว่าพอเท้าสัมผัสกับพื้นห้องเสียงเพลงบรรเลงก็พลันหยุดลง เธอจึงพลอยชะงักเท้าไปด้วย แล้วกวาดตามองไปรอบบริเวณ

ห้องนี้เปิดไฟสว่างเอาไว้ กลางห้องมีเปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่ แต่ไม่มีแม้แต่เงาของผู้บรรเลงเพลงที่ได้ยินเมื่อสักครู่ ชวนนึกไปว่าคงมีคนเปิดเครื่องเล่นเพลงทิ้งไว้

ขณะที่กำลังมองหาต้นตอของเสียง หญิงสาวก็สังเกตว่าบนผนังมีภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่แขวนอยู่ มันเป็นภาพวาดขนาดเท่าตัวจริงของชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายเท้าแขนบนเก้าอี้ที่ฝ่ายหญิงนั่ง แล้วส่งสายตาลึกซึ้งมาให้ ส่วนฝ่ายหญิงก็ยิ้มกลับมาให้ด้วยรอยยิ้มแสนหวาน มองแล้วแทบจะละสายตาไปไม่ได้เลยเพราะดวงหน้าของหญิงสาวในภาพแลดูละม้ายคล้ายคลึงกับปรางรัตน์ ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน

“ภาพฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ความรู้สึกในใจมันบอกว่าคนในภาพคือเธอ ไม่ใช่แค่คนหน้าเหมือนแน่นอน

ระหว่างที่กำลังพิจารณารูปอยู่นั้น หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงตวาดที่ดังมาจากด้านหลัง

“เธอเป็นใคร ออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ขะ ขอโทษค่ะ...ฉัน”

ปรางรัตน์รีบหมุนกลับไป ด้วยสำนึกอยู่แก่ใจว่าได้ลุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตหวงห้าม แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อพบกว่าเจ้าของเสียงตวาดมีใบหน้าเหมือนกับผู้ชายในรูปภาพอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“คะ...คุณออกมาจากภาพได้ยังไง”

หญิงสาวเผลอหลุดปากพูดอย่างที่ใจคิด เลยได้รับการถลึงตาใส่กลับมาแทนคำตอบ

“คือว่าฉัน เอ่อ…ขอโทษค่ะ ฉันพูดผิดไป คุณเป็นคนในภาพใช่ไหมคะ ใครเป็นคนวาดภาพนี้ รู้ไหมทำไมถึงได้วาดรูปเรา”

เธอเดาว่าเขาเป็นนายแบบให้กับจิตรกร ดังนั้นจึงน่าจะรู้จักคนวาดและตอบข้อข้องใจให้ได้

ปรางรัตน์มัวแต่สงสัย จนลืมใส่ใจอารมณ์ขมุกขมัวของคนตรงหน้า ผลที่ได้คือเธอถูกตวาดใส่ด้วยเสียงอันดังอีกหนึ่งรอบ

“อย่าพูดอะไรไร้สาระ! ฉันบอกให้ออกไป ถ้ายังชักช้าอยู่ ฉันจะจับเธอโยนออกไปแทน”

ใบหน้าคมคายดูเย็นชาจนน่าขนลุก มันทำให้ปรางรัตน์นึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวรีบเอ่ยคำขอขมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก แล้วถอยร่นออกมาจากห้องนั้น ก่อนจะเดินผ่านบานประตูไป หญิงสาวเหลียวไปมองภาพผนังที่ผนังเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่ารูปหญิงสาวในรูปได้หายไปแล้ว จะเหลือก็แต่ภาพชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับเก้าอี้ว่างเปล่าเท่านั้น

สิ่งที่เห็นทำให้ปรางรัตน์รีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด

มายากล ภาพหลอนหรือภูตผีวิญญาณ

ใจเธอโอนเอนไปทางเรื่องลึกลับพอสมควร เพราะตั้งแต่เด็กแล้วที่ปรางรัตน์มักจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น บ้างก็มาในรูปแบบของเงาลางๆ บางทีก็มาในรูปแบบของคนที่ชัดเจน ทีแรกเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร เลยมักจะชี้ให้พวกผู้ใหญ่ดู แล้วเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ทว่ากลับได้รับคำตำหนิและคำกล่าวหาว่าเธอโกหกมาแทน

ดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บเงียบเรื่องสัมผัสพิเศษของตัวเองเอาไว้ และแสร้งทำเป็นเหมือนกับว่ามองไม่เห็นวิญญาณเหล่านั้น จนในที่สุดเธอก็เริ่มมองไม่เห็นพวกมันจริงๆ แม้บางครั้งจะรู้สึกผิดปกติ แต่หญิงสาวก็จะปลอบใจตัวเองด้วยข้ออ้างทางวิทยาศาสตร์เสมอ

ปรางรัตน์วิ่งมาจนถึงบันไดจึงค่อยผ่อนฝีเท้าลง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพื่อจะได้ไม่ทำลายบรรยายกาศการท่องเที่ยว พอเห็นว่าพวกรุ่นพี่อยู่ด้านล่างและกำลังมองขึ้นมา เธอก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ก็ยังปิดปัดสีหน้าตื่นตกใจไว้ไม่มิด วิรัลพัชรจึงปราดเข้ามาปลอบ

“เจอฤทธิ์อาเล็กมาล่ะสิ โอ๋ๆ หนูเอ๋อที่น่าสงสาร”

หญิงสาวกอดรุ่นน้อง แล้วลูบหลังปลอบ เธอรู้ดีว่าปรางรัตน์ไม่ชอบเสียงดัง จะเสียงคนเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก็ทำให้ผวาได้ทั้งนั้น โดนอาเล็กที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าคุณปู่ตวาดเข้า คงจะขวัญหนีดีฝ่อน่าดู

“ไปทำอะไรอาเล็กเข้าล่ะ โดนแว้ดซะบ้านสะเทือน” กัลยากรถามอย่างสงสัย

เธอเคยเจออาเล็กของเพื่อนแค่ไม่กี่ครั้ง จำได้แค่เขาเป็นคนหน้าตาดี ดูสุขุมเคร่งขรึม อยู่ใกล้แล้วให้อารมณ์เหมือนพวกผู้ดีอังกฤษในนวนิยาย กิริยาตวาดคนเสียงดังลั่นแบบนี้ จึงดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของคนมาดนิ่งเลยสักนิด

“แก้มผิดเองค่ะพี่แอน แก้มเผลอเดินไปทางฝั่งตะวันตก ทั้งๆ ที่ถูกห้ามแล้ว” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย เธอทำผิดกฎของบ้านแต่กลับได้รับการปลอบ เลยยิ่งทำให้รู้สึกแย่ไปกันใหญ่

“เบลอจนเดินหลงล่ะสิ ช่างมันเถอะ อย่าใส่ใจเลย ระยะนี้อาเล็กคงอดนอนบ่อยเลยอารมณ์เสีย” วิรัลพัชรปลอบอีกครั้ง เมื่อเห็นใบหน้าเจื่อนๆ ของรุ่นน้อง

อาของเธอเป็นพวกความดันต่ำ แถมยังหลับยาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนอารมณ์ร้ายขนาดที่ว่าจะพาลใครไปทั่ว น่าสงสารแม่หนูแก้ม ที่หลงเข้าไปเจออาเล็กตอนกำลังเป็นเสืออดนอนพอดี

“ใช่ๆ อย่าคิดมากเลยนะ ไปกินข้าวกันดีกว่า”

กัลยากรคว้ามือแก้มแก้วจูงไปที่ห้องอาหาร เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดเพราะนึกขึ้นได้ว่าลืมใครบางคนไป

“นีน่าไปไหนแล้วล่ะนั่น เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย” หญิงสอดส่ายสายตามองหานภัตธร

วิรัลพัชรยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่รู้ เธอเลยลองตะโกนเรียกดู สักพักก็ได้ยินเสียงเจ้าหล่อนดังแว่วมาจากประตูด้านหน้า

“มาแล้วค่ะ ใครเรียกหาคนสวยเหรอคะ”

นภัตธรเดินกรีดกรายเข้ามาในห้องอาหาร เจ้าหล่อนเดินออกไปหาสัญญาณโทรศัพท์มือถือนอกบ้าน ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่ากลางเกาะแบบนี้มีทางมีสัญญาณแน่ แต่มันก็ยังอดลองไม่ได้

เจ้าแม่ขาเมาท์อย่างนีน่าจะมาตกข่าวเพราะพักร้อนไม่ได้เป็นอันขาด

“ไปแรดที่ไหนมายะ รอหล่อนอยู่คนเดียวเนี่ย” กัลยากรบ่น

“หูย...เกาะนี้มีอะไรให้น่าแรดคะ มีแต่หิน ดิน ทราย ต้นไม้กับน้ำทะเล ผู้ชายสักตัวก็ไม่มีให้บริโภค”

“ใครว่าไม่มี อาเล็กไง”

ได้ยินชื่อนี้นภัตธรก็ทำท่าขนลุกประหนึ่งว่าสยองเต็มทน

“หล่อประหารอย่างนั้นขอลาขาดค่ะ”

เจ้าหล่อนไม่เคยโดนอาเล็กระเบิดอารมณ์ใส่ แต่เคยเจอสายตาเย็นชาชนิดเย็นเยือกเข้าไปถึงหัวใจ เลยรู้สึกขยาดมาจนถึงทุกวันนี้

“เลิกคุยแล้วมากินข้าวดีกว่า เร็วๆ เข้า เจ๊หิวแล้ว” วิรัลพัชรเร่ง ทุกคนเลยพากันมานั่งประจำที่

บนโต๊ะยาวเหยียดมีอาหารจัดเอาไว้เพียงแค่สี่ชุดไม่มีเพื่อศิวกร เนื่องจากส่วนใหญ่ชายหนุ่มมักจะรับประทานอาหารบนห้อง


หลังมื้ออาหารสี่สาวก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะเพลียสะสมกันมาทั้งวัน ปรางรัตน์ทิ้งตัวลงเตียงทันทีเมื่อกลับมาถึงห้อง ความนุ่มสบายของฟูกชั้นดีทำให้เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นทีละน้อย หญิงสาวอยากจะหลับเดี๋ยวนั้น แต่ความที่มีนิสัยประหยัดพลังงานก็เลยฝืนลุกขึ้นไปปิดไฟก่อน แล้วจึงค่อยกลับมานาน

ปรางรัตน์ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวแล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เริ่มฝันอีกครั้งว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายหมอกหนา ความฝันที่เหมือนจะต่อเนื่องจากครั้งก่อนทำให้หญิงสาวรอดูว่าชายปริศนาคนนั้นจะโผล่มาอีกหรือไม่ ยืนรอได้สักอึดใจเธอก็เห็นผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาหา ใบหน้าเขายังคงพร่าเบลอ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เธอรู้ว่าเขามีริมฝีปากหยักได้รูปกับจมูกโด่งเป็นสันสวย

“ในที่สุดแก้มแก้วก็มา ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ปรางรัตน์เอื้อมมือไปแตะที่บ่าเขาแทนการปลอบ แม้มองไม่เห็นสีหน้า แต่เธอก็สัมผัสได้ว่า ผู้ชายคนนี้ดูเศร้าเหลือเกินราวกับมีเรื่องทุกข์ใจแสนสาหัส

“เรารู้จักกันใช่ไหมคะ”

ใจจริงปรางรัตน์อยากถามว่าเขาเป็นใคร แต่ปากมันกลับพูดประโยคนี้ออกมาแทน

“ใช่ครับ เราไม่ได้เจอกันนานมาแล้ว ผมดีนะครับที่แก้มแก้วยังจำผมได้”

จบประโยคริมฝีปากชายหนุ่มก็เหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่ดูคุ้นตา หญิงสาวจึงมองหน้าเขาแล้วพยายามนึกทบทวนอีกครั้งว่าเคยพบกันที่ไหน สักอึดใจรูปคิ้วบนใบหน้านั้นก็ปรากฏขึ้น แต่ก่อนที่จะมีดวงตาให้เห็น ปรางรัตน์ก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นคฤหาสน์

เสียงพี่นีน่านี่นา เกิดอะไรขึ้น?

หญิงสาวรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียง เธอคว้าไฟฉายที่อยู่ใกล้มือแล้ววิ่งออกไปดู

ปรางรัตน์เลยมาถึงเป็นคนแรก พอเคาะห้องแล้วไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป นภัตธรยืนอยู่ไม่ห่างจากประตูนัก ยังไม่ทันถามไถ่อะไรอีกฝ่ายก็ถลามากอดตัวเธอเอาไว้แน่น ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้าน

“นะ...นั่น ตะ...ตะ” นภัตธรเอ่ยเสียงสั่นในขณะที่ชี้มือไปที่ผนัง

ปรางรัตน์มองตามไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่า ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะตกใจกลัวอะไรบางอย่างสุดขีด

“ใจเย็นๆ ค่ะพี่นีน่า เกิดอะไรขึ้นคะ แก้มไม่เห็นอะไรเลย”

“ตะ...แก มะ..มัน อยู่นั่น ประตูห้องน้ำ”

ปรางรัตน์จับใจความได้แต่ว่ามีบางสิ่งอยู่ที่ประตูห้องน้ำเลยจะเข้าไปดู แต่นภัตธรดึงตัวเธอเอาไว้ พลางร้องห้ามเสียงหลง กว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งวิรัลพัชรและกัลยากร ต่างก็มารวมตัวกันอยู่พร้อมหน้าแล้ว

สิ่งที่นภัตธรกลัวหนักหนาจนหวีดร้องลั่นคือตุ๊กแกลายทางตัวโต ความยาวจากส่วนหัวไปหางอยู่ที่ประมาณหนึ่งศอก ดวงตาของมันแดงก่ำ ประหนึ่งว่ามีวิญญาณร้ายสิงสู่ในร่าง

เห็นแล้วปรางรัตน์กับกัลยากรก็ถอยห่างออกมาด้วยความขยะแขยง ยกเว้นก็แต่วิรัลพัชรที่ดูไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด

“นึกว่าอะไร ทำเอาตกอกตกใจหมด รีบกลับไปนอนได้แล้ว ง่วงจะแย่”

วิรัลพัชรรุนหลังหุ้นส่วนให้เข้าไปในห้อง แต่อีกฝ่ายขืนตัวไว้สุดความสามารถ

“ไม่เอานะเจ๊ หนูไม่เข้าไป หนูกลัวตุ๊กแก ม่ายยย!”

นภัตธรเกาะกรอบประตูไว้แน่น เจ้าหล่อนเป็นพวกตัวใหญ่แต่ใจเสาะ กลัวไปหมดตั้งแต่ แมลงสาบ แมงมุม เรื่อยไปจนถึงหนอนชาเขียวเลยทีเดียว

“ก็คิดว่ามันเป็นวอลเปเปอร์สิยะ จะได้ไม่ต้องกลัว” กัลยากรเสนอ

“วอร์เปเปอร์บ้านหล่อนสิยะร้อง ต๊กแก๊...ต๊กแก แถมดิ้นแด่วๆ ได้ ยี้…น่าขยะแขยงเป็นที่สุด ไม่เอาแล้ว นีน่าขอลาขาดค่ะ”

นีน่าทำท่าสติแตกจะวิ่งลงไปข้างล่าง กัลยากรกับปรางรัตน์เลยต้องช่วยกันดึงตัวเอาไว้

“เข้าไปเลยนะ อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวแม่ก็จับตุ๊กแกยัดปากซะนี่”

ดวงหน้าสวยปานนางอัปสรสวรรค์ของวิรัลพัชรเริ่มบูดบึ้ง เหตุเพราะถูกปลุกมาจากฝันหวาน ถึงจะเป็นอาหลานที่ดูไม่เหมือนกันเลย แต่นิสัยอดนอนแล้วจะอาละวาดกลับถอดแบบกันมาทุกประการ

ถึงจะถูกขู่อย่างนั้นนภัตธรก็ยังไม่ยอมกลับเข้าไป เจ้าหล่อนทำตัวลีบเกาะติดหลังปรางรัตน์แทนที่กำบัง แล้วถอยออกห่างออกจากประตูห้อง มาอยู่ที่ทางเดินมืดๆ

“ไปอยู่ทำไมตรงนั้นยะ กลับไปนอนที่เตียงเลยไป เตียงห่างผนังตั้งไกล มันไม่โดดมาเกาะหล่อนหรอก” วิรัลพัชรเอ่ยพลางใช้สายตาขู่บังคับอีกฝ่าย

“มันอยู่ของมันอย่างนี้แหละ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นตุ๊กแกโดดใส่ใครเลย” กัลยากรช่วยพูดเสริมอีกแรง

“ถึงโดดได้ มันก็ไม่โดดเกาะหล่อนให้เป็นเสนียดตัวมันหรอก” วิรัลพัชรเหน็บเข้าให้ด้วยความรำคาญ นภัธรจึงชะโงกข้ามไหล่ของปรางรัตน์แล้วเถียงกลับมา

“ไม่แน่หรอกค่ะเจ๊พลอย ช่วงนี้ยิ่งเป็นช่วงโอลิมปิกด้วย ถ้ามันเกิดฮึดอยากทำลายสถิติโลกขึ้นมา หนูไม่แย่หรือคะ”

“พอๆ ฉันไม่อยากเถียงกับหล่อนแล้ว คืนนี้ไปนอนห้องอื่นก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” วิรัลพัชรหาทางออกให้เพื่อตัดปัญหา

นภัตธรจึงหอบของขึ้นไปนอนกับลูกพี่ลูกน้องอย่างกัลยากรที่ห้องด้านบน ห้องด้านล่างจึงเหลือปรางรัตน์พักอยู่แค่คนเดียว หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้องตามลำพัง เธอเปิดปากหาวเพราะความง่วง เดินโซเซได้สองก้าวมือก็หมดแรงเอาดื้อๆ ไฟฉายที่ใช้นำทางจึงล่วงลงกับพื้น

หญิงสาวรีบเก็บขึ้นมา แต่พอลองเปิดดูก็พบว่ามันใช้งานไม่ได้แล้ว เลยได้แต่ถอนใจแล้วบ่นอุบอิบให้ความซุ่มซ่ามของตัวเอง เนื่องจากที่นี่อยู่กลางป่า เวลากลางคืนจึงมืดสนิทมาก โชคดีที่เปิดไฟในห้องทิ้งเอาไว้ เลยรู้ตำแหน่งห้องของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็คงต้องร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เพราะคลำทางกลับไม่ถูก

แม้จะมีแสงไฟลอดออกมาจากประตูห้องให้เห็นอยู่ลิบๆ แต่รอบตัวก็ยังมืดจนต้องเดินเกาะผนังเพื่อไม่ให้สะดุดล้ม ก่อนจะถึงห้องตัวเองประมาณสิบเมตร ปรางรัตน์บังเอิญมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็เห็นว่ามีแสงไฟดวงหนึ่งอยู่ด้านนอก พอเพ่งมองก็เห็นว่ามันเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แล้วหยุดลงตรงบริเวณชายป่าหลังคฤหาสน์

ใครกัน ทำไมถึงได้ออกไปข้างนอกตอนดึกดื่นแบบนี้

เสียงตุ๊กแกร้องดังขึ้นมาแทนคำตอบ เสียงต่ำๆ แต่กังวานของสัตว์น่าขยะแขยงผสานกับบรรยากาศวังเวงบนทางเดินอันมืดมิด ทำให้ขนแขนของปรางรัตน์ลุกชั้น ความหวาดกลัวกับจินตนาการฟุ้งซ่านพุ่งเข้ามาแทนที่ความสงสัย หญิงสาวรู้สึกเสียววาบที่ต้นคอราวกับถูกสายตาประสงค์ร้ายจ้องมอง ความรู้สึกนี้ทำให้เธอรีบเร่งฝีเท้ากลับไปที่ห้องและปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะเข้านอน



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ค. 2555, 15:08:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ค. 2555, 15:11:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1971





<< บทที่ 1 คนในสายหมอก   บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา >>
หนอนฮับ 24 ก.ค. 2555, 15:44:16 น.
ง่ะ...ผี หรือ คนหว่าาาาา ลุ้นๆ พระเอกจะเป็นใครรรรรรรรร


ลูกกวาดสีส้ม 24 ก.ค. 2555, 16:10:28 น.
ชอบแนวนี้อ่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ameerahTaec 24 ก.ค. 2555, 16:43:56 น.
ตุ๊กแกตัวยาวเท่าศอก


คิมหันตุ์ 24 ก.ค. 2555, 16:47:42 น.
อ้าว คนในรูปวาดหายไปไหน?


Zephyr 24 ก.ค. 2555, 20:55:07 น.
อี๊ ตุ๊กแก....... กรี๊ด ตัวหย่ายยยยไปมั้ยอ่า T^T
อาเล็กน่ากลัวอ่ะ นิสัยอึมครึมอีกต่างหาก
นอกหน้าต่างนั่น กระสือรึ ม่ายยยยยยยยยยย


ร้อยวจี 24 ก.ค. 2555, 22:29:36 น.
รอๆๆๆๆๆค่ะ พรุ่งนี้มาอัพต่ออีกนะคะ


นิชาภา 24 ก.ค. 2555, 23:30:43 น.
คุณหนอนฮับ นั่นสิคะ น่าสงสัยเนอะ ทำไมมีแสงไฟด้วยหุๆๆ

คุณลูกกวาดสีส้ม ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ^O^

คุณ ameerahtaec นับความยาวจากหัวจรดหางไงคะ แต่ก็นะ หลอนอยู่ดี ตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่คนเขียนกลัวที่สุดในชีวิตเลยค่ะ T^T

คุณคิมหันตุ์ ปริศนานี้จะได้รับการเฉลยตอนปลายๆ เรื่องค่ะ ถ้าไม่เฉลยทวงด้วยนะคะ แสดงว่าคนเขียนลืม 5555 (เอ๊ะยังไง?)

เฟอร์จัง เอาไซค์ให้บิ๊กๆ ไว้ไงตัวจะได้น่ากลัวจริงอะไรจริง ฮาเฟอร์จังอ่ะ ผีกระสือ คิดได้ไงอ่ะตัวเอง



นิชาภา 24 ก.ค. 2555, 23:31:01 น.
คุณ ร้อยวจี เดี๋ยวพรุ่งนี้เที่ยงๆ บ่ายๆ เจอกันค่า ^O^


goldensun 25 ก.ค. 2555, 15:56:53 น.
ตุ๊กแกลายทางเป็นยังไงกันนะ


นิชาภา 25 ก.ค. 2555, 16:05:15 น.
คุณ Goldensun ลายมันจะพาดๆ ค่ะ พิมพ์ในอากู๋ หารูปโดยใช้คำว่า "ตุ๊กแกลายทาง" แล้วท่านจะค้นพบสารพัดลายตุ๊กแก เค้าหาดูแล้ว ขยะแขยง กรีดร้อง และทนดูได้ไม่เกิน 30 วินาที หนูกลัว โฮๆๆ แม้บางตัวมันจะทำตาแอ๊บแบ๊วก็เถอะ T^T


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account