ปมรักภูตเสน่หา โดย ตารกา (วางแผงแล้ว)
56 ปีที่ก่อน ณ คฤหาสน์ผาทราย พลช ชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ได้ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคู่หมั้น แม้เวลาจะผ่านมากหลายทศวรรษแล้ว แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มก็ยังไม่ไปไหน เขาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนที่รักหมดหัวใจ

นิยายเรื่องนี้วางแผงแล้วนะคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

http://www.thebooklovers.co.th/index.php/product/detail/778


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานนะคะ
Tags: ซึ้งกินใจ ลึกลับ ย้อนอดีต ผี โรแมนติก จิตกรหนุ่มผู้เจ้าอารมณ์ วิญญาณอาลัยที่แสนอ่อนโยน สืบสวน นางเอกเป็นนักกายภาพบำบัด คฤหาสน์กลางเกาะ

ตอน: บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา

บทที่ 3 ไม่ถูกชะตา

หลังจากแยกย้ายกันไปนอนเมื่อคืนแล้ว พอรุ่งเช้าชาวคณะก็ทยอยลงมารับประทานอาหารในตอนสาย และปรึกษากันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนดี นภัตธรเป็นคนแรกที่เสนอความคิดว่าให้นั่งเรือไปที่เกาะอื่น

หญิงไม่แท้นางนี้ยังคงหวาดผวากับตุ๊กแกอยู่ เจ้าหล่อนไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับสัตว์โลกที่น่าขยะแขยงชนิดนี้นานเกินกว่าหนึ่งคืน แต่ก็ยังเก็บอาการกลัวและความปรารถนาที่จะเผ่นออกจากที่นี่ไปได้อย่างมิดชิด ด้วยรู้ดีกว่าถ้าแสดงออกจะต้องโดนแกล้ง

นภัตธรใช้ข้ออ้างว่าอยากไปเที่ยวในที่ที่ครึกครื้นเพื่อให้วิรัลพัชรเห็นชอบ กล่อมอยู่สักพักอีกฝ่ายก็ยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งให้คนเอาเรือมารับ

ที่นี่ไม่มีคลื่นโทรศัพท์มือถือที่ใช้กันอยู่ทั่วไป การติดต่อกับภายนอกจะต้องใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ซึ่งตัวเครื่องและค่าโทรศัพท์แพงกว่าปกติ แต่ถ้าเทียบกับความสะดวกสบายแล้ว วิรัลพัชรคิดว่ามันคุ้ม

“ลองไปชวนอาเล็กเธอดูไหม” กัลยากรแกล้งเสนอเล่นๆ

“ก็ได้นะแต่เธอต้องไปชวนเอง แต่จะเจอกับอะไรไม่ขอรับประกัน”

อาเล็กของเธอไม่ชอบให้ใครไปรบกวนเวลาทำงาน วิรัลพัชรเองก็ไม่อยากจะไปยุ่งเรื่องของเขานัก ถึงอายุห่างกันเพียงสี่ปี แต่เธอกับอาเล็กก็ไม่ได้สนิทสนมกันอย่างที่อาหลานวัยใกล้เคียงกันควรจะเป็น

ศิวกรมีโลกส่วนตัวสูง ยากนักที่เขาจะยอมก้าวออกมาจากพื้นที่ของตัวเอง ส่วนการเข้าไปนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาเล็กมีความสามารถในการสร้างปราการน้ำแข็งไว้หลีกเลี่ยงการเสวนากับผู้คน ใครที่พยายามเข้าไปใกล้ในยามที่เขาไม่สบอารมณ์จะถูกทำให้กระเด็นออกมาทุกราย ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในครอบครัวเดียวกัน

“รักสันโดษแบบนี้ แล้วทำไมถึงยอมให้พวกเรามาพักที่นี่ได้” กัลยากรถามด้วยความสงสัย

เมื่อวานช่วงที่รอทุกคนลงมารับประทานอาหารเย็น เธอคุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับป้าเลื่อม จึงได้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ของนายพิทักษ์ ชายชราได้โอนกรรมสิทธิ์การถือครองเกาะกับคฤหาสน์ให้ลูกชายคนเล็กไปนานแล้ว

“คุณปู่ขอมาน่ะ เห็นว่ามันสวยเลยอยากให้คนโปรดได้มาพัก”

คนโปรดในที่นี้ก็คือปรางรัตน์นั่นเอง คุณปู่ถึงกับสั่งให้วิรัลพัชรพักงานเพื่อมาเที่ยวกับแม่หนูแก้มทีเดียว เธอจึงถือโอกาสชวนเพื่อนคนอื่นมาด้วย ทุกคนจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเที่ยวให้หนึ่งอาทิตย์แล้วค่อยกลับ ส่วนปรางรัตน์นั้นจะอยู่ต่อจนกว่าจะหมดช่วงพัก แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าจะอยู่คนเดียวได้ คุณปู่ก็อนุญาตให้กลับมาพร้อมกับพวกเธอ

ปรางรัตน์เคยบอกว่าโหยหาความเงียบสงบ เธออยากอยู่ในสถานที่ที่มีทั้งทะเลและน้ำตก บังเอิญเหลือเกินที่คฤหาสน์กลางเกาะแห่งนี้ตอบสนองความต้องการของหญิงสาวได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่ไกลจากที่พักมีน้ำตกใสสะอาด พอเดินลงมาตากไหล่เขาก็จะพบชายหาดสีขาวบริสุทธิ์ โอบล้อมด้วยน้ำทะเลสีคราม แต่ที่นี่ออกจะเงียบเหงาเกินไปสักหน่อย สำหรับสาวๆ อย่างปรางรัตน์ การที่คุณปู่เจาะจงให้ปรางรัตน์มาพักที่นี่หนึ่งเดือนเต็ม จะต้องมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่แน่

วูบหนึ่ง หญิงสาวคิดไปว่าคุณปู่วางแผนจะจับคู่ปรางรัตน์กับอาเล็ก แต่แล้วก็ต้องลบความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้ป่วยอย่างไร คุณปู่ก็คงไม่เลอะเลือนขนาดส่งคนโปรดมาให้เจ้าชายน้ำแข็งรังแก ที่สำคัญ ยศพล ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเธอ ก็ดูเหมือนจะชอบปรางรัตน์อยู่ หากคิดจะจับคู่ให้ ยศพลที่มีนิสัยอ่อนโยนและเปิดเผย ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

เมื่อเดาความคิดของผู้เป็นปู่ไม่ออก วิรัลพัชรก็เลิกคิด หญิงสาวหันไปสนใจตระเตรียมข้าวของสำหรับท่องเที่ยวแทน


ตกบ่ายเรือที่นัดหมายไว้ก็มารับทั้งสี่คนไปที่เกาะ นภัตธรกับวิรัลพัชรเที่ยวเพลินเลยวางแผนจะค้างคืนเพื่อร่วมฉลองงาน Full moon ที่เกาะช้าง แต่กัลยากรมีไข้อ่อนๆ ปรางรัตน์เลยอาสาพากัลยากรกลับมาที่พัก เพื่อที่สองคนที่เหลือจะได้อยู่สนุกกันต่อ

“พี่แค่เหนื่อย กลับที่พักเองได้ แก้มอยู่เที่ยวต่อเถอะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างเกรงใจในขณะที่กำลังรอให้เรือมารับ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ปรางรัตน์ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” กัลยากรย้ำอีกครั้ง เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงไม่อยากเป็นภาระใคร

“ไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะพี่แอน พี่ก็รู้นี่คะว่าแก้มไม่ชอบเที่ยวแบบนี้เท่าไร อยากจะกลับไปพักมากกว่า ขนหนังสือมาตั้งหลายเล่ม ยังไม่ได้เปิดอ่านเลย”

ปรางรัตน์ชอบใช้เวลาว่างกับการอ่านหนังสือมากกว่าออกไปข้างนอก แต่เธอก็ไม่ใช่คนเก็บตัว บางคราวเธอก็เป็นตัวตั้งตัวตี ชวนเพื่อนฝูงออกไปเที่ยวเหมือนกัน

เมื่อเรือที่นัดให้มารับมาถึง ปรางรัตน์ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ กัลยากรจึงเลิกคะยั้นคะยอและกล่าวขอบคุณรุ่นน้อง

ระยะเวลาจากเกาะช้างไปยังเกาะผาทรายใช้เวลาประมาณสามสิบห้านาทีถ้าใช้เรือเร็ว กัลยากรไม่มีปัญหาตอนนั่งเรือ แต่เธอรู้สึกแย่ที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปยังคฤหาสน์บนหน้าผาอีกครั้ง กว่าจะขึ้นมาถึงตัวคฤหาสน์หญิงสาวก็รู้สึกว่าตัวเองอ่อนเพลียจนแทบจะล้มทั้งยืนได้ทุกขณะ

“ไหวไหมคะพี่แอน”

“ยังไหว แต่อาจจะตายได้ถ้าต้องขึ้นนี่ไปที่ห้องตัวเอง” หญิงสาวปรายตาไปทางบันไดที่อยู่เบื้องหน้า แล้วพิงตัวกับราวบันไดขณะที่พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกคนรวยๆ ถึงขยันสร้างบันไดให้มันอลังการนัก ความสูงนี่มันฆ่าคนเหนื่อยได้เลยนะ”

ปรางรัตน์หัวเราะคิกกับเสียงบ่นกระปอดกระแปด ยังบ่นได้อย่างนี้แสดงว่าอาการคงไม่หนักมาก กระนั้นหญิงสาวก็ยังเดินขึ้นไปส่งถึงห้อง

กัลยากรอยากทิ้งตัวลงบนเตียงใจแทบขาด แต่ก็รู้ตัวดีว่ายังหลับไม่ได้ เลยฝืนตัวเองเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดกระเป๋าหยิบกล่องยาออกมา ในนั้นมีอุปกรณ์พยาบาลกับยาสารพัดชนิดอัดแน่นอยู่ภายใน หากเป็นคนทั่วไปคงต้องค้นกันนานทีเดียวกว่าจะหายาลดไข้แก้ปวดหัวเจอ แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเภสัชกรอย่างเธอ ความเคยชินทำให้มองแค่ซองยาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่เพียงแต่หายยาพบในทันที หญิงสาวยังจัดยาให้ตัวเองได้ด้วย กินยาเสร็จเธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงทันที

“เช็ดตัวหน่อยไหมคะพี่แอน แก้มเช็ดให้” ปรางรัตน์อาสา

“ไม่ล่ะจ้ะ อยากนอนจะแย่แล้ว ข้าวเย็นไม่ต้องรอพี่นะ พี่อยากหลับยาว”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ

ปรางรัตน์กลับห้องตัวเองไปล้างตัวอย่างลวกๆ แล้วจึงค่อยลงมาที่ห้องครัว เนื่องจากเหลือเธออยู่คนเดียว หญิงสาวจึงไม่รบกวนแม่บ้านให้ทำอาหารให้ แต่ขอใช้ครัวแทน

“จะดีหรือคะคุณ คุณเป็นแขก”

ป้าเลื่อมมีท่าทีลำบากใจอยู่มาก เพราะคุณท่านกำชับหนักหนา ว่าให้ดูแลคุณหนูที่ชื่อแก้มให้เหมือนกับเป็นเจ้านายคนหนึ่ง

“แก้มต่างหากล่ะคะที่มารบกวน ป้าเลื่อมไปพักเถอะค่ะ ข้าวก็มีหุงไว้แล้ว เดี๋ยวแก้มทำผัดกะเพราทานเอง” ผู้สูงวัยมีทีท่าลังเลหญิงสาวจึงกล่าวเสริม “แก้มสัญญาค่ะว่าจะไม่ทำครัวเละเด็ดขาด”

“ครัวเละป้าไม่กลัวหรอกค่ะ กลัวก็แต่คุณจะเหนื่อย มันไม่ดีนะคะ ให้แขกมาทำงานครัวอย่างนี้”

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แก้มชอบทำอาหาร อนุญาตให้แก้มใช้ครัวนะคะ”

เสียงอ้อนๆ ของหญิงสาวทำให้ป้าเลื่อมใจอ่อนยอมทำตามความประสงค์ เมื่อได้รับคำอนุญาตปรางรัตน์ก็กล่าวขอบคุณ แล้วหันมายิ้มให้กับผู้สูงวัย

ป้าเลื่อมยิ้มตอบแต่ก็ไม่เต็มสีหน้านักเพราะสะดุดใจกับบางสิ่งเสียก่อน เธอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่าเคยเห็นปรางรัตน์ที่ไหนมาก่อน ทว่านึกเท่าไรก็นึกไม่ออก จึงบอกตัวเองว่าคงจำคนผิด แล้วลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว

ปรางรัตน์เริ่มลงมือทำอาหารหลังจากป้าเลื่อมออกจากครัวไป ไม่กี่อึดใจผัดกะเพราไข่ดาวสูตรพิเศษก็ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน นอกจากอาหรของตัวเองแล้วหญิงสาวยังทำข้าวต้มให้กัลยากรด้วย เผื่อว่ารุ่นพี่จะเปลี่ยนใจอยากหาอะไรกินกลางดึก

หญิงสาวนั่งกินอาหารฝีมือตัวเองที่โต๊ะในห้องครัว ผัดกะเพราทะเลแสนอร่อยยุบไปได้ค่อนจาน ก็มีเสียงฝีเท้าคนมาจากทางด้านหลัง เธอคิดว่าเป็นกัลยากรจึงไม่ได้เหลียวไปมอง กว่าจะรู้ตัวว่าเดาผิดเจ้าของเสียงฝีเท้าก็เข้ามาอยู่ในห้องครัวแล้ว

พอเอี้ยวตัวไปมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวก็ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มดุดันของเจ้าของสถานที ปรางรัตน์ตกใจกับการปรากฏกายของศิวกรจนแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้ โชคดีเหลือเกินที่เธอเก็บอาการได้ทัน ช้อนในมือก็เลยตกลงไปกระทบจานส่งเสียงดังเคร้งเท่านั้น

ศิวกรเองก็ตกใจไม่แพ้หญิงสาว เขาไม่คิดว่าจะพบคนแปลกหน้าอยู่ในห้องครัว ความที่เพิ่งตื่นมาไม่นานสมองเขาจึงสั่งการได้ไม่ดีนัก ต้องมองหน้าหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่ ถึงจะนึกวิรัลพัชรกับเพื่อนมาพักที่นี่ และเธอคนนี้คือคนที่เขาเผลอขึ้นเสียงใส่ไปเมื่อวาน

“...สวัสดีค่ะ เอ่อคุณ...อาเล็ก”

ปรางรัตน์เป็นคนเอ่ยทักทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน เธอพยายามยิ้มให้เขา แต่เมื่อถูกดวงตาคมกริบมองกลับมา หญิงสาวก็รู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก จะว่ารู้สึกเขินอายก็ไม่ใช่จะกลัวก็ไม่เชิง ที่แน่ๆ เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่เป็นมิตรที่แผ่มาจากตัวผู้ชายคนนี้

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอแล้วบังคับตัวเองให้รักษามารยาท โดยการไม่เบือนหน้าหนีจากเขา ผลที่ได้คืออัตราการเต้นของหัวใจที่ถี่ขึ้นเกือบเท่าตัว เพราะได้ตระหนักว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้ชายที่หล่อเหลาจนเข้าขั้นเทพบุตร หากเขามีปีกจริงก็คงเป็นปีกสีดำสนิท ดูน่าครั่นครามแต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน

“ผมชื่อศิวกร” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ เขาตวัดมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วประเมินด้วยใช้สายตาแบบที่มองวัตถุหรืองานศิลป์

เธอมีเครื่องหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู ดวงตากลมโตสดใส แม้ไม่เรียกว่าสวยโดดเด่นแต่ก็งามอย่างเป็นธรรมชาติ รูปร่างของหญิงสาวดูบอบบางแต่ก็มีความโค้งเว้าในส่วนที่สตรีพึงมี มองจากกิริยาที่แสดงออกท่าทางจะเป็นคนหัวอ่อนว่าง่าย โดยรวมแล้วต้องยอมรับจากใจว่าดูใกล้เคียงกับผู้หญิงในอุดมคติของเขามากทีเดียว ถ้าปรับรูปปากกับจมูกอีกสักนิด เธอจะดูราวกับออกมาจากภาพในจิตนาการที่เขาเคยวาดไว้ครั้งยังเป็นวัยรุ่นเลยทีเดียว

พ่อนี่ช่างเข้าใจสรรหาคนมาจริงๆ

“ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ทราบชื่อคุณ ก็เลยเรียกตามพี่พลอย”

ศิวกรแค่นยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เขาไม่เชื่อคำพูดหญิงสาวเลยสักนิดเดียว แม้จะเก็บตัวปานใด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้โง่ เขารู้มาตลอดว่าพ่อไม่อยากให้เลือกคู่ชีวิตผิด จึงเพียรหาคนที่เหมาะสมมาแนะนำให้รู้จักในหลายโอกาส ทั้งงานเลี้ยงที่บ้าน หรือการสร้างสถานการณ์ให้พบกันโดยบังเอิญแบบนี้

แม้จะเจ้ากี้เจ้าการปานใด แต่บิดาก็ยังมีส่วนที่ทำให้เขารักท่านสุดหัวใจ นั่นคือท่านไม่เคยตีกรอบความคิดหรือลิดรอนอิสระในชีวิตของลูกๆ ศิวกรจึงไม่เคยถูกบีบบังคับให้คบกันใคร ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงปฏิบัติต่อหญิงสาวทุกคนที่บิดาเพียรแนะนำมาให้อย่างเท่าเทียม นั่นคือเมินเฉยและเย็นชาใส่พวกเธอ จนถอยหนีกันไปเอง

“ในเมื่อเราก็รู้จักกันแล้ว คราวหน้ากรุณาเรียกชื่อผมด้วย คำว่า ‘อาเล็ก’ สงวนไว้ใช้แต่กับคนในครอบครัวเท่านั้น”

ประโยคนี้ทำให้คนฟังหน้าชา แก้มนวลเนียนของปรางรัตน์ขึ้นสีในบัดดล แม้เธอจะผิดที่ไปบุกรุกอาณาเขตของเขาเมื่อวาน แต่เขาก็ไม่ควรจะวางท่าทีถือดีและแสดงกิริยาอย่างนี้กับเธอ หญิงสาวจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงคล้ายกับที่เขาพูด แต่กระแทกกระทั้นกว่า

“จะจำไว้ค่ะ ฉันชื่อปรางรัตน์ คราวหน้าก็กรุณาเรียกชื่อฉันด้วยนะคะ”

สีหน้าของศิวกรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะความแปลกใจ ปกติชายหนุ่มมักจะมองคนไม่พลาด ทว่าหนนี้สัญญาชาตญาณของเขากลับผิด เพราะคนที่ปรามาสเอาไว้ว่าหัวอ่อนลุกขึ้นมาต่อกรกับเขา

“ครับ…คุณปรางรัตน์ ผมจะจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจ”

ริมฝีปากบางได้รูปของชายหนุ่มกระตุกขึ้นมาเป็นรอยยิ้มที่มองแล้วชวนให้หมั่นไส้อย่างที่สุด เขาไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ขณะที่ร่างสูงสง่ากำลังหมุนตัวกลับ ปรางรัตน์ก็สัมผัสได้ว่าสีหน้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน หญิงสาวแอบแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังกว้างด้วยความหงุดหงิด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยจริงๆ ที่เธอนึกไม่ชอบหน้าคนที่เพิ่งเคยสนทนากันแค่ไม่กี่ประโยค

“คนอะไรไม่น่าคบเลย ‘คำว่าอาเล็ก สงวนไว้ใช้กับคนในครอบครัว’ เชอะ! พูดอย่างกับเราอยากนับญาติด้วยตายล่ะ” หญิงสาวจีบปากจีบคอดัดเสียงพูดลับหลังเขา แล้วตักข้าวเข้าปากคำโตด้วยความโมโห โดยไม่รู้เลยว่า ‘คนไม่น่าคบ’ ยังไม่ได้ไปไหนไกลและได้ยินเสียงนินทาของเธอเต็มสองหู

“คนไมน่าคบงั้นรึ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง

ศิวกรออกจะเคืองอยู่หน่อยๆ ที่ถูกว่า แต่อารมณ์ก็สงบลงได้เมื่อคิดไปว่าเธอเกลียดขี้หน้าเขาแล้ว และคงจะไม่มาวุ่นวายด้วยอีก

ก็ดี…จะได้อยู่อย่างสงบ ทำงานให้เสร็จสักที


หลังจากรับประทานอาหารเย็นและเก็บล้างจานชามเรียบร้อยแล้ว ปรางรัตน์ก็กลับขึ้นไปที่ห้องพัก แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องครัวจะผ่านมาเกินหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่อารมณ์ขุ่นมัวที่มีต่อเจ้าของสถานที่ยังคงค้างอยู่ เธอหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ ทั้งที่ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า

เมื่อคิดว่าไม่สามารถข่มตาได้ลงโดยง่าย หญิงสาวก็ลุกจากเปิดกระเป๋าสัมภาระแล้วหยิบเอาหนังสือนวนิยายเล่มหนาออกมาอ่านเล่นฆ่าเวลา ปรางรัตน์ย้ายจากเตียงมาอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เธอพลิกหน้ากระดาษอย่างเบามือ แล้วค่อยๆ ละเอียดอ่านไปที่ละบรรทัด เพื่อซึมซับอรรถรสทางภาษาและนึกภาพตามบทบรรยาย

อ่านได้สักพักหนึ่งหญิงสาวก็หลุดยิ้มออกมา ชีวิตเธอในขณะนี้ช่างมีจุดคล้ายกับตัวละครในเรื่องอย่างน่าฉงน ตัวเอกของเรื่องนี้กำลังตามหาภาพเขียนในคฤหาสน์เก่าแก่ที่เคยเป็นของตระกูลตัวเอง แต่ถูกเศรษฐีคนหนึ่งซื้อไปเมื่อหลายปีก่อน เธอจึงแอบปลอมตัวเข้ามาในคฤหาสน์เพื่อตามมัน เพราะคุณยายที่เธอเคารพรักกำลังป่วยหนักและอยากจะเห็นภาพนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย

จุดเหมือนคือปรางรัตน์ต้องตามหาของในคฤหาสน์หลังใหญ่ จะต่างก็ตรงที่สิ่งที่เธอต้องการคือจดหมายไม่ใช่ภาพเขียน นายพิทักษ์อยากได้มัน ก็เพราะว่าเป็นจดหมายที่เขียนโต้ตอบกันกับภรรยาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว

ชายชราเล่าว่าเมื่อตอนยังเป็นหนุ่มท่านขัดคำสั่งบิดา ไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่เลือกให้ สุดท้ายจึงตัดสินใจออกจากบ้านไปและไม่เคยกลับไปที่คฤหาสน์ผาทรายอีกเลย แม้กระทั่งตอนที่บิดาใกล้สิ้นลมเขาก็ไม่ได้อยู่ดูใจ นายพิทักษ์เสียใจและสำนึกผิดเกินกว่าจะกลับมาเหยียบที่นี่ ในขณะเดียวกันความเศร้าก็ทำให้หลงลืมไปว่าทิ้งของสำคัญไว้ มานึกได้อีกทีก็ตอนแก่ชรา ไม่มีเรี่ยวแรงจะค้นหาเสียแล้ว

‘คงดีถ้าตอนปู่ตายได้เอามันไปด้วย ย่าที่อยู่บนสวรรค์จะได้ดีใจว่าปู่ยังไม่ลืมเขา’

คำพูดสุดแสนโรแมนติกนี้ทำให้ปรางรัตน์รับปากจะช่วยหาให้ แม้ไม่มั่นใจว่าจะหาพบก็ตาม

ทีแรกเธอแนะนำว่าให้ช่วยกันหาหลายๆ คนจะได้เจอเร็วขึ้น แต่ชายชรากลับปฏิเสธ นายพิทักษ์บอกว่าถ้าลูกหลานรู้ว่าคนแก่หัวแข็งอย่างท่าน หนีตามกันมากับคนรัก แถมยังมีเรื่องโรแมนติกกุ๊กกิ๊กเสียขนาดนั้น คงได้พากันหัวร่องอหาย ท่านจึงกำชับว่าห้ามบอกใครเป็นอันขาด ท่านยอมให้ภรรยาบนสวรรค์งอน ดีกว่าให้บรรดาลูกหลานรู้อดีตน่าอายเหล่านี้

ปรางรัตน์ยืนกรานหัวชนฝาว่ามันดูน่าประทับใจมากว่าน่าอับอาย แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็เข้าใจว่าคนเราย่อมมีเรื่องที่อยากปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ หญิงสาวจึงยอมรับปากที่จะช่วย เธอเชื่อทุกคำพูดของชายชราอย่างสนิทใจ โดยหารู้ไม่ว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างให้เธอยอมอยู่ที่นี่ให้นานที่สุดเท่านั้น

หญิงสาวอ่านนวนิยายไปคิดถึงเรื่องของตัวเองไป ไม่ทันไรก็เผลอฟุบหลับไปกับที่เพราะความเพลีย

ในขณะที่กำลังหลับลึก ร่างโปร่งแสงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้อง แล้วเคลื่อนเข้าหาหญิงสาวอย่างแช่มช้า ก่อนจะโน้มกายลงมากระซิบที่ข้างหู

“แก้มแก้วครับ แก้มแก้วคนดี อย่ามาหลับตรงนี้เลย เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ” เจ้าของร่างโปร่งแสงเอ่ยอย่างห่วงใย

เสียดายที่หญิงสาวไม่อาจได้ยินกระแสเสียงแสนอ่อนโยนนี้ เธอกับเขาอยู่กับคนละภพ จะพบเจอได้ก็เพียงแต่ในความฝันเท่านั้น สิ่งที่พอจะทำให้ได้ตอนนี้คือรวบรวมพลังที่มี แล้วนำผ้าห่มผืนน้อยมาคลุมร่างของเธอเอาไว้

ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่เนิ่นนาน ดวงหน้าของหญิงสาวทำให้เขาหวนระลึกถึงวันแรกที่ได้พบเจอกับเธอ ความรักที่อัดแน่นอยู่ในอกทำให้ไม่อาจจะหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าวิญญาณอย่างเขาไม่สามารถสัมผัสตัวเธอได้

“รอก่อนนะครับคนดี ผมจะหาทางมาพบคุณให้ได้”

เสียงที่ปรางรัตน์ไม่มีทางได้ยินนี้ ดังก้องกังวานหนักแน่น ด้วยจิตอันมุ่งมั่นของผู้ที่รอคอยให้คนรักหวนคืนมา





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2555, 13:33:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2555, 13:33:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1927





<< บทที่ 2 ภาพเหมือน   บทที่ 4 เรื่องเล่าจากภาพเก่า >>
หนอนฮับ 25 ก.ค. 2555, 14:35:43 น.
โธ่พ่อวิญญาณที่อ่อนโยนและน่าเลิฟ...จุ๊ๆๆ แบบนี้หนอนเทใจให้มากว่า..อาเล็กเลยคะ ดักตีหัวอาเล็กแล้วเข้าสิงร่างเลย จุ๊บๆ วิญญาณน่ารักอ่ะ อิอิ


ameerahTaec 25 ก.ค. 2555, 15:14:27 น.


PiNVE 25 ก.ค. 2555, 16:07:19 น.
สงสัยอนาคต อาเล็กโดนผีสิงแน่ๆ เลย


goldensun 25 ก.ค. 2555, 16:35:05 น.
กลายเป็นว่า คุณปู่จะเป็นพ่อสื่อให้แก้มกับอาเล็ก หรือกับคุณภูตคะ คุณปู่จะรู้เรื่องรูปที่แก้มเห็นมั้ย
แก้มมาเกิดใหม่ แต่คุณภูตยังรออยู่ แต่อาเล็กแค่หน้าเหมือนใช่มั้ยคะ เกิดอะไรขึ้นนะ
ชื่อชาติก่อนกับชื่อชาตินี้แปลกันได้ตรงตัวเลยค่ะ แก้มแก้ว ปรางรัตน์


pkka 25 ก.ค. 2555, 22:51:32 น.
:)


ลูกกวาดสีส้ม 26 ก.ค. 2555, 10:02:24 น.
ใครเป็นพระเอกกันน้าาา


นิชาภา 26 ก.ค. 2555, 13:10:12 น.
คุณหนอนฮับ คุณพลชก็ได้ใจคนเขียนค่ะ เขียนไปกรี๊ดไป โฮกหุยไป 5555 (เวอร์ได้อีก)

คุณ ameerahTaec สวัสดีตอนบ่ายค่ะ

คุณ PiNVE ยิ้มเบาๆ แล้วบอกว่าท่านเดาเก่ง หุๆๆ

คุณ goldensun คุณปู่จะสื่อให้อาเล็กค่ะ คุณปู่คิดว่าอาเล็กเป็นคุณภูตกลับชาติมาเกิด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ อย่างที่เข้าใจเลย แค่บังเอิ๊นบังเอิญอาเล็กหน้าเหมือนเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องแก้มแก้ว ปรางรัตน์ ถูกต้องแล้วคร้าบ คนเขียนเล่นง่ายๆ เลยค่ะเอาชื่อแก้มแก้วมาแปลเป็น ปรางรัตน์

คุณ pkka สวัสดีตอนบ่ายค่ะ

คุณลูกกวาดสีส้ม เรื่องใครเป็นพระเอกนี่เรายังต้องลุ้นต่อไปจนกันจนเหงือกแห้งค่ะ เพราะคนเขียนก็จิตไม่ใช่น้อย ทรมานคนอ่านด้วยการลุ้น ^O^


Zephyr 27 ก.ค. 2555, 00:16:44 น.
วิญญาณนั่นตาพลชใช่มะ โผล่มาแต่ละที น้อยจังเลย ออกเยอะๆหน่อยน่า
ไมอาเล็กเป็นคนแบบนี้เนี่ย พาลจริง วัยทองจริงเลยนะ
พลช นายสิงอาเล็กเสยยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account