ปมรักภูตเสน่หา โดย ตารกา (วางแผงแล้ว)
56 ปีที่ก่อน ณ คฤหาสน์ผาทราย พลช ชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ได้ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคู่หมั้น แม้เวลาจะผ่านมากหลายทศวรรษแล้ว แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มก็ยังไม่ไปไหน เขาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนที่รักหมดหัวใจ

นิยายเรื่องนี้วางแผงแล้วนะคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

http://www.thebooklovers.co.th/index.php/product/detail/778


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานนะคะ
Tags: ซึ้งกินใจ ลึกลับ ย้อนอดีต ผี โรแมนติก จิตกรหนุ่มผู้เจ้าอารมณ์ วิญญาณอาลัยที่แสนอ่อนโยน สืบสวน นางเอกเป็นนักกายภาพบำบัด คฤหาสน์กลางเกาะ

ตอน: บทที่ 5 ความฝันกับอดีต

บทที่ 5 ความฝันกับอดีต

เรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาทำให้ความรู้สึกคับข้องใจก่อตัวขึ้นในอกของปรางรัตน์ ในหัวเธอมีเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่มีที่มาที่ไปบอกว่าความจริงที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายยิ่งกว่าเรื่องราวแสนสะเทือนใจที่ได้ฟังมากนัก แม้จะเตือนตัวเองว่าคิดเพ้อเจ้อไปเองแต่หญิงสาวก็ไม่สามารถสลัดเรื่องนี้ออกไปอย่างหัวได้ อารมณ์เศร้าเข้ามาจู่โจมความรู้สึกของปรางรัตน์อย่างต่อเนื่องจนเกือบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว เธอรู้สึกหดหู่จนนอนไม่หลับ

ปรางรัตน์พลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างกระสับกระส่าย พยายามจัดท่านอนให้สบายที่สุดก็แล้ว นับแกะก็แล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ผล ซ้ำร้ายท้องมันยังร้องโครกคราก เรียกน้ำย่อยมากัดกระเพาะจนรู้สึกแสบไปหมด ยิ่งหิวก็ยิ่งนอนหลับได้ยากขึ้น หญิงสาวจึงคว้าไฟฉายที่หัวเตียง แล้วเดินลงมาหาอะไรกินด้านล่าง

หญิงสาวหยิบขนมปังที่วางอยู่บนชั้นมากินกับแยมส้ม อิ่มแล้วจึงดื่มน้ำตามเข้าไปแก้วใหญ่ ความที่รีบร้อนดื่มมากไปก็เลยสำลักน้ำ ในขณะกำลังไอหน้าดำหน้าแดงอยู่นั้น เธอก็รู้สึกเสียววาบที่แผ่นหลัง หูแว่วเสียงใครบางคน แต่ก็จับใจความไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

ปรางรัตน์เหลียวไปมองรอบตัวอย่างแปลกใจ หญิงสาวปลุกปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมาก แล้วถือไฟฉายจ้ำอ้าวกลับห้องพักไป เธอเห็นภูตผีวิญญาณบ่อยครั้งก็จริง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าได้พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้จะดีกว่า

ขณะที่หญิงสาวกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับห้อง ร่างโปร่งแสงของพลชก็ลอยตามไปติดๆ เมื่อครู่ตอนเห็นเธอสำลักน้ำ เขาช่วยลูบหลังให้อย่างลืมตัว ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่าสัมผัสถูกตัวเธอ และดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้การมีคนตนของเขา แต่พอเขาหันไปพูดด้วยเธอกลับไม่ได้ยิน พอลองจับตัวอีกครั้งมือเขาก็ทะลุผ่านร่างเธอไปราวกับว่าสัมผัสที่เขารู้สึกเกิดขึ้นเพราะคิดไปเอง พลชถอนหายใจออกมา ดวงตาเขามีแววหม่นเมื่อมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวขณะย่างก้าวไปในความมืด

พลชรู้สึกเศร้าที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย หากเขายังมีชีวิต มีเลือดเนื้อ แค่เพียงเธอบอกว่าหิว เขาจะรีบลงมาข้างล่างจัดการหาอาหารแสนอร่อยขึ้นไปบริการถึงที่ ไม่ปล่อยให้เธอออกมาเดินคนเดียวท่ามกลางความมืดอย่างนี้ ยามกลางคืนของคฤหาสน์แห่งนี้มืดและวังเวงเกินไป เธออาจจะสะดุดหรือกลิ้งตกบันไดได้ถ้าไม่ระวัง ความคิดว่าหญิงสาวอาจบาดเจ็บทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ

“ค่อยๆ เดินครับ ระวังสะดุด” ชายหนุ่มเตือน แต่คำเตือนนี้ไม่ลอยเข้าไปยังโสตประสาทของหญิงสาว ปรางรัตน์จึงเดินอย่างเร่งรีบต่อไป

ในขณะที่พลชตามหญิงสาวไปอย่างกระชั้น อยู่ๆ ปรางรัตน์ก็หยุดกะทันหัน หญิงสาวปิดไฟฉายแล้วยืนเกาะกระจกมองอะไรบางอย่าง ลองมองตามดูจึงได้รู้ว่าเธอกำลังจ้องแสงไฟที่อยู่ภายนอก

“ศิวกรครับ เขามักจะตื่นเวลากลางคืนอยู่เสมอ” ชายหนุ่มพูดทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอไม่ได้ยิน แต่ก็อดสื่อสารด้วยไม่ได้

ปรางรัตน์ย่นหัวคิ้วมองตำแหน่งของดวงไฟอย่างสงสัย โดยไม่รู้เลยว่าข้างกายมีวิญญาณหนุ่มรูปงามยืนอยู่ เธอเพ่งสมาธิไปที่การจดจำตำแหน่งของดวงไฟว่าหยุดลงที่ตรงไหน แล้วคิดในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องลองไปดูแถวนั้นให้จงได้

เมื่อมองจนพอใจแล้วหญิงสาวก็กลับเข้าห้องเพื่อเข้านอน และคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่พลชเฝ้ามองคนที่รักอยู่ในความมืด ด้วยดวงตาอ่อนโยนและรอยยิ้มแสนเศร้า


ปรางรัตน์ผล็อยหลับไปตอนประมาณตีสี่ พอหกโมงเช้าก็ตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน เธออยากนอนต่อแต่ตาก็สว่างเกินกว่าจะฝืนนอนต่อไหว เมื่อเห็นว่าการพยายามนอนให้หลับเป็นความทรมาน หญิงสาวก็สั่งตัวเองให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสีย

เช้านี้เธอกินอาหารกับป้าเลื่อมและลุงแก่นที่ครัวเหมือนเมื่อวาน ส่วนกัลยากรนั้นลงมาข้างล่างตอนประมาณเก้าโมง กินหารเสร็จก็ขอตัวไปเลือกหนังสือที่ห้องสมุด แล้วเอาไปอ่านที่เปลยวนในสวน ปรางรัตน์จึงสบโอกาสค้นหาจดหมายให้นายพิทักษ์

ชายชราบอกเธอว่าเขาเก็บจดหมายเอาไว้ในหีบไม้อันเล็ก ลงกลอนใส่ไว้ในลิ้นชัก เธอไม่รู้ว่าห้องเดิมของชายชราคือห้องไหนก็เลยลองเริ่มต้นจากบรรดาห้องที่ปิดเอาไว้ในชั้นสองก่อน ห้องส่วนใหญ่ปิดล็อกเอาไว้ แต่หญิงสาวก็เข้าไปได้เพราะป้าเลื่อมให้กุญแจมาพวงโต เนื่องจากนายพิทักษ์เป็นคนสั่งมาว่าให้เธอสำรวจห้องต่างๆ ได้ตามใจ

“คุณกำลังหาอะไรอยู่หรือคะ” ป้าเลื่อมถามด้วยแววตากระหายใคร่รู้

คุณท่านบอกมาแค่ว่าให้อำนวยความสะดวกให้ เวลาปรางรัตน์จะเข้าออกห้องต่างๆ ถ้าหยิบเอาอะไรติดมือมาก็ให้เอากลับไปได้เลย แต่ไม่ได้บอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร

“ข้อมูลสำหรับทำวิทยานิพนธ์ค่ะ” หญิงสาวปดออกไป

เรื่องโกหกพวกนี้เธอคิดเตรียมเอาไว้ก่อนมาที่นี่แล้ว หญิงสาวเล่าเป็นคุ้งเป็นแควว่า ญาติของเธออยากได้ข้อมูลช่วงปีสองพันห้าร้อยไปทำรายงาน บังเอิญว่านายพิทักษ์จำได้ว่าที่นี่มีข้อมูลที่จำเป็นเก็บเอาไว้อยู่ ก็เลยอนุญาตให้เธอหาดูได้ในช่วงที่พักอยู่ที่นี่

“คงอยู่ที่ห้องสมุดนั่นแหละค่ะคุณ ในห้องเก็บของไม่เหลือหนังสือเอาไว้แล้ว ป้าเป็นคนเก็บออกมาเองทุกเล่มเลย”

“มันไม่ใช่หนังสือหรอกค่ะ เป็นเหมือนจดหมาย เก็บอยู่ในหีบใบเล็ก ป้าเลื่อมเคยเห็นไหมคะ” ปรางรัตน์หันไปถามอย่างมีความหวัง

แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อป้าแกบอกว่าจำไม่ได้เสียแล้ว เพราะตอนเก็บรวดรวมหนังสือนั้น ป้าเลื่อมมองหาแต่หนังสือจริงๆ ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย

ปรางรัตน์ก็เลยต้องค้นหาทีละห้อง ห้องส่วนใหญ่เป็นห้องโล่งๆ มีหยากไย่เต็มเพดาน ที่พื้นก็มีฝุ่นจับหนา บางห้องก็มีเครื่องเรือนตั้งอยู่ แล้วถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าขาว หญิงสาวจึงต้องดึงผ้าออก แล้วสำรวจดูว่ามีหีบหรือจดหมายอะไรซุกซ่อนอยู่หรือไม่ พอเจอฝุ่นมากเข้าหญิงสาวก็เริ่มแสบจมูก ต้องวิ่งกลับไปที่ห้อง เอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาทำเป็นที่ปิดจมูก

เวลาล่วงมาจนใกล้เที่ยงหญิงสาวก็ค้นห้องบริเวณชั้นสองทางฝั่งตะวันตกจนครบทุกห้อง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา เธอเห็นหลังกัลยากรเดินลงบันไดไปไวๆ ก็เลยหยุดมือแล้วเดินตามลงไปด้วย

“ไปทำอะไรมาน่ะ ถึงได้มอมแมมไปทั้งตัวแบบนี้” กัลยากรหัวเราะขันเมื่อหันมาเห็นสภาพของรุ่นน้อง

ปกติปรางรัตน์ก็ไม่ค่อยใส่ใจจะหวีผมอยู่แล้ว แต่วันนี้มันดูชี้ฟูพอๆ กับเวลาโดนลมทะเลเล่นงาน ไหนจะเสื้อผ้าที่เลอะเทอะมอมแมมอีก ถ้ามีคนบอกว่าเธอเพิ่งเจอพายุไต้ฝุ่นมากัลยากรคงเชื่อแบบไม่แคลงใจ

“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะพี่แอน”

ปรางรัตน์เลี่ยงการตอบคำถามด้วยการเดินไปล้างมือที่อ่างล้างจาน แล้วชวนคุยเรื่องวิรัลพัชรกับนภัตธรที่ไม่ยอมกลับมาเสียที

“ปล่อยคู่นี่ไปเถอะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ไม่มีอะไรให้น่าห่วงหรอก” กัลยากรเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

แล้วก็จริงอย่างที่พูดเสียด้วย พอตกบ่ายทั้งสองคนก็กลับมา พร้อมกับคะยั้นคะยอให้สองสาวออกไปดำน้ำดูปะการังด้วยกัน ปรางรัตน์ตกลงไปด้วยเลยได้เที่ยวสนุกอยู่กับบรรดาเพื่อนรุ่นพี่สามวันเต็ม ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปค้างเกาะอื่นแค่คืนเดียว


เวลาแห่งความสนุกหมดลงอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็ครบหนึ่งสัปดาห์ ได้เวลาที่ทุกคนต้องกลับ วิรัลพัชรชวนปรางรัตน์กลับไปด้วยกัน เพราะไม่อยากปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี่คนเดียว

“ไปเที่ยวรีสอร์ทของพี่ดีไหม แอบไปกันเงียบๆ ถ้าคุณปู่จับได้ พี่จะอ้างกับคุณปู่ให้เองว่าพี่เป็นคนบังคับให้ไป เพราะเห็นแทนแก้มถูกอาเล็กโวยวายใส่ไม่ได้” วิรัลพัชรวางแผนให้เสร็จสรรพ

“ขอบคุณนะคะพี่พลอย แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แก้มอยากอยู่ต่อ ที่นี่มีนิยายให้แก้มอ่านเยอะแยะเลย ไม่เบื่อง่ายๆ หรอกค่ะ”

เธอเองก็ใจแป้วเหมือนกันเมื่อรู้ว่าทุกคนต้องกลับไปแล้ว แต่ตราบใดที่ยังหาจดหมายไม่พบ หรือยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ เธอคงไม่มีหน้ากลับไปพบนายพิทักษ์

“อยู่ได้แน่นะแก้ม” นิติธรถามย้ำ แล้วมองไปที่ตัวคฤหาสน์อย่างสุดสยอง

ถึงจะผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้ว แต่ภาพตุ๊กแกตัวโตยังคงติดตาเจ้าหล่อนราวกับเพิ่งเจอมาเมื่อสักสิบนาทีที่แล้วนี่เอง

“สบายมากค่ะ ทุกคนไม่ต้องห่วง” ปรางรัตน์ตอบรับหนักแน่น

หญิงสาวปลอบใจตัวเองว่าที่นี้ไม่ตัดขาดโลกภายนอกเสียทีเดียว โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมก็มี ถ้าทนอยู่คนเดียวไม่ไหวอยากกลับจริงๆ จะโทรเรียกเรือกลับเมื่อไรก็ได้ เลยรู้สึกเข้มแข็งขึ้น

เมื่อทุกคนเห็นว่าปรางรัตน์ยืนยันหนักแน่น ก็ไม่มีใครเซ้าซี้อีก คณะเดินทางจึงพากันทยอยขนของลงเรือ เสร็จแล้วจึงเอ่ยคำร่ำลาต่อกัน

“ดูแลตัวเองนะแก้ม อย่าหลงทิศหลงทางไปให้อาเล็กดุเอาอีกล่ะ” กัลยากรเอ่ยทิ้งท้ายก่อนที่เรือจะออก

ปรางรัตน์ยิ้มรับคำพูดของรุ่นพี่ ตอนนี้เธอจำแผนผังของคฤหาสน์แห่งนี้ได้หมดแล้ว ไม่มีทางที่จะหลงอีกแน่ ยกเว้นว่าจะเป็นความตั้งใจของเธอเอง

หญิงสาวเดินกลับขึ้นมาที่คฤหาสน์ตามลำพัง แล้วแวะพักเหนื่อยเมื่อข้ามสะพานแขวนมาแล้ว เธอปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทิ้ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเพราะรู้สึกเวียนศีรษะ ปรางรัตน์มีอาการใจสั่นเหมือนจะเป็นลม

ไม่ดีแน่ แย่แล้ว

เธอพยายามฝืนตัวเองให้มีสติ แต่ดวงตากลับมองเห็นภาพทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด พอๆ กับสติสัมปชัญญะที่กำลังเลือนรางลง

ไม่นานร่างบอบบางก็ล้มลงกับพื้นแล้วหมดสติไป ในขณะที่จิตของหญิงสาวถูกดึงเข้าสู้ความฝันประหลาด ปรางรัตน์เห็นตัวเองในชุดกระโปรงสีฟ้ายาวเลยเข่า ไว้ผมยาวเกือบถึงเอว แล้วมัดรวบเอาไว้ง่ายๆ เธอกำลังหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ เดินผ่านสะพานแขวนไป สิ่งที่ดูแปลกตาในความฝันนี้คือสะพานที่อยู่ตรงหน้าเป็นสะพานไม้ยึดด้วยเชือกดูหน้าหวาดเสียว ไม่ใช่แผ่นเหล็กให้ดูแข็งแรงมั่นคงอย่างสะพานที่เธอคุ้นตา ตัวคฤหาสน์เองก็ไม่เหมือนกับที่เธอเห็นเสียทีเดียว จุดสังเกตที่เห็นง่ายที่สุดคือตัวอาคารที่เป็นสีฟ้าอมเขียว

ตัวเธอในความฝันหยุดพักหอบหายใจอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ สักครู่หนึ่งก็มีชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมสันเดินเข้ามาหา ด้านหลังชายหนุ่มคนนี้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินตามมาด้วยท่าทางสำรวม

“เธอเป็นพยาบาลคนใหม่ที่จะมาดูแลคุณพ่อใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ” ตัวเธอในความฝันรับคำด้วยดวงตาเป็นประกาย เหมือนกับกำลังดีใจ

“ฉันจะพาเธอไปพบกับคุณพ่อ ระวังกิริยาด้วย ท่านไม่ชอบคนกระโดกกระเดก”

เธอรับคำอีกครั้ง แล้วหันไปส่งยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่ยอมยิ้มตอบ หญิงสาวจึงหน้าเจื่อนไปถนัดตา

ผู้ชายแปลกหน้าในความฝันดูเป็นคนเย็นชา แต่ก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ ปรางรัตน์เห็นเขายื่นมือมาขอกระเป๋าจากหญิงสาว ก่อนจะสั่งให้เด็กหนุ่มที่ตามมาเอาไปเก็บไว้ที่ห้องพักแขก

ปรางรัตน์เดินตามทั้งสองคนเข้าไปในตัวคฤหาสน์ แต่จะเรียกว่าเดินคงไม่ถูกนัก เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังลอยตามไปมากกว่า หญิงสาวเห็นผู้หญิงหลายคน เดินเข้าเดินออกเหมือนกับกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมอะไรสักอย่าง ทุกคนสวมเสื้อสีฟ้าอ่อนและนุ่งผ้าถุงสีเข้มเหมือนกัน เลยพอเดาได้ว่าทุกคนคงจะเป็นคนรับใช้ของที่นี่

หญิงสาวตามตัวเองไปที่ชั้นสองปีกตะวันตก เข้าไปยังห้องนอนของใครคนหนึ่ง ในห้องนี้ปิดม่านหน้าต่างเอาไว้จนแทบจะมืดสนิทเหมือนเวลากลางคืน ปรางรัตน์มองอะไรแทบไม่เห็นเลย แต่รู้ว่ามีคนป่วยอยู่บนเตียง เพราะได้ยินเสียงไอถี่ๆ ดังมาเป็นระยะ

“พยาบาลคนใหม่มาแล้วครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มที่เป็นคนนำทางเอ่ยขึ้น

หญิงสาวเพิ่งมานึกออกตอนนี้เองว่าเคยเห็นหน้าเขาจากภาพถ่าย ที่แท้เขาก็คือคือคุณพจน์ พี่ชายของนายพิทักษ์กับคุณพลช

ตัวเธอในความฝันเดินไปที่เตียง แล้วก็คุกเข่าลงกราบที่มือของชายชรา ก่อนจะแนะนำตัวเอง

“ดิฉันชื่อแก้มแก้วค่ะ จะมารับใช้คุณท่านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

“ลูกไอ้สมหมายสินะ” ชายชราเอ่ยถามด้วยเสียงแหบเครือ

“ค่ะท่าน” หญิงสาวรับคำแล้วคุกเข่าก้มหน้าอยู่ข้างเตียงอย่างสงบเสงี่ยม

มองแล้วปรางรัตน์ก็รู้สึกเหมือนกับมองคนอื่นอยู่ ทั้งๆ ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาเหมือนกับเธอทุกประการ แต่กลับสงบเสงี่ยมสำรวมเหลือเกิน เป็นเธอคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่

ปรางรัตน์นึกถึงความฝันประหลาดเมื่อตอนมาถึงคฤหาสน์หลังนี้ครั้งแรก ผู้ชายในความฝันเรียกเธอว่า ‘แก้มแก้ม’ บางทีเขาอาจจะหมายถึงเธอคนนี้ก็เป็นได้

ชายชราที่อยู่บนเตียงไอถี่ๆ จบหอบ พอกลั้นไอได้ก็โบกมือเป็นสัญญาณให้หญิงสาวกับชายหนุ่มออกไปจากห้อง สองหนุ่มสาวจึงถอยออกมาปล่อยให้ชายชราได้พักผ่อนตามลำพัง

“หน้าที่ของเธอคือดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุด งานอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้ อยู่ที่นี่มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจหรือมีปัญหาก็บอกกับแม่สร้อยได้” คุณพจน์อธิบายเสียงเรียบ

ท่าทีที่ค่อนไปทางเย็นชาทำให้ปรางรัตน์รู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาเลย เธอนึกอยากให้แก้มแก้วชักสีหน้าใส่คนท่ามาก แต่อีกฝ่ายกลับยังยิ้มได้อย่างอ่อนหวาน

คุณพลชพาแก้มแก้วไปพบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง แล้วแนะนำว่าคนคนนี้คือแม่สร้อย คนรับใช้เก่าแก่ มีหน้าที่ควบคุมดูแลที่นี่

“ฉันฝากแม่สร้อยช่วยดูแลคุณพยาบาลหน่อยนะ”

“รับรองค่ะคุณพจน์ อิฉันจะดูแลคุณพยาบาลให้อย่างดีทีเดียว” หญิงชรายิ้มกว้างแล้วหันไปทางแก้มแก้ว “อิฉันขอฝากผีฝากไข้เวลาป่วยกับคุณพยาบาลด้วยนะคะ”

“ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวรับคำด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ เรือกำลังรออยู่” คุณพลชตัดบทแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดู

“อะไรกันคะ มาเดี๋ยวเดียวก็จะกลับแล้ว น่าจะค้างอีกสักคืนนะคะ เพิ่งจะมาแท้ๆ อิฉันยังไม่ทันทำของโปรดให้รับประทานเลย”

น้ำเสียงอาวรณ์ของแม่สร้อยบ่งว่าผูกพันกับชายหนุ่มไม่น้อย ปรางรัตน์รู้สึกได้โดยไม่มีใครบอกว่าแม่สร้อยอาจจะเป็นแม่นมที่เลี้ยงดูชายหนุ่มมา

“ฉันมีงานต้องทำ ไว้โอกาสหน้าเถอะนะแม่สร้อย” พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเดินออกไป

“เดี๋ยวค่ะ! ดิฉันขอบคุณคุณพจน์มากเลยนะคะ สำหรับ…สำหรับทุกเรื่อง” แก้มแก้วพนมมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มอย่างอ่อนช้อย

สองหนุ่มสาวสบตากันอยู่อึดใจ แม้มันจะเป็นเพียงการขอบคุณธรรมดา แต่ก็เหมือนจะมีความลับซุกซ่อนอยู่ในนั้น และมีมีเพียงสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ

“ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว” ชายหนุ่มหันมาตอบ แล้วเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก

จังหวะที่ชายหนุ่มกำลังหมุนตัวไป เธอเห็นเหมือนกับว่าเขาแอบยิ้มน้อยๆ ด้วย ปรางรัตน์รู้สึกสงสัย จึงไปดูสีหน้าของชายหนุ่มให้แน่ใจ แต่กลับถูกดึงให้ลอยตามแก้มแก้วกับแม่สร้อยไป หญิงสาวพยายามตะกายอากาศแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนแรงดึงที่ฉุดตัวเธอไปด้านหลังได้ สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยตัวเองให้ลอยไปตามยถากรรม

“ห้องของคุณพยาบาลอยู่ติดกับคุณท่านนะคะ แต่ว่าตอนนี้ยังทำไม่เสร็จค่ะ อีกสักสองอาทิตย์ก็คงเรียบร้อยแล้ว คุณพยาบาลทนอุดอู้ไปก่อนนะคะ” แม่สร้อยบอกขณะที่เปิดประตูห้องให้แก้มแก้วเข้าไปดูด้านใน

ห้องพักแขกที่ว่าก็คือห้องที่ปรางรัตน์พักอยู่ตอนนี้ แต่แคบกว่ามากเพราะด้านหนึ่งเป็นผนัง ไม่ใช่ห้องนั่งเล่น

“ไม่อุดอู้หรอกค่ะ ดูน่าอยู่ดีออก”

“อยู่ได้ก็ดีไปค่ะ อิฉันก็หวั่นใจ เพราะอะไรก็ยังไม่พร้อมเลยสักอย่าง ขาดตกบกพร่องไปก็ต้องขอโทษคุณพยาบาลด้วยนะคะ"

“หนูเสียอีกค่ะที่ต้องรบกวนแม่สร้อย แม่สร้อยเรียกหนูว่าแก้มแก้วก็ได้นะคะ ไม่ต้องเติมคุณหรอกค่ะ”

ได้ฟังแม่สร้อยก็ปฏิเสธอย่างแข็งขัน ว่าคนไม่รู้หนังสืออย่างแม่สร้อย ไม่กล้าเรียกชื่อคนมีความรู้อย่างคุณพยาบาลโดดๆ หรอก

“ตอนแรกอิฉันคิดว่าคุณพยาบาลจะแก่กว่านี้เสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะยังสาวขนาดนี้ สาวๆ สวยๆ อย่างคุณ น่าจะชอบอยู่ในพระนครมากกว่านะคะ คุณท่านก็ไม่รู้คิดอย่างไร มาสร้างคฤหาสน์ใหญ่โตเอาไว้ ก็เลยต้องอพยพย้ายข้าวของกันวุ่นวาย อิฉันเตือนว่ามันกันดารห่างหมอ ท่านก็ไม่ฟัง พอมาถึงก็ป่วยเลย แทบไม่ได้ลุกเดินมาเป็นเดือนแล้วค่ะ”

แม่สร้อยพูดจ้อไม่หยุด มองแล้วก็คล้ายๆ กับป้าเลื่อมอยู่เหมือนกัน เพียงแต่รายนี้ติดจะพูดน้ำไหลไฟดับกว่ากันมาก

“คุณท่านมีพระคุณกับครอบครัวหนูค่ะ ที่หนูเรียนจบพยาบาลมาได้ก็เพราะท่านเมตตา มาช่วยดูแลแค่นี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณด้วยซ้ำค่ะ”

ปรางรัตน์ฟังการสนทนาได้ถึงตรงนี้ ตัวเธอก็ถูกดึงให้ลอยห่างออกไปจากห้อง เธอลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านหลังคา ทะลุหมู่เมฆ พอเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัยว่าจะลอยไปถึงไหนกัน หญิงสาวก็เจอกับแสงจ้าบาดตา ทำให้สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาในที่สุด

“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณ ป้าล่ะตกอกตกใจหมด” เสียงของป้าเลื่อมดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

หญิงสาวได้กลิ่นแอมโมเนียฉุนจมูก พอลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นสภาพรอบตัวเป็นภาพเบลอ ต้องปรับสายตาอยู่พักหนึ่งจึงกลับมาเป็นปกติ

ปรางรัตน์ขยับปากเตรียมจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ก็ชะงักเสียก่อนเมื่อก็เห็นว่าตรงหน้ามีศิวกรยืนกอดอกจ้องเขม็งมาทางเธอ

“เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกวิงเวียนอยู่ก็เลยเอนตัวลงนอนอีกครั้ง

“คุณเป็นลมค่ะ โชคดีที่คุณเล็กไปเจอเข้าพอดี”

หญิงสาวจึงหันเขาแล้วกล่าวคำว่าขอบคุณ แต่ชายหนุ่มกลับหมุนตัวเดินหนีไปอย่างไม่สนใจไยดี ทำเอาหมดอารมณ์สำนึกในบุญคุณไปเลย

ปรางรัตน์แอบแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังกว้างของคนไม่น่าคบ ก่อนจะพนมมือขึ้นขอบคุณป้าเลื่อมกับลุงแก่นที่ช่วยดูแลปฐมพยาบาลให้

พอมีสติหญิงสาวก็เริ่มทบทวนความฝันของตัวเอง เธอฝันเห็นแต่คนที่ตายไปแล้วทั้งนั้น ซ้ำยังเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้อีกด้วย ปรางรัตน์ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองตามประสาคนมองโลกในแง่ดี

โบราณบอกฝันเห็นคนตายจะได้ลาภ ฝันเห็นคนตายเป็นโหลแบบนี้ เธอจะต้องได้ลาภชุดใหญ่




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2555, 16:57:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2555, 16:57:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1964





<< บทที่ 4 เรื่องเล่าจากภาพเก่า   บทที่ 6 ความจริงที่น่าตกใจ >>
goldensun 27 ก.ค. 2555, 18:35:16 น.
นภัตธร กลายเป็น นิติธร 1 จุด
พลช สะกดเป็น พจน์ 2-3 จุดค่ะ
แก้มเป็นพยาบาลเหมือนเดิมเลย ชักเข้าไปรู้อดีตมากขึ้น
สงสัยจัง ทำไมพลชไม่ยอมมาเกิดใหม่
แล้วอะไรทำให้พลชเริ่มสัมผัสตัวแก้มได้ และพูดให้แก้มได้ยินได้


หนอนฮับ 27 ก.ค. 2555, 19:32:11 น.
มาแระ


ร้อยวจี 27 ก.ค. 2555, 23:51:20 น.
พรุ่งนี้อ่านต่อค่ะ


นิชาภา 28 ก.ค. 2555, 11:57:03 น.
คุณ goldensun ขอบคุณมากๆ เรื่องคำผิดค่ะ โน้มมึนได้โล่เลย ณ จุดนี้ เขียนชื่อสลับกันหน้าตาเฉย ส่วนคำถามที่ค้างคาใจ อ่านต่อไปเดี๋ยวเกตเองค่ะ หุๆๆ

คุณหนอนฮับ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

คุณร้อยวจี สวัสดีตอนใกล้เที่ยงค่ะ ลงตอนใหม่แล้วนะคะ ^O^


Zephyr 28 ก.ค. 2555, 23:57:23 น.
โอ๊ะ มีคนเช็คคำผิดให้โน้มมึนแล้ว อิอิ โน้มจังเป็นโน้มมึนชั่วคราว ฮ่าๆๆๆ แซวเล่นนะจ้ะ จุ๊บ โน้มจังน่ารักเสมอแหละถึงจะมึนก็เหอะ เพราะโน้มจังลงถี่มากช่วงนี้ ฮี่ๆๆ ดีออก จะได้อ่านทุกวันเลย แต่เฟอร์ตามอ่านไม่ทัน ฮ่าๆๆ แต่มาเมนท์ทีหลังตลอดนะ
...ทำไมตาพลชจับแก้มได้ล่ะ ไม่เห็นมีไรที่ทำให้จับได้เลยอ่า
หนูแก้มก็ยังกลัวผียังงี้ แล้วจะหวานกันได้เมื่อไร แถมนะ ตาลุงเล็ก ยังผีเข้าผีออก ได้แตะแก้มหลายรอบแล้ว พระเอก(มั้ง)เพิ่งได้สัมผัสเดียว ว้า น่าสงสารอ่า
เอ๊ะ หรือโน้มจังจะให้ตาพลชเป็นพ่อสื่อ พาแก้มมารักกับตาเล็กนะ เอ๊ะ หรือตอนจบตาเล็กหายไป แต่ตาพลชมาสิงร่างแทน เป็นร่างเดิมวิญญาณโมดิฟาย เอ๊ะ หรือ....
ไม่เดาดีกว่า รอโน้มมึนเฉลย ฮี่ๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account