ธารปรารถนา
เพราะที่ดินฮวงจุ้ยเยี่ยม (หลังติดเขา หน้ามีน้ำ) ของยายแท้ๆ ที่พาปราณมาพบกับตอง หรือจะจริงอย่างที่ยายบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นมงคล จะนำโชคลาภมาสู่เจ้าของ จึงทำให้ตองได้พบคนดีๆ อย่างปราณ

แต่ทำไมการได้พบและคบหาคนดีๆ สักคนหนึ่งจึงได้ลากพาตองลงไปในกระแสธารแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกรากของใครต่อใครอีกหลายคน เรื่องชุลมุนวุ่นวายที่ไม่เคยประสบพบเจอก็ต้องมาเกิดขึ้นกับตัว

ตกลงที่ดินของยายเป็นมงคลหรืออัปมงคลกันแน่เนี่ย

แล้วตองจะป่ายปีนขึ้นจากธารปรารถนาร้อนร้ายสายนี้ได้ไหม ต้องไปติดตามพร้อมๆ กันค่ะ
Tags: รักอารมณ์ดี

ตอน: ตอนที่ ๔

เพราะต้องการตีสนิทกับหลานสาวพวงแสดหรอกน่า ปราณจึงเต็มอกเต็มใจเดินตามแม่สาวแว่นโตผมเปียยาวเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แถมยังยึดข้าวของที่เธอขนซื้อมากมายมาถือเสียเองจนพะรุงพะรังเต็มไปหมด โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแม้แต่น้อย อีกทั้งความเบื่อหน่ายก็มิได้เฉียดกรายเข้ามาใกล้สักนิดเดียว

ตรงกันข้าม ปราณกลับรู้สึกสดชื่นเบิกบานอย่างไรบอกไม่ถูก หรือเป็นเพราะกลิ่นเปปเปอร์มินต์ที่กรุ่นจากเนื้อตัวบอบบางที่เขาเผลอขยับเข้ามายืนใกล้กระมัง...ที่เคยรู้มาว่ากลิ่นเปปเปอร์มินต์จะช่วยกระตุ้นการผลิตอะดรีนาดริน ทำให้มีพลังงานมากขึ้น จิตใจเบิกบาน ลดความเหนื่อยล้า...สงสัยจะจริง

เมื่อวานกลิ่นส้ม วันนี้กลินเปปเปอร์มินต์ ผู้หญิงอะไร กลิ่นหอมไม่ซ้ำกันสักวัน พรุ่งนี้จะเป็นกลิ่นอะไรหนอ

ปราณคิดขณะมองริมฝีปากจิ้มลิ้มเหมือนริมฝีปากตุ๊กตาบลายด์นั่นอย่างเพลิดเพลิน ขณะเจ้าตัวเจรจาต่อรองราคาอย่างตรงไปตรงมา ไร้เล่ห์เหลี่ยม ไม่ได้แฝงเขี้ยวเล็บเหมือนลูกค้าที่ปราณเคยพบเจอมาเลย คงเป็นเพราะรอยยิ้มเปิดเผย และแววตาสดใสจริงใจของเธอด้วยนั่นละที่ทำให้แม่ค้าหลายคนใจอ่อนยอมลดราคาให้

เดินซื้อของด้วยกันมาเป็นชั่วโมงๆ เห็นความประเปรียวคล่องตัวของเธอแล้ว ปราณถึงกับลืมเรื่องที่เขาเคยสงสัยว่าเธอตั้งครรภ์ไปเสียสนิทใจ

“โอเค ครบแล้ว” ตองขีดฆ่ารายการของที่ต้องซื้อรายการสุดท้ายออก หลังจากจ่ายเงินค่าไหมปักหลากสีที่เธอเพียรเลือกอยู่นาน

“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า ผมหิวแล้วละ” ปราณชวนราวกับตัวเองเป็นเจ้าถิ่นเสียเอง

“ได้เลย เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง...ห้ามปฏิเสธค่ะ” ตองปรามตั้งแต่ปราณขยับจะอ้าปาก นี่เธอมองหน้ารู้ใจเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน “มีก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยอยู่เจ้าหนึ่ง ใครมาที่นี่แล้วไม่ได้กินเหมือนมาไม่ถึง”

“เอาของไปเก็บที่รถก่อนดีไหม มันรุงรังไปหมด” ปราณก้มมองถุงกระดาษใบใหญ่หลายใบที่ตนหิ้วไว้เต็มสองมือ แต่ละถุงหนักไม่ใช่น้อย...นอกจากมารดาแล้ว เขาไม่เคยเดินหิ้วของให้ผู้หญิงคนไหนแบบนี้เลยนะ

“เอาของไปเก็บที่รถ” ตองทวนคำ “อย่าบอกนะว่ารถคุณ”

“ถ้าไม่ใช่รถผมแล้วจะเป็นรถใครล่ะ” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย แล้วเดินนำลิ่วด้วยความเร็วที่คิดว่าอีกฝ่ายคงจ้ำตามไม่ทันไปยังรถที่จอดไว้หน้าร้านอภิสราเภสัชซึ่งยังคงปิดเงียบเพราะเจ้าของร้านยังง่วนอยู่กับงานประจำที่โรงพยาบาล เมื่อเขาเก็บของทั้งหมดใส่รถและกดรีโมทล็อกเรียบร้อย คนตัวเล็กหางเปียยาวก็เดินตามมาทัน หยาดเหงื่อผุดพราวบนปลายจมูกแหลมเล็ก

“นี่คุณอย่าบอกนะว่าจะขับรถกลับไปส่งฉันที่บ้านอีก”

เขาไม่ต้องบอกอะไรเลย เพราะดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวตรงนั้นได้ให้คำตอบกับตองแล้ว

“คุณจะพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยไม่ใช่หรือ อยู่ไหนล่ะ นำไปเลย ผมหิวจนตาลายจวนเป็นลมแล้วนะ”

“แต่...” ตองชี้ไปที่รถ

“ผมหิว” เขาย้ำ หน้าสลดนัยน์ตาปรอย...ตองเห็นแล้วจะทำอย่างไรได้ นอกจากพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วออกเดินนำ...เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นผู้ชายเจ้ามารยาวันนี้เอง



แม้จะเลยเวลาพักกลางวันของข้าราชการและพนักงานออฟฟิศไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเลื่องชื่อที่ตองเดินนำปราณเข้าไปนั้นยังมีลูกค้าหนาตา เสียงพนักงานตะโกนบอกเมนูที่ลูกค้าสั่งกับเถ้าแก่เจ้าของร้านซึ่งยืนลวกก๋วยเตี๋ยวมือเป็นระวิงดังอยู่ไม่ขาด ตองเลือกนั่งโต๊ะขนาดสองที่นั่งชิดผนังซึ่งพนักงานเพิ่งเช็ดทำความสะอาดเสร็จ

“กินอะไรสั่งเลย ไม่ต้องเกรงใจฉันนะ ที่นี่อร่อยทุกอย่าง”

ตองบอกแล้วสั่งเครื่องดื่มและก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง ปราณรู้ตัวว่าเป็นคนกินจุและชอบกินต่อเนื่องแบบไม่ขาดตอน เขาจึงสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กรวดเดียวสอง แห้งชาม น้ำชาม

ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ตองดูดน้ำอัดลมที่ปราณเป็นคนรินใส่แก้วให้ไปพลางๆ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนไล่มองกรอบรูปบนผนังที่เรียงอยู่เป็นตับ ถึงจะเข้ามานั่งที่ร้านนี้จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกกระมังที่ตองสนใจกรอบรูปที่ติดไว้เพื่อโฆษณาเหล่านี้อย่างจริงจัง

กรอบแรกดูเก่ามาก เป็นข้อความการันตีความอร่อยที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเมื่อสิบห้าปีก่อน ถัดไปเป็นใบรับรองความอร่อยจากรายการชวนชิมอาหารอีกสองสามรายการ ส่วนที่เหลือเป็นรูปเถ้าแก่เจ้าของร้านยืนลวกก๋วยเตี๋ยวโดยมีคนดังในวงการต่างๆ ยืนอยู่เคียงข้าง มีทั้งดารา นักร้อง ตลก นักกีฬา ดูจากรูปร่างหน้าตาเถ้าแก่ในรูปแล้วก็พอจะเดาได้ว่ารูปที่แขวนอยู่นั้น ไล่เรียงตามวันเวลาที่ผันผ่านไป จากอดีตมาถึงปัจจุบัน ในรูปกรอบสุดท้าย เถ้าแก่จึงหน้าตาเหมือนคนที่ยืนลวกเส้นอยู่ในร้านตอนนี้มากที่สุด

ตองหยุดมองภาพสุดท้ายนิ่งนาน รอยยิ้มชื่นชมจุดขึ้นบนริมฝีปากที่ปราณเคยมองจนเพลินมาแล้ว...รอยยิ้มของเธอทำให้ปราณต้องมองตามสายตาหลังแว่นกรอบโต

ปราณเชื่อว่าสิ่งที่ตรึงสายตาตองไว้คงไม่ใช่เถ้าแก่เจ้าของร้าน แต่คงเป็นบุรุษร่างใหญ่หลังไหล่ยังผึ่งผายแม้วัยจะใกล้เกษียณเต็มที เขาในเสื้อยืดคอกลมสีขาวสอดชายไว้ในกางเกงผ้าสีกากี...ปราณมองแล้วยังอมยิ้มกับภาพนั้น

“เพิ่งรู้ว่าพลตำรวจตรีประวิทย์ เลิศเรืองวิทย์ก็เคยมากินที่ร้านนี้เหมือนกัน...ร้านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”

คนที่ปราณเอ่ยถึง...ซึ่งก็คือคนในรูปนั่น เป็นนายตำรวจซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการปราบปรามยาเสพติดแบบเอาจริงเอาจัง จับเป็น จับตายมามากมายหลายคดีตั้งแต่หนุ่มจนแก่

“ฉันชอบเขามากเลยละ” หญิงสาวเผยความในใจ สายตายังไม่ละจากภาพนั้น

“เฮ้ย...ท่านมีลูกมีเมียแล้วนะคุณ” ชายหนุ่มโวยทั้งที่รอยยิ้มเขากว้างขึ้น

“เออ...ฉันรู้น่า” เธอตวัดสายตาค้อนเขาโดยที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว แต่คนที่มองเห็นเต็มตาอย่างปราณกลับหัวเราะชอบใจ

“ฉันชอบผลงานของเขาต่างหากล่ะ คุณรู้ไหม เขาเคยดวลปืนกับนักค้ายาเสพติดมาแล้วไม่รู้กี่คน”

“รู้สิ แล้วก็รู้ด้วยว่าที่ท่านต้องเดินขากะเผลกทุกวันนี้ก็เพราะถูกกระสุนจากปืนของคนร้ายที่ยิงสวนกลับมา”

ตองยิ้มถูกใจเมื่อเจอคนที่คุยกันรู้เรื่อง การสนทนาเริ่มออกรส

“ได้ข่าวว่าภรรยาเขาก็ทำงานเพื่อสังคม ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทำทารุณอะไรแบบนั้น” ตองพูดตามที่เคยเห็นในข่าว แต่ไม่ได้สนใจติดตามเท่าไรนัก

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าลูกชายท่านหล่อมาก” ปราณยื่นหน้าเข้ามานิดหนึ่งตอนถาม

“ไม่รู้หรอก เพราะฉันไม่เคยเห็นลูกชายเขานี่”

“ผมว่าถ้าคุณเจอคุณก็คงไม่รู้จักหรอก...ถ้าไม่มีใครบอกคุณน่ะนะ” คนพูดหัวเราะในลำคอ

“นั่นสิ แต่ลูกชายเขาจะหล่อหรือเปล่าก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่นา...ถึงฉันจะบ้าคนหล่อ แต่ฉันปลื้มคนดี” ตองยักไหล่ เธอเป็นประเภทชอบคนที่ผลงานไม่ใช่หน้าตา แล้วก็ไม่คิดจะไปค้นดูหรอกว่าลูกชายของพลตำรวจตรีประวิทย์หล่อจริงอย่างที่ปราณอวดอ้างหรือเปล่า เพราะเส้นทางชีวิตของเธอคงไม่มีทางไปบรรจบพบเจอกับคนระดับนั้นได้

ทว่าบางครั้ง...อะไรที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง



เพราะขนซื้อของมามากมายจนกระเป๋าแฟบ ระหว่างเดินกลับไปที่รถตองจึงขอแวะกดเอทีเอ็มที่หน้าธนาคารก่อน โดยมีปราณยืนรอในระยะปลอดภัย เมื่อได้เงินตามจำนวนที่ต้องการ เธอก็รับบัตรและเดินออกจากหน้าตู้เอทีเอ็มทั้งที่ยังก้มหน้าเก็บบัตรลงในกระเป๋าสตางค์ ครั้นเก็บเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นมาก็พบป้าอ๋อยแม่ค้าขายส้มตำที่โรงพยาบาลเดินเร็วๆ มาแต่ไกล

“ป้าอ๋อย มาทำอะไรที่นี่ ไม่ขายของหรือจ้ะ”

ตองถาม ป้าอ๋อยส่งรอยยิ้มมาก่อนคำตอบ และเมื่อแลเลยมาพบชายหนุ่มที่นั่งกินข้าวกับอภิสราเมื่อเที่ยงวานมาเดินกับตองในบ่ายนี้ นางก็กักเก็บความประหลาดใจไว้ไม่อยู่ มันหลากล้นออกมาทางแววตาจนตองดูรู้

“ขายสิ แต่ป้าแว้บออกมา จะโอนเงินให้เอิร์ธหน่อย ยิ่งใกล้จบยิ่งใช้เงินเยอะ ทำรายงานทำโปรเจ็กต์อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด” ป้าอ๋อยบ่นเสียงเหนื่อย ตองพนักหน้าเข้าใจ

ตองเห็นเอิร์ธมานาน เรียกได้ว่าเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอด เขาเป็นรุ่นน้องเธอสามปี ตอนนี้เขาเรียนอยู่เชียงใหม่แต่ก็ยังคงกลับมาหาป้าอ๋อยสม่ำเสมอ เพิ่งมีระยะเดือนสองเดือนหลังนี่แหละที่เงียบหายไป

“ใกล้จบก็เรียนหนักยังงี้แหละป้า การศึกษามันก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เดี๋ยวเรียนจบทำงานได้ก็สบายแล้ว” ตองให้กำลังใจ

“ก็หวังอย่างนั้นแหละ กลัวแต่ว่าจะหลอกให้แม่ทำงานงกๆ ส่งเงินไปให้ แล้วเอาไปเลี้ยงสาวหมดนะสิ”

“ถ้ากลัวอย่างนั้นก็ให้เอิร์ธทำบัญชีรายจ่ายมาให้ดูสิจ๊ะป้า จะได้รู้ว่าใช้อะไรไปเท่าไหร่”

“โอ้ย ไม่ต้องหรอก ป้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เอิร์ธคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก มีอะไรเขาก็เล่าให้ป้าฟังตลอด”

ตองยิ้ม ไม่ออกความเห็นอะไรอีก เพราะรู้ว่าป้าอ๋อยห่วงเอิร์ธลูกชายคนเดียวของนางราวกับจงอางหวงไข่ ใครแตะต้องไม่ได้ นางตามอกตามใจราวกับลูกชายเป็นราชา ไม่มีอะไรที่เอิร์ธอยากได้แล้วป้าอ๋อยไม่เสาะแสวงหามาให้ ความสุขของเอิร์ธก็คือความสุขของนาง...หากตองหวั่นใจว่าความรักแบบนี้จะเข้าตำราพ่อแม่รังแกฉันไป

“ว่าแต่ตองมากับใครน่ะ” เสียงกระซิบถามของป้าอ๋อยมาพร้อมแววตาอยากรู้อยากเห็นช่วยดึงตองออกมาจากห้วงคำนึง

ตองหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ นั่นสิ...เขาเป็นใคร

“คุณปราณค่ะป้า เป็นคนที่พาตองกับยายไปโรงพยาบาลเมื่อวานนี้จ้ะ” ตองตอบเท่าที่ตัวเองรู้...เธอรู้จักเขาเท่านี้จริงๆ แต่ทำไมคุ้นเคยกันรวดเร็วเหลือเกิน

“ป้าขอถามตรงๆ นะคะ จะหาว่าป้าเสียมารยาทก็ได้ คุณกับหมอพรีมเป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ” ป้าอ๋อยถามอย่างกล้าหาญ และตองก็ดันเงี่ยหูรอฟังคำตอบไปพร้อมกับป้าอ๋อยเสียด้วยสิ

“ไม่ใช่แฟนครับ แค่เพื่อน” ปราณตอบพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ แอบเหลือบตามองคนตัวเล็กไปโดยไม่รู้ตัว คิ้วเรียวสวย นั่นขมวดเข้าหากันอีกแล้ว แถมตากลมโตยังมองตอบเขา...ถ้าปราณไม่ตาฝาดไปเองละก็...เขาคิดว่าเขาเห็นความหวังบางอย่างเฉิดฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น...อยากรู้จริงว่าเธอคิดอะไรกับเขาอยู่

เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ป้าอ๋อยก็ยิ้มให้ตองและไม่เซ้าซี้อะไรอีก นางรีบขอตัวไปโอนเงินให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เมื่ออยู่กันสองคนตองจึงตัดสินใจถามออกไปว่า

“เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณเป็นเพื่อนกับคุณพรีม”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ

“ถ้างั้น...คุณช่วยพูดกับคุณพรีมให้ฉันหน่อยสิ”

“เรื่อง...” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

“ฉันอยากขอเช่าพื้นที่หน้าร้านคุณพรีมขายของ”

อ้อ...เรื่องนี้เองกระมังที่ทำให้เธอมองเขาอย่างมีความหวัง...เขาเกือบเผลอคิดไปไกลซะแล้วสิ

ปราณนิ่งคิดนิดหนึ่ง และตอบไปว่า

“ได้สิ เดี๋ยวเย็นนี้จะลองถามให้...แต่ยังไงคุณลองเข้าไปคุยกับพรีมด้วยตัวเองอีกที ถ้าพรีมลังเล ผมจะช่วยเชียร์ให้เขาใจอ่อนยอมให้คุณเช่า”

“มีกองหลังอย่างคุณ ฉันค่อยมั่นใจหน่อย” คนตัวเล็กยิ้มนัยน์ตาระยับ



ปกติตองเป็นคนไม่ชอบให้ใครมา ‘ทำตัวติด’ กับเธอเท่าไรนัก เพราะเป็นการบั่นทอนอิสรภาพในการคิดการตัดสินใจ ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนเวลาฉายเดี่ยว

ทว่าวันนี้...ผู้ชายตัวโตแบบปราณกลับไม่ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น มิหนำซ้ำเขายังช่วยเหลือผ่อนแรงเธอได้มาก ถ้าไม่มีเขา เธอคงต้องหอบหิ้วข้าวของจนนิ้วล็อกเป็นแน่

ที่จริงการมีเขาอยู่ใกล้ๆ ก็อำนวยความสะดวกเธอได้มาก แต่กระนั้น เมื่อเขาอาสามาส่งที่บ้าน ตองก็ยังยืนกรานปฏิเสธ

“ฉันกลับเองได้ แค่นี้ฉันก็เกรงใจคุณจะแย่แล้ว เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ฉันก็มีเรื่องรบกวนคุณอยู่เรื่อย แล้วอย่างนี้คุณจะมีเวลาไปเที่ยวได้ยังไงกัน”

“ได้มากับคุณก็สนุกแล้ว นี่ถ้าไม่มีคุณผมจะมีโอกาสได้มาตะลอนทัวร์ทั่วตลาดแบบนี้เหรอ ผมต่างหากที่มารบกวนเวลาของคุณ เพราะฉะนั้น ผมต้องไปส่งคุณเป็นการตอบแทน ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจแน่ๆ”

นอกจากเจ้ามารยาแล้วยังเจ้าคารมอีกหรือเนี่ย...ตองกลอกตามองท้องฟ้าใสกระจ่าง ก่อนพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ตกลงนี่เธอต้องเปิดโอกาสให้เขาตอบแทนน้ำใจโดยการนั่งรถกลับไปกับเขาใช่ไหมเนี่ย...ไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธ ชายหนุ่มก็เปิดประตูรถให้แล้วยืนยิ้มรอ...ทำไงได้ล่ะ เขายิ้มสวยจนปฏิเสธไม่ลง

ปราณขับเคลื่อนรถออกจากที่จอดด้วยความครึ้มใจ โดยไม่รู้เลยว่าภายในรถยนต์ที่ติดฟิล์มมืดซึ่งจอดต่อท้ายรถเขานั้นมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ และสายตาขุ่นเคืองภายใต้แว่นกันแดดของใครคนนั้นก็มองตามท้ายรถเขาไปจนลับสายตา



เป็นเวลาบ่ายแก่ใกล้เย็นแล้ว ตอนที่ปราณจอดรถลงตรงหน้ารั้วซึ่งมีเถาพวงแสดปกคลุมอวดดอกสีส้มจัดจ้าระย้าระย้อย ตองลงไปเปิดประตูรั้ว แล้วก็ต้องตกใจร้องเสียงดัง

“ยาย ยายเล่นอะไรน่ะ”

หญิงชราที่แขนข้างหนึ่งยังสอดอยู่ในตาข่ายคล้องคอกำลังง่วนอยู่ตรงข้างรั้วด้านในนั่นเอง ตรงหน้านางมีน้ำพุ่งเป็นสายราวกับน้ำพุจนเนื้อตัวหญิงชราเปียกปอนไปหมด

“ท่อน้ำมันแตก ยายกำลังจะปิดวาวล์” พูดจบน้ำที่พุ่งสูงก็ค่อยลดลงจนหยุดสนิท พวงแสดยืดกายขึ้นตรงแล้วบอกหลานสาวว่า

“ไม่รู้แตกได้ยังไงสิ สงสัยมันจะตากแดดตากลมมานานหลายปี หมดอายุการใช้งานแล้วมั้ง”

ตองมองท่อพลาสติกที่ฟ้าซีด มันคงเสื่อมสภาพอย่างที่ยายว่าจริงๆ

“เดี๋ยวตองไปดูในห้องเก็บของก่อนว่าท่อที่เคยซื้อมาเปลี่ยนตรงหลังบ้านยังเหลืออยู่ไหม จะได้เอามาซ่อมให้เสร็จๆ ไป ไม่งั้นถ้าน้ำที่ปั๊มไว้หมดแท้งค์ก่อน เราสองคนจะลำบาก” ตองมองเห็นหนทางแก้ปัญหา เธอรับหน้าที่เป็นนายช่างประจำบ้านมาตั้งแต่อายุสิบสี่ จะเปลี่ยนหลอดไฟ เปลี่ยนก๊อกน้ำ หรือซ่อมท่อที่แตกรั่วภายในบ้าน ตองล้วนทำมาหมดแล้ว...อยู่กันแต่ผู้หญิงก็ต้องทำทุกอย่างเองให้ได้แบบนี้แหละ นี่ถ้าสูบส้วมเองได้อีกอย่างเธอก็คงไม่ต้องเรียกรถเทศบาลมาจัดการ

“ให้ผมช่วยดีกว่า”

ถ้าปราณไม่พูดขึ้นพร้อมกับก้าวเข้ามานั่งยองๆ บนส้นเท้า สำรวจรอยแตกรั่ว ตองคงลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน

“อ้าว คุณนั่นเอง”

พวงแสดจำเขาได้แม่นยำตั้งแต่นาทีแรกที่เห็น ปราณลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ทำความเคารพ พวงแสดรับไหว้ด้วยมือข้างเดียวที่ยังดีอยู่

“ไปยังไงมายังไงกันนี่ ถึงมาด้วยกันได้”

“เมื่อเช้าไอ้แก่มันเกเรกลางทางน่ะยาย พอดีตองพบคุณปราณเข้าเลยอาศัยติดรถไปตลาดด้วย” ตองเล่าสั้นๆ

“แล้วตองซื้อของมาเยอะ ผมเลยอาสามาส่ง” ปราณขยายความต่อ

“เราบังเอิญเจอกันสองวันติดเลยสินะ มาในช่วงเวลาที่คับขันพอดิบพอดีเสียด้วย ไม่ธรรมดานะเนี่ย” แววเฉลียวฉลาดในดวงตาของหญิงสูงวัยทำให้ปราณยิ้มกว้าง...รอยยิ้มมักผูกมิตรได้เสมอ เขาเชื่อเช่นนั้น

“ครับ” ปราณตอบสั้น ระมัดระวัง

“ยายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ตองจัดการได้ มายืนตากลมหนาวทั้งตัวเปียกๆ แบบนี้ เดี๋ยวเป็นหวัดไปจะยิ่งแย่”

พวงแสดพยักหน้าและเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่รีรอ นางต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะมือใช้การได้เพียงข้างเดียว เมื่อออกมาอีกครั้งก็พบว่าท่อน้ำที่ชำรุดได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว หนุ่มสาวกำลังช่วยกันลำเลียงข้าวของที่ซื้อมาลงจากรถเข้ามาไว้ในบ้าน

“นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนสิ ตองไม่หาน้ำหาท่ามาให้คุณ...” พวงแสดชวนแล้วหันไปบอกตองที่เพิ่งวางข้าวของไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น เธอผลุบหายออกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณ...อะไรนะ ปราณใช่ไหม” หญิงชราเอ่ยถามเมื่อร่างสูงหย่อนกายลงนั่งบนโซฟา

“ครับ ปราณ เลิศเรืองวิทย์” ปราณตอบฉะฉาน รอยยิ้มจริงใจของเขาส่งมาถึงตองที่เข้ามาอีกครั้งพร้อมน้ำผลไม้แก้วโตและน้ำเย็นอีกหนึ่งแก้ว

“เลิศเรืองวิทย์” ตองพึมพำ รู้สึกได้ว่าหัวคิวของตนถูกกดเข้าหากันอีกแล้ว พร้อมกับคำพูดที่คุยกับเขาในร้านก๋วยเตี๋ยววิ่งปราดเข้ามาในหัว

‘แล้วรู้หรือเปล่าว่าลูกชายท่านหล่อมาก’
‘ไม่รู้หรอก เพราะฉันไม่เคยเห็นลูกชายเขานี่’
‘ผมว่าถ้าคุณเจอคุณก็คงไม่รู้จักหรอก...ถ้าไม่มีใครบอกคุณน่ะนะ’
‘นั่นสิ แต่ลูกชายเขาจะหล่อหรือเปล่าก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่นา...’

ตอนนี้ตองเห็นเค้าลางว่าจะเกี่ยวเสียแล้วสิ

“เป็นอะไรกับพลตำรวจตรีประวิทย์ เลิศเรืองวิทย์ล่ะ” พวงแสดถามราวกับเข้ามานั่งอยู่ในใจตอง ทว่าน้ำเสียงนางเรียบเรื่อยไร้วี่แววประหลาดใจ

“ท่านเป็นคุณพ่อผมเองครับ” เสียงคนตอบเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ถึงจะพอเดาได้ตั้งแต่ได้ยินนามสกุล แต่ตองก็ยังห้ามความประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี สงสัยมันจะฉายชัดออกมาทางดวงตากระมัง เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ตองมองสบอยู่ขณะนี้จึงทำท่าเหมือนอยากหัวเราะ...ตองรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” พวงแสดพยักหน้าช้าๆ “ตองน่ะชื่นชมท่านมาก พ่อตองเขาก็เป็นตำรวจเหมือนกัน แต่ถูกคนร้ายยิงตายไปตั้งแต่ตองยังตัวกะเปี๊ยก” ท้ายประโยคหญิงชราเหลือบมองหลานสาวด้วยแววตาเอ็นดูระคนสงสาร เมื่อเห็นว่าดวงตาที่วาววับอยู่เมื่อครู่หม่นแสงลง นางจึงเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนี่ขึ้นมาเที่ยวหรือว่ามาทำงานล่ะ”

“ขึ้นมาเที่ยวครับ พอดีมีเพื่อนอยู่ที่นี่”

“วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อนะ ตอบแทนที่คุณอุตส่าห์ลำบากพายายไปหาหมอเมื่อวานนี้ แถมวันนี้ก็ยังพาตองไปซื้อของที่ตลาดตั้งครึ่งค่อนวัน แล้วยังกลับมาช่วยซ่อมท่อน้ำให้อีก”

ปราณรู้ว่าการกินอาหารเย็นด้วยกันมื้อนี้คงไม่ได้แค่เพื่อ ‘ตอบแทน’ น้ำใจของเขาหรอก สายตาเฉียบคมของพวงแสดยามมองเขา คล้ายมองเห็นหนังสือที่ยังอ่านไม่จะแจ้ง

“ยาย ยายชวนแขกกินข้าวไม่ปรึกษาแม่ครัวเลย กับข้าวฝีมือตองโลกนี้จะมีใครกินลงนอกจากยาย” ตองโวยลั่นลืมเรื่องมารยาทไปชั่วขณะ

“ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายครับ แต่วันนี้ผมมีธุระจริงๆ ผมรับปากตองไว้ว่าจะไปพูดกับเพื่อนเรื่องเช่าหน้าร้าน” ประโยคหลังเขาหันไปเอ่ยกับพวงแสด

“เช่าหน้าร้านอะไรกันหรือ” หญิงชรามองหน้าหนุ่มสาวสลับไปมา

เมื่อเห็นว่าปราณสามารถเอื้อประโยชน์ให้เธอได้ ตองก็สามารถมองข้ามความฉุนโกรธที่เขาบังอาจมาขบขันท่าทีของเธอเมื่อครู่ได้เช่นกัน

“ก็ธุรกิจขนาดเล็กของตองไงยาย เพื่อนคุณปราณเขาเป็นเภสัชกรเปิดร้านขายยาอยู่ที่หน้าตลาด หน้าร้านเขาทำเลดีนะยาย น่าขายของ ตองอยากเช่า เลยให้คุณปราณเขาช่วยเป็นเถ้าแก่ทาบทามสู่ขอให้”

“ทาบทามสู่ขอน่ะได้ แต่สินสอดเท่าไหร่เรียกกันเอาเองนะ” ปราณรับมุก

“แหม ฟังเด็กพวกนี้คุยกันแล้วคนแก่เวียนหัว” พวงแสดเปรยยิ้มๆ แล้วบอกกับชายหนุ่มว่า “ถ้าวันนี้ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เราคงมีโอกาสได้พบกันอีกแน่นอน...ใช่ไหม”

“ถ้าที่นี่ยังยินดีต้อนรับครับ”

พวงแสดแค่ยิ้มบางๆ กับคำตอบสุภาพนั้น แต่ตองสวนกลับทันทีว่า

“ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอค่ะ” เธอเว้นไปนิด ก่อนจะปล่อยคำพูดที่ทำให้ปราณรู้สึกเย็นหลังวาบๆ

“ตราบเท่าที่คุณยังทำตัวน่าต้อนรับ”



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2555, 20:11:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2555, 20:11:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1456





<< ตอนที่ ๓   ตอนที่ ๕ >>
ภาวิน 14 ส.ค. 2555, 20:21:26 น.
สวัสดีค่ะ ตอนนี้เรื่องหนักๆ เหนื่อยๆ ที่เข้ามาสุมรุมในช่วงก่อนหน้านี้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ชีวิตเข้าสู่โหมดปกติ แต่เรี่ยวแรงพลังที่สูญเสียไปยังไม่ค่อยคืนกลับมาเท่าไร อยากได้ไลค์เป็นอาหารเสริม (ประสานมือบนอก อ้อนวอน ทำตาปริบๆ)
ถ้าชอบกดไลค์ ถ้าใช่กดเลย

ตอบคอมเม้นท์กันดีกว่า

คุณ Barby พระเอกไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ อ้างไปอย่างนั้นเอง

คุณอสิตา ก่อนคนเราจะปล่อยวางได้ คงต้องยึดไว้จนเมื่อยก่อนนั่นแหละค่ะ อิฉันอ่อนล้า ขอตอบเท่านี้ก่อนน้า ดูไม่สมน้ำสมเนื้อกับคำคอมเม้นท์ยาวเหยียดในตอนที่แล้วเลยเนอะ ^_^

คุณ Sweetbutter เห็นภาพทุ่งดอกบัวตองหรือยังคะ อากู๋เก็บภาพสวยๆ ไว้เพียบแปล้เลยค่ะ



Sweetbutter 14 ส.ค. 2555, 21:51:28 น.
อากู๋ช่วยได้ทุกอย่าง


ปาป้า 15 ส.ค. 2555, 13:30:35 น.
เฮ้อ จบอีกแระ สนุกอะ จัดมาด่วน ๆ ตอน 5


Barby 15 ส.ค. 2555, 13:32:12 น.
เอ แล้วพระเอกทำตัวน่าต้อนรับหรือป่าวน๊า


อสิตา 16 ส.ค. 2555, 11:50:49 น.
หึหึ ยายมาคุจัดเลยประโยคสุดท้าย เหมือนเป็นเจ้าของคฤหาสน์ผีสิง
ตาเอิร์ธนี่...(แอบจิ้นไปไกล ไปทำอะไรไว้น้า)


nunoi 20 ส.ค. 2555, 15:37:30 น.
เอาหล่ะซิ หนูตองพูดเกริ่นไว้แล้วนะ คุณปราณ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account